หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ยาปฏิชีวนะลับ

โดยคุณ : I see u เมื่อวันที่ : 05/08/2013 15:38:42

ในเมื่อชาติมหาอำนาจก็ค้นคว้าวิจัยอาวุธชีวะภาพกันอยู่แล้ว ในอีกด้านเพื่อปกป้องทหารและประชาชนในสงครามอาวุธชีวะภาพจึงต้องเตรียมการจัดหายาปฏิชีวนะลับขึ้นโดยยานี้ไม่เป็นที่เปิดเผยแก่คนทั่วไป ตัวยาอาจเป็นทั้งฉีด กิน ทาและวัคซีนสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา จุลินทรีย์ได้อาจมีหลายตัวยาใช้กับเชื้อแต่อันโดยเฉพาะ ผลิตตัวยาแล้วนำไปเก็บไว้ในที่ลับๆ เพื่อนำไปใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ

 

เพื่อนๆว่ายาปฏิชีวนะลับจะมีจริงแบบที่ผมคิดหรือไม่ ผมว่าไทยก็ควรจะทำยาปฏิชีวนะลับนะครับเพื่อความมั่นคง






ความคิดเห็นที่ 1


ในฐานะที่ผมเรียนสายสุขภาพนะ โดยทั่วไป เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา แต่ละชนิดจะจำเพาะต่อยาปฏิชีวนะที่แตกต่างกัน เนื่องจากเชื้อแต่ละชนิด ก็มีกลไกที่ทำให้เกิดโรคที่แตกต่างกัน เอาในส่วนของแบคทีเรียละกันนะครับ อาจมีบ้างที่แบคทีเรียหลายชนิดตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะชนิดเดียวกัน เพราะมีโครงสร้างของเซลล์ที่คล้ายกันเช่น แบคทีเรียแกรมบวก แกรมลบ แต่ ยาปฏิชีวนะวิเศษ ที่รักษาได้ทั้งโรคจากแบคทีเรีย รา ไวรัสนี่ ยังไม่เคยได้ยินนะครับ มันอาจจะมีก็ได้ แต่ กลไกการก่อให้เกิดโรคของเชื้อทั้งสามชนิดเนี่ย มันแตกต่างกันมาก

โดยคุณ tawporn เมื่อวันที่ 02/08/2013 17:26:41


ความคิดเห็นที่ 2


ตอบคุณtawporn นะครับผมก็บอกว่ายาหลายตัวนะครับ

ดูบรรทัดที่3 "ได้อาจมีหลายตัวยาใช้กับเชื้อแต่อันโดยเฉพาะ"

ก็บอกแล้วว่ามีหลายตัวยา เอาเป็นว่าคำว่า"อัน"เปลี่ยนเป็นชนิดอาจะดูทำให้ประโยคดูดีกว่าเดิม

แต่ผมว่าความหมายก็ถูกต้องแล้วนิครับ

 

เพิ่มเติมส่วนใหญ่เขาคิดค้นไวรัสแล้วก็คิดค้นวัคซีนป้องกันให้กับเชื้อโรคตัวนั้นๆด้วย

แต่ก็เป็นการยากเหมือนกันที่จะทำยาหรือวัคซีนมาป้องกันโรคของฝ่ายศัตรูเพราะไม่รู้ว่าเชื้อนั้นจะเป็นเช่นไร

ออกอาการอย่างไร แต่ถ้าเป็นยาปฏิชีวนะทำเพื่อไว้ก็พอทำได้นะ ดีกว่าไม่หาทางแก้ไขไว้ล่วงหน้าเลย

โดยคุณ I see u เมื่อวันที่ 02/08/2013 19:45:27


ความคิดเห็นที่ 3


อาวุธชีวภาพไม่ใช่อาวุธใหม่ มีการใช้อาวุธชนิดนี้มาเป็นเวลานานในประวัติศาสตร์ โดยเรียบเรียงได้ดังนี้

 

600 ปีก่อนคริสต์ศักราชชาวอาซีเรียน (Assyrians) ได้วางยาศัตรูในน้ำดื่มด้วยสาร rye ergot, และมีการใช้สมุนไพรพิษในการปิดล้อมที่กิซา (Krissa) คศ 1346 มีการระบาดของกาฬโรคในกองทัพของพวกตาต้า (Tartar) ในการสู้รบที่คัฟฟา (Kaffa) ปัจจุบันคือ เมืองฟิโอโดเซีย (Feodosia) ในไครเมีย (Crimea) การระบาดของกาฬโรคทำให้ต้องทิ้งเมืองและหนีไปยังประเทศในแถบยุโรปทางเรือ นี่เป็นสาเหตุอันหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นการนำกาฬโรคไปสู่ยุโรปและทำให้เกิดการระบาดครั้งยิ่งใหญ่และมีคนตายมากที่สุดในยุโรป (Black Death)

 

คศ 1710กองทัพรัสเซียได้ใช้อาวุธเชื้อโรคชนิดเดียวกันในการสู้รบกับประเทศสวีเดนคริสต์ศตวรรษที่ 15 ฝรั่งเศสได้ใช้อาวุธเชือ้กาฬโรคในการสู้รบกับชาวพื้นเมืองอเมริกาใต้คศ 1754 -1767 อังกฤษได้ใช้อาวุธเชื้อกาฬโรคในสงครามที่ทำระหว่างฝรั่งเศสกับ ชาวพื้นเมืองอินเดียน (French and Indian War) และได้ใช้กับชาวอเมริกันในการสู้รบเพื่ออิสรภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1เยอรมันได้เผยแพร่เชื้อฝีหนอง (Glanders) ในม้าและวัวของกองทัพสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะมีการส่งสัตว์เหล่านั้นไปสงครามในยุโรปคศ 1937ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มโครงการทดลองอาวุธชีวภาพในมนุษย์ที่ หน่วยปฏิบัติการ 731 (Unit 731) ตั้งอยู่ 40 ไมล์ไปทางตอนใต้ของเมืองฮาบิน (Harbin) ในแมนจูเรียของจีน โดยดำเนินการไปจนถึงปี คศ 1945 จึงถูกเผาทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง มีหลักฐานพบว่าญี่ปุ่นได้ทำการทดลองอาวุธชีวภาพในนักโทษ สงครามชาวจีนประมาณ 1000 คน โดยนักโทษส่วนใหญ่ได้เสียชีวิตจากโรคแอนแทร็กซ์ ที่แพร่กระจายจากทางเดินหายใจ (Aerosolized Anthrax) มีการคาดประมาณกันว่า มีผู้เสียชีวิตจากการทดลองนี้ 3000 คน ในช่วงเวลาเดียวกันมีรายงานการโรยหมัดหนูที่ติดเชื้อ กาฬโรคโดยเครื่องบินรบของญี่ปุ่นเหนือน่านฟ้าของจีนและแมนจูเรียคศ 1945โครงการอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น สามารถผลิตเชื้อแอนแทร็กซ์ (Anthrax) จำนวน 400 กิโลกรัม พร้อมที่จะบรรจุในลูกระเบิดชนิดแตกกระจายคศ 1943สหรัฐอเมริกา ได้เริ่มจัดทำห้องปฏิบัติการและโครงการผลิตอาวุธชีวภาพเพื่อเป็นการ ต่อรองดุลอำนาจของเยอรมันและญี่ปุ่นในเวลานั้น โครงการนี้ไดัจัดตั้งที่แค็มป์ เดทริก (Camp Detrick) ปัจจุบันชื่อ ฟอร์ด เดทริก (Fort Detrick) ซึ่งในเวลานั้นเป็นฐานทัพอากาศขนาดเล็กและ มีการส่งผลผลิตไปยังจุดจัดเก็บต่างๆ จนกระทั่งปี คศ 1969 ประธานาธิบดี นิกสัน ได้สั่งยกเลิก โครงการอาวุธทางชีวภาพทั้งหมดคศ 1970 และหลังจากนั้นมีการโรยสารมีสีจากเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเหนือ น่านฟ้าลาวและกัมพูชา และพบว่าผู้ที่สัมผัสกับสารเหล่านั้นรวมทั้งสัตว์มีอาการเจ็บป่วยและตาย โดยมีความเห็นว่าสารที่ใช้เป็น Trichlothecene toxins ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจาก T2 mycotoxin สารพิษที่สกัดจากพืชและเห็ดพิษคศ 1971- 1972 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกคำสั่งให้มีการทำลายอาวุธทางชีวภาพทั้งหมด โดยในกำกับของกระทรวงเกษตร,กระทรวงสาธารณสุข, มลรัฐอาแคนซัส, มลรัฐโคโรลาโด และมลรัฐแมรีแลนด์ อาวุธทางชีวภาพที่ถูกทำลายประกอบด้วย Bacillus anthracis, Botulinum toxin, Francisella tularensis, Coxiella burnetii, Venezuelan equine encephalitis virus, Brucella suis and Staphylococcal enterotoxin B. ประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มให้ความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับอาวุธทางชีวภาพตั้งแต่ ปีคศ 1953 จนปัจจุบันโดยหน่วยงาน USAMRIIDคศ 1972สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และสหภาพโซเวียต ได้จัดทำข้อตกลงเรื่องการห้ามสะสม, ห้ามการผลิต,และห้ามการเผยแพร่อาวุธชีวภาพ โดยมี 140 ประเทศทั่วโลกได้ลงสัตยาบรรณ ในเวลาต่อมา แต่กระนั้นก็ตามยังมีการแอบใช้อย่างจงใจในสงครามนอกรูปแบบต่างๆอีก เช่น กรณีฝนเหลือง (Yellow rain) ในสงครามเวียดนาม คศ 1978มีการใช้สารไรซิน (Ricin) ในการฆาตกรรมเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุชาวบัลกาเรียซึ่งลี้ภัย ในประเทศสหราชอาณาจักรโดยใช้ร่มที่มีลูกดอกอาบยาพิษแทงที่ต้นขา ผลจากการชัณสูตร หลักฐานจากร่มที่จับได้พบว่าเป็นสารพิษจำพวกไรซิน ซึ่งใช้ทำการโดยสายลับชาวบัลกาเรีย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตในขณะนั้นคศ 1979มีการรั่วไหลของสปอร์ของเชื้อแอนแทร็กซ์ (Anthrax) ในเมือง Sverdlovsk ในสหภาพโซเวียตในขณะนั้น สถานที่เก็บอาวุธชีวภาพและห้องปฏิบัติการ ชื่อ Compound 19 ประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงมีอาการไข้สูง หายใจลำบากและเสียชีวิตในเวลาต่อมา รัฐบาลอ้างว่าสาเหตุของโรคมาจากการกินเนื้อวัวที่ติดเชื้อ แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประเมิน สถานการณ์ว่ามาจากการรั่วไหลของอาวุธชีวภาพคศ 1992สหรัฐอเมริกาได้รับการยืนยันจากประธานาธิบดีบอริส เยอซิน ของประเทศรัสเซียว่า เหตุการณ์ที่เกิดชึ้นมาจากการรั่วไหลของอาวุธชีวภาพคศ 1994มีการตีพิมพ์ข้อสรุปของการรั่วไหลของเชื้อแอนแทร็กซ์ในประเทศรัสเซียในนิตยสาร Science ฉบับที่ 266 ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 66 คนจากผู้ป่วย 77 คนที่อยู่ในรัศมี 4 ไมล์ใต้แนวทิศทางลมจากห้องปฏิบัติการคศ 1991สหประชาชาติพบหลักฐานการผลิตอาวุธชีวภาพในประเทศอิรักโดยพบว่าอิรัก ได้ผลิตและจัดเก็บ ระเบิดสังหารที่มีสาร botulinum toxin จำนวน 100 ลูก ระเบิดสาร Anthrax จำนวน 50 ลูก ระเบิดที่มีสาร alfatoxin 16 ลูก มีจรวด SCUD จำนวน 13 ลูกที่มีสาร botulinum toxin 10ลูกที่มีเชื้อ Anthrax และ 2 ลูกมี alfatoxin ซึ่งทั้งหมดถูกทำลายในเดือนมกราคม 1991คศ 1995สหประชาชาติได้พบว่าอิรักได้เตรียมการผลิตอาวุธชีวภาพประกอบด้วย Anthrax, botulinum toxins, Clostridium perfingens, alfatoxins, wheat cover smut และ Ricin. โดยมีการพบความพยายามในการทดลองในกระสุนปืนใหญ่ จรวดและถังสเปรย์โดยรวมแล้วพบว่าอิรักมี สาร botulinum toxin จำนวน 19,000 ลิตร สาร Anthrax 8,500 ลิตร และสาร alfatoxin 2,200 ลิตรในสถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่าสารชีวภาพบางส่วนและนักวิทยาศาสตร์บางส่วนได้ผลิตอาวุธชีวภาพ ฝีดาษหรือ Smallpox ขึ้นมาได้โดยวิธีทางวิศวพันธุกรรมและถือว่าเป็นเชื้อโรคที่ร้ายแรง ตัวหนึ่งในประวัติศาสตร์

http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-3587.html

ตอบกระทู้ครับ

ผมเชื่อว่ามีวัคซีนหรือตัวยาที่สามารถฆ่าเชื่อได้ทุกชนิดอยู่จริงแต่จะมีประสิทธิภาพแค่ไหนมันขึ้นอยู่กับประเทศผู้คิดค้นมันมาด้วยครับ

อย่างล่าสุดที่ไทยเราและประเทศอื่นๆในเอเชียที่เพิ่งจะเคยประสบพบพาโดนกันมาล่าสุดที่คือเชื้อโรค F5N1 ครับพอจะคุ้นๆหูกันบ้างไหมว่ากันว่ามันเป็นอาวุธเชื้อโรคที่ทางกองทัพจีนได้ทำการทดลองและสร้างขึ้นโดยใช้เชื้อไข้หวัดนกเป็นตัวแปรต้นและนำไปตัดต่อพันธุกรรมให้เข้ากับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคนหรือมนุษย์เพื่อสามารถแผร่เชื่อได้ในอากาศทางลมหายใจครับบวกกับเชื้อแบกทีเรียอีกบางชนิดให้สามารถแพร่กระจายในน้ำได้ คือเป้าหมายและจุดประสงค์ของอาวุธเชื่อโรคนี้ คือ ใช้นกเป็นพาหะนำโรค เหตุผลเพราะเชื้อไข้หวัดนกมีระยะเวลาในการฝักตัวอยู่นานพอสมควร คือฉีดเชื้อดังกล่าวใส่เข้าไปในนกแล้วปล่อยให้นกบินข้ามประเทศหรือข้ามทวีป (ขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์ของนกที่มันจะมีการอพยพบินย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลตามสัญชาตญาณและธรรมชาติของมัน) และเมื่อนกป่วยและบินตกลงมาตายในพื้นที่ของประเทศนั้นๆไม่ว่าจะบนบกหรือในน้ำเชื่อดังกล่าวก็แพร่กระจายในประเทศนั้นทันที

แต่ดันเกิดปัญหาความผิดพลาดในระหว่างการทดลองสาเหตุอันเนื่องมาจากที่นกที่ได้รับเชื้อดันหลุดออกจากศูนย์ทดลองของประเทศจีนแล้วออกไปแพร่เชื้อไปยังนกอื่นๆจนเป็นเหตุให้ประชาชนชาวจีนล้มตายเป็นอันมากแล้วลามไปยังประเทศอื่นๆข้างเคียง

1. นี้คือสาเหตุที่ว่าทำไมประเทศที่เป็นทางผ่านของนกที่บินมาจากประเทศจีนจึงต้องฆ่าสัตว์ปีกทุกชนิดที่ต้องสงสัยว่าป่วยเป็นไข้หวัดนกชนิดที่ว่าฆ่าล้างโครตแบบเหมายกเล้ายกคอกครับ

2. นี้คือสาเหตุที่ว่าทำไมผู้ที่ถูกตรวจสอบและพบว่ามีเชื้อไข้หวัด F5N1 แล้วต้องถูกควบคุมและกักบริเวณเพื่อรอรับการรักษาเป็นพิเศษ เพราะต้องรอรับยาวัคซีนเพื่อรักษาโดยตรงและถูกต้องตามวิธีจากทางประเทศจีนผู้ที่เป็นเจ้าผลิตภัณฑ์เชื้อโรคดังกล่าวครับ

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 02/08/2013 23:37:16


ความคิดเห็นที่ 4


ยาปฏิชีวนะ ลับๆ  .. ลักษณะเป็นน้ำอยู่ในหลอดสีเขียวๆ

พอโดนเข้าไป จะกลายพันธ์ เป็น .. นักสู้มหากาฬหรือเปล่าครับ

หลบกระสุนได้ด้วย ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ถึงโดนยิงก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้

ถ้าผมได้มาซักหลอด ผมจะลุยเดี่ยวไปชายแดนใต้เลยครับ  อิอิ

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 05/08/2013 15:38:42