หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เราควรจะนิ่งเฉย คอยตั้งรับต่อไปหรือ?

โดยคุณ : Gaara เมื่อวันที่ : 09/08/2013 19:26:45

โจรใต้ได้รุกคืบไปอีกระดับเริ่มทำลายระบบเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดชายแดนรวมถึงสงขลา ทหารไทยเราจะมัวแต่ระวังป้องกันอย่างเดียวไม่ได้แล้วคงต้องปฏิบัติการเชิงรุก เลิกเจรจาหลอกๆ ของกลุ่มโจรที่ต้องการทำให้โลกเห็นความสำคัญของโจรเหล่านี้ ปัญหานี้มีมานานจนนานมาก ทำไมเราไม่มีผู้ที่ชำนาญในท้องที่ที่พอจะดักทางหนีทีไล่ของพวกนี้ได้เลยหรือ เรามัวแต่มุ่งเน้นลอมชอมโดยที่ฝ่ายโจรไม่ได้สนใจ จริงใจที่จะร่วมเจรจาสันติด้วย เมื่อโจรยืนกระต่ายขาเดียวแล้วเรายังจะมัวงอนง้ออย่างนี้อยู่อีกหรือ ผมยังสงสัยว่าหากเป็นอเมริกา รัสเซียหรือจีน เขาจะใช้ปฏิบัติการอย่างไรกับโจรไร้ศีลธรรมไร้สำนึกความเป็นคนแบบนี้ หรือติดที่เราเป็นเมืองพุทธ?

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375402990&grpid=00&catid=&subcatid=





ความคิดเห็นที่ 1


ผมก็งง.เหมือนกันครับ ดูเหมือนการเจรจาตกลงมันแปลกๆ โจรมาตกลงกับเราแค่กลุ่มเดียว แต่ให้เราใช้ข้อตกลงกับทุกกลุ่มโจร งงมั้ย. กลุ่มอื่นที่ไม่ได้ตกลงมันก็ไม่สน มันไม่ได้ตกลงด้วย เราจะไปปฏิบัติการเชิงรุกก็ไม่ได้เพราะตกลงกับอีกกลุ่มไว้แล้ว  ถ้าไปปฏิบัติการเชิงรุก ก็จะกลายเป็นไม่ทำตามข้อตกลง เราต้องรักษาข้อตกลง งงมั้ย.. 

โดยคุณ speci เมื่อวันที่ 02/08/2013 09:24:57


ความคิดเห็นที่ 2


สำหรับผมได้แต่คิดๆๆ แล้วก็ปลงครับว่า เราต้องพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นหลักครับ

โดยคุณ 8iam เมื่อวันที่ 02/08/2013 16:44:30


ความคิดเห็นที่ 3


ในความคิดของผม  เราต้องมีการรบนอกแบบบ้างแล้วครับ  รบนอกแบบในที่นี้  ไม่ใช่ไปอุ่มมาฆ่าหรืออะไรนะครับ

รู้ๆ  อยู่ว่าพวกนี้มี NGO  หนุนหลังด้วย  แต่การสืบในทางลับหาข่าวของเราต้องรัดกุมมากกว่านี้พยายามเจาะไปที่กล่องดวงใจของพวกนี้  แบบเอาจริงเอาจังเสียที  ต้องเล่นงานระดับใหญ่ๆแล้ว

1.หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของโจรใต้

2.การสอดแนม  ออกตรวจทางลับ พื้นที่ลับ

3.มือสไนเปอร์  ระดมไปได้แล้วครับ

4.หน่วยรบพิเศษต่างๆ  แบบพร้อมรบ  แต่อย่าเอิกเกริก

5.การเงินของคนกลุ่มนี้  การเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร

6.การจัดส่งอาวุธให้พวกนี้  ต้องเอาจริงเอาจัง  เด็ดขาดแล้วครับ

.........ได้แต่หวังว่า  เราต้องเด็ดขาดเสียที  รบแบบเปิดเผบ  ลาดตระเวณ  คุ้มกันโรงเรียน เราก็ทำไป.....แต่เราก็ต้องเน้นทางลับให้มากขึ้น....ฝ่ายการเมืองน่ะ   ฟังให้น้อยๆครับ  เพราะพวกนี้ไม่รู้เรื่องในพื้นที่หรอก  จะไปรู้มากกว่าฝ่ายทหารได้อย่างไร....นโยบายออกมาแต่ละอย่างเลยผิดเพี้ยนไปหมด......

โดยคุณ Nicolai เมื่อวันที่ 03/08/2013 02:06:58


ความคิดเห็นที่ 4


ผมก็คิดแนวเดียวกับคุณ Nicolai ไหนๆ เวลาเกินเหตุพวกก่อการที่เจรจามักจะกล่าวหาว่าเราเองที่ก่อเหตุ ทำไมเราไม่จัดหน่วยรบพิเศษอะไรสักอย่างย่องเข้าไปเก็บตัวแกนนำปฏิบัติการ ตัวเสธฯที่วางกลยุทธไปซะ ไม่มีคนวางกลยุทธลูกแถวมันก็เปะปะไปเอง ย่องเก็บเงียบไม่ปล่อยข่าวออกไปบอกไม่รู้ไม่ทราบเสียอย่างเดียวสื่อจะมาบีบบังคับได้ไง ยิ่งเดี๋ยวนี้ฝ่ายนั้นก็เหมือนมีสื่อเป็นตัวโฆษณาศักยภาพของผู้ก่อการให้ดูน่ากลัวยิ่งใหญ่ไปกว่าฝ่ายเราแล้ว ไม่ก็ประกาศเขตกฎอัยการศึกเหตุจากการที่มีการก่อเหตุเริ่มวางเพลิงแหล่งเศรษฐกิจของพื้นที่ ห้ามนักข่าวเข้าอย่างเด็ดขาดให้ถ่ายทำอยู่นอกแนวลวดหนามไม่ให้เข้าเขตสามจังหวัดเท่านี้เราก็จัดการปฏิบัติการเงียบได้

  ฝึกศึกษาพื้นที่ทั้งในป่านอกป่าการเข้าแทรกซึมถึงจะใช้เวลานานแต่มันก็ยังดีกว่าคอยนั่งเฝ้าฐาน ออกคุ้มกันรอคอยพวกมาสอยอยู่ฝ่ายเดียว

 


โดยคุณ Gaara เมื่อวันที่ 03/08/2013 02:47:36


ความคิดเห็นที่ 5


ไมผมตั้งกระทู้ไม่ด้อะครับ

โดยคุณ pongnoon008 เมื่อวันที่ 03/08/2013 18:21:02


ความคิดเห็นที่ 6


เรื่องจัดหนักนอกรูปแบบ เราจัดกันเป้นประจำอยู่แล้วครับ แบบเงียบๆ เพราะโลกนี้มันไม่ได้สวยงาม

โดยคุณ YUKIKAZE เมื่อวันที่ 03/08/2013 19:42:02


ความคิดเห็นที่ 7


ฝ่ายเราเป็นฝ่ายใช้กฎหมาย เป็นฝ่ายอยู่ในที่สว่าง ปัญหาใต้ มันละเอียดอ่อน หากเรายิ่งใช้ความรุนแรง โดยไม่ได้ถือกฎหมาย ในการปฏิบัติ เข้าห้ำหั่น ยิ่งเข้าทางโจร ต่างชาติจะเริ่มเข้ามาแทรกแซง un เข้ามา ตามด้วย ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน เหมือน ติมอร์ เพราะฉะนั้น เราจึงต้อง มีเจตนาในการแก้ปัญหาโดยใช้สันติวิธีมาอันดับแรก 

โดยคุณ uuhotu เมื่อวันที่ 03/08/2013 20:26:55


ความคิดเห็นที่ 8


ไม่รู้สิ ผมอาจจะมองไม่ถูกก็ได้ เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่  ผมคิดว่า ทำไม่สามารถสร้างอำนาจรัฐได้ตลอด 24 ชม. กลางวันพอได้ กลางคืนเป็นของเขา เขาทำอะไรก็ได้ วางระเบิดตรงไหน ขุดเจาะตรงไหนก็ได้ เมื่อเขาสร้างสถานการณ์ได้ตลอด โดยเราทำอะไรไม่ได้ เป็นฝ่ายตาม เขาย่อมฮึกเหิม รู้สึกว่าได้เปรียบ ทุกวันนี้เหมือนกับเราต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้เขาสงบ เขาถือไพ่เหนือกว่า เขาไม่เจรจาหรอกครับ ผมไม่ขัดข้องเรื่องเจรจา แต่เรื่องพ้ืนที่ทำไมเราคุมไม่ได้ กลางคืนเขา ขุดถนน ฝังระเบิด เช้ามาเราขับรถออกไปทับ มีเท่าไรก็ตายหมด ทำไม่เราไม่มีกำลังลาดตะเวณกลางคืน(หรือว่ามี ?)  เราขับรถกลับเข้าไปนอนในฐานกลางคืน คุมพื้นที่โดยการตั้งด่าน เขาคงไม่มาฝังระเบิดตรงด่านหรอก เราลาดตะเวณเพื่อคุมพื้นที่ให้ได้ เพื่อไม่ให้เขาก่อเหตุ ถ้าพบเจอเขากำลังขุดถนน ฝังระเบิด มีการปะทะก็เป็นความชอบธรรมไม่ใช่หรือ ไม่น่าจะเป็นวิธีการที่เรียกว่าการใช้ความรุนแรงนะผมว่า เพียงแต่เราไม่ใช้อำนาจที่เรามี ไม่ต้องไปถึงขั้นไปเก็บไปจัดการอะไรหรอก แล้วที่เหลือก็ดำเนินคดีตามกฏหมายไป สถานการณ์ใหม่สร้างไม่ได้ ความรุนแรงก็จะลดลง ไม่รู้ผมคิดถูกหรือเปล่านะ

โดยคุณ wittaya เมื่อวันที่ 05/08/2013 18:53:46


ความคิดเห็นที่ 9


ถ้าเกรงว่าลาดตระเวนกลางคืนจะไม่ปลอดภัยก็น่าจะหา Drone ที่ใช้สำหรับภาระกิจสอดแนมกลางคืนและอาจจะใช้แบบที่สามารถทำภาระกิจโจมตีได้ หรือจะหาดาวเทียมสอดแนมทางทหารสักดวงส่งพร้อมขึ้นไปกับไทยคม 7 ในอนาคต จะสอดแนมแล้วยิงทิ้งอ้างผู้ก่อการฝังระเบิดแล้วเกิดระเบิดอะไรก็ว่าไป ขนาดบอลลูนตรวจการเรายังซื้อมาจอดในโรงจอดเฉยๆ ได้ จะลงทุนอีกสักหน่อยผมก็ว่ามันคุ้มค่ากว่าที่จะเอาชีวิตทหารและประชาชนไปทิ้ง หรือจะของเราเองก็ได้ถ้าโครงการทดสอบสำเร็จแล้ว


โดยคุณ Gaara เมื่อวันที่ 07/08/2013 08:46:48


ความคิดเห็นที่ 10


ครับ คือผมคิดนะว่าทำยังไงจะคุมพื้นที่ได้ เขาเจรจาแบบไม่อยากเจรจา เพราะถือไพ่เหนือกว่า เจรจาทำไม ก่อเหตุแล้วใครทำอะไรไม่ได้ก็ทำไปเรื่อยๆ แบบนี้ จนกว่าเราจะทนไปไม่ คล้ายๆ ทุกวันนี้ เราต้องขอร้องให้เขาหยุด ถ้าเขาไม่หยุดก็ดูเหมือนว่าเราทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน คนในพื้นที่ก็ต้องกลัวคนที่คุมพื้นที่ได้มากกว่า ยิ่งเป็นพวกเดียวกัน ถ้าถึงวันหนึ่งจำเป็นต้องฟังเสียงคนในพื้นที่ตัดสิน เขาก็ต้องเอาพวกเขาไว้ก่อน  เราส่งหน่วยลาดตะเวณเดินเท้าระยะไกล ออกฐานไป 3-5 วันแบบรบผกค.ได้ไหมนะ กลางวันก็ปรากฏตัวได้ ตามหมู่บ้าน กลางคืนก็ซุ่มอยู่เป็นที่ ๆ ไม่มีอะไรก็แล้วไป  คุมอยู่เป็นจุด ๆ ส่งไปให้คลุมพื้นที่ ไม่ได้ไปทำความรุนแรงอะไร แต่เจอใครทำอะไรที่ไหนก็ต้องรู้ พบพฤติกรรมชัดเจนก็ต้องปะทะ ก่อเหตุหนีไปทางไหน ประสานกันก็น่าจะได้ตัว ปะทะกันก็ถือเป็นเรื่องปรกติ ไม่ใช่ใช้ความรุนแรง ผมเคยคุยกันทหารหลายคนที่ไปพื้นที่มาเขาว่าเขาอึดอัดเหมือนกัน ทำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่มีไฟเขียวว่างั้น เราก็อยู่ไกล ไม่รู้ข้อเท็จจริงเท่าไร

โดยคุณ wittaya เมื่อวันที่ 09/08/2013 02:57:15


ความคิดเห็นที่ 11


เรื่องนี้ละเอียดอ่อนนะครับ จนบางครั้งก็ยากที่จะให้ความเห็นเหมือนกัน ผมเองก็คิดอยู่หลายวัน แต่ก็คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ถกกัน เพราะว่านี่คือปัญหาใหญ่ของบ้านเรา ส่วนตัวคิดว่า ยิ่งเราใช้ไม้แข็งมากๆ ยิ่งมีแต่จะเข้าทางผู้ไม่หวังดีนะครับ เพราะมันยิ่งทำให้สิ่งที่เขาปลุกระดมและปลูกฝังกันให้เกลียดการเป็นคนไทย จะดูมีเหตุผลมากขึ้น แต่บางคนก็อาจมองว่าไม้แข็งคือ การรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ก็มีเหมือนกันครับ และก็เห็นใจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ครับ ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากันหมด และชีวิตใครใครก็รัก ก็ขอส่งกำลังใจให้สู้เพื่อชาติครับ และสู้เพื่อพี่น้อง ๓ จว. ส่วนใหญ่ของเราด้วยครับ เพราะผมเชื่อว่า คน ๓ จว. ส่วนใหญ่เขาไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยหรอกครับ แต่จะมีก็บางกลุ่มเท่านั้นเอง ดังนั้นผมมองว่า เราควรหาทางทำอย่างไรให้คน ๓ จว. ภูมิใจที่เป็นคนไทยให้มากที่สุด มากกว่าจะเป็นคนในประเทศเกิดใหม่ และควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ ตามสถานการณ์และความเหมาะสมด้วย อย่างนี้จะดีมั้ยครับ จึงขออนุญาตเสนอเพื่อนๆ เป็นประเด็นๆ ว่าอย่างนี้ครับ

  1. ควร ทำให้คน ๓ จว. ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย คนในประเทศที่เป็นเอกราชมาตลอด ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศใด ต่างจากประเทศเมืองขึ้นต่างๆ ข้างเคียง บรรพบุรุษของเราทั้งคน ๓ จว. และทุกจังหวัดของไทย ก็ได้ร่วมกันรบรักษาเอกราชของไทยจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกมาด้วยกัน ไม่ใช่หรือครับ ดังนั้นการเป็นคนไทย คือคนที่มีเอกราชและศักดิ์ศรี เดินยืดอกได้เต็มภาคภูมิทั่วโลก จะมีซักกี่ประเทศที่สบตากับใครก็ได้อย่างมีศักดิ์ศรีอย่างเรา แล้วลองสังเกตดูครับว่า คนมาเลกับคนอังกฤษสบตากันแบบไหน คนเขมรสบตากับคนฝรั่งเศสแบบไหน ลองไปสังเกตดูดีๆ ครับ......
  2. ควร ทำให้คน ๓ จว. มั่นใจว่า การเป็นคนไทยมุสลิม มีคุณค่าและมีความสำคัญมาก เช่น คน ๓ จว. เป็นคนไทยที่ยังสืบสานภาษามาลายูให้มีใช้อยู่ในประเทศไทยเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นภาษาที่สำคัญมากในภูมิภาคนี้ ใช้กันใน มาเลเซีย อินโดนิเซีย บรูไน และ สิงคโปร์ และจะทวีความสำคัญขึ้นไปอีก หลังจากการเปิด เออีซี ภาษาคืออาวุธอย่างหนึ่งครับ และการใช้อาวุธได้หลายชนิดย่อมได้เปรียบ ประเทศเราต้องการคน ๓ จว. มาช่วยกันพัฒนาประเทศในทุกด้าน ดังที่เป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่ามั้ยครับ โดยเฉพาะด้านภาษามาลายู ดูอย่าง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเดียวใช้ภาษาได้ ๓ ภาษา ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน (ผมคิดว่าทั้งหมดเป็นภาษาราชการด้วยนะ) และยังใช้ภาษาอังกฤษได้ดีด้วย เอากับเขาซิ ก็ภาษาคืออาวุธ แต่เป็นอาวุธทางปัญญาครับ (ภาษาเป็นรหัสลับอย่างหนึ่ง) ใช้ภาษาได้เยอะกว่าได้เปรียบมาก......
  3. ควรทำให้คน ๓ จว. ทราบถึงข้อเสียของการเป็นคนในประเทศเล็กๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีพลังอำนาจ ไม่เป็นที่เกรงขามในเวทีโลก ต้องเป็นได้แค่ลูกไล่ของประเทศใหญ่ๆ เท่านั้น เขาจะชี้ให้ไปซ้ายก็ต้องไป ไปขวาก็ต้องไป แต่การเป็นคนไทยนั้น คนทั่วโลกยอมรับ เพราะรู้ถึงกิตติศัพท์กันดี ก็เราฟัดกันมาแล้วทั้งนั้นไม่ว่า ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา :D
  4. ควรทำให้คน ๓ จว. รู้ว่า เขาเป็นเพียงเครื่องมือของต่างชาติ ที่ต้องการทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเราที่มีอยู่ใน ๓ จว. เท่านั้น จึงได้มาสนับสนุน ยุแยงให้แบ่งแยกดินแดน เมื่อสำเร็จต่างชาติพวกนี้ก็จะได้สัมปทานและได้รับประทานทรัพยากรต่างๆ ใน ๓ จว. อย่างมหาศาล และได้ควบคุมบัญชาการประเทศเกิดใหม่นี้ได้โดยอัตโนมัติด้วย โดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้เลย ซึ่งก็คือการเป็นอาณานิคมของเขาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นรูปแบบใหม่น่ะครับ......
  5. ควรทำให้คน ๓ จว. ทราบว่าการแบ่งแยกดินแดน จะเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มชนชั้นผู้นำใน ๓ จว. กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ไม่ใช่คน ๓ จว. ส่วนใหญ่อย่างแน่นอน
  6. ควรทำให้คน ๓ จว. ตระหนักว่า เขาเป็นทั้งคนไทยและเป็นคนปัตตานี คนยะลา คนนราธิวาส เหมือนกับคนที่อื่นๆ เช่น เป็นทั้งคนไทยและเป็นคนหนองคาย เป็นทั้งคนไทยและเป็นคนเชียงใหม่ อย่างนี้พอจะเป็นไปได้มั้ยครับ เพื่อนๆ เห็นว่ายังไงบ้าง

    นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ตามข้อมูลที่มี ก็มาลองช่วยกันคิดครับ เพื่อชาติของเรา ข้อไหนไม่เข้าท่าหรือผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยครับ และทุกข้อคงไม่ได้ทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ แน่ครับ แต่เพื่อต้องการเห็นประเทศชาติสงบสุขและพัฒนาไปข้างหน้า เราควรหยุดความขัดแย้งภายในทุกๆ กรณีให้ได้โดยเร็วที่สุดว่ามั้ยครับ ศึกในร้ายกว่าศึกนอกนะครับ ลองไปหาดูประวัติการรวมประเทศจีน ของจิ๋นซีฮ้องเต้ ดูครับว่าเขาใช้ศึกในหรือนอก ถึงชนะทุกรัฐและรวมจีนได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ส่วนตัวคิดว่าถ้าดำเนินการให้คน ๓ จว. ภูมิใจในตนเอง ภูมิใจในการเป็นคนไทย และตระหนักถึงข้อเสียของการแบ่งแยกประเทศได้ ความรุนแรงในภาคใต้ก็อาจจะบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง ขอสันติสุข จงมีแด่พี่น้อง ๓ จังหวัด และประเทศไทยของเราทุกคนครับ :D

“ชาติใด ไร้รัก สมัครสมาน

จะทำการ สิ่งใด ก็ไร้ผล

แม้นชาติ ย่อยยับ อับจน

บุคคล จะเป็นสุข อยู่อย่างไร” (พระราชนิพนธ์ ร.๖)

โดยคุณ Oversea เมื่อวันที่ 09/08/2013 19:26:45