ภาพเรือฟริเกตที่กองทัพเรือขออนุมัติงบ1.46หมื่นล้าน จัดซื้อ(จากเว็บไซต์) ที่มีคุณลักษณะโดดเด่นสามารถรบได้ 3 มิติทำลายเรือดำน้ำ และล่องหนจากจอเรดาร์ได้ |
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 กรกฎาคม กระทรวงกลาโหมจะเสนอให้ ครม.อนุมัติงบประมาณผูกพันจำนวน 5 ปี (2557-2561) โครงการจัดซื้อเรือฟริเกต สมรรถนะสูงจำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.46 หมื่นล้านบาท ที่ต่อเรือจากอู่บริษัท แดวู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายทหารระดับสูงจากกองทัพเรือ (ทร.) พร้อมด้วย สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ เจ้าหน้าที่กรมยุทธการทหารเรือ ได้เข้าพบ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำข้อมูลในโครงการจัดซื้อเรือฟริเกตมารายงาน ซึ่งเรื่องทั้งหมดได้ถึงมือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ได้เซ็นเรื่องเพื่อบรรจุวาระเข้า ครม.แล้ว
"การรายงานโครงการเรือฟริเกตต่อ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นไปตามขั้นตอนก่อนที่จะถูกนำเสนอใน ครม. โดยทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ได้สอบถามบริษัทที่ต่อเรือฟริเกตเป็นอย่างไรบ้าง ระบบอาวุธที่มากับเรือฟริเกตมีประสิทธิภาพอย่างไร และมีความทันสมัยหรือไม่ โดยทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์จะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าชี้แจง ครม.แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนสาเหตุที่ขั้นตอนโครงการล่าช้าเพราะมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณเพื่อให้สอดคล้อง โดยใช้งบประมาณการจัดซื้อเรือฟริเกต 1.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบประมาณนี้ได้รวมการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติงานภายในเรือฟริเกต พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ ทร. อย่างไรก็ตาม บริษัทต่อเรือฟริเกตจะส่งมอบให้ ทร.ภายในต้นปี 2561" แหล่งข่าว ทร.กล่าว
พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาและคัดเลือก เปิดเผยว่า เรือฟริเกตสมรรถนะสูงของ ทร.ลำใหม่นี้ จะเป็นรุ่นที่พัฒนาปรับปรุงมาจากเรือ KDX-1 ที่ประจำการใน ทร.เกาหลีใต้ ซึ่งอู่แดวูของเกาหลีจะเป็นผู้ต่อให้ โดยใช้เวลาต่อหลังจากทำสัญญาจำนวน 1,800 วัน ให้เป็นไปตามที่ ทร.ต้องการ ที่ ทร.รับรองว่าทันสมัยเพราะใช้ Stealth Technology ทั้งตัวเรือและระบบต่างๆ ไม่ขี้เหร่แน่นอน ออกมาต้องร้องเจ๋งสุดยอดเลยทีเดียว เพราะเน้นการถูกตรวจจับโดยฝ่ายตรงข้าม ทั้งลดการแผ่รังสีความร้อน ลดการสะท้อนของเรดาร์ ลดเสียง ลดการถูกตรวจจับ อย่างไรก็ตาม เรื่องเรือฟริเกตนี่ต้องใช้เวลา เพราะชิ้นส่วน อุปกรณ์ ระบบต่างๆ ที่จะมาติดตั้งกับเรือมีเป็นพันรายการ จึงต้องมีการพิจารณาคัดเลือกอย่างละเอียด เพื่อให้ ทร.ได้เรือฟริเกต ที่ทั้งเก่งและดี มีสมรรถนะสูงในการรบ 3 มิติ" เสนาธิการทหารเรือกล่าว
พล.ร.อ.จักรชัยกล่าวว่า เหตุผลที่คณะกรรมการต้องกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการในส่วนของระบบ ส่งกำลังบำรุง Logistic อะไหล่นั้น เพราะต้องเลือกที่ ทร.เราเคยใช้ ทหารเรือเราซ่อมบำรุงมาแล้ว และมั่นใจ รวมทั้งระบบอำนวยการรบ และระบบอาวุธ ระบบไฟฟ้า ระบบเดินเรือ และเรดาร์ เพราะระบบแบบนี้ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเป็นเหตุผลด้านยุทธการที่ ทร.จะต้องปฏิบัติการรบร่วมกับกองทัพอากาศ มีการเชื่อมโยงระบบการรบของเรือรบ ทร.กับเครื่องบินของ ทอ. ทั้ง Link E, Link RTN โดยเฉพาะการเชื่อมโยง รล.ฟริเกต ชุดตากสิน-นเรศวร และ รล.จักรีนฤเบศร กับ Link G, เครื่องบิน Gripen เครื่องบินรบ Generation 4.5 ที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพอากาศ เนื่องจากการรบในสมัยใหม่จะต้องเป็นการรบร่วมมากกว่า 1 เหล่าทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ระบบ Network Centric Warfare
"ผมขอยืนยันในความโปร่งใสของคณะกรรมการ และเป็นไปตามความต้องการของ ทร. และตามงบประมาณที่เราได้รับ ขอให้มั่นใจว่าเราจะหาเรือที่ดีที่สุด เหมาะสมกับ ทร.ในอนาคตมาประจำการ เราจะไม่ทำอะไรให้กำลังพล ทหารเรือรุ่นหลัง คนใช้เรือมาตำหนิหรือว่าพวกเราได้แน่นอน เรือฟริเกตลำนี้จะเป็นเรือพิฆาต เรือที่เก่งในการรบ 3 มิติ ที่เราจะเน้นการปราบเรือดำน้ำ เพราะเราไม่มีเรือดำน้ำ แต่รอบบ้าน มีเรือดำน้ำหมด และเป็นภัยคุกคามสำคัญในเวลานี้ แต่บางเรื่องบางอย่างได้โปรดเข้าใจ ทร.ด้วยว่าเราเปิดเผยหมดไม่ได้ เพราะเป็นความลับด้านกำลังรบ และการยุทธการ แต่ ทร.มีแผนที่จะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เมื่อ ครม.ได้อนุมัติผูกพันงบประมาณแล้ว เราพร้อมตอบทุกคำถาม" พล.ร.อ.จักรชัยระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการเรือฟริเกตวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นที่สนใจของสังคมตลอด ภายหลังโครงการเรือดำน้ำมือสองเยอรมนีแบบ U-206 A จำนวน 6 ลำ มูลค่า 7.6 พันล้านบาท ที่ถูก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกเลิกโครงการดังกล่าวไปเมื่อช่วงต้นปี 2555
(ที่มา:มติชนรายวัน 30 กรกฎาคม 2556)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375160667&grpid=&catid=01&subcatid=0100
ใน TAF มีการพูดกันบ้างแล้ว ติดตามกันได้ครับ ภาพเรือประกอบเห็นว่าไม่ใช่ครับ ใครมีภาพที่ถูกต้องก็ช่วยแนบกันด้วยนะครับ
แต่โดยส่วนตัว อารมณ์ประมาณนี้เลย
ฝากถึงคุณ aonestudio เมื่อดูจากรูปแล้วบั้นท้ายป้อมปืน น่าจะเป็น mk45 ครับ
เงิบกันเป็นแถบ
สวยสะใจเลยงานนี้
อย่างที่บอก ได้เคดีเอ็กซ์สองก็ดีเหลือแล้ว หน้าตาเก่าหน่อยก็จริงแต่สเป็คปึ้ก
ถ้าได้เรือเฟี้ยวๆแบบนี้แต่สเป็คน่ารักๆ เอิ่ม....
.........โดยส่วนตัวคิดว่าเป็น76มม.
ท่าน Icy_CMU ผมเคยเห็น โบชัวส์ ของ SAMPSON เรดาห์...ในระยะแรก ภาพวาด มันก็เป็น แผ่น ๆ แบบหมุน แบบนี้น่ะครับ...เลยน่าลุ้นอยู่...เพราะ BAE System กับ CEA กับ Saab...เขาร่วมมือในระบบกันเป็นอย่างดี...
จนตอนนี้ CEA Teachnology เริ่มพัฒนา CEA-FAR High Power...สำหรับรองรับ เรือฟริเกตแบบใหม่ ที่จะมาแทน ANZAC Class กับ เรือฟริเกตใหม่ ของ ทร.สหรัฐ...ด้วยเหมือนกัน...ถ้าจำไม่ผิด สหรัฐ ร่วมลงทุน ด้วย...
หรือไม่ ก็ 127/64LW ของOTO เช่นกัน
เพราะดูจากภาพCGแล้ว ป้อมเหลี่ยมและแบนกว่าMk.45Mod4 มาก
ลูกกลม ๆ ที่ว่าเป็น SATCOM นั้น...เป็นแบบเดียวกับเรือชั้น Formidable ของ ทร.สิงคโปร์ ครับ...
สำหรับการยิง SM-2 ในอนาคต นั้น..ถ้าเรดาห์ท้ายเรือเป็น SPS-48E จริง...มันก็เป็นเรดาห์ ที่รองรับการใช้ SM-2 กับ ESSM อยู่แล้วครับ...
สำหรับ Saab กับ CEA Teachnology และ BAE System มีความร่วมมือ และร่วมพัฒนาในเรือชั้น ANZAC Class...
โดยเฉพาะ CEA Teachnology ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลนี่จาก Thales ในการพัฒนา ICWI ซึ่งเป็น illuminator ที่ใช้ร่วมระหว่าง SM-2 กับ ESSM มาแล้วครับ...
โดย BAE System กับ CEA Teachnology ได้ร่วมกับเสนอแบบ ระบบในโครงการ AAW ของ ทร.ออสเตรเลีย หรือ Hobart Class โดยใช้ SAMPSON กับ CEA-MOUNT สำหรับโครงการดังกล่าว...แต่สุดท้าย ทร.ออสเตรเลีย เลือกระบบ AEGIS แทน...
เราจึงได้เห็นข่าวล่าสุดว่า BAE System เป็นผู้ทำระบบ MK-41 ให้ ทร.ไทย ตามกระทู้ที่ผ่านมาครับ...
ดังนั้น ผมว่า สำหรับในอนาคต ถ้า ทร.จะติดตั้ง SM-2 คงไม่มีปัญหา และแท่นเสากราฟ ที่ยกสูงนั้น...อาจจะมีไว้ เพื่อรองรับ การติดตั้ง CEA-MOUNT ในอนาคต ได้ครับ...
ในอนาคต สำหรับการพัฒนาการติดตั้ง SM-2 ก็จะเป็น Saab + CEA + BAE System
ขอไว้อาลัยให้กับทุกท่านที่ผิดหวัง ทั้ง ASROCK ทั้ง SM-2 ไม่มีแม้แต่เงา
(แล้วอย่างนี้ยังจะเรียกว่า เรือพิฆาตอีกหรือเนี่ยะ)
5นิ้ว L62 --------Mk45 Mod4 หรือ OTO LW ยังไม่แน่
Phalanx -----Checked!
3700ตัน------Checked!
เรดาร์ระยะไกล ---------ยังไม่แน่ว่าเป็นSPS-48E --------3D ไหม -ใช่แน่ๆ เป็นPhased Array
พอดี ยังไม่เห็น สเปค แบบเต็ม ๆ...แต่เมื่อลองดูคร่าว ๆ แล้ว...ผมว่าก็ไม่ได้ต่ำกว่า Formidable Class ครับ..
เพียงแต่ ตอนนี้ ยังไม่มี SM-2 Missile ที่เทียบเคียงกับ ASTER 30 แค่นั้นเองครับ...
คงต้องรอดู สเปค เต็ม ๆ ก่อนครับ....
เรดาห์ตรวจการณ์อากาศระยะไกล...ผมว่า ถ้าไม่ใช่ SPS-48E ก็น่าจะเป็น พวก AESA...active electronically scanned array (AESA)
อาจจะเป็นของ BAE System หรือเปล่า...(แบบพวก SAMPSON ย่อขนาด ถ้าจำไม่ผิด เรียกว่า Seastar หรือเปล่า ไม่แน่ใจ)
ถ้าเป็น Phase Array หรือจะเป็น CEA-FAR แบบหมุน....
โอ้ว thank you หลายๆ ครับท่าน ICY ภาพนี้วิวนี้มันทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย !!!!
เอ่ะ ...แต่ว่ามันแท่บจะไม่มีเค้าโครงของเรือ KDX-1 เลยนะ นี้มัน new frigate เลยนะเนี่ยะ
โดยส่วนตัวนะท่านJuldas เราจินตนาการไปถึงEMPAR เลยทีเดียว ขนาด หน้าตา ความหนา มันเป๊ะเวอร์ ---------ความรู้สึกล้วนๆ อย่าเอาอะไรมาก
เท่าที่ดูจากรูป น่าจะมีพิ้นที่ พอจะเพิ่ม VLS Mk41 ได้อีก ถึง 8+16 = 24 cell โดยถอด Phalanx ออกไป ถ้าเช่นนั้น SM-2 ก็ยังพอมีหวังว่าจะมีการอัฟเกรดกันในอนาคต
จริงๆไม่อยากให้ CIWS มันเป็น Phalanx เลยครับถ้าอยากจะใช้เป็นแบบ ปืนกลจริงๆ อยากให้เป็น เจ้า CIWS 35 mm Mk M/04 LvSa มากกว่า เพราะดูแล้วโดมเรด้าห็และตัวแท่นของ Phalanx มันไม่ช่วย การหักเหเรด้าห์แม้แต่น้อย เออถ้าเป็น RAM แบบจรวด RIM116 ก็จะไม่ว่าอะไรเลย
CIWS 35 mm Mk M/04 LvSa
รม. อนุมัติงบ1.46หมื่นล้านซื้อ เรือฟริเกต รักษาผลประโยชน์ชาติ โวตัวเรือแบบ “สเตลท์” ลดการตรวจจับของศัตรู พร้อมรบแบบ 3 มิติ
MThai News 30 ก.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานข่าวจากคณะรัฐมนตรีระบุว่า การประชุม ครม. ได้อนุมัติการจัดซื้อเรือฟริเกต สมรรถนะสูง จำนวน 1 ลำ วงเงิน 14,600 ล้านบาท ที่จะเข้าประจำการที่กองทัพเรือ(ทร.) ตามที่กระทรวงกลาโหมเป็นผู้เสนอเรื่องอนุมัติการผูกพันงบ 5 ปี (2557-2561)
ทั้งนี้ ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ได้ทำเอกสารชี้แจงว่า ทร.ได้จัดหาเรือฟริเกต เพื่อนำไปใช้ในการป้องกัน รักษาอธิปไตยของชาติ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งจะเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจทางทะเล และจัดหาเพื่อทดแทน เรือฟริเกต ชุด ร.ล. พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย
ที่ครบกำหนดปลดประจำการในปี 2558 และ 2561 ตามลำดับ จึงมีความจำเป็นจัดหาเรือฟริเกตจำนวน 2 ลำ โดยลำที่ 1 กำลังจัดหาในครั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 – 2561 ส่วนลำที่ 2 จะพิจารณาดำเนินการจัดหาต่อไป
สำหรับเรือฟริเกต ที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ คือ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ ฮ.ทร. ในการรับ-ส่ง ฮ. และนำ ฮ.เข้าเก็บในโรงเก็บ ฮ.ได้
นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล. นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้
เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้
อย่างไรก็ตาม ทร.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ด้วย เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้ ทร. ได้รับประโยชน์สูงสุด
โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5ราย ได้แก่ อู่เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของ ทร. โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถตอบสนองภารกิจของ ทร.ได้ดีที่สุด และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ระบุ แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่ ทร.จัดหา มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และทร.เกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society)
โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ
และ ทร.ที่มีใช้งานและกำลังจัดหา การสร้างเรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ในระหว่างปี 2556 – 2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
http://news.mthai.com/headline-news/258675.html
ถึงทร.จะบอกว่าเป็นKDX I แต่ดูยังไงเก็เป็นFFX (ขออนุญาติใช้ภาพของคุณSuperboyครับ)
ขอ MOD Batch2 ในอนาคตอีก10ปีข้างหน้าวันนี้เลย
ติดCEAMOUNTเข้าไป4ด้าน ย้ายฟาลังซ์ไปด้านหลังแทนceros200(ใช้CEAMOUNTแทนได้ไหม??) ด้านหน้าเพิ่มVLSเข้าไปเต็มเหนี่ยว24ท่อเพื่อรองรับ SM-2 ,ESSM Batch2, VL-ASROC ceros200ด้านหน้าใช้สำหรับปืนเรือ
แบบนี้พอไหวไหมครับ เพิ่มเงินเท่าไหร่เนี่ย
ขอเบรกสักนิดเรื่องจะจิ้นเลยเถิด
อย่าพึ่งไปจิ้นซะตั้งแต่ไก่โห่ ........ เรือยังไม่มาเลย เล่นจะเปลี่ยนแบบตัดต่อวุ่นวายกันแล้ว
ระบบอาวุธคล้ายแบบนี้รึปล่าวครับ
แล้วเรือลำที่ 2 ไปไหนละ !!!
เรือฟริเกตลำแรกใช้เวลา5ปี แล้วรอลำที่สองอีก5ปี สรุปโครงการนี้โครดจะยาวนานเลยนะครับ2ลำ10ปี พอดี อีก10ปีข้างหน้าเราค่อยมาเถียงเรื่องเรือดำน้ำต่อ
พอมาดูรูปแบบเรือแล้ว ถ้าเกิดมันเป็นจริง ตามที่ท่านหรือคุณวาสนา โพสมาละก็ ผมขอบอกเลยว่า นี้มันเอาแผ่นเหล็กๆใหญ่มาปิดด้านข้างซ้ายขวาหรือปล่าว ส่วนspecนั้น ผมเห็นแบบนี้แล้วเดินตกท่อเลย แหละครับ ArocหายSM-2หาย มีแต่ESSM ชัวร์งานนี้ ระวางขับน้ำ3700ตัน แต่ถ้าลองเรดาร์3D เป็นSPS-48E งานนี้ก็พอมีลุ้นว่าจะมีMK.41 16Cellหรือปล่าวหว่า หรืออาจจะลองรับถึง32Cell หรือปล่าว แต่คำถามของผมก็คือตอนนี้ ในspecแบบนี้มันคุ้มกับราคาหรือปล่าว?? แค่นี้แหละครับ
การดึงเวลา เป็นการป้องปราม ชาติอื่น ไปในตัว ในการแข่งขัน... นะครับ ไม่ต้องรีบ หากเราหาเร็ว ชาติอื่น ก็หาเร็ว แข่งขันกัน สะสมกันเปล่า ๆ ผลประโยชน์เกิด กับคนขาย คนซื้อ กระเป๋าแฟ้บ... เราทุคน ได้รับผลกระทบแน่นอน ตั้งตรงและอ้อม.....
การทูต ดีที่สุด แต่กระนั้น เราก็ไม่นิ่งนอนใจ ค่อยสะสมไปเรื่อย ๆ ๆ เดี๋ยวก็โตเอง...เอาใจช่วย ครับ
ที่ว่าเรือฟริเกต 2 ลำใช้เวลา 10 ปี ผมคิดว่าอาจมีอย่างอื่นมาคั่นกลาง คั่นหลังด้งย เช่น
2556 เรือฟริเกตลำที่ 1
2558 เรือดำน้ำลำที่ 1
2561 เรือฟริเกตลำที่ 2
2563 เรือดำน้ำลำที่ 2
อย่างนี้เป็นต้น ก็ดูเหมาะสมกับงบประมาณ และดุลยภาพทางทะเลฝั่งอ่าวไทย ครับ
หลังจากออกไปตลาดอาบน้ำกินข้าวดูสาวๆแล้วค่อยใจร่มลงมาบ้าง ผมเลยขอวิจารณ์เรือนิดหน่อยว่ากันตามภาพเลยนะครับ
เรือต้นแบบKDX-I มีระวางขับน้ำ 3,885ตัน ยาว 135.5เมตร กว้าง14.2เมตร เป็นเรือรูปทรงแหลมยาวแบบสมัยเก่า ส่วนเรือของเราระวางขับน้ำ 3,700ตันขนาดใกล้เคียงมาก จึงน่าจะยาวและกว้างใกล้เคียงกันไปด้วย จากภาพจะเห็นว่าด้านหัวเรือถูกยกสุงขึ้นจนโอบล้อมปืนใหญ่ขนาด5นิ้วได้บางส่วน จะช่วยในเรื่องการตรวจจับได้พอสมควร แต่รูปทรงเรือยังคงเป็นรูปทรงแหลมยาวเหมือนเดิมไม่ใช่อ้วนแบนแบบเรือยุคใหม่ๆ สะพานเดินเรือที่ออกแบบใหม่และดูสุงขึ้นถูกถอยร่นไปพอสมควร ระบบCIWSที่เคยอยู่ดาดฟ้าจึงย้ายลงมาติดด้านแทน ส่วนVLS ผมคิดว่ามี16ท่อตามภาพนะครับเพราะMK-41ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักและจากภาพมันกว้างออกไปมากน่าจึงจะ16แน่ๆ
ตำแหน่งเครื่องยนต์และปล่องควันถูกขยับไปด้านหน้า ถูกออกแบบใหม่เพื่อลดการตรวจจับความร้อนไม่เป็นท่อคู่รูปวีอีกแล้ว ไอ้ท่อเดี่ยวยาวๆเตี้ยๆนี่แปลกมากไม่เคยเห็นเลยจริงๆ ท่อตอร์ปิโดเลยต้องตามไปด้วยเจาะช่องไว้ยิงดูเรียบร้อยดี ท่อยิงจรวดฮาร์พูนอยู่ที่เดิมติดกับเรือเล็กที่น่าจะอยู่ใกล้เคียงที่เก่า แต่ตรงนี้มีพื้นที่ว่างพอสมควรใกล้เคียงกับเรือformidableเลยนะครับ ถ้าเอาเรือเล็กออกไปซักลำก็ติดจรวดฮาร์พูนเพิ่มได้อีก1-2ฐานแน่ ด้านท้ายเรือมีเรดาร์3Dระยะไกลซึ่งถือเป็นข้อดีมากเพียงแต่ยังไม่รู้ว่ารุ่นไหนเท่านั้นเอง โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์คล้ายๆกับKDX-IIแหละแต่ได้ลำเดียวและไม่น่ามีโรงเก็บUAVด้านซ้าย ระบบปราบเรือดำน้ำคงใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นหลัก นอกจากกลางลำเรือจะซ่อนK-VLSไว้2ข้างเท่านั้นจึงจะมีK-ASROCเพิ่มได้ ถ้าจะติดก็คงหน้าท่อตอร์ปิโดหลังสะพานเดินเรือเท่านั้นเอง
ประเด็นเรื่องCIWS ติดด้านหน้าจุดเดียวโด่ๆ คงเป็นเรื่องการออกแบบด้านท้ายใหม่เลยมีพื้นที่ติดตั้งระบบไม่มาก ปรกติเราจะเห็นฟาลังซ์อยู่ด้านท้ายมากกว่าเพราะมีมุมยิงกว้างกว่านิดหน่อยและใช้เป็นปืนรองได้ แต่ตอนรบกันจริงๆเรือOHPของอเมริกาโดนจรวดเข้าด้านหน้าแทนจะถือเป็นมุมอับของระบบได้ไหม ส่วนเรือSAAR5ของอิสราเอลติดฟาลังซ์ด้านหน้าแต่โดนยิงท้ายเรือความเสียหายจึงน้อยกว่า ไม่รู้ว่ามันบังเอิญหรือจรวดเลือกทิศทางและตำแหน่งเอาไว้แล้วเลยไปในที่ฟาลังซ์มีมุมอับ ถ้าดูจาก2เคสนี้ฟาลังซ์ด้านหน้าดูแลสะพานเดินเรือเครื่องยนต์และเรดาร์ ส่วนDS-30Mจำนวน2ระบบดูแลเฉพาะด้านท้ายเรือก็น่าจะเข้าทีนะครับตามความสำคัญเลย
ภาพรวมเรือใหญ่โตมากๆและสวยใช้ได้แต่สเป็กขัดใจพอสมควร เราได้เรือขนาดฟริเกตอเนกประสงค์ขนาดใหญ่รูปทรงทันสมัยรบได้3มิติ อาวุธทั้งหมดรวมทั้งฟาลังซ์เป็นของใหม่หมดแน่นอน ส่วนราคาผมว่าแพงกว่าปรกติไปบ้างอาจเป็นเพราะเราต่อแค่ลำเดียว ส่วนทำไมSAABทั้งลำเรื่องนี้ทร.ต้องตอบอย่างละเอียดอีกทีแหละครับ แต่ผมได้ยินมานานแล้วเลยไม่อะไรเท่าไหร่นัก
สุดท้ายก็ยังเสียดายดีไซน์ของKDX-IIอยู่ดีเพราะใส่ท่อVLSได้เยอะชอบตรงนี้แหละ ตอนแรกไม่เคยคิดว่าจะออกมาแบบนี้เลยนะ คิดว่าได้DW3000Hเสียแล้ว เมื่อเรือฟริเกตของเราเปิดเผยโฉมแล้วผมก็สบายใจเสียที มันเหมือนมีอะไรค้างคาอยู่ที่ต้องคอยติดตามดูตลอด ต่อไปนี้จะได้ตั้งใจทำงานตัวเองอย่างเต็มที่เสียที
เรืองเรือลำที่ สอง คงไม่จำเป็นต้องรอลำแรกต่อเสร็จครับ
ถ้ารัฐบาลเห็นชอบ จัดสรรงบให้ ปีหน้า อาจมีเซ็นสัญญาลำที่สองก็ได้ครับ
เนื่องจากรัฐบาลอนุมัติกรอบของงบประมาณไว้แล้วสำหรับฟริเกต 2 ลำ
มีแค่ตำแหน่งนี้เท่านั้นที่พอจะติดตั้ง K-VLSหรือMK-41ได้(K-ASROC VL-ASROC , SM-2 ก็ยังพอมีหวัง) แต่โอกาศน้อยเหลือเกินที่จะมาในรอบนี้ ก็อาจจะเป็นจุดที่ใช้ในการปรับปรุงเพิ่มเติมก็ได้นะครับ ตรงนี้เดาล้วนๆไม่มีเหตุผลใดๆรองรับทั้งสิ้น
แต่ถ้าสามารถติดได้จริงได้ฝั่งละ1หน่วยก็จะมีVLSเพิ่มขึ้นรวม16ท่อเลยนะครับ
ก็ว่าแล้วว่าต้องมีรูปร่างเปลี่ยนไปเป็นคนละลำกันเลย แต่คงใช้พื้นฐานตัวเรือ KDX-1 ส่วนความกว้างยาวคงไม่แป๊ะตามแบบเรือชั้น KDX-1 แต่ดูจากรูป น่าจะถึง 130 เมตร ความกว้าง เดาเอาว่าประมาณ 15 เมตร ระวางที่ว่าเป็น standard load หรือ Full load ก็ยังไม่รู้ครับ ถ้าเป็นแค่ standard load เมื่อบรรทุกเต็มที่อาจจะถึง 4300 ตันก็เป็นได้ครับ
สำหรับระบบอาวุธระบบตรวจจับ ผมขอดูว่าทร.จะประกาศสเปกเมื่อไหรครับ 1.46 หมื่นล้านรวมการฝึกอะไหล่สนับสนุน และ " ภาษี "
ตรงตำแหน่ง VLS นั้นผมพยายามขยายภาพให้ใหญ่ที่สุดแล้ว ก็ยังเดายากว่าเป็น 8 หรือ 16 cell ครับ ผมก็เลยสังเกตจากป้อมปืนด้านหน้า ก็ถ้าข้างหน้าเป็นป้อมปืน 5" ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น 16 cell แต่ถ้าป้อมปืนเป็นขนาด 3" ก็อาจจะเป็นแค่ 8 cell
แต่ผมติดใจตรงดาดฟ้ายกที่ติดตั้งฟาลังค์ ถ้าเป็นแผนแบบเรือที่มาจากตัวเรือ KDX-1 ผมว่าดาดฟ้ายกส่วนนี้อาจจะติดตั้ง VLS ได้ถึง 32 cell เมื่อทำการถอดถอนฟาลังก์ออกไป เพราะเป็นตำแหน่งติดตั้ง VLS ของ KDX-1 เดิม
ส่วนระบบป้องกันระยะประชิดคงไปพึ่งระบบจรวดอย่าง RAM block-2 หรือ K-SAAM เมื่อมีการ upgrade
FCS เป็น CEROS-200 ทั้งหน้าและหลัง เสาเรด้าร์หลัก ยังกะเผื่อไว้วันข้างหน้า upgrade ไปติดตั้ง I-MAST-500 มากกว่า CEA-MOUNT/CEA-FAR ซึ่งถ้ามีการ upgrade ไอ้เจ้า CEROS-200 และโดมกลมๆสำหรับอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียม ด้านท้ายเรือเหนือโรงเก็บฮ.คงต้องโยกย้ายออกไปให้ฟาลังก์มาอยู่ตรงนี้แทนแบบที่ท่าน Superboy กล่าว
มีแนวโน้มว่าเมื่อ Upgrade จะเป็น I-MAST-500 มากกว่าแฮะ แต่ 9LV mk-4 จะรองรับมันได้ในอนาคตหรือไม่นี่สิปัญหา
และที่สำคัญผมขอดู offset ทางอุตสาหกรรมที่ทางเกาหลีเสนอมา มันโดนใจแบบที่จีนเสนอมาหรือไม่ครับ
ส่วนเรื่องเวลาที่จะผ่านงบให้สำหรับลำที่สองคงไม่นานมากขนาดนั้นหรอกครับ เพราะราคาค่าก่อสร้างจะแพงขึ้นเป็นอย่างมากจนทร.จะไม่สามารถจัดหาได้ในราคาเดิม ก็คงรอให้เรื่องแรงต้านซาๆลงไปก่อนสัก 1-2 ปี เพราะ ทร. มีคิวเรื่องเรือดำน้ำอยู่
สนุกสนาน กันไป...5 5 5 5 5
โห ท่านจูดาส เล่นติดK-VLSตรงนั้นเลยเหรออึ้งไปเลย งานนี้ยอมแพ้สู้ไม่ไหวแต่ขอถามหน่อยว่าจะเอาฟาลังซ์ใหม่เอี่ยมไปติดเรือลำไหนแทน
ปังเว้ยเฮ้ยมีครูที่สอนอยู่กรุงเทพเอามาขายแถวบ้านวันเสาร์อาทิตย์อันละ25บาท(ราคาแพงกว่ากันเยอะไหม) ผมกินเข้าไปมีแต่ลูกเกดกับหมูหยองเต็มไปหมดกลัวเป็นเบาหวานเลยไม่เอาแล้ว อยากกินขนมปังไม่ได้อยากกินหมูหยองซักหน่อยคุณครู
ข่าวเดือน กันยายน 2555
หลังต้อง "อกหัก" จากโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำมือสอง "ยู-206" จากประเทศเยอรมนี จำนวน 6 ลำ มูลค่า 7.7 พันล้านบาท ที่ "ราชนาวีไทย" มีความต้องการเพื่อความสมดุลทางอำนาจการรบทางทะเล ตามแผนยุทธศาสตร์กองทัพเรือต่อสู้ภัยคุกคามความมั่นคงทางทะเลที่มีการกำหนดเอาไว้เดิม ทำให้ไม่มียุทโธปกรณ์มาเสริมเขี้ยวเล็บในการรักษาน่านน้ำไทยด้วยเหตุผลที่ทำให้โครงการจัดซื้อ "เรือดำน้ำ" ต้องสะดุดลงต่างๆ นานา
จนมาถึงในยุคของ "บิ๊กหรุ่น" พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โครงการบิ๊กโปรเจ็กต์ของ ทร. ก็ได้รับไฟเขียว ได้เฮ..เสียงดัง เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ แต่ทว่ากลับไม่ใช่ "เรือดำน้ำ" แต่เป็น "เรือฟริเกต" จำนวน 2 ลำ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท โดยโครงการนี้มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในปีงบประมาณ 2555 เพื่อชดเชยและถ่วงดุลกำลังอำนาจทางท้องทะเล ด้วยการเพิ่มเติมขีดความสามารถต่อการปราบ "เรือดำน้ำ" รวมถึง เพื่อทดแทนการปลดระวางประจำการของ "เรือฟริเกต" ชุด "เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" โดยมี "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.ร.ท.จักรชัย ภู่เจริญยศ (ตท.13) รอง เสธ.ทร. ในฐานะว่าที่ "เสธ.ทร." คนใหม่เป็นหัวหน้าโครงการ
ในเบื้องต้น งบประมาณในการดำเนินจัดซื้อ ทร.จะใช้งบของ ทร.เอง โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ปีงบประมาณ 2555-2559
ส่วนระยะที่ 2 อีก 1 ลำ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ปีงบประมาณ 2557-2561
นอกจากนี้ ทร.ดำเนินโครงการปรับปรุง "เรือฟริเกต" ชุด "เรือหลวงนเรศวร" แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ได้ดำเนินการแล้วเป็นการผูกพันงบประมาณ 4 ปี ระหว่างปี 2554-2557 ระยะที่ 2 เป็นการผูกพันงบประมาณ 3 ปี ระหว่างปี 2555-2557 ระยะที่ 3 เป็นการผูกพันงบประมาณ 3 ปี ระหว่างปี 2556-2558 ทั้งนี้ ภายหลังจากเสร็จสิ้นการดำเนินโครงการทั้ง 3 ระยะ จะทำให้ "เรือฟริเกต" ชุด "เรือหลวงนเรศวร" มีขีดความสามารถในการรบได้ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การรบผิวน้ำ สงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศ...ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการรบที่ดีเลยทีเดียว
ว่ากันว่า การดำเนินโครงการระยะที่ 2 ครั้งนี้ ทร.ได้ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบของทางราชการ โดยแบ่งออกเป็น 2 รายการ ประกอบด้วย การจัดซื้อระบบการรบ เป็นเงิน 2,699,999,000 บาท การจัดซื้อลูกอาวุธปล่อย นำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ Evolved Sea Sparrow Missile : ESSM เป็นเงิน 597,826,775 บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 3,297,825,775 บาท
ข่าว วันนี้
ครม.ผ่านงบ 1.46 หมื่นล้านให้กองทัพเรือจัดซื้อ “เรือฟริเกต” พร้อมอนุมัติงบลับ 600 ล้าน พัฒนา “ลูกระเบิด” ให้ศูนย์อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศฯ กลาโหม
วันนี้ (30 ก.ค.) แหล่งข่าวจากคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้ได้มีวาระการประชุมในส่วนของการอนุมัติการจัดซื้อเรือฟริเกต สมรรถนะสูง จำนวน 1 ลำ วงเงิน 14,600 ล้านบาท เพื่อเข้าประจำการที่กองทัพเรือ ตามที่กระทรวงกลาโหมเป็นผู้เสนอ โดยผูกพันงบประมาณ 5 ปี (2557-2561) โดยทางสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ได้ทำเอกสารชี้แจงว่ากองทัพเรือได้จัดหาเรือฟริเกต เพื่อนำไปใช้ป้องกันรักษาอธิปไตย และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งจะเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจทางทะเล และจัดหาเพื่อทดแทนเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ครบกำหนดปลดประจำการในปี 2558 และ 2561 ตามลำดับ จึงมีความจำเป็นจัดหาเรือฟริเกตจำนวน 2 ลำ โดยลำที่ 1 กำลังจัดหาในครั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556-2561 ส่วนลำที่ 2 จะพิจารณาดำเนินการจัดหาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่างๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา เข้าร่วมเสนอแบบเรือ ก่อนที่จะมีผู้เสนอแบบเรือจำนวน 5 ราย ได้แก่ อู่เรือจากประเทศสเปน ประเทศอิตาลี ประเทศจีน และอีก 2 รายจากประเทศเกาหลีใต้ โดยหลังจากคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือแล้ว พิจารณาให้แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) จากประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการคัดเลือก
โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิดด้วย
ทั้งนี้ การสร้างเรือจะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ในระหว่างปี 2556-2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่ เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบ ทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติโครงการขยายผลิตดินส่งลูกระเบิดยิงจากเครื่องยิงลูกระเบิด ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปี 2556 - 2558 วงเงินงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อให้ ศูนย์อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (สทป.) รับไปดำเนินการ
Phalanx Upgrade...เดาว่า...เอาของชั้น พุทธฯ ไป อัพเกรด ครับ...แบบเดียวกับ OHP...ไม่ต้องซื้อใหม่...ซึ่ง เกาหลีใต้ ได้ ไลเซ่น ผลิต Phalanx และ ชุดคิทอัพเกรดของ เรือตัวเอง ครับ...แต่ไม่รู้ว่า...สามารถ จำหน่ายให้ ประเทศอื่น ได้ด้วยหรือเปล่า...
กรณี จะถอนออก ก็น่าจะสามารถไปติดตั้งบนเรือ OPV ลำใหม่ ชั้น กระบี่ ลำที่ 2 หรือ 3 หรือ 4 ได้ครับ...(ถ้าสร้างต่อนะครับ)
K-VL แบบ 4 cell
ที่ท่าน juldas ได้โพสรูปไปนั้น ผมว่าเป็นไปตามนั้น98%นะครับ อีก2% ขอเปลี่ยนตรงที่ Phalanx จากเรือชั้นพุทธแล้วอัพเกรดนี้ ผมว่าทร. คงไม่เอาหรอกครับ ผมว่าเรือชั้นพุทธ คงอยู่ไปอีก10-20ปีนะครับยังไม่ปลดเพราะเรือชั้นตาปี อายุแกกว่าเยอะอาจจะไปก่อนหรือปล่าว ผมว่าทร.จัดหาPhalanx Block 1B มือหนึ่งแน่นอน และก็K-VL นั้น ผมว่ามีจริง เพราะคนที่มาปล่อยข่าวเอกสารลับแลตอนนั้น เค้าก็บอกอยู่ว่ามี แต่แท่นยิง แต่จรวดไม่รู้มีหรือปล่าว ซึ่งก็น่าจะตีไปเลย มีแต่ESSMกับK-Asroc ผมว่ามีแค่เนี้ยแหละครับ สำหรับเรือชุดนี้ ทำใจไปตามสายลม ส่วนจะอัพเกรดอีก10ปีข้างหน้าผมให้น้ำหนักน้อยมากที่จะอัพเกรด ผมว่าทร.คงใช้แบบ ตีตั๋วยาวไปเลยอ่ะสิครับ หรือไม่งั้นก็มีอยู่2กรณี 1.ก็คืออีก10-20ปีอัพเกรดอีกที 2.ทร.อาจจะมีโครงการจัดหาเรือฟริเกตแบบแท้อีกครั้งนึงเพราะในความคิดของผม เค้าก็บอกกันอยู่มาเน้นปราบเรือดำน้ำ ไม่ได้เน้นทางอากาศซึ่งยังเหลืออีกโครงการนึงที่ทร.จะจัดหา มันก็จะเป็นแบบ เน้นปราบเรือดำน้ำ2ลำ เน้นป้องกันทางอากาศ2ลำ ก็จะเท่ากับ4ลำ
และก็อีกอย่าง การถ่ายทอดเทคโนโลยี นี้มันยังไงหว่า ในความคิดของผมเพียงแค่ถ่ายทอดความรู้ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีการต่อเรือ หรือเรือฟริเกตลำที่2 จะต่อที่ประเทศไทยหว่าๆ
K-VLS ผมเคยเห็นแต่แบบ8ท่อเท่านั้นเอง มันเกี่ยวข้องกับระบบผายลมเสียด้วยถ้าตัดออกไปครึ่งหนึ่งจะระบายทันไหมนะ(ภาพล่างเป็นmk-41แต่ระบบน่าจะคล้ายกันมากๆยกเว้นความยาวที่ของเกาหลียาวกว่า) ความลึกของเรืออิลชอนตรงด้านหน้าก็ไม่น่าจะพอติด แต่อยากให้มีจริงๆนะใช้กับเรือเราลำแรกเลยก็ได้ ติดตรงไหนก็ได้ขอให้มีมาเถอะพ่อคุณเอ๋ย
ตามแผนการปลดเรือชั้นพุทธฯ ประมาณปี 2558 เป็นต้นไป ครับ...ตามแผนการจัดหา เรือฟริเกตสมรรถนะสูง...
และ Phalanx อัพเกรด นี่...เป็นที่นิยมทำกันครับ...เพราะถูกกว่า ซื้อใหม่...โดยซื้อแค่ชุดคิท อัพเกรด แล้วให้เขา บูรณาการให้...
โดยหลักแล้ว...เรือรบสมัยใหม่...พออายุได้ประมาณ 15 ปี...ก็จะทำการอัพเกรด เรือ ให้เป็นไปตามภัยคุกคามที่ทันสมัยขึ้น...ทั้ง ไทย ที่ทำกับเรือชั้น นเรศวร เรือชั้น กระบุรี ร.ล.จักรีฯ....รวมถึง เรือฟริเกตในอดีต เช่น เรือชั้น ตาปี ร.ล.มกุฎฯ พอถึงอายุประมาณ 15 ปี ก็มีการอัพเกรดระบบปืน ระบบโซนาร์ ติดตั้งระบบอำนวยการ SEWACO...หรือแม้แต่ เรือตรวจการณ์ชั้น คำรณสินธ์ หรือ ชั้น สัตหีบ...ก็เพิ่งมีข่าวการปรับปรุงระบบตรวจจับต่าง ๆ เช่นกัน...
ซึ่ง อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ก็ทำกันครับ...เรือชั้น Formidable ก็มีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากเดิม รวมถึง การจัดหา S-70B เป็น ฮ.ประจำเรือ...ก็เพิ่งจะจัดหามาเพื่อไม่นานมานี้ครับ...
5 5 5 5 นั่นสิ...ท่าน superboy...ผมไปจำมาจากไหนนะเนี่ยยย...สับสน ๆ ถ้าจำไม่ผิด ไปจำสับสน กับเรือ AFCON หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ที่ว่า มีท่อ VLS เพียง 4 ท่อ...แต่ยังหารูปไม่เจอ...
เจอรูปนี้แทน แต่เป็นของประเทศจีน...เดี๋ยวผม ลองหารูปดูอีกที...
อยากให้ ทร. เจียดงบ เอาฮาร์พูนมายัดลง ปัตตานี นราธิวาส ตาปี คีรีรัตน์ ลำละสี่ท่อจังเรย คิดเล่นไปเรื่อย 55
เรือสวยครับ ดูทันสเตลท์(สมัย) มาก :D สมเป็นเรือหลวงลำใหม่ของไทย แต่สำหรับเพื่อนสมาชิกบางท่านอาจเห็นว่าระบบทางการรบอื่นๆ ควรจะดีกว่านี้ได้นั้น ผมคิดว่าน่าจะรอดูว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น หมายถึงอะไรบ้างนะครับ ถ้าหมายถึงการต่อเรือลำที่ 2 ในประเทศไทย ผมว่ายังไงก็คุ้มครับ แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงต้องรอ ทร. อธิบายรายละเอียดล่ะครับว่า ทำไมมันถึงดีกว่า เรือ 3 ลำ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีของจีน เทคโนโลยีของจีนในปัจจุบันมีตั้งแต่ สากกะเบือยันเรืออวกาศ แล้วนะครับ แต่ยังไงก็เชื่อมั่น ทร. นะครับ เพราะว่าใช้งบประมาณคุ้มค่าเสมอ ต่อเรือใช้เองมาเยอะมาก :D
เรื่องตัวเรือไม่ค่อยซีเรียสครับ เพราะตามข่าวว่าแดวูสนับสนุนอู่ต่อในไทย แต่จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบ ที่เซ็งๆหน่อยคือสเป็คอาวุธครับ อันนี้ผมแปลกใจว่ามันเด่นกว่าเรือชุด ร.ล.นเรศวร ที่อัพเกรดแล้วแค่ไหนกัน เพราะเทียบสเป็คกันแล้วเรือใหม่ดูดีกว่าแค่นิดเดียว
พล.ร.อ.จักรชัยกล่าวว่า "เหตุผลที่คณะกรรมการต้องกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการในส่วนของระบบ ส่งกำลังบำรุง Logistic อะไหล่นั้น เพราะต้องเลือกที่ ทร.เราเคยใช้ ทหารเรือเราซ่อมบำรุงมาแล้ว และมั่นใจ รวมทั้งระบบอำนวยการรบ และระบบอาวุธ ระบบไฟฟ้า ระบบเดินเรือ และเรดาร์ เพราะระบบแบบนี้ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน"
ชัดเจนครับ อะไรที่แหวกแนวไป ผิดหลักนิยม ่ไม่้เคยใช้ ไม่มี ไม่มั่นใจ ไม่ต้องหวังว่ามันจะมาครับ
แหม่ถ้าท่านออกมาพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกผมคงไม่ต้องเดาเรื่องระบบอาวุธ ระบบเรือ ให้ปวดหัวตั้งแต่ต้นปี
ถ้าว่ามาอย่างนั้นทำผมคิดแบบนี้เลยน่ะว่า "ทร.จะไม่เปิดรับของใหม่" นั่งหัวเราะทั้งน้ำตาเลยผม
สิ่งที่น่าจะ เหนือกว่า เรือชั้น นเรศวร คงเป็น
1. ความสามารถปล่อย ESSM ที่มากกว่า 2 ลูก ในคราวเดียว...ถ้า เรดาร์ตรวจการณ์ระยะไกล 3D เป็น AESA หรือ Phase Array ก็จะสามารถจับเป้าหมาย ได้ น่าจะประมาณ 32 - 62 เป้าหมาย...ความสามารถจับเป้าหมาย จรวดเรี่ยน้ำ ได้เกินระยะพ้นขอบฟ้า ซึ่งมันคือ คุณสมบัติ ของ AESA และ Phase Array ซึ่งในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
2. ระบบโซนาร์ ลากท้าย และ Fire control ที่น่าจะใช้ของ ATLAS Electronik (รอดูสเปคเต็ม) ซึ่ง ในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
3. การใช้ S-70B เป็น LAMP และ ปราบเรือดำน้ำ ซึ่งในชั้น นเรศวร รองรับได้เพียง ฮ.ซุปเปอร์ ลิงซ์
4. คงจะมีระบบ ASROC มาด้วย (รอดูสเปคเต็ม) ซึ่งในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
5. ความสามารถในการปล่อย SM-2 ในอนาคต ซึ่งคงใช้ระบบของ CEA Teachnology ซึ่งก็เป็นบริษัทฯ ชั้นแนวหน้าบริษัทหนึ่งในขณะนี้ เพราะเป็นการร่วมทุนระหว่าง ออสเตรเลีย กับ สหรัฐ โดยตามสเปค ใช้ CWI ของ CEA
6. ในการใช้ปล่อยจรวด SM-2 และ ESSM นั้น บริษัท CEA Teachnology ร่วมกับ BAE System ร่วมกันพัฒนา และมีระบบ ( Interrupted Continuous Wave Illumination) ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่มาจาก Thales เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น ที่มี ICWI เป็นระบบของตนเอง โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่มาจาก Thales เช่นกัน ในการปล่อยจรวด SM-2
7. คุณลักษณะ ความเป็น Stealth ทั้งลำเรือ (ซึ่งหมายถึง ระบบขับเคลื่อน และการลดอำนาจแม่เหล็ก) ที่ เรือชั้น นเรศวร เป็นเพียงการออกแบบบางส่วนเท่านั้น
8. BAE System + CEA Teachnology + Saab ก็เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับการยอมรับตาม มาตรฐานของกองทัพเรือสหรัฐ ที่มีการใช้ระบบของบริษัทฯ กลุ่มนี้ รวมถึง การร่วมลงทุนพัฒนาในอนาคต ด้วย...เช่น BAE System ก็เป็นบริษัทฯ ที่จัดการระบบ VLS หรือ Saab ก็ใช้ Sea Girafft รวมถึง CEA Teachnology ที่ร่วมทุนพัฒนา CEAFAR และ High Power CEAFAR ในอนาคต
SAAB's 9LV Combat Management System Operational In Lockheed Martin Canada's Navy Combat System Integration Lab
|
by Staff Writers
Montreal, Canada (SPX) Jan 04, 2008
Lockheed Martin and Saab Systems announced that Saab's 9LV Combat Management System is operational in Lockheed Martin Canada's Combat System Integration Lab in Montreal. The 9LV provides a core element of the Lockheed Martin Halifax Class Modernization (HCM) Team's Canadian Advanced Command and Control System, or "CanACCS-9LV."
The system is an advanced command and control system that Lockheed Martin's industry team is proposing for the Canadian Navy's HALIFAX Class Modernization Program, which will upgrade the nation's 12 multi-mission frigates.
Already deployed in 14 international navies and on more than 200 warships worldwide, Saab's 9LV Combat Management System will provide the Canadian Navy's HALIFAX class frigate fleet with advanced warfighting capabilities, including proven Enhanced Sea Sparrow Missile anti-ship missile defense capabilities.
Lockheed Martin Canada is the original combat systems integrator for the Halifax frigate program and provides in-service support for both the Halifax- and Iroquois-class ships. Lockheed Martin and Saab Systems have worked together for over two years to ensure the successful integration of Saab's 9LV with proven and deployed Canadian Navy command and control systems capabilities.
"We have successfully demonstrated the low risk integration of CanACCS-9LV with selected new and legacy elements of the combat system for the modernized Halifax class," said Tom Digan, President of Lockheed Martin Canada.
"CanACCS-9LV fully leverages our open architecture 9LV Combat Management System and significantly reduces risk by integrating proven Canadian Navy components," said Svante Larsson, vice president, Naval Systems, Saab Systems. "Our successful experience in combat system modernization programs coupled with Lockheed Martin's knowledge and expertise in Canada and internationally provides for a state of the art, low risk solution."
Lockheed Martin Canada's facility in Montreal is the Combat Systems Integration Centre of Excellence for the Canadian Navy. The facility was established as part of the company's commitment as original equipment manufacturer of the current combat system onboard the HALIFAX class and has served for the past two decades as the centre for software development, integration and in-service support. The facility's capabilities allow the Navy and Lockheed Martin to address critical areas of risk before shipboard integration.
Saab to Upgrade all ANZAC Ships’ Combat Systems
The Australian Government has approved an upgrade of all ANZAC class frigates to the full anti-ship missile defense standard.
Saab Systems will work with the Defense Material Organization and BAE Systems for systems integration of a further seven naval combat systems.
The Royal Australian Navy will receive the upgrade of the ANZAC class frigate comprising an enhanced 9LV combat management system, phased array radar and missile director, infrared sensors and an advanced navigation radar system.
Saab, teamed with BAE Systems and CEA Technologies, created the latest variant of the 9LV combat management system (CMS) for HMAS PERTH earlier this year. The upgrade entailed an extensively redesigned operations room to give the ship unprecedented situational awareness and weapon systems coordination. The highly modernized ship has been engaged in radar, missile and combat system trials for much of 2011 which have validated the entire combat system.
Australian Chief of Navy, Vice Admiral Ray Griggs said, “The tests proved that the new system can defend the ship from modern cruise missile attack.”
The operations room has been reorganized to enhance the capability of the ship’s command team. Newly-designed consoles come with 30 inch wide screen displays and 42 inch large screen displays show operational command information across the room. The CMS integrates the entire combat system through a dual redundant Gigabit optical fiber LAN.
Chairman of Saab Technologies Australia, Ms Gunilla Fransson said, “The modernization of the entire ANZAC class is testimony to the future-proof 9LV combat management system and Saab’s combat system engineering capability in Australia.”
“This fully integrated combat system is now one of the most modern CMS in the world. It gives the ANZAC ships a fully flexible capability to utilize all its weapons, sensors and countermeasures simultaneously.”
Landing Helicopter Docks
Big ships taking shape
Byline: Kym Bergmann / Canberra
Introduction
The two massive LHDs that are under construction at Williamstown in Melbourne and Ferrol in Spain are now entering an advanced stage of the project. Being built by Navantia, the hull of Ship 02 - which will become HMAS Adelaide - is 85% complete and will begin the journey to Australia for the final stage of assembly in December this year. Ship 01 – or in the jargon of naval shipbuilding NUSHIP CANBERRA - is on track to begin trials next year, with prime contractor BAE Systems confident of being able to deliver her to the Navy on schedule in 2014.
According to BAES the platform and combat system design activities are largely complete, concluding with successful combat system integration at the Land Based Test Site in December 2012. The LHD 01 hull, fully outfitted, arrived in Australia in October 2012. Since then BAES has erected the entire superstructure and is completing the outfitting and cabling to begin Set To Work and Integration in the next few weeks. The remainder of the year sees the program run through Harbour Acceptance Trials and Sea Acceptance Trials to enable handover of the ship in February 2014. The Integrated Logistic support program for documentation, spares and training is on track to fully support the handover of the ship.
Asked to comment on workload issues, the company explained:
“The first LHD is scheduled to be delivered to the RAN early February 2014 and the second LHD arrives late February 2014. The majority of the construction on the first LHD will be completed third quarter 2013 thus allowing integration, testing and sea trials to proceed. A seamless transition will occur between ship 1 and ship 2 as ship 1 completes all necessary documentation for handover and ship 2 begins the superstructure consolidation and completion of outfitting.”
ITT Exelis
On the systems side of the equation, the latest major announcement was in March when ITT Exelis were awarded a contract valued at more than $102 million to provide the Electronic Support Measures (ESM) suite for Australia’s ANZAC frigates and the Canberra class LHDs. The company says that their ES-3701 ESM system will significantly improve the Royal Australian Navy‘s capability to detect radars from other surface ships and aircraft. It provides situational awareness, targeting, self-protection and surveillance, and utilizes a Windows-based interface for robust, easy-to-use graphical displays. The selection of the ES-3701 also provides commonality with other large warships in Australia’s fleet, as the system is also being deployed on the Air Warfare Destroyer (AWD). Exelis told APDR that the systems are similar but not identical due to differences in ship design and technical requirements.
Asked to explain the pedigree of the system the company explained that there are over 50 ES-3701 ESM systems installed within various navies around the world. Using an example from the commercial aviation sector, Exelis says that just as Boeing has done with the B-737 aircraft, so too they have continually upgraded and improved this extremely effective technology.
Saab Systems.
The heart of the LHD combat system is a variant of that supplied to the RAN for the ANZAC frigates. The company explains the difference:
“One of the key features of the 9LV Combat Management System software is its modularity and scalability. The LHD Combat Management System (CMS) is an adaptation of the ANZAC Anti-Ship Missile Defence Mk3E 9LV453 CMS. The baseline for this adaptation is the proven ASMD Release 2A.
“The CMS objectives are to enable the LHD to plan for and support the execution of the operational functions of the LHD including amphibious operations using helicopters and watercraft. In addition the Combat System provides a surveillance capacity and a self-defence capability, particularly against asymmetric threats such as small boats. The Multilink communications function will allow the LHD to maintain interoperability with other protective units to defeat more conventional threats. This will allow it to operate effectively in both national and multi-national task groups.
“Changes have been made to provide new interfaces for the LHD specific sensors such as the Saab Sea Giraffe AMB Radar and LHD IFF solution. Enhancements have included LHD specific functionality such as Airspace Management, Watercraft Control, the inclusion of Large Screen Displays for data monitoring in multiple spaces, and the incorporation of MultiLink functionality. In addition, the Weapon systems have been adapted to the specific LHD configuration and needs. All the modified or additional functionality is supported by Human Machine Interface changes to optimise operation of the LHD Combat Management System.”
Saab Systems says that in terms of operator consoles the LHD CMS is the larger 9LV CMS system, and includes some functionality not found in ANZAC. Technically it is less complex, in terms of the equipment interfaces, than ANZAC ASMD. There are some software architectural differences in the LHD 9LV CMS and its design means that it is quicker and more affordable to develop, upgrade and support. The LHD CMS retains much of the core functionality of 9LV found on the ANZAC class, including comprehensive track management and correlation, threat management, navigation and operational support functions.
Software modules developed in the future for either platform can also be installed and tested in either platform, depending on RAN requirements. From the crews perspective the differences in the Human Machine Interface between the two systems are minimal and cross-decking of Combat System Operations personnel between ANZAC and LHD will be quite straightforward.
Saab says that the LHD Combat System, including Combat Management System and associated Sensors and Weapons, has successfully completed Integration Testing at the Land Based Test Site at Williamstown and is currently completing installation onto LHD NUSHIP Canberra in preparation for Set to Work and Harbour testing throughout 2013. Work is progressing well and the company is looking forward to seeing the LHD Combat System go through its paces during these trials.
Looking ahead for the next year, the focus will be on the successful installation, set to work and harbour testing and sea trials on LHD NUSHIP Canberra. In addition Saab is delivering an operator and maintainer training system for the LHD CMS and will commence training of RAN personnel in mid-2013. This is a particularly import activity and Saab has developed a new range of low cost COTS based training consoles which emulate the look and feel of the larger shipboard consoles. The new consoles have completed production and will be shipped for installation shortly. From a personnel perspective Saab has ramped down from the peak project team but there are still approximately 30 staff involved in the project. The team is mainly located in Adelaide with some presence in the shipyard in Williamstown, and with training installation work also to be conducted in Sydney.
Turning to support activities, Saab believes that there are significant benefits from the common 9LV heritage with reuse of training and the benefits of having ANZAC experienced RAN personnel. There are also significant maintenance and logistic support benefits from both the hardware and software perspectives. Transitional training from ANZAC ASMD to LHD will be minimal and although there are some architectural and equipment differences in the CMS between the two classes of ship there is also substantial commonality.
Saab believes that the key to mission success is effective distribution of work in the Operations Room. This allows the commander to obtain the maximum capability and efficiency from the Command team. The 9LV CMS provides functional-based allocation of roles and is configurable during runtime. This provides the basis for flexible and sustainable workload management. The 9LV CMS also features an on-board training function that provides flexible game definition supporting the construction of a wide variety of training exercises that can be executed in a simulated environment. Sensors and weapons are simulated thus enabling realistic training for the whole decision chain, from detection to engagement.
Navy & Army users.
Asked to explain how Navy was preparing for the delivery of the first LHD, a spokesperson explained to APDR:
“The crew of the first ship has begun training, which is being delivered by the prime contractor BAES. This training will be completed in time for the delivery of the ship to Navy in early 2014. International training and engagement also continues with the United States, United Kingdom and Spain to build experience and knowledge in supporting the new amphibious capability.
“Exposure to other nations’ capability and doctrine has also allowed the RAN and ADF to continue to develop its amphibious doctrine, which is developing into a comprehensive doctrine suite based on world’s best practice. This doctrine will continue to be refined as the amphibious capability matures, ensuring that the ADF has a robust capability that is interoperable with key Allies and Partner Nations.”
And regarding the Army, the spokesperson said:
“The Chief of Army has tasked the 2nd Battalion, The Royal Australian Regiment (2RAR) to form Army’s Amphibious Battle Group. This Battle Group is responsible for enhancing Army’s amphibious capability. In the past 12 months elements of 2RAR have undergone training in Australia supported by United States Marine Corps Mobile Training Teams and United Kingdom Royal Marine subject matter experts. The training has focused upon planning amphibious operations, expeditionary logistics and expeditionary communications. Members of 2RAR have also benefited from the opportunity to observe United States Marine Corps certification exercises overseas.
“The Deployable Joint Force Headquarters is responsible for leading the Joint and Army development of the amphibious capability. This Headquarters continues to develop joint amphibious doctrine and concepts for operations in support of the amphibious capability.
“In the past 12 months Army has designed the Amphibious Pre-deployment Training Program similar in concept to the proven United States Marine Corps Pre-deployment Training Program. The Amphibious Pre-deployment Training Program is aligned with the Army Training Continuum and will commence when the Amphibious Infantry Battalion and enablers have met individual and collective training proficiencies within their respective core trades.
“In 2013 Army will validate the Amphibious Pre-deployment Training Program through the conduct of a trial certification exercise synchronised with Exercise Talisman Sabre 2013. Navy will support the conduct of the trial with HMAS Choules.
“Concurrent to the development of the 2RAR Amphibious Battle Group, Army Aviation and the Royal Australian Navy Fleet Air Arm are developing the rotary wing capability for the LHDs which will see MRH90 Taipan, EC665 Tiger and CH-47F Chinook embarked in support of the Amphibious Task Group. Development of LHD Aviation capability will begin with First of Class Flight Trials for each aircraft type and will then undergo a graduated increase in aviation capability in line with the Amphibious Battle Group. Rotary wing capability will culminate in a mixed fleet Rotary Wing Group operating from both LHDs.”
Possible role for the F-35.
There has been persistent speculation since the beginning of the project that the ships might one day embark Joint Strike Fighters, giving Navy two mini aircraft carriers and replacing a capability lost with the retirement of HMAS Melbourne in 1982. Indeed, it is possible that Spain will eventually use their virtually identical LHDs in this sort of role. It is certainly the intention of the United States to use their various amphibious support ships as F-35 platforms, with the Secretary of the Navy Ray Mabus observing that this will increase the number of US aircraft carriers from the present 11 to a total of 22.
Asked to comment on the likelihood of Australia also going in this direction, a Defence spokesperson said:
“It is technically possible for a STOVL JSF to land on and take off from an LHD, however, the ships company will not have the training, qualifications or certification to undertake aviation platform activities beyond those required for rotary wing operations.”
เข้าใจที่คุณJudasอธิบายครับ แต่ถ้าประสิทธิภาพเพิ่มแค่นี้ (เพิ่มจากเรือหลวงนเรศวรอัพเกรดไม่มากนัก ) แถมยังไม่รู้ว่าถ้าจะอัพเกรด(ยิงSM2)ในอนาคตได้แค่ไหน เราต้องจ่ายเงินมากขนาดนี้เลยเหรอครับ หวังว่าทร.น่าจะหาคำตอบที่ดีมาตอบได้นะครับ ถ้าอยากยิงSM2ได้ ตอนนี้ ผมว่ารับเรือOHPบริจาค มาอัพเกรด ก็สามารถยิงSM2ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารออัพเกรดเรือฟรีเกตสมรรถนะ(ธรรมดา...ราคา)สูงในอีก10-20ปีข้างหน้าหรอกครับ
ขออนุญาติยืมชื่อ เรือฟรีเกตสมรรถนะ(ธรรมดา...ราคา)สูง ของคุณTWG มาใช้นะครับ
1. ความสามารถปล่อย ESSM ที่มากกว่า 2 ลูก ในคราวเดียว...ถ้า เรดาร์ตรวจการณ์ระยะไกล 3D เป็น AESA หรือ Phase Array ก็จะสามารถจับเป้าหมาย ได้ น่าจะประมาณ 32 - 62 เป้าหมาย...ความสามารถจับเป้าหมาย จรวดเรี่ยน้ำ ได้เกินระยะพ้นขอบฟ้า ซึ่งมันคือ คุณสมบัติ ของ AESA และ Phase Array ซึ่งในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
------จับเป้าหมาย คนละเรื่องกับEngaged เป้าหมาย ระบบคคย.ยังเป็นceros 200เหมือนกัน
2. ระบบโซนาร์ ลากท้าย และ Fire control ที่น่าจะใช้ของ ATLAS Electronik (รอดูสเปคเต็ม) ซึ่ง ในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
-------ยังไม่ชัดเจน แต่ตรงนี้ก็เหนือกว่าจริงๆ
3. การใช้ S-70B เป็น LAMP และ ปราบเรือดำน้ำ ซึ่งในชั้น นเรศวร รองรับได้เพียง ฮ.ซุปเปอร์ ลิงซ์
--------เห็นด้วย
4. คงจะมีระบบ ASROC มาด้วย (รอดูสเปคเต็ม) ซึ่งในเรือชั้น นเรศวร ไม่มี
--------ไม่มีแน่นอน ฟันธง การมีVL-ASROC จะต้องพ่วงระบบMK116 มาด้วย ไม่งั้นยิงไม่ออก ซึ่งยังไม่มีเจ้าใดในโลกintegrateระบบMk116 เข้ากับระบบCMSของตนได้ แม้แต่THALES
5. ความสามารถในการปล่อย SM-2 ในอนาคต ซึ่งคงใช้ระบบของ CEA Teachnology ซึ่งก็เป็นบริษัทฯ ชั้นแนวหน้าบริษัทหนึ่งในขณะนี้ เพราะเป็นการร่วมทุนระหว่าง ออสเตรเลีย กับ สหรัฐ โดยตามสเปค ใช้ CWI ของ CEA
-----------ถ้าใช้STIR 2.4HP ก็ติดตั้งSM-2ได้เลย.............ทำไมต้องรออนาคตที่ยังไม่ชัดเจน
6. ในการใช้ปล่อยจรวด SM-2 และ ESSM นั้น บริษัท CEA Teachnology ร่วมกับ BAE System ร่วมกันพัฒนา และมีระบบ ( Interrupted Continuous Wave Illumination) ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่มาจาก Thales เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น ที่มี ICWI เป็นระบบของตนเอง โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี่มาจาก Thales เช่นกัน ในการปล่อยจรวด SM-2
-----------ก็ใช้ของThales ก็จบเรื่อง .........ส่วนสองประเทศนั้น เค้ามีความต้องการของตนเองอยู่ อย่างญี่ปุ่น ก็ชอบพัฒนาเอง ส่วนออสเตรเลีย กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมของตนอยู่
7. คุณลักษณะ ความเป็น Stealth ทั้งลำเรือ (ซึ่งหมายถึง ระบบขับเคลื่อน และการลดอำนาจแม่เหล็ก) ที่ เรือชั้น นเรศวร เป็นเพียงการออกแบบบางส่วนเท่านั้น
----------เรือใหม่กว่า ย่อมดีกว่าไม่แปลก ที่เค้าบอกว่าดีกว่ารล.นเรศวรไม่มาก คือระบบอาวุธโดยรวมต่างหาก !
8. BAE System + CEA Teachnology + Saab ก็เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับการยอมรับตาม มาตรฐานของกองทัพเรือสหรัฐ ที่มีการใช้ระบบของบริษัทฯ กลุ่มนี้ รวมถึง การร่วมลงทุนพัฒนาในอนาคต ด้วย...เช่น BAE System ก็เป็นบริษัทฯ ที่จัดการระบบ VLS หรือ Saab ก็ใช้ Sea Girafft รวมถึง CEA Teachnology ที่ร่วมทุนพัฒนา CEAFAR และ High Power CEAFAR ในอนาคต
------------Thales ใช้กันทั้งยุโรป ไม่ว่าจะเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ และอีกหลายประเทศนอกนาโต้ ชัดๆก็คือสิงคโปร์ มีโซลูชั่นที่ยืนยันและใช้งานแล้วอย่าง APAR SMART-L SMART-S และระบบใต้น้ำอีกหลายแบบ .......
ผมขอนำบทความของท่าน ผบ.ทร กล่าวไว้เหล่านี้นำเสนออีกครั้งเพื่อให้ใครหลายๆท่านได้เลิกวิพากษ์วิจารณ์เรือฟรีเกตใหม่ในทางเสียๆหายๆได้แล้วครับ
พล.ร.อ.จักรชัยกล่าวว่า เหตุผลที่คณะกรรมการต้องกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการในส่วนของระบบ ส่งกำลังบำรุง Logistic อะไหล่นั้น เพราะต้องเลือกที่ ทร.เราเคยใช้ ทหารเรือเราซ่อมบำรุงมาแล้ว และมั่นใจ รวมทั้งระบบอำนวยการรบ และระบบอาวุธ ระบบไฟฟ้า ระบบเดินเรือ และเรดาร์ เพราะระบบแบบนี้ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเป็นเหตุผลด้านยุทธการที่ ทร.จะต้องปฏิบัติการรบร่วมกับกองทัพอากาศ มีการเชื่อมโยงระบบการรบของเรือรบ ทร.กับเครื่องบินของ ทอ. ทั้ง Link E, Link RTN โดยเฉพาะการเชื่อมโยง รล.ฟริเกต ชุดตากสิน-นเรศวร และ รล.จักรีนฤเบศร กับ Link G, เครื่องบิน Gripen เครื่องบินรบ Generation 4.5 ที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพอากาศ เนื่องจากการรบในสมัยใหม่จะต้องเป็นการรบร่วมมากกว่า 1 เหล่าทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ระบบ Network Centric Warfare
"ผมขอยืนยันในความโปร่งใสของคณะกรรมการ และเป็นไปตามความต้องการของ ทร. และ ตามงบประมาณที่เราได้รับ ขอให้มั่นใจว่าเราจะหาเรือที่ดีที่สุด เหมาะสมกับ ทร.ในอนาคตมาประจำการ เราจะไม่ทำอะไรให้กำลังพล ทหารเรือรุ่นหลัง คนใช้เรือมาตำหนิหรือว่าพวกเราได้แน่นอน เรือฟริเกตลำนี้จะเป็นเรือพิฆาต เรือที่เก่งในการรบ 3 มิติ ที่เราจะเน้นการปราบเรือดำน้ำ เพราะเราไม่มีเรือดำน้ำ แต่รอบบ้าน มีเรือดำน้ำหมด และเป็นภัยคุกคามสำคัญในเวลานี้ แต่บางเรื่องบางอย่างได้โปรดเข้าใจ ทร.ด้วยว่าเราเปิดเผยหมดไม่ได้ เพราะเป็นความลับด้านกำลังรบ และการยุทธการ แต่ ทร.มีแผนที่จะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เมื่อ ครม.ได้อนุมัติผูกพันงบประมาณแล้ว เราพร้อมตอบทุกคำถาม" พล.ร.อ.จักรชัยระบุ
ผมว่าท่าน ผบ.ทร ท่านพูดให้มันดูดีไว้ก่อนเพราะงบประมาณที่ได้รับมามันก็พอให้ซื้อได้เท่าเคยซื้อหามาใช้งานได้ เท่านั้นละครับ ครั้นจะไปเอาหรู่กว่า ดีกว่าราคาแพงกว่านี้มันก็คงไม่ได้อย่างแน่นอน ด้วยงบแค่ 14,700 ล้านบาท เพราะผมเชื่อทางทหารเรือคงได้รวบรวม ใบ Quotation ทั้งราคาต่อเรือ ราคาระบบเรด้าห์และระบบอาวุธ มาบวกรวมกันคงจะได้เท่าที่เห็นจริงๆครับ ส่วนเรื่องการอัพเกรตเรือในอนาคต ผมเชื่อทางทร.คงเตรียมแผนนี้เอาแล้วล่วงหน้าอย่างแน่นอน
เท่าที่เห็นรูปแบบเรือในตอนนี้ที่หลายๆท่านรวมทั้งผมเองที่มองว่าน่าจะเหนือกว่าเรือนเรศวรเพียงเล็กน้อยนั้นเพราะว่าน่าจะนำงบประมาณไปทุ่มกับการปราบเรือดำน้ำเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ เน้นที่ระบบโซน่ามากกว่าครับตามที่ท่าน ผบ.ทร กล่าวเอาไว้
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ข้อความที่บอกว่าไม่สามารถจะเปิดเผยข้อมูลได้เนื่องจากต้องเป็นความลับทางทหาร โดยลึกๆอยากให้ทร.ให้จัดเต็มเอาแบบชุด Mk116 SQQ-28 lampIII รุ่นเดียวกับที่ใช้บนเรือ Arleigh Burke class ของสหรัฐมาหมดเลยครับ ทั้ง
1) USQ132 TDSS
2) AN/SQS-56 Sona Array
3) AN/SQR-19 Towed Array
4) AN/SLQ-25C NIXIE Torpedo Decoy
5) Torpedo Mk.54
6) พื้นที่รองรับการอัพเกรตเพื่อติดตั้ง Vls.Mk41 หรือ KLV สำหรับ Asrock RUM-139 ในอนาคต
7) และปิดท้ายด้วย S-70B หรือ SH-60B รุ่น full option มาทั้งโซน่า, โซโนบุ้ย,Torpedo Mk.50, Sea penguins และ Chaff ไว้ใช้ป้องกันตัวเองจากจรวด anti-air
คิดว่าทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงพี่มะกันจะยอมขายให้ไทยเราได้ในทางลับ (ในฐานะประเทศมหามิตร)
ที่ว่ามาทั้ง 7 อย่างก็ใช้งบไปหลายพันล้านแล้วนะครับ
***(อันนี้แค่คาดหวังนะเว้ยเฮ้ย 555+)***
และสุดท้ายอย่างน้อยก็มั่นใจได้เมื่อได้เห็นข้อความที่ ท่านผบ.ทร กล่าวว่าเรือฟรีเกตใหม่จะสามารถทำการรบได้ทั้ง 3 มิติ นั้นก็แสดงว่า SM-2 ในอนาคตมาแน่อย่างแน่นอนครับ ตอนนี้เอาแค่ ESSM สำหรับป้องกันตัวเองก่อน
CMS
SAAB 9LV ---------SM-2 ยังไม่Certified
THALES SEWACO --------SM-2/3 Certified
FCR
CEROS-200 -----------SM-2 ไม่certified
STIR 2.4HP ----------SM-2 Certified
เอาแค่นี้ ถ้าทร.จะพูดว่า เผื่อจะติดSM-2ในอนาคต
กลับเลือกระบบที่ยังไม่ได้รับการรับรอง
และอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการR&D ให้ใช้งานได้
อย่างนี้ มันคุ้มค่าตรงไหน ในเมื่อมีค่าใช้จ่ายแฝงในอนาคตหากต้องการใช้SM-2จริงๆ???
ตอบคำถามรอบสื่อมวลชน เอนไปทางทร.เยอะหน่อยนะครับ
ถาม : ทำไมเรือจึงมีราคาแพงถึง 14,600 ล้านบาท มีการหมกเม็ดอะไรหรือเปล่า
ตอบ: วงเงินนี้รวม รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่ เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบ ทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มก็ปาเข้าไป900กว่าล้านแล้ว ค่าต่อเรือมีมูลค่า xxxxx ค่าอาวุธyyyyyy ค่าโน่นค่านี่ zzzzzz
Superboy : ว่าไงว่าตามกัน คำถามนี้ทร.ต้องตอบชัดเจนอยู่แล้วเพราะมีคนจำนวนมากรอฟังอยู่
ถาม : ทำไมเรือจึงไม่มีระบบอาวุธSM-2ติดตั้งมาด้วย
ตอบ: เรือของเราเป็นเรือฟริเกตอเนประสงค์ที่เน้นในเรื่องระบบปราบเรือดำน้ำ เหมือนที่ท่านผบ.ทร.เคยกล่าวว่าเราต้องการดำลงไปด้านล่างมากกว่าอย่างอื่น สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลางนั้นทร.ยังไม่มีไม่มีแผนการจัดหาในเร็วๆนี้ กระแสในอินเตอร์เน็ตเป็นการคาดการกันไปเองทั้งนั้น
Superboy : ว่าไงว่าตามกัน ผมผิดเองที่หลงรักคุณฝ่ายเดียว
ถาม : แล้วเราจะมีระบบอาวุธสำหรับการป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลางเมื่อไหร่ครับ
ตอบ: ทางเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เหมือนกันแต่คงหลังการจัดหาเรือฟริเกตและเรือดำน้ำเสร็จสิ้นไปก่อน ส่วนจะเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญในส่วนนี้มากน้อยแค่ไหนด้วยครับ
Superboy : ว่าไงว่าตามกัน มันเป็นคำตอบที่ไม่มีคำตอบอะไรทั้งสิ้น
ถาม : แล้วระบบปราบเรือดำน้ำหละครับท่าน เป็นยังไงบ้าง
ตอบ: (ในกรณีไม่มีจรวดต่อสู้เรือดำน้ำ) เรือฟริเกตของเรารองรับเฮลิคอปเตอร์ได้ถึงขนาด10ตัน มีโซนาร์หัวเรือที่ทันสมัยและมีโซนาร์หย่อนชักได้อยู่ท้ายเรือที่ดีเป็นอันดับต้นๆอีกด้วย นอกจากนี้เรายังมีASW SUITE ที่ดีมากๆสามารถลิงค์กับเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำที่ทันสมัยของเราได้ตลอดเวลาแบบเรียลไทม์ โดยระบบทั้งหมดที่กล่าวถึงมีการใช้งานในกองทัพเรือชั้นนำทั่วโลกและในอนาคตเราจะจัดหารเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำที่ทันสมัยมาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ส่วนจะเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญในส่วนนี้มากน้อยแค่ไหนด้วยครับ
Superboy : K-ASROC เกาหลีควรจะแถมมาด้วยถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางได้มาอีกแล้ว
ถาม : ทำไมต้องเป็นSAABทั้งหมด
ตอบ: ระบบต่างๆที่เราจัดหามาสามารถปฏิบัติการรบร่วมกับกองทัพอากาศและกองเรือของเราทั้งหมดได้ เนื่องจากการรบในสมัยใหม่จะต้องเป็นการรบร่วมมากกว่า 1 เหล่าทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ระบบ Network Centric Warfare ทั้งนี้ทันนั้น อุปกรณ์ของSAAB ที่ติดตั้งมีความทันสมัยตามความต้องการเราในราคาไม่แพงมากสมฐานะประเทศ แม้จะไม่ใช่ระบบที่มีประสิทธิภาพสุงสุดแต่สามารถรรองรับภัยคุกคามที่มีกับประเทศเราได้อย่างสบาย (แปลว่ายิงเป้าหมายมากกว่า1ตำแหน่งได้ แต่ยิง2นัดใส่เป้าหมายเดียวกันไม่ได้อะไรประมาณนี้)
Superboy : SAAB ใช้ยิงESSMได้แม้จะไม่เต็มประสิทธิภาพแต่ก็คงเหมาะสมกับราคา อุปกรณ์ของSAABทั้งหมดบนเรือควรจะมีการเผยแพร่ออกสาธารณะเหมือนตอนปรับปรุงเรือนเรศวร แต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งผมไม่แน่ใจนะเพราะไม่มีใครรู้ราคาที่Thalesเสนอมาให้เราอย่างแน่นอน จึงทำได้แค่คาดเดากันไปเท่านั้นโดยเทียบกับราคาประเทศอื่นๆเอา เหมือนกับเรืออีก12ลำที่ส่งเข้าประกวดนั่นแหละเราจะไม่มีวันรู้สเป็กราคาและออฟเซ็ตแน่นอน จะรู้แค่ผู้ได้รับการคัดเลือกเท่านั้นเอง
ความเห็นส่วนตัวอย่าคิดอะไรมากครับ
VL-ASROC : ปัจจุบันมีใช้กับอเมริกาและญี่ปุ่นเท่านั้น การจัดหามาใช้ยากพอสมควรต้องฝ่าหลายด่านและปรับปรุงให้เข้ากับระบบอีกพอสมควร ถ้าจะมาอาจจะเป็นรอบ2มั้งครับแต่น้อยมากๆ
K-ASROC : เป็นระบบอาวุธของเกาหลีใต้ไม่มีการขายให้กับประเทศอื่น ถ้าจะมาก็คือเป็นออฟเซ็ตที่เขาเสนอในราคาพิเศษหรือแถมให้ไม่อย่างนั้นก็โบกมือกันลาได้เลย เพราะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะตัวที่ทร.เราคงไม่จัดหาเพิ่มเติมแน่นอน แต่ตอนประกาศผลครั้งแรกผู้ใหญ่เราบอกว่าเรือเกาหลีชนะเรือสเปนเพราะระบบปราบเรือดำน้ำ ผมเลยมั่วนิ่มแบบเข้าข้างทร.สุดๆไว้ก่อนว่ามาเถอะนะพ่อคุณเอ๋ย
SM-2 : 5-10ปีข้างหน้าเมื่อเราเปลี่ยนภาระกิจของเรือไปเน้นด้านป้องกันภัยทางอากาศระยะปานกลางเพิ่ม SM-2และลูกหลานที่นานทีนี้ยังไม่มาแต่อนาคตอาจจะมาก็ได้ ผมก็เลยเดาเอาเอง3แบบ จิ้นล้วนๆครับอย่าถามหาเหตุผล
1 SAABพัฒนาให้ใช้งานได้โดยมีชุดคิทติดตั้งที่ceros200 และ9lv ถ้าเป็นแบบนี้เรือนเรศวรเราจะยิงSM-2ได้ด้วยโดยยิงได้ครั้งละ2นัด ใส่จรวดได้8นัดด้านหน้า ส่วนESSMไปหาMK-56จำนวน2หน่วย24ลูกติดที่ด้านหลังปล่องไฟด้านหน้าโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์แทน ส่วนเรือลำใหม่ก็ยิงได้2บรรจุได้8เหมือนกัน หรืออาจจะมากกว่านั้นถ้าออกแบบให้มีจุดติดตั้งMK-41เพิ่มเติมอยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้าไม่ก็MK-56จำนวน2หน่วย24ลูกประกบข้างๆปล่องไฟที่มันโล่งๆไปแล้วกัน
2 SAABพัฒนาให้ใช้งานได้โดยมีชุดคิทติดตั้งที่ceros200กับ9lvและต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเช่น CEAMOUNT โดยที่เรือใหม่ติดประกบกับเสากระโดง4ด้านแต่ยิงได้ครั้งหละ2นัดเหมือนเดิม ส่วนเรือหลวงนเรศวรบนหอบังคับการไม่แน่ใจต้องรอดูตอนเรือปรับปรุงเสร็จก่อน แต่ถ้าไม่มีที่ว่างเลยก็ติดCEAMOUNTบนโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์เพิ่ม1จุดและใช้ยิงได้ครั้งหละ1นัดพอ อาวุธที่ติดตั้งก็เหมือนข้อแรกแหละครับ ถ้าSAABพัฒนาให้ยิงSM-2ได้แม้จะไม่มีประสิทธิภาพสุงสุดแบบคนอื่น แต่ถ้ามีราคาไม่แพงมากออสเตรเลียและแคนาดาก็ยังให้ความสนใจอยู่ ยังพอมีตลาดอยู่บ้างเขาอาจจะวุ่มทำอยู่ก็เป็นได้ อนาคตไม่แน่นอนก็คาดเดากันไปครับ
3 ถอดเรดาร์ยีราฟและceros200ออก(เอาไปติดเรือลำอื่นของเราแทนเช่นเรือOPV เรือฟริเกตมือ2 หรือเรือฟริเกตลำเล็กๆที่เราวางแผนจะต่อเองในอนาคต) และติดตั้ง I-MAST 500 ที่พัมนาเสร็จสมบรูณ์สามารถยิงSM-2ได้อย่างดีเยี่ยมเข้าไปแทน แต่ต้องเชื่อมโยงกับ9lvให้ใช้งานได้ด้วยอีกทีนะ ถ้าตามแผนนี้เรือหลวงนเรศวรก็มองตามละห้อยอย่างเดียวหละครับ ถามว่าทำไมไม่เอาพวกเอพาร์เอมพาร์และเพิ่มท่อVLSมากๆแบบเรือประเทศอื่นเขาหละ คำตอบก็คงอยู่ที่งบประมาณแหละครับ เรือรองรับระบบได้แน่แต่เงินหนะมีไหม ส่วนจุดติดตั้งVLSเพิ่มผมขอให้มีการออกแบบไว้เถอะจะได้ไม่ต้องถอดฟาลังซ์ให้มันวุ่นวาย
SAAB : ผมคิดว่ากองทัพเรือคงจะหยุดอยู่แค่นี้ ที่ใช้บริการเพราะต้องการ Link Gเพื่อใช้ระบบ Network Centric Warfare ในราคาที่ไม่แพงมาก ในอนาคต10ปีข้างหน้าเมื่อ Link T เฟสแรกเกิดขึ้นแล้วก็คงไม่จำเป็นอีก เพียงแต่ระบบก็คงยังอ้างอิงกับLink G อยู่เยอะโดยปรับปรุงให้เข้ากับความต้องการของประเทศไทยเท่านั้น ก็แปลว่าเรือ5ลำที่ติดไปแล้วใส่ชุดคิทปรับปรุงเข้าไปได้ส่วนเรือลำอื่นๆติดLink T เฟสแรกเข้าไปเลยอะไรประมาณนี้
Thales : ผมคิดว่า ทร.เคลียร์กับเขาเรียบร้อยแล้วนะและมีสัญญาใจกันอยู่บ้าง ดีลใหญ่ๆที่หลุดไปนอกจากเรื่อง Link G เป็นหลักและอาจจะรวมไปถึงเรื่องราคาด้วย แต่เรือลำอื่นของเราก็ยังใช้บริการ Thales อยู่ ไม่ว่าจะเรือOPVลำที่ 2-4 ปรับปรุงเรือเก่าๆจำนวนมากมาย อาจจะปรับปรุงเรือลำนี้ให้ติด I-MAST500ในภายหลัง รวมไปถึงเรือฟริเกตลำใหม่ที่เราคิดจะต่อขึ้นมาเองอีกด้วย เสียดายนะที่เรือราคาแพงของเราไม่มีระบบดีๆจากเขาแต่ก็ทำยังไงได้หละ บ่นอย่างเดียวงานนี้
แหม่ท่าน ICY มันก็คงจะเปรียบเปรยเหมือนๆกันกับที่ว่า "ถนนถ้าสร้างดีเกินไปมันไม่ได้ซ่อมนะครับ"
คิดว่าทางทร.คงจะเน้นที่ระบบปราบเรือดำน้ำให้ได้ดีที่สุดไปก่อนตามงบประมาณที่ได้มา แล้วค่อยมาอัฟเกรตระบบต่อต้านอากาศยานเอาทีหลังครับ
ผมสงสัยอยากขอความรู้ครับ คือ
1. เป็นไปได้ไหมที่ตรงที่เห็นติดตั้ง MK41 จะใช้กับ SM2 แล้วมี ท่อยิงแบบอื่นที่สามารถวางตามแนวข้างกราบเรือสองด้านไว้ติด ESSM (ผมว่าผมเคยเห็นรูปเรือรุ่นใหม่ของสหรัฐมีท่อยิงติดข้างกราบเรือ 2 ข้างน่ะครับ)
2. ที่ว่างข้าง Phalanx เหลือเยอะ เอาไปติดตั้งอะไรเพิ่มได้อีกบ้าง
3. ผมเห็นติด Harpoon ตั้ง 12 ลูก ผมเลยสงสัยว่า เจ้า Asroc มีท่อยิงแบบที่ติดตั้งร่วมกับแท่นยิง Harpoon ไหม เพราะผมมองว่า Harpoon 12 ลูกเยอะเกินไป ยกเว้นมีภารกิจโจมตีชายฝั่งร่วมด้วย
ต้องขออภัยสำหรับคำถามไว้ก่อน เนื่องจากผมไม่ใช้ทหารหรือผู้ที่มีความรู้ด้านนี้ ครับ
ไม่ใช้ MK-41 ก็ใช้MK-48ได้ครับ อย่างที่ผมพูดถึงคือMK-48 MOD3 ซึ่งก็คือ MK-56นั่นเอง ตามภาพจะมี6ท่อใส่ESSMได้ท่อหละ2นัดรวมเป็น12นัดต่อ1หน่วยขนาดเล็กใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยราคาไม่แพง แว่วๆว่าเรือใหม่ของมาเลย์ก็อาจจะใช้แบบนี้เหมือนกันนะ
เรือลำใหม่ของเราที่ว่างด้านบ้างเรือสามารถติดได้แน่ๆ และถ้าต้องการโยกย้ายไปเรือลำอื่นก็ทำได้ง่ายกว่ายกมันไปทั้งยวงเลย ถือเป็นไม้ตายนะครับแล้วเอาMK-41ด้านหน้าไปใส่SM-2แทน
อ่านข้อความที่หลวงพี่ icy กับ ท่าน judas แล้วสรุปง่ายๆว่า
1. ทำไมไม่ใช้ของ THALES ให้จบสิ้นเรื่องสิ้นราวไป เพราะระบบตรวจจับและชี้เป้าก็รองรับ SM-2/3 อยู่แล้วและมีการการันตี ทำไมต้องไปลุ้นของในอนาคตอย่าง CEA-MOUNT
ผมว่าสาเหตุมาจากที่ ทร. ตั้งธงไว้ว่าจะต้องเชื่อมต่อกับ NCW ที่ทาง ทอ. วางเอาไว้เป็นหลัก (ไม่มีของตนเอง และไม่คุยกันระหว่างเหล่าทัพกันให้เรียบร้อยก่อน ต่างคนต่างทำ) ดังนั้นระบบของ SAAB จึงมาก่อน เลยทำให้งานง่ายๆ......กลายเป็นงานยากไปเลย
2. เรือเน้นระบบต่อต้านเรือดำน้ำก่อน
ท่าทาง ASW suit และระบบ โซน่าร์หัวเรือ ระบบโซน่าร์ลากท้าย มันคงจะแพงมากๆ ก็ของหรูเยอรมันนี่นา แพงโหดอยู่แล้ว และทำการเชื่อมต่อกับ ฮ. ที่ใช้ระบบ LAMP-3 ได้ด้วย เอ่อ......ก็เป็นได้ที่ระบบเหล่านี้ดูดเงินไปเกือบหมด
3. ส่วนที่เป็นความลับ ............. มันคือ อิหยังล่ะหวา............ระบบ K-ASROC ??????? จะติดตั้งท่อยิงตรงไหนถ้าไม่รื้อเอาฟาลังก์ออก ด้านข้างเสาเรด้าร์? ....... ตอนยิง ลูกจรวดคงไปชนเสากิ่งที่ยื่นออกมาเสียก่อนน่ะครับ หรือ mod ระบบ Mk-116 กับ 9LV เพื่อใช้ VL-ASROC ไปเรียบร้อยแล้ว......???????
4. CEROS-200 คงตอบรับการยิง SM-2 ยากมากจนถึงยากที่สุดจริงๆน่ะแหล่ะ อุตส่าห์ mod มันแล้ว แต่น่าจะรองรับ ESSM block-2 ที่คาดกันว่าระยะยิงจะไกลขึ้นเป็น 60-70 กิโล ถ้าจะใช้ SM-2 ก็คงต้องไปติดตั้ง CEA-MOUNT เพิ่ม 4 ด้านของเสาเรด้าร์เอาภายหลังให้มันเสียเงินเพิ่มเล่นๆ แต่เรือก็จะสามารถควบคุมลูกอาวุธนำวิถีได้มากขึ้นไม่ต่ำกว่า 4 ลูก คือ ESSM กับ SM-2
........อืมมม ก็ยอมรับได้ครับ เพราะการ engage ระหว่างการรบคงต้องมีการใช้ ESSM หรือ RAM block-2 ในการป้องกันตัวจากลูกจรวดที่พุ่งเข้าหาเรือด้วย นอกเหนือจากการยิงต่อต้านเครื่องบินในระยะไกล ซึ่งใช้ FCR คนละแบบก็ได้ แต่อย่างว่า 2.4 HP มันครอบจักรวาลเลย ใช้ได้ทั้ง ESSM SM-2/3 ทำให้ยิงต่อต้านอากาศยานได้หนักหน่วงขึ้นเมื่อมีการติดตั้ง CEA-MOUNT เพิ่มเข้ามา
5. ระบบตรวจจับพอรับได้ แต่สงสัยครับว่า VLS 8 cell และถ้าอับเกรดได้แค่ 16 cell มันจะคุ้มค่ากับระบบตรวจจับที่ลงทุนไปหรือ หรือผมเดาผิดไปเอง......เพราะว่ามันขยายได้ถึง 32 cell
เรือจีน 3 ลำ..........type-054A ต่อเองในประเทศไทยตามข้อเสนอของจีน สเปกดีกว่าเรือชั้นนเรศวรไม่มาก ระบบตรวจจับพอๆกัน แต่มีการเตรียมพื้นที่เยอะในการ upgrade และทางทร.ไทยคง mod เรือ type-054A ได้สวยงามไม่แพ้ KDX-1 mod แถมมีข้อเสนอทางอุตสาหกรรมแบบโดนใจสุดๆแล้ว
เอาล่ะ ดูข้อเสนอทางอุตสาหกรรมที่เกาหลีพ่วงมาด้วยดีกว่า........สู้ไหวไหม ถ้าเป็นการลงทุนร่วมกับอู่ราชนาวีหรืออู่กรุงเทพทำการสร้างอู่แห้งหมายเลข 2 และเรือลำที่สองจะต่อในอู่ราชนาวีเอง เอ่อ.....แบบนี้พอคุยได้หน่อยครับ
รอดูคำอธิบายครับ ............... ผมชักคิดถึงข้อเสนอของจีนมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่เรือ NGF ของสิงคโปร์ที่พัฒนาแบบจากเรือชั้น Formidable ยังจะดูเข้าท่ากว่าทีเดียว
เรื่องลิงค์ต่างๆ
ในเมื่อทร.มีลิงค์RTN อยู่แล้ว เรื่องการปฏิบัติการในรูปแบบกองเรือ คงไม่มีข้ออ้าง
ลิงค์E/G ใช้ได้กับกริพเพน และErieyes เท่านั้น
ในเมื่อระบบมาตรฐานนาโต้ อย่างLink-16 มีอยู่แล้ว ทำไมทร.ยังจะต้องไปผูกกับลิงค์E/G ด้วย
Link-16 Link-11 Link-RTN ล้วนไม่ต้องใช้ระบบของSAAB .........แล้วทำไมต้องใช้ของSAAB ? เพราะ:Link E/G? ตามทฤษฎีคุยกับกริพเพนและErieyesได้ ......แต่ ทางปฏิบัติ เหล่าทัพไทยจะสามัคคีชุมนุมกันได้ขนาดนี้เชียวหรือ ? ในสถานการณ์สงครามจริง Erieyes 2ลำ จะคอยให้Air Pictures แก่กองเรือได้ขนาดไหน เพราะบางทีอาจจะต้องไปปฏิบัติภารกิจในจุดที่สำคัญกว่า ......
และในอนาคต ทอ.กับทร.พัฒนาลิงค์ร่วมอย่างLink-T ซึ่งไม่ต้องใช้ระบบของSAAB ก็ทำได้
เรื่องSM-2 มีระบุในเอกสารRFQ ที่หลุดออกมาแล้ว ไม่ได้เป็นการคุยกันเอง
ในเมื่อเรือใหม่ รออัพเกรดกันซะเยอะแยะ ไหนจะCEAFAR CEAMOUNT ซึ่ง ทั้งสองแบบไม่ได้SM-2 Certified ........
โซลูชั่นของเจ้าอื่นที่รองรับSM-2มีอยู่แล้วอย่าง THALES SEWACO(+TACTICOS Runtime)+STIR 2.4HP +NTU .......
ซึ่งได้ยิงกันไปแล้วหลายสิบลูก (เกาหลี KDX-II แคนาดา Iroquis Class ) .......และมีพร้อมโดยไม่ต้องรออัพเกรด
แถมยังมีโซลูชั่นอัพเกรดที่พิสูจน์ผลงานแล้วอย่าง APAR ซึ่งรองรับได้ถึงSM-3
เรื่องเอาเงินไปลงSonar อันนี้ต้องรอดูสเป็คเต็ม .......จริงๆแล้ว หากจะมีการใช้Mk-116 เพื่อVL-ASROC จริง เดี๋ยวจะต้องผ่านสภาคองเกรสก่อนซึ่งก็จะได้เห็นกัน ..........แต่วางเงินหมดตัวเลยว่า ลำนี้ไม่มีASROC แน่นอน ไม่ว่าจะVL หรือ K
และเรื่องการจัดMk56/48 ขอวางเงินไว้ข้างเป็นไปไม่ได้ ..........
ยิ่งพูดอย่างนี้ ยิ่งคิดว่า ทำไมต้องSAAB ?
ส่วนเรื่องเรือจีนไม่จีน
ปัญหาอยู่ที่ว่า
System Integrator ยังเป็นSAAB อยู่ .........ทร.กำหนดอย่างชัดเจนว่า Link E/G only ซึ่งหมายถึง SAAB แน่ๆ
เรื่องนี้ไม่โทษDSMEเลย ออกแบบเรือมาได้ค่อนข้างถูกใจ
คนกำหนดสเป็คอาวุธและระบบต่างๆที่น่าตำหนิที่สุด
กดLikeให้ท่านicy_cmu ครับ คนกำหนดspecน่าโดนตำหนิที่สุดครับ
แล้วราคาระบบที่ใช้ SM-2 ได้...ราคามันถูกกว่า หรือ เท่ากัน หรือ แพงกว่า ล่ะครับ...
ระบบ STIR ของตอนนี้ ถ้าไม่ได้ใช้ระบบ APAR แต่เป็นระบบแบบเดียวกับ KDX-1...ก็ยิงได้ คราวละ 2 ลูกพร้อมกัน แค่นั้น...เพราะมันเป็นระบบ 1 : 1...และสุดท้ายในอนาคต ก็ต้องเสียค่า อัพเกรดใหม่ เช่นกันครับ...
ในขณะที่ ทร. ยังไม่มี SM-2 และไม่แน่ใจว่า จะมีเมื่อไหร่...การลงทุนในระบบ ที่ยิง SM-2 ได้ในตอนนี้ แต่ยังไม่มีลูกจรวด...จึงยังไม่จำเป็นก็ได้ครับ แค่ทำรองรับเอาไว้...
จนเมื่อถึงเวลาที่จัดหามาได้ ก็ทำการอัพเกรด แค่ในส่วนระบบชี้เป้า ก็จะทำให้ การยิงได้ คราวละหลายลูก หลายเป้าหมาย...แต่ปัจจุบัน ก็กำหนดให้สามารถใช้ ESSM ได้หลายเป้าหมาย ให้เท่าเทียมกับ ANZAC class หรือ Formidable ซึ่งในส่วนของเรือชั้น นเรศวร ผมก็ว่า ทำได้เพียง 1 : 1 คือ ยิงในคราวเดียว สูงสุด 2 ลูก ซึ่งในส่วนของ เรือฟริเกตที่จัดหาใหม๋ ก็คงต้องทำได้มากกว่านั้น...
ในตอนนี้ หลักการ การเป็น Air Defense Warfare ส่วนหน้า...จะเป็นหน้าที่ของ กองทัพอากาศ เป็นหลัก...หลังจาก หลุด Air Defense ส่วนหน้า ก็จะมาถึง ในส่วนของ กองทัพเรือ เป็นลำดับต่อมา (ยกเอามาจาก หนังสือนาวิกศาสตร์)...ในเมื่อปัจจุบัน ได้จัดวางลำดับ การป้องกันภัยทางอากาศ เป็นชั้น ๆ ในลักษณะนี้
การจัดหา ระบบที่เชื่อมข้อมูล และบูรณาการรบร่วม ระหว่าง เครื่องบินรบ กับ เรือรบ จึงสำคัญมากในขณะนี้...ซึ่งข้อปัญหาของ NCW ในขณะนี้ ของ ทร. และ ทอ. คือ อำนาจผู้สั่งการ ว่าจะเป็นความรับผิดชอบของใคร...แล้ว ในเหตุการณ์เฉพาะหน้า ผู้ปฎิบัติส่วนหน้า ทั้ง ทร. และ ทอ. จะสามารถตัดสินใจ ในการใช้กำลัง ได้เลยหรือไม่...
โดย SM-2 มันตอบโจทก์ คือ เป็นการเสริมและสนับสนุนกับ Air Defense ส่วนหน้า (กองทัพอากาศ) ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดจากแนวรับส่วนหน้า เข้ามาชั้นในได้...ซึ่ง นั่นก็หมายถึงว่า สุดท้าย ทั้ง ทร. กับ ทอ. ก็ต้องคุยกันได้อย่างดี ก่อน อยู่ดี...ถึงจะจัดหา ระบบอาวุธ มาสนับสนุน ระบบในลำดับต่อไป...
เห็นด้วยครับหลวงพี่ที่ว่าวันข้างหน้า ทร. ทอ. ทบ. ควรจะต้องคุยกันก่อนเป็นอย่างยิ่งในเรื่องระบบดาต้าร์ลิ้งค์และควรจะมีการพัฒนาร่วมกันทั้ง 3 เหล่าทัพ โดยมี DTI เป็นแกนกลาง
เพราะเรื่องนี้ดูเหมือน ทร.จะฟันธงว่าต้องคุยกับ jas-39 และ ericeye ให้รู้เรื่องเป็นการพิเศษก่อน ก็เลยทำให้ ทร. เกิดความยุ่งยากในการเลือก CMS และระบบตรวจจับ ซึ่งในมุมมองของผม ระบบของ Thales น่ะเหมาะสมกว่าเป็นไหนๆ และผมก็เชียร์ระบบของ Thales ตลอด เพราะดีกว่าของ SAAB ผมว่าเพราะ ทร. ฟันธงแบบนี้ มันเลยดูแปลกๆสำหรับ CMS และระบบตรวจจับของเรือครับ
จริงๆแนวคิดเรื่องการป้องกันเป็นชั้นๆของ ทร. ไปฝากเอาไว้กับ jas-39 SAAB 340 AEW&C มันไม่เวอร์คสักเท่าไรตั้งแต่แรก ผมอยากให้ทร. พัฒนาระบบนี้เองโดยยืนบนเรือ 911 ว่าต้องใช้เป็นเรือบรรทุกบ. มากกว่า แล้วใช้ Harrier-2+ กับ MH-60 s + กระเปาะ Vigilant ไป น่าจะเวิร์คกว่ามาก เพราะมันติดไปกับกองเรือตลอดเวลาครับ ไม่ต้องมานั่งร้องขอ ทอ. เอา
KDX-1 ติดเฉพาะESSM ........เพราะเป็นMk48
และไม่จำเป็นว่าจะต้องยิงได้แบบ1:1
ระบบinertial guidance ของSM-2Mr และESSM ทำให้ยิงลูกจรวดไปทิศทางintercept course ได้โดยยังไม่ต้องเปิดillumination radar
แต่ ระบบของTHALES รองรับระบบNTU ซึ่งมีระบบIMCU -Inertial mid course guidance สำหรับESSM และSM-2 ทำให้ยิงได้มากกว่า 1:1 และยังมีประสิทธิภาพมากกว่าInertial Guidance เฉยๆด้วย
ระบบที่มีNTU อย่างKDX-2 มีระบบAN/SYR-1 ซึ่งทำหน้าที่อัพเดทข้อมูลinertial guidance ให้ESSM และ SM-2 ทำให้สามารถจัดการอวป.ที่มีระบบwaypoint และ ใช้illumination radar น้อยกว่าด้วย
แม้จะสู้Fix Phased Array ไม่ได้
แต่ ณ ตอนนี้ หากไม่คิดจะใช้ Fixed Phased Array สำหรับโจทย์SM-2 STIR2.4HP + NTU เจ้านี่ถือว่าดีที่สุดแล้ว
หากเรือใหม่ ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องอัพเกรดกันแต่ไก่โห่ .........มันไม่รู้สึกแปลกๆกันบ้างหรือ ?
อีกทั้ง อนาคตของCEAFAR CEAMOUNT ที่ว่าๆกัน ตอนนี้ก็ยังทำได้แค่ESSM ไม่ถึงSM-2 อยู่ดี
เรื่องราคา ...........หากเอาราคาตั้ง เราต้องมาคุยกันแต่แรกเลยว่า
งบ1.4-1.5หมื่นล้าน เรามีสิทธิเลือกระบบที่ดีกว่าไม่ได้เชียวหรือ ?
RFQ ที่เคยคุยเข้าใจว่ามันมีหลายฉบับและฉบับล่าสุดอาจเปลี่ยนเป็นตัดSM-2ทิ้งไปแล้วก็ได้นี่ ถ้าเรายึดRFQการจัดการเรื่องนี้ก็แย่มากแหละครับ แต่ถ้าเรายึดจากข่าวที่ออกมาจากทร.เป็นหลักก็ยังไม่มีการพูดถึงSM-2เลยซักครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับเราแล้วหละว่าจะเลือกข้างไหน
DSMEไม่ผิดเลยในกรณีนี้ ผมว่าSAABก็ไม่ผิดเลยเช่นกัน คนของเราไปเลือกมาเองทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาทำอะไรได้บ้าง ceros200ผมว่าเขาก็ทำงานได้เหมาะสมราคาแล้วหละ เทียบกับSTIR 2.4ที่ตัวใหญ่มากก็คงสู้ไม่ได้แน่ทั้งประสิทธิภาพและราคา
เจอแล้ว TOR ที่เคยมีข่าวมาตั้งแต่สมัยแรกๆ อยุ่ในกระทู้1นั่นเอง ตรงมากน้อยแค่ไหนนะ
เรื่องRFQ มันแสดงเจตจำนงค์ของทร.ออกมาชัดเจนว่า อยากได้SM-2MR แต่มีการแก้ภายหลัง อาจจะด้วยราคาเกินงบ
แต่มันก็ขัดแย้งอยู่ในตัวว่า ในเมื่อไม่ต้องการSM-2 แล้ว ทำไมยังมีSPS-48โผล่มาในแบบเรือนี้ด้วย ?
และในเมื่อเรือลำนี้มีแค่ESSM การติดSPS-48 มันจึงดูจะไม่เกิดประโยชน์อันใดนัก
จะว่าเพื่อhorizon scan ก็มีGiraffe ทำงานได้อยู่แล้ว
จะว่าเพื่อเพดานบินกลาง-สูง ก็มีeffectorระยะ 50กม. ซึ่งดูไม่สมเหตุผล
โดยส่วนตัวยังคิดว่า ทร.ยังมีrequirementเรื่องSM-2อยู่
แต่ระบบแกนหลักเป็น 9LV ซึ่งไม่SM-2 certified ดูยังไง ก็ขัดๆกันพิกล
ชัดเจน
ผมขอบ่นหน่อยนะครับ ระบบที่ใช้มันน่าเบื่อมากครับ พิมพ์ตั้งนานพอคลิ๊กโพสปุ๊บ กลับสั่งให้ล๊อคอินใหม่ ที่สำคัญข้อความหายหมดเลย เจอมาหลายครั้งมาก ขี้เกียจพิมพ์แล้วครับ เซ็ง...เป็ด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่างที่เคยบอกไว้นะครับ ว่า webmaster ได้ทำแบบนี้ที่ไม่สามารถ login นานๆได้เพราะป้องกันระบบล่ม และวิธีป้องกันหรือแก้ไขเบื้องต้นผมได้เคย
แจ้งไว้แล้วนะครับ มันเป็นเส้นผมบังภูเขาคือ
1อาจพิมพ์ไว้ในword แล้ว copy มาวางไว้
2 พิมพ์เสร็จแล้ว copy ไว้ก่อนแล้วค่อยโพสครับ /admin
ก็ตามแผ่นที่ท่าน iCy_CMU ยกมาแหล่ะครับว่า...เพื่อเป็นการรองรับการใช้ SM-2 ในอนาคต จึงขอตรา CEA สำหรับ CWI...
มันก็น่าจะตอบโจทก์ในระดับหนึ่งว่า...CEA มีความสามารถจะใช้ SM-2 ได้...ซึ่งการจะใช้ SM-2 และ ESSM ได้ มันต้องมีระบบ Interrupted Continuous Wave Illumination (ICWI)
ซึ่งระบบนี้ มันก็อยู่ใน CEAFAR เอามาจากเว๊ป Thales
กระทู้นี้ยังเครียดกันเหมือนเดิม ทั้งประสิทธิภาพและราคาไม่ได้ดั่งใจ ตอนนี้ข้อมูลยังไม่นิ่งอย่าพึ่งเครียดกันไปเลยครับรอดูโมเดลจำลองก่อนดีกว่าแล้วค่อยว่ากันใหม่555
จะไม่ให้ไม่วิจารณ์เรื่องสเปกส์อาวุธบนเรือฟรีเกตใหม่ไม่ได้หรอกครับท่าน ObeOne ก็ในเมื่อ ทร.ทำซะน่าเกลียดขนาดนี้ แท้จริงแล้วมีการล็อกสเปกส์กันเอาไว้แล้วล่วงหน้าเป็นปี (นี้คงจะคุยเรื่องนี้และสเปกส์นี้กับทาง saab กันมาตั้งแต่ตอนอัฟเกรตเรือหลวงนเรศวรแล้วซินะ)
คือคงจะกลัวข้อกล่าวหาที่ว่า "เรือฟรีเกตมีการฮั้วกันมาแล้วตั้งแต่ต้นนั้นเอง" จากนั้นก็เลย ทำมาเป็น ออกเอกสาร TOR เพื่อจะได้ดูกลบเกลื่อนข้อกล่าวหาหรือข้อร้องเรียนต่างๆจากหลายๆฝ่าย มิน่าทำไมทีมงานผู้นำเสนอ TOR ของฝ่ายเยอรมันที่มานำเสนอเรือ Meko ได้เดินทางกลับประเทศตั้งแต่เดือนต้นกุมภาพันธ์ คงจะรู้อะไรดีๆหรือลึกๆมาก่อนพวกเราแล้วนั้นเอง
**(ต้องขอโทษท่านแอดมินท์เอาไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกันนะครับถ้าหากผมใช้คำที่ล่อแหลมเกินไป เพราะขอพูดแบบตรงๆว่ารับไม่ได้จริงๆ ทำให้ตอนนี้ผมโครตเกลียด Saab เลยวะ มันคงจะจ่ายเยอะพอสมควร)
แต่ก่อนเราพรรณนาว่าเมื่อไรเราจะหลุดพ้นจาก สหรัฐ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเรามาให้การผูกขาดระะบบกับ saab
ท่าน Juldas ที่ทร.เลือกมาใช้มันแค่ CEA : Solid State CWI Transmitter นะครับ ไม่ใช่ CEAFAR นะท่าน มันคนละเรื่องคนละตัวกันนะครับ
ที่ผมข้องใจมากๆ คือ
1. จะมี 3D Long Range Radar ไปทำไมให้แพงและเกะกะ เอาไปตั้งไว้บน 911 จะดีกว่าไหม แล้วตั้งห้องศูนย์บัญชาการทางอากาศไว้บนนั้นด้วยเลยครับ ขอต่อเนื่องไปถึง 911 ที่เคยข้องใจว่าจะใช้ 9LV + Sea Giraffe ไปเพื่ออะไร ระยะตรวจการณ์ก็สั้นมาก และบนเรือก็มีแค่ Sadral อยู่ 3 แท่น แถมยังทำงานแบบ Manual อีกต่างหาก เอา Stir ไปติดเพิ่มแล้วมันเชื่อมต่อกับ 9LV ได้แค่ไหน... -.-'
2. ระบบ Decoy ที่ผมสงสัยมาก จากโครงการปรับปรุงรล.นเรศวร ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นเพราะปัญหาทางเทคนิค ยิ่งมันมาโผล่บนเรือที่ออกแบบใหม่แบบนี้ด้วยต้องมี "ใบสั่ง" แน่นอน
3. แบบโครงสร้างมันดูทะแม่งๆ ขัดตามากๆ ถ้าให้เดาตามลางสังหรณ์ แบบเดิมจะเป็น Mk.41 VLS หน้าสะพาน 3-4 ชุด (24-32 ท่อ) ส่วน Phalanx ก็ไปอยู่บนหลังคาโรงเก็บฮ.เหมือน DW3000H , ไม่มี 3D Long Range Radar แต่เป็นตำแหน่งของ FCS (Stir 2.4HP) , ไม่มี DS-30M แต่ตรงนั้นเป็น Decoy Launcher "NGDS" , เรดาร์อำนวยการรบก็น่าจะเป็น Smart S Mk.2 หรือตัวอื่นที่ไม่ใช่ Sea Giraffe AMB (ไม่อยากจะคิดว่ามันจะเป็น iMast-500 เพราะมันจะกลายเป็น DW3700H ไปซะน่ะสิ)
พอเห็นอนุมัติโครงการแล้ว ตอบอารมณ์ตัวเองไม่ถูกเลย ดีใจที่โครงการนี้ไม่ถูกยกเลิก. แต่อารมณ์ว่าสเปคมันไม่สูงสมชื่อก็พอทำใจได้. แต่คาใจเรื่องราคา และคาใจเรื่องทำไมต้องมีเรดาห์ตรวจการณ์ระยะไกลติดมา ในเมื่อไม่มีอาวุธปล่อยที่ไกลขนาดนั้น. ถ้าเน้น ปราบเรือดำน้ำ ตัดเรดาห์ระยะไกลออกไป เอาเงินไปลงอย่างอื่นแทนน่าจะดีกว่า เปลี่ยนเป็นฮ.ปราบด. มาพร้อมเรือเลยจะดีกว่าไหม ถ้าเอาซาบมาเป็นระบบหลัก แต่งานASW ก็คงต้องมีระบบแยกออกมาต่างห่าง 9LV คงทำงานส่วนนี้เองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเทียบกับของ Thales มันไม่ต้องใช้อันอื่นเพิ่มหรือเปล่า ถ้าใช่แปลว่าเราเสียเงินงบประมาณซ้ำซ้อนมากเลยน่ะครับ น่าวางระบบดีๆ น่ามีเงินที่เซฟได้เยอะแล้วเอาไปลงอย่างอื่นเพิ่ม.
ตอนเรือนเรศวรอัพเกรด เทียบราคาของแล้ว จำได้ว่ามีคนพูดเล่นๆว่า ไม่รู้ว่าdata link ราคาแพงหรือ VLS ราคาถูก
ก็เลยไม่ทราบว่า ถ้าเทียบกับวางระบบเป็นของThales ที่รองรับการยิงsm2มาแต่แรกเลย แล้วตอนหลังค่อยอัพเกรดdatalink E/G. ทีหลัง ใช้แค่link11ไปก่อน
หรือจะบอกว่าไม่มองSM2แล้ว งั้นตัดทิ้งแล้วเอาเอจิสชุดเล็กมาลงได้VL ASROC สมใจบวก ระบบ LAMPS. ค่อยสมราคาคุยว่าเน้นงานASW. ไม่สนAAW
ก็ตามแผ่นที่ท่าน iCy_CMU ยกมาแหล่ะครับว่า...เพื่อเป็นการรองรับการใช้ SM-2 ในอนาคต จึงขอตรา CEA สำหรับ CWI...
มันก็น่าจะตอบโจทก์ในระดับหนึ่งว่า...CEA มีความสามารถจะใช้ SM-2 ได้...ซึ่งการจะใช้ SM-2 และ ESSM ได้ มันต้องมีระบบ Interrupted Continuous Wave Illumination (ICWI)
ซึ่งระบบนี้ มันก็อยู่ใน CEAFAR เอามาจากเว๊ป Thales
อย่างที่บอกไปแล้วในกระทู้ตอนก่อนๆ
SSCWI ตราอักษรCEA หมายุถึง ตัวกำเนิดคลื่นต่อเนื่องแบบโซลิดสเตท ซึ่งคนละอย่างกับ CEAFAR หรือ CEAMOUNT
ตัวนี้ทำงานผ่านCEROS 200 ฟีดคลื่นผ่านhornหน้าจานสายอากาศของCeros ..........
ซึ่งใช้งานแทนCWI ของHughe หรือRaytheon (ลืมชื่อ) ซึ่งเป็นTWT ทำให้reliability ต่ำ การเปลี่ยนนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องระยะมากนัก เพราะยังจำกัดด้วยขนาดจานสายอากาศของCEROS 200อยู่
ส่วนเรื่องICWI ทำได้เฉพาะเรดาร์แบบElectronically Scan หรือที่เราเรียกกันว่าPhased Array นั่นเอง
หลักการของICWI คือการสลับบีมสัญญาณอย่างรวดเร็ว ทำให้illuminateเป้าได้มากขึ้น ต่อเรดาร์คคย.1ตัว
ส่วนCEROS 200 เป็นParabolic Antenna/ mechanically scan จึงไม่มีความสามารถICWI
ESSM /SM-2 รองรับทั้งระบบCWI และICWI
ยกตย. SPG-62 บนAegis ซึ่งเป็นmechanically scan ใช้เทคนิค CWI.......
ส่วนAPAR ใช้เทคนิค ICWI ได้ เพราะเป็น electonically scan .........
แน่นอนแม้STIR 2.4HP ทำICWI ไม่ได้แน่ๆ แต่ กำลังส่งที่สูงกว่า และ จานสายอากาศที่ใหญ่กว่า(มาก) ทำให้แทร็คเป้าได้ไกลกว่า และ Engaged เป้าได้ไกลกว่าCEROS แน่นอน
อย่าลืมว่า ก่อนที่จะilluminateเป้าหมายได้ ระบบคคย.จะต้องTrackเป้าก่อน ซึ่งCEROS มีกำลังส่งเพียง 1.5กิโลวัตต์ (SSCWI ไม่ได้มาแทน Ku-Band Transmitter ของCeros 200 ......SSCWI เป็น X-band ส่วน ตัวแทร็คเป้าเป็นKu-Band) ซึ่งต่ำมาก และ จะว่าไป ไม่รู้ว่าจะแทร็คเป้าให้ESSM จนสุดระยะที่50กม.ได้หรือเปล่า ..........
คือมันเหมือนซื้อHonda jazzมาแล้วบอกว่าซื้อมาเน้นขนของ แต่เอาระบบ traction control. และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมาด้วย มาดูสเปคแล้วมันก็เลยงงว่าตกลงจะเอาเน้นงานทางไหนกันแน่
คือถ้างบน้อยไม่ต้องเอาทุกอย่างก็ได้ รอบนี้ซื้อกระบะตอนเดียวมาขนของก็ได้ รอบหน้าก็เอาซิตี้คาร์รุ่นถูกสุดมาวิ่งในเมือง คือถ้าจะเอาทุกอย่างรวมไว้ในคันเดียว แล้วมีเงินจำกัดมันเลยดูแปลกๆ เงินน้อยแต่ระบบอันที่ไม่จำเป็นก็ใส่มาด้วยเลยงงๆ
ส่วน Saab 9LV นั่น ผมว่ามันก็ไม่ได้ขี้เหร่ อะไร...แล้ว ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่า ระหว่าง Thales กับ Saab อะไรจะดีกว่ากัน...แต่ใสนเรื่อง ระบบการบูรณาการร่วม ผมว่าของ Saab คงเหนือกว่า Thales อยู่...ทร.ออสเตรเลีย ถึงให้เป็นระบบ อำนวยการรบหลัก สำหรับ ANZAC และ เรือบรรทุก ฮ. LHD ลำใหม่...
ซึ่งผมพอจะมองได้ว่า ทำไม ทร. ถึงให้ความสำคัญกับการ บูรณาการรบร่วม ระหว่าง ทอ. กับ ทร.
ก็พอจะอธิบายในความเห็นส่วนตัวของผม ง่าย ๆ ว่า...
ในกรณีทาง บก
1. ถ้ามี อากาศยานไม่ปรากฎฝ่าย เป็นภัยคุกคาม บินมาจาก พม่า...ใครจะ สกัดกั้น เป็นส่วนหน้า...กองทัพบก หรือ กองทัพอากาศ...
2. ถ้ามี อากาศยานไม่ปรากฎฝ่าย เป็นภัยคุกคาม บินมาจาก ลาว...ใครจะ สกัดกั้น เป็นส่วนหน้า...กองทัพบก หรือ กองทัพอากาศ...
3. ถ้ามี อากาศยานไม่ปรากฎฝ่าย เป็นภัยคุกคาม บินมาจาก กัมพูชา...ใครจะ สกัดกั้น เป็นส่วนหน้า...กองทัพบก หรือ กองทัพอากาศ...
4. ถ้ามี อากาศยานไม่ปรากฎฝ่าย เป็นภัยคุกคาม บินมาจาก มาเลเซีย...ใครจะ สกัดกั้น เป็นส่วนหน้า...กองทัพบก หรือ กองทัพอากาศ...
ผมว่า คำตอบ ทั้งหมด มันก็คือ กองทัพอากาศ...คือ Air Defense Warfare ส่วนหน้า...ส่วน กองทัพบก คือ ส่วนใน...
และก็เช่นเดียวกัน ครับ...เปลี่ยนจาก บก มาเป็น ทะเล....
ถ้ามี อากาศยานไม่ปรากฎฝ่าย เป็นภัยคุกคาม บินมาจาก อ่าวไทย หรือ อันดามัน...ใครจะ สกัดกั้น เป็นส่วนหน้า...กองทัพเรือ หรือ กองทัพอากาศ...
ผมว่า คำตอบ มันก็คือ กองทัพอากาศ เช่นเดียวกัน....
เพียงแต่...บนฝั่ง มันมีแผ่นดิน สำหรับติดตั้ง เรดาห์ ตรวจการณ์อากาศ ที่จะครอบคลุมภัยระยะตรวจับภัยคุกคามได้...แต่ใน ทะเล...มันไม่มี แผ่นดิน ที่จะติดตั้ง เรดาห์ ตรวจการณ์ทางอากาศ ที่จะครอบคลุมการตรวจจับภัยคุกคามได้...
แล้วเราจะ ตรวจการณ์อากาศ ได้ครอบคลุมได้อย่างไร ?
มันก็ต้องใช้ PlatForm ก็คือ เรือรบ...ซึ่ง จะทำหน้าที่ เป็นเรดาร์ตรวจการณ์ให้กับ กองทัพอากาศ เพื่อให้ครอบคลุมระยะตรวจจับภัยคุกคามได้...แทน การติดตั้งสถานีเรดาร์ บนบก นั่นเอง....
ดังนั้น ถ้าการบูรณาการ ระหว่าง เรือรบ (ทร.) กับ เครื่องบินรบ (ทอ.) ที่สามารถส่งข้อมูลทางยุทธวิธี ได้เช่นเดียวกับ สถานีบนแผ่นดินของ กองทัพอากาศ...ก็จะทำให้ Air Defense Warfare ในส่วนหน้า ของ กองทัพอากาศ ทำได้เหมือนกับ อยู่ บนบก...ส่วน กองทัพเรือ ก็เป็น Air Defense Warfare ส่วนชั้นใน...
และเมื่อ ทร. กับ ทอ. สามารถทำการ บูรณาการรบร่วม ได้สำเร็จแล้ว...หลังจากนั้น การเสริมระบบอาวุธ ให้สูงขึ้น เช่น การติดตั้ง SM-2 ให้กับ เรือรบ ก็จะยิ่งให้ Air Defense Warfare มีความแน่นหนา หรือ เป็นกำแพง ที่กว้างขึ้น...
ผมเลยมองว่า ทร. จึงให้ความสำคัญ กับ การบูรณาการรบร่วม กับ ทอ. เนื่องจาก งบประมาณที่จำกัด แต่สิ่งนี้ จะเสริมให้ อุดช่องโหว่ ใน Air Defense Warfare...แล้วเสร็จจากในส่วนนี้...ทร. ก็จะทุ่ม งบประมาณ ไปกับ สงครามใต้น้ำ ได้อย่างเต็มที่...
ถึงท่าน TWG ทำแบบผมสิครับ ถ้าจะต้องพิมพ์อะไรยาวก็ให้ copy ก่อนแล้วค่อยกด sumit หรือไม่อย่างนั้นก็ไปพิมพ์ใน word ก่อนครับแล้วค่อย copy มาลงทีหลังครับ
จากข้อมูลท่านจูดาสล่าสุดผมขอให้คะแนน like เลยครับผมว่ากองทัพเรือคงจะเน้นเรื่องสงครามใต้น้ำหรือการปราบเรือดำน้ำก่อนเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างที่สุด แต่เพราะงบประมาณที่ดูเหมือนจะมากแต่มันไม่ได้มากที่ใครๆคาดคิดก็เท่านั้นผมว่า
ก็ใช่ไงครับ...ใช้ wave iluminator ของ CEA ไม่ได้ใช้ CEAFAR หรือ CEA-MOUNT แต่ในเอกสารก็ไม่ได้บอกว่าใช้ SSCWI...
ในชั้น นเรศวร ใช้ CEROS-200 CWI ของ Saab คือใช้ wave illuminator ของ Saab...คือใช้รุ่น CEROS-200 CWI
แต่ เรือฟริเกตใหม่ ใช้ CEROS-200 (เฉย ๆ ไม่มี CWI) + CEA CWI ใช่ไหมครับ...ที่ใช้ CWI ของ CEA ไม่ได้ใช้ของ Saab...ก็ตามในเอกสารน่ะครับว่า...สำหรับ รองรับการใช้ SM-2 ในอนาคต...เท่าที่ผมอ่าน และเข้าใจ ก็คือ ในอนาคต ถ้า ทร. จะมีการติดตั้ง SM-2 ก็คงจะใช้ ICWI ที่ต้องติดตั้งเพิ่มเติม ของ CEA น่ะครับ....ในความหมายของผม
ในเมื่อทอ.ก็ยังมีอีกลิงค์ให้ใช้งาน อย่างLink-16 หรือ อนาคตคือ Link-T
ทำไมทร.ยังจะเลือก 9LV เพื่อเอาLink E/G ?
ในเมื่อLink-16 มันครอบคลุมการใช้งานมากกว่า และไม่จำเป็นต้องใช้ของSAAB
อนึ่ง 9LV ไม่ใช่ระบบขี้เหร่ แต่มันจับฉ่ายเกินไป
บนฟ้าก็ไม่แจ๋ว ใต้น้ำก็งั้นๆ
สำหรับรล.นเรศวร อันนี้เห็นด้วย เพราะเป็นเรือจับฉ่ายเช่นกัน
แต่เรือที่เน้นหนักไปทางASW (หรือ AAW) ไม่สมควรจะใช้9LV เพราะมันเหมือนจับฉ่ายใส่กระดูกหมู คือ มันก็ยังจับฉ่ายแต่มันมีกระดูกหมุ(ความสามารถอื่นๆ)พอให้เคี้ยว แต่มันไม่สุดยอด ......อยากกินกระดูกหมูเปื่อยๆแทนที่จะกินจับฉ่าย ไปกินซีโครงตุ๋นยังได้เคี้ยวมันกว่า (แหม่พูดถึงของกินซะงั้น)
อ่านโพสของหลวงพี่ icy_CMU แล้วสบายใจขึ้นมาก โดนใจผมทุกเม็ดเลย แบบนี้ผมก็ไม่ต้องพยายามโพสแล้ว...เย้
ปล. ผมขอฝากประเด็นเรื่อง Decoy ให้กระจ่างอีกสักเรื่องเถอะนะครับท่าน
Start for CEA-MOUNT Drawing on knowledge accrued during the SSCWI development programme, in 1998 CEA embarked on the development of the CEA-MOUNT active phased-array illuminator under the sponsorship of the Commonwealth's AusIndustry R&D Start Program. Separately the company has signed a partnering agreement with BAE Systems Australia for the latter to take CEA-MOUNT to both domestic and international markets. Designed to provide target illumination and missile uplink for semi-active homing missiles, CEA-MOUNT is an X-band (I/J-band) active phased-array CWI, slaved to a surveillance/target indication radar, capable of supporting multiple simultaneous channels of fire and scalable to suit the particular coverage requirements of local-area weapons such as ESSM, and longer-range missiles such as the Standard Missile SM-2. The initial engineering concept was for a steerable phased-array transmitter (either a 1 m or 1.6 m array aperture for the respective medium- and long-range versions) able to support multiple simultaneous channels of fire. CEA says that this synergy of electronic beam-steering and mechanical positioning enables a rapid response to multiple-target environments compared with conventional illuminators. Also, the use of electronic beam-steering allows for a much simpler antenna-positioning mechanism (within the agile director), reducing cost, maintenance and mean time between failures. CEA also claims that the phase-steering technology employed has solved the phase noise effects often associated with electronic beam-steering. The CEA-MOUNT's physical architecture is based on a tile array structure, with 256 elements grouped together as an Antenna Lowest Replaceable Unit (ALRU) equivalent to a tile in the CEA-FAR system. The number of ALRUs, which are nominally configured in an NxN configuration to meet power-out requirements, determines illumination performance. As well as supporting home-all-the-way guidance and inertial mid-course guidance, CEA-MOUNT will also be able to support the interrupted continuous-wave illumination (ICWI) technique. In the ICWI mode, says CEA, the "number of missiles that can be in terminal illumination simultaneously using single-beam operation is determined by missile parameters, but is significantly greater than shared function faces where time has to be allocated for fire-control radar tracking and possible search processing". The system will provide missile rear reference by either an efficient steered low-energy beam or a broad-volume-coverage beam. The grant from the R&D Start Program, along with matching funding from BAE Systems Australia, jointly funded the development of a CEA-MOUNT medium-range advanced technology demonstration system under a four-year AUD6.2 million programme. CEA Technologies completed assembly, integration and testing at its facility in Adelaide, South Australia, with SYDAC subcontracted for the mechanical elements of the advanced development model. Following laboratory and field testing at CEA's own measurement facility, array testing was completed at CSIRO's chamber facility in Sydney in March 2002. According to CEA, these trials successfully validated all of the demonstrator programme objectives. Since that time CEA has conducted a technology update of the CEA-MOUNT product line, introducing Monolithic Microwave Integrated Circuit technology to reduce weight and increase power output. This multi-part contract for design (awarded in June 2004), build and test (awarded in June 2005) has in turn enabled the company to offer a multiple fixed-face-array CEA-MOUNT configuration (as proposed for the ANZAC ASMD upgrade). The outcome of this programme will be a production-ready ALRU available in the first half of 2006. However, the company will provide the steerable CEA-MOUNT system for applications requiring higher power and therefore a larger aperture. One such opportunity could be Project SEA 4000 - the programme to acquire three new Air Warfare Destroyers for the RAN - where CEA-MOUNT technology may be considered as an alternative to the Mk 99 fire-control group currently associated with the Aegis Weapon System.
พยายามอ่านซะยืดยาว สรุปคือ หากในอนาคตทร.จะจัดหา SM-2 มาใช้ ก็ต้องปรับปรุงระบบใหม่โดยการติดตั้ง CEA-MOUNT ICWI
คำถามก็ง่ายๆครับ : แล้วทำไมไม่ใช้ Stir 2.4HP ไปซะเลยล่ะครับ ทีเดียวจบ ใช้กับ ESSM ได้ดีกว่าชัวร์กว่าด้วย อีกอย่างระบบที่ว่าก็เป็นเทคโนโลยีของ THALES อย่างนี้แล้ว เอาระบบทั้งหมดจากเจ้าของเทคโนโลยีตั้งแต่ต้นเลยจะไม่ดีกว่าถูกกว่าเหรอครับ
ปล. ผมเชียร์ CEAFAR / CEAMOUNT มาตลอดครับ ถ้าได้ชุดนี้ก็คงแฮปปี้สุดๆ แต่ก็คิดไว้แล้วว่าไม่มีทาง T___T
ที่ ทร. ติด Link E/G ก็น่าจะเป็นเพราะ มันเป็นระบบที่ใช้งานได้แล้ว...มันก็คือ ระบบที่ สวีเดน ใช้งานอยู่แล้วครับ...และมันเป็น Link ของ ทอ. ที่จัดหามาใช้อยู่แล้ว....ถ้าใช้ Link-16 ก็หมายถึงว่า ทอ. ต้องไปติด Link-16 ด้วยหรือเปล่า ? แล้วเรือลำไหนของ ทร. ที่มี Link-16 บ้างน่ะครับ...ก็หมายถึง ทร. คุย กับ NATO ได้...แต่คุยกับ ทอ.ไทย ไม่ได้ หรือเปล่า ?
แล้วในนี้มีใครรู้ไหมครับ...ว่า Link E/G มันใช้งานได้ เจ๋ง ขนาดไหน...มันด้อยกว่า Link-16 ยังไง...
แต่ข้อมูลของ ทอ. กับ ทร. ที่กำหนดใช้ Link E/G...ผมว่า มันน่าจะมีคำตอบอยู่...ถึงให้ความสำคัญระดับหนึ่ง...
ส่วน Link-T มันก็ยังเป็นการพัฒนาอยู่...ยังไม่เห็น อนาคต เลย...ก็คงต้องรอไว้ใช้ในอนาคต...แต่ปัจจุบัน มันมี Link E/G อยู่ ก็คงต้องใช้มันก่อน...
ผมก็สงสัยว่า...ปัจจุบัน Link E/G ในกองทัพไทย ยังไม่ได้ใช้งานกันเลย...ทำไม ถึงจะยังไม่ชอบกันครับ...แต่ สวีเดน เขาใช้งานอยู่...ซึ่งมันมีของจริงให้เห็น...ผมว่า ทอ. คงได้เห็น และให้ความเชื่อถือในระดับหนึ่งเช่นกัน...ทอ. ถึงเลือก JAS-39 และ Erieye...
นี้ต้องขอบคุณท่าน JULDAS อีกครั้ง ที่ได้ให้ข้อมูลนี้มาและผมสนใจอย่างมาก กับประโยคท้ายข้อความนี้ครับ
"Project SEA 4000 - the programme to acquire three new Air Warfare Destroyers for the RAN - where CEA-MOUNT technology may be considered as an alternative to the Mk 99 fire-control group currently associated with the Aegis Weapon System".
ถ้าในอนาคตมีการอัฟเกรตโดยสมมุติว่า CEA+SAAB แล้วนำ CEA-MOUNT (SEA 4000)มาติดตั้งที่ Tower ของเรือตามรูปที่ท่าน super boy เคยวาดเอาไว้ แล้วเรือฟรีเกตเราสามารถติดตั้ง SM-2 ได้จริงในอนาคตจริง สำหรับผมแล้วก็รอได้ครับ
(ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 มั้งครับ พอดีแหละกว่าเรือจะเสร็จ 5 ปี ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที)
ผมขอเสนอเรื่องจุดติดตั้งอาวุธด้านหน้าครับ พอดีในรูปตรงที่ติดตั้ง phalanx มีพื้นที่เหลือเยอะและยกสูงขึ้นด้วย ผมเลยคิดว่าถ้าจะสลับตำแหน่งนำ Phalanx ไปติดตรงที่ MK41 (น่าจะทำให้มุมยิงกว้างมาทางด้านหลังมากขึ้นด้วย) แล้วนำ MK41 จำนวน 3 ชุดยิงมาติดตั้งด้านหลังจะทำได้หรือไม่อย่างไร ครับ( 8 SM2 + 8 ASROC + 32 ESSM)
เรื่อง Link-T เป็นเรื่อง "อนาคต" ต้องรออีกหลายปีก็จริง แต่เรือลำนี้กว่าสร้างเสร็จจะเข้าประจำการอีกตั้งกี่ปีล่ะครับ...???
ส่วน Link-16 ก็ทอ.เองยังอยากจะปรับปรุง Erieye ให้เป็น AEW-300 ที่สามารถใช้ Link-11 และ Link-16 กับ F-16 MLU ได้ด้วยไม่ใช่เหรอครับ เชื่อว่าคงอีกไม่นานครับ เพราะ F-16 MLU กำลังดำเนินการอยู่ หลังจากนั้นก็คงต้องอัพ Erieye ต่อ (หรือไม่ก็จัดหามาเพิ่ม ^ ^ ) และก็ไม่น่าจะนาน เพราะไม่งั้นจะเหลือเวลาให้ได้ใช้งานน้อยเกินควร หรือไม่ก็อาจเปลี่ยนไปใช้ Link-T แทนทั้งหมดเลยก็ได้ ถ้าหาก Link-T มันเกิดเจ๋งจริงๆ
ในที่นี้ไม่ได้บอกว่า Link E/G มันไม่ดี
แต่บอกว่า เจ้านี่มันคุยกับเจ้าอื่นไม่ได้และSAABเป็นผู้ทำแต่เพียงผู้เดียว ต่างจากLink-16 ซึ่งมีคนทำขายเยอะแยะ
F-16MLU ก็Link-16 S-100B ของทอ.ก็กำลังจะปรับปรุงติดLink-16
Link-T ไม่มี ก็ยังใช้Link-16 ไปก่อนก็ยังได้
ในทร.เองก็มีLink-RTN ซึ่งติดตั้งบนรล.ชุดกระบุรีและรล.นเรศวรไปแล้ว
มันมีความจำเป็นตรงไหน ที่จะต้องเลือกSAABเพื่อLink E/G ?
ซึ่งตรงนี้ ยังไม่มีท่านไหนตอบคำถามตรงนี้ได้
ส่วนเรือCWI บนเรือลำใหม่
ขี้เกียจอธิบาย เพราะเหมือนจะต้องพิมพ์ซ้ำของเก่าตั้งแต่กระทู้แรกหมด
เอาเป็นว่า หากเรือลำใหม่ มีCEAMOUNT หรือ CEAFAR หรือ ผลิตภัณฑ์ของCEA นอกจาก SSCWI
ไอดีนี้ จะแจ้งแอดมินให้ลบทันที เป็นการรับผิดชอบที่ให้ข้อมูลผิดๆแก่ผู้อ่าน
จบ แค่นี้ เรื่องCWI
ส่วนเรื่องอัพเกรดในอนาคต
อย่างที่ว่าไว้
หากซื้อเรือ ที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายอัพเกรดในอนาคต
มันจะมีประโยชน์อะไร ? ในเมื่อมันมีสิ่งที่สามารถทำได้ในสิ่งที่ต้องการแต่แรกแล้วแต่กลับไม่เอา ?
ยกตย. รล.นเรศวร
ตอนแรกนั้น รล.นเรศวร ใช้ระบบCMSจากจีน ซึ่งจีนบอกว่ายิงSea Sparrowได้เลย
แต่เมื่อมีการใช้งานจริงๆ และคนทร.ค้นพบว่า มันยิงไม่ได้ คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงไม่มีการติดตั้งSea Sparrow ให้รล.นเรศวรอีก แม้จะพอผันงบประมาณมาซื้อได้ (ดูจากราคาของMk41 ตอนอัพเกรดแล้ว ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรงทร.)
และเมื่ออยากจะใช้งานSparrow หรือ ESSM ขึ้นมา ก็ต้องอัพเกรดกันในงบประมาณเกือบๆ8พันล้านบาท ..........
เรือลำใหม่นี้
แกนหลักคือ 9LV
แม้จะติดสารพัดเรดาร์ ให้มันก็ตาม (ให้APARเลย) แต่9LV ไม่ได้SM-2 Certified ..........และมีค่าใช้จ่ายแฝง ในการR&Dให้มันสั่งยิงSM-2 ได้
คนได้รับประโยชน์คือใคร
ติ๊กต่อกๆๆๆๆ
SAAB ไง
เพราะSAABสามารถเอาผลR&D ไปใช้ขายต่อได้ โดยใช้เงินทร.ในการวิจัย
เหตุการณ์แบบรล.นเรศวรอาจจะหลอกหลอน ทร.อีกครั้งก็ได้
5 5 5 5 ท่าน iCy_CMU สงสัยอ่านที่ผมเขียนไม่เข้าใจ...
ในตอนนี้ ผมก็ว่า มัน ไม่มี CEA-MOUNT ไม่มี CEAFAR...
แต่ตัวส่ง ชี้เป้า น่ะ...ใช้ ตราอักษร CEA ที่ผ่านเสาอากาศ CEROS-200 ตามที่ ท่านอธิบายไว้ นั่นแหล่ะ...ผมก็เข้าใจตามท่านนั่นแหล่ะ..
คือ เรือชั้น นเรศวร ใช้ CEROS-200 ที่ใช้ตัว ชี้เป้า ให้ ESSM ของ Saab เอง คือ รุ่น CEROS-200 CWI...ซึ่ง CEROS-200 มันมีรุ่นที่ไม่มี CWI ด้วย...ซึ่งถ้ามันไม่มี CWI มันก็ใช้ ESSM ไม่ได้ใช่หรือเปล่าครับ...ผมเข้าใจถูกต้องไหม...
โดยตามเอกสารนั้น ก็คือ ผมอ่าน ก็เข้าใจว่า...เรือฟริเกตใหม่นี้ ใช้ CEROS-200 เป็นเสาอากาศ แต่ใช้ ระบบชี้เป้าให้ ESSM ของ ยี่ห้อ CEA ไม่ได้ใช้ของ Saab...ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ...
3.2.1 เรดาร์ควบคุมการยิง (Radar Fire Control) รุ่น CEROS-200
3.2.2 Continuous Wave iluminator (CWI) ตราอักษร CEA
ถ้าเป็นเช่นนั้น
ก็ขอถามท่านJuldas สักนิด .........
ทำไมต้องCEA ?
หากจะอัพเกรดในอนาคต (ยิ่งพูดยิ่งเจ็บใจ) แล้วจะต้องใช้ของCEA ซึ่งจะเข้าอีหรอบเดิมเลย
คือ CEAFAR และ CEAMOUNT ก็ยังไม่รองรับSM-2อยู่ดี
และถึงจะปรับปรุงให้รองรับ(ซึ่งหมายความว่า จะต้องไปร่วมมือกับRaytheon ผู้ผลิตจรวดตระกูลSM ทั้งหลาย ในเรื่องlink ระหว่างจรวดและระบบคคย.)
ก็จะไปติดที่ปัญหาเรื่อง 9LV ไม่มีโค้ดรองรับการยิงSM-2MR(หรืออนาคต SM-6)............
ปัญหาทั้งหมดทั้งปวงของเรือลำนี้เกิดจาก 9LV จริงๆ
รบกวนท่าน icy_CMU พิจารณาข้อความที่ไฮไลท์ด้วยครับ เหมือนว่าทาง CEA กำลังพัฒนาให้ CEA-MOUNT สามารถนำวิถีให้ SM-2 (และ ESSM) ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นน่ะครับ แต่ผมกำลังสงสัยเกี่ยวกับเทคนิคในการนำวิถีที่บทความนี้กล่าวถึง ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ Home all the way , Inertial Mid Course Guidance และ Interuppted CWI พอจะมีใครอธิบายคร่าวๆ ให้พอเข้าใจได้บ้างไหมครับ
"Designed to provide target illumination and missile uplink for semi-active homing missiles, CEA-MOUNT is an X-band (I/J-band) active phased-array CWI, slaved to a surveillance/target indication radar, capable of supporting multiple simultaneous channels of fire and scalable to suit the particular coverage requirements of local-area weapons such as ESSM, and longer-range missiles such as the Standard Missile SM-2. The initial engineering concept was for a steerable phased-array transmitter (either a 1 m or 1.6 m array aperture for the respective medium- and long-range versions) able to support multiple simultaneous channels of fire"
"As well as supporting home-all-the-way guidance and inertial mid-course guidance, CEA-MOUNT will also be able to support the interrupted continuous-wave illumination (ICWI) technique. In the ICWI mode, says CEA, the "number of missiles that can be in terminal illumination simultaneously using single-beam operation is determined by missile parameters"
ขอบคุณครับ
เพราะว่า CEA-MOUNT มันเป็น Phase Array...ความสามารถมันสูงกว่า STIR สามารถยิงเป้าหมายได้มากกว่าพร้อม ๆ กัน...น้ำหนักเบา ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาต่ำ...ประหยัดไฟฟ้าในระบบเรือ...พอดี ผมหา ไฟล์ ในเครื่องที่ทำงาน ไม่เจอ...ไว้กลับบ้านจะ พิมพ์บทความ ของ กองทัพเรือ เกี่ยวกับ Phase Array Radar ให้ครับ...
ซึ่งก็คาดหมายว่า ในอนาคต ถ้าเราจัดหา SM-2 มา...ก็น่าจะเป็น CEA-MOUNT นี่แหล่ะครับ...
เอาข้อมูลเก่า ของระบบ SAMPSON หรือ SPACTRA (รุ่นส่งออก) กับ CEA-MOUNT
Sampson is designed to be interoperable with a range of weapon systems. Within PAAMS, it will work in association with the Aster active radar guided missile family, for which it will provide target designation and E/F-band mid-course guidance uplink. Within the BAE Systems-proposed SIWS (Sampson Integrated Weapon System), the radar system would work with the US family of semi-active radar guided missiles (notably Standard Missile SM-2 Block IIIA and Evolved Sea Sparrow Missile, ESSM). In SIWS, the required I/J-band interrupted continuous wave illumination (ICWI) of targets, as well as missile uplink, would be provided by typically two separate CEA-Mount active array tracking radars developed joint by BAE Systems and Australian company CEA Technologies. SIWS was being offered for the now cancelled Royal Australian Navy ANZAC-class war fighting improvement program (WIP) and is now being promoted primarily in South Korea (KDX-3 program) and Turkey (TF-2000 program).
น่าจะเป็นเพราะ BAE System เป็นคน บูรณาการ กับ CEA Teachnology ในการ Uplink ให้กับ SM-2 ได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจครับ...
อย่างเช่น เรือชั้น นเรศวร ก็ให้ BAE System จัดการกับ MK-41...
ซึ่งตามที่กล่าวไว้ข้างต้นครับว่า...BAE System + CEA + Saab = ANZAC Upgrade คือ CEAFAR กับ CEA-MOUNT
และ High Power CEAFAR (พัฒนาต่อจาก CEAFAR อีก) จะใช้กับ Sea 5000 Project ของ ทร.ออสเตรเลีย ที่จะมาทดแทน ANZAC class...และอาจจะรวมถึง เรือฟริเกตใหม่ของ ทร.สหรัฐ ด้วยครับ...
ผมว่าเรือที่จีนเสนอสเปคมาดูดีคุ้มค่ากว่ากันเยอะเลยอ่ะ
Home All the way ---------บ้านตลอดทาง ........ไม่ใช่ละ คือการฉายลำคลื่นเรดาร์ไปที่เป้าหมายตลอดเวลา โดยที่จรวดจะวิ่งตามสัญญาณเรดาร์นั้นๆ (เทคนิคปกติของSemi-Active Homing)
Inertial Midcourse Guidance (IMCG)----------อันนี้ มิสไซล์จะถูกยิงโดยที่ยังไม่มีการใช้เรดาร์ฉายคลื่นที่เป้า และมิสไซล์จะวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ไปยังintercept point (Inertial Guidance) แต่ระหว่างนี้ มิสไซล์จะได้รับข้อมูลอัพเดทเป็นช่วงๆ ซึ่งก็จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังจุดที่เหมาะสมที่สุดในการสกัดกั้น แล้วพอถึงระยะ ถึงใช้เรดาร์ในการฉายคลื่นแบบSemi active ปกติ
Interrupted CWI ----------อันนี้ใช้ได้เฉพาะเรดาร์แบบElectronic scan คือการที่มิสไซล์สามารถยิงออกไปได้หลายลูกโดยใช้เรดาร์คคย.ตัวเดียว เรดาร์จะใช้โหมดคล้ายๆ Home all the way แต่ใช้ความได้เปรียบของเรดาร์สแกนทางอิเล็คทรอนิคส์ นั่นคือการสลับคลื่นไปที่เป้าหมายอื่นๆได้ด้วยความรวดเร็ว (ในระดับไมโครวินาที) ซึ่งมิสไซล์จะได้รับการนำวิถีแบบไม่ต่อเนื่อง(interrupted) แต่ในทางปฏิบัติ ด้วยการสลับคลื่นที่รวดเร็วแบบนี้ มิสไซล์ก็จะเข้าหาเป้าหมายโดยเหมือนกับได้รับคลื่นตลอดเวลานั่นเอง
Home all the way ใช้ได้1เป้าหมาย ต่อ 1ระบบเรดาร์คคย. ----ต่อ1เป้าหมายใช้มิสไซล์ได้2ลูก
IMCG -------อาจจัดการได้มากกว่า1เป้าหมาย ต่อ 1ระบบเรดาร์คคย. แต่ต้องมีการจัดคิวอย่างเหมาะสม พูดง่ายๆ ระบบอำนวยการรบต้องฉลาด
ICWI ------4เป้าหมายต่อระบบเรดาร์คคย. (อาจจะมากกว่านี้ แต่เห็นว่า De Zeven provincen ทดสอบที่4เป้าพร้อมกัน)
ในความเห็นผม ที่ว่า ทำไม ต้อง 9LV ก็คงเป็นในความเห็นข้างต้น ครับว่า...
ความต้องการ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ โดยการรบร่วม ของ ทร. กับ ทอ. สำหรับ ฝูง 701...
Air Defense Warfare (NCW)
1. Wing 701 (Jas-39 C/D + Erieye) = 12 + 2
2. เรือชั้น นเรศวร = 2
3. เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ลำใหม่ (ASW) = 2
4. ร.ล.จักรีนฤเบศร์ (อนาคต น่าจะหมายถึง UAV บน 911) = 1
ส่วน SM-2 นั้น...น่าจะเป็นเพียง ส่วนประกอบหนึ่ง ของ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ เช่นเดียวกับ ESSM
ปัญหาจริงๆของเรือลำนี้อย่างที่บอก คือแกนกลางของมัน คือ9LV
ซึ่งไม่รองรับSM-2 แน่ๆ .........
ส่วนลิงค์ ก็อย่างที่บอกไป
ในเมื่อ ทอ.กำลังจะติดตั้งlink-16 ให้S-100B คุยกับF-16ได้ และJas หากจำไม่ผิด ก็ติดตั้งLink-16แล้วในรุ่นC/D
ทำไมยังต้องไปยุ่งกับLink E/G อีก แน่นอน Link E/G ดีกว่าLink-16 แต่อย่าลืมว่า Link-16 มีความอ่อนตัวมากกว่า ในเรื่องของผู้ผลิต
ระหว่างเรือ ก็ยังมีLink-RTN ซึ่งติดตั้งบนรล.จักรีฯ ชุดรล.นเรศวร และชุดรล.กระบุรี (อนาคตอาจจะติดบน ชุดรล.ปัตตานี พร้อมLink-11 และ ชุดรล.กระบี่)
ส่วนเรือจีน ดูอย่างไร ลำนี้ยังดูเข้าที่เข้าทางกว่าเรือจีน(เดิมๆ)นะ
แต่อย่างไร ก็คงหนีSAABไม่พ้น .........เรือจีน+SAAB เหมือนจะคุ้นๆพิกล ......
สรุปเนื้อหาที่ป๋าจูลกับหลวงพี่ icy เถียงกันไปมาได้ความว่า
ตามที่ป๋าจูลว่ามา คือ ทร. ต้องการใช้ LINK G/E ร่วมกับ ทอ.
" ซึ่งมั่นใจว่ามีอะไรพิเศษดีๆที่เราไม่ทราบ "
จึงจำเป็นต้องใช้ 9LV เป็น CMS หลักของเรือ และใช้ระบบตรวจจับทางอากาศของ SAAB + CEA เป็นหลัก โดยฝากความหวังในอนาคตว่า 9LV + CEA-MOUNT จะสามารถรองรับการใช้งาน SM-2 ได้ในอนาคต (ฝ่ายป๋าจูลมั่นใจเต็มร้อยว่ามันจะต้องได้รับการรับรองจริงจังแบบที่ Thales ได้ เพราะผู้ร่วมพัฒนาหลายเจ้าไม่ธรรมดา) ส่วน CEROS-200 + CEA CWI ก็ใช้กับ ESSM ไปก่อน ราคาถูกกว่า 2.4 HP ด้วย ส่วน 9LV จะสามารถเชื่อมต่อกับ mk-116 ได้หรือไม่ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อในอนาคต
ตามแนวทางหลวงพี่ Icy
มีระบบที่รองรับอยู่แล้ว ไปเสี่ยงเพื่ออะไร ของ Thales ทั้งชุดได้รับการการันตีแล้วว่ารองรับ SM-2 ในอนาคต และระบบก็ดีกว่าด้วย
สว่น LINK E/G ใช้ LINK อื่นๆแทนได้ ระหว่างรอ LINK-T ที่ใช้ร่วมกันทั้ง 3 เหล่าทัพ และไม่คิดว่า LINK E/G จะมีอะไรพิเศษกว่าชาวบ้าน
ดังนั้นใช้ของชัวร์ที่มีตอนนี้ดีที่สุด ไปฝากอะไรกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ถ้าเกิดของ SAAB + CEA ใช้กับ SM-2 ได้โดยไม่มีปัญหา ทร. ก็รอดตัวไปครับ ถ้าไม่ได้ขึ้นมา ทร.งานเข้า
แล้วถ้าปัญหามันอยู่ที่เรื่องเงินด้วยหล่ะครับ ระบบของซาบจะดีพอ เหมือนรถถังอูเครนไหม...???
ถ้าว่าเงิน ประมาญ1.5 หมื่นล้านได้ดีสุดลงตัวสุดที่เรือแบบนี้ ระบบแบบนี้ แบบนี้ถือว่าตัดสินใจได้คุ้มค่าดีไหม
ถ้าเป็นเรือแบบนี้ ระบบ อื่นราคามันไม่ได้ จะว่าไง ... การคลาดเดาบนพื้นฐานความไม่รู้ข้อมุลแท้จริงทั้งหมด สรุปได้ยากครับ
ปล.ที่ผ่านมาซื้ออาวุธ ทุกอย่างทุกเหล่า ก็ไม่เห้นมีใครได้รู้จริงๆ ว่าแต่ละอย่างเท่าไหร่ได้อะไรบ้าง แบบชัดเจนเนื้อๆ สักที...สาธุประเทศไทยจงเจริญ
ตามความเข้าใจผมนะครับ...ระบบ อำนวยการรบ คือ การใช้งานได้ ง่ายขึ้น ครอบคลุมขึ้น พิสูจน์และตัดสินใจ ได้ง่ายขึ้น...ไม่ได้ หมายถึงว่า ระบบอาวุธชนิดใด ชนิดหนึ่ง จะใช้งานไม่ได้ ถ้าไม่ผ่าน ระบบอำนวยการรบ...
ซึ่ง 9LV มันคือ ระบบอำนวยการรบ หรือระบบการจัดการ มันไม่น่าจะเป็นความหมายว่า ระบบควบคุมอาวุธ...ก็เหมือนกับ TACTICOS...
และการ มีระบบเดียว คือ 9LV...มันก็ง่ายต่อการ บริหารการจัดการบุคลากร...ความชำนาญ...ความทดแทนกันได้ของ บุคลากร ระหว่างเรือชั้น นเรศวร เรือฟริเกตลำใหม่ และ ร.ล.จักรีฯ...ซึ่งหมายถึง การรบร่วม ของเรือทั้ง 3 ชั้น กับ ฝูง 701 จะเป็นมาตรฐานเดียวกัน...
ข้อสงสัยในแผนของทร. ทำไมเมื่อจะใช้ 911 เป็นศูนย์กลาง จึงไม่เอา 3D Long Range ไปไว้บนนั้น แทนที่ Sea Giraffe แล้วใส่ Data Link ให้ครบทุกแบบที่ ทร. กับ ทอ. มีใช้เลยครับ จัดตั้งห้องศูนย์ควบคุมและอำนวยการรบแบบรวมการทั้ง 3 มิติ ใต้น้ำ ผิวน้ำ บนฟ้า ซึ่งรวมเอาชุดควบคุมสั่งการปฏิบัติการทางอากาศของทอ.เอาไว้ด้วย ในเมื่อ 9LV กับ Erieye มันมีจุดประสงค์ในการจัดหามาเพื่อการนี้อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ท่าน SeriesVII กล่าวถึงนั้น มันก็เป็นส่วนสำคัญครับ แต่หากการจัดประกวดแบประกวดราคาแบบเปิดกว้าง ย่อมทำให้ทร.ได้ราคาต่ำที่สุดด้วยระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามข้อกำหนดความต้องการ หากยังสูงเกินกว่างบประมาณก็สามารถเจรจาต่อรองหรือขอปรับลดสเปกลดรายการบางส่วนลง หรือเปิดให้รายที่ได้ลำดับรองลงไปได้เจรจาต่อรองด้วย เป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองได้อีก จริงไหมครับ แต่...การที่ทร.กำหนดความต้องการตั้งแต่แรกว่าต้องเป็นระบบที่มีตราสัญลักษณ์ SAAB (ล๊อกสเปกชัดเจน)แบบที่ทำไปนี่...มันปิดโอกาสทั้งคู่แข่งขันในการเสนอแบบเสนอราคา และตัดอำนาจการต่อรองของตัวเองทิ้งไป แบบที่โบราณเขาเรียกว่า "เตะหมูเข้าปากหมา" เลยนะครับ
แล้วถ้าปัญหามันอยู่ที่เรื่องเงินด้วยหล่ะครับ ระบบของซาบจะดีพอ เหมือนรถถังอูเครนไหม...???
ถ้าว่าเงิน ประมาญ1.5 หมื่นล้านได้ดีสุดลงตัวสุดที่เรือแบบนี้ ระบบแบบนี้ แบบนี้ถือว่าตัดสินใจได้คุ้มค่าดีไหม
ถ้าเป็นเรือแบบนี้ ระบบ อื่นราคามันไม่ได้ จะว่าไง ... การคลาดเดาบนพื้นฐานความไม่รู้ข้อมุลแท้จริงทั้งหมด สรุปได้ยากครับ
ปล.ที่ผ่านมาซื้ออาวุธ ทุกอย่างทุกเหล่า ก็ไม่เห้นมีใครได้รู้จริงๆ ว่าแต่ละอย่างเท่าไหร่ได้อะไรบ้าง แบบชัดเจนเนื้อๆ สักที...สาธุประเทศไทยจงเจริญ
สมมติในข้อนี้
คอมโบยิงSM-2 ได้เลยของThales
อาจจะต้องการแค่
STIR2.4 HP *2 ------ใช่CWI Transmitter ของเดิมๆ ไม่ต้องเปลี่ยน
SMART-S Mk2 -------ระยะไกลกว่า
SPS-48 ........ไม่ต้องมีก็ยังได้ หรือใช้ที่ถูกกว่าอย่าง 2D Early Warning หลายๆแบบที่วางขาย อย่าง SPS-49 LW-08
หรือ อาจจะใช้เรดาร์จำพวก MW-08 เป็นHorizon Search แล้วใช้SPS-48 เป็นEarly warning ก็ยังไหว
SEWACO หรือ TACTICOS .........
ราคาไม่น่าจะต่างกันมาก ลดความซับซ้อนในการจัดหาได้อีกโข ......มันมีแพ็คเกจสำเร็จรูปและพิสูจน์ในการฝึกยิงมาแล้ว
ไม่งั้นต้องมาMix&Match อย่างที่เห็นกัน
CMS มีไว้เพื่อรวมการสั่งการอาวุธต่างๆ และ เซนเซอร์ต่างไว้ เพื่อการตัดสินใจ
แน่นอน อยากจะยิงSM-2 ก็ทำได้ ใช้Consoleแยก แต่ปัญหามันจะเกิดขึ้นคือ
ระบบอาวุธอย่างจรวด ต้องใช้เซนเซอร์ในการช่วยมากมาย มันต่างจากระบบปืน ซึ่งสามารถมีคอนโซลแยกได้
การทำงานที่ต้องใช้reactionไวๆ อย่างการสกัดกั้นจรวด/อากาศยาน จึงต้องการCMS ที่มีประสิทธิภาพ
ส่วน9LV ที่บอกว่ายิงSM-2 ไม่ได้ มันเกิดจากการที่ระบบ9LV ไม่สามารถสื่อสารกับคอนโซลควบคุมการยิงของSM-2ได้
(อาจจะเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ต่างกัน หรือการเข้ารหัส ซึ่งSAAB ไม่สามารถทำให้ระบบCMSของตนคุยได้จนกว่าจะได้ตกลงกับRaytheonก่อน)
จะเอาคอนโซลSM-2แยกเดี่ยวๆ แล้วมันจะใช้เซนเซอร์ที่เหลือของเรืออย่างไร อันนี้จินตนาการไม่ออกจริงๆ
และที่สำคัญหากมันยุ่งยากขนาดนั้น
มันก็จะวกไปที่คำถามเดิม ทำไมต้อง 9LV ????
ที่ท่าน icy_CMU กล่าวมานั้น แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ลองคิดยาวไปถึงระบบอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น Sonar ซึ่งระบบของ Thales เองสามารถรองรับกันได้อยู่แล้ว พิสูจน์การใช้งานมาแล้วมากมาย ค่าใช้จ่ายก็น่าจะต่ำกว่า เป็นต้น
ปล.หากต้องการให้แข่งขันกัน ก็ให้แยกส่วนในการเสนอได้นี่ครับ เช่น Sonar ก็มี Thales , Atlas ... etc. แม้ดูเหมือนว่า Thales จะได้เปรียบกว่ารายอื่น แต่สุดท้ายผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับทร. จริงไหมครับ
จากที่อ่านดูจากหลายๆท่านจากฟริเกตสมรรถนะสูงถ้าจะซ้ำรอยเรือเหาะสกายดร้ากอนซะแล้วคือทำไม่ได้ตามสเป็คแถมต้องเสียค่าอัพเกรดและค่าบำรุงรักษาอีกมหาสาร
น่าด่าคนออกสเป็คโดยแท้................ด้วยความเคารพ
ทำไมกล่าวถึงCEAกันจังครับ ปัจจุบันทางบริษัทไม่มีของตัวใดที่รองรับSM-2อนาคตก็ยังเป็นแค่กระดาษอยู่เลยยังไม่มีแผนจะเริ่มโปรเจค
ด้วยซ้ำ ทางออสเตรเลียก็ดูไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้ต่อยอดให้CEAใช้SM-2ได้ เพราะAAWยกไปให้กับHobart classแล้ว ซึ่งใช้ระบบAegisแทน ส่วนproject SEA 5000 ก็ไม่ได้เน้นAAWอยู่แล้วจะให้ใช้SM-2ไปทำไมเพราะจะไปเน้นASWและล่าสุดคือจะไปร่วมกับอังกฤษในโครงการType 26
ผมไม่คิดว่าCEA กับSM-2จะมีอนาคตร่วมกันครับ
ถ้าทร.แยกเรื่อง Link นี้ออกไป ทร.จะสามารถเลือกระบบ CMS กับเรดาห์อื่นๆที่น่าจะดีและทันสมัยกว่านี้ได้ ผมอยากให้ทร.จัดหา AEW ติดฮ.ไปเลยดีกว่าไปรอข้อมูลจาก ทอ. หรือถ้าจะเชื่อมระบบกันก็ทำในส่วนของศูนย์ปฎิบัติการร่วมดีกว่า เหมือนทร.ตั้งใจมัดมือมัดเท้าตัวเองชอบกล
ผมแหละอยากรู้จริงๆๆ ว่าใครคือคนต้นคิด ในการเอาระบบของกองทัพเรือและเอาระบบกองทัพอากาศมาลิ้งกัน ที่รู้ๆๆมันก็มาจากโครงการJas-39C/D+SAAB340 AEW เนี้ยแหละครับ ไม่งั้นโครงการเรือชุดนเรศวรก็คงเป็นไปตามคาด เรือฟริเกตชุดใหม่ก็เป็นไปตามความฝันของพวกเรา SAAB หนอ
ด้วยความเคารพ ผมไม่เชื่อว่ากองทัพอากาศปลื้มในประสิทธิภาพของ jas-39 เพราะไม่งั้นคงมีการส่งสัญญานเพื่อขอเพิ่มมาแล้วแต่นี่กลับเงียบมากถึงขั้นลืมไปเลย ไอ้คนที่คิดจะผูกมัดทัพเรือไว้กับlinkของjas-39นี่มันสุดๆเลยกะให้ใช้saabยันตาย
เอาข้อมูลมาจากตรงไหนหรือครับว่า ทอ.ไม่ปลื้ม Jas-39 รู้ๆกันอยู่ว่าโครงการ พีชสุวรรณภูิมิ นั้นมีอะไรบ้างและกำลังจะปิดตัวในไม่ช้านี้และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีบอกข่าวไว้ถึงสาเหตุที่ ยืดอายุการใช้งาน ของ F-5 ฝูง 211 ออกไปอีก ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนนะครับด้วยความเคารพ
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทอ.เลยจริงๆ ........
เข้าใจว่า ทร.อยากมีระบบดาต้าลิงค์ของตัวเอง เลยใช้Link E/G เป็นฐานสร้างLink-RTN มาใช้
แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองดันไปติดบ่วงคำว่าDatalink มากจนเกินไป.....จนกลายเป็นว่าแทบดิ้นไปไหนไม่ได้
พูดง่ายๆคือ ทร.ตั้งโจทย์พลาดแต่แรก เอาความหวังทั้งปวงไปใส่กับDatalink มากจนเกินไป
จริงแล้วระบบ Link มันก็แค่ protocal ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป้า ซึ่งมันเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆของภาพรวม กลายเป็นว่าทร.เลือกสเปคคอมพิวเตอร์ตามยี่ห้อสาย LAN เพลียกับนายหน้า GT200 จริงๆเลย
ทร.ทุ่มสุดตัวกับLink E/Gเลยนะครับ เรือ3ลำที่มีอยู่ก็ยังติดตั้งไม่เสร็จเรือใหม่อีก2ลำก็ใส่เพิ่มมาแล้ว ผมก็เลยไม่รู้จะช่วยหาข้อมูลอะไรมาแก้ต่างให้เพราะมันยังไม่ได้ใช้งานจริงๆ พอเจอเรือที่มี8VLSเข้าผมยิ่งอ่อนใจต้องรอดูภาพเรือจริงๆสถานเดียวแล้วหละ ตอนตอบคำถามสื่อมวลชนทร.จะท่องแต่คำว่า Network Centric Warfare แน่นอนเชื่อผมสิ
แต่ก็พอหาข้อมั่วมาได้แหละ นั่นคือทร.ให้บริษัทลูกของSAABปรับปรุงLink E/Gที่ติดในเรือให้ตรงตามความต้องการตัวเองในการใช้งาน พูดง่ายๆว่านี่คือ Link T batch1 ก็ว่าได้เพราะติดต่อกับทอ.ได้และใช้งานได้ตรงตามความต้องการของทร.พอดี เทหน้าตักรักหมดใจแบบนี้หวังว่ามันจะมีอะไรแจ่มแจ๋วเลยนะครับ ใครอยากรู้ข่าวนี้ต้องเจาะไปที่บริษัทลูกของSAABแล้วหละ แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร
พรุ่งนี้จะมีอะไรมาแย้งเขาบ้างนะ SM-2 9LV MK48 ก็โดนสอยไปหมดแล้ว เครื่องยนต์เรือแล้วกันติดวอเตอร์เจ๊ตเลยเป็นไง
ความเห็นที่หลายท่านคิดว่า 3D Long Range Radar ไปไว้ใน911 ผมว่า911 ทางกองทัพเรื่อคงไม่เอาไปตรวจการเองลำเดียวอยู่แล้วครับ เพราะ911เป็นฐานบินกลางน้ำมี อากาศยานหลายลำมูลค่ามหาศาลอยู่ และถ้าเป็นรูปแบบการป้องกันภัยทางอากาศเราจะนำกองเรือโดยมี911ไปด้วย? การตรวจการทางอากาศระยะไกลไม่ใช่หน้าที่ของเรือ จักรกรีแน่นอนครับ
ความเห็นผมว่าเหมาะที่เรือลำนี้จะมี 3D Long Range SPS48E ซึ่งระยะการ ตรวจจับยิ่งไกลยิ่งเตรียมรับสถานการณ์ได้ง่ายและจัดการกับภัยคุกคามได้ดีกว่า จากระยะไกลหรือจะติดต่อเรียกฝูงบินสนับสนุนได้ก่อน ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ผิดพลาดอะไรก็ขออภัยทุกท่านไว้ด้วยครับ
สำหรับที่ว่า ทำไม ทร. ถึงอยากได้ Link E/G กับ ทอ....บทความนี้ น่าจะตอบได้ครับ
จาก วารสาร นาวิกศาสตร์ เดือน เมษายน 2556
คอลัมภ์ เรื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
บทความโดย พล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก
ข้อ ๒. การซ่อมปรับปรุงเรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร
๒.๓ การรบทางอากาศเชิงรุกที่ต้องการกำลังทางอากาศของกองทัพอากาศ ในการทำลายเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ และทางยุทธวิธีที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติการทางเรือ หรือการใช้กำลังดังกล่าว ในการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ กำลังรบฝ่ายเราไม่ด้อยไปกว่ากำลังรบใด ๆ ในภูมิภาค แต่มีข้อสังเกตุที่พึงระมัดระวัง คือ ในการปฏิบัติการร่วมกับกำลังทางอากาศของกองทัพอากาศ ที่ใช้ปฏิบัติการรบ โดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางนั้น “การควบคุมและสั่งการ” ไม่ว่าจะอยู่ในอำนาจของผู้ใด แต่จะต้องเป็นไปตามความต้องการของนายทหารสั่งการทางยุทธวิธี (Officer In Tactical Command) ของภารกิจร่วมที่ปฏิบัตินั้น ๆ
การรบทางอากาศเชิงป้องกัน หรือการป้องกันภัยทางอากาศของกองเรือ (Fleet Air Defense) ที่ภัยคุกคาม ซึ่งน่ากลัวที่สุด คือ เครื่องบินรบความเร็วสูงที่มีความเร็วไม่ต่ำกว่าความเร็วเสียง สามารถบินต่ำหลบหลีกการตรวจจับ เข้าปล่อยอาวุธทำลายเป้าหมายได้ ตั้งแต่ระยะกว่า ๕๐ ไมล์ทะเล ด้วยความแม่นยำและอำนาจการทำลายสูง
หลักนิยมที่ใช้ในการป้องกันเป็นการป้องกันทางลึก วางกำลังเป็นระยะ ในทิศทางการเข้ามาของข้าศึก โดยระยะไกลสุดชั้นนอกต่อจากระยะตรวจจับเรดาร์สามมิติของกองเรือ จะวางกำลังทางอากาศด้วย เครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุม (Air Early Warning And Control Aircraft) และเครื่องบินขับไล่ (Fighter) ในการเตือนภัยและสกัดการเข้ามาของข้าศึกเป็นด่านแรก ถัดเข้ามาระยะก่อนระยะปล่อยอาวุธของข้าศึก จะวางกำลังทางเรือที่มีขีดความสามารถในการต่อสู้ภัยทางอากาศ เป็นพื้นที่ที่มีขีดความสามารถในการต่อสู้ภัยทางอากาศ เป็นพื้นที่ที่มีระบบตรวจจับ และอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น สู่ อากาศระยะไกล ส่วนชั้นในสุดรอบหน่วยที่ต้องการคุ้มกัน (High Value Unit/HVU) เป็นการป้องกันเฉพาะจุดด้วยอาวุธทุกชนิด รวมทั้งระบบป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถี
เรื่องเกี่ยวกับ Phased Array Radar ที่เกี่ยวกับ CEA
จากบทความ แนวโน้มของเทคโนโลยี่ และความมั่นคงทางทะเล แรงขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาสมุททานุภาพของไทย
การพัฒนาเทคโนโลยี่ Phased Array Radar
คัดมาเฉพาะ บางข้อความนะครับ
วิวัฒนาการของระบบเรดาร์ Phased Array
สหรัฐอเมริกามีโครงการที่จะพัฒนา AN/SPY-3 MFR และ Volume Searh Radar (VSR) ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหลักให้กับระบบเรดาร์แบบ สองช่วงความถี่ (Dual Band Radar) เพื่อติดตั้งให้กับเรือชั้น Zumwalt หรือ DDG-1000 โดยระบบ DBR ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รับติดตั้งให้กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ที่ใช้ย่านความถี่แบบ S และ X ได้ในเวลาเดียวกัน โดย X band จะมีความแม่นยำสูง (Wide Frequency Bandwidth) ครอบคลุมห้วงอวกาศที่กว้างขวางเหนือมหาสมุทร จำแนกแยกประเภทของวัตถุบินระดับต่ำได้ อีกทั้งยังสามารถใช้ติดตามเป้าหมาย (Target illumination) และใช้เป็นภาคส่ง (Uplink) ให้กับจรวดต่อสู้อากาศยานแบบ SM-2 และ ESSM ในย่านความถี่ S ซึ่งเหมาะสมกับทำหน้าที่ในค้นหาเป้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะอากาศ ด้วยการค้นหาและติดตามได้อย่างแม่นยำ
ระบบเรดาร์ DBR มีขีดความสามารถสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทำการเปรียบเทียบกับระบบเรดาร์แบบ AN/SPY-1 ซึ่งเป็นเรดาร์แบบ Passive Phased Array ในด้านความคงทนและแม่นยำ ในการปฏิบัติงานเพราะไม่มีระบบกลไกเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้น้ำหนักโดยรวมและขนาดของระบบโดยรวมที่ลดลง ใช้กระแสไฟน้อยกว่าเดิม การทำงานอีกส่วนที่น่าสนใจและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำสงครามทางทะเลคือ การทำงานของ DBR ในแบบที่ไร้คลื่นสัญญาณ และการออกแบบเสาเรดาร์ที่มีภาคตัดขวางเรดาร์ (Radar Cross Section) ต่ำ ช่วยให้หลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับจากข้าศึก
หากจะเปรียบเทียบระหว่าง SAMPSON และเรดาห์แบบ Active Phased Array อาจจะไม่เห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพที่แท้จริงอย่างชัดเจน ระบบ SAMPSON ไม่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับภารกิจการต่อสู้ขีปนาวุธข้ามทวีปโดยตรง แต่มีระยะตรวจจับอยู่ที่ 400 กิโลเมตร ซึ่งไกลกว่าระยะตรวจจับที่ 150 กิโลเมตรของระบบเรดาร์แบบ Active Phased Array แต่ระยะที่ไกลกว่านั้น จะไม่เกิดประโยชน์อะไรหากไม่มีจรวดนำวิถีชนิดใดที่สามารถทำการได้ไกลเท่าระยะของเรดาร์ ดังนั้น ในส่วนนี้ระบบเรดาร์แบบ Activer Phased Array อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทางฝากของกองทัพเรือออสเตรเลียนั้น ได้ทำการทดสอบระบบเรดาร์แบบ Active Phased Array บนเรือชั้น ANZAC สำหรับภารกิจป้องกันภัยทางอากาศ รวมไปถึงการติดตั้งเรดาร์แบบ Active Phased Array ให้กับเรือพิฆาต Hobart ที่เพื่อหน้าที่เป็นเรือพิฆาตป้องกันภัยทางอากาศ เสริมกับระบบเรดาร์แบบ AN/SPY-1 เดิมที่มีอยู่ โดยได้มีการทำข้อตกลงในปี 2005 ระหว่างกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ในการร่วมวิจัยและพัฒนาเรดาร์แบบ Active Phased Array และได้มีการจัดสรรงบประมาณจำนวน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการดำเนินโครงการในการวิจัยและพัฒนาระบบเรดาร์แบบ CEAFAR และ CEAMOUNT (Continuous Wave illumination : CWI) โดยได้รับแนวความคิดมาจากระบบ CWI ของบริษัท Thales Netherland ซึ่งเทคโนโลยี่ดังกล่าว จะอาศัยเรดาร์เพียงชุดเดียวในการนำวิถีให้กับจรวดหลายลูกในการป้องกันภัยทางอากาศ เพราะแต่เดิมระบบเรดาร์หนึ่งชุดสามารถนำวิถีให้กับจรวดได้เพียงหนึ่งลูกเท่านั้น ไม่เพียงพอต่อการรับมือภัยคุกคามทางอากาศที่มีจำนวนมากได้ ลักษณะทางกายภาพของเรดาร์ CEAFAR จะติดตั้งบนหอเสาอากาศทรงหกเหลี่ยม โดยแต่ละด้านจะมีชุดรับส่งสัญญาณ 1,024 ชุด ติดตั้งอยู่บนแผลควบคุมขนาด 30 x 30 เซนติเมตร รวมกันแล้วจะได้ชุดเรดาร์ 64 ชุด ในย่าน S-Band รวมแล้วได้ชุดรับส่ง 6,144 ชุด
นับได้ว่า CEAFAR เป็นผู้นำด้านระบบเรดาร์แบบ Phased Array เทคโนโลยี่โดยที่สามารถควบคุมทิศทางการตรวจจับแบบอิเล็กทรอนิคส์จากแผงควบคุมแต่ละแผง ช่วยให้ทำหน้าที่ได้อย่างหลากหลายในเวลาเดียวกัน ภายใต้ชุดเรดาร์เพียงชุดเดียว
นอกจากนั้น กองทัพเรือออสเตรเลีย ยังได้ทำการวิจัยและพัฒนาเรดาร์แบบ Active Phased Array ที่ใช้เรดาร์แบบ AUSPAR (Australia/US Phased Array Radar) และย่าน L-Band สำหรับตรวจการณ์ระยะไกล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นของเรดาร์แบบ CEAFAR แต่มีกำลังสูงกว่า โดยคาดว่าจะใช้ในการตรวจจับในระยะกลางจนถึงระยะไกลในภารกิจการป้องกันภัยทางอากาศ และยังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้ในภารกิจป้องกันภัยจากขีปนาวุธข้ามทวีปได้ โดยโครงการเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2008
ตอบที่โพสไว้ครับ ที่ว่าทอ.ไม่น่าจะปลื้มJas-39นี่ความเห็นส่วนตัวผมล้วนๆครับอ่านไม่เข้าใจตรงไหนผมแค่มีความคิดส่วนตัวว่าทอ.ไม่น่าจะปลื้มjas-39เพราะไม่ค่อยมีสัญญานมาจากทอ.ว่าต้องการเครื่องรุ่นนี้เพิ่มไม่เหมือนตอนซื้อเครื่องรุ่นอื่นหรือตอนกำลังเลือกแบบที่มีข่าวเยอะ ที่ผมโพสแบบนั้นเพื่อสื่อถึงว่าทำไมทร.ต้องไปยึดติดกับLinkของjas-39จนถึงกับต้องเลือกระบบที่รองรับการใช้งานของlinkนี้เท่านั้นเพราะถ้าไม่ยึดติดอาจได้ระบบที่ดีกว่ามาใช้สำหรับเรือฟริเกตรุ่นใหม่ อย่าลืมนะครับว่าเราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วไม่พอใจแล้วค่อยเปลี่ยนใหม่มันไม่ง่ายนะครับ และที่สำคัญLinkนี้ก็ใช้แค่jas-39ฝูงเดียว(12เครื่อง)วึ่งผมว่ามันไม่คุ้มที่จะเอาเรือฟริเกตที่เราต้องใช้งานนานมากๆมาผูกกับเครื่องบินที่อาจมีแค่ฝูงเดียว
Radar Technology
http://goo.gl/AWks8W
การพัฒนาเทคโนโลยี Phased Array Radar
http://goo.gl/XJGUbz
คำถามคือแค่ Link เรื่องเดียวถึงกับยก Saab ทั้งระบบเลยรึ? ทำไม Link 16, Link 11, Link Y ที่ใช้กันทั่วโลกไม่เห็นต้องผูกกับ CMS, Radar, Comm ยี่ห้อไหน เจ้าไหนเลย เพราะมันก็แค่บล็อก modem กล่องเล็กๆที่ต่อเข้า CMS เพื่อรับส่ง data ระหว่างเรือเท่านั้นเอง
จากความเห็นที่ป๋าจูลอธิบายเพิ่มเติมผมจับใจความได้ว่ามี 2 ข้อ ว่าทำไมต้อง LINK G/E และทำไมต้อง SAAB + CEA
ข้อแรก
จากแนวคิดเรื่องระบบการป้องกันเป็นชั้นๆ ซึ่งชั้นนอกสุดต้องใช้เครื่อง AEW AEW&C หรือ AWAC และเครื่องบินขับไล่ทำการสกัดกั้น ซึ่งส่วนนี้จะเป็นด่านแรกที่พบเห็นข้าศึกและเข้าทำการรบติดพันก่อนเพื่อน และด้วยเครื่องบินรบสมัยใหม่มีประสิทธิภาพสูงจัดมาก และจรวดต่อต้านเรือรบก็มีระยะยิงไกลมาก และมีความเร็วเหนือเสียงเกือบ 3 เท่าเสียงเข้าไปแล้ว ดังนั้นการสื่อสารและส่งข้อมูลกลับไปยังกองเรือเพื่อแจ้งเตือนและรายงานสถานะการณ์และ ภาพการรบในอากาศให้กองเรือรับทราบได้ทันท่วงทีและสมบูรณ์แบบจึงจำเป็นอย่างขาดไม่ได้
และในขณะนี้ ทร. เองก็ต้องพึ่งพาการป้องกันส่วนนอกสุดไว้กับ ทอ. เท่านั้น ดังนั้น ทร. จึงควรอย่างยิ่งที่จะสื่อสารได้สมบูรณ์แบบที่สุดกับ ทอ.
และด้วยเหตุผลนี้ LINK G/E จึงกลายเป็นหัวใจของระบบการป้องกันภัยทางอากาศเป็นชั้นๆไปไป
ข้อสอง
ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยี Active phase array ที่เหนือกว่า Passive phase srray ซึ่งทาง ทร. ดูจะตั้งความหวังว่าการ upgrade ครั้งต่อไปในเรือชุดนี้ เมื่อใช้ระบบ CEA-MOUNT (และถ้ามีเงินพอก็คงถอย CEA-FAR มาแทน sea giraffe ด้วย) จะทำให้ระบบทั้งหมดมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ I-MAST-500 ของ Thales ซะอีก เพราะทั้ง MOUNT / FAR เป็น active phase array ล้วนๆ ผิดกับ I-MAST ที่ยังเป็น passive phase array มีแต่เรด้าร์ควบคุมการยิง X-band ที่เป็น active phase array ตัวเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ CEA มี backup เป็นออสเตเรียและอเมริกา เรด้าร์ AN/SPY-3 นั้นออกแบบสำหรับเรือพิฆาตขนาดใหญ่ประสิทธิภาพสูง และราคาแพงมหาศาล และเท่าที่ผมทราบมา อเมริกาต้องการให้ CEA ผลิตในส่วนเรด้าร์สำหรับเรือขนาดเล็กลงมาเช่นเรือ ฟรีเกต คอร์เวต โดยเฉพาะ ซึ่งมีราคาหย่อนลงมากว่า AN/SPY-3 ซึ่งตลาดส่วนนี้ก็ใหญ่กว่าของ SPY-3 มากด้วย โดย ออสเตเรียและ CEA รับส่วนนี้ไปจัดการ (ยังกะ T-50 + KAI กับ F-35 F-22 + LM เลยแฮะ เกาหลี KAI รับส่วนเครื่องขนาดเล็กราคาถูกกว่ามากแต่ตลาดใหญ่ไป)
ดังนั้นทางฝ่ายป๋าจูลจึงมีความมั่นใจว่า CEA จะรองรับ SM-2/3 ได้เต็มที่และได้รับการการันตีจากผู้ผลิตฝ่ายอเมริกาด้วย และ SAAB ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สร้าง CMS เพื่อรองรับมันก็จะได้รับอานิสงค์ไปโดยปริยาย
อืมมมมม........ backup ของ CEA นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าใช้บทเรียนจากกรณี KAI กับ LM
แต่มันเป็นเรื่องของอนาคตจริงๆ และต้องการการทำนายที่มีความแม่นยำสูง......ว่า CEA + SAAB จะได้รับการแบ๊คอับจากอเมริกาจริงๆเพื่อหวังในตลาดส่วนนี้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ทร. ก็มีเฮ ...............
แต่ในข้อสองนี้ เทคโนโลยีของทาง Thales ในอนาคตก็ต้องทำแบบเดียวกันได้เช่นกัน เพราะตลาดที่ทาง Thales ครองอยู่ก็ไอ้ตลาดส่วนนี้ที่ทาง CEA + SAAB เล็งไว้เช่นกัน
เอ่อ..........ชักมันส์แฮะ Thales คงสู้สุดใจขาดดิ้นแน่
Thales เค้าก็มี APAR ที่เป็น active phase array นิแถมยิง SM-2 กับ ECCM ได้พร้อมกัน ทำให้สามารถป้องกันตัวเองและสวนหมัดได้ไปด้วยกัน เรื่อง FCS นี้มันดราม่ามากว่าทำไมทร.ต้องไปรออนาคตที่ไม่แน่นอน ในเมื่อถ้าทร.เลือก Stir ก็สามารถยิง SM-2 ได้เลย แถมสามารถยิง ESSM แบบซัลโวได้ด้วย ส่วน NCW นี้ไม่มีใครค้านคับ แต่ทำไมการใช้ Link E/G นี้ต้องใช้ Saab ยกชุดขนาดนั้นเลยหรือ? คือความรู้สึกมันเหมือนว่าจะแค่ใช้งาน modem ตัวเดียวต้องเปลี่ยนคอมพิวเตอร์, จอภาพ, printer, ups กันเลย งานนี้ไม่ทร.โดนหลอกก็ Saab มันคงห่วยขนาด integrateกับระบบเจ้าอื่นไม่เป็น หรือต่างสมยอมกันทั้งคู่ หึหึ
ถามว่าทำไมทอไม่สั่งjasหรือแสดงความสนใจjasเพิ่ม แล้วตอนนี้ทอสนใจหรือมีโครงการจะจัดซื้อบข รุ่นใหม่หรือเปล่าครับ ทอ ตอนนี้มองบฝึกกะฮก่อน ผมก็ว่าไม่แปลกนะที่ไม่พูดถึงjas.
ส่วนเรื่องsm2 ทรสนใจsm2จริงๆหรือ อะไรเป็นหลักฐานอย่างเป็นทางการว่าทร ต้องการsm2
thales I-MAST เป็น Active phase array ทั้งดุ้นครับ - -
ทำไมต้อง SAAB
ประเด็นนี้น่าสนใจนะครับ ส่วน ทร. ก็บอกไว้ค่อนข้างชัดนะครับว่า การตัดสินใจใช้ระบบอำนวยการรบจาก SAAB ของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ เพราะต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องบินกริปเพนของ ทอ. และเพื่อการพัฒนาการรบร่วมแบบหลายเหล่าทัพโดยใช้ระบบเครือข่ายเดียวกันนอกจากนี้ส่วนตัวผมคิดว่า การเลือกใช้ SAAB เป็นระบบเครือข่ายหลักน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา Link T ของไทยเราในอนาคตด้วยรึป่าวครับ เพราะเมื่อทุกเหล่าทัพใช้ SAAB ได้อย่างคล่องแคล่วสอดคล้องกันแล้ว ก็จะพัฒนา Link T ของไทยเราเอง โดยเอา SAAB เป็นต้นแบบ (อาจเป็นเพราะว่า SAAB ไม่ค่อยหวงวิชาล่ะมั้งครับ) ซึ่งจะทำให้การพัฒนาและประยุกต์ใช้ Link T ของไทยจะง่ายและเร็วขึ้นมากกว่าหรือไม่ครับ ก็เพียงแต่สร้าง Link T ให้ทำทุกอย่างให้ได้อย่าง SAAB เมื่อเสร็จแล้วก็เอา Link Tไปใส่แทน SAAB ได้เลย ไม่ต้องปรับอะไรมากนัก เพราะจะทำงานคล้ายกัน เป็นไปได้มั้ยครับ (เดาลูกเดียว เที่ยวสองลูก) :D
ก็น่าเห็นใจ ทร. เหมือนกันนะครับ ตอนนี้ต้องตอบคำถามว่าทำไมต้องเป็น SAAB แต่ถ้า ทร. เลือกอันอื่น ทร. อาจจะงานเข้ามากกว่านี้ครับคือ ทำไมไม่เลือก SAAB จะได้ใช้งานร่วมกับ กริปเพน ได้ทันที อืมม...เอ่อ.. ตัวใครตัวเผือกครับ! :D
ถ้าจะเอาlink E/G มาเป็นส่วนในการพัฒนา Link-T ..........เรือ3ลำก่อนหน้านี้ ไม่พอหรือ ?
อย่างที่ตั้งคำถามไว้เบื้องต้นว่า
ทำไมต้องSAAB ?
เพราะLink ซึ่งเป็นProtocol อย่างเดียวหรือ !!!!
ว้าว อเมซซิ่งจริงๆ
ซื้อเรือ เพราะProtocol ........
อย่างที่บอกไว้ด้วยว่า ในเมื่อทร.ตอนนี้ มีLink-RTN สำหรับหมู่เรือด้วยกันแล้ว
และ อีกปีสองปี ก็จะมีการติดLink-16 ให้S-100B ........
และกริพเพน ก็ต้องติดตั้งLink-16 เพื่อร่วมการฝึกนานาชาติต่อไป ....
แล้วLink E/G มีประโยชน์อันใด ? อย่าลืมว่า ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า ทางSAAB มอบข้อมูลSource Code ของLink E/G ให้แก่กองทัพไทย และ Link E/G ก็เป็นNational linkของสวีเดน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่สวีเดนจะมอบบSource Code Link E/Gให้แก่ไทยอย่างแน่นอน เพียงแต่ช่วยในเรื่องของการพัฒนาlink-T ผ่าน บ.Avia....com ซึ่ง บ.นี้ ก็เป็นนายหน้าให้SAAB อีกที
Scenarioนี้ คุ้นๆไหมเอ่ย .........
นั่นหมายความว่า หากยังอยากได้ Link-T ก็ต้องซื้อSAAB ......... ไม่งั้นไม่พัฒนาต่อ
ตกลงว่า ทร.ซื้อเรือ เพราะระบบอาวุธ หรือ ระบบLink กันแน่
หากเป็นอย่างหลัง ก็ อนิจจากองทัพเรือเลย
..........................
ส่วนเรื่อง การมีlinkเพื่อ แจ้งให้เครื่องบินมาสกัดกั้นได้ทันเวลา
สมมติScenarioนี้อีก
ในกรณีที่มีบ.ข้าศึก มาโจมตีเรือเรา ............ นั่นหมายถึงสงครามเต็มรูปแบบ
ถึงเวลานั้น จะมีกริพเพน พร้อมที่จะservice ทร. สักเท่าไหร่กัน ?
----------------------------------------
ประเด็นนี้น่าสนใจนะครับ ส่วน ทร. ก็บอกไว้ค่อนข้างชัดนะครับว่า การตัดสินใจใช้ระบบอำนวยการรบจาก SAAB ของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ เพราะต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องบินกริปเพนของ ทอ. และเพื่อการพัฒนาการรบร่วมแบบหลายเหล่าทัพโดยใช้ระบบเครือข่ายเดียวกันนอกจากนี้ส่วนตัวผมคิดว่า การเลือกใช้ SAAB เป็นระบบเครือข่ายหลักน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา Link T ของไทยเราในอนาคตด้วยรึป่าวครับ เพราะเมื่อทุกเหล่าทัพใช้ SAAB ได้อย่างคล่องแคล่วสอดคล้องกันแล้ว ก็จะพัฒนา Link T ของไทยเราเอง โดยเอา SAAB เป็นต้นแบบ (อาจเป็นเพราะว่า SAAB ไม่ค่อยหวงวิชาล่ะมั้งครับ) ซึ่งจะทำให้การพัฒนาและประยุกต์ใช้ Link T ของไทยจะง่ายและเร็วขึ้นมากกว่าหรือไม่ครับ ก็เพียงแต่สร้าง Link T ให้ทำทุกอย่างให้ได้อย่าง SAAB เมื่อเสร็จแล้วก็เอา Link Tไปใส่แทน SAAB ได้เลย ไม่ต้องปรับอะไรมากนัก เพราะจะทำงานคล้ายกัน เป็นไปได้มั้ยครับ (เดาลูกเดียว เที่ยวสองลูก) :D
ถึงเวลานั้น พอLink-Tเสร็จ
สิ่งที่เหลือทิ้งไว้หลังจากไม่เอาLink E/Gแล้ว คือ
CMS 9LV กะโหลกกะลา บนเรือ 5ลำ .........มูลค่า 5-6พันล้านบาทเป็นอย่างน้อย ไม่รวมเรดาร์ยีราฟ 5ตัว Ceros 200 อีก8ตัว
ไม่ต่ำกว่า 1หมื่นล้าน
เพื่อแลกกับLink-T .............ว้าว
มันไม่สมเหตุสมผล
เรือ3ลำ (รล.นเรศวร/ตากสิน/จักรีฯ) ก็น่าจะเพียงพอที่จะใช้ทดลองLink-T แล้ว
หลังจากนั้นก็นำคอนโซลไปติดตั้งเรือลำไหนก็ได้ เพื่อทดลองในรูปแบบเครือข่ายใหญ่ๆต่อไป
แต่สำหรับเรือใหม่ ..........ซึ่งกว่าจะเสร็จก็5ปี
ถึงเวลานั้น ออกมาทั้งๆยังไม่มีLink-T ก็ยังไม่น่าเกลียด เพราะระหว่างเรือยังมีLink-RTNซึ่งเสร็จแล้ว ใช้ฐานบนฝั่งหรือเรือที่ติด9LVเป็นbridgeเชื่อมกับGrippenไปก่อนก็ยังได้
พอLink-Tเสร็จ ก็ค่อยเอาไปลงให้ จบ
เรือรบ เวลาเลือก ควรตั้งโจทย์ให้ถูกต้อง
datalink เป็นส่วนหนึ่งของระบบการรบเท่านั้น
ระบบCMS อันเป็นหัวใจของเรือ อย่างน้อยๆก็ควรเป็นระบบที่พิสูจน์และใช้งานแล้วหลายประเทศ รวมถึงทดสอบเชื่อมต่อกับอาวุธหลากหลายประเภทมาก่อนแล้ว ซื่งช่วยประหยัดได้มาก
เรื่องเรือ3ลำกับการพัฒนาLinkผมเห็นด้วยนะ เสร็จจริงๆเมื่อไหร่ค่อยมาไล่ติดเรือที่เหลือเอาก็ได้ แต่กองแช่งทร.มีเยอะเหลือเกินถ้าด่ากันหมดทั้งเว็บผมก็ไม่รู้จะเข้ามาอ่านทำไม ทร.ไม่บอกอะไรลองหาเอาเองก็ได้ ชิ
โจทย์เรื่องเรือลำนี้ยากมาก ผมเคยคิดว่าเราจะได้SAABทั้งลำแต่อยู่บนเรือKDX-II ถ้าแบบนี้ยังพอแก้ตัวสีข้างแดงเถือกได้ว่าอนาคตปรับปรุงเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศได้แน่นอน เพราะขี้หมูขี้หมาก็ใส่VLSได้32ท่อสบายๆแล้วและใส่เรดาร์ระบบใหญ่ๆได้อีกสบายๆ พอมาเจอเรือสวยบาดใจแต่มีVLS8ท่อก็ต้องอวยพรให้มันมีมากกว่านี้หละครับ ทร.ที่อ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์มากจะเป็นยังไงกันนะท่านfatboyวานเข้ามาตอบที แต่ท่าทางท่านfatboyก็โดนเคอร์ฟิวส์เหมือนกันนะครับเงียบสนิทไปเลย
เพียงแต่เรดาร์3มิติระยะไกลตัวนี้มันคืออะไรกันแน่หว่า ผมไม่คิดว่าเป็นSPS-48แน่นอนนะแต่ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน ถ้าทร.จัดชุดคอมโบตามSAABจริงๆมันต้องเป็นSPS-49สิ(ถึงมันจะแค่2มิติแต่ก็มีใบปริญญา) ถ้าแบบนี้ผมค่อยเชื่อหน่อยว่ามีความพยายามจากทางนั้นส่งมาแล้วทางเรารับไป ที่หลุดไปเห็นจะมีปืนหน้า5นิ้วกับเรดาร์หลังยังไงงานนี้ทร.เป็นคนเลือกแน่นอน แต่จะเลือกอะไรเพื่ออะไรกันหละ ปริศนาข้อนี้น่าสนใจกว่า Link E/G ที่เราเถียงๆกันอยู่นะครับ
ด้วยความเคารพ จากเหตุผลที่ทุกท่านอธบายมาผมยิ่งไม่มั่นใจในjas-39 เมื่อต้องเป็นใช้ด่านหน้าต่อกรกับsu-30MKM+R77และBrahmos(ดูคล้ายกับบินมาพลีชีพกับเจ้าR77เพื่อแลกกับการส่งlinkมายังเรือ) เพราะถ้าหลุดjas-39(ซึ่งค่อนข้างแน่)รับรองว่าเรือฟริเกตใหม่เสร็จBrahmosแน่นอน
ชอบกระทู้นี้จัง ถึงแม้ความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ถกกันด้วยเหตุผล ข้อมูล ผมคนเสพข้อมูลอย่างเดียว ฟินน..^^
ส่วนตัวผิดหวังกับเรือนี้ตั้งแต่รู้ว่ามาจาก KDX-I แล้วครับ (จริงๆมันก็ไม่ได้แย่นะ เพียงแต่ไปหวังกับ KDX-II มากไป)
แล้วยิ่งหวยมาออกที่ SAAB แทบจะยกล็อต มันทำให้นายหน้าคนนั้น (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) มีน้ำหนักมากขึ้น จนผมเริ่มเชื่อ
เข้าใจว่าการเลือกแบบ CMS นั้น ทอ. มีเอี่ยวด้วย แต่มันถึงขั้นที่เราต้องเอาตัวไปผูกไว้กับ SAAB ทั้งระบบเลยหรือ??
SM-2 ผมคิดว่าคงไม่มาในเร็วๆนี้แน่ ทร.คงคิดไม่ต่างกัน แต่ไม่มี VL-ASROC นี่สิปัญหาใหญ่
นอกจากนี้งบประมาณ 15000 ล้านต่อเรือ 1 ลำ มันอาจจะปริ่มเกินไปหรือไม่กับระบบของ THALES
ส่วนตัวไม่ติดใจกับ DSME หรอก เชื่อว่าเค้าต่อเรือได้ดี แบบที่เปิดเผยออกมาก็ยอมรับได้ มันสวยทีเดียว
ถ้า ทร. ชี้แจงเรื่องตรงนี้ไม่ได้ งานเข้าแน่ครับ
แล้ว TACTICOS มันดีกว่า อย่างไร ยังไม่มีใครบอก...
แต่ 9LV ก็มีใช้ในหลายประเทศ...ซึ่งการใช้ Link กับ เครื่องบินขับไล่ ซึ่งก็คือ JAS-39 กับ Erieye ของ สวีเดน ประเทศต้นฉบับ และมีการใช้งานจริง ทำงานได้จริง..การจัดหาของ ทร. จึงเหมือนกับการ ซื้อของสำเร็จรูป ที่ครบถ้วนด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว...หลังจากนั้น คือ การพัฒนา และหาประสบการณ์...
ล่าสุด ทร.ออสเตรเลีย ก็ใช้ 9LV สำหรับ ANZAC เป็นระบบอำนวยการรบ สำหรับเรือ LHD Canberra ที่กำลังสร้างใหม่ ทั้งหมด...
ทร.แคนาดา ก็อัพเกรดมาใช้ 9LV สำหรับเรือชั้น Harifax จำนวน 12 ลำ...
และอาจจะรวมถึง ทร.นิวซีแลนด์ จะทำการอัพเกรดเรือ ตามแบบ ทร.ออสเตรเลีย...
การใช้ TACTICOS ผมมองว่ากลับจะเป็นปัญหามากกว่า เพราะ คงต้องกลับมาทำระบบอีกมากมาย...
และสุดท้าย ทั้ง ทร. และ ทอ. ก็ต้องให้ Thales มา ผสมกับ Saab เพื่อ Integrated System ให้เข้ากันอีก...ก็ต้องจ่ายแพง ขึ้นมากกว่าอีก...
และหลักนิยม อันนี้ มันก็เป็นหลักนิยม ทีใช้กันทั่วไป และหลักนิยม สหรัฐ...ซึ่ง ในภูมิภาคนี้ มีเพียง ประเทศ สิงคโปร์ ที่ทำไปแล้ว กับ เรือ Formidable...
และ ประเทศไทย ก็จะเป็น ประเทศที่ 2 ที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้น กับเรือชั้น นเรศวร ร.ล.จักรีฯ และ เรือฟริเกตลำใหม่...
จาก บทความ การพัฒนาของเรือรบรุ่นใหม่ และเทคโนโลยี่ระบบบูรณาการ โดย นาวาเอก คำรณ พิสณฑ์ยุทธการ
กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ที่บรรยายสรุปในงาน IMDEX เมื่อปี 2546 โดยกำหนดวิสัยทัศน์ ว่าจะเป็นกองทัพแบบ Network Centric ภายในปี 2556 ซึ่งในขณะนี้ กองทัพอากาศสิงคโปร์ พัฒนาตนเอง จนนักบินไม่ต้องคุยกันด้วยระบบสื่อสารทางเสียง กองทัพเรือสิงคโปร์ ได้จัดหาเรือฟริเกตแบบล่องหน (Stealth) ชั้น Formidable (แบบเดียวกับชั้น La Fayette ของฝรั่งเศส) จำนวน 6 ลำ และขึ้นระวางประจำการเรียบร้อยตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เรือฟริเกตชุดนี้เป็นเรือหลักนิยม Network Centric Warfare เหมือนสหรัฐฯ โดยการพัฒนาระบบอำนวยการรบที่บูรณาการอุปกรณ์ตรวจจับ และระบบอาวุธทุกประเภทเข้าด้วยกัน โดยในใช้ เครือข่ายแบบ Dual Fast Ethernet สร้างเป็นแกนหลัก (Backbone) ให้กับระบบ เรือฟริเกตแต่ละลำมีรัศมีการทำงานออกไปได้ 200 ไมล์ (370 ก.ม.) สามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกองทัพเรือเคลื่อนที่ออกไปในทะเล และรับข้อมูลข่าวสารจากเรือ และอากาศยานในระบบเดียวกันที่ปฏิบัติการอยู่ในระยะ ระบบอำนวยการจะรวบรวมข้อมูลปรับข้อมูลที่แตกต่าง สร้างภาพสถานการณ์ในพื้นที่ปฏิบัติการที่ถูกต้อง จากนั้นส่งข้อมูลกลับไปยังหน่วยบนบก รวมทั้ง กำลังทางบก และกำลังทางอากาศ ที่มาทำงานร่วมกัน หลักการนี้ช่วยเพิ่มการระวังป้องกันสนามรบ (Battlefield Awareness) และทำให้ข้าศึกมีเวลาน้อยในการตอบโต้ โดยการใช้ระบบบูรณาการที่สามารถสั่งการได้ โดยไม่เสียเวลากับขั้นตอนการรบแบบเดิม ๆ
เพิ่มเติม จากหนังสือ นาวิกศาสตร์ ที่อ้างถึงข้างต้น เกี่ยวกับการปรับปรุงเรือชั้น นเรศวร นะครับ
ห้วงเวลานั้น ( 4 ปีที่แล้ว ) เป็นเวลาที่เรือฟริเกตชุด เรือหลวงเจ้าพระยา ชุด เรือหลวงกระบุรี และ ชุด เรือหลวงนเรศวร ที่เริ่มเข้าประจำการตั้งแต่ พ.ศ. 2534 จะต้องเริ่มได้รับการซ่อมใหญ่ครึ่งอายุใช้งาน (Midlife Overhaul) ซึ่งเป็นการซ่อมใหญ่ระดับโรงงานหลังจากที่ถูกใช้งานมาครบครึ่งของอายุที่กำหนด ปกติจะประมาณ 30-40 ปี สำหรับเรือใหญ่ ซึ่งการซ่อมทำนี้จะรวมถึงการปรับปรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ทันสมัยตามเทคโนโลยี่ หรือสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ประมาณเกือบ 20 ปีที่แล้ว ในการนี้เห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะซ่อมปรับปรุงให้เรือชุด นเรศวร ซึ่งเดิมเป็นเรือฟริเกตเอนกประสงค์ให้เรือฟริเกตต่อสู้ภัยทางอากาศตามความต้องการที่กล่าวมาแล้วทั้งสองลำ เนื่องจากเป็นเรือค่อนข้างใหญ่ สามารถติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับภารกิจที่เพิ่มเติม รวมทั้งป้องกันภัยคุกคามอีกสองมิติได้เป็นอย่างดี มีความเหมาะสมที่จะถูกให้ปฏิบัติกิจในการวางกำลังเป็นด่านป้องกันที่สำคัญหน้ากระบวนเรือ ถัดจากด่านป้องกันทางอากาศ จึงได้เสนอความต้องการซ่อมปรับปรุงเรือชุดนี้ โดยมุ่งหวังให้นอกจากจะได้รับการซ่อมทำ ตามมาตรฐานการซ๋อมใหญ่ครึ่งอายุใช้งานแล้ว จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงขีดความสามารถในการรบผิวน้ำ และปราบเรือดำน้ำให้สูงขึ้น แต่เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ จากเดิมที่เป็นการป้องกันเฉพาะจุดให้เป็นการป้องกันเป็นพื้นที่ ตลอดจนทำหน้าที่ควบคุมการบินสกัดกั้น และการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับ เรือหลวงจักรีนฤเบศร
TACTICOS มีบนเรือลำไหนบ้าง ?
เอาตัวอย่างง่ายๆ ชัดเจน
KDX-II F124
และอื่นๆ http://www.thales7seas.com/html5_beta/product77.html
รวมถึงความเข้ากันได้กับระบบอาวุธอื่นๆ ที่9LV ทำไม่ได้
http://portals.omg.org/dds/sites/default/files/dds_06-12-06.pdf
และ อย่างที่บอกไว้ว่า
การใส่Link-RTN ไปก่อน อย่างรล.กระบุรี .......ไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยาก และ แม้แต่CMSจีนก็ยังทำได้
รอจนLink-Tเสร็จ มาใส่ทีหลังก็ยังทัน
ผมขอความรู้อีกนิด (จะอ่านย้อมไปดูของบทความเก่าๆก็เยอะมากร่วม 500 กว่าๆแล้ว) ถ้าระบบ SAAB ใช้กับ SM2 ไม่ได้ แล้วจำเป็นไหมที่เราจะต้องใช้ SM2 หรือแม้แต่ ESSM มีระบบอื่นๆอีกไหมที่ใช้ร่วมกับ SAAB ได้ เช่นของยุโรปก็ตระกูล ASTER หรือแม้แต่ของอิสเอล คือผมมองว่าเริ่มแรก ทร. เอาอะไรเป็นตัวตั้ง ระบบ หรือ อาวุธ ตรงนี้ทางทีมงานใน ทร. ก็คงจะคุยกันหน้าดำหน้าแดงมานานแล้วเรื่องถึงออกมาช้า สุดท้ายก็เป็นเลือกระบบเป็นตัวตั้งคือ SAAB ส่วนที่เหลือจึงมาดูว่ามีอะไรเข้ากับ SAAB ได้ซึ่งบางอย่างที่อยากได้ก็จะไม่ได้ แต่อาจได้แบบอื่นที่คล้ายๆกัน ประมาณนี้ ครับ
ส่วนเรื่อง link E/G ก็ทำนองเดียวกัน ผมมองว่ากองทัพไทยได้ตัดสินใจเลือกแล้วเมื่อปี 2550 ระหว่าง link E/G กับ link 11/16 สุดท้ายเมื่อเลือก link E/G เพื่อพัฒนา T-link ดังนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างก็จะต้องสนับสนุน Link E/G ให้มากที่สุด มันเลยเป็นข้อกำหนดหลักในโครงการต่อๆมา เช่น JAS39 Ericheye etc. ถึงแม้อาจทำให้ในภาพเล็กจะได้อาวุธแต่ล่ะชิ้นที่ประสิทธิภาพลดลง แต่ถ้ามองในประสิทธิภาพรวมของทั้งกองทัพอาจจะสูงกว่าก็ได้ ครับ ต้องมองหลายๆแง่มุม
ผมก็พยายามคิดในลักษณะเดียวกันของคุณระยองเหมือนกันครับ ว่า ถ้า ทร.เอา 9LV เป็นตัวตั้ง มันจะมี อวป.อะไรบ้างที่เป็นระยะไกลกว่า ESSM แล้ว compatible กับระบบอำนวยการรบที่ ทร.เลือกได้ และที่ไม่ใช่ SM-2 ครับ
เรื่องที่น่าหนักใจคือ
ประสิทธิภาพของอาวุธ แม้จะลิงค์กันเทพแค่ไหน
มันก็ตัดสินกันที่Effector หรือ ตัวอาวุธนั้นๆอยู่ดี !
ส่วนdatalink มันช่วยเสริมSituation Awareness หรือ Decision Supremacy ......เท่านั้น
ซึ่งก็จะช่วยในเรื่อง Tactical Manuever หรือ การเคลื่อนทัพทางยุทธวิธี
ประเด็นคือ การมีDatalink ดีแน่
แต่ ทำไมทร.ถึงต้องผูกเรือรบหลักชั้น1ไว้กับระบบSAAB ทั้ง5ลำ ! ทั้งๆที่ในอนาคตก็มีการวางแผนไว้แล้วว่าจะใช้Link-T ซึ่งจะติดตั้งได้กับเรือรบของทร.ทุกลำ และ บ.รบของทอ.ทุกแบบอยู่แล้ว ..........
และหลังจากLink-T มา link E/G ก็จะไม่ได้ใช้งาน ซึ่งการนำมาทดลองใช้และพัฒนา ควรจบตั้งแต่เรือหลวงจักรีฯและรล.นเรศวรแล้ว
หลังจากนั้นเรือใหม่ก็ควรจะใช้ระบบที่Proved แล้วว่า เหมาะสมกับภารกิจจริงๆ แล้วมาติดตั้งLink-RTN และLink-T ภายหลัง เท่านี้ทร.จะมีตัวเลือกให้เลือกอีกมากไม่เฉพาะSAAB
ถ้าดูจากข้อมูลของท่านจู ดูเหมือนทร. จะเลือกแบบ CMS ของเรือลำนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนปรับปรุงเรือนเรศวรเสียอีก
ในส่วน link ของ 9LV ยังไงก็ไม่เท่า TACTICOS
คำถามผม คือที่ว่า TACTICOS มันดีกว่า SAAB สำหรับ ประเทศไทย ยังไง ครับ...
ก็ตามที่ให้ความเห็นไว้ครับ ว่า ถ้าใช้ TACTICOS กับ JAS-39 กับ Erieye ก็ต้องให้ Thales กับ Saab เขามา บูรณาการร่วมกัน ใช่ไหมครับ...แล้วจะมั่นใจ อย่างไร ว่าจะใช้ได้ดีกว่า...และ ผมคิดว่า ค่าใช้จ่าย ย่อมจะสูงกว่าแน่นอน...
ในเมื่อ ทร. วางหลักนิยม ในการป้องกันภัยทางอากาศไว้ ก็เหมือนกับ สิงคโปร์ เหมือนกับ สหรัฐ....โดยให้ กองทัพอากาศ เป็นด่านหน้า...ซึ่ง มันคือ JAS-39 C/D กับ Erieye...และมันมีของสำเร็จรูปที่พร้อมขาย คือ การใช้ระบบของ Saab ผสมกับงบประมาณที่จำกัด...
ลองคิดถึงว่า
เรือชั้น นเรศวร ใช้ 9LV Link E/G ได้ ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้
ร.ล.จักรีฯ ใช้ 9LV Link E/F ได้ ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้
เรือฟริเกตลำใหม่ ใช้ TACTICOS ใช้ Link อะไรก็ไม่รู้ ต้องบูรณาการระบบเพื่อให้เข้ากับ JAS-39 C/D กับ Erieye อีกครั้ง...
กับ
เรือชั้น นเรศวร ใช้ 9LV Link E/G ได้ ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้
ร.ล.จักรีฯ ใช้ 9LV Link E/F ได้ ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้
เรือฟริเกตลำใหม่ ใช้ 9LV LInk E/F ได้ ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้
การวางระบบเดียวกันแบบนี้ กองทัพเรือ เคยใช้มาแล้วกับเรือฟริเกต ชุดแรก คือ เรือชั้นตาปี เรือชั้นรัตนโกสินทร์ และ ร.ล.มกุฎฯ ที่เมื่อถึงครึ่งอายุใช้งาน ก็ปรับปรุงเพิ่ม ระบบอำนวยการ SEWACO และระบบอาวุธ ที่มีในลักษณะเดียวกัน ครับ...
เรื่อง Link นี้ก็ต้องคุยกันยาวหน่อย เพราะแท้ที่จริงแล้ว Link E/G ก็คือ Link S กับ Link 300 ของทอ.สวีเดนที่พัฒนามาใช้กับอากาศยานในประเทศตัวเองนั้นเอง แต่มาเมืองไทยก็เปลี่ยนชื่อไป ที่นี้เจ้า Link ที่ว่ามันจะใช้วิทยุของยี่ห้อ Rohde &Schwarz รุ่นพวก M3AR ในการรับส่งข้อมุลเท่านั้น โดยต่อกับ Data Link Processor อีกกล่องในการแปลสัญญาณเป็น tactical message เพื่อส่งไปแสดงผลที่ CMS อีกที จึงเห็นได้ว่าการที่ ทร.จะใช้ Link E/G นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ CMS ของ Saab ด้วยซ้ำ ยิ่งต้องไปยกเซ็ทพ่วงเรดาห์กับส่วนควบคุมการยิงยิ่งแล้วใหญ่มันคนละเรื่องเลย เรื่องมันเลยไม่ชอบมาพากลประมาณนี้ ส่วนจะอ้างว่าเคยใช้ เคยซ่อมนี้ยังงงๆว่าเรือตากสิน/นเรศวรอยู่ระหว่างการติดตั้งจาก Saab ยังไม่เคยมีใครในทร.เคยเห็นหรือเคยใช้ด้วยซ้ำ แล้วจะไปบอกว่ามั่นใจ เคยซ่อมตามที่ทร.แถ-ลงได้ไง
เรื่องตลกร้ายอีกเรื่องคือสวีเดนเองก็กำลังจะโล๊ะเปลี่ยน Link S ไปเป็น Link 16 ที่เป็นมาตรฐาน NATO เพราะตัวเองไม่สามารถเข้าร่วมการยุทธกับคนอื่นได้ และคนต้องมาเช็ดขี้ให้ Saab คือ Thales ที่ติดตั้ง Link 16 ให้สวีเดนทั้งกองทัพ
http://www.army-technology.com/news/newsswedish-fmv-receives-data-link-system-thales
คืองานนี้จะจบสวยถ้าเหล่าทัพใช้ Link 16/ Link T แต่ดันไปเอา E F G อะไรมาก็ไม่รู้ซึ่งมันเป็น Link ที่ใช้ในสวีเดนประเทศเดียวแถมเค้าก็ไม่ให้ interface ด้วยแล้ว Link T ก็เป็น Link UHF ที่พัฒนาเพื่อทอ.เป็นหลักแล้วคนพัฒนาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน บริษัท GT200 เจ้าเก่านั้นเอง
ก็ กองทัพอากาศ มี Link E/G ของฝูง 701 ฝูงบินภาคใต้ ดูแลทะเลทั้ง 2 ฝั่ง...แล้วจะใช้ Link-16 หรือ Link อื่น ๆ กับ เรือใหม่ หรือครับ...ไม่ค่อยเข้าใจความหมาย...
เพราะ TACTICOS ในแผ่นภาพ มันก็รับ Link E/G ไม่ได้ใช่ไหมครับ...คือ ถ้า ไทย จะใช้การรบร่วมกับ JAS-39 C/D...ก็ต้องจ่ายเพิ่มให้กับ Thales กับ Saab เพื่อให้ บูรณาการรบร่วม กันได้ ใช่หรือเปล่า ?
ซึ่งปัจจุบัน ทอ.ปรับปรุง F-16 MLU ซึ่งตามข้อมูลข้างต้น คือ ติดตั้ง Link-16...ก็คงมองในอนาคตว่า...เมื่อ ทร. บูรณาการรบร่วมกับ ทอ. แล้ว...มันก็อาจจะไปสู่ในอนาคต ข้างหน้าที่ว่า ทร. จะร่วมรบกับ F-16 ที่ใช้ Link-16 ได้...เพราะ 9LV มัน Link กันได้...มันก็น่าจะดีกว่า TACTICOS ซิครับ..
คือ ในอนาคต หาก ทอ. จะเปลี่ยนไปใช้ Link-16 ทั้งหมด...มันก็ไม่มีปัญหากับ 9LV ใช่ไหมครับ...
แต่ปัจจุบันนี้ มันมีแต่ Link E/G...ซึ่งมันก็คงต้องใช้ ระบบที่มีอยู่ ใช่ไหมครับ..
ผมเข้าใจว่า Link กับ CMS มันคนละส่วนกัน แต่มันจะเชื่อมกันได้ถ้ามี code ซึ่ง Saab เค้าไม่ให้ข้อมูลนี้เพื่อเก็บไว้ขายของเค้าเอง ที่นี้ถ้าเหล่าทัพเราจะไปทาง NCW แต่โดยต้องยืมจมูก Saab หายใจแบบนี้ถ้าวันหนึ่งเค้าไม่ขายให้หรือไม่เชื่อมต่อให้ แล้ว NCW เรามันก็เดี้ยงเท่านั้นเอง แต่ถ้าเราไปทาง Link 16 ซึ่งมันใช้กันทั่วโลกมีระบบเป็นสิบเป็นร้อยเจ้าให้เลือก อันนี้น่าจะ well proven แล้วเราก็ไม่ต้องมัดมือตัวเองแบบนี้ ตัวกริฟเพนและ ericeye ก็มี Link 16 ให้เลือกเป็นตัวเวอร์ชั่นส่งออก ซึ่งจะบอกว่าทำไม่ได้มันก็ไม่ใช่
ท่านjeepy กับ ameco ตอบได้หมดแล้ว
ขอเสริมเรื่อง จะคุยกับกริพเกนอย่างไร
มันมีสิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้ระบบSAABเลยแม้แต่อย่างเดียว
โปรดดูแผนภาพประกอบ .......จากเว็บนายหน้าSAABเนี่ยเเหละ
กริพเพนคุยกับS-100B โดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านACCS ก่อน ถึงจะได้Air picture จากS-100B
ลิงค์สำหรับกองเรือ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นLink-E/G ก็ได้ สมมติเป็นLink-RTN แล้วติดterminal ของLink-RTN เข้ากับที่AAOC หรือสถานีทวนสัญญาณต่างๆ
ทีนี้ เวลาคุยกับกริพเพน ถ้าเป็นVoice ก็ผ่านsecure channel ซึ่งเป็นมาตรฐานHave Quick อยู่แล้ว ถ้าเป็นDATA ก็ผ่านLink-RTN terminal ผ่านAAOC ผ่านlink E/G ไปที่กริพเพนอีกที เหมือนกับที่Gripen ได้Air picture จากS-100B ผ่านAAOC เช่นกัน
ซึ่งกองเรือที่linkผ่านAAOCจะได้Air PictureจากS-100B เช่นกัน
จบ
ตรงนี้ไม่มีตรงไหนที่จะต้องใช้Link E/G บนเรือเลย แม้สักกระผีกเดียว
จากแผนภาพ แค่ตัดlink E/G ที่ลิงค์S-100B กับ Gripen เข้ากับกองเรือ
กองเรือก็ได้รับAir picture และ ทางกริพเพนก็ได้รับข้อมูลต่างๆของเรือผ่านAAOC เหมือนกัน
จบ
ภาพTacticosของท่านไอซ์คุ้นมากผมเลยต้องดมกลิ่นตามหาอีกครั้ง เรือ KRI Oswald Siahaan ของอินโดนีเซียใช้CMSเป็น Sewaco แต่สามารถยิงจรวด SS-N-26 Yahont ของรัสเซียที่มีระยะยิง250กม.ได้โดยที่ไม่มีในตาราง แปลว่าเขาต้องแยกมันออกมาต่างหากในการควบคุม(แต่ใช้เรดาร์ของเรือ) รวมทั้งเรือเร็วโจมตี KRI Layang ของเขาที่ติดC802 ด้วย
แล้วSM-2 ของเราหละ สมมุติว่าเรดาร์หลังเป็นEMPARที่ใช้Uplinkจรวดได้ (ขอยืมข้อมูลท่านไอซ์จากเว็บโน้นมาหน่อยนะครับ) ใช้CEROS 200SSCWIส่งSM-2ไปหาเป้าหมายได้ ตั้งคอนโซลควบคุมแยกจาก9LVแต่อยู่ในหอบังคับการณ์นั่นแหละ พอจะใช้ยิงเครื่องบินที่อยู่ห่างออกไป90กิโลิเมตรไหวไหมครับ
โอเคดีมันดีไม่เท่าTacticosหรอก สู้SITR.24HPที่ใส่แล้วยิงเลยก็ไม่ได้ จรวดที่บอกก็คนหละแบบกันผมแค่นำหลักการมาใช้ดูบ้างเท่านั้นเอง อินโดยังทำได้เลยนี่จรวดเขายิงได้ไกลลิบอีกต่างหาก อยากได้RBS-15 MK3จัง(อนาคตMK4ระยะยิง1000กม เยอรมันจองล่วงหน้าเพื่อติดบนเรือF125แล้ว) ใครจะว่าล๊อคสเป็กหน้านายรวยก็ยอมหละครับ
อันนี้ที่เขาคุยกัน
http://www.timawa.net/forum/index.php?topic=33888.0
อันนี้ท่านจูดาสลงข่าวเรือ จะเข้าได้ไหมนะแอดมิน
http://www.thaifighterclub.org/webboard/13561/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%9B-%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-Yahont-%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-KRI-Oswald-Siahaan.html
หลักการของการใช้Yakhont บนเรืออินโดนั้น
จะคล้ายกับรล.นเรศวรก่อนอัพเกรด
นั่นคือ ระบบAN/SWG-1A แยกออกมาต่างหากจากCMS แล้ว input ข้อมูลต่างๆด้วยมือ(แบริ่งของเป้า ระยะ ความเร็วของเป้า และWaypoint) บนคอนโซลของAN/SWG-1A แล้วยิง
แต่ระบบของSAM จากยากกว่านั้น
การinput แบบManual แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะSAMมีการนำวิถีที่ยุ่งยากกว่าSSMมาก
ส่วนเรื่องดาต้าลิงค์ในแบบไม่พึ่งSAABคงได้ประมาณนี้ (ก่อนLink-Tจะสมบูรณ์)
สรุปว่า 9LV ดีกว่า Tacticos แค่เรื่องเดียวคือ Data Link ที่ใช้ได้ทั้ง E , G , 16 และ T ใช่ไหมครับ ???
แต่ในเมื่อกองทัพวางยุทธศาสตร์ในอนาคตไว้ว่าจะบูรณาการกันด้วย Link-T แล้วทำไมวันนี้เราต้องยึดติดอยู่แต่กับ Link E , G จนทำให้เรามีข้อจำกัดมัดตัวเองอยู่อย่างนี้เรื่อยไปล่ะครับ
ประเด็นที่ผมเน้นย้ำมาตลอดว่าระยะเวลาอีกตั้ง 5 ปี ป่านนั้นทอ.น่าจะเชื่อมต่อ Erieye กับ F-16 MLU ด้วย Link-16 หรืออาจเริ่มทดลองใช้ Link-T แล้วด้วยซ้ำไป
หากจะบอกว่าเราใช้ Link E, G เป็นพื้นฐานในการพัฒนา Link-T (โดย AV S@ Com) จึงควรใช้ระบบของ SAAB ที่รองรับได้เลย แล้วเรือลำอื่นๆ ที่ใช้ CMS ของ Thales ล่ะ ไม่สามารถใช้ Link-T ได้หรือ ??? ถ้าเป็นแบบนี้ผมว่าทร.วางยุทธศาสตร์ผิดพลาดอย่างร้ายแรงแล้วล่ะครับ เป็นการเอาตัวเองไปผูกมัดจนดิ้นไม่หลุด
Link-T ควรต้องพัฒนาให้สามารถบูรณาการได้กับระบบต่างๆ ที่กองทัพเรามีใช้อยู่เป็นหลักใหญ่เป็นบรรทัดฐาน ไม่ใช่กลายเป็นข้อจำกัดในการพัฒนาด้านอื่นๆ แบบที่กำลังจะเป็นอยู่ในเวลานี้
กลายเป็นว่า ความต้องการที่จะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบพื้นที่ ไม่สามารถทำได้(ง่ายๆ)เพราะเราเลือก 9LV ที่ดีกว่า Tacticos แค่เรื่อง Link E , G ทั้งๆ ที่ในความจริงเราไม่จำเป็นต้องผูกตัวเองกับ Link ทั้งสองแบบก็ได้
ยิ่งท่าน Juldas เอาบทความของสิงคโปร์มาอ้างอิงยิ่งทำให้ภาพความผิดพลาดชัดเจนขึ้นด้วยซ้ำ เรามีเรือใหม่แค่ 2 ลำ , รล.นเรศวร 2 ลำ ที่มี Sea Giraffe AMB (Range 180 กม.) + ESSM (Range 50 กม.) กับ 911 ที่มีแค่ Sadral จะวางยุธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศแบบสิงคโปร์ ที่มี Formidable (Herlacles Range 250 กม. + Aster 15/30 Range 30/120 กม.) จำนวน 6 ลำ กับ F-15SE และ G550 CAEW ที่สมรรถนะและพิสัยปฏิบัติการสูงกว่า Gripen + Erieye มาก
ผมว่าไปเทียบกับสิงคโปไม่ได้นะครับ นั้นเขาเป็นดกาะเล็กขนาด ภูเก็ต จำเป็นต้องออกไปตั้งรับไกลบ้านมากๆ ไม่งั้นปืนใหญ่ยิง
ข้ามเกาะได้เลย
มันจะผิดพลาดยังไงล่ะครับ...ผมว่า ลองทำความเข้าใจก่อนครับ...
ว่า ด่านแรก คือ กองทัพอากาศ...
เรือป้องกันภัยทางอากาศ คือ ด่านรองต่อมา...
การที่ให้ความสำคัญ Tactical Data Link คือ...
กองเรือรบ สามารถ บัญชาการรบทางอากาศ หรือ ทางยุทธวิธี ร่วมกับ กองทัพอากาศ โดย เรือรบกระบวนหน้า ได้เลย...
คือ การป้องกันเป็นระยะ ๆ...
การที่อยากใช้ TACTICOS เท่าที่ผมอ่านมา คือ ต้องการ SM-2 แค่นั้นเอง...
ซึ่ง SM-2 มันแค่ ระบบอาวุธส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น...
ซึ่งระบบ บูรณาการการรบร่วม มันต้องรวมกันทั้งระบบ...
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การบัญชาการรบทางอากาศ และการรบยุทธวิธีทางอากาศ โดย เรือชั้นนเรศวร คือ อะไร ?
คือ เรือชั้น นเรศวร ต้องมีระบบควบคุม และสั่งการ คือ Command & Control กับ Jas-39 C/D ได้ด้วย...
ในกรณี กองทัพไทย...มันมีการระบุ อาวุธ ระหว่างกองทัพอากาศ และ กองทัพเรือ ในขณะนี้ คือ
1. JAS-39 C/D + Erieye + RBS-15F
2. เรือชั้น นเรศวร
3. ร.ล.จักรีฯ
4. เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ลำใหม่
คือ กองทัพทั้ง 2...จะทำอย่างไร ให้เป็น Network Centric กับ ระบบอาวุธ ทั้ง 4 แบบ นั้น
ซึ่ง Link RTN มันก็คือ Link ของ กองทัพเรือ ซึ่งมันไป ควบคุมและสั่งการ และรับรู้สถานการณ์จริงของ JAS-39 C/D ที่กำลังปฏิบัติการได้อยู่หรือไม่...
ในที่นี้ ในความเข้าใจส่วนตัวของผม ซึ่งไม่เคยเห็นของจริง...
Link E/G ของเรือรบ มันไม่ใช่ แค่ระบบวิทยุ...มันจะมี คอนโซล หน้าจอ ที่แสดงตำแหน่งของ E และ G และ ฝ่ายตรงข้าม....
G ทำลายฝ่ายตรงข้ามไปอย่างไร...G ปล่อยอาวุธนำวิถี อะไรไป...G ถูกยิงตกหรือยัง...ฝ่ายตรงข้าม ยิงอาวุธนำวิถีมาอย่างไร...ทั้ง G และ E เห็นภาพอย่างไร...เรือชั้น นเรศวร ก็จะเห็นภาพ อย่างนั้นด้วย...เพราะ เรือชั้น นเรศวร คือ เรือบัญชาการรบทางอากาศในขณะนั้น...
ภาพตำแหน่ง และข้อมูลเหล่้านี้ จะทำให้แนวป้องกันระยะต่อมา คือ เรือชั้น นเรศวร จะตัดสินใจ สนับสนุนการต่อต้านภัยทางอากาศ โดยการยิง SAM ระยะกลาง หรือ ระยะไกล หรือระบบอาวุธอื่น ๆ เพื่อสนับสนุน G หรือต้องป้องกัน E อย่างไร...
โดยสิ่งเหล่านี้ จะมี CMS คือ 9LV ที่จะช่วยให้ลำดับการตัดสินใจ ใช้กำลัง หรือ ระบบอาวุธ ได้รวดเร็วขึ้น ตอบโต้ ได้รวดเร็ว ขึ้น...
ภาพประกอบ
ผมขอยกข้อความของท่าน Juldas มาอ้างอิงนะครับ
เข้าใจครับ แต่ในเมื่อบนรล.นเรศวรมีแค่ Sea Giraffe AMB + Ceros 200 + ESSM ที่มีพิสัยยิงไกลสุดแค่ 50 กม. และยิงได้คราวละ 2 ลูก (ไปจนกว่าจรวดจะชนเป้าหรือพลาดเป้าหรือร่วงไปเองเพราะเชื้อเพลิงหมด) แล้วจะไปช่วยอะไรได้ครับ นอกจาก "สวดภาวนา" และรอให้ข้าศึกปล่อย ASM มาเข้าระยะยิง ก็ยิง ESSM ไปทำลายทีละ 2 ลูก ถ้าข้าศึกปล่อยมาสัก 6-8 ลูกล่ะ !!! แล้วยุทธวิธีที่บอกว่าวางตำแหน่งเรือแต่ละลำห่างกัน 150-200 กม.(ไม่ต้องถึง nmi หรอกครับ) ก็ไม่ต้องหวังความช่วยเหลืออะไรจากเรือลำอื่นเลย นอกจากจะมากู้ชีพผู้รอดชีวิต !!!
ตรงนี้แหละที่บอกว่าผิดพลาดมากๆ อย่าลืมนะครับว่า Gripen C/D (8/4) + 2 Erieye จะเอาตัวรอดจาก Su-30 สักฝูงก็หืดขึ้นคอแล้วครับ ถ้าเป็น Su-30 สัก 2 ฝูง (หรือ Su-30 สัก 12-18 ลำ + F/A-18D อีกสัก 4-8 ลำ) ถ้าเป็น F-15SE กับ G-550 ถึงน่าจะพอ "เอาอยู่" จริงไหมครับ
SAM ที่ท่านกล่าวถึง เรามีแค่ ESSM ที่ยิงได้ครั้งละ 2 ลูกเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะ 9LV + Ceros 200 ใช่ไหมครับท่าน Juldas
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวว่าจะเชียร์TACTICOS จนออกหน้าออกตา
เพราะหากจะเอาเข้าจริงๆแล้ว มีCMSถึง2เจ้า 3ระบบ ที่สามารถใช้SM-2 ได้ (THALES-SEWACO XI/FD TACTICOS ,TERMA C-FLEX)
แต่ท่านJuldas ยังไม่เข้าใจประเด็นที่ว่า
ทำไมต้องLink E/G ซึ่งมีเฉพาะบน 9LV
ทั้งๆที่มันมีวิธีที่ทำให้เรือของทร.ได้รับDATAจากทั้งS-100B และ Jas-39 โดยไม่ต้องพึ่งLink E/G ก็ได้
อย่างแผนภาพด้านบนที่ทำไว้(ลวกๆ)
อย่างรล.นเรศวร กับ รล.จักรีฯ ติด9LV อันนี้ไม่ว่ากัน ราคาเป็นตัวตั้ง และอยากทดลองระบบNCW เพื่อทำLINK-T
แต่กับเรือใหม่ การปลดตัวเองออกจากLink E/G ซึ่งเป็นระบบปิดมีเฉพาะในระบบของสวีเดนเท่านั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก
เพราะอะไร ?
ในอนาคตนั้น หากLink-T เสร็จสมบูรณ์ ความจำเป็นที่จะใช้Link E/Gบนเรือก็หมดไป ก็กลายเป็นว่า เรือใหม่ของเราจะได้CMS ที่ขยับขยายได้ยากมากในอนาคต เพราะ
มีคนใช้น้อย 10นิ้วนี่นับได้หมดเลย (Goteburg Visby Canberra Helsinki-II ANZAC Halifax ------หมดแหล่ว) ครึ่งหนึ่งจะปลดภายใน12ปี (ANZAC -2024 Halifax -2016 Goteburg -ปลดบางส่วน ) เท่ากับว่าจะเหลือเพียงVisby Canberra และเรือไทยอีก3ชุด
การขยับขยายอัพเกรด ต้องเสียเงินในการวิจัยจำนวนมากในอนาคต
นับเล่นๆอย่างSEWACO และTACTICOS .......De Zeven F124 KDX-1/2 MEKO200อีกหลายชุด SIGMAของอัลจีเรียและอินโดนีเซียอีกร่วมๆ10ลำ และยังประจำการต่อไปไม่น้อยกว่า20ปี ....... ใช้ระบบอาวุธหลากหลายกว่ามาก
ท่านJuldas บอกเองว่า หากLink-Tมาและใช้Link-TหรือLink-16 แทนทั้งหมด แล้ว9LV จะดีกว่าTACTICOS หรือCMSเจ้าอื่นๆ ที่ทำได้เหมือนกัน ตรงไหน ?
ก็ตรงที่ TACTICOS ในขณะนี้ ปัจจุบันนี้...จะ Tactical Data Link กับ JAS-39 C/D ได้เลยหรือเปล่าน่ะครับ...หรือต้อง Integarated ก่อน...
แต่ 9LV มันทำได้เลย ใช่ไหมครับ...นั่นก็คือ 9LV มันดีกว่า TACTICOS สำหรับ ไทย ในขณะนี้ ใช่ไหมครับ ในความเห็นผม...
ซึ่งผมก็ให้ความเห็นว่า...ต่อไป อนาคต ถ้ามันจะเป็น Link-16...9LV กับ TACTICOS มันก็ทำได้ด้วยกันทั้งคู่ ใช่ไหมครับ...
แล้วต่อไป สมมติ Link-T มันสำเร็จ (มีข้อมูลไหมครับ ตอนนี้ ไปถึงไหน กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว) ทั้ง 9LV และ TACTICOS ก็ต้องทำการ Integrated ใหม่ ทั้งคู่ ใช่ไหมครับ...
ในตอนนี้ มันมี Link-E/G ที่ใช้งานอยู่ใน กองทัพไทย...ซึ่งมีหน้าที่ ในการรบร่วมกับ กองทัพเรือ อย่างแน่นอน คือ ฝูง 701 สุราษฎร์...
ซึ่งมันไม่ใช่ F-16 ฝูง 403 นครสรรค์...และยังไม่ใช่ Link-16 ที่ยังไม่เกิด...
ผมจึงให้ความเห็นว่า...ในขณะนี้ ก็เหมือน กองทัพเรือ ซื้อสินค้าสำเร็จรูป ที่มีขาย เพราะเงินมันมีจำกัด...ก็คงต้องซื้อของที่มันใช้งานได้เลย น่ะครับ...
ประเด็นตอนนี้ที่คุยกันผมว่ามันเป็นทร.จะเอา Link เพราะ Saab มากกว่า แล้วการที่มี Link E/G/F/16/T ยังไม่นับ Link Y บนเรือรัตนกับสุโขทัยอีกนี้ผมว่ามันเลอะชอบกล มันมีประเทศไหนเค้าทำกันบ้างมีแต่คนเค้าจะยุบรวมกัน ใส่ multilink processor กันวุ่นวาย แล้วการ integrate Link ต่างๆนี้มันไม่ต้องจ่ายเงินให้ Saab อีกรอบ แล้วทีว่าการชี้เป้า ติดตามเป้า plot track, assign command อะไรนั้น มันงานพื้นฐานของ Link อยู่แล้ว จะอันไหนมันก็ทำได้เหมือนกัน
ถ้ามาคิดในแง่เราเปลี่ยน Link E/G/F เป็น Link 16 ผมเชื่อว่าค่าใช้จ่ายไม่แพงคับ เพราะกริฟเพน ericeye 9LV เคยเชื่อมต่อกับ Link 16 ทั้งนั้นและเหล่าทัพเราก็จะเป็นอิสระในการเลือกระบบแถมยังได้อะไรที่มัน well proven และเป็นมาตรฐาน ลดความซับซ้อนยุ่งยากต่างๆนาๆ เรียกว่าเราไม่เสียอะไรเลยด้วยซ้ำแถมได้ปลดแอกด้วย ผมเชื่อว่า Link terminal กับค่าเชื่อมต่อถ้าเทียบกับมูลค่า CMS/FCS/Radar/ICS เรียกว่าไม่ถึง 0.01% ด้วยซ้ำ
แสดงว่าท่านjuldas ยังไม่เข้าใจที่กล่าวไป
เอาอีกทีว่า
เรือทร.สามารถคุย(ทั้งDATA และ VOICE) กับกริพเพนได้ ผ่านศูนย์AAOC ของทอ. หรือ ผ่านศูนย์สื่อสารทร.แลัวผ่านระบบเน็ตเวิร์คกองทัพไทยซึ่งมีอยู่แล้วไปที่ศูนย์AAOCของทอ.ได้เลย เพียงแค่ติดตั้งTerminal ของLinkใดสักลิงค์หนึ่ง(สมมติว่าเป็นLink-16 หรือ link-RTN)ที่AAOC แค่นี้ ทร.จะได้DATA ของAir Picture และ ข้อมูลต่างๆที่จำเป็นทันที โดยไม่ต้องพึ่งLink E/G หรือ ในขณะเดียวกัน Gripen ซึ่งปกติจะได้DATAของ Erieyes(S-100B)ผ่าน ศูนย์AAOC อยู่แล้ว แค่เพิ่มข้อมูลของเรือต่างๆของทร.เข้าไป ก็เรียบร้อย
และในกองเรือเองก็ยังใช้Linkของทร.เองอยู่คือLink-RTN ซึ่งจะรวบยอดlinkที่กระจัดกระจายกันในทร.เอง ผ่านterminalของลิงค์ RTNเอง (ไม่ว่าจะ Link-11/Y/E/G)
ง่าย ไม่ต้องพึ่งพิงSAABจนสุดตัวแบบนี้
เห็นด้วยกับท่าน jeepy เลยครับ ผมก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน ผมมองว่าทางนายหน้า (AV S@ Com) สามารถล๊อบบี้ให้คกก.ยกเอาเรื่อง Link มาเป็น "ข้ออ้าง" เพื่อระบุตราสัญลักษณ์ SAAB ไว้ใน RFP (ล๊อกสเปก) ซะมากกว่า
ปล. ถ้าโพสนี้มันตรงเกินไปก็ต้องขออภัยนะครับ admin. ลบเลยนะครับ
อ่านแนวคิดของหลวงพี่ icy สรุปได้ว่า
ทำไมต้อง Link E/G? แล้วผูกมัดทำให้ตนเองเสี่ยงที่จะได้ระบบอำนวยการรบและอาวุธห่วยกว่าที่ควรจะเป็น
ก็ใช้ Link 16 ไปก่อนได้ทั้งหมด เพราะทอ. ก็กำลังติดตั้งให้ใช้ได้แทบจะทุกฝูงบินด้วยซ้ำ แม้จะไม่เจ๋งเท่า Link G/E แต่เพราะกำลังรอ Link-T ที่กำลังพัฒนาเพื่อใช้ร่วม 3 เหล่าทัพ เมื่อเสร็จแล้วก็ให้เรือชั้นเยี่ยมที่กำลังต่อใหม่ใช้ Link-T ไปเลย จบเรื่อง...............เรือก็จะได้ CMS ที่ชัวร์กว่า ระบบอาวุธที่ดีกว่า ความเสี่ยงในอนาคตก็ไม่มี
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงกรณีของ Sony ที่พัฒนา Memory stick ออกมา แต่..มันใช้ได้กับอุปกรณ์ของ Sony เท่านั้น และราคาก็แพงมาก จนกระทั่ง SD Card และ Flash Drive ที่เป็นระบบมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางออกสู่ตลาด ผลสุดท้าย Memory stick ก็ค่อยๆ เงียบหายไป กลายเป็นแกะดำในวงการ ใครที่ซื้อมาใช้ก็แอบดีใจได้แค่ช่วงแรก แล้วก็แอบเสียใจเจ็บใจในตอนหลัง
ย้อนกลับเข้าเรื่อง ถ้าผลของความต้องการในการบูรณาการระบบเครือข่ายกับทอ. ทำให้ทร.ไม่สามารถมีระบบ SAM ระยะกลาง-ไกลได้อย่างน้อยในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านี้ แล้วจาก Scenario ที่ผมยกขึ้นมาประกอบ(โพสข้างบน) เรือระดับหัวแถวทั้ง 5 ลำของทร.ที่มีทั้ง 9LV CMS พร้อม Link E , G รวมทั้ง ESSM รวมกันอีก 128 ลูก !!! จะสามารถช่วยเหลืออะไรคู่หู E&G ของทอ.ได้บ้างครับ เมื่อแนวป้องกันทางอากาศของทอ.อยู่ที่ระยะ 100-200 nmi จากกองเรือ
จากข้อมูลของทั้งสองฝ่าย และเพื่อนท่านอื่นๆอีก ผมสรุปในส่วนตัวผมว่าจะเลือกฝ่ายไหนดีที่สุด
ผมเลือกฝ่ายหลวงพี่ Icy ครับ เพราะเหตุผลดังนี้
1. ระบบ CMS ของ Thales มีความพร้อมมากกว่าในเรื่องการรองรับระบบอาวุธที่ดีกว่า มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 9LV เป็นอันมาก และเป็นจ้าวตลาดระบบสำหรับเรือขนาดเล็กอยู่ มีความเข้ากันได้กับระบบอาวุธตรวจจับหลากหลายกว่า และประสิทธิภาพของระบบตรวจจับของทาง Thales ก็สูงกว่าพอควร
2. เรื่่องปัญหาของ Tacticos ที่มีความสามารถรองรับ Link ได้น้อยกว่า 9LV นั้น ระหว่างที่รอ Link-T ก็ให้ใช้ Link 16 ไปก่อนแม้มันไม่ได้เทพขนาด Link G/E และเมื่อ Link-T พัฒนาแล้วเสร็จ เรือใหม่ทุกลำก็สามารถติดตั้ง Link-T ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาปวดหัวกับ CMS อีก เพราะอ่อนตัวและมีความน่าเชื่อถือกว่าของ 9LV ส่วนเรือเก่าใช้ Link 16 และ Link - RTN ไปจนกว่าจะปลด เมื่อนั้นทั้งสอง Link( 16 / RTN ) ก็เลิกใช้ไป เหลือแต่ Link-T ตัวเดียว
ตามแนวคิดของหลวงพี่ Icy ทร. จะได้ระบบที่นิยมกันมากกว่า เชื่อถือได้สูงกว่า ระบบตรวจจับประสิทธิภาพดีกว่า รองรับระบบอาวุธที่ดีกว่า ในเงินเท่าที่เรามี และมีความราบรื่นกว่าในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านของทั้ง 3 เหล่าทัพในเรื่อง NCW และไม่ต้องมาเสี่ยงกับเรื่องของอนาคต
ทร. คงต้องตอบคำถามอื้อเลยล่ะครับ โดนสับแน่ๆ............
พูดถึงMemory stick ......
สมัยก่อนเคยใช้กล้องของโซนี่ พร้อมกับMS-Pro จริงๆแล้วมันถ่ายข้อมูลเร็วกว่า SDยุคนั้นพอสมควรเลยทีเดียว
เหมือนกับฟอร์แมทของโซนี่หลายๆแบบเช่น เบต้าแคม (ซึ่งตอนแรกเปิดตัวในฐานะ Home Use จับพลัดจับผลูไปโผล่เป็นProfessionalได้ไงไม่รู้) และ mini-disc ซึ่งดีกว่าฟอร์แมทในขณะนั้น แต่ไม่ได้รับความนิยม เพราะไม่ใช่ระบบเปิด อย่างเช่นVHS หรือ CD-Rom .......
นอกเรื่องไปซะแหล่ว
ใช่ครับ ของมันดีกว่าชาวบ้านจริงๆ แต่มันผูกขาดกันมากเกินไปไงครับ ราคาก็สูง ใช้งานได้ไม่กว้างขวาง ใช้ได้แต่กับอุปกรณ์ในค่ายเดียวกันเท่านั้น
เอ้า...เริ่มต้นจากอ่าวไทย ไถลไปไกลถึงทะเลญี่ปุ่นซะแล้ว เหอๆๆ
ทั้งป๋าจูและหลวงพี่ไอซ์ ต่างฝ่ายต่างยกเหตุผลมาอ้างอิงกันอย่างมีเหตุมีผลและหลักการ ผมชื่นชมจริงๆครับ อยากให้เพื่อนๆเก็บข้อมูลของทั้งสองท่านเป็นความรู้ครับ เพราะข้อมูลทั้งสองท่านสุดยอด การโต้แย้งกันด้วยความเห็นที่แตกต่างกันแแต่เป้าหมายเดียวกัน ล้วนเป็นความรู้ถือเป็นสีสันของบอร์ดครับ
ผมชื่นชมทั้งสองท่านครับ
รู้สึกดีใจครับ ที่กระทู้นี้้ป็นกระทู้ที่คุยกันด้วยหลักการและเหตุผล อ่านแล้วได้ความรู้ครับ
แต่ถ้าเป็นการแสดงความเห็นที่อาจจะมีผลประโยชน์ที่ผิดหวังเข้ามาร่วมแสดงความเห็นด้วย ประเภทพวก"อย่าห้ามโผ้ม"
ผมอาจจะขอพิจารณานะครับ
ก็ตามที่ท่าน iCy_CMU อธิบายว่า ไม่ต้องใช้ Saab นั้น...
ใน Tactical Data Link หรือ Link E/G ที่ติดตั้งบน FFG-421 และ 911 นั้น...
ความเป็น Realtime ของ Link E/G มัน คือ ขนาดไหน ? แล้วความเป็น Real Time ตามที่ยกตัวอย่าง นั้น คือ ขนาดไหน...
มันแสดงภาพ และข้อมูล ที่สมบูรณ์ พร้อม ตัดสินใจ ได้ทันที โดยข้อมูลจะเหมือนกับ ศูนย์ยุทธการ ด้านหลัง...โดยไม่ต้องไปผ่านใคร ใช่หรือไม่...นั่นคือ Real Time ของ G กับ E กับ เรือรบ ในระบบของ Saab หรือเปล่า...ลักษณะของ Link E/G ตามความหมายของ Saab มันคือ อะไร ?
ในบทความ เขาถึงกล่าวว่า "การควบคุมและสั่งการ" ไม่ว่าจะอยู่ในอำนาจของผู้ใด แต่จะต้องเป็นไปตามความต้องการของนายทหารสั่งการทางยุทธวิธี...
ซึ่ง การควบคุมและสั่งการ ในบางสถานการณ์ อำนาจของการสั่งการ อาจจะให้ FFG-421 เป็นผู้ควบคุมการบัญชาการทางยุทธวิธี เองก็ได้...โดย ศูนย์ควบคุม ด้านหลัง เป็นเพียงผู้รับทราบข้อมูลสถานการณ์ แต่ไม่สามารถสั่งการได้ทันสถานการณ์ ก็อาจเป็นไปได้ นั่นคือ ความสำคัญของ RealTime...
และการมี CMS กับ Tactical Data Link ที่เป็นแบบเดียวกัน ทั้งหมด...มันก็คือ การฝึก การจำลองสถานการณ์ การจำลองการตัดสินใจ การพัฒนาทางยุทธวิธี มันจะเป็นไปแนวทางเดียวกัน....
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น เรือชั้น นเรศวร ร.ล.จักรีฯ หรือ เรือฟริเกตใหม่ เมื่อต้องใช้ยุทธวิธีการรบทางอากาศ ร่วมกับ กองทัพอากาศ ซึ่งคือ JAS-39 C/D มันไม่ใช่ F-16 หรือ F-5 ผลของมันก็จะออกมาในแบบเดียวกัน...
ประเด็นเรื่องReal Time หรือไม่ ........Latency ของระบบตรงย่อมสูงกว่าอยู่แล้ว
แน่นอนLink-E/G ตรงๆ ย่อมทันทีกว่า (ส่วนทางอ้อมอาจจะdelayบ้าง แต่ไม่ถึงระดับนาที อาจจะเพียง2-3วินาที เหมือนเครื่อข่ายโทรศัพท์ ซึ่งกว่าเราจะคุยกับโทรศัพท์มือถือที่เชียงใหม่ได้ ต้องผ่านกี่โหนด กี่เสา กี่repeater ซึ่ง ก็แทบไม่ได้มีการดีเลย์จนรู้สึกได้เลย)
ส่วนเรื่องCommonality อันนี้ ใช่ มันสามารถทำความคุ้นเคยได้ง่ายกว่า แต่CMS ทุกระบบ มีฟังก์ชั่นฝึกในตัวอยู่แล้ว การจำลองสถานการณ์เสมือน สามารถทำได้ทันที แม้ไม่มีnetwork หรือการใช้networkในแบบอ้อมหน่อยนั้น ก็ให้ผลที่ไม่ต่างกัน
และอีกอย่างหนึ่ง ระหว่างกองเรือด้วยกันก็มีLink-RTN อยู่แล้ว ซึ่งทำให้Link E/G ไม่ต้องมีก็ยังได้
แถมด้วยLink-E/G ก็ยังไม่สามารถใช้ได้กับประเทศอื่นหากต้องมีการปฏิบัติงานร่วม ซึ่งส่วนใหญ่ใช้Link-11/Y/16 กัน ซึ่งก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีLinkพวกนี้ติดเรือไว้ด้วย
ในบทความ เขาถึงกล่าวว่า "การควบคุมและสั่งการ" ไม่ว่าจะอยู่ในอำนาจของผู้ใด แต่จะต้องเป็นไปตามความต้องการของนายทหารสั่งการทางยุทธวิธี...
ซึ่ง การควบคุมและสั่งการ ในบางสถานการณ์ อำนาจของการสั่งการ อาจจะให้ FFG-421 เป็นผู้ควบคุมการบัญชาการทางยุทธวิธี เองก็ได้...โดย ศูนย์ควบคุม ด้านหลัง เป็นเพียงผู้รับทราบข้อมูลสถานการณ์ แต่ไม่สามารถสั่งการได้ทันสถานการณ์ ก็อาจเป็นไปได้ นั่นคือ ความสำคัญของ RealTime..
----ตรงนี้เข้าใจว่า คุณJuldas หมายถึงการที่dataผ่านAAOCจะทำให้การตัดสินใจอยู่ที่AAOCนั้นไม่ใช่ AAOC ทำหน้าที่เพียงเป็นโหนดการเชื่อมต่อนึงเท่านั้น(แนวๆData Exchange Center) ศูนย์ควบคุมสามารถเป้นผู้เฝ้าดูสถานการณ์และวางแผนในยุทธบริเวณเท่านั้น โดยให้กองเรือสั่งการกันเองในระดับที่เล็กลงในระดับยุทธวิธีเอง
ส่วนจะให้เรือลำไหนควบคุมสั่งการ ขึ้นอยู่กับหลักปฏิบัติ และการแชร์ข้อมูลการสั่งการ สามารถทำได้ผ่านLink-RTN เช่นกัน
ผมขอเสนอความคิดในแง่การใช้งาน ปกติคน 1 คน กว่าจะฝึกให้งานระบบใดๆจนชำนาญก็ต้องใช้เวลา 2-3 ปี แล้วคนๆนั้นวันหนึ่งต้องย้ายไปทำงานกับเรืออีกลำ คราวนี้รองนึกดูว่าถ้าเรือแต่ล่ะลำใช้ระบบไม่เหมือนกันเท่ากับว่าคนๆนั้นต้องฝึกใหม่หมดอีก 2-3 ปีจะชำนาญ (ทั้งๆที่เป็นเรือแบบเดียวกัน อาวุธเหมือนกัน แต่ใช้ระบบควบคุมต่างกัน) ประสิทธิภาพในการทำงานจะตกลงแน่นอน เหตุนี้โดยทั่วไปเค้าจึงใช้ระบบที่เหมือนกันมากที่สุด เพื่อง่ายในการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซ่อมบำรุง ฝึกอบรม การสำรองอะไหล่ ลดค่าใช้จ่ายรวมลงครับ คราวนี้เมื่อใช้ไปสัก 10 ปีพบว่าระบบไม่สนองความต้องการแล้วเค้าก็จะทยอยเปลี่ยนเป็นระบบยี่ห้อใหม่ทั้งหมดทุกลำ ครับ
ส่วนระบบที่ใช้ผมว่ายี่ห้อไหนก็ได้ แต่บังเอิญ SAAB ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ก่อนในเรือลำแรก เลยเป็นผลพวงในลำต่อๆมา คราวนี้ต้องไปดูว่าสุดท้ายใช้งานแล้วมันได้อย่างที่ต้องการไหม แล้วพออนาคตมันยังสามารถพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการในอนาคตไหมถ้าไม่ก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี ครับ
ลองคิดดูในอีกแง่นึงสมมุติเรามีเรือ 5 ลำแต่ล่ะลำออกแบบมาให้มีหน้าที่หลักต่างกัน เช่น บรรทุกเครื่องบิน ต่อต้านอากาศยาน ต่อต้านเรือ ต่อต้านเรือดำน้ำ เราเลือกระบบที่ดีที่สุดในแต่ล่ะหน้าที่ทุกลำ กลายเป็นว่าแต่ล่ะลำใช้ระบบหลักต่างยี่ห้อกันเลย จริงอยู่ระบบเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกันได้ แต่จุดด้อยคือการใช้อะไหล่ คน คำสั่งงานที่ใช้ ร่วมกันไม่ได้เลย มันจะสร้างความสับสนในการประสานงานมากๆ เช่น คำสั่งยี่ห้อนึงใช้คำสั่งว่า OPEN แต่อีกยี่ห้อใช้คำว่า TURN ON หรือ ใช้คำคำสั่งว่า FIRE กับคำว่า SHOOT อีกคำคือ HIT คิดดูถ้าท่านเป็นคนสั่งงานร่วมจะสับสนไหม ครับ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มากครับ
ส่วนระบบที่ใช้ผมว่ายี่ห้อไหนก็ได้ แต่บังเอิญ SAAB ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ก่อนในเรือลำแรก เลยเป็นผลพวงในลำต่อๆมา คราวนี้ต้องไปดูว่าสุดท้ายใช้งานแล้วมันได้อย่างที่ต้องการไหม แล้วพออนาคตมันยังสามารถพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการในอนาคตไหมถ้าไม่ก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี ครับ
นั่นไงคือประเด็น ..........ระบบที่ว่าอย่าง9LV ถ้ามันไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยน ปัญหาสำคัญที่ว่า อ้าว แบบนั้นไม่หมายความว่า ทร.เป็นหนูทดลองอย่างนั้นเหรอ ? เรื่องการตอบสนองความต้องการในอนาคต ก็อย่างที่เห็นๆอยู่........ระบบที่รับรองให้ใช้กับ9LV มีน้อยมากเมื่อเทียบกับขาใหญ่เจ้าอื่น หากทร.อยากจะเปลี่ยนอาวุธที ก็ต้องR&Dที เสียเวลา เสียเงินค่าintegrationอีกเท่าไหร่
ส่วนเรื่องCommonality หรือการใช้วัสดุและการฝึกร่วมกัน อันนี้เห็นด้วย
แต่ ทร.ดันจัดSAABไปแล้ว3 และยังจัดเพิ่มอีก1+1 ทั้งๆที่คนทร.ไม่น่าจะไม่รู้ว่าCMSของ SAAB มีประสิทธิภาพแค่ไหน แต่ยังทำซ้ำด้วยการจัดมันไปลงบนเรือใหม่ โดยยกข้ออ้าง2ข้อคือ ความเข้ากันได้ กับ ดาต้าลิงค์ .........ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการปฏิเสธเรื่องการขยายขีดความสามารถในอนาคต(Expandability) หรือ ประสิทธิภาพโดยรวมของทั้งระบบไป
ท่านอาจารย์ Rinsc_seaver แห่งTAF ฝากเรื่องrouteของ Datalinkเรือใหม่โดยไม่ต้องใช้ระบบSAABไว้ด้วยว่า
ของฝากหลวงพี่ครับ ลองใช้ถนนเส้นนี้ดูครับ Erieye/Gripen --> Link E/G --> 9LV บนเรือจักรี/นเรศวร --> Link 11/16/RTN --> TACTICOS บนเรืออื่นๆ การมี NCW ไม่ได้หมายความว่า ทุก party จะต้องคุยกันเองได้ทั้งหมด บาง party อาจคุยกันโดยตรงไม่ได้ แต่ก็ยังเห็นข้อมูลจาก party เหล่านั้นได้อยู่ มองในระดับ tactical เรือใหม่ไม่จำเป็นต้องคุยกับ บ. โดยตรงก็ได้ แต่ให้เห็นข้อมูลจาก บ. ผ่านทางช่องทางอื่น ให้มากพอจะทำงานได้ อันนี้น่าจะสำคัญกว่า |
ตามความเข้าใจของผม Link E/G ที่ ทร.จัดหา อยู่บนเรือ ใช่หรือเปล่าครับ...ไม่ได้อยู่บนตัว เครื่องบิน...
ส่วนในตัวเครื่องของ JAS-39 C/D เป็น Data Link ที่ Link กับ Erieye กับ สถานีเรดาร์...ซึ่ง ตามที่มีการจัดหา เราก็ไม่รู้ว่า มันคือ Link อะไร...
ซึ่งการติดตั้ง Link E/G บนเรือชั้น นเรศวร และ ร.ล.จักรีฯ คือ การทำสถานี Tactical Data Link กับ JAS-39 C/D จากเรือ ถึง E กับ G โดยตรง ใช่หรือเปล่า ครับ...หรือ คือ การตั้งสถานี บนเรือ...เพื่อข้อมูล จะปรากฎ เหมือนกับ ที่แสดงอยู่กับ E กับ G โดยจะมีการสื่อสารระหว่างกันโดยตรง ด้วยระบบ Data Link...
ซึ่งการส่งผ่านข้อมูล ผ่าน RTN Link มันก็คือ การสื่อสารระหว่างกันของเรือ เท่านั้น...ไม่สามารถ สื่อสาร โดยตรงกับ E กับ G ได้...ถ้า เรือฟริเกตสมรรถนะสูง อยู่หน้ากระบวนเรือ ในฐานะ เป็นด่านป้องกันระยะ 2...โดยไม่ได้มี LinK E/G...และจะส่งข้อมูลให้ G สำหรับการทำลาย เรือผิวน้ำ หรือ ภัยคุกคาม อื่น ๆ...ก็ต้องส่งผ่าน FFG-421 หรือ 911 เพื่อไปถึง G...
โดยปัจจุบัน การ LinK ระหว่าง G กับ E น่าจะเป็นเพียง ส่งข้อมูล ของ E ให้ G โดย G มีหน้าที่ รับ เป็นหลัก...คือ Erieye ของ ทอ. ยังเป็น AEW ยังไม่มี C
แต่ Link E/G ที่ตั้งอยู่บนเรือ จะทำหน้าที่ เสมือน เป็น C...คือ รับข้อมูล ทั้ง G และ E และ ข้อมูลของเรือ ส่งให้กับ ทั้ง G และ E และบริหารจัดการ เพื่อ Control ทางยุทธวิธี...
คือเรื่อง Link เนี้ยถ้าเราเอา Link 16 แต่แรกก็หมดปัญหาเรื่องทางเทคนิกและการจัดหา เพราะระบบต่างๆในปัจจุบันก็รองรับ Link 16 ทั้งหมด เรียกว่า problem free และ well proven คำถามตัวโตๆคือทำไมเราถึงมีความดิ้นรนอยากมี Link เป็นของตัวเอง? จะ Link T หรือ LInk RTN ที่กำลังพัฒนาก็ตาม ก็เพราะเราต้องการพึ่งพาตัวเอง ไม่ไปอิงกับค่ายใด หรือต่อยอดความรู้ก็ว่าไป แต่ตอนการกระทำมันสวนกันเป็นตรงข้ามโดยการกระโดดลงไปในหลุมของ Saab Link แบบหน้าชื่นตาบาน นับวันก็จะจมลงไปเรื่อยๆอันนี้แหละที่ต้องตอบคำถามให้ชัดเจน
ตามความเข้าใจของผม Link E/G ที่ ทร.จัดหา อยู่บนเรือ ใช่หรือเปล่าครับ...ไม่ได้อยู่บนตัว เครื่องบิน...
ส่วนในตัวเครื่องของ JAS-39 C/D เป็น Data Link ที่ Link กับ Erieye กับ สถานีเรดาร์...ซึ่ง ตามที่มีการจัดหา เราก็ไม่รู้ว่า มันคือ Link อะไร...
------Link E/G------ชื่อเป็นทางการ CDL39 หรือTIDLS
ติดตั้งบนเครื่องบิน และโดยปกติไม่ได้ติดตั้งบนเรือรบ แต่ทร.เอามาติดตั้งเป็นชาติแรก ต่อจากสวีเดน
ซึ่งการติดตั้ง Link E/G บนเรือชั้น นเรศวร และ ร.ล.จักรีฯ คือ การทำสถานี Tactical Data Link กับ JAS-39 C/D จากเรือ ถึง E กับ G โดยตรง ใช่หรือเปล่า ครับ...หรือ คือ การตั้งสถานี บนเรือ...เพื่อข้อมูล จะปรากฎ เหมือนกับ ที่แสดงอยู่กับ E กับ G โดยจะมีการสื่อสารระหว่างกันโดยตรง ด้วยระบบ Data Link...
ซึ่งการส่งผ่านข้อมูล ผ่าน RTN Link มันก็คือ การสื่อสารระหว่างกันของเรือ เท่านั้น...ไม่สามารถ สื่อสาร โดยตรงกับ E กับ G ได้...ถ้า เรือฟริเกตสมรรถนะสูง อยู่หน้ากระบวนเรือ ในฐานะ เป็นด่านป้องกันระยะ 2...โดยไม่ได้มี LinK E/G...และจะส่งข้อมูลให้ G สำหรับการทำลาย เรือผิวน้ำ หรือ ภัยคุกคาม อื่น ๆ...ก็ต้องส่งผ่าน FFG-421 หรือ 911 เพื่อไปถึง G...
------------------ถูกต้อง เพิ่มอีกว่า อาจจะไม่ต้องผ่าน 421 หรือ 911 ก็ได้ เพราะสามารถรับ-ส่งไปที่ศูนย์AAOCบนฝั่งก็ยังได้
ซึ่งทำให้การมีของLink E/G บนเรือใหม่ แทบไม่มีความจำเป็นเลย
โดยปัจจุบัน การ LinK ระหว่าง G กับ E น่าจะเป็นเพียง ส่งข้อมูล ของ E ให้ G โดย G มีหน้าที่ รับ เป็นหลัก...คือ Erieye ของ ทอ. ยังเป็น AEW ยังไม่มี C
แต่ Link E/G ที่ตั้งอยู่บนเรือ จะทำหน้าที่ เสมือน เป็น C...คือ รับข้อมูล ทั้ง G และ E และ ข้อมูลของเรือ ส่งให้กับ ทั้ง G และ E และบริหารจัดการ เพื่อ Control ทางยุทธวิธี...
----------------ตอนนี้ กริพเพนจะรับข้อมูลจากS-100B/erieye ได้ ผ่านศูนย์AAOC เท่านั้น
ส่วนบนเรือ ถูกต้องแล้ว พูดง่ายๆคือ Link E/G ทำให้เรือรบเป็นอีกสถานีนึงของAAOC คือ ทั้งเป็นส่วนสั่งงาน และ ประมวลผลข้อมูล
แต่การตัดสินใจ เรื่องนี้ต้องขึ้นกับหลักการปฏิบัติการระหว่างเหล่าทัพ
ผมกลับไปดูกระทู้เก่าเรื่องมารู้จัก KDX-II กันเถอะ ผมไปสดุดหน้าตาเรือ KDX-II down grade ของท่าน Superboy ครับใกล้เคียงทั้งหน้าตา(เพิ่มแผ่นปิดข้างกราบเรือ) สเปกอุปกรณ์และราคา อยากให้ท่านสมาชิกกลับไปอ่านดู ครับ
อ่านไปอ่านมา ผมชักเป็นห่วงอนาคตกองทัพซะแล้วสิ ถ้าหากให้ AV S Com เป็นผู้พัฒนา Link-T ด้วยพื้นฐานจาก Link E/G ของสวีเดนแล้ว หากจะจัดหาระบบอาวุธและระบบตรวจจับในอนาคตก็กลายเป็นเงื่อนไขเป็นข้อจำกัดอย่างมากสำหรับกองทัพ (ทั้งทร.และทอ.) เหมือนโดนวางยา กินกันยาวยันลูกหลานเลยนะครับ
อีกนิด ขอเปรียบเทียบหน่อยนะครับ มันเหมือนกับ "เราเอากล้องกับไมค์ติดบนตัวเพื่อน แล้วให้ออกไปสู้ เพื่อเราจะได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เราได้แต่ดูเพราะไม่สามารถใช้ปืนยิงช่วยเพื่อนเพราะไม่มีกล้องเล็ง แต่ถ้าเราไม่เอาระบบรับภาพจากกล้องของเพื่อน แต่เอาเงินไปซื้อกล้องเล็งเทพๆ เราก็จะสามารถมองเห็นได้เองแม้จะไกลและไม่ชัดไม่เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ แต่คุณสามารถยิงช่วยเพื่อนคุณได้สบายๆ เอาแบบไหนกันดีครับ
ตอนนี้ผมได้แต่ภาวนาว่า SAAB + CEA จะสามารถพัฒนาระบบของตนออกมารองรับ SM-2/3 และ SM-6 สำหรับอนาคตได้โดยไม่มีปัญหา และหวังอย่างยิ่งว่าจะสามารถเชื่อมต่อกับ Mk-116 สำหรับ VL-ASROC ได้ด้วย และจะได้เป็นคู่แข่งสำคัญสำหรับ Thales เพื่อกันการผูกขาด
จบจากเรือชุดนี้แล้ว หวังว่า Link-T เสร็จซะทีแล้วเรือชุดต่อๆไปก็ไม่ต้องแคร์ว่าจะ SAAB หรือ Thales อีก เราจะได้มีทางเลือกมากขึ้นครับ ถือว่าคราวนี้เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับ ทร. เลยทีเดียว
ก่อนอื่นคงต้องดิ้นรนตอบคำถามให้ได้ดี และรอรับการโดนสับไว้ได้เลยครับ
ถ้าในอนาคตจะพึ่ง CEA ยังไงก็ไม่พ้นเงื้อมมือ USA หรอกครับ
ที่แน่ๆ Ceafar-Ceamount ตอนนี้มันก็ได้แค่ ESSM แหล่ะ ขนาดโมดูล จำนวนตัวรับส่ง กำลังส่งมีจำกัด
แต่มีข้อดีตรงขนาดที่เล็ก กินไฟน้อย ในระบบระดับเดียวกัน
http://www.navsea.navy.mil/nswc/dahlgren/Leading%20Edge/Sensors/03_Development.pdf
อย่าเพิ่งมั่นใจนักนะครับท่าน neosiamese2 อย่าลืมว่า Link T นั้นพัฒนาบนพื้นฐานของ Link E / G โดย AV S Com ที่เป็นนายหน้า(ถือหุ้นโดย) SAAB อยู่ด้วยนะครับ ยังไม่แน่ว่าจะมีการขุดหลุมวางยาอะไรไว้อีกหรือไม่ ถึงตอนนั้นอาจกลายเป็นกองทัพทั้งหมดถูกมัดรวมกันไว้ด้วยระบบ Link T ที่รองรับแต่ผลิตภัณฑ์ตราสัญลักษณ์ SAAB อีกก็เป็นได้นะครับ เพราะตอนแรกก็บอกว่าระบบของสวีเดนเป็น "สถาปัตยกรรมเปิด" สามารถบูรณาการและเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้ง่ายแล้วยังสามารถพัฒนาต่อยอดได้เองอีกด้วย แต่ตอนนี้การณ์กลับตรงกันข้ามไปหมดทุกประเด็น (ก็ขนาดไม้ล้างป่าช้ารุ่นไฮเปอร์ฟอร์มานซ์ยังเอามาขายได้ชุดละเป็นล้านๆ โดยถึงเวลานี้ก็ยังไม่ติดแบล๊กลิสต์เลยด้วย) เจ๋งป่ะล่ะ 555
จริงๆ ส่วนตัวผมก็ว่ามันได้อยุ่นะครับ ในความคิดผมก็พอทนถ้าจะเอาตามที่หวังแน่นอน ไม่เคยสมหวังเรื่องอาวุธสักเท่าไหร่...
ทำใจเย้นๆให้สบายๆครับ ลองนึกดูครับ ว่าเราอย่างหนีจาก ลุงแซมเอง(ในความคิดของหลายๆคน.. แล้วจะไปไหน) อยากให้อาวุธในกองทัพไม่จับฉ่าย มากมายหลายแบบ พอเป็นแบบนี้จะเอาไง อยากทำเองพูดกันตามตรงที่เห็นมาจบไม่ลงหลายโปรเจค(ทำให้พาลนึกขึ้นมาว่า ตั้งโครงการ พัฒนาเพื่อรัปทานงบ ช่วงแรกๆ ต่อมาปล่อยทิ้ง...ตั้งใหม่ วนไปวนมา)
ลองนึกดูครับจะอิงใครสักคน ทอ.พี่ท่านไปเลือกระบบเป้นสวีเดน ก็ตามน้ำเลยซิครับ
จริงๆ ทร. น่าสงสาร บนพิ้นฐานของ
1.ความต้องการเป้นระบบที่เข้ากันได้เป็น 1เดียว ไม่มากแบบ
2.งบประมาณ
3.ทร.ผมมองว่าเป็น ทัพที่ ประณีประนอม ที่สุดแล้วเรื่องซื้องของ ครับ
ถ้าจะให้พูดก็จะพาลไปหาเรื่องเครื่องบิน ของ ทอ. อาวุธบางตัวของ ทบ.
แต่บอกตรงนี้เลยครับว่าผม ชอบของอเมริกันเป็นพิเศษ ชอบจริงๆ เกื่อบทุกอย่างเลย แต่ถามผม ว่าซื้ออะไรมาว่าไงเป้นไงผมรับได้หลายๆรายการอยู่ครับ
ซื้อ ยาส 39 ผมรับได้ (แต่ผมอยากได้ เอฟ 16 50/52)
ซื้อ เกราะ ซื้อถัง มาผมรับได้ครับ
ผมเข้าใจท่าน ICy และ อีกหลายๆท่านนะครับ แต่ก็อย่างว่า เข้าใจทร. บ้าง
ปล.เรื่องมีนอกมีใน พูดกันตามตรงเลยมีทุกที่ทุกหน่วยงานในประเทศเราหล่ะครับ ยิ่งองค์กรตรวจสอบยิ่งตัวดี ใครไม่รู้ผมรู้ ใครไม่ยอมรับว่ามี ผมรับครับว่ามี
ปัญหาทั้งหมด ผมว่ามันอยู่ที่ Link E/G เนี้ยแหละครับมันก็มีอยู่เจ้าเดียวที่มีระบบนี้ขาย แต่ถ้าทร.คิดเรื่องLink-16แหละก็ ผมว่าพวกเราใบเว็บนี้ก็คงไม่บ่นกันหรอกนะครับ เพราะว่าLink-16 มันมีอยู่หลายยี่ห้อ
ทำไมต้อง SAAB 2
แหม อย่างนี้สนุกดีครับ ผมคิดว่าทั้งสองแนวคิดมีเหตุมีผลดี ได้ความรู้ทางเทคนิคเพิ่มขึ้น ตอนนี้ประเด็นได้พัฒนาไปถึงว่า ทำไมถึงเลือก Link ของ SAAB ที่คนใช้น้อย แทนที่จะเป็น links อื่นๆ ที่มีคนใช้งานหลากหลายกว่า ซึ่งมันจะมีโอกาสพัฒนามากกว่า มีของให้เลือกใช้มากกว่า โดยเฉพาะการยกตัวอย่าง เมโมรีการ์ดแบบหนึ่ง ของ โซนี่ ที่ต้องเลิกผลิตไป เนื่องจากไม่มีคนซื้อใช้ เพราะใช้ได้แต่กับอุปกรณ์ของโซนี่เท่านั้น มันก็จริงนะครับ เห็นด้วยครับ
แต่ก็ไม่แน่ใจว่า หลักคิดอันนี้จะเหมาะที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับอาวุธยุทโธปกรณ์และการรบของเรามั้ยนะครับ คำถามคือ เป็นไปได้มั้ยว่า กองทัพไทยเลือก link ของ SAAB ก็เพราะว่าเป็น link ที่ใช้งานเฉพาะกลุ่มนี่แหละ ไม่มีใครทราบเหตุผลว่าเลือกเพราะอะไรครับ แต่ขออนุญาตเดาว่า อาจเป็นเพราะการสงครามในยุคใหม่ทั้งฝ่ายเราและข้าศึกน่าจะใช้การรบร่วมแบบใช้เครือข่ายด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นแนวคิดการเจาะเข้าทำลาย link ของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อทำลายการเชื่อมต่อน่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ และถ้ามีการเจาะ link กันเกิดขึ้น ก็ต้องมาคิดแล้วครับว่า link แบบไหนถูกเจาะยากง่ายกว่ากัน ระหว่าง link ที่มีคนใช้งานทั่วไป กับ link ที่มีคนใช้งานเฉพาะกลุ่ม และผมขอเดาต่ออีกว่า กองทัพไทยคงจะคิดกันมามากแล้วเหมือนกันครับ และสุดท้ายคำตอบคือ Link ของ SAAB ที่ใช้งานเฉพาะกลุ่มหรือป่าว ทำนองว่า รู้เขาให้มากที่สุด และทำให้เขารู้เราให้น้อยที่สุด ประมาณนี้หรือป่าวครับ ก็เดากันไปครับ :D และการดำเนินการขั้นแรกก็เริ่มตั้งแต่ การจัดหาเครื่องบินกริปเพนและสหาย แล้วรึป่าวครับ :D ดังนั้นโครงการลำดับต่อๆ ไปของทุกเหล่าทัพ (รวมทั้ง เรือฟริเกตใหม่นี่ด้วย) ก็ต้องให้สอดคล้องกันทั้งหมดหรือป่าว อันนี้ก็น่าคิดนะครับ
แต่ส่วนตัวก็ยังคิดว่า ประเด็นหลักที่ ทร. ต้องเลือก link ของ SAAB ให้กับเรือลำใหม่ก็คงเกี่ยวกับว่า 1) เพื่อการเชื่อมต่อกับเหล่าทัพอื่นๆ ได้ทันทีและมีประสิทธิภาพ (ซึ่งตอนนี้คือ ทอ. และในอนาคตคือ ทบ.) สำหรับการรบแบบใช้เครือข่ายกลาง 2) ความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีของเราเอง โดยใช้วิธีการเรียนลัดจาก SAAB เอานั่นเองครับ แต่ของฟรีหายากครับโลกเรา ถ้าเราอยากได้เทคโนโลยีของเขา เราก็ต้องมีอะไรไปแลกกับเขาด้วยว่ามั้ย นั่นก็คือเราก็ต้องอุดหนุนสินค้าของเขา (ใครมีวิธีอื่นบอกทีครับ เพื่อชาติล้วนๆ) :D ถึงตรงนี้ก็ต้องมาช่วยกันลุ้น ช่วยกันหาทางล่ะครับว่า จะทำอย่างไรให้ระบบ Link ของ SAAB ที่กองทัพไทยเราเลือกไปแล้วนี้ อย่าเป็นแบบ เมมโมรี่การ์ดของโซนี่ที่เลิกผลิตไป แต่ขอให้มันพัฒนาไปได้แบบ เครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อแม็คอินทอช ไอโฟน ไอแพด นะครับ (เพื่อ Link T ของไทยเราจะได้ประโยชน์ไปด้วย) ทั้งหมดก็ความเห็นส่วนตัว ผิดพลาดยังไงขออภัยทุกท่านด้วยครับ (เดาล้วนๆ) :D
ผมเองก็คิดเช่นนั้นครับท่าน Oversea แต่...ก็อย่างที่ผมตั้งประเด็นไว้นั่นแหละครับ ว่าหากมันกลายเป็นหลุมพรางหรือกับดัก อนาคตช่องทางการพัฒนากองทัพก็จะตีบลง แล้วมันจะไปเข้าทางใครบางคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ลองนึกดูว่าสวีเดนเองในวันนี้ก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาในการบูรณาการ เมื่อต้องร่วมรบกับชาติพันธมิตรอื่นๆ เพราะระบบ Link ที่ใช้ไม่เหมือนชาวบ้าน จนต้องปรับปรุงและเพิ่มระบบ Link 16 ให้กับเครือข่ายของตนเอง ในขณะนี้ที่กองทัพเรากำลังพยายามพัฒนาระบบ NCW ของตนเอง จึงควรอย่างยิ่งที่ต้องตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคต การใช้พื้นฐานจาก Link ของสวีเดนเป็นความจำเป็น แต่ก็ควรต้องวางแผนให้ดีครับ ว่ากองทัพจะใช้ระบบ Data Link กี่ระบบกี่แบบ Link 16 , Link T , Link E / G , Link RTN , Link Y มันเยอะแยะวุ่นวายเกินไปไหมครับ เอาเถอะถ้ามองในแง่ดีนะ สุดท้ายอาจจะเหลือแค่ Link 16 , Link T , Link RTN เพราะเดาว่าหาก Link T ทำได้สำเร็จก็น่าจะแทนที่ Link E / G ได้ทั้งหมด เพราะใช้สถาปัตยกรรมเดียวกัน แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะคงได้ยุ่งเหยิงกันใหญ่เลยล่ะครับ
อีกเรื่องที่ข้องใจอยู่ก็คือ เมื่อตอนที่ทอ.เลือกจัดหา กริเป้น และ อีริอาย นั้นมีการระบุถึงระบบ NCW ที่ใช้ Data Link ของสวีเดนว่า เป็น "สถาปัตยกรรมเปิด" ซึ่งมีความอ่อนตัว ทำให้สามารถบูรณาการให้ใช้งานร่วมกับระบบต่างๆ ที่มีใช้ในกองทัพทั้งปัจจุบันและอนาคตได้โดยง่าย แต่ถึงวันนี้มันกลับกลายเป็นประเด็นว่าระบบทั้งหมดบนเรือรบลำใหม่ ถูกกำหนดจากความไม่เข้ากันกับระบบ Data Link !!!
ความเชื่อส่วนตัวของผมคือ มันเป็นความพยายามบิดเบือนและใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้าง ในการกำหนดแบบ/รุ่น/ยี่ห้อ หรือที่เรียกกันว่า "ล๊อคสเปก" นั่นเอง ยิ่งสิ่งที่กำลังดำเนินไปนี้ มันตรงกับข้อมูลที่ เซลล์แมนอกหัก ได้เอามาเปิดเผย (พร้อมใส่สีตีไข่มาม่า) ยิ่งนายหน้ารายใหญ่ที่ได้งานนี้ไป เป็นรายเดียวกับที่เอา GT-200 มาขายด้วย ก็คงยากที่เราจะไว้เนื้อเชื่อใจได้ครับ
ส่วนที่ท่านยกตัวอย่าง แอปเปิ้ล ไอโฟน แมค นั้นก็เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจครับ แต่มันตรงกันข้ามกับแนวทางของกองทัพครับ เพราะเราไม่ต้องการสินค้าตลาดกว้างขวาง เราต้องการระบบที่มีความเฉพาะตัว เพราะเหตุผลด้านความมั่นคง(ของใครกันแน่นะ)มากกว่าไม่ใช่หรือครับ
ยังไง Link 16 , Link 11 (ซึ่งจะถูกแทนด้วย Link 22 ในอนาคต) ก็ยังต้องมีต่อไป
อย่างตอนไปปฏิบัติการที่โซมาเลียเราใช้ Link 11 เพื่อรับส่งข้อมูลกับเรือชาติต่างๆ และศูนย์ควบคุมบัญชาการรบบนฝั่งของกองทัพต่างประเทศ ตอนฝึกร่วมก็ยังต้องใช้ Link พวกนี้อยู่
Link E / G ผมมองว่าเป็น national data link แบบหนึ่ง(แถมเฉพาะทางอีกตะหาก ถ้าไม่มี Saab 340 AEW กับ Jas39
มันก็ไร้ประโยชน์) ถ้าในอนาคต ทอ. สนใจ F35 หรือเครื่องบินเกาหลีก็เริ่มมองเห็นปัญหาแล้ว
ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม gripen จึงไม่ประสบความสำเร็จในการขายเสียเท่าไร
เพราะมีจุดเด่นแค่เรื่อง datalink (ซึ่งค่ายอื่นเขาก็มีแต่เขาไม่โชว์เป็นประเด็นหลัก) กับ ความประหยัด
แต่ผมว่า SAAB มองการณ์ไกลดีนะที่ให้ Saab 340 AEW มา พร้อมจะช่วยระบบ datalink ด้วย (เห็นตอนแรกบอกเป็นระบบเปิด แถมถ่ายทอด source code มาด้วย ) เป็นการขาดทุนเพื่อกำไรโดยแท้ และเป็นการทำกำไรในอนาคตที่ยั่งยืนเสียด้วย
เมื่อก่อนไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว 555
อ่านกระทู้นี้2วันกับกระทู้เรือในTAF เล่นเอามึนเลยครับ อ่านมากจนกลับไปนอนฝัน(เปียก)ว่า เรือOPVกระบี่ ใช้Thales TACTICOS อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนThales Variantป็นSmart-S / Kronos3D + Stir2.4 HP + MK41(8cells) แล้วยิงSM-2ได้เลย กับOPVปัตตานี ใช้Atlas COSYS ติดStir2.4HP + MK41(8Cells) แล้วยิงSM-2ได้ ทำหน้าที่AAWคุ้มกันเรือนเรศวร เรือจักรี เรือฟรีเกตใหม่ราคา30000ล้านบาท ซึ่งติดตั้งแค่ESSM
ถ้าฝันผมเป็นจริงคงขำกันพิลึกเลยนะครับ 555555
ปล. อย่าถือสาอะไรกับความฝันเพ้อเจ้อผมเลยนะครับ
ตามความเข้าใจของผม สำหรับ Link E/G บนเรือชั้น นเรศวร และ ร.ล.จักรีฯ จะเป็น ลักษณะนี้
ในอนาคต ทอ. จะเปลี่ยน เป็น Link-16 ระหว่าง บ. ทอ. ด้วยกัน...แต่ในส่วน ของ E กับ G จะยังคงการเป็น Link E/G กับ เรือชั้น นเรศวร และ ร.ล.จักร๊ฯ และเรือฟริเกตลำใหม่
พูดถึงเรื่อง STIR ทำไมทร.ไม่เอา STIR ที่ถอดออกจากตากสินนเรศวรมาใช้ mod ใส่ CWI ยิง ESSM สบายๆแถมเอามาติดหน้าหลัง สวยและประหยัดไปบาน ตอนนี้ไม่รู้เอาใช้ตากผ้าที่ไหนแล้ว ของมันยังใช้ได้อยู่เลยเสียดายงบแท้ๆ
Stirของเรือนเรศวรย้ายไปติดตั้งบนเรือจักรีเพื่อควบคุมSadralครับ แต่ใจผมอยากให้อัพเกรดStirชุดนี้เพื่อให้ยิงESSMได้แล้ว ติดMK41ในช่องที่เตรียมไว้บนเรือ เพื่อให้เรือจักรีมีESSMไว้ป้องกันตัวเอง
ผมว่าท่าน Juldas มีอาการ "ติดลิ้งค์" เหมือนผู้ใหญ่บางท่านในทร.ไปซะแล้วนะครับ มองยังไงมันก็เหมือนโดนหลอกให้ซื้อของแบบผูกมัด ทั้งที่ความจริงเราสามารถเลือกได้ตามใจชอบ แต่มีคนคอยกีดกันด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา เดี๋ยวจะอย่างนั้น เดี๋ยวจะอย่างนี้ กั๊กไอ้โน่น ไม่ให้ไอ้นี่ ถ้าไม่ซื้อของผมนะ พี่ต้องจ่ายเพิ่มอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วระบบที่จะใช้มันก็จะไม่เวิร์ค ต้องใช้ของผมทั้งชุดเท่านั้น ทั้งๆที่ผู้ริเริ่มคือทอ.แต่ดูแล้วผมว่าทอ.ฉลาดหลักแหลมกว่าทร.มากครับ เพราะสามารถจำกัดขอบเขตไม่ให้ปัญหาลุกลามได้ ยิ่งเมื่อ F-16 MLU แล้วเสร็จและทอ.นำ Link 16 มาใช้ ทีนี้ SAAB ก็หมดอำนาจต่อรองลงไปเยอะ บ.ขับไล่ฝูงต่อไปก็เปิดกว้าง ถ้าอยากให้เราซื้อ Jas-39 ก็ต้องยอมลดแจกแถมและปรับสเปกตามใจเราบ้างล่ะ เช่น เราจะไม่เอา Link G ก็ต้องเปลี่ยนเป็น Link T กับ Link 16 ให้แทน
อีกประเด็นที่ผมข้องใจก็คือ ทำไมเมื่อทอ.ใช้ Ground base เป็นศูนย์ฯควบคุมและสั่งการฝูงบ.ขับไล่ แล้วต้องไปใช้เรือของทร.เป็นศูนย์ฯ อีกทั้งๆที่หากทอ.แค่เพียงปรับปรุงเพิ่มเติมให้ Erieye เป็น AEW&C น่าจะง่ายกว่าดีกว่าสะดวกกว่าด้วย ยังนึกไม่ออกว่าทอ.จะส่งเจ้าหน้าที่ที่เป็นนายทหารควบคุมสั่งการที่มีอำนาจตัดสินใจ ไปอยู่บนเรือของทร.ได้ยังไงตั้ง 5 ลำ !!! ผมว่าในสภาพความเป็นจริงน่าจะทำได้แค่บูรณาการระบบ NCW ร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนส่งต่อและใช้ข้อมูลการรบร่วมกันมากกว่า มากที่สุดก็คือใช้ 911 เป็นศูนย์ฯ แทนที่ศูนย์ฯบนฝั่ง
โดยส่วนตัว แบบนี้ อ่อนตัวกว่าเยอะ ไม่ต้องพึ่งพาSAABมากเกินไป
คำถามของคุณ TWG ตรงใจผมมากว่าทำไมทร.ไม่ใช้เป็นสถานีรับสัญญาณภาคพื้น หรืออีกทางหนึ่งคือไม่ต้องไปมีอะไรเลยด้วยซ้ำ โดยทร.รับข้อมูลเป้าผ่านระบบเครือข่ายสส.ทหารที่กระจายข้อมูลไปตามศปก.ทรและทรภ.1 2 3 อยู่แล้วง่ายและประหยัดกว่าเห็นๆ แค่ทำ WAN ดีๆไว้รอรับเท่านั้นเองซึ่งยังจะได้ประโยชน์ในภาพรวมของระบบควมคุมและสั่งการของทร.ทั้งหมดด้วย
แบบที่1นั้น
เรือทุกลำที่ติดLink-RTN สามารถใช้งานและเห็นภาพสถานการณ์ ได้ทุกลำ โดยไม่ต้องใช้CMSของซ้าบ ก็สามารถรบแบบNCW ได้เลย !
แบบที่ 2
เรือฟรีเกตใหม่ ซึ่งมีLink-16อยู่แล้ว สามารถรับข้อมูลตรงไม่ต้องผ่านAAOC
และจริงๆแล้ว Linkแบบแผนภาพที่1 ก็ยังคงอยู่ สำหรับเรือที่ไม่ได้ติดLink-16
Final Form
ภาพประกอบจากเว็บเพื่อนบ้าน
ท่าน iCy_CMU ตามแผ่นภาพนั้น อยู่ใน ตัวเรือ ทั้งหมด นะครับ...
เข้าใจอยู่แล้ว
แต่แผนภาพที่ดัดแปลงจากของท่าน ใช้สถานีภาคพื้นแทน แบบมีสถานีภาคพื้นอ่อนตัวกว่าตรงที่
1.แม้แต่เรือที่ไม่มีCMS สามารถติดตั้งterminal ของLink-RTN แล้วได้ภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมดได้ เพิ่มsituation awareness ได้มาก
2.เรือที่มีCMS หลากหลายของกองทัพเรือ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการดำเนินยุทธวิธีได้ เหมือนกับติดตั้งCMSจากซ้าบ อย่าลืมว่าเรายังมีเรืออื่นนอกจาก 421-422 911 และเรือใหม่ อย่าง 455-458 441-442 OPV3ลำ รล.อ่างทอง รจป. รจอ. รตป.(รวมถึงลำใหม่ ที่จะใช้TACTICOS) .......
4.สถานีทวนสัญญาณภาคพื้น มีการติดตั้งรอบแนวชายฝั่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะติดต่อไม่ได้
5.ลดจำนวนLink ที่จะต้องติดตั้งบนเรือ เหลือเพียงLinkที่สามารถใช้ปฏิบัติงานในประเทศและต่างประเทศได้ คือ Link-RTN สำหรับในประเทศ Link-11/16 สำหรับต่างประเทศ
***********ตอนนี้S-100B/Erieyes ของทอ. ยังไม่สามารถสื่อสาร/LinkกับJas-39ได้โดยตรง ยังไงก็ต้องผ่านAAOC หรือสถานีทวนสัญญาณ อยู่ดี แผนภาพของท่านแผ่นแรก จึงผิดตรงนี้ด้วย **************
2 รูปสุดท้ายของท่าน icy_CMU นี่แหละที่ควรจะเป็นมากที่สุดเลยครับ
ส่วนที่ท่าน Juldas บอกว่าทั้งหมดอยู่บนเรือนั้น ก็แล้วทำไมเรือทุกลำต้องมีหมดทุกอย่างมากมายขนาดนั้น ยกเว้น 911 ลำเดียวที่ควรจะมี จากคำถามเดิมครับ ทอ.จะส่งเจ้าหน้าที่ควบคุมที่มีอำนาจสั่งการไปประจำไว้บนเรือของทร.ทุกลำเลยหรือครับ สู้ผลักดันให้ทอ.ปรับปรุงและใช้ Erieye เป็น AEW&C และใช้ Link 16 / Link T จะไม่ดีกว่าง่ายกว่าหรือครับ
อีกคำถามที่ท่านยังไม่ได้ตอบ ทำไมเราต้องเลือก Link แล้วไม่มี SAM ระยะกลาง เรารับรู้สถานการณ์ได้แต่เราก็จะไม่มีอาวุธที่มีขีดความสามารถที่จะช่วยเหลืออะไรบ.ของเราได้อย่างที่ท่านได้บอกไว้เลย แต่ถ้าเราเลือกแบบอื่นเราสามารถมีได้ทั้งสองอย่างได้ในทันที (หรือในอนาคตก็ได้หากเวลานี้งบไม่พอ)
ถ้าจะพูดถึงความคุ้นเคยของระบบ
สมมติเล่นๆ หากลูกเรือจากเรือชุดรล.เจ้าพระยา2ลำ(ZKJ-3) รล.กระบุรี2ลำ(Poseidon3) รล.ปัตตานี2ลำ(COSYS) รล.กระบี่ (TACTICOS) รล.รัตนโกสินทร์2ลำ( STACOS SEWACO) ........ย้ายมาที่เรือใหม่ .........อย่างไรก็ต้องฝึกกันใหม่อยู่ดี
อย่ามองเพียงแค่ย้ายจาก 421/422 มาเรือใหม่อย่างเดียว ........
และถ้านับความคุ้นเคยในการซ่อมบำรุง ........
TACTICOS ซึ่งใช้Consoleแบบเดียวกันทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ใช้บนเรือ13ลำ!!
ต.991 3ลำ ต.994 3ลำ ชุดรล.คำรณสินธุ์ 3ลำ ชุดรล.สัตตหีบ 3ลำ ..........
อันไหน ช่างไทยคุ้นกว่ากัน .........
จนถึงตอนนี้ก็ไม่ทราบอยู่ดีทำไมทร.ถึงบ้าจี้กับLink E/G เหลือเกินในเมื่อยังไงภาพรวมหลักของทอ.ในอนาคตมันเป็นLink 16กับLink-T
จะไล่เอาLink E/Gมาติดเรือหลัก5ลำเพื่อให้คุยกับjas39กับ erieyeทำไมดูแล้วมันลดทอนความสามารถNCWลงไปด้วยซ้ำ
ในเมื่อทั้งมีแผนจะติดlink16ให้ทั้งjas39กับ erieyeอยู่แล้ว
Linkของสวีเดนมันไม่อ่อนตัวคุยกะคนอื่นลำบากจนเจ้าตัวเองยังย้ายไปใช้Link 16เลย
ตอนjasไปร่วมภารกิจที่ลิเบียก็แสดงให้เห็นว่าเข้ากับระบบอี่นลำบากคุยกับใครเขาได้ไม่เต็มที่
“During Libya operations, the Gripens, although equipped with Have Quick, could not tie into NATO’s secure network, forcing pilots to be the only ones to operate unsecured and use code words to exchange orders.”
http://www.acus.org/natosource/swedish-gripen-community-draws-libya-lessons
ชอบครับกระทู้แบบนี้ อย่างที่บอกไปแต่แรกแล้ว ที่เอาเหตุผลและข้อมูลมาถกกัน ทำให้นึกถึงบรรยากาศ ก่อนที่ จะมีการประกาศเลือก บข.20 ที่ตอนนั้นก็เอาข้อมูลมาคุยกันแบบนี้ ไม่ได้เอาเป็นตายเพื่อเอาชนะกันครับ ชื่นชมทั้งป๋า Judas และหลวงพี่ครับ ที่คุยกันด้วยเหตุและผลครับ แต่ถ้าเป็นประเภทที่มีผลประโยชน์แอบแฝงแล้วตามมาร่วมด้วยช่วยถล่มซ้ำแบบนี้ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยครับ อย่างที่บอกไปถ้าตรวจสอบแล้วแน่ชัดว่าใช่แน่ๆ ผมจะขอพิจารณาสถานภาพนะครับ
ท่าน TWG ผมไม่ได้ติด Link หรอกครับ...เพียงแต่พยายามจะทำความเข้าใจว่า Link E/G มันคืออะไร ?
พยามยามหาเหตุ ผล ว่า ทำไม ทร. ถึงให้ความสำคัญ...
ถามจริง ๆ นะ ท่าน TWG ท่านมีข้อมูลอะไรเหรอ ว่า ทร.โดนหลอก...โดน คน กั๊ก โน่น กั๊ก นี่...
เท่าที่ผมอ่านมา...ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ทั้งนั้น...และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ทร. เลย สักนิด...
แต่ท่านไปเชื่อ เป็นจริง เป็นจัง...
Link E/G จริง ๆ เป็นยังไง...ใครรู้บ้างครับ...มันทำงานยังไง ระบบมันต่างชาวบ้านยังไง...ใครรู้บ้างครับ...
แล้วมันจะทำให้ ผูกขาด กับ Saab ในส่วนไหน...อย่างไร...ในขณะที่ Link T ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง มีใครรู้บ้างครับ...หรือ Link RTN ปัจจุบัน ทร. พึงพอใจ และประสบความสำเร็จพอหรือยัง...หรือยังต้องพัฒนาเพิ่มอีก...
และตามความคิดเห็นที่แสดงมา ผมก็มองว่า 9LV มันไม่ได้ขี้เหร่ ไปกว่า TACTICOS...เพียงแต่ บางท่าน ไม่มั่นใจว่า ในอนาคต มันจะใช้ SM-2 ได้ เท่านั้น...ซึ่งระบบ Thales มันก็ผูกขาด ไม่ได้แตกต่างกันหรอกครับ...ที่ต้องเลือก TACTICOS ก็เพราะต้องการใช้ อุปกรณ์ของ Thales นั่นแหล่ะครับ...แล้วถึง จะพัฒนา Link T สำเร็จแล้ว...มันก็ต้องให้ Thales มา บูรณาการระบบให้เหมือนกันครับ...แล้วเราจะเรียกว่า ผูกขาด ได้หรือไม่....
9LV ทร.ออสเตรเลีย ก็ใช้เป็นระบบหลัก...ทร.แคนาดา ก็กำลังจะใช้เป็นระบบหลัก...และ สวีเดน ต้นแบบ ก็ใช้เป็นระบบหลัก...ทำไม พวกเขา ไม่เลือก TACTICOS ครับ...
แต่ตอนนี้ ที่เห็น ก็คือ ปราการป้องกันภัยทางอากาศ ในทะเล ได้ผูก อาวุธ อยู่ 4 แบบ คือ
ตามแผ่นภาพ ก็อธิบายให้เห็นว่า ผมมองว่า ทำไม ถึง ต้องเป็น Saab...เพราะ ระบบอาวุธทั้ง 4 แบบ จะต้องประสานเป็นเนื้อเดียว ในเมื่อวัตถุดิบในขณะนี้ มันมีอยู่แค่นี้...และจะต้องผลิตสินค้าสำเร็จเป็น เครือข่าย หรือ ตะข่าย ป้องกันทางอากาศ ในทะเล...ในสภาพงบประมาณปัจจุบัน...ในขณะที่ยังไม่มี Data Link Station (ไม่รู้จะมีเมื่อไหร่ มีใครรู้ไหมครับ)...ยังไม่มี Link T แล้วจะจัดหา ระบบ ที่ เผื่อ ไว้รองรับ...สิ่งที่ยังไม่รู้ว่า มันจะสำเร็จ เมื่อไหร่ หรือจะ สำเร็จ หรือไม่...แบบนั้นหรือเปล่า ครับ...
ที่ท่าน icy_CMU บอกว่า ปัจจุบัน Erieye กับ Jas-39 มัน Link กัน โดยตรงไม่ได้...
ดังนั้น มันกลับจะยิ่งเป็น จุดสำคัญ เลยหรือเปล่า ที่มันต้องมี Link E/G อยู่บนเรือ...
และตามแผ่นภาพ ที่ผมทำ ก็ทำในลักษณะความเข้าใจของผมน่ะครับ...และถึง จะเป็น TACTICOS หรือ ระบบอื่น ๆ มันก็ต้องมี คอนโซล สำหรับ นำข้อมูล ซึ่งคงหมายถึง การสื่อสารทั้งเสียง และ ข้อมูล ระหว่าง เรือ กับ เครื่องบิน แบบเดียวกัน แหล่ะครับ...เพื่อนำมาใช้ในยุทธวิธี และมันเป็นแบบ Real Time...เผชิญเหตุ สงคราม อยู่ตรงหน้า...
ก็ตรงนี้แหล่ะครับว่า...ในอนาคต ทอ. จะเปลี่ยนใน LInk-16
แล้วทำไม ทร. ต้องจะติด Link E/G...
ซึ่ง Link E/G เนี่ย...คือ Link อะไร...ส่งข้อมูล ลักษณะไหน...
จน ณ ตอนนี้...ผมเข้าใจว่า...Link E/G นี้..คือ การสื่อสาร ระหว่าง เรือ กับ Erieye กับ Gripen เท่านั้น...
ซึ่ง ไม่ไปเกี่ยวข้องกับ Link-16
และแม้ Gripen และ Erieye จะติดตั้ง Link-16 สำหรับการ สื่อสาร รับส่ง ข้อมูล ของ ทอ. เอง...
แต่ในส่วนของ Link E/G ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คือ ยังสื่อสาร กับ เรือรบ ได้อย่างเดิม...
ผมถึงจะพยายามหาว่า แล้ว Link E/G มันคือ อะไร ?
ท่าน icy_CMU สิ่งที่เรือรบหลัก 5 ลำ มีระบบที่เหมือนกัน...ไม่ได้หมายถึง ความคุ้นเคย น่ะครับ...
มันจะหมายถึง การทำสงครามใน เทคนิค เหมือนกันทั้ง 5 ลำ...
การฝึก...ความชำนาญในยุทธวิธี...ความเข้าใจในระบบ...แล้วการสับเปลี่ยนหมุนเวียน บุคคลากร...หรือ การทดแทนบุคคลากร...แบบจำลองยุทธ ม้นจะได้ผลที่น่าจะมีประสิทธิภาพ มากกว่า...
ถ้าเทียบกับว่า 3 ลำ ทำอย่างหนึ่ง...อีก 2 ลำ ทำอย่างหนึ่ง...
และในการทำสงครามแบบ Real Time โดย ทั้ง เรือ และ เครื่องบิน ถ้าไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง...มันจะทำให้เกิดน้ำหนักความเสี่ยง ของสถานีส่ง ที่ห้ามมีปัญหา หรือถูกทำลาย...
ในเมื่อ วางระบบป้องกันทางลึก คือ กองทัพอากาศ คือ ด่านแรก...เรือป้องกันภัยทางอากาศ คือ ด่านถัดมา..
Link E/G จริง ๆ เป็นยังไง...ใครรู้บ้างครับ...มันทำงานยังไง ระบบมันต่างชาวบ้านยังไง...ใครรู้บ้างครับ...
แล้วมันจะทำให้ ผูกขาด กับ Saab ในส่วนไหน...อย่างไร...ในขณะที่ Link T ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง มีใครรู้บ้างครับ...หรือ Link RTN ปัจจุบัน ทร. พึงพอใจ และประสบความสำเร็จพอหรือยัง...หรือยังต้องพัฒนาเพิ่มอีก...
Link-RTN ได้รับการติดตั้งไปหลายลำแล้ว ล่าสุดก็ชุดรล.กระบุรีปรับปรุงใหม่
Link แต่ละชนิดหลักการทำงานก็เหมือนกับอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตใช้โปรโตคอลต่างๆ ใช้การเชื่อมต่อผ่านสายหรือไร้สาย ซึ่งมีความถี่และการเชื่อมต่อต่างกัน หากเปรียบลิงค์ทั้งหลายก็จะเหมือนโปรโตคอล HTTP FTP POP3 และสารพัดโปรโตคอล บางอย่างได้เฉพาะTEXT บางอย่างใช้ในแบบMulti-media บางอย่างมีความปลอดภัยต่างกัน มีความสามารถในการส่งข้อมูลต่างกัน
ถ้าจะให้พูดง่ายๆ แต่ละโปรโตคอล ไม่จำกัดรูปแบบการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะคลื่นวิทยุ สายไฟเบอร์ คลื่นไมโครเวฟ
การทำงานของTIDLS /LinkE-G/CDL39 ทำงานในรูปแบบPeer to Peer คือ ไม่ได้แพร่คลื่นออกมาภายนอก แต่ใช้การเชื่อมโยงตรง ผ่านโปรโตคอลของCDL39เอง (เหมือนกับtorrent ที่ใช้โปรแกรมจำพวกBittorrent เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่านโปรโตคอลของตนเอง)
ส่วนLink-16 ใช้ในแบบAdhoc คือ หากมีhardware รองรับก็สามารถเชื่อมต่อได้ทันที
ดังนั้น CDL39 จึงเป็นลิงค์ที่ขึ้นกับซอฟท์แวร์ ซึ่งมีแต่ซ้าบที่ถือครอง
และตามความคิดเห็นที่แสดงมา ผมก็มองว่า 9LV มันไม่ได้ขี้เหร่ ไปกว่า TACTICOS...เพียงแต่ บางท่าน ไม่มั่นใจว่า ในอนาคต มันจะใช้ SM-2 ได้ เท่านั้น...ซึ่งระบบ Thales มันก็ผูกขาด ไม่ได้แตกต่างกันหรอกครับ...ที่ต้องเลือก TACTICOS ก็เพราะต้องการใช้ อุปกรณ์ของ Thales นั่นแหล่ะครับ...แล้วถึง จะพัฒนา Link T สำเร็จแล้ว...มันก็ต้องให้ Thales มา บูรณาการระบบให้เหมือนกันครับ...แล้วเราจะเรียกว่า ผูกขาด ได้หรือไม่.....
-----------เปล่าเลย หากเลือกLink E/G ซ้าบผูกขาดผู้เดียว
ส่วนlink-16 ไม่ว่าเจ้าไหนก็ทำได้และมีอยู่แล้วไม่เพียง THALES
หากLink-Tสำเร็จ ก็ติดตั้งและintegrateเข้ากับระบบ ยังไงก็ต้องเสียเงิน ไม่ว่าเจ้าไหน รวมถึงSAAB
9LV ทร.ออสเตรเลีย ก็ใช้เป็นระบบหลัก...ทร.แคนาดา ก็กำลังจะใช้เป็นระบบหลัก...และ สวีเดน ต้นแบบ ก็ใช้เป็นระบบหลัก...ทำไม พวกเขา ไม่เลือก TACTICOS ครับ...
----------9LV บนCanberra และANZACใช้link-11/16/Y
แคนาดาปรับปรุงเรือเก่าเพื่อรอเรือใหม่ ที่จะมาแทนทั้งHalifax และIroquis ในปี2016
ออสเตรเลีย ปรับปรุงเรือเก่าANZAC เพื่อรอเรือใหม่ ส่วนCanberra เป็นLHD ไม่ได้เป็นเรือที่ต้องใช้อาวุธต่อสู้เป็นหลัก
สวีเดน .............แหม่ ยกตัวอย่างนี้มา มันก็เหมือนทำไมสหรัฐไม่ใช้9LVนั่นแหละ
ถ้าอย่างนั้นขอยกตัวอย่าง
ทำไม เดนมาร์กไม่ใช้9LV กับIver Huitfeldt และAbsalon แต่ใช้C-Flexแทน
ทำไม เนเธอร์แลนด์ไม่ใช้9LV กับ De Zeven และเรืออื่นๆ กลับไม่ใช้ SEWACO XI แทน
ทำไม อิตาลี ไม่ใช้9LV กับ Horizon (PAAMS ) และ FREMM (SAAM-AD)
ทำไม เยอรมันไม่ใช้9LV กับ F124 (TACTICOS FD ) และF125 (ANCS)
ทำไม เกาหลีไม่ใช้ 9LV กับ KDX I /II (TACTICOS -SAMSUNG mod)
ทำไม อินโดนีเซียและอัลจีเรีย ไม่ใช้ 9LV กับSIGMA (TACTICOS)
ทำไม มาเลเซียถึงไม่ใช้9LVกับGOWIND (DCNS -SETIS)
แต่ตอนนี้ ที่เห็น ก็คือ ปราการป้องกันภัยทางอากาศ ในทะเล ได้ผูก อาวุธ อยู่ 4 แบบ คือ
ตามแผ่นภาพ ก็อธิบายให้เห็นว่า ผมมองว่า ทำไม ถึง ต้องเป็น Saab...เพราะ ระบบอาวุธทั้ง 4 แบบ จะต้องประสานเป็นเนื้อเดียว ในเมื่อวัตถุดิบในขณะนี้ มันมีอยู่แค่นี้...และจะต้องผลิตสินค้าสำเร็จเป็น เครือข่าย หรือ ตะข่าย ป้องกันทางอากาศ ในทะเล...ในสภาพงบประมาณปัจจุบัน...ในขณะที่ยังไม่มี Data Link Station (ไม่รู้จะมีเมื่อไหร่ มีใครรู้ไหมครับ)...ยังไม่มี Link T แล้วจะจัดหา ระบบ ที่ เผื่อ ไว้รองรับ...สิ่งที่ยังไม่รู้ว่า มันจะสำเร็จ เมื่อไหร่ หรือจะ สำเร็จ หรือไม่...แบบนั้นหรือเปล่า ครับ...
DATA link Station ตอนนี้มีที่สมุย.....และที่อื่นๆ(ลับ) สำหรับCDL39
และอย่างที่บอกไป เพียงแค่เพิ่มLink-RTN terminal เข้าไป ก็จะใช้งานแบบNCW ได้กับเรือกองทัพเรือทุกลำ
ส่วนLink-T ไม่มีก็ยังไม่เป็นไร Solution แบบไม่พึ่งSAABก็ยังมีอยู่แล้ว ......
ท่าน icy_CMU สิ่งที่เรือรบหลัก 5 ลำ มีระบบที่เหมือนกัน...ไม่ได้หมายถึง ความคุ้นเคย น่ะครับ...
มันจะหมายถึง การทำสงครามใน เทคนิค เหมือนกันทั้ง 5 ลำ...
การฝึก...ความชำนาญในยุทธวิธี...ความเข้าใจในระบบ...แล้วการสับเปลี่ยนหมุนเวียน บุคคลากร...หรือ การทดแทนบุคคลากร...แบบจำลองยุทธ ม้นจะได้ผลที่น่าจะมีประสิทธิภาพ มากกว่า...
อย่างที่บอกไป การจำลองยุทธผ่านLink-RTN ก็ทำได้ และ ทำได้ทั้งกองทัพเรือเลยด้วย ไม่เพียงแค่5ลำ
ถ้าเทียบกับว่า 3 ลำ ทำอย่างหนึ่ง...อีก 2 ลำ ทำอย่างหนึ่ง...
และในการทำสงครามแบบ Real Time โดย ทั้ง เรือ และ เครื่องบิน ถ้าไม่สามารถสื่อสารกันได้โดยตรง...มันจะทำให้เกิดน้ำหนักความเสี่ยง ของสถานีส่ง ที่ห้ามมีปัญหา หรือถูกทำลาย...
ในเมื่อ วางระบบป้องกันทางลึก คือ กองทัพอากาศ คือ ด่านแรก...เรือป้องกันภัยทางอากาศ คือ ด่านถัดมา..
เรื่องนี้ ต้องพูดอย่างนี้
1.สถานีถูกทำลาย หมายถึงข้าศึกหลุดรอดด่านทั้งหมดมาได้
2.สถานีหลักอยู่กทม.และที่อื่นๆทั่วประเทศ(สุราษฎร์ เป็นต้น) ส่วนที่เหลือเป็นสถานีทวนสัญญาณ ซึ่งสามารถใช้SATCOM ในการส่งข้อมูลได้นอกจากวิทยุ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งผ่านสถานีเดียว เหมือนเสาโทรศัพท์ พังไปต้นนึง ก็มีสถานีสำรองทำงานต่อได้
3.หากสถานีทั้งหมดถูกทำลาย .............แสดงว่า ข้าศึกเขามาถึงกทม. ได้ (ศปอ. ที่ดอนเมืองระเบิดนั่นแหละ ) ก็เท่ากับว่าเราแพ้แล้ว ไม่ว่าจะใช้Linkไหนก็เป็นไปไม่ได้ เพราะ Jas-39ก็ไม่ได้ข้อมูลจากErieyesเช่นกัน
4.ในสถานการณ์ที่ไม่สามาถใช้สถานีภาคพื้น ก็ยังมีLink ผ่าน421-422 หรือ 911 เพื่อใช้งานJas-39ได้
จุดสำคัญที่สุดของการที่เรือใหม่ไม่จำเป็นจะต้องมี Link E/G คือการที่ทร.สามารถมีที่หายใจหายคอ และเลือกCMS ให้เหมาะกับภารกิจของเรือมากขึ้น ซึ่งจะผูกไปถึงระบบอาวุธที่ใช้ได้ รวมถึงระบบตรวจจับต่างๆ
หากเป็น9LV ซึ่งcertifiedน้อยมากกับเซนเซอร์และอาวุธต่างๆ มันเหมือนบีบบังคับทร.กลายๆว่า หากเลือกเซนเซอร์นอกจากSAAB จะต้องเสียค่าintegrate (เขียนโปรแกรม จัดRuntime เข้า9LV) ในขณะที่CMSหลายๆเจ้า มีการCertifiedกับระบบเซนเซอร์ที่หลากหลายกว่า ซึ่งไม่ต้องเสียค่าintegrateระบบหรือจะเสียก็น้อยกว่า ทำให้ทร.หายใจคล่องมากขึ้น
สรุป ถ้า Link-T เสร็จ เราก็ใช้ Link-T สำหรับภายในกองทัพของเรา แต่เมื่อจะไปแจมกับใคร ก็ใช้ Link 16 เป็นอันจบ นั่นสิแล้วทำไมจะต้อง Link E/G
เบื่อที่จะคุยเรื่อง Link แล้วครับ เป็นอันว่าเข้าใจกันดีในเรื่อง Link แล้ว มาคราวนี้ขาดเรื่องจรวดต่อต้านเรือดำน้ำ
จากทางหลวงพี่มั่นใจว่าเรือลำใหม่ของเราจะไม่มีทั้ง K-ASROC และ VL-ASROC เพราะติดปัญหาบ้าบอที่ M-116 จะไม่รู้เชื่อมต่อกับ 9LV ได้ยังไง (หรือว่าทำไปแล้ว) และไม่แน่ใจว่าทางเกาหลีจะยอมขายระบบให้เรา เพราะมองว่า Thales น่าจะเชื่อมต่อกับ K-ASROC K-VLS ง่ายกว่า สรุปเลยอดเพราะไปเลือกใช้ CMS 9LV จากสวีเดน
ดังนั้นผมจึงเสนออีกระบบครับ MILAS จากยุโรป ซึ่งน่าจะมีปํญหาน้อยกว่า
ดาดฟ้ายกหน้าสะพานเดินเรือน่าจะสามารถรองรับ VLS เพิ่มได้อีก อย่างน้อย 16 cell และอาจจะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับ MILAS 4 ท่อยิงได้ครับ
แต่ถ้า MILAS ติดตั้งแล้วกินพื้นที่เยอะ อาจจะทำให้สามารถติดตั้ง VLS ได้เพิ่มอีกแค่ 8 cell รวมกัน 16 cell เท่านั้น ดังนั้นจากรูปเรือ ผมสังเกตเห็นว่าโรงเก็บฮ. จะชิดด้านขวา ดังนั้นทางด้านซ้ายไม่ทราบว่าจะพอลุ้นในเรือการเอา VLS ไปวางเพิ่มอีก 16 cell หรือไม่ครับเพื่อให้มี VLS 32 cell ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
9LV ไม่CertifiedกับOTOMAT .......ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับMilas
ส่วนTACTICOS CertifiedกับOTOMAT ซึ่งMilas ก็ไม่น่าจะใช่ปัญหา
ส่วนK-VLS ก็ในเมื่อKDX-II ติดCMS พื้นฐานจากTACTICOS ทำไมจะใส่ไม่ได้
----------------บอกแล้วว่า ไม่มี9LV ปัญหาหมดไปหลายอย่าง
-ไม่มีเงินจะติดK-VLS ตอนนี้ หากมีTACTICOS ก็แค่modเตรียมไว้ มีเงินแล้วค่อยหามาใส่ เพิ่มคอนโซลอีก1-2คอนโซลคงไม่กี่ตังค์
- อยากได้SM-2MR ก็เอามาติดได้ (หากไม่ได้ใช้Cerosนะ) .......เพิ่มคอนโซลควบคุม พร้อมใส่WDS Mk14(NTU)ไปได้เลย
9LV ..............เห่อๆๆๆ
..............ยังไม่รวมถึงระบบECM อีกนะ ......SAABไม่ได้ทำECMเอง ยังไงก็ต้องเสียค่าintegrationอีก
Thalesไปเทคโอเวอร์มาหลายบริษัท เลยได้ECMมาไว้ใช้กับระบบตัวเองด้วย .........ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม
ถูกต้องครับ ทั้งหมดเป็็นความเห็นส่วนตัว แต่มันมีที่มาจากเหตุและผลครับ อย่างที่บอกผมค่อนข้างเชื่อเอกสารที่มีคนนำมาโพสไว้ ก่อนหน้านี้ยัง 50-50 นะครับ แต่พอภาพมันออกมาค่อนข้างชัดเจนขนาดนี้ ผมเชื่อ >80% ครับ เพราะจากประสบการณ์ในการทำงาน การติดต่องานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการราชการ การล๊อบบี้ล๊อคสเปกเป็นเรื่องที่มีอยู่จริงแท้แน่นอน ผมถึงบอกไว้ว่าการออกเอกสารเช่น RFP ที่มีการระบุตราสัญลักษณ์อย่างชัดเจนนั้น ก็เท่ากับเป็นการล๊อคสเปกชัดเจนไงครับ ส่วนประเด็น 9LV นั้น ผมก็ว่ามันต้องมีดีอยู่มากครับ แต่มันก็มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อกับระบบควบคุมและใช้งานอาวุธที่จำกัดมาเกินไป การยกเอาระบบของ Thales มาเทียบก็เพราะมีใช้อยู่ในทร.และมีระบบต่างๆที่สามารถรองรับการควบคุมและใช้อาวุธต่างๆ ได้ครอบคลุมความต้องการของทร.ได้มากกว่าอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้เชียร์ให้ทร.เลือกใช้ Thales ทั้งหมดเพราะไม่ต้องการให้เกิดลักษณะผูกขาดเช่นเดียวกันครับ กรณี รล.นเรศวร และ รล.จักรีฯ ผมโอเคมากๆ กับสิ่งที่ทร.เลือก แม้จะมีหลายคนบ่นโน่นนี่นั่น แต่ผมก็ยังพอมองเห็นความสำคัญและข้อดีที่มากพอครับ แต่พอมาถึงโครงการนี้ผมว่า มันมากเกินไป แล้วน่ะครับ
ปล. ขออภัยถ้าหากโพสของผมมันจะค่อยไม่สร้างสรรค์นัก ต่อไปจะพยายามอ่านให้มากขึ้น และโพสให้น้อยลงครับ
1.สถานีถูกทำลาย หมายถึงข้าศึกหลุดรอดด่านทั้งหมดมาได้
------------------------------------------------------------------------------------
=== สถานีสามารถโดนทำลาย ตั้งแต่ก่อนเราจะทราบว่าใครคือข้าศึกครับ
2.สถานีหลักอยู่กทม.และที่อื่นๆทั่วประเทศ(สุราษฎร์ เป็นต้น) ส่วนที่เหลือเป็นสถานีทวนสัญญาณ ซึ่งสามารถใช้SATCOM ในการส่งข้อมูลได้นอกจากวิทยุ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งผ่านสถานีเดียว เหมือนเสาโทรศัพท์ พังไปต้นนึง ก็มีสถานีสำรองทำงานต่อได้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
=== สถานีหลักในกรุงเทพหรือที่อื่นทั่วประเทศ รวมถึงสถานีรอง จะโดนทำลายได้ก่อนเช่นกันครับ
3.หากสถานีทั้งหมดถูกทำลาย .............แสดงว่า ข้าศึกเขามาถึงกทม. ได้ (ศปอ. ที่ดอนเมืองระเบิดนั่นแหละ ) ก็เท่ากับว่าเราแพ้แล้ว ไม่ว่าจะใช้Linkไหนก็เป็นไปไม่ได้ เพราะ Jas-39ก็ไม่ได้ข้อมูลจากErieyesเช่นกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สถานีทั้งหมดถูกทำลาย ทำไมถึงเป็นได้แค่ เราแพ้สงครามครับ ข้าศึกไม่ได้จำเป็นต้องมาทั้งกองทัพ กำลังพลเพียงน้อยนิดเขาก็สามารถก่อวินาศกรรมได้แล้ว กองบิน 7 จะโดนก่อนแน่นอน Gripen อาจไม่ได้ขึ้นบินแม้แต่เครื่องเดียว นักบินแะครอบครัวนักบิน อาจถูกเก็บก่อนที่จะมากองบินเสียอีก
4.ในสถานการณ์ที่ไม่สามาถใช้สถานีภาคพื้น ก็ยังมีLink ผ่าน421-422 หรือ 911 เพื่อใช้งานJas-39ได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วถ้า 421 ซ่อมอยู่ที่สัตหีบ 422 โดนจม และ 911 โดยยิงแต่ไม่จม ระบบไม่สามารถใช้การได้ สถานีภาคพื้นโดนก่อวินาศกรรม
โรงไฟฟ้าโดนระเบิด ไฟฟ้าดับทั้งประเทศ ( คล้ายๆที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ เมื่อ 2 - 3 เดือนที่แล้ว เรือฟริเกตใหม่ของเราจะคุยกับ Jas-39 อย่างไรครับ ( ในกรณีที่ Jas-39 ยังเหลือที่จะพอบินขึ้นฟ้าได้ )
ถูกต้องครับ ทั้งหมดเป็็นความเห็นส่วนตัว แต่มันมีที่มาจากเหตุและผลครับ อย่างที่บอกผมค่อนข้างเชื่อเอกสารที่มีคนนำมาโพสไว้ ก่อนหน้านี้ยัง 50-50 นะครับ แต่พอภาพมันออกมาค่อนข้างชัดเจนขนาดนี้ ผมเชื่อ >80% ครับ เพราะจากประสบการณ์ในการทำงาน การติดต่องานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการราชการ การล๊อบบี้ล๊อคสเปกเป็นเรื่องที่มีอยู่จริงแท้แน่นอน ผมถึงบอกไว้ว่าการออกเอกสารเช่น RFP ที่มีการระบุตราสัญลักษณ์อย่างชัดเจนนั้น ก็เท่ากับเป็นการล๊อคสเปกชัดเจนไงครับ ส่วนประเด็น 9LV นั้น ผมก็ว่ามันต้องมีดีอยู่มากครับ แต่มันก็มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อกับระบบควบคุมและใช้งานอาวุธที่จำกัดมาเกินไป การยกเอาระบบของ Thales มาเทียบก็เพราะมีใช้อยู่ในทร.และมีระบบต่างๆที่สามารถรองรับการควบคุมและใช้อาวุธต่างๆ ได้ครอบคลุมความต้องการของทร.ได้มากกว่าอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้เชียร์ให้ทร.เลือกใช้ Thales ทั้งหมดเพราะไม่ต้องการให้เกิดลักษณะผูกขาดเช่นเดียวกันครับ กรณี รล.นเรศวร และ รล.จักรีฯ ผมโอเคมากๆ กับสิ่งที่ทร.เลือก แม้จะมีหลายคนบ่นโน่นนี่นั่น แต่ผมก็ยังพอมองเห็นความสำคัญและข้อดีที่มากพอครับ แต่พอมาถึงโครงการนี้ผมว่า มันมากเกินไป แล้วน่ะครับ
ปล. ขออภัยถ้าหากโพสของผมมันจะค่อยไม่สร้างสรรค์นัก ต่อไปจะพยายามอ่านให้มากขึ้น และโพสให้น้อยลงครับ
กรณีรล.นเรศวร และ รล.จักรีฯ อันนี้มองคนละแง่กับเรือใหม่เลย
เพราะเป็นการปรับปรุงเรือเก่า ซึ่งคงไม่มีการขยับขยายอะไรไปมากกว่านี้แล้ว และราคาก็บาดใจ จนไม่รู้จะติอะไร
แต่เรือใหม่ ยังไงภายใน20ปีข้างหน้าก็ต้องปรับปรุง ระบบที่อ่อนตัวและมีผู้ใช้มาก ย่อมมีอนาคตที่ดีกว่า อย่างน้อยในเรื่องค่าintegrationที่ต่ำกว่า หากจะปรับปรุงเรือในอนาคต หรือ หากไม่คิดไกลขนาดนั้น เอาแค่ว่า ในอนาคตอยากเสริมเพิ่มเติมอะไร การที่มีระบบที่ผู้ใช้งานเยอะกว่า และ รับรองให้ใช้กับระบบอาวุธที่หลากหลายกว่า ทำให้ทร.ไม่ต้องปวดหัวกับการ+ค่าintegrationมากมายนัก เพราะเป็นระบบที่มีผู้จ่ายค่าลองติดตั้งมาแล้ว อีกทั้งความน่าเชื่อถือของบริษัทที่มีระบบภายในบริษัทเองให้เลือกครอบคลุมกว่า หมายถึงการซื้อเป็นแพ็คเกจ ย่อมถูกกว่าการซื้อแยกทีละชิ้นอยู่แล้ว (อย่างในกรณีรล.นเรศวร เราก็ซื้อยกแพ็คเกจ จึงได้ในราคาไม่แพง และ ระบบต่างๆนั้นSAABก็ได้ติดตั้งให้เรือลำอื่นมาแล้ว )
3.หากสถานีทั้งหมดถูกทำลาย .............แสดงว่า ข้าศึกเขามาถึงกทม. ได้ (ศปอ. ที่ดอนเมืองระเบิดนั่นแหละ ) ก็เท่ากับว่าเราแพ้แล้ว ไม่ว่าจะใช้Linkไหนก็เป็นไปไม่ได้ เพราะ Jas-39ก็ไม่ได้ข้อมูลจากErieyesเช่นกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สถานีทั้งหมดถูกทำลาย ทำไมถึงเป็นได้แค่ เราแพ้สงครามครับ ข้าศึกไม่ได้จำเป็นต้องมาทั้งกองทัพ กำลังพลเพียงน้อยนิดเขาก็สามารถก่อวินาศกรรมได้แล้ว กองบิน 7 จะโดนก่อนแน่นอน Gripen อาจไม่ได้ขึ้นบินแม้แต่เครื่องเดียว นักบินแะครอบครัวนักบิน อาจถูกเก็บก่อนที่จะมากองบินเสียอีก
4.ในสถานการณ์ที่ไม่สามาถใช้สถานีภาคพื้น ก็ยังมีLink ผ่าน421-422 หรือ 911 เพื่อใช้งานJas-39ได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วถ้า 421 ซ่อมอยู่ที่สัตหีบ 422 โดนจม และ 911 โดยยิงแต่ไม่จม ระบบไม่สามารถใช้การได้ สถานีภาคพื้นโดนก่อวินาศกรรม
โรงไฟฟ้าโดนระเบิด ไฟฟ้าดับทั้งประเทศ ( คล้ายๆที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ เมื่อ 2 - 3 เดือนที่แล้ว เรือฟริเกตใหม่ของเราจะคุยกับ Jas-39 อย่างไรครับ ( ในกรณีที่ Jas-39 ยังเหลือที่จะพอบินขึ้นฟ้าได้ )
อันนี้หมายถึงเท่ากับเราแพ้แล้ว หากมีใครก่อวินาศกรรมในที่ๆมีการป้องกันแน่นหนาในกทม.ได้
ก็เท่ากับว่า เราแพ้แล้วนั่นแหละ เพราะระบบinfrastructure ไม่เหลือแน่ๆ อย่างที่ท่านว่า แม้แต่นักบินก็โดนเก็บ
ซึ่งเรื่องนี้ Link ทั้งหลายแหล่ ไม่ช่วยอะไร
สถานีภาคพื้นต่างๆก็ย่อมต้องมีการป้องกันในระดับหนึ่งรวมถึงไฟฟ้าสำรองอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องการวินาศกรรมนั้น หากเกิดแบบนั้นจริงๆ โดยส่วนตัวคิดว่า แม้แต่เรือก็ไม่ได้ออกจากท่าด้วยซ้ำ
Jas-39 ก็เป็นเครื่องบินเล็กๆ เรดาร์120กม. ข้อมูลจากErieyes ก็ต้องผ่านศูนย์ดาต้าลิงค์ของทอ.ก่อนจะส่งให้กริพเพนต่อไป
ถามว่า Jas-39 จะเหลือความได้เปรียบอะไรในการยุทธ เมื่อเทียบกับเครื่องบินที่เหนือกว่าของข้าศึก?
และหากเป็นอย่างที่ท่านว่า เรายกกองเรือ ที่ทันสมัยที่สุดของเราไป (อ่ะเอา3ลำ 911 422 เรือใหม่) จมไปซะ2 เรือลำเดียว (หากมีLinkE/G) กับJas เพียงหยิบมือ จะสร้างความได้เปรียบในสถานการณ์มาอย่างไร เมื่อเทียบกับไม่มีlink E/G .........
Link E/G และ9LV สร้างความได้เปรียบ ต่อเมื่อในสงครามตามแบบหรือวอร์เกมเท่านั้น หากเจอแบบนี้ ไม่ว่าจะมีlinkหรือไม่มี ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะ อย่าลืมว่า 9LV และLink E/G ทำให้เราต้องสละความสามารถทางด้านSensor และ ระบบอาวุธต่างๆไปมาก
ระหว่างอาวุธดีๆ ไว้ก่อน Linkอ้อมโลกหน่อย.........กับ มีLink เทพ แต่อาวุธถูกจำกัด
แล้วเกิดเหตุการณ์สมมติแบบนี้ ...........อันไหนจะรอดในสถานการณ์สงครามแบบนี้
โดยส่วนตัว ขออยู่เรืออาวุธดีๆไว้ก่อนดีกว่า ..........
อ่านมาหลายวัน สรุป ถ้า RFP ที่มีการระบุตราสัญลักษณ์ Thales = โครงการนี้เป็นโครงการที่ยอมรับได้ อุปกรณ์อย่างไหนยังใช้ไม่ได้ หรือพัฒนาไม่เสร็จไม่เป็นไร เรือฟริเกตใหม่ไม่จำเป็นต้องพร้อมรบ เอาไว้พัฒนาเสร็จ แล้วมีงบประมาณเมื่อไร ค่อยเอามาติดตั้งได้ เรือ 421, 422,911 และเรือใหม่ไม่จำเป็นต้องคุยกับ Gripen ก็ได้ มีสถานีหลัก สถานีรองภาคพื้นอยู่แล้ว หรือคุยผ่าย บก.สส.เลยได้
แต่ถ้าระบุ SAAB ใน RFP = โครงการนี้มันล็อกสเปก ยอมรับไมได้ ทำไมเครื่องบินกับเรือหลักต้องคุยกันได้โดยตรง ไปคุยผ่านสถานีภาคพื้นก็ได้ ทำไมต้อง SAAB มันก็คล้ายกับว่า ทำไมต้อง Thales หรือเพราะว่านายหน้าคนนั้น หรือ นักการเมืองคนนั้น ( เรื่องเป้าลวง )บอกว่า SAAB = ไม่ดี จะดีต้องใช้ตราอักษร Thales เท่านั้นครับ หรือว่าตราอักษร Thales มันดี เพราะมันมีใช้มากทั้งใน ทร. และต่างประเทศ ระบบอื่นมีใช้น้อย เป็นระบบที่ไม่ดี แล้วเราทราบได้อย่างไร ว่านายหน้า Thales ไม่ได้ไปผูกขาดกับกองทัพเรือประเทศนั้นๆครับ ทั้งๆที่ Thales มันก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าระบบอื่นๆในโลกนี้ เท่าใด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สมมติเล่นๆ หากลูกเรือจากเรือชุดรล.เจ้าพระยา2ลำ(ZKJ-3) รล.กระบุรี2ลำ(Poseidon3) รล.ปัตตานี2ลำ(COSYS) รล.กระบี่ (TACTICOS) รล.รัตนโกสินทร์2ลำ( STACOS SEWACO) ........ย้ายมาที่เรือใหม่ .........อย่างไรก็ต้องฝึกกันใหม่อยู่ดี
อย่ามองเพียงแค่ย้ายจาก 421/422 มาเรือใหม่อย่างเดียว........
====== ถูกต้องครับ เรือทุกลำ กำลังพลจะไปประจำการต้องฝึกหมดครับ กรณี 421, 422 เราก็ส่งไปฝึกล่วงหน้า ทั้งๆที่เรือยังปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ แม้แต่เรือชุดเดียวกัน อุปกรณ์บางอย่าง ยังใช้ตราอักษรไม่เหมือนกัน หรือตราเดียวกันแต่คนละรุ่น ก็ต้องเรียนรู้ครับ แต่ที่แปลกใจทำไม เราไม่หาว่า ZKJ-3, Poseidon3, COSYS, TACTICOS หรือ STACOS SEWACO คือการล็อกสเปกบ้างครับ
ถ้ามีการระบุตราสัญลักษณ์บน RFP ผมก็ถือว่าเป็นการล๊อคสเปกเหมือนกันหมดนั่นแหละครับ อย่าใช้ตรรกะส่วนตัวของตัวเองมาสรุปความคิดเห็นของคนอื่นสิครับ ถ้าเลือกใช้ CMS ของใครก็ตามแล้วมีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถติดตั้งและใช้งานระบบตรวจจับ/ระบบอาวุธที่เราต้องการได้ ถ้าเลี่ยงได้เราก็ไม่ควรเลือกใช้จริงไหมครับ
โดยความสัตย์จริง หาก SAAB สามารถบูรณาการให้ 9LV ใช้ระบบตรวจจับระบบนำวิถีและอาวุธได้ตามที่ทร.ควรจะต้องมีได้ ผมยิ่งจะยินดีปรีดามากๆ เพราะทร.จะมีครบสมบูรณ์พร้อมทั้งระบบตรวจจับระบบอาวุธชั้นดีและระบบ Data Link เทพ
จากสถานการณ์สมมติของท่าน ณ.เวลานั้น การที่เรือลำใหม่รอดจากการโจมตีแล้วมีระบบตรวจจับระบบอาวุธที่ครบสมบูรณืพร้อมในตัวเอง กับการที่เรือใหม่สามารถติดต่อสื่อสารกับ Gripen ด้วย Link G ได้แต่ไม่มีระบบอาวุธที่ดีพอ คุณคิดว่าแบบไหนจะมีประโยชน์มากกว่ากัน ยิ่งในเวลานั้นเรือใหม่ลำนี้ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับ F-16 MLU ได้ด้วย Link 16 ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่ Gripen มันจะไม่ดีกว่าเหรอครับ
เรื่องเป้าลวงนี่ก็เช่นกัน เมื่อครั้งมีข่าวการปรับเปลี่ยนระบบไปจาก TOR ที่ระบุไว้เป็น NGDS ให้มาเป็น SKWS นั้นผมก็ตั้งข้อสงสัยอยู่ แต่มีหลายท่านให้ข้อมูลยืนยันว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค ผมก็โอเคนะครับ เพียงแค่ทิ้งท้ายไว้ว่าจะต้องรอดูโครงการเรือฟริเกตลำใหม่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งก็ยังรอความชัดเจนอยู่ เพียงแต่ภาพ CG ที่เห็นนั้นพอจะเดาได้ครับ เพราะไม่มีลักษณะแท่นยิงของ NGDS ปรากฎอยู่เลย แต่มีลักษณะคล้ายแท่นยิง SKWS อยู่ ทีนี้คงต้องรอคำอธิบายครับว่าทำไมอย่างไร
เราจะมีโอกาศได้รบกัยขนาดมาทิ้งระเบิดถึงกทมเลยเหรอครับ สถานะการณร์ที่จะเกิดมากที่สุดคือสงครามจำกัดเขต โอกาศที่จะมาทิ้งระเบิดกันคงยาก จมเรือล่ะไม่แน่อีกอย่างถ้าจะรบขนาดนั้นนอกจากพม่าแล้วผมมองไม่เห็นใครจะรบใหญ่กับเราได้ (เวียดนามไม่ติดเราไม่จะทะเลาะกันเรื่องอะไร). ส่วนมาเล. หากรบกันขนาดทิ้งระเบิดกทม ทางบกคงต้องรบด้วย แล้วทบมาเลเล็กกว่าเราเยอะครับ ดังนั้้นโอกาศที่โดนถล่มสถานีต่างๆทั่วประเทศคงยาก การที่จะบอกว่าเรือใหม่ต้องใช้linke/gเท่านั้นด้วยเหตุผลนี้คงฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่
โธ่การย้ายกำลังพลจาก 421 422 มาเรือใหม่ ขนาดทางเดินในเรือกับห้องน้ำห้องท่ายังไม่เหมือนกันเลย การฝึกใหม่มันจำเป็นอยู่แล้วคับ
ส่วนการล็อกสเปคเนี้ยถ้ามันเขียนให้ได้ของดีกว่ามันก็เป็นเจตนารักษาผลประโยชน์ทางราชการ แต่ถ้าล็อก 14,000 ล้านโดยใช้ Link พิการราคาสิบยี่สิบล้านเนี้ย มันปวดตับ เรื่องนี้มองยังไงก็เห็นแต่ความวุ่นวายและค่าใช้จ่ายซับซ้อนแถมเอื้อประโยชน์อย่างชัดเจน นี้ยังไม่รวมเรื่องเรดาห์ลึกลับหลังสะพานเรือกับโซนาร์ลากท้ายรุ่นใหม่ของโลกตามข่าวที่ออกมาอีก
อ่านมาหลายวัน สรุป ถ้า RFP ที่มีการระบุตราสัญลักษณ์ Thales = โครงการนี้เป็นโครงการที่ยอมรับได้ อุปกรณ์อย่างไหนยังใช้ไม่ได้ หรือพัฒนาไม่เสร็จไม่เป็นไร เรือฟริเกตใหม่ไม่จำเป็นต้องพร้อมรบ เอาไว้พัฒนาเสร็จ แล้วมีงบประมาณเมื่อไร ค่อยเอามาติดตั้งได้ เรือ 421, 422,911 และเรือใหม่ไม่จำเป็นต้องคุยกับ Gripen ก็ได้ มีสถานีหลัก สถานีรองภาคพื้นอยู่แล้ว หรือคุยผ่าย บก.สส.เลยได้
แต่ถ้าระบุ SAAB ใน RFP = โครงการนี้มันล็อกสเปก ยอมรับไมได้ ทำไมเครื่องบินกับเรือหลักต้องคุยกันได้โดยตรง ไปคุยผ่านสถานีภาคพื้นก็ได้ ทำไมต้อง SAAB มันก็คล้ายกับว่า ทำไมต้อง Thales หรือเพราะว่านายหน้าคนนั้น หรือ นักการเมืองคนนั้น ( เรื่องเป้าลวง )บอกว่า SAAB = ไม่ดี จะดีต้องใช้ตราอักษร Thales เท่านั้นครับ หรือว่าตราอักษร Thales มันดี เพราะมันมีใช้มากทั้งใน ทร. และต่างประเทศ ระบบอื่นมีใช้น้อย เป็นระบบที่ไม่ดี แล้วเราทราบได้อย่างไร ว่านายหน้า Thales ไม่ได้ไปผูกขาดกับกองทัพเรือประเทศนั้นๆครับ ทั้งๆที่ Thales มันก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าระบบอื่นๆในโลกนี้ เท่าใด
แหม่ คำถามเชิงประชดแบบนี้ ไม่อยากจะตอบจริงๆ
เอาอย่างนี้
หากไม่เอาLink E/G ถามว่า จะมีกี่เจ้าที่สามารถเข้ามาเสนอได้เอ่ย?
ทั้งThales Selex Atlas ก็มีระบบCMS ที่ใช้กันหลายประเทศในโลกเหมือนกัน
อ่ะ ไม่เอาThales ก็เป็นSelex ซึ่งมีIPN-S/NECSYS ใช้บนเรือFREMM Horizon Type45 Baynunah Falaj Laksanamana
Atlas ก็มี ANCS จะใช้บนF125 ระบบเก่าๆอย่างบนเรือF123
Thales นั้น มีใช้เยอะกว่าใครเค้าเพื่อน จึงมาเป็นbenchmark ให้เห็นภาพ
ถามว่า ใครกันแน่ที่ผูกขาด ?
ถามในทางกลับกัน
ถ้าไม่ระบุSAABในRFP เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ? การคุยกับJas-39 และErieyes หากทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาเสนอ ? อาวุธที่เชื่อมต่อได้ จำกัดแค่ไหน ไม่เป็นไรยอมจ่ายเพราะจะคุยกับJas-39ให้ได้ ? มีLinkคุยกับJas 39แล้ว จะ+ความสามารถให้เรือ 1000%?
ถ้าจะพูดแบบนี้บ้าง ท่านคงว่าเราประชด
หากเป็นอย่างนั้น อย่าพูดเสียตั้งแต่ตอนแรกเลยดีกว่าด้วยความเคารพ มันไม่สร้างสรรค์ .........เราคุยกันดีๆทางด้านเทคนิค
คนนึงตั้งธงไว้ว่า 9LV ไม่มีปัญหาอะไร มีLink ไว้ ดีกว่าไม่มี
อีกฝ่ายเห็นตรงข้ามกัน
เอาข้อมูลมาคุยกัน
สร้างสรรค์กว่าเยอะ
ด้วยความเคารพจริงๆ
จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า แล้ว ฮ.ประจำเรืออย่าง S-70B หรือ ไม่แน่เรือใหม่อาจได้ MH-60R มาด้วย (ฝันหวานอีกแล้ว 555) จะต้องได้รับการติดตั้ง Data Link ด้วยใช่ไหมครับ แล้วจะใช้ Link อะไรกันอีกล่ะ...??? ชักเยอะ เลอะเทอะ เละเทะ ไปกันใหญ่แล้วงานนี้
คุยเรื่องlinkแล้วปวดหัวแอบไปกวนโมโหท่านนีโอเล่นดีกว่า หวังจะได้มิลาสอีกแล้วนะครับผมว่าเราหวังรุ่นบินไม่ได้อย่างMU-90กันก่อนดีกว่าไหม (ยังไงเรือลำนี้ต้องติดตอร์ปิโดเบาแน่ๆหละฟระ) นางสะเด็ดยาดมากๆแต่ค่าตัวก็แพงโหดตามไปด้วย harpoondatabases.comบอกว่าลูกหละ3ล้านเนหรียญขณะที่bluesharkของเกาหลีใต้ลูกหละ9แสนเหรียญเอง
ส่วนCMSประจำเรือถ้าผิดไปจาก9LV ผมเชียร์Terma C-Flexแล้วกัน เผื่อเขาจะแถมdecoyตัวดังมาให้ตรงตามมาตราฐานทร.อีกต่างหาก นั่งมองภาพเรือมาหลายวันแล้วยังหาทางให้เธอยิงSM-2ไม่ได้เสียที เจ๊วาสมีภาพอื่นเพิ่มเติมไหมครับผมอยากได้ใจจะขาดแล้วเนี่ย
แล้วดูC-link ของเขาสิ อุตส่าห์มีT-linkเป็นไส้อ่อนติดไปกับเขาด้วย ( ไม่ใช่ T-link ที่เป็น nation link ของเรานะครับ แอบภูมิใจเล็กๆเวลาอ่านข่าวที่ต่างชาติเขียนแล้วมีคำนี้โผล่ขึ้นมา) เจ้านี้เล่นติดTDLตั้งแต่เรือยางไปจนถึงดาวเทียมเลยนะครับไม่รู้ว่าแพงมากแค่ไหนหนะสิ
แม้แต่ MILAS ก็ไม่ชัวร์ว่าจะรองรับการใช้งานได้ซะอีก แถมที่เจ็บปวด Thales กลับเป็นฝ่ายรองรับมันซะอีก .......................................5555555..........................7777777..................gvbUd..... เอิ๊กกๆๆๆๆๆๆใใใใใใใใใ..............ผมสติแตกไปแล้วครับท่าน superboy .......... ฮื่อออออ.........แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ.........ขอไปทานยาระงับประสาทก่อนนะครับ
เห็นแค่ภาพแว๊บๆนึกว่าท่านเซ็นสัญญาซื้อเรือฟริเกตNGFจากสิงค์โปร์แล้วเสียอีก ขอยืมaster15เขามาแกะเล่นซักลูกได้ไหมครับ
http://www.asianmilitaryreview.com/royal-thai-navy-chief-receives-prestigious-military-award/
Thailand Navy Chief receives prestigious military award
Posted on 02 August 2013
The Commander-in-Chief of the Royal Thai Navy (RTN), Admiral (ADM) Surasak Rounroengrom, was conferred Singapore’s prestigious military award, the Pingat Jasa Gemilang (Tentera) [or the Meritorious Service Medal (Military)] by Minister for Defence Dr Ng Eng Hen at the Ministry of Defence this morning.
ADM Surasak was conferred the award in recognition of his significant contributions to enhancing the close cooperation and long-standing friendship between the Republic of Singapore Navy (RSN) and the RTN. Under his leadership, bilateral defence ties between the two navies have grown from strength to strength. The RSN and the RTN interact regularly through a wide spectrum of activities, including bilateral and multilateral exercises, port calls, professional exchanges, and the cross-attendance of courses. ADM Surasak has enhanced the cooperation between the RSN and the RTN on regional maritime security through the RTN’s participation in the Malacca Strait Patrols and the attachment of RTN liaison officers to the Changi Command and Control Centre at Changi Naval Base. ADM Surasak has also supported the attachment of RTN officers to the Singapore Armed Forces’ Combined Task Force 151 deployments in the Gulf of Aden, where both navies cooperated in counter-piracy operations.
ถ้าผมจะเปรียบเทียบว่า Thales => iPhone และ SAAB => Black Berry จะพอได้ไหมครับ BB คุยกับเองเฉพาะในกลุ่มได้ เลยขายดิบขายดีอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็สู้ iPhone ไม่ได้ทั้งจำนวนและแอพลิเคชั่น และในที่สุดเมื่อมี WhatsApp กับ Line บน iPhone ผลก็คือ BB แทบจะไม่เหลือที่ยืนในปัจจุบัน แม้ BB พยายามปรับตัวตามกระแสแต่ข้อจำกัดเรื่องแอพลิเคชั่นที่น้อยกว่ากันอย่างมากมาย จุดเด่นเรื่องการแชทได้สะดวกง่ายดาย และเฉพาะกลุ่มก็กลายเป็นของที่ใครๆก็มี แถมทำได้ดีกว่า ถ้าให้เลือกคุณจะเลือก iPhone หรือ BB กันล่ะครับ
ผมว่าเสียงสมาชิกของเวป TFC และเพื่อนบ้าน TAF นี้น่าจะผ่านไปถึงหูผู้ใหญ่ในเหล่าทัพต่างๆและคนในรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่มากก็น้อยนะครับ และก็แม้แต่สื่อมวลชนเองยังเคยเอาบทความ ตาราง แผนภาพ รูป ของเพื่อนสมาชิกไปลงในบทวิพากวิจารณ์กันบ่อยๆ ป๋าจูล นี่โดนก๊อปตารางทั้งดุ้นไปลงเลย ท่าน Skyman ก็เคยถูกเอาไปอ้างถึงในหนังสือพิมพ์ในคนวงการเมืองด้วยซ้ำครับ รูปของท่าน skyman นี่โดนก๊อปบ๋อยบ่อยทีเดียว
และด้วยเหตุที่มีสื่อมวลชนคอยติดตามการแสดงความคิดเห็นและข้อมูลจาก TFC TAF ผมว่าทำให้ทางผู้ใหญ่ทั้งกองทัพ รัฐบาล ฝ่ายค้าน เหมือนจะเอาที่นี่ไปเป็นเครื่องหยั่ง (probe) ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องยุทโธปกรณ์กลายๆอยู่ เพราะหลายแนวทางที่กองทัพเลือกทำ เช่น พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ดูเหมือนจะรับฟังแนวคิดจากสมาชิกในเวป TFC TAF ไปกลั่นกรองตรึงตรองดูบ้าง
การแสดงความคิดเห็นกันในเรื่องนี้ของสมาชิกทั้ง TFC TAF ไม่ได้มีความคิดทางการเมืองเข้ามาเจือปนอะไรมาก แต่ออกจะเป็นแนวของการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการ จากกลุ่มคนที่มีความสนใจเป็นการส่วนตัวอย่างมากครับ และพวกเราก็ไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์อันใด เพียงแต่ต้องการให้ประเทศไทยได้ในสิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องยุทโธปกรณ์และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศครับ
จริงๆแล้วต้องบอกว่า เวป TFC TAF ตอนนี้กลายเป็นที่ระดมความคิดเห็นจากผู้สนใจ ผู้มีความรู้ นักวิชาการ สาระพัดอาชีพผ่านโครงข่าย Social network มากกว่าครับ ซึ่งจะได้มุมมองรอบด้านและรอบคอบขึ้นครับ
จริง ..........แต่มันสนุกดีนะ ไม่เครียดอะไรเลย ได้หาข้อมูลมาถกกัน สนุกดีออก
ส่วนเรื่องจะเปลี่ยนได้ไม่ได้ ไม่สำคัญ เพราะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในวิสัยที่คนธรรมดาจะเข้าไปยุ่งได้
แต่เชื่อว่าบอร์ดนี้และบอร์ดเพื่อนบ้าน มีคนของแหล่าทัพมาดูไม่น้อย อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ประชาชนน่ะ ไม่โง่นะเฮ้ย!
เรื่องลิงค์ยาวเกินไปแล้ว
เอาเป็นว่า ช่วยดูๆกันหน่อย ตกลงปืนหัวเรือนี่มัน76 หรือ 5นิ้วกันแน่?
ปืนหัวเรือภาพมันขาดหนะครับกระบอกดำๆลอยอยู่บนอากาศเฉยจ้อย อันที่จริงขนาดใหญ่กว่าฟาลังซ์ไม่มากและความสุงของมันควรจะเป็น76/62นะ แต่ภาพ3มิติมันไม่สมส่วนเอาเสียเลยผมก็ไม่กล้ายืนยัน ต้องรอภาพชุดใหม่อีกทีซึ่งก็คงหลังจากเซ็นสัญญาโน่นหละมั้งครับ
เรื่องกระทู้ผมว่าไม่ได้รุนแรงนะครับรสชาติเหมือนส้มตำใส่พริก3เม็ด แต่มันเป็นกระทู้ที่ยาวมากๆกลัวว่าจะหมดมุขกันเสียก่อน ฉะนั้นช่วยมาคุยกันเยอะๆจะดีกว่าครับไปมันเรื่อยๆจนกว่าจะได้เรือจริงๆ ช่วงนี้ท่านfatboyก็ออกมาให้ข้อมูลไม่ได้เดี่ยวจะจิ้นกันต่อไม่ถูก
- สังเกตตรงฟาลังด้านหน้าเป็น VLS ซึ่งมันอยู่ติดกับฟาลังมากเกินไปจนความร้อนจากตรวดอาจส่งผลต่อฟาลังซึ่งก็ไม่เคยเห็นลำไหนเอามาไว้ไกล้กับขนาดนี้
- ถ้าเปลี่ยนสลับที่ระหว่าง VLS กับฟาลังมันจะดูดีกว่าเเล้วอาจจะมี VLS ได้อย่างน้อย 2ระบบ เพราะสังเกตดูที่กว้างมาก
- การใช้ระบบ Linkต่างๆ 9LVของSAAB ที่เป็นระบบรวมการสามารถรับข้อมูลจาก Linkเเบบอื่นได้กี่เเบบ เพราะในอนาคตเมื่อระบบลองค์ของเราเสร็จก็จะต้องเอามาเชื่อมต่อกับ 9LV ถ้ามันรองรับลิงค์อื่นๆก็เเค่เอามาติดเเล้วเชื่อมต่อได้เลยเช่นLink 16 เเต่ถ้าเชื่อมได้เเต่ E กับ G นี่เเย่เเน่เพราะที่เราบอกจะไม่ผูกขาดกับUs.เเต่ดันมาผูกขาดกับ SAAB เเทน
- เรื่องบอกว่าเป็นเรือ ASW เเล้วอาวุธปราบเรือดำน้ำอยู่ไหน จำเรื่องเรือดำน้ำจีนเเอบดูการซ้อมรบของอเมริกาได้หรือไม่คราวนั้นอยู่ในระยะเปอริสโคปเลยพออเมริกาส่งเรือออกกับเครื่องบินขึ้นเรือดำน้ำก็เผ่นเเล้ว เเต่ถ้าตอนนั้นปล่อยเเอ๊ดร๊อคไปรับรองมีลุ้น อย่าหวังเเต่พึ่ง ฮ.อย่างเดียว จำเป็นต้องมีอาวุธอย่างอื่นที่ปราบเรือดำน้ำได้ในกรณีที่ตอปิโดใช้ไม่ได้ผลเห็นของSAAB ก็มีคล้ายๆกับRBUเเต่ไม่รู้เรียกอะไร
- เรื่องบอกว่ารบได้ 3มิตินี่ งงเพราะลำพังเเค่ฟาลังนี่ก็เพียงการป้องกันตัวเท่านั้นถ้าเป็น RAM พอกล้อมเเกล้มไปได้หรือที่เลือกSAABเพราะหวัง IRIS-Tรุ่นใหม่หว่า
- รูปในเฟสเจ๊วาสนี่เเหละสำคัญเลย ไม่รู่เเกไปเอามาจากไหนเพราะว่ามันยังอยู่ในขั้นตอนต่างๆยังไม่มีการประกาศเเบบตัวเรือเป็นทางการเเน่นอน ซึ่งเอกสารพวกนี้มันอยู่ในชั้นความลับ มีเเต่คนระดับสูงเเละกรรมการที่ได้ดูไม่รู้เเกเอามาได้ยังไงเเต่ถ้ารูปที่เจ๊เเกเอามาให้ดูเป็นของจริงเเน่นอนว่านั่นคือ เเบบเรือจริงที่ใช้พรีเซนต์กับกองทัพเรือเเน่นอน อยากให้เจ๊เเกออกมายืนยันจังว่านี้เเบบเรือของจริง...
อย่างนี้ดีเลยครับ การมีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ การถกกันทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจในประเด็นที่ถกกันชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมือนการแลกเปลี่ยนมุมมองกัน จะเปลี่ยนภาพจากสองมิติ (มองจากมุมเราอย่างเดียว) ให้เป็นภาพสามมิติ (มองจากทั้งมุมเราและมุมเขา) และผู้ที่ยอมรับเหตุผลของผู้อื่นได้มากขึ้น มักจะเป็นคนที่กล้าหาญและฉลาดขึ้นด้วยเสมอ แต่ตอนทำนั้นไม่ง่ายครับ ต้องฝึกฝน :D
ส่วนเรื่อง บริษัทที่ท่าน TWG ว่านั้น เราก็ต้องช่วยกันจับตาดู เพราะว่าประวัติน่าสนใจมากครับ :D ได้ความรู้มากจากหลายๆท่าน โดยเฉพาะ ท่าน Juldas และ ท่าน Icy มันมากครับ :D
เรื่องปืนหลักหัวเรือนั้น ผมเห็นเหมือนท่าน Superboy เป๊ะเลย หากดูจากรูปและประเมินจากขนาดก็น่าจะเป็น OTO 76/62 ในป้อม Stealth และยังตรงตามข้อกำหนดที่เคยเป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้ แต่หากเป็นเจตนาในการอำพรางของผู้ที่ทำภาพ CG อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะครับ
แต่...ถ้าเป็นตามที่คิด ก็น่าสงสัยต่อว่าทำไมเอา Phalanx ไปตั้งไว้ตรงนั้น เพราะแค่ใช้ปืนรุ่น SR (Super Rapid Fire) ก็สามารถใช้เปผ็น CIWS ได้ แถมระยะยิงไกลกว่าเกือบเท่าตัว...??? หากยังอยากจะมี CIWS แท้ๆ ก็ควรเอาไปไว้ด้านท้าย แล้วก็ไม่ต้องมี DS-30 ก็ได้อีก แค่เพิ่มเป็น block Ia ก็พอ หรือถ้าจะยอม...ใจผมอยากให้ใช้ Millennium Gun 35 mm. ของ Oerlikon ไปเลยครับ รับรองแจ่ม !!!
ส่วนเรื่องขีดความสามารถในการรบ 3 มิตินั้น ในการป้องกันภัยทางอากาศของเรือลำนี้ ก็คือ ESSM เหมือนกับรล.นเรศวรไงครับ จัดเต็มได้ตั้ง 32 ลูก ระยะยิงก็ราว 50 กม. ไม่จำเป็นต้องเอา Iris-T SL มาหรอกครับ (แต่ก็น่าสนใจตรงที่มันเป็น INS + IR seeker หรือ Active Radar Homing ยิงแล้วลืม)
ระบบ ASW จำพวกระเบิดน้ำลึกหรือ RBU ทั้งหลาย มันเป็นอาวุธระยะใกล้ที่มีระยะสั้นมากๆ ครับ ที่เราสนใจคือหากจะป้องกันภัยจากเรือดำน้ำ เราน่าจะมีอาวุธที่ต่อตีเรือดำน้ำได้จากระยะไกล อย่างเช่น ASROC เพราะหากจะใช้ฮ.มันก็จะมีข้อจำกัดเรื่องสภาพอากาศครับ
สุดท้าย เรื่องบ.นายหน้า ก็เพราะประเด็นเรื่อง GT-200 นี่แหละที่ทำให้เกิดความกังวล และถ้าท่านติดตามอ่านกระทู้เกี่ยวกับเรือฟริเกตลำใหม่นี้มาพอสมควร ยิ่งถ้าได้อ่านจากทั้ง 2 บอร์ด (ในนี้กับใน TAF เวบเพื่อนบ้าน) แล้วล่ะก็จะพอเข้าใจที่มาที่ไปครับ หลายท่านอาจมองว่าเป็นเพียงการกล่าวหาลอยๆ แต่ถ้ามองโลกจากความเป็นจริงและได้เคยติดต่อสัมผัสกับงานประมูลของหน่วยงานรัฐแล้วล่ะก็ท่านจะเข้าใจ และเชื่อเหมือนกับที่ผมเชื่อครับ ประเด็นที่ผมสงสัยคือ ทำไมเมื่อทร.ปยกส่วนงานเป็น ต่อตัวเรือ กับ ติดตั้งบูรณาการระบบ โดยยึดระบบมาก่อนแบบตัวเรือ ก็ควรเปิดให้มีการเสนอการประมูลงานระบบก่อน แต่จากข่าวที่ได้มากลับไม่มีการดำเนินการในส่วนนี้ โดยเหตุผลว่าจำเป็นต้องเลือกใช้ระบบที่สามารถทำงานร่วมกับเรืออีก 3 ลำ (รล.จักรีฯ รล.นเรศวร/ตากสิน) และทอ.ได้ ถึงตรงนี้ก็สงสัยต่อว่าแล้วระบบของเจ้าอื่นมันไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลยจริงหรือ...??? จากเรื่องราวที่รวบรวมได้สรุปว่าหาก SAAB ไม่ยอมปล่อยรหัสให้ก็ไม่สามารถทำได้ !!! แค่นี้พอที่จะสรุปได้ไหมว่ามันคือวิธีการที่ทำให้ทร.ติดกับ เพื่อที่จะผูกขาดกันยาวๆ ตราบใดที่เรายังยึดติดกับระบบ Data Link ที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของจริงๆ และทาง SAAB ไม่ยอมปล่อยรหัสเพื่อเชื่อมต่อให้
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ ระบบที่ว่า (9LV) มันมีข้อจำกัดในการเชื่ิมต่อกับระบบตรวจจับและระบบอาวุธมากเกินไป แต่หาก SAAB ต้องการขยายตลาดจริงจัง ก็ยังพอมีหวังในอนาคต (เหมือนเอาตัวเองไปเสี่ยง ไปแขวนไว้กับอนาคตของคนอื่น) อาจจะใช้ทร.ไทยเป็นบันไดก้าวแรกๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายก็ได้ครับ ตรงนี้อาจมีส่วนทำให้ระยะเวลาของโครงการยาวนานถึง 5 ปี ทั้งๆที่เรือขนาดแค่ 3 พันกว่าตันนี่ อู่ต่อเรือใหญ่ระดับโลกอย่าง DSME ไม่น่าใช้เวลาเกิน 3 ปีหรือน้อยกว่าด้วยซ้ำไป
ปล.ท่าน Superboy พอจะว่างทำรูปไหมครับ ช่วยเอา Phalanx กับ DS-30 และ EOS 500 ออกไป แล้วเอา Millenium Gun ไปติดไว้บนหลังคาโรงเก็บฮ.แทน เพิ่ม Mk.41 เป็น 3 ชุด 24 ท่อด้วยนะครับ รับรอง...แจ่ม !!! 555555+
ถ้าดูจากรูปกราฟฟิคแล้วด้านท้ายปืนเรือผมว่าเป็นMK45 mod4นะครับ
วันนี้เงียบไปซะงั้นผมเอาภาพปืนเรือมาให้เทียบแล้วกัน ภาพที่1คือ127/54 LightWeightที่ยิงกระสุน(หรือจรวด)VULCANOได้ไกล120กม.เหมาะสำหรับถล่มชายฝั่งเป็นอย่างดีติดบนเรือขนาด6000ตัน ภาพที่2คือ76/62 Stealth ที่มีกราบเรือหุ้มไว้ส่วนหนึ่งแบบเรือเราเป๊ะๆติดบนเรือขนาด3200ตัน ภาพสุดท้าย MK45 mod4จะมีลำกล้องปืนสีเดียวกับป้อมไม่ใช่ดำมะเมื่อมแบบในภาพ แต่ขนาดของ2ใกล้เคียงกับ3นะครับเพราะ2สามารถใส่เรดาร์เรดาร์เข้าไปได้เลยมีป้อมที่ใหญขึ้นกว่ารุ่นSRเฉยๆพอตัว
ภาพวาดเรือนี่อีกซักพักแล้วกันนะครับท่านTWGเราค่อยมาจิ้นกันใหม่ ภาพชุดล่าสุดของเรือเป็นการนำอุปกรณ์ตามRFPมาติดเพื่อนำเสนอทร.เฉยๆ ตัวจริงออกมารับรองไม่ตรงเป๊ะๆแบบนี้แน่ๆ อาจเปลี่ยนแปลงบางอย่างไปจนถึงเปลี่ยนหลายอย่างด้วย เรายังพอมีหวังนะครับ เรือฟริเกตของอินโดโมเดลเรือในตอนแรกมีฟาลังซ์เหนือโรงเก็บส่วนด้านหน้าติด Bofors ASW Rocket launcher SR375A หน้าหอบังคับการ แต่ภาพของจริงกลายเป็นติดมิลเลเนี่ยมกันเข้าไปแทนและฟาลังซ์ด้านท้ายก็กลายเป็นอุปกรณ์ควบคุมเฮลิคอปเตอร์ไปเสียแล้ว เรือFFX-I ภาพดมเดลสุดท้ายติดโกลค์คีปเปอรืแต่เรือจริงติดฟาลังซ์เฉยๆ พยายามนำเสนอข้อมูลเยอะๆสิ่งที่เราต้องการอาจจะเข้าหูทร.เข้าซักวัน คนเราต้องมีหวังกันบ้างครับตราบใดที่ยังไม่ชูเสื้อผมยังไม่ยอมแพ้(ไม่ใช่นักฟุตบอลนะเฟ้ย)
เทียบเรือเรากับเรือสิงค์โปร์ภาพบน formidableยกกราบเรือด้านหน้าจนท่วมปืนแล้วหอบังคับการเรือเขาสุงนิดเดียว แต่เรือของเราดันสุงเป็นปิระมิดไปเลยมากกว่าเขาถึง2ชั้น(เปลืองเงินสร้างนะเนี่ย) คือถ้าเรือไม่ถูกตีกราบให้สุงท่วมปืนหน้าและท่อVLSผมก็เชื่อว่าเป็นแบบนี้ได้นะ ขนาดเรือFREMMยังสุงไม่เท่าฉะนั้นผมว่าของจริงไม่น่าสุงเท่านี้หรอก จะว่าไปฟาลังซ์ก็มีสิทธิโดนย้ายกลับไปอยู่ที่ชอบๆได้ถ้าทร.ตัดสินใจและพวกเรากระตุ้นกันเยอะ ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาแค่ได้รับอนุมัติเฉยๆเรือจริงยังคงเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน เราจะได้มีจุดติดตั้งVLSกันสบายๆยังไงหละครับ
TRS-4D naval radar เทียบกับ Sea Giraffe AMB นี่อันไหนประสิทธิภาพสูงกว่ากันครับ
ไม่รู้ว่ากองทัพเรือใช้รุ่นนี้หรือป่าว ถ้าไปรุ่นนี้ผมเห็นมันก็ยิงจรวดได้มากกว่า3ลูกนี้ครับ ที่เห็นๆยิงพร้อมกันได้ถึง 4 ลูก แต่มันเป็นเรด้า เรือคอร์แวตตชั้น Visby ถ้าเป็นของเรือฟริเกตใหม่ไทยผมว่าต้อง ใหม่และดีกว่านี้แน่ๆ อีกอย่างที่เราไปชื้อระบบ Saab ในอนาคตเราอาจจะได้
เรือดำน้ำมือ 2 ทั้ง A17และ A19t มาใช้ฝึกในอนาคตก็ได้เพราะสวิเดนมีแผนจะประจำการ A26 ดังนั้นเราอาจมองการไกล คือไปชื้อเอา A17 ปรับปรุงระบบเป็น API มาฝึกก่อนแล้วพอมีตั้งค่อยตามด้วย A26 ยิ่งถ้าไทยจะชื้อ เรือคอร์แวตตทดแทนของเก่า เรือชั้น Visby ก็อาจจะเข้ามาประจำการใน ทร เราก็ได้ SAAB อาจจะมองการไกลตรงนี้ก็ได้ครับ จึงหน้าจะยอมลงทุนพัฒนาระบบให้ตามความต้ิองการของเราในราคาถูกหรืออาจจะฟรีก็ได้ครับ
ยกมาทั้งระบบเลย ถ้าคิดว่าหนี SAAB ไม่ได้แล้วก็สนับสนุนให้มันดีเยี่ยมไปเลยโดยอาจจะขอถือหุ่นด้วยร่วมไปถึง เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยีของ SAAB มาในการผลิตแล้วเปลี่ยนเป็นยี่ห่อไทยเลยขายแข่งกับจีนญี่ปุ่น ในราคาถูกสวานของ Sabb ก็ขายในราคาปกติไม่ต้องลดราคาขายแข่งกับสินค้าอื่นให้เสียยี่ห่อ คล้ายๆ HP กับ Compaq
ในวิดีโอนั้นเป็นภาพโชว์เฉยๆ และในความเป็นจริง ชั้นVisby ยังไม่ได้ติดSAM ด้วยซ้ำ ........
ส่วนเรื่องเรดาร์Giraffeนั้น เป็นเพียงเรดาร์ตรวจจับ ไม่ได้ใช้ในการนำำวิถีSAMแต่อย่างใด
แนะนำให้หาอ่านเพิ่มเติมเรื่อง Seach Radar กับ Fire Control Radar รวมถึง Missile Guidance แล้วจะเข้าใจมากขึ้น
ผมจึงคาดว่า ทางกองทัพเรือกับ SAAB หน้าจะมีการตกลงอะไรกันหรือป่าวที่เป็นความลับ เช่น Saab อาจจะมีระบบควบคุมและรองรับ SM-2 ,ESSM อยู่แล้วและทางกองทัพเรือไม่ได้เปิดเผยก็ได้ครับเพราะเป็นความลับทางทหารอย่างที่ ทร กล่าวไว้ หรืออาจจะพัฒนาต่อยอดจากระบบที่อัพเกดเรือชั้นนเรศวรให้เราได้สำเร็จแล้วเพราะมองการไกลถึงเรื่องนี้ อย่างที่บอกไปตอนต้น Saab กะจะกินยาวเลย อาจจะเสนอเรือดำน้ำชั้น A17 มาภายหลังอีกเพือเป็นเรือฝึก เพราะเห็นว่า ทร อยากได้เรือดำน้ำมากแบบไหนก็ไม่สนใจแล้วต้องนี้ขอให้ได้มา จนต้องพ่วงต่อมาด้วย A26 เพราะเหตุผลเดิมคือการเข้ากันได้ของระบบและความชำนานในการใช้และซ่อม ในอนาคตอาจขาย เรือชั้น Visby ให้ไทยได้อีก รวมไปถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมด
Saab จึงเห็นว่าควรลงทุนแบบ JAS-39 C/D จะได้หากินกับกองทัพไทยได้ทั้งกระดานหรือทุกเหล่าทัพเลยอะครับ ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้เป็น CV9040 ทบ และทร แล้วรามไปถึง กริพเพนNG เครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ของ Saab ก็ได้
และที่ทุกคนไม่ชอบ Saab เพราะมันยิง SM-2 ไม่ได้แค่นั้นเอง ผมคิดว่าถึงเราจะยิงได้จริงๆเราก็ไม่มีเงินซื้อ ถึงเราเรามีเงินอเมริกามันก็ ......... มันจึงมีผลไม่มากกับการรบว่าเราจะแพ้หรือไม่แพ้ ก่อนเรายังไม่อัพเรือ ชั้น นเรศวร เรามีแต่ ปตอ ยั้งไม่กลัว Su30 ของมาเลเลยตอนนี้เรามี ESSM แล้วยิ่งมั้นใจในระดับหนึ่ง คนที่ต้องกรี๊ดอะต้องมาเล เขมร อะครับผมว่า เพราะระบบเขายังไปไม่ถึงไหนเลย ต้องใช้เงินและเวลาในการพัฒนาอีกมากอีกมาก
สุดท้ายการเล่นฟุตบอลมันจะชนะได้มันต้องอาศัยการเล่นเป็นทีม เป็นหนึ่งเดี๋ยวกันครับ ถ้ามีแต่คนเก่งแต่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกันก็เท่านั้น เหมือนทีมชาติไหนเอ๋ย
ปล ที่ผมไม่ชอบคือมันเป็นเรือเกาหลี อีกอย่างเกาหลีเห็นแก่ตัวดูถูกเรา อีกอย่างเราช่วยรบในสงครามเกาหลีแท้ๆได้แค่คำขอบคุณ แล้วกับไปช่วยกัมพูชา ทั้งอาวุธและผู้ให้คำเนาะนำปรึกษาทางการทหาร ถ้าเป็นเรือสเปนอะคงจะดีหน้าดูเสียดาย
ผมจึงคาดว่า ทางกองทัพเรือกับ SAAB หน้าจะมีการตกลงอะไรกันหรือป่าวที่เป็นความลับ เช่น Saab อาจจะมีระบบควบคุมและรองรับ SM-2 ,ESSM อยู่แล้วและทางกองทัพเรือไม่ได้เปิดเผยก็ได้ครับเพราะเป็นความลับทางทหารอย่างที่ ทร กล่าวไว้ หรืออาจจะพัฒนาต่อยอดจากระบบที่อัพเกดเรือชั้นนเรศวรให้เราได้สำเร็จแล้วเพราะมองการไกลถึงเรื่องนี้ อย่างที่บอกไปตอนต้น Saab กะจะกินยาวเลย อาจจะเสนอเรือดำน้ำชั้น A17 มาภายหลังอีกเพือเป็นเรือฝึก เพราะเห็นว่า ทร อยากได้เรือดำน้ำมากแบบไหนก็ไม่สนใจแล้วต้องนี้ขอให้ได้มา จนต้องพ่วงต่อมาด้วย A26 เพราะเหตุผลเดิมคือการเข้ากันได้ของระบบและความชำนานในการใช้และซ่อม ในอนาคตอาจขาย เรือชั้น Visby ให้ไทยได้อีก รวมไปถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศทั้งหมด
............1.ปัญหามันอยู่ที่Hardware เช่นceros 200 ไม่รองรับการใช้งานSM-2
2.ถ้ากองทัพเรือ จะเอาระบบSAAB มากขนาดนั้น ยกประเทศให้ไปเลยด้วยไหม?
3.ทั้งหมดคือการคาดการณ์ของคุณdw5000 เอง .........ซึ่งช่วยหาเหตุผลมารองรับหน่อย
Saab จึงเห็นว่าควรลงทุนแบบ JAS-39 C/D จะได้หากินกับกองทัพไทยได้ทั้งกระดานหรือทุกเหล่าทัพเลยอะครับ ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้เป็น CV9040 ทบ และทร แล้วรามไปถึง กริพเพนNG เครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ของ Saab ก็ได้
อย่างที่บอก หากเอาซะขนาดนั้น ไม่ยกประเทศให้บริษัทSAABไปเลยล่ะ
CV9040เองก็ไม่ใช่ของSAAB เป็นของBAE Hauglaand
และที่ทุกคนไม่ชอบ Saab เพราะมันยิง SM-2 ไม่ได้แค่นั้นเอง ผมคิดว่าถึงเราจะยิงได้จริงๆเราก็ไม่มีเงินซื้อ ถึงเราเรามีเงินอเมริกามันก็ ......... มันจึงมีผลไม่มากกับการรบว่าเราจะแพ้หรือไม่แพ้ ก่อนเรายังไม่อัพเรือ ชั้น นเรศวร เรามีแต่ ปตอ ยั้งไม่กลัว Su30 ของมาเลเลยตอนนี้เรามี ESSM แล้วยิ่งมั้นใจในระดับหนึ่ง คนที่ต้องกรี๊ดอะต้องมาเล เขมร อะครับผมว่า เพราะระบบเขายังไปไม่ถึงไหนเลย ต้องใช้เงินและเวลาในการพัฒนาอีกมากอีกมาก
...........มาเลเซีย มีเรือดำน้ำ ทำไมเขาจะต้องกรี๊ดด้วย?
อีกอย่างหนึ่ง หากมองภัยคุกคามเราตอนนี้ มาเลเซียอยู่อันดับที่2หรือ3ด้วยซ้ำ และเค้ามองเราเป็นภัยคุกคามน้อยกว่าอินโดฯ จีน สิงคโปร์ด้วยซ้ำ
อีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่ชอบระบบของSAAB ไม่ใช่เพียงเพราะ SM2เท่านั้น มันยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง ช่วยอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วจะเข้าใจ ..........
สุดท้ายการเล่นฟุตบอลมันจะชนะได้มันต้องอาศัยการเล่นเป็นทีม เป็นหนึ่งเดี๋ยวกันครับ ถ้ามีแต่คนเก่งแต่ไม่เป็นหนึ่งเดียวกันก็เท่านั้น เหมือนทีมชาติไหนเอ๋ย
ปล ที่ผมไม่ชอบคือมันเป็นเรือเกาหลี อีกอย่างเกาหลีเห็นแก่ตัวดูถูกเรา อีกอย่างเราช่วยรบในสงครามเกาหลีแท้ๆได้แค่คำขอบคุณ แล้วกับไปช่วยกัมพูชา ทั้งอาวุธและผู้ให้คำเนาะนำปรึกษาทางการทหาร ถ้าเป็นเรือสเปนอะคงจะดีหน้าดูเสียดาย
หากจะเทียบกับฟุตบอล เอาง่ายๆ
ระหว่างทีมชาติไทย เล่นเป็นทีมกันสุดเลยนะ
กับ รวมดาราสเปน ไม่ได้ซ้อมด้วยกันเลย
ใครจะชนะ .........เอาแบบไม่เข้าข้างชาติตัวเองนะ
ส่วนเรื่องเกาหลี
ช่วยทำความเข้าใจว่า
ประเทศไหน ก็ต้องเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองเป็นหลัก
อย่ามองว่าประเทศไหนร้ายไปกว่ากัน
ทุกๆชาติ รวมถึงบ้านเราเอง ก็ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประเทศอื่นๆไม่น้อยเหมือนกัน
ขออนุญาต "งง" นะครับ ไม่เข้าใจว่าถ้าหาก SAAB สามารถทำให้ระบบของตนเองสามารถใช้ SM-2 ได้แล้ว จะเก็บไว้เป็นความลับเพื่อ...??? สู้ประกาศให้รู้กันทั่วเพื่อจะได้ขายของได้ง่ายและมีมูลค่าสูงขึ้นไม่ดีกว่าหรือ ที่สำคัญคือจริงๆแล้วปัญหามันมีมากกว่านั้นมากครับ
อีกเรื่องที่งงคือ ท่าน dw5000th ติดใจอะไรกับเรือชั้น Visby มากมายครับ มันไม่เหมาะกับทะเลเปิดแบบอ่าวไทยเราเลย ที่เรือของสวีเดน นอร์เวย์ เขาลำเล็ก ความเร็วสูง และเน้นให้ตรวจจับได้ยาก (แถมทำลายพรางอีกต่างหาก) ก็เพราะลักษณะภูมิประเทศที่เป็นชายฝั่งฟยอร์จ คือเป็นอ่าวเล็กๆ จำนวนมาก น้ำตื้น และเต็มไปด้วยโขดหิน สามารถใช้หลบเป็นที่กำบังได้ดี แต่พวกเรือลำใหญ่กินน้ำลึกจะไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ SAAB ไม่มีระบบตรวจจับและอาวุธ ที่ประสิทธิภาพสูงและเหมาะกับพื้นที่เปิดไงครับ เพราะ SAAB นั้นเน้นพัฒนาระบบอาวุธตอบสนองกองทัพสวีเดนเป็นหลัก เรื่องส่งออกสู่ตลาดโลกนั้นเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งหันมาให้ความสำคัญเมื่อไม่นานนี้เองครับ (ก่อนหน้านี้จะเน้นกลุ่มประเทศแถบยุโรปบ้านใกล้เรือนเคียงมากกว่า)
คุณ icy_CMU ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะมารองรับ เพรียวแต่แค่แสดงว่าคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกๆคน เพื่อความรู้และสนุกๆเท่านั้นเองครับ (ถ้ากองทัพเรือ จะเอาระบบSAAB มากขนาดนั้น ยกประเทศให้ไปเลยด้วยไหม?) ทุกวันนี้เราใช้ระบบอเมริกาแทบทั้งหมดแสดงว่าเราก็ต้องยกประเทศให้อเมริการด้วยใช้หรือเปล่าครับ CV9040เองก็ไม่ใช่ของSAAB ผมเข้าใจ แต่มันจะทำให้อาวุธ
สวิเดนแจ้งเกิดนะครับ เพราะเป็นกระแสและผลพลอยได้ เหมือนกระแสเกาหลี ที่ชอบดาราแล้วสินค้าขายดีตามไปด้วย
มาเลเซีย มีเรือดำน้ำ ทำไมเขาจะต้องกรี๊ดด้วย? เพราะเขาเหนือกว่าเราด้านเดี๋ยวไงครับ ที่เหลือเรากินขาด ทั้งระบบที่เข้ากันได้ และประสบการณ์ที่สะสมมา ยิ่งถ้าเรามีเรือดำน้ำแล้วละก็ไม่ต้องพูดถึง ระบบSAAB จริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆว่ามันเป็นยังไง ดีไม่ดี เพราะไม่มีใครมีข้อมูลที่แน่ชัดจริงนะครับ ก็เลยเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้กับเท่านั้นเอง ทำไมต้องจริงจังด้วยครับ
ทีมชาติไทย เล่นเป็นทีมกันสุดเลยนะ ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นไรที่ว่ายากมากครับรู้ๆกันอยู่ ไม่งั้งเราคงได้ไปบอลโลกแล้ว เพราะทั้งการควบคุมอารมณ์ การเล่นเป้นทีม การอยากดัง การอยากโชค์ มันอยู่ในสายเลือดบอลไทยไปแล้ว จนเพื่อนบ้านจับทางได้หมดแล้วเราถึงเสียตกรอบซีเกรมไงครับ นักบอลยุโรปเขามีอุดมการของเขาเมื่อมาเล่น จะตามเกรมที่วางไว้และอาศัยเล่นเป็นทีม ที่คนไทยชอบดูบอลยุโรปเพราะเรื่องนี้ละครับ
ส่วนเกาหลีที่ผมไม่ชอบเพราะเรื่องนี้สนับสนุนเขมร แล่วมาขายอาวุธให้ไทยมันเกินไปมันแปลกนะผมว่ ทั้งๆที่เราไปรบเพื่อช่วยเขา
ไม่เคยคิดจะช่วยกันเลยแค่ขายอาวุธในราคามิตรภาคก็ดีใจแล้ว นี้ของก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย มาขายเราแพงอีก นึกถึงถ้าเกิดสงครามเกาหลีรอบ 2 แล้วใครละที่จะถูกขอให้ไปช่วย คงไม่ใช่กัมพูชาแน่ คิดดูว่ามันโครตเห็นแก่ตัวเลย อย่างน้อยอเมริกาก็เคยช่วยเหลือเราบ้างนะ
กะทำการตลาดไปยั้นลูกบวชเลยละ
สงสัยครับ
ในราคาเท่านี้ ถ้าSaabมายกชุดจริง มันไม่ใช่ว่าเราควรจะได้CEAFAR+CEAMOUNTเหรอครับ?
อย่างน้อยๆก็ให้ได้ตัวท็อปจากCEAมาละกัน....
ใจจริง ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า
ตอนนี้ค่อนข้างแน่ว่าCMSบนเรือลำใหม่ เป็น9LV
เรื่องCEAFAR หรือ CEAMOUNT คงเป็นไปได้ยากตอนนี้ เพราะงบประมาณไม่อำนวย
แต่ก็ไม่แน่ CEROS200 ที่เราเห็นๆกัน ของจริงๆอาจจะเป็นCEAMOUNTแท่นหมุนก็ได้
ถึง ณ ตรงนั้น อาจจะมองเรือลำนี้ดีขึ้นมานิดนึง ตรงที่ยังพอจะมีอะไรขยับขยายได้
อย่างเช่น อยากได้กำลังส่งเพิ่มเผื่อSM-2MR ในอนาคต ก็เพิ่มขนาดAperture ของCEAMOUNT เพื่อรองรับระยะยิงที่ไกลขึ้นของSM-2MR
ปัญหาอย่างหนึ่งคือ .........เรือลำนี้จะต้องเสียค่าintegrationไปเท่าไหร่ เพื่อให้ระบบหลายๆอย่างเป็นไปตามสเป็คทร. (เช่นโซนาร์ลากท้าย และเรดาร์ระยะไกลปริศนา -ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่ใช่SPS-48E/G - หรือในอนาคตกับการintegrate ระบบคคย.และ WDS Mk.14 เข้ากับ9LV เพื่อSM-2 หรือการ integrate ระบบของASROC -ทั้งK หรือVL - )
อันนี้ไม่อยากจะคิดจริงๆว่าน่าจะโดนขูดเลือดซิบๆขนาดไหน
เอ่อ.... ท่านdw5000thครับ ท่านตีเส้นไม่ตรงครับ
อย่ามาหลอกให้หลงดีใจกันเลยดีกว่าครับท่าน icy_CMU เห็นกันชัดๆ ว่ามี Mk.41 แค่ชุดเดียว 8 ท่อยิง ยังไงซะก็มีได้แค่ ESSM (ที่ก่อนหน้านี้เราภาคภูมิใจดีใจกันมากที่ทร.จะได้มีไว้ใช้เป็นชาติแรกและชาติเดียวในอาเซียน) และ FCS หน้า-หลัง ก็เป็น Ceros 200 ชัดๆ ส่วนที่พอจะให้ลุ้นกันได้ก็ระบบ 3D Long Range Radar กับ ASW Suite อ้อ...ขอฮ.ประจำเรือเป็น MH-60R ด้วยเลยละกันนะครับ 555
ผมเห็นด้วยกับท่าน superboy ครับว่าภาพ CG อันนี้ไม่น่าจะมีสัดส่วนที่ถูกต้อง น่าจะทำออกมาเพื่อให้เดาได้ยาก รอดูสเปกจริงกันเลยดีกว่า
" อยากรู้มากจริงๆเลยครับว่า ส่วนที่ ทร. บอกว่าเป็นความลับทางทหารนี่มัน คือ อะไร "
ลับเหมือนอีอปชั่นอาวุธที่อาจจะจัดหาเหมือนกับคราว jas-39 ว่า ลือว่า เราได้.....ลูกยาวบางแบบมาด้วย สำหรับเรือฟรีเกตจะเป็นอะไรหว่า....... RBS-15 mk-4 ?????? หรือมันเพิ่งจะได้รับการการันตีว่า 9LV สามารถใช้งาน SM-2 ได้...มาหมาดๆ หรือ มันเชื่อมต่อกับ Mk-116 เพื่อรองรับ ASROC หรือพูดไปงั้นเองเพื่อให้เราสบสนเล่น??????..........?????
ผมเห็นด้วยกับท่าน superboy ครับว่าภาพ CG อันนี้ไม่น่าจะมีสัดส่วนที่ถูกต้อง น่าจะทำออกมาเพื่อให้เดาได้ยาก รอดูสเปกจริงกันเลยดีกว่า
" อยากรู้มากจริงๆเลยครับว่า ส่วนที่ ทร. บอกว่าเป็นความลับทางทหารนี่มัน คือ อะไร "
ลับเหมือนอีอปชั่นอาวุธที่อาจจะจัดหาเหมือนกับคราว jas-39 ว่า ลือว่า เราได้.....ลูกยาวบางแบบมาด้วย สำหรับเรือฟรีเกตจะเป็นอะไรหว่า....... RBS-15 mk-4 ?????? หรือมันเพิ่งจะได้รับการการันตีว่า 9LV สามารถใช้งาน SM-2 ได้...มาหมาดๆ หรือ มันเชื่อมต่อกับ Mk-116 เพื่อรองรับ ASROC หรือพูดไปงั้นเองเพื่อให้เราสบสนเล่น??????..........?????
ท่าน superboy ขอบคุณครับ คือผมตาลายๆอะครับตอนตีเส้น ผมว่าคงอีกนานนะครับกว่า ทร.จะออกมาเปิดเผยสเป็กที่แท้จริงผมก็ภวานาขอให้เราได้ของดีๆมาไว้ใช้มั้ง ดูจากจำนวนอาวุธที่ประเทศเพื่อนบ้านชื้อแตละประเทศมาทีแทบจะครึ่งโหล แถมมาพร้อมๆกันด้วย ของไทยเราชื้อแค่2 ยังจะแบ่งชื้ออีก กำไก่ อีกเรืองหนึ่ง ทุกคนคิดว่า ทร จะต่อเรือรบหลวงอ่าวทอง ลำที่2 และกระบี่ลำอีก 3 ลำไหมครับ
^
^
^
ยังไงๆก็ต้องต่อน่ะครับ OPVน่ะ ถึงอาจจะเป็นแบบเรือที่ต่างไปเล็กน้อย
ส่วนLPDลำที่สอง ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ
เท่าที่ผมเห็นมา ไม่ค่อยมีเรือเล็กกว่า4000ตันใส่SM2เลยนะครับ ผมว่าจะหวังกะเรือขนาดนี้แล้วใส่อาวุธเยอะแยะขนาดนั้นคงยากละครับ
ส่วนOPVลำต่อไปน่าจะมาหลังเรือตรวจการปืน3ลำใหม่ผ่านการอนุมัตินะครับ
ลองวาดดูบ้าง...ประมาณนี้ไหมเรือใหม่เรา
วันเสาร์ Hang over ไปหน่อย (เดี๋ยวนี้ ผมแก่จัง...มึนทั้งวันเลย 5 5 5 5 )
ขอต่ออีกนิด เรื่อง Link E/G ครับ...พอดี วันศุกร์ พิมพ์ไว้แล้ว แต่เจอปัญหาเดียวกับหลาย ๆ ท่าน คือ มันหลุด Log In เลยขี้เกียจพิมพ์อีก...เมื่อก่อน หลุด Log In ยัง รีเฟรช กลับมาได้...ตอนนี้ ทำไม่ได้...
คือในตอนนี้ ทุกคน มองว่า Link E/G เนี่ย มันก็เหมือนกับ Link-16 ที่ ทร.ออสเตรเลีย ใช้...
ก็ตามความเห็นที่ผมถามว่า ทำไม ทร.ออสเตรเลีย ถึงใช้ 9LV ล่ะ...(เขาใช้ตั้งแต่แรก โดยไม่เลือก TACTICOS และเรือ LHD ลำใหม่ ชั้น Canberra ที่กำลังสร้าง และสามารถประจำการ F-35B ได้ ก็ใช้ 9LV...เรียกว่า Saab ผูกขาด ทร.ออสเตรเลีย หรือเปล่าเนี่ย แต่เรื่อง Link 16 คงไม่มีปัญหาใช่ไหม กับ 9LV)
ซึ่งผมมองว่า Link E/G ยังไม่มีใครรู้ว่า มันเป็นลักษณะไหน...
จากประโยคที่ว่า เรือชั้น นเรศวร จะเป็นเรือ ตลอดจนทำหน้าที่ควบคุมการบินสกัดกั้น และการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับ เรือหลวงจักรีนฤเบศร
การควบคุมการบินสกัดกั้น คือ อะไร ?
การปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี คือ อะไร ?
สิ่งเหล่านี้ มันอยู่ใน Link E/G ใช่หรือเปล่า หรือ ไม่ใช่ หรือไปอยู่ใน 9LV หรืออยู่ในอะไร ?
คือ ตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้จัก Link E/G
หรือ Link E/G ที่ ทร.จัดหา มันจะเป็นลักษณะแบบนี้ หรือเปล่า...หรือเป็นลักษณะไหน...
Sweden Awards $29.6 M for MIDS-LVTs to Data Link Solutions
[www.asdnews.com : 16 June 2010]
Cer Rapids, Iowa, June 15, 2010) — Data Link Solutions (DLS) has been awarded a $29.6 million contract for Multifunctional Information Distribution System – Low Volume Terminals (MIDS-LVTs) from the Swedish Defence Materiel Administration, FMV. The equipment is to be used by FMV and the Swedish military. These MIDS-LVT terminals provide real-time data communications, situational awareness, navigation and digital voice capability, all in a jam-resistant, crypto-secured package.
“This contract continues a 10-year relationship between DLS and the Swedish military to meet their data link network requirements,” said DLS Director Steve Overbeck.
Deliveries begin later this year and will continue through 2012. The terminals will be installed on Gripen fighters, Erieye C2 aircraft as well as various ground and maritime applications. Work will be performed in Wayne, N.J., Cedar Rapids, Iowa, and Heidelberg, Germany.
The MIDS-LVT is a compact, low-cost Link 16 terminal designed for space constrained applications like fighter aircraft with a flexible, open-architecture design. It provides the critical airborne, ground and maritime link that allows for simultaneous coordination of forces and situational awareness in battlefield operations. The reliability of the MIDS-LVT is matched by its affordability and backed by our global technical support network.
แล้วทำไม มันต้องเป็น Link E/G เพราะ ฝูง 701,702 มันเป็น Gripen (G) กับ Erireye (E) มันก็คงต้องให้ Saab เป็นผู้จัดระบบ Link ให้อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ และน่าเชื่อถือ และมีความมั่นใจได้
แล้วที่ว่า ใช้ Link-16 นั้น จะใช้ Link-16 แบบไหน...ซึ่ง Link-16 มันมีหลายแบบ
และแบบที่ใช้กับเรือ กับ เครื่องบิน ก็ต้องเป็น Link-16 MIDS LVT(1) ใช่หรือเปล่า ? หรือเป็นระบบ Joint Tactical Information Distribution System (JTIDS) ซึ่ง ตัวเรือ จะต้องมีระบบ TACAN Tactical Air Navigation System ด้วยหรือไม่ เพื่อจะเป็น เรือที่ควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศได้....และ TACAN จะเป็นแบบไหน
และถ้าเป็น MIDS LVT แล้วเราต้องติดตั้ง Link-16 MIDS LVT(1) ให้กับ JAS-39 และ Erieye ด้วยหรือไม่ ถึงจะเป็น TACTICAL DATA LINK กับ เรือฟริเกตสมรรถนะสูงได้ ? แล้ว เรารู้จัก Link-16 กันดีหรือยัง ?
คำว่า Link-16 คงไม่ใช้แค่ ความหมายว่า Link-16 แล้วจบ...แต่มีองค์ประกอบ ส่วนประกอบของระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลกันอีก...
มันจึงคงเป็นคำตอบว่า ทำไม ต้อง Link E/G...ซึ่ง Link E/G มันอาจจะไม่ถึงขนาดเป็น MIDS LVT ก็ได้...แต่มันอย่างไรล่ะ...ถึงทำให้ เรือชั้น นเรศวร หรือ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะเป็นเรือที่ ควบคุมการการสกัดกั้น และปฏิบัติการทางอากาศ ทางยุทธวิธี ได้ ?
เรือท่านCute FCS เป็นSting EO Mk2 กับ MIRADOR หนะครับ ลองเอาของเรือเก่าๆที่ติดระบบของSAABมาใส่แทนก็ได้
ลืมภาพ Link-16
ถ้าผมเป็น SAAB แน่นอนผมคงไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าให้สนองความต้องการของลูกค้าแน่นอน และยิ่งรู้ว่าสินค้าของตัวเองคือ 9LV เป็นรองในเรื่องการใช้อาวุธที่ไม่หลากหลาย ผมคงต้องทุ่มเงินพัฒนาให้ระบบรองรับอาวุธตามที่ลูดค้าในตลาดต้องการทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดในท้องตลาด
ดังนั้นผมหวังว่า SAAB จะเร่งพัฒนาระบบ 9LV ให้รองรับอาวุธที่ลูกค้าต้องการโดยไม่ต้องรอให้ลูกค้าร้องขอ ผมคิดว่า SAAB น่าจะมีอะไรดีๆ ที่เราคาดไม่ถึงมาเสนอมาให้ ทร. ก็ได้ครับ
เรื่องการเลือกระบบ Link 16 ของทร.ออสเตรเลีย ผมว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้ใช้ Erieye กับ Gripen ไงครับ ก็เลยไม่โดนเงื่อนไขผูกมัดเหมือนทร.ไทย อีกอย่างเรือที่เป็นเรือรบหลักลำใหม่ของเขาคือ Hobart ที่มีเรดาร์ Spy-1 และใช้ CMS เป็นระบบ Aegis ซึ่งน่าจะเข้ากันได้ดีกับระบบ Link 16 เพราะเป็นมาตรฐานเดียวกับทร.สหรัฐ ซึ่งทั้งสองชาตินี้เป็นพันธมิตรร่วมที่ใกล้ชิดกันมาก ส่วนที่เลือก 9LV ในการปรับปรุง Anzac นั้นผมไม่ทราบข้อมูล แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับ CEA ที่เป็นบ.ในประเทศออสเตรเลียเอง หรือทาง SAAB อาจให้ข้อเสนอที่ดีกว่า แล้วก็เลยพ่วงด้วยเรือชั้น Canberra ไปด้วยเลย เพื่อไม่ให้มี CMS หลายระบบมากเกินไป แต่ที่สำคัญคือเรือชั้นนี้ไม่ได้เป็นเรือรบโดยตรง ไม่ได้ติดตั้งระบบตรวจจับและระบบอาวุธขั้นสูงแต่อย่างใดเลยนี่ครับ มีแค่ปืนกล Typhoon กับ Decoy เท่านั้นเอง !!!
ทั้งหมดทั้งปวง ผม(และเชื่อว่าอีกหลายคน) ไม่ได้คิดว่า Link E/G มันไม่ดีหรือไม่มีประโยชน์หรอกนะครับ ผมเชื่อว่ามันดีถึงดีมากเลยทีเดียว เพียงแต่คับข้องใจตรงที่มันถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกำหนดสเปกระบบอื่นๆตามมาอีกมากมาย จนทำให้เกิดข้อจำกัดในการเลือกใช้ระบบตรวจจับและระบบอาวุธ อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นครับ ทั้งที่เมื่อคราวที่ทอ.ริเริ่มนำมาใช้พร้อมกับการจัดหาบ.Gripen + Erieye นั้น คุณสมบัติสำคัญข้อหนึ่งของระบบนี้คือ "เป็นระบบที่ใช้สถาปัตยกรรมเปิด ที่เราสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้ในอนาคต" แต่ทำไมเมื่อทร.นำมาใช้บ้างมันกลับกลายเป็นตรงกันข้ามล่ะครับ หรือเป็นเพราะคนที่เป็น "นายหน้า" (อย่างที่ผมคิด)กันแน่ครับ
ปล.ท่าน Cute ระบบ Decoy ในภาพของท่านดูเหมือนจะเป็น NGDS ใช่ไหมครับ แต่จากรูป CG ของทร.ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ใช่นะครับ น่าจะเป็น SKWS เหมือนรล.นเรศวรมากกว่า
การที่เรือสามารถติดต่อสื่อสารได้โดยตรงกับ เครื่องบิน G/E ก็น่าจะดีในแง่ ความอ่อนตัว คงทนของเครือข่าย ในกรณีที่ route การสื่อสารปกติถูกทำลาย สกัดกั้น หรือรบกวน
เอ่อ. ขออนุญาตที่นอกประเด็นครับ อยากรู้ว่าวันหยุดนี่นายหน้าก็หยุดด้วยใช่ไหมครับ
ก็ตามที่ผมให้ความเห็นน่ะครับว่า...ปัจจุบัน ทอ. ใช้ JAS-39 C/D และไม่ได้มีระบบ Link-16...ระบบ Link E/G ก็น่าจะคือ การเชื่อมระบบ กับ บ.ของ ฝูง 701 กับ 702 ...ซึ่งการ Link ดังกล่าว คือ อะไร เป็นอย่างไร...และโดย ตรรกะ ก็คือ การใช้ ระบบของ Saab โดยตรง มันย่อมดีกว่า การใช้ระบบอื่น ๆ ที่ต้องมา บูรณาการ ให้เข้ากับ JAS-39 และ Erieye โดยผลของ ข้อมูล ที่ได้ก็จะต้องเท่าเทียมกับ เรือชั้น นเรศวร กับ ร.ล.จักรีฯ...ซึ่งกลับจะดูเป็นข้อยุ่งยาก และมีความเสี่ยงกว่าหรือเปล่า...
และถ้า เรือฟริเกตลำใหม่ ใช้ Link 16 แบบ Tactical Data Link...ก็ต้องให้ ฝูง 701 และ 702 เพิ่ม Link-16...และในอนาคต การพัฒนา Link-T...และจะมีอะไร บอกได้ว่า ระบบ Link-16 นี้..สหรัฐ หรือ นาโต้ จะยินยอม ให้ บูรณาการร่วมกับ Link-T ได้ในอนาคต...ในความหมายของ ระบบเปิด น่าจะหมายถึง แบบนี้หรือไม่ คือ การยินยอม ให้ระบบจะสามารถนำมาบูรณาการ กับระบบอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการ...ส่วน Link-16 เป็น ระบบปิด ใช่หรือเปล่าครับ..การจะนำมาบูรณาการ กับระบบอื่น ๆ ต้องอนุญาติหรือเปล่า...คล้ายกับ กรณี เรือชั้น รัตนโกสินทร์ จะติดตั้ง ซี สแปรโรว์ แต่ ถูก อิตาลี่ คัดค้านและทักท้วง ต่อสหรัฐ เพราะมี เทคโนโลยี่ของ อิตาลี่ เป็นผู้ร่วมพัฒนา...สุดท้าย ก็ต้องจัดหา เอสปิเด้ มาจาก อิตาลี่ แทน...
คราวนี้ ถึงคราว ไอ้ลูกกลม ๆ ท้ายเรือ...ซึ่งน่าจะเป็น VSAT แบบที่ติดตั้งบนเรือ Formidable Class
อย่างที่บอกไปLink E/G ไม่ใช่ไม่ดี ......
แต่การกำหนดเอาLink E/G เป็นหลัก ทำให้ปิดกั้นความสามารถที่เจ้าอื่นจะนำระบบของตัวเองมาเสนอด้วย
นั่นคือประเด็นที่ถกเถียงกันเสียยืดยาว
ส่วนทำไมANZAC และ canberra เลือก9LV ก็ไม่อาจทราบได้
แต่ขอให้ตั้งข้อสังเกตเหมือนท่านTWG คือ
1.เรือANZAC ติดตั้ง9LV MK3 มาแต่เดิม การปรับปรุงคราวนี้เพียงเพิ่มเทอร์มินัลแบบใหม่(จอ30นิ้ว) และระบบดาต้าบัสต่างๆ รวมถึงอินทเกรตเข้ากับระบบของCEA
2.เรือCanberra ไม่ได้ติดตั้งอาวุธที่เป็นเชิงรุกมากมาย และ ไม่ได้ทันสมัยมากนัก จึงทำให้9LVชนะ เพราะเรื่องราคา และ ความสามารถโดยรวม (ทั้งๆที่Thales Australia ร่วมมือกับ Lockheed ทำระบบCMS เสนอในโครงการณ์นี้ด้วย ซึ่งเป็นแกน/core เดียวกับ LCS 1 ของสหรัฐ )
Link E/G มันดี แต่ไม่ควรจะเอามาเป็นแกนหลักในการพิจารณาระบบ หรือเอามาเป็นเงื่อนไขหลัก ของการคัดเลือกระบบที่จะเอามาติดบนเรือลำนี้
ส่วนSATCOM ไม่มีความรู้เรื่องนี้นัก ขอไม่ให้ความเห็น .........แต่ดูแล้ว มันใหญ่บะลั่กกั้กจริงๆ
- เรื่อง 9LV Saab เน้นขายยกชุด ซึ่งน่าจะทำราคาได้ต่ำกว่าเจ้าอื่นพอสมควร ซึ่งถ้าคุณจะเอาแค่ยิง ESSM คุณจะจ่ายแพงกว่าทำไม เอาเงินไปลงส่วนอื่นดีกว่า ต้องดูประสิทธิภาพโดยรวมเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายด้วย
- การแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดผมว่าทำการปรับปรุง saab 340 ให้เป็น aew 300 ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะส่งข้อมูลกับ jas39 เครื่องบินอื่น ๆ กับเรือรบที่ใช้ link 16 ได้โดยตรง
- มองว่า Link-16 เป็นระบบมาตรฐาน Nato ดีกว่าครับ และประเทศส่วนใหญ่ที่อิงระบบทางตะวันตกเขาก็ใช้
ระบบทางทหารไม่มีคำว่าเปิดถ้าคุณไม่จ่ายเงิน
เขียนเองแล้วก็งงเองของแก้หน่อยแล้วกัน
มาถึง Link 16 กันแล้วนะครับผมเท่าที่ศึกษามา2วันLink16ที่เป็นมาตราฐานนาโต้ มีหลักๆอยู่ด้วยกัน3แบบคือ Link-16 MIDS LVT(1) สำหรับกองทัพอากาศและกองทัพเรือ,Link-16 MIDS LVT(2)สำหรับกองทัพบก และLink-16 MIDS LVT(3) สำหรับF-15 โดยเฉพาะซึ่งจะมีความสามารถในการสื่อสารที่แต่งต่างกันออกไป
F-18 เป็นMIDS LVT(1)แท้ๆสื่อสารได้หมดทั้งTacan ,Voice และ 1553(คืออะไรครับ?) F-16จะเป็นรุ่นย่อยคือMIDS LVT(6)ที่สื่อสารได้แค่Tacanและ1553 ส่วนGripenจะเป็นรุ่นย่อย MIDS LVT(4)ที่สื่อสารได้แค่Voiceและ1553 ขณะที่MIDS LVT(3)ของF-15สิงค์โปร์สื่อสารได้แค่1553อย่างเดียว
เท่ากับว่าเราจะใช้GRIPENและLink16ที่เป็นอากาศยานหลักทางทะเลสื่อสารกับเรือได้ที่ระบบVoiceและ1553โดยยังไม่สามารถใช้Tacanได้ ส่วนF-16 MLU ของเราที่อยู่นครสวรรค์ใช้Link 16 สื่อสารกับเรือได้ทางTacanและ1553 ถ้าเข้ากรณีนี้จะสามารถทำการรบได้ตามแบบแผนที่ทร.ทอ.ต้องการอยู่อีกหรือเปล่าครับเพราะมันหายไปโหมดหนึ่งเลย
มันอยู่ในนี้ครับ หาไฟล์ที่ชื่อว่า radar.png ก็ได้ครับจะมีceros200
http://www.shipbucket.com/forums/viewforum.php?f=16&sid=2b1c738e749972bedaf344aaf36cf41e
ส่วน EOS500 จะอยู่ใน equipment.png มั้งครับเป็นรูปกลมๆดำๆเหมือนถ่านไฟฉายหรือไม่ไปดูในเรือผมอีกกระทู้ก็ได้ครับ
ขอโทษทุกท่านจริงๆดันใส่ภาพผิดแถมซ้ำอีกต่างหาก ภาพแรกมันยาวไปผมเลยไม่เอาแต่ดันเลือกพลาดเสียนี่ เอาเป็นว่าผมใส่ภาพรายละเอียดเครื่องบินแต่หละรุ่นเพิ่มให้แล้วกันนะครับ ไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่าเริ่มเบลอแล้วเรา >_<
http://en.wikipedia.org/wiki/Multifunctional_Information_Distribution_System
http://www3.rockwellcollins.com/dls/FAQ-MIDS-LVT.asp
กริเพนในตารางของวิกิทำให้งงผมเลยไปหาข้อมูลเพิ่มมาให้จากเวปนี้ครับ
http://www.viasat.com/support/data-links/faq
Q What does MIDS-LVT stand for?
There are two families of MIDS-LVT terminals – the LVT(1) family and the LVT(2) family.
The MIDS-LVT(1) family is the airborne terminal (although it is also used by ground units) and the system integrator must provide power, cooling, control, and cabling.
อันนี้ PDF File ครับ
http://www.viasat.com/files/assets/assets/MIDS_LVT_1_datasheet_028_web.pdf
จัดใหม่ ตามโพยท่าน Juldas
ด้านหน้า
ปืนหัวเรือเป็น Otomala 76 mm
FCS เป็น Ceros 200 CEA/CWI
บนเสาเหนือ Sea Giraff 3D เป็น TACAN
ด้านหลัง
SPS-48E อยู่บนแท่นเดีนวกับ EOS-500
ระหว่างปืน MSI 30 mm เป็น Ceros 200 CEA/CWI อีกตัว
เพื่ม Terma Decoy ด้านหลัง
ท่าน Superboy
ในShipbucketมี list อุปกรณ์ของ SAAB ไหมครับหาไม่เจอ ผมตัดเอาอุปกรณ์จากเรือนเรศวรมาแปะเอา
เวปเพื่อนบ้านบอกว่าแบบเรือใหม่ทร.เขารองรับ เตรียมพร้อมสำหรับ SM2 ไว้ด้วยครับ
ในเวป ทร
ได้ลั่นวาจาไว้ที่เว็บเพื่อนบ้านว่า
งานนี้ ถ้ามีเซอร์ไพรส์ จะยอมเงิบ
สงสัยจะเงิบจริงๆซะแล้ว
เรือฟริเกตที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ คือ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ ฮ.ทร. ในการรับ-ส่ง ฮ. และนำ ฮ.เข้าเก็บในโรงเก็บ ฮ.ได้ นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล. นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้
กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ด้วย เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้ ทร. ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5 ราย ได้แก่ อู่เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลี (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพเรือ โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือได้ดีที่สุด และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก
แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่กองทัพเรือจัดหา มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society) โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และกองทัพเรือที่มีใช้งานและกำลังจัดหา
การสร้างเรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างปี 2556 – 2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
--------------------------------------
คุณลักษณะและขีดความสามารถโดยสังเขป
ของเรือฟริเกตสมรรถนะสูง
ภารกิจ
ภารกิจในยามสงคราม กิจหลัก ป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย กิจรอง คุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง
ภารกิจในยามสงบ รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และรักษากฎหมายตามกฎหมายให้อำนาจทหารเรือ
ขีดความสามารถ
ขีดความสามารถทั่วไป โดยสามารถนำเรือ/เดินเรือแบบรวมการที่ทันสมัย ระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมง่าย รวดเร็ว ทนทาน ง่าย และประหยัด ความทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ ๖ ขึ้นไป โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ
ขีดความสามารถด้านการควบคุมบังคับบัญชาและการตรวจการณ์ ด้วยระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการณ์ที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง ตลอดจนสามารถตรวจการณ์ครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน
ขีดความสามารถการรบ โดยสามารถปฏิบัติการรบได้ ๓ มิติ โดยให้ความสำคัญในการการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำเป็นลำดับแรก โดยสามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด และลำดับที่สอง การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ โดยใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ ส่วนการป้องกันทางอากาศระยะไกล หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ
ขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง ด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ ปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ
ขีดความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้
ขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เรือฟริเกต ชุด ร.ล.นเรศวร เรือคอร์เวต ชุด ร.ล.รัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ บ.กองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก
คุณลักษณะและขีดความสามารถทั่วไป
ระวางขับน้ำสูงสุด |
3,700 ton |
มิติ |
123 x 14.4 x 8 (m) |
ความคงทนทะเล |
Sea State 8 (Survivability) |
ความเร็วสูงสุด |
30 Knots |
ระยะปฏิบัติการ |
4,000 NM @ 18 Knots |
ระบบขับเคลื่อน |
2 x Diesels + 1 x GE, Controllable Pitch Propeller |
ระบบไฟฟ้า |
4 x Ship Service Power Generation (Each of 830 kW Rated output) |
เรือเล็ก |
1 x RHIB |
ระบบเรือ |
Stealth Technology - RCS (Radar Cross Section) Reduction - IR (Infra Red Reduction) - URN (Underwater Radiated Noise) Reduction - Degaussing - NBC Protection System |
เฮลิคอปเตอร์ |
1 x 10 Ton Helo (S-70B Sea hawk or MH-60S Knight hawk) with Hangar |
กำลังพล |
136 |
ระบบอำนวยการรบ |
15 x MFC (Multi Function Consoles) |
ระบบอาวุธ |
8 x SSM VLS with capabilities of + 8 x Canisters (max 32 ESSM) + Vertical Launch Anti-submarine Rocket (VLA) + Nulka Active-off board ECM + SM2** 1 x 76/62 Stealth Shield, Multi feeding system (max range 40- 45 km with smart ammunition) 2 x 30 mm Guns (200 RPM) x CIWS (4,500 RPM) 2 x .50 inch (Range; 2 km) 2 x Trainable Triple tube torpedo launchers |
ระบบควบคุมการยิง |
2 x Radar Fire Control System 2 x Continuous Wave Illuminators 1 x Electro Optical Fire Control 2 x Target Designation Sight |
ระบบตรวจการณ์ |
1 x 3 D Long Range Radar (> 350 Km) 1 x 3 D Medium Range Radar (> 180 Km) 3 x Navigation Radar 1 x Surveillance Camera (TV and thermal imager) 1 x Hull Mounted Sonar 1 x Towed Array Sonar 2 x IFF 1 x Automatic Dependent Surveillance-Broadcast (ADS-B) |
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ |
1 x Radar ESM 1 x Communication ESM 6 x Decoy Launchers Active-off board ECM |
ระบบสื่อสาร |
1 x Integrated Communication System Link RTN, Link G & Link E 1 x TACAN 1 x SAT Communication |
----------------------------------------
** เรือฟริเกต ได้รับการออกแบบตัวเรือและโครงสร้างรองรับการปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ SM2 รวมทั้งได้มีแผนเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยบริษัทผู้ผลิตระบบประกอบที่เกี่ยวข้องได้แก่ แท่นยิงแท่นยิงอาวุธปล่อยฯ แนวตั้ง ระบบอำนวยการรบ เรดาร์ควบคุมการยิงและ เรดาร์ชี้เป้า (Illuminator) สามารถปรับปรุงรองรับการยิงอาวุธปล่อยฯ ดังกล่าวได้ เมื่อกองทัพเรือต้องการและสถานการณ์ด้านงบประมาณเอื้ออำนวย
สรุป
เรือฟริเกตที่จัดหาในครั้งนี้ เป็นเรือฟริเกตที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในกองทัพเรือ มีความพร้อมมูลในการปฏิบัติการในทะเลทุกมิติ โดยมีคุณลักษณะและขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจและหน้าที่ที่ได้รับมอบได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับความต้องการของกองทัพเรือ และบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้
ลองSM-2ในอนาคต ลองรับฮ.ขนาด10 ton 1ลำ คราวนี้มาแค่Mk.41 8Cell
อีกอย่าง
Integrated Communication System Link RTN, Link G & Link E มันคืออะไรเหรอครับ คือว่าทำยังไงก็ได้ให้ระบบรองรับlinkE/GและRTNหรือปล่าวอ่ะครับ
จากการคาดเดาส่วนตัวที่ทำให้เงิบ
1.CEROS200 ใช้กับSM-2ได้ หากไม่ใช่เช่นนั้น อาจจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่Ceros ซึ่งหมายถึง CEAMOUNTแน่ๆ
2.VL-ASROC หรืออาจจะK-ASROC มาแน่
3.มาแบบเหนือความคาดหมายคือ ExLS สำหรับNulka
4. เรดาร์ที่ว่าอาจจะไม่ใช่SPS-48
5.9LV จัดเต็ม15คอนโซล ซึ่งชุดใหญ่กว่าของออสเตรเลีย (หากจำไม่ผิด ของออสเตรเลียเป็น12คอนโซล )
6.integrate SM-2เข้ากับ9LV จนได้
..............งานนี้ยอมเงิบ
เอ้า เฮ!!!!
ดีใจด้วยคนครับ แต่จะติดASROCตรงไหนกันหละ หรือเพราะมีเรือเล็กลำเดียวอีกฝั่งเลยติดVLSได้หรือที่เห็นส่า8มันคือ16 เรดาร์350กม.นี่มันอะไรกันนะ
ยิงsm-2ได้ด้วย หรือceros200++++กับ 9lv+++++ของผมจะมีจริง
คราวนี้มาวิเคราะห์แกะเล่นๆ
เรดาร์/ระบบตรวจจับ /ควบคุมการยิง
-Saab Giraffe AMB (Dual-TWT)
-3D LRR (จากการเดาส่วนตัว จากข้อมูล350กม. EL/M-2238รุ่นใหญ่สุด LANZA-MRR )
-2x Ceros 200 2xCEA SSCWI
-1x EOS 500
-1x Unknown EO surveilance .....เดา มาจาก SAGEM ?
-3x Raytheon Navigation radar??
-DSQS-24D Hull Sonar
-Atlas ACTAS VDS
ระบบสงครามอิเล็กโทรนิคส์
-1xITT ES-3601 com ESM
-Unknown Radar ESM ------ITT ES-3701 ?? (อยู่บนเรือใหม่อย่างAWD ของออสเตรเลียและหลายๆลำ)
-Off Board ECM (Nulka ---ผ่านระบบ ExLS ในท่อยิงทางดิ่งMk41)
ระบบอาวุธ
Oto melara 76/62 SR (Vulcano )
1xPhalanx
2xDS-30M
2x.50 Cal M2HB
8xMk 41 VLS (32x ESSM / 16xESSM+4 VL-ASROC /12xESSM+4VL-ASROC+4xNulka-ExLS)
8xHarpoon Blk 2
2x3 Mk32 Torpedo tubes
***FFBNW 8x SM-2MR
ระบบอำนวยการรบ (CMS)
9LV Mk4-15Consoles
ระบบเชื่อมโยงข้อมูล
Link-RTN/E/G
ExLS
MK.41 มันเพียงพอเหรอครับเนี้ยทั้งESSM,VL-ASROC,Nulka-ExLS มันจะแน่นไปมั้ยเนี้ย จะเพียงพอเหรอครับเนี้ย แค่8cellเอง
อย่าว่าผมขัดจังหวะเลยนะครับแต่สงสัยนิดหน่อย ผมลองทำแผนภาพตามความเข้าใจตัวเองในเรื่องLink-16 ของF-16 MLU กับGripenในกรณีเรือของเราติดแค่Link-16อย่างเดียว จากข้อมูลในเรื่องLink-16 F-16ติดรุ่นMIDS LVT(6)ที่สื่อสารได้แค่Tacanและ1553 ส่วนGripenติดรุ่นMIDS LVT(4)ที่สื่อสารได้แค่Voiceและ1553
เข้าใจเอาเองว่า STD 1553 = Digital DATA , Voice = Digital Voice, Tacan = เรือรบและหรือสถานีเรดาร์ภาคพื้นดิน จะได้เส้นทางตามภาพคือ
- F-16สามารถสื่อสารกับเรือ F-16และGripenได้หมด แต่เฉพาะ Digital DATA เท่านั้น ส่วน Digital Voiceไม่สามารถใช้งานได้
- ส่วนGripenสามารถสื่อสารกันเองได้หมดแต่สื่อสารกับF-16ได้แค่ Digital DATAอย่างเดียว และสื่อสารกับเรือ(ที่ติดระบบTacan)ไม่ได้เลยรวมไปถึงสถานีเรดาร์ภาคพื้นดินอีกด้วย นั่นคือGripen คุยได้เฉพาะเครื่องบินด้วยกันเท่านั้น
-ขณะที่ F-18 ทำได้หมดทุกอย่าง เพราะLink-16 Naval เกิดมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ ใกล้เคียงบ้างไหมครับความคิดของผม มือใหม่หัดLinkหลังจากนั่งดูเฉยๆมาหลายวัน
ท่าน Icy ครับงานนี้ถ้ามาแบบท่านว่า ก็ให้ถือว่าเป้นการเงิบเพื่อชาติครับ อิอิ แล้วมันก็คือเรือฟริเกต ชั้นดีลำหนึ่งของแถบนี้ ยินดีที่สุดครับ
เพื่อเมืองไทยของเรา...เบียร์ไทยของเรา(อ่ะไม่ใช่และ)
ปล.ขอให้มาแบบท่านว่าจริงๆเถอะ สาธุ ป๋า juldas ต้องรีบทำโมเดลเรือใหม่ได้แล้วครับแฮะๆ
ยอมเงิบเพื่อชาติ
ด่าไว้เยอะ
ทำได้จริง อาจจะมองSAABใหม่ก็ได้นะ
แต่เท่าที่ดู โดยรวมๆ
สงสัยอยู่3ประการ
1.ไม่มีOn board ECM (ติดบนเรือ) แต่ใช้Off Board ECM อย่างNulkaแทน
2.8xVLS หรือ 16xVLS (8+8 หรือ 16 Mk 41 )กันแน่ หากเป็นอย่างแรก มันจะแน่นไปไหม?
3. ExLS มาแบบเงิบๆ
โดยภาพรวม
.......เหนือกว่าGowind พอสมควร
.......เหนือกว่า Formidable ในแง่ASW ส่วนAAW ยังไงก็ต้องยกให้เค้าล่ะ
คุ้มค่าพอสมควรทีเดียว สำหรับเรือลำนี้
ถ้าสเปคเรือมาตามที่คาดกันจริงก็คงแฮปปี้กันถ้วนหน้าครับ :)
เผลอแป๊บเดียว! กลับมามีรายละเอียดเพิ่มซะแล้ว เดี๋ยวคงต้องแก้รูปเรือใหม่ สเกลเรือผมความยาวเรือไปถึง 140 เมตร แต่รายละเอียดของ ทร. แค่ 123 เมตรเอง รายการตามรูปของ ทร หมายเลข 1-21 มีอะไรบ้าง ผมยังงงๆอยู่ Nulka ,VLA อยู่ตำแหน่งไหน????
1.76mm SR
2.8x Mk41 VLS (32x ESSM / 16xESSM+4 VL-ASROC /12xESSM+4VL-ASROC+4xNulka-ExLS)
3.Phalanx
4.EO observation (เดาว่า Sagem Vigy Observer )
5.Ceros 200 +SSCWI
6.Navigation Radar
7.SAAB Giraffe AMB
8.TACAN
9.Com ESM
10. Radar ESM
11.SKWS Decoy 6แท่น (น่าจะ 4x DL-12T 2xMk.137)
12.8xHarpoon Blk2
13.3D LRR
14.????????อาจจะเป็นแท่นยิงNulka
15.EOS 500
16.SATCOM
17.DS-30M
18.ACTAS VDS (อยู่ในตัวเรือ)หรืออาจจะแสดงตำแหน่งของลานจอดฮ.10ตัน
19.DSQS-24D
20.Mk.32 Torpedo tubes
21.RHIB
เห็นสเปก ตายตาหลับแล้ว ดีใจครับ มี ASROC ติดมา แถมในอนาคต +SM2
เป้าหมายต่อไปเรือดำน้ำ ทร.สู้ๆๆ
เงิบๆ......ไช โย 55555+ ดีใจแบบเงิบๆ ก็แปลกดีนะครับ เงิบกันหมด แต่กลับเป็นการเงิบที่มีความสุข แหม่..."เจ๊วาส"นี่แกก็ช่างเก่งในการเจาะเข้าถึงข้อมูลซะจริงๆ
ถ้าสามารถทำได้ขนาดนี้ เราก็ต้องยอมให้ SAAB เขาล่ะครับ แต่ยังไงก็ต้องรอดูแนวทางการประยุกต์อีกทีก่อน ว่าเขาทำอย่างไรที่จะให้ 9LV + Ceros 200 + CEA SSCWI สามารถนำวิถีให้ SM-2 ได้ ผมเองก็คิดว่าน่าจะเป็น CEAMOUNT ครับ อยากให้ท่านอ.รินแห่งเวบ TAF เข้ามาวิเคราะห์ให้อ่านจังเลยครับ งานนี้ อึ้ง ทึ่ง เฮ กันถ้วนหน้า แต่...ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เมื่อปืนหลักหัวเรือเป็น OTO 76/62 ก็น่าจะใช้รุ่น Super Rapid Fire ที่เป็น CIWS ได้ด้วย แล้วก็ย้าย Phalanx ไปไว้ที่อื่น จะได้ยัด Mk.41 ได้อีก 1-2 ระบบ (เชื่อว่ามีในแผนการอัพเกรดรองรับ SM-2 แน่นอน)
งานนี้ SAAB คงต้องการเปิดตลาดให้โลกได้รู้ว่า 9LV Mk.4 นี่ไม่ธรรมดานะ จัดชุดใหญ่ 15 คอนโซลมาเลย ที่เพิ่มมาก็น่าจะเอาไปอินทิเกรตเข้ากับ K-ASROC (เดาว่าเป็นตัวนี้เพราะเป็นของเกาหลีเอง น่าจะง่ายกว่าถูกกว่าใช้ของพี่กันเขาน่ะครับ)
ที่งงอีกเรื่องก็คือขนาดเรือ KDX-I ยาว 135.5 กว้าง 14.2 แต่เรือใหม่ลำนี้ยาวแค่ 125 กว้าง 14.4 ระวางขับน้ำก็ลดลงจาก 3,900 ตัน เหลือ 3,700 ตัน แต่สามารถยัดระบบต่างๆ ลงไปได้อย่างมากมาย เหนือกว่าต้นแบบมาก ผมมองว่าหลังจากการปรับปรุงใส่ SM-2 แล้ว เรือลำนี้สูสีกับ "ฟอร์มิเดเบิ้ล" มากๆ และมีขีดความสามารถที่เหนือกว่าในหลายๆด้านเลยด้วยซ้ำไป
สรุป...งานนี้ทร.ทำให้พวกเราได้เฮกันอย่างถ้วนหน้าเลยทีเดียว (ยกเว้นเซลล์แมนอกหัก) แบบนี้เรืออีกลำก็คงไม่มีปัญหา แถมยังได้ลุ้นเรือดำน้ำกันอีกยกตามที่ท่าน FatBoy แย้มไว้ในอีกกระทู้นึงซะด้วยนะครับ 5555555+
1 x RHIB และ 8 x SSM แสดงว่าด้านใดด้านหนึ่งของเรือตรงนี้จะมีที่ว่างส่วนหนึ่งที่ทร.อาจเตรียมไว้ติดตั้งSM-2ในอนาคตก็ได้ ถ้าเป็นจริงๆก็อาจจะได้ถึง2หน่วย16ท่อเลย
หรืออาจจะมี8K-VLS กับ K-ASROC ติดมาเลยแบบเงิบๆก็ได้นะครับ ข้อมูลของทร.อยู่แถวเดียวกันไม่ได้แตกเป็นตัวลูกอีกที เดาไปเรื่อยๆก่อนไอเท็มลับด้านASW
ทร.แสดงแบบเรือและสเป็กขนาดนี้แปลว่าการเจรจาต่อลองทั้งหมดน่าจะสมบูรณ์แล้ว คงเปลี่ยนแปลงไปแค่รายละเอียดเล็กๆน้อย แต่ฟาลังซ์คงติดที่เดิมแบบนี้แหละ เรื่องนี้ผมก็เงิบเหมือนกันทุกอย่างพร้อมแล้วเซ็นสัญญาวันนี้วันถัดไปเริ่มสร้างได้เลย ก็ดีครับจะได้เรือไวๆหน่อยแล้วไปลุ้นลำที่2ต่อว่าจะที่DSMEหรือในบ้านตัวเอง
**************** ขออนุญาตปิดกระทู้นี้ และเพื่อนๆ สามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อได้ที่นี่ ครับ *****************