หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


มีความเป็นไปได้ที่ แอฟริกาจะขาย Gripen C/D(ไม่รู้จริงหรือปล่าวแหล่งข่าวยังน้อยอยู่นะครับ)

โดยคุณ : kok129 เมื่อวันที่ : 31/07/2013 15:50:16

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองกำลังป้องกันตนเองแห่งชาติแอฟริกาใต้ (South African National Defense Force) กำลังพิจารณานำเครื่องบินขับไล่ JAS-39 กริพเพน (Gripen) ที่มีประจำการทั้งหมด 26 ลำออกขาย พร้อมกับเฮลิคอปเตอร์เอนกประสงค์แบบออกุสตา เอ109 (Augusta A109) เนื่องจากไม่มีงบประมาณพอที่จะให้อากาศยานเหล่านี้ปฏิบัติการต่อไป หนังสือพิมพ์ในท้องถิ่นรายงานเรื่องนี้ โดยยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบเวลาในการดำเนินการ 
       
       อย่างไรก็ตามการเปิดเผยเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดกับกองทัพอากาศของประเทศนี้ รวมทั้งช่วยให้คำตอบว่า เพราะเหตุใดกองทัพแอฟริกาจึงไม่สนับสนุนความริเริ่มของกลุ่มซาบแห่งสวีเดน ที่เสนอตั้งโรงเรียนฝึกและสอนการใช้อาวุธของเครื่องบินรบกริพเพนในแอฟริกาใต้ และ ทำให้ต้องมองมายังประเทศไทยเป็นที่ตั้งแห่งใหม่
       
       หนังสือพิมพ์บีลด์ (Beeld) รายงานเมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 ระบุว่า สำหรับเฮลิคอปเตอร์ A109 ที่มีใช้ในกองทัพอากาศจำนวน 18 ลำนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานคือ "บินได้บ้าง บินไม่ได้บ้าง" ส่วนกริพเพนทั้ง 26 ลำ เป็นปัญหาจากการตัดงบประมาณ กองทัพทไม่สามารถบำรุงรักษาหรือแม้กระทั่งให้นักบินขึ้นบินฝึกและบินลาดตระเวนได้ตามปรกติ ทำให้ต้องพิจารณาหาทางจำหน่าย
       
       แอฟริกาใต้ได้พยายามปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด จนกระทั่งมีการอภิปรายในรัฐสภาเมื่อเร็วๆ นี้ จึงทำให้สาธารณชนได้รับทราบว่า ปัจจุบันมีการนำ JAS-39 ออกปฏิบัติการตามปรกติเพียง 14 ลำเท่านั้นซึ่งได้ "บินบ้าง ไม่ได้บินบ้าง" อีก 12 ลำที่เหลือ "เก็บเอาไว้ในโรงเก็บระยะยาว"
       
       เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไปเพียงข้ามวันได้มีผู้อ่านนับร้อยๆ คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ และเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้รัฐบาลขายกริพเพนทั้งฝูงหรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เพื่อนำเงินค่าดูแลรักษา ค่าปฏิบัติการ และนำรายได้จากการขยาย ไปใช้ในโครงการพัฒนาต่างๆ ในขณะที่เหตุการณ์กับประเทศเพื่อนบ้านกลับคืนสู่ภาวะปรกติมาร่วม 20 ปีแล้ว
       
       บางคนเขียนว่า “ในทศวรรษนี้คงจะไม่มีกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นไปรุกรานอีก” เช่นเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
       
       มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมจำนวนหนึ่งที่เห็นว่า เครื่องบินรบยังมีความจำเป็นในการป้องกันประเทศ
       
       "กองทัพอากาศที่ไม่มีเครื่องบินขับไล่ ไม่ต่างกับเป็ดตายในความหมายของกองทัพในแอฟริกา และกองทัพบกที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินลำเลียงขนส่งไม่ต่างจากไดโนเสาในบึง" นายเฮลโหมด-โรเมอร์ ไฮต์แมน (Helmoed-Romer Heitman) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกล่าวกับบีลด์
       
       "กองทัพที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์โจมตีและเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนส่งคือเป็ดง่อยดีๆ นี่เอง กองทัพเรือที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลไม่ต่างกับคนตาบอด" นายไฮต์แทนกล่าว
       
       ปัจจุบันแอฟริกาใต้เป็น 1 ใน 6 ประเทศที่มี JAS-39 ประจำการโดยจัดซื้อเป็น 2 ล็อต หลังปลดประจำการ "ชีตาห์" เมื่อหลายปีก่อน ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบรรดานักการเมืองที่มองไม่เห็นความจำเป็น กลุ่มซาบแห่งสวีเดนทยอยส่งมอบจนครบทั้ง 26 ลำปลายปีที่แล้ว
       
       ในยุคแห่งสันติภาพและผ่านพ้นยุคของรัฐบาลเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาติ แอฟริกาใต้ที่เคยร่ำรวยด้วยแร่ธาตุโลหะล้ำค่าต่างๆ กลับเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลถึงกองทัพที่ขาดการปรับปรุงให้ทันสมัย
       
       เพิ่งมีการเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้เช่นกันว่า นับตั้งได้รับมอบล็อตแรกๆ เครื่องบินขับไล่ JAS-39 ถูกใช้งานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การถูกตัดงบประมาณทำให้ต้องลดชั่วโมงบินลง ขณะเดียวกันกองทัพอากาศได้มอบหมายให้ฝูงบินฮอว์ค MK120 ซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกสำหรับนักบินขับไล่ผลิตในอังกฤษที่มีอยู่ 24 ลำ ออกบินลาดตระเวนเป้าหมายต่างๆ แทนกริพเพน โดยให้นักบินกริพเพนขึ้นบิน และ "ใช้ห้องนักบินจำลองแบบกริพเพน" สำนักข่าวกลาโหมในแอฟริกาใต้รายงานโดยไม่ได้อธิบาย
       
       นอกจากนั้นยังมีสัญญาณอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาด้านการเงินที่ส่งผลกระทบต่อกองทัพ รวมทั้งข่าวชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า ปี 2556 นี้ แอฟริกาใต้เป็นหุ้นส่วนกริพเพนเพียงประเทศเดียว ที่ไม่ต่อสัญญาการดูแลรักษาเครื่องบินรบกับซาบ หลังจากสัญญาฉบับแรกหมดอายุลงสิ้นปี 2555
       
       กริพเพนทั้ง 2 ฝูงเป็นเครื่องบินขับไล่เพียงแบบเดียวที่ประจำการในกองทัพแอฟริกาใต้ปัจจุบัน นอกจากนั้นเป็นเครื่องบินขนาดเล็ก สำหรับบินฝึกและบินตรวจการณ์ทั่วไป มีเครื่องบินขนส่งแบบซี-130 เฮอร์คิวลีส อีก 7 ลำ เป็นกำลังหลักในการลำเลียงขนส่ง ที่เหลือเป็นเครื่องบินขนส่งใบพัดขนาดเล็กทั้งสิ้น
       
       แอฟริกาใต้ยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในยุโรปอีกหลายสิบลำ แต่ส่วนใหญ่เป็น ฮ.ขนส่งลำเลียงขนาดเล็ก กับ ฮ.โจมตีอีก 11 ลำ ซึ่งผลิตเอง สำหรับ A109 ที่ต้องการกำลังพิจารณานำออกขายนี้ เป็น ฮ.เอนกประสงค์ขนาดเบา ซื้อจากผู้ผลิตในประเทศอิตาลี.
       .
อ้างอิงจาก

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000091624

 

 

ถ้าเกิดเป็นจริงแหละก็  เอามาเสริมฝูง701  ให้ครบ20ลำไปเลยครับ  และก็สามารถนำมาทดแทนF-5E/F  ได้เลย ผมว่าน่าจะคุ้มกว่านะครับ แถมอีกอย่าง ช.ม.บินยังน้อย 100% 





ความคิดเห็นที่ 1


ฮึฮึ...26 ลำใช้งานอยู่เพียงแค่ 14 ลำ แล้วขายส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งานออกไป ก็เท่ากับ12 ลำ พอดิบพอดีกับฝูงที่ 2 ของไทยเราเป้ะ และเป็นเครื่องที่ถูกเก็บไว้ในโรงเก็บอย่างดียังไม่บุบสลายอีกต่างหากด้วย (ขอนอนฝันกลางวันและกลางคืนล่วงหน้าไว้ก่อนเลยแล้วกัน ฮะฮะ.....)

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 26/07/2013 01:04:53


ความคิดเห็นที่ 2


ถือเป็นโอกาสดี ได้ของดีในราคาพิเศษ  เป็นผมขอเหมาหมดทั้ง Jas36 C/D 12 เครื่อง และ A109 18 เครื่อง  แต่ขอจ่ายเป็นเงินสดสักครึ่งและจ่ายเป็นสินค้าประเภทสินค้าเกษตรอีกครึ่ง  ไม่รู้เค้าจะเอาไหม แถวนั้นมีแต่ทะเลทรายคงอยากได้สินค้าพวกอาหารเผลอๆ ใช้อัฟริกาใต้เป็นแหล่งกระจายสินค้าเกษตรของไทยแถบนั้นซะเลย ครับ

โดยคุณ rayong เมื่อวันที่ 26/07/2013 01:58:26


ความคิดเห็นที่ 3


http://www.bdlive.co.za/national/2013/03/13/almost-half-of-sas-gripens-in-storage

 

DEFENCE Minister Nosiviwe Mapisa-Nqakula has conceded that almost half of the air force’s state-of-the-art Gripen jet fighters have been placed in long-term storage.

Twenty-six Gripen fighters were purchased as part of the controversial arms deal at a cost of more than R10bn, but there has long been speculation that some or all of them would have to be mothballed due to lack of funds to keep them flying operationally.

The fighters, as well as Hawk trainers, played a critical role in securing South Africa’s air space during the 2010 soccer World Cup.

When it was first mooted that some of the Gripens be placed in storage in 2010, questions were raised about South Africa’s air defence capability and the legacy of the multibillion-rand arms deal.

At the time, local defence expert and Jane’s Defence Weekly correspondent Helmoed Heitman said the decision would leave South Africa "vulnerable" should there be an incident. It would leave the air force unable to enforce a no-fly zone, as has been mooted for Sudan’s Darfur region.

On Tuesday, in response to a parliamentary question by Democratic Alliance MP David Maynier, Ms Mapisa-Nqakula acknowledged that almost half of the Gripens bought were in storage.

"The South African Air Force (SAAF) has 12 Gripen fighter aircraft placed in long-term storage," Ms Mapisa-Nqakula said.

"These aircraft are placed in a storage as a planned activity in line with their utilisation and the budget expenditure patterns/flow of the SAAF."

Mr Maynier responded that "the 12 Gripen fighters in long-term storage are presumably vacuum-packed like frozen chickens, in a hangar somewhere in South Africa", and that they had effectively been grounded because the operating budget had been stripped to the bone and the air force could not fly them.

"The sad facts of the Gripen system are as follows: 26 Gripen fighter jets were delivered; 10 or fewer are operational; 12 are in long-term storage; there are six qualified pilots; there are about 150 flying hours available to the entire squadron for 2013."

 

 

ข่าวนี้มีมา4เดือนแล้ว แอฟริกามีปัญหาเรื่องบประมาณซึ่งเป็นผลพวงจากการลงทุนอย่างมหาศาลในฟุตบอลโลก2010แต่มีรายได้เข้าประเทศน้อยกว่าที่คาดการณ์ไปไกลมาก พูดง่ายๆว่าขาดทุนยับนั่นแหละ (ทำให้คนในบราซิลออกมาประท้วงรัฐบาลเป็นล้านๆคนในเรื่องการลงทุนแบบนี้) กริเพนก็เลยซวยไปด้วยทั้งที่มีค่าใช้จ่ายในการบินต่ำมากๆแล้วนะ ผมว่าแอฟริกาเลือกเครื่องบินได้เหมาะสมแล้วดีลก็ดีมาก เพียงแต่ฟุตบอลโลกไม่ได้เป็นขนมหวานสำหรับประเทศที่ฐานะปานกลางอีกต่อไปแล้ว

 

เรื่องขายผมไม่แน่ใจเหมือนกันเป็นผมคงยังไม่ขายในช่วงเร็วๆนี้ แต่ถ้าผ่านไปซัก2ปีแล้วฐานะการเงินย่ำแย่หนักเข้าไปอีกก็คงมีหวังมากขึ้นตาม ทอ.ทราบข่าวนี้แล้วถ้าสนใจจริงๆคงติดต่อและเตรียมงบไว้ล่วงหน้า เพียงแต่ถ้าได้มาคงจะเอามาแทนF-5มากกว่าเพิ่มในฝูงบิน701และอาจจะต้องหาเครื่องบิน2ที่นั่งเพิ่มเติมในภาระกิจฝึกบินด้วย แต่ราคาไม่ถูกเหมือนF-16 ADFแน่และคงต้องเอาไปปรับสภาพติดระบบตามที่เราต้องการอีก อย่างน้อยที่สุดก็ลำหละ1พันล้านขึ้นนะอันนี้เดาล้วนๆ ว่าแต่แอฟริกาจะจัดเก็บเครื่องบินแบบไหนกันในสภาวะการเงินร่องแร่งแบบนี้

 

 

 


โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 26/07/2013 07:37:32


ความคิดเห็นที่ 4


แต่ถ้าเราได้มาจริงๆแล้วไม่มีเงินซื้อเครื่องบินเอแวค  ในคลิปจะเห็นว่าGRIPEN NG เพิ่มจอใหญ่หลายจอไว้ที่หว่างขา และเมื่อติดบ้องข้าวหลาม+เรดาร์ตัวใหม่ที่ดีขึ้นทำให้สามารถทำหน้าที่AEWได้แบบพอไหวน่า   มันมีขายจริงๆทอจัดหามาเพิ่มอีกซัก4ลำแบ่งๆกันใช้ก็น่าจะดีนะครับ หรือเอาง่ายกว่านั้นก็ปรับปรุงเครื่องของเราที่มีไปเลยก็ได้ดีกว่าไม่มีเลย

ในคลิปจะเห็นว่ากริเพนทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตะเข็บชายแดน ใช้อาวุธเมื่อจำเป็นขนาดได้รับคำสั่งยิงแล้ว(จากประธานาธิบดี แม่เจ้า!) มีวิธีการไล่เครื่องบินที่บุกรุกด้วยความละมุนละม่อม และยิงหลังจากที่โดนยิงแล้วเท่านั้น อืมม.... นี่มันคอนเซ็ปของประเทศไทยชัดๆ หวังว่ารบจริงๆจะเอาตัวรอดได้ดีแบบในคลิปนะ

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 26/07/2013 08:02:03


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าขายจริง น่าจะได้ในราคาที่ถูกกว่ามือ 1 นิดหน่อย แต่คงไม่ถูกเท่ามือ 2 แน่เพราะเครื่องยังใหม่อยู่มาก(ตามความคิดผม น่าจะอยู่แถวๆ 1.7พันล้านบาทต่อเครื่องพร้อมอะไหล่ หรือ 1.2 ล้าน ถ้าไม่เอาอะไหล่)

 

ปล.แอฟริกาใต้ถังแตกจริงๆ ขนาดเจ้านี่ราคาบำรุงรักษาต่อชั่วโมงแทบจะถูกที่สุด ยังไม่ไหวเลย

โดยคุณ markrura เมื่อวันที่ 26/07/2013 08:38:52


ความคิดเห็นที่ 6


ถ้าขายจริงก็ต้องต่ำกว่า มือ1อย่างมากครับ  ผมให้ราคาที่ 60%เพราะ

1 เป็นเครื่องมือ 2 ราคาย่อมตกอยู่แล้ว ผ่านการใช้งานมาแล้ว การซ่อมบำรุงก็ไม่รู้ว่าทำได้ 100% หรือเปล่าเพราะการขาดงบ

2 เป็นเครื่องตกรุ่น น่าจะหาผู้ซื้อยากนอกจากจะเป็นประเทศมีการใช้งานรุ่นนี้อยู่แล้ว ลูกค้าใหม่ๆน่าจะไปมองที่ Gripen NG (ขนาด SAAB เองเวลาขายเอง ยังต้องจัดโปรโมชั่นเต็มที่กว่าจะได้ลูกค้าแต่ละราย) ลูกค้าเก่าที่มีเครื่องนี้ใช้งานอยู่และมีศักยภาพที่จะซื้อ ก็มีแค่ประเทศไทย ประเทศอื่นๆทั้ง Czech Air Force และ Hungarian Air Force ต่างก็ใช้การเช่าเครื่องบินจากSAAB ไม่น่าจะมีเงินมาซื้อหรือเปลี่ยนนโยบายมาซื้อขาด( เพราะของเดิม SAAB จะขายขาดให้เมื่อหมดสัญญาเช่ายังไม่อยากจะซื้อ)

3 ทางแอฟริกาใต้เอง ก็ดูเหมือนจะร้อนเงิน ต้องการเอาเงินไปหมุน เนื่องจากรัฐบาลขาดรายได้ อันเนื่องมาจาก เศรษฐกิจซบเซา(คนผิวขาวเจ้าของกิจการเดิม หนีออกนอกประเทศ คนผิวดำเข้ายึดครองกิจการแต่ทำได้ไม่เหมือนเดิม) งานบอลโลกที่ลงทุนไปเยอะ หวังจะมากระตุ้นเศรษฐกิจ ก็พลาดเป้าหมาย กลายเป็นขาดทุน การเงินติดขัด (ที่ซื้อ Jas39 ก็เพราะบอลโลกนี้แหละ)

โดยคุณ kitty70 เมื่อวันที่ 26/07/2013 12:23:44


ความคิดเห็นที่ 7


รัฐบาลกลางของประเทศแอฟริกาใต้ประสบปัญหาสภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1998 แล้วครับ มาขาดดุลเอาหนักๆเลยก็ตอนช่วงปี 2007-2009 ก่อนจัดฟุตบอลโลกในปี 2010 เพราะตอนนั้นรัฐบาลแอฟริกากู้เงินทั้งพันธบัตรในประเทศเองและจากธนาคารต่างประเทศ มาลุงทุนกับสนามฟุตบอลขนาดใหญ่หลายสนาม บวกกับสร้างและปรับปรุงระบบคมนาคมและการสื่อสารโทรคมนาคมร่วมๆกว่า 30.6 bilion.usd อย่างมโหฬารซะขนาดนั้นรัฐบาลแอฟริกาคาดหวังไว้สูงอย่างมากว่าจะช่วยกระตุ้น GDP ของประเทศให้พ้นจากสภาวะเศรษฐกิจทดถอย จากการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ซึ่งก็ช่วยทำให้ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือ GDP อยู่ในแดนบวกได้เพียง 2 ปีเศษเท่านั้นระหว่างปี 2007-2009 แต่หลังจากนั้นก็กลับไปติดลบเหมือนเดิมในช่วงปลายปี 2009 จวบจนปัจจุบันนี้ 2013 และรายได้จากประมาณการที่คาดหวังการไหลเข้าของเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวและแฟนบอลของชาติต่างๆที่เข้าชมศึกฟุตบอลโลก2010ก็ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ถึง 35% (ทำงัยได้แอฟริกาใต้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอีกทั้งยังมีปัญหาด้านความปลอดภัยและอาชญากรรมที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วยจึงไม่เป็นจุดดึงดูดและความสนใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก)

      โอเคครับหลังจากเกริ่นหัวข้อมานานแล้ว เรามาเข้าเรื่องเครื่องบิน grippen กันดีกว่าครับ

ตามที่ข่าวในเวป ผู้จัดการ ถ้าสมมุติว่าเป็นจริงและต้องการขายออกไปก็ต้องมาดูว่าราคาตั้งที่ทางแอฟริกาจะขายนั้นเท่าไร และเชื่อว่าต้องมีประเทศอื่นๆสนใจจะซื้ออยู่ด้วยเช่นกัน ถ้าจะขายเครื่องบินให้เป็นมือหนึ่งเลยคงจะไม่ได้หรอกครับ ของที่ซื้อไปแล้วจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตามถ้าไม่ได้ซื้อจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรงก็ถือว่าเป็นมือสองไปแล้ว คิดว่าราคาก็จะลดลงตามอายุการ์รันตีของบริษัท saab แอฟริกาซื้อเครื่องบินgrippen ในราคาที่พิเศษมากๆคือเฉลี่ยเครื่องละ 67.7 million.usd ทั้ง JAS-39 C และ D

       คิดว่าถ้าทอ.แอฟริกาต้องการจะขายเลย์หลังให้เป็นมือสองจริงๆก็คงจะเลือกเครื่องบินที่ใช้ผ่านการใช้งานแล้วประมาณ 2 ปีขึ้นไปครับส่วนเครื่องบินใหม่ที่ทาง saab ส่งมาให้ล็อตหลังคงจะเก็บเอาไว้ใช้งานครับ คือเอาของเก่าไปขายแล้วเก็บของใหม่ไว้ใช้งานครับ

ในส่วนของทอ.ไทยเราเท่าที่ทราบยั้งไม่มีการนำเสนอแผนการจัดหา เครื่องบิน grippen ฝูงที่สองว่าจะจัดซื้อมาเพิ่มอีกในช่วงปีไหนเข้าสู่กลาโหมเลยนิครับ แต่ถ้าสมมุติทางทอ.ไทยเราเกิดสนใจจะซื้อเครื่องบินมือสองจากแอฟริกาขึ้นมาจริงๆ ผมคิดว่า ทาง Saab คงจะไม่ happy ซักเท่าไรนัก เพราะขานั้นวางโปรเจกต์ที่จะนำเสนอดีลสำหรับ JAS-39 NG ให้กับไทยเรา รอเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน

โดยคุณ Woot1980 เมื่อวันที่ 26/07/2013 14:51:17


ความคิดเห็นที่ 8


แต่ผมมองว่า saabอาจจะอยากให้เราซื้อ ของ อาฟริกาใต้ก็ได้ครับ เพราะ ยังไงsaabก็ได้ค่าซ่อมบำรุง แช่แข็งไว้ค่าซ่อมก็ไม่ได้ แถม กว่าจะถึงวันที่  ng ออกขายเต็มรูปแบบ F35 อาจจะออกมาแล้ว เราอาจจะไปสอย F35แทน 

ปัญหาคืิอ อาฟริกาใต้จะขายไหม ผมว่าไม่ขาย เพราะถ้าขาย( ถูก) ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวตายทางการเมืองเพราะมันจะเท่ากับเอาเงินไปโยนทิ้งน้ำ รู้ว่าไม่มีปัญญาบินแล้วซื้อมาทำไมตั้ง24 ลำ หากจะขายก็ต้อง 

1. การเมืองในแอฟริกาเปลี่ยนขั้ว โยนเป็นความผิดของ รบก่อน 

2. ขายแล้วไม่ขาดทุนมาก (ใครจะซื้อ) 

3. ขาย บ แต่พ่วงอย่างอื่น เพราะ อาฟริกาใต้ เป็น ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของโลกเช่นกัน (-แต่ไม่มีปัญญาบินเนี่ยนะ)

โดยคุณ skysky เมื่อวันที่ 26/07/2013 17:26:30


ความคิดเห็นที่ 9


   55555.........ถ้าเป็นเรื่องจริง......และถ้าประเทศไทยเราไม่อยากพึ่งอเมริกามากจนเกินขอบเขตไป   gripen ก็  gripen  ครับ     ถ้าใช้ร่วมกับ   AEW&C  ผมก็ยอมรับได้ว่าสามารถตั้งรับข้าศึกได้แน่นพอๆกับ  F-15 E   SU-30   (แต่จะไปรุกเขา  คงต้องพึ่ง F-16 ฝูง 403 หรือ F-35 แทนถ้ามีการจัดหา)       

  ดูๅแล้ว  SAAB  ค่อยๆหมดตัวเลือกไปทีละน้อยนะครับ    การตลาดสู้พวกอเมริกัน+เกาหลีไม่ไหว     ถ้า  F-35  และ  F-50  ออกสู่ตลาดเต็มตัวเมื่อไหร่จะยิ่งลำบากมากขึ้นสำหรับ  SAAB

  แต่แบบนี้ดีแล้วครับ    เพราะเป็นการบีบ  SAAB  ให้ต้องยอมรับข้อเสนอและการต่อรองต่างๆจากเรามากยิ่งขึ้น    ถ้า  L-39  ของเราถูกทดแทนด้วย   T-50   ก็จะยิ่งเป็นการบีบให้  SAAB  ต้องง้อเราสุดขึดมากยิ่งขึ้น (เพราะมีเสียว)

 

  ถ้าทอ. อัฟริกาใต้ขาย 12  เครื่องแรกมาน่าสอยนะครับ    ผมเดาราคาขายมือสองให้เรา    น่าจะอยู่ในช่วง  50-60  ล้านเหรียญ       และทางเราน่าจะสามารถต่อรองลงไปได้อีกว่า   ถ้าคุณลดราคาให้   ฝูงที่เหลือ   อยากขายอีก   เรายินดีที่จะรับซื้อต่อ   เหมาหมดว่าง่ายๆ

   พวกเครื่องที่ไม่ค่อยมีใครเล่นจะขายยาก   เหมือนๆรถยนต์ค่ายที่ไม่ค่อยมีใครเล่นจะขายยากและราคาไม่ดีครับ    

 ถ้าเรารับซื้อมาทั้งหมด 26  เครื่อง     บวกของเก่าที่มีก็จะทำให้เรามีเครื่อง  Jas-39  38  เครื่อง    จะกลายเป็นลูกค้าคนสำคัญสำหรับ  SAAB  ไปโดยปริยาย     ทำให้ต่อรองเรืื่องต่างๆจาก  SAAB  ได้เป็นอย่างมาก    แม้แต่การร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่าง  SAAB  กับ  TAI

 

   แต่เครื่องของ  เกาหลี+  อเมริกา  ก็คงต้องซื้อใช้นะครับ    เอามาเป็นเกมส์ต่อรองกับ  SAAB  ได้ดีสุดๆ     และ  Jas-39   ก็เอาไว้ต่อรองอเมริกา+เกาหลี  ได้ดีสุดๆเช่นกันครับ

 

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว   Jas-39  จำนวน  3  ฝูง  ฝูงละ 18-20  เครื่องไปเลยครับ   และ  T-50  อย่างน้อย  3 ฝูง  60  เครื่อง        ใช้ต่อรองกับทั้งสองฝั่งได้ดีสุดๆ     

 

 

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 26/07/2013 23:11:33


ความคิดเห็นที่ 10


ผลหละสงสัยมากเลยนะ ว่า ทำไม พวกคุณ ๆ ถึง ชอบ เกาหลี กันจัง .....

ในฐานะที่ทำงานกับประเทศห่วย ๆ นี้ มา 5ปี + ตกนรกกับ Roomate ตอนเรียน อีก 3ปี 

ขอบอกเลยว่า เราซื้อสินค้า จาก เกาหลี รับรอง น้ำตาตกใน

 

โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 27/07/2013 07:52:05


ความคิดเห็นที่ 11


เป็นมือสองที่เกือบซิงเลยทีเดียว งานนี้ถ้าขาย ใครมีเงินก็ ย้ายทีมกันทันที ผมว่าดี แต่ในทางเทคนิคผมไม่รู้นะว่าต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกหรือไม่ แต่ถ้ามีเงินและเค้าจะขาย ก็ไม่ต้องรอผลิต แต่ต้องมีคนอื่นจ้องงาบมากแน่เลย

โดยคุณ fighttt เมื่อวันที่ 27/07/2013 08:07:54


ความคิดเห็นที่ 12


รอดูข้อเสนองามๆ....กำตังค์ไว้ก่อนดีกว่า..................

โดยคุณ jaidee เมื่อวันที่ 27/07/2013 11:41:08


ความคิดเห็นที่ 13


   เหรอครับ   งั้นที่บ้านก็คงไม่มีสินค้าเกาหลีเลยสักตัวน่ะสิครับ    แต่ก็แปลกในเมื่อมันเฮงซวยขนาดนั้น   ไปเรียนทำไมที่นั่น   ไปหาเงินที่นั่นทำไม ......................  ในเมื่อมันห่วยแตก   เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกงเลยนะครับนี่

 

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 27/07/2013 19:13:44


ความคิดเห็นที่ 14


เอาเป็นว่า  แล้วแต่ละกันครับ 

แค่ ให้มุมมองของคนที่เคยอยู่ในวงจรการทำงานกะประเทศนั้น ๆ ใครไม่ทำไม่รู้ครับ 

 

โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 29/07/2013 14:46:19


ความคิดเห็นที่ 15


ด้วยความเคารพนะครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เครื่องเกาหลี เป็นjetรุ่นแรก ที่เกาหลีผลิต ยังไม่มีใครนำเข้าประจำการนอกจากเกาหลีเอง (สั่งซื้อมีอินโด กะฟิลิปินแต่ยังไม่เข้าประจำการ) ซึ่งไม่รู้ว่า techology ในการผลิจ บ เจ็ท ของเกาหลีmature หรือยัง ทำไมเราถึงมั่นใจใน บ รุ่นนี้ละครับ 

ยกตัวอย่าง รถ ญี่ปุ่นและรถเกาหลีใน ยุคแรกๆก็ห่วยเหมือนกัน ต้องใช้เวลาในระดับหนึ่งถึงจะmature จึงมีคุณภาพดี อาจจะดีกว่ารถ อเมริกันด้วยซ้ำ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องปรกติของ อุสาหกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งหากเราเทียบกับ บ ในระดับเดียวกันของ ประเทศอื่นๆ เช่นอิตาลี่ รัสเซีย หรือ แม้นกระทั้ง เชคเอง ที่พัตนามานานกว่า มาก จะว่าไป เทคโนโลยีอากาศยานของจีนพัตนามานานกว่าเกาหลีอีกเรายังไม่ค่อยจะมั่นใจกันเลย ทำไมหลายๆท่านถึงเชื่อมั่นใน บ รุ่นแรกของเกาหลีล่ะครับ เราควรรออีกสักระยะไหม สำหรับ บ เกาหลี 

โดยคุณ skysky เมื่อวันที่ 30/07/2013 00:33:24


ความคิดเห็นที่ 16


คุยกันดีๆสิ บ้านผมไม่มี สินค้าเกาหลีเลย คงว่าได้นะ ว่าของใช้มันห่วยจริงๆ. แต่ผมไม่ได้แอนตี้เกาหลีนะ คุณ u361.... ช่วยเล่าประสบการณ์ที่เกาหลีให้ฟังหน่อยสิ ว่ามันเป็นไง
โดยคุณ end เมื่อวันที่ 30/07/2013 08:28:42


ความคิดเห็นที่ 17


เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่า เกาหลี กับ ญี่ปุ่น  น่าไปเที่ยว แต่ ไม่น่าไปอยู่

ยิ่งนิสัยคนเกาหลีนี่ เห็นแก่ตัวสุดๆแถมชอบดูถูกคนอื่นด้วย

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า เรื่องสินค้า กับ นิสัยคนผลิต มันคนละเรื่องกันเลยน่ะ

ส่วน สินค้าเกาหลี  ผมใช้ทีวี Distar ก่อนจะเปลี่ยนชื่อ เป็น samsung

และ ยี่ห้อ Goldstar ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น LG ..คุณภาพ พอๆกับจีนแดง

สู้คุณภาพของ ธานินทร์ ของไทยยังไม่ได้เลย

ปล.  หวังว่า ผมคงไม่พากระทู้นี้ออกทะเลน่ะ  อิอิ

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 31/07/2013 15:50:16