ปัญหาการก่อความไม่สงบใน จชต. ทำให้มาเลเซียต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการ
เจรจามากกว่าปกติเพราะอะไรหรือ

 ในอดีตกองกำลังติดอาวุธของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา หรือ พคม. (The
Communist Party of Malaya - CPM) ที่หลบหนีการปราบปรามของรัฐบาลมาเลเซีย
เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการและเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทยกับมาเลเซีย และเนื่องจาก
สมาชิกส่วนใหญ่ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธิ์จีนจึงทำให้มีชื่อเรียก และรู้จักกันในนามว่า
“จีนคอมมิวนิสต์มลายา” หรือ “โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา” หรือ เรียกสั้นๆว่า “จคม.”
เราก็ไม่ให้ความสำคัญในเรื่องที่พักพิงตามแนวชายแดน คล้ายๆกับเหตุการณ์ใน จชต. ที่
กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาศัยที่พักพิงแนวชายแดนประเทศมาเลเซียนั่นแหละ จนเมื่อ ปี
พ.ศ. 2524 พลโทหาญ ลีลานนท์ เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวต่อหน้า
สื่อมวลชนว่า “...อะไรเป็นเงื่อนไขการแตกแยกของคนไทยมุสลิมและไทยพุทธเราต้องขจัด
ออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและมาเลเซียจะต้องยกระดับอันดีต่อกัน...” และ
หลังจากนั้นไทยได้ช่วยมาเลเซียปราบ จคม. จนสิ้นซาก

 เมื่อไม่นานมานี้สำนักข่าวในมาเลเซียได้รายงานว่า ประเทศจำเป็นต้องเพิ่ม
งบประมาณในการรักษาผู้ติดยาเสพติดซึ่งมีมากถึง 60,000 ราย โดยเฉพาะตามจังหวัดทาง
ภาคเหนือ(ก็ติดชายแดนไทยนั่นแหละ) และยังได้นำเสนอกฎหมายให้ใบกระท่อมเป็น
ยาเสพติดชนิดหนึ่ง อีกทั้งยอมรับว่ายาเสพติดส่วนหนึ่งผ่านประเทศมาเลเซียส่งต่อไปยัง
ประเทศที่สามเช่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ทำให้ปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรงมาก
ขึ้นมาโดยตลอด มาเลเซียก็ทราบดีว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน จชต. ที่อาศัยตามแนว
ชายแดนมาเลเซียได้เปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้จากการทำร้ายร่างกาย ฆ่าครู ฆ่าพระสงฆ์ ฆ่า
คนไทยพุทธ มาเป็นการก่อการร้าย การก่อวินาศกรรม ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
และแหล่งทุนที่หาได้ง่ายก็ไม่พ้นเรื่องยาเสพติด มาเลเซียมองว่าการลดความรุนแรง การ
เจรจาเป็นเรื่องที่ไทยต้องหาข้อยุติเอง ส่วนมาเลเซียแค่ทำหน้าที่เป็นคนกลางและเป็น
กระบอกเสียงในข้อเรียกร้องต่างๆ ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ว่ากันว่าได้ทั้งชื่อเสียงในเวที
โลกและการแก้ปัญหาการค้ายาเสพติดไปพร้อมๆ กัน

 กรรมใดใครก่อผลกรรมผู้นั้นก็รับไป เมื่อเราเคยมองว่าเรื่อง จคม. ในอดีตเป็นเรื่อง
ของมาเลเซียแต่ไทยให้ความช่วยเหลือ มาวันนี้ปัญหา จชต. ซึ่งมาเลเซียมองว่าเป็นเรื่อง
ของไทย ก็เลยทำให้มาเลเซียต้องมารับกับปัญหายาเสพติดด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็ด้วยการ
ให้ที่พักพิงผู้กระทำผิดตามแนวชายแดนไทยและมาเลเซียนั่นเอง