หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ไทยยิงพม่า

โดยคุณ : doomss เมื่อวันที่ : 11/07/2013 16:05:15

ท่านใดพอจะทราบเเหตุการณ์นี้บ้างครับ อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร

 

 ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าวว่า คนจะพูดแบบนั้นได้ต้องรู้ลึก หลายเรื่องไม่ใช่เกิดเฉพาะปัจจุบัน มันถอยหลังกลับไปนับสิบปี ตั้งแต่สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยังเป็น ผบ.ทบ. ถ้าคนพูดไม่รู้เรื่องเหล่านี้จะเอาอะไรมาพูดได้ อย่างเรื่องที่ พล.อ.สุรยุทธ์ไปชี้แจงนั้น ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ แล้วเรียกเฉพาะกระทรวงความมั่นคงเข้ามาฟัง ซึ่งประกอบด้วยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ตนในฐานะ รมว.มหาดไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็น รมช.กลาโหมเท่านั้น
       
       “ขณะนั้นถ้าผมจำไม่ผิดคือปี 45 ก็มีคำถามนายกฯ (พ.ต.ท.ทักษิณ) เป็นคนถามว่า “พี่ ยิง (ประเทศเพื่อนบ้าน) ไปกี่นัด” ไม่ใช่ปืนกล ปืนใหญ่ครับ คำตอบที่ผมได้ยินมากับหูคือ 3,000 นัด นี่คือประเด็นหนึ่งที่มันลึกมาก และในเหตุการณ์นั้นไม่มีใครนั่งอยู่ มันผ่านมา 10 ปีแล้วน่าจะจบแล้ว ไม่มีการพูดกันที่อื่น ลับสุดยอดเฉพาะที่เรียกเข้ามา ครม.ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ที่ได้ยินก็มีเฉพาะกลุ่มเล็กๆ ที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมมาพูดถึง และเหตุการณ์มันผ่านมากระทั่ง ผบ.ทบ.ท่านนั้นกลายเป็นนายกฯ กลายเป็นองคมนตรีไปแล้ว เรากับพม่าก็สงบเลิกแล้วต่อกันไปแล้ว 11 ปีมาแล้ว” ร.ต.อ.ปุระชัยกล่าว

 

จากข่าว

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000083261

 

 





ความคิดเห็นที่ 1


เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้ดำเนินการไปอย่างนั้น ณ สถานการณ์ช่วงดังกล่าว........................ไม่งั้นก็จะไม่มีวันนี้....?????

โดยคุณ jaidee เมื่อวันที่ 09/07/2013 21:22:45


ความคิดเห็นที่ 2


มันมีหลายเหตุการณ์ครับ ทั้งตอนที่กองทัพพม่ากำลังเข้ากวาดล้างกลุ่มไทยใหญ่ (แล้วจู่ๆก็มีกระสุนปืนใหญ่จากไหนก็ไม่รู้มาช่วยยิงสนับสนุนกองกำลังไทยใหญ่แบบไม่ทราบสาเหตุ)

และตอนที่เมืองยอนโดนถล่มแบบไม่ทราบสาเหตุ(เมืองหลวงของกลุ่มว้าแดงกำลังเรืองอำนาจในตอนนั้น) ได้ยินมาว่าเมืองยอนโดนถล่มในครั้งนั้นครั้งเดียวแบบย้อยยับชนิดแทบจะไม่เหลือความเป็นเมืองเลยจนต้องย้ายเมืองหนีออกไปอีกให้ห่างจากชายแดนไทย

แต่ว่าจะเหตุการณ์ใดก็ตามก็อย่ารู้มากไปกว่านี้เลย เพราะเดี่ยวจะโดน แบนหรือถอนกระทู้ออกอีกโดยท่าน Admin

เอาเป็นว่าทุกเหตุการณ์ในสมัยนั้น ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยทั้งสิ้น

ส่วนสื่อที่คุณอ่านในเวปไซด์ที่คุณอ้างอิงอยู่นั้น อย่าไปให้น้ำหนักอะไรกับมันมากนัก เพราะมันชอบนำเสนอข่าวแบบด้านเดียวเสมอๆ

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 08/07/2013 20:52:45


ความคิดเห็นที่ 3


ก็แค่อยากรู้เรื่องราวแค่นั้นครับ มันผ่านมาเป็น10ปีแล้ว คงไม่จำเป็นต้องปิดเป็นความลับขนาดนั้นแล้วมั้งครับ

ตอนนั้นผมก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ท แค่จำได้แค่ว่า เกิดการรบตามแนวชายแดน แล้วทางเราส่ง f-16 บินไปขู่เอาเสียงโซนิคบูม ไปข่มจนอีกฝ่ายล่าถอยไป ตามข่าวเขาว่ามาแบบนี้ แต่จะใช่เหตุการณ์เดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ครับ ก็เลยอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นครับ

โดยคุณ doomss เมื่อวันที่ 08/07/2013 21:15:00


ความคิดเห็นที่ 4


ท่าน doomssd กับท่าน ObeOne ครับ เรื่องนี้ผมก็เคยโพสมาเเล้วครับเเต่มันก็ได้คำตอบครึ่งๆกลางๆคงเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระมังครับ ในส่วนที่ผมรู้มาจากทหารคือเมืองยอนเป็นเเหล่งผลิตยาเสพย์ติดในสมัยนั้นมีนโยบายกวาดล้างเลยมีการวางเเผนกวาดล้างจากต้นตอ ตอนเเรกจะใช้กำลังทหารบุกเข้าถล่มโดยตรงมีการวางเเผนให้มีทหารส่วนหนึ่งเข้าประชิดชายเเดนพม่าด้านใต้เพื่อดึงกำลังทหารพม่าที่จะไปสนับสนุนเมืองยอน จากนั้นกำลังหลักค่อยบุกเข้าเมืองยอนโดยมีการรวมพลที่จังหวัดหนึ่งในภาคเหนือเเต่เเผนล้มเลิกกลางคัน..เท่าที่รู้มานะครับประมาณนี้ ถ้าจะหาข้อมูลเพิ่มคงต้องหาอ่านพวก โปนเชนตงเอาหรือจากคำบอกเล่าจากปากของทหาร

 

โดยคุณ กลับสู่สามัญ เมื่อวันที่ 08/07/2013 21:20:36


ความคิดเห็นที่ 5


ลองไปหาจาก google เจอลิงค์นี้ http://wetttien-wett3t.blogspot.com/2011/09/blog-post.html เนื้อหาออกจะเขียนเชียร์จนออกนอกหน้ามากไปหน่อย แต่อย่าเอาการเมือง หรือ ความชอบส่วนบุคคลเข้ามาตัดสินนะครับ อยากให้จับใจความการปะทะที่พม่า กับกรณีที่เขมรเผาสถานทูต ผมไม่ยืนยันว่าข้อมูลจริงทั้งหมดแต่ผมว่าน่าจะมีมูลความจริงบ้าง แต่อ่านแล้วฮึกหืมดี

โดยคุณ weerap เมื่อวันที่ 08/07/2013 22:08:31


ความคิดเห็นที่ 6


ถ้าจำไม่ผิดไทยมีปัญหากับว้าแดงเรื่องยาเสพติด พม่าก็สนับสนุนว่าตีไทใหญ่อยู่เรื่อยๆ แต่ด้วยนโยบายต่างประเทศที่ไทยมีต่อพม่าเริ่มเปลี่ยนไป ว้านั้นต้องเผ่นหนีไปสร้างเมืองใหม่ติดกับชายแดนจีน(กลัวโดนตีขนาบ) 

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 08/07/2013 22:28:46


ความคิดเห็นที่ 7


จำได้ว่ามีทหารกองพันหนึ่งของไทย ถูกส่งเข้าไปละลายฐาน ฝั่งโน้นยับโดยไม่เลือกฝ่าย

ทั้งพม่า หว้า กะเหรี่ยง จนเขาเรียกว่ากองพันปิสาจ อ่ะครับ

แต่เขาเล่าว่าเหตุการณ์นี้มันมีหลายเบื้อง ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง และ"เบื้องลึก"

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 08/07/2013 22:30:48


ความคิดเห็นที่ 8


ยุทธการบ้านหินแตก  ใช่ตัวนี้ปะพอดีอ่านเจอเมื่อคืน

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=532369606828170&set=a.424714767593655.101108.424674147597717&type=1&theater

โดยคุณ l2oss เมื่อวันที่ 08/07/2013 23:45:14


ความคิดเห็นที่ 9


ท่าน obeone พอจะ PM มาให้ผมได้ไหมครับคืออยากศึกษาจริงๆเด็กรุ่นใหม่ๆก็อยากจะศึกษาบ้างอะไรบ้างคงไม่ว่ากันน่ะครับ

ส่งมานี่เลยครับ[fitalipz_nakkeaw@hotmail.com]

ปล.คงไม่โดนลบน่ะครับเพราะ PM เอาไม่ได้เปิดเผยสาธารณ

โดยคุณ FiTaLipz เมื่อวันที่ 09/07/2013 00:48:14


ความคิดเห็นที่ 10


คนละเหตุการณ์กับยุทธการบ้านหินแตก นี้มันตอนปี 45 แสดงว่าคลิปนี้เป็นคลิปเสียงเก่า

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 09/07/2013 08:31:30


ความคิดเห็นที่ 11


สมัยนั้นผมอยู่ชายแดนพอดี(ปี 45) นอนๆอยู่กลางคืนก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่นะบ่อยด้วย

 

โดยคุณ seekmen เมื่อวันที่ 09/07/2013 08:45:56


ความคิดเห็นที่ 12


เอาง่ายๆ มีแต่ข่าวว่า เค้าเล่ามา ฟังเค้ามาอีกที ผมก็อยู่ในประเภทนั้น เลยไม่ขอนำมาถ่ายทอดให้ฟังนะครับ แต่มีข่าวผ่านหน้า สื่อต่างๆ จะเป็นข่าวว่า ทอ.ทำโซนิคบูมใส่ฝั่งพม่า เพื่อเป็นการขู่แต่มีการออกข่าวจากฝั่ง ทอ.ภายหลังว่า บริเวณนั้นเป็นเทือกเขา อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ (ประมาณนั้นนะครับ ผมจำไม่ค่อยได้) แต่มีข่าวจากฝั่งต่างประเทศ ที่ หนังสือ     ท็อปกัน หรือ สมรภูมิ อะไรสักเล่มเอามาแปล ซึ่งเป็นบทความเกี่ยวกับการที่ พม่าซื้อ มิก 29 เพราะมีสาเหตุมาจากเรื่องนี้ และกองกำลังของไทย เอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดถล่ม ซึ่งในตอนนั้น ศักยภาพทางอากาศพม่าสู้ไทยไม่ได้ครับ 

ประมาณนี้นะครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องข้อเท็จจริงโดยตรง ผมไม่สามารถรู้ได้ครับ

 

แต่มีลองเข้าไปอ่านที่ นี่ดูครับ

 

http://board.postjung.com/563013.html

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 09/07/2013 09:27:52


ความคิดเห็นที่ 13


ตามที่ท่านนก โพสมา น่าจะชัดเจนนะครับ เรื่องราวตามนั้นแหล่ะครับ

เราส่ง ฉก.90 เข้าไปละลายฐานเค้า ซึ่งชนกลุ่มน้อยไม่มีศักยภาพขนาดนั้นแน่

แถมยังเปิดยุทธการซ้อมรบสุรสีห์ 143  แต่ที่ขนไปกระสุนจริงทั้งนั้น

ทำให้พม่าต้องสั่งปิดด่านทั่วประเทศ จนเฮียแม้วต้องออกมาเตือน

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 09/07/2013 10:28:44


ความคิดเห็นที่ 14


"ส่วนสื่อที่คุณอ่านในเวปไซด์ที่คุณอ้างอิงอยู่นั้น อย่าไปให้น้ำหนักอะไรกับมันมากนัก เพราะมันชอบนำเสนอข่าวแบบด้านเดียวเสมอๆ" คุณ ObeOne ก็ว่าเขาเกินไป ทั้งหมดคือการเอามาจากการถอดคำพูดของ Clip ที่เข้าว่าเป็นนักหารเมืองดังเขาคุยกัน แล้ว Clip นั้นมาได้ไงนั้นจากที่ผมได้ยินคือ มีนักข่าววิทยุสายทหารโทรเข้าไปหานักการเมือง 1 ในนั้นแล้วท่านก็ลืมว่างสาย นักข่าวคนนั้นก็เลยถือวิสาสะอัดเอาไว้ จากที่รู้มานี้คือที่มาของ Clip ที่นี้ผมจะไม่พูดถึงประเด็นทางการเมืองในปัจจุบัน แต่ผมจะพูดถึง เหตุการณ์ในอดีต เรื่องที่ไทยเกิดเหตุปะทะพม่านั้น เป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริง จากข่าว TV ตอนนั้นถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ปะทะตามแนวชายแดนธรรมดา แต่ความจริงแล้วการรบครั้งนั้นมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ โดยมีการใช้กำลังตอบโต้กันตามลำดับขั้นตอนในตอนต้น แต่มีอยู่ 1 เหตุการณ์ที่ทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตอนนั้นยังเป็น ผบ.ทบ. ต้องตัดสินใจในการส่ง  ฉก.90 และร้องขอกำลังทางอากาศนั้น ตลอดจนจัดชุดใหญ่ให้พม่า จนใน Clip ดังกล่าวมีคำพูดที่ว่า "จู่ๆ บุก เอาทหารไปยิงพม่า แล้วมาเบิกเงินหลวง" (พันล้าน) ก็มาจากเหตุการณ์นี้แหละครับ หลายคนในบอร์ดนี้รู้ดีว่าทำไม ทบ. จึงจัดชุดใหญ่ให้พม่า การปฏิบัติการในครั้งนั้นไม่ได้ทำแบบเล่นๆเหมือนทำกับเขมร ผมถือว่าการรบในครั้งนั้นเป็นการรบที่แสดงถึงศักยภาพของทหารไทยอย่างชัดเจน คือมีทั้งรบในรูปแบบและนอกรูปแบบ ส่วนเหตุการต่างๆอยากรู้เพิ่มเติมลอง Search หาคำเช่น "กองพันปีศาจ" "ฉก.90" "กู่เต็งนาโยง" หรือ "การสู้รบที่เนิน ๙๖๓๑" ลองดูครับมีคนเขียนไปเยอะแล้ว

โดยคุณ Odin เมื่อวันที่ 09/07/2013 15:28:37


ความคิดเห็นที่ 15


เรื่องมันเริ่มจาก..1/ พม่ายิงปืนใหญ่ (หรือปืน ค) เข้ามาในเขตพระราชฐาน (โครงการหลวงอ่างขาง ?) 2/ พวกว้า พวกพม่า มันผลิตยาเสพติดใกล้ๆ ชายแดนและส่งเข้ามามากเหลือเกิน เป็นการบ่อนทำลายไทยทางอ้อม 3/....4/...ฯลฯ   เอาข้อ 2 ก่อน ดังนี้ อเมริกากับไทยก็เลยเปิดปฏิบัติการร่วมพิเศษ มีการจัดตั้งหน่วยรบพิเศษที่จะเข้าไปทำงานในพม่า ชื่อ ฉก เป็นเลข3ตัว ไม่ใช่ ฉก90 มีการเตรียมกำลังเตรียมความพร้อมกันที่ค่ายรบพิเศษ 5 เชียงใหม่  ภาระกิจก็คือการเข้าไปทำลายโรงงานผลิตยาเสพติดในพม่า   ส่วนข้อ 1 ไทยตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่ถล่มค่ายทหารพม่าหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือค่ายที่เวลาเราไปแม่สายจะเห็นชัดๆ บนเนินริมแม่น้ำสาย  ข่าวว่าทหารพม่าสูญเสียหนัก มีนายทหารระดับนายพันตาย ฯลฯ   ส่วนเหตุการณ์แวดล้อมเท่าที่เห็นคือไทยส่งรถถังขึ้นรถเทรลเล่อร์ขึ้นเหนือไปเชียงใหม่เชียงราย ชนิดทั้งวันทั้งคืน เป็นที่เห็นที่ทราบกันทั่วในเวลานั้น ส่วนจะเอาไปบุกหรือไปยันพม่านั้นไม่รู้  รู้แต่ว่าพม่าถอนส่วนบังคับบัญชาไปชุมนุนพลตั้งรับที่เชียงตุง (ถอยไป 170 ก.ม.จากชายแดน) ดังนั้นที่ว่าพม่าเตรียม 4 กองพลไว้บุกไทยนั้น ผมเข้าใจว่าเตรียมไว้ยันเรามากกว่าครับ ไม่งั้นคงไม่ถอย (ถอน) กราวรูดเร็วอย่างนั้นหลังจากโดนถล่ม   ผมว่าพลเอกสุรยุทธทำถูกแล้วครับ โดยการรับรู้ของรัฐบาลยุคก่อนทักษิณ และจนปัจจุบันผ่านมาสิบกว่าปี ผมไม่เคยเห็นผู้นำทางทหารไทยคนใดกล้าหาญเช่่นนั้นอีกเลย

โดยคุณ ny เมื่อวันที่ 09/07/2013 16:15:16


ความคิดเห็นที่ 16


เอาเป็นว่าถ้าเป็นสหรัฐอเมริกาอาจถูกขึ้นศาลทหารฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยตรงโทษสูงสุดให้ออก ส่วนผลที่ตามมาคือมีคนสะใจที่ทำให้ทหารของประเทศเพื่อนบ้านตาย แต่คนส่วนใหญ่ซวย เรือประมงถูกยกเลิกสัมปทาน สัมปทานด้านพลังงานถูกยกเลิกเกือบหมด แถมเรื่องพลังงานกลายเป็นจุดอ่อนที่ทางพม่าเอามาบีบเราจนทุกวันนี้

 

โดยคุณ Batnight เมื่อวันที่ 09/07/2013 19:26:59


ความคิดเห็นที่ 17


ไม่ได้กล้าหาญเลยครับ คหสต. บุ่มบ่ามซะมากกว่าเพราะอะไรผมไม่กล้าพิมเพราะจะโดนแบนเอาแต่อยากให้ไปมองหลายๆด้านครับหลัง

จากนั้นเราเสียอะไรไปบ้างอย่าพึ่งเอาแต่ความสะใจ

โดยคุณ FiTaLipz เมื่อวันที่ 09/07/2013 20:35:55


ความคิดเห็นที่ 18


อืม....โตไม่ทัน ^_^ (ตอนนั้นยังเด็กอยู่) เท่าที่อ่านดู คหสต.นะ คือถ้าเป็นการทำโดยพลการของ ผบ.ทบ. ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ

ผู้นำสูงสุดของประเทศคือ นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ฟังนายกมันก็....ยังไงดีหละ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาควรทำอ่ะคับ

ถึงแม้ว่าทำไปแล้วจะสะใจวุ้ยย ทหารไทยเหนือกว่าทหาร........อีก แค่กองพันเดียวตีแตกทั้งฐาน

ผลพวงจากเหตุการณ์ท่าน ผบ.ทบ ต้องไปนั่งเป็น ผบ.สส แทนเลยใช่เปล่าครับ

โดยคุณ yotha เมื่อวันที่ 10/07/2013 01:33:33


ความคิดเห็นที่ 19


ผบ.ทบ. = ผู้บัญชาการทหารบก = คุมทหารบก

ผบ.สส. = ผู้บัญชาการทหารสูงสุด = คุมทุกเหล่าทัพ ทอ. ทบ. ทร.

ต้องเรียกว่าท่านได้เลื่อนตำแหน่งครับ อิอิ (แต่ทำไม๊ ทำไม ผบ.ทบ.ทุกท่านถึงอยากเกษียณที่ ผบ.ทบ.กันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากขึ้นมาตำแหน่ง ผบ.สส.เลยสักคน อิอิ)

โดยคุณ sanchai0045 เมื่อวันที่ 10/07/2013 01:48:24


ความคิดเห็นที่ 20


ผบ.สูงสุดเป็นตำแหน่งเฉพาะ (ประมาณหัวโขนนั้นแหละ) ไม่ได้คุมกำลังพลไม่ได้บริหารนโยบายและงบประมาณของเหล่าทัพเหมือนกับผบ.เหล่าทัพ ครับ จะมีอำนาจเต็มก็ต่อเมื่อ ประเทศไทยได้ประกาศสภาวะสงครามแล้วเท่านั้น

เหมือนในช่วงสงครามร่มเกล้านั้นละครับ ที่ท่านพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็น ผบ.สูงสุด ที่มีอำนาจสั่งการทั้ง 3 เหล่าทัพอย่างเต็มที่

 

ในกรณีเหตุการณ์ที่ชายแดนทางตอนเหนือปู้นนน.....ในช่วงนั้น การกระทำการโดยพละการของ "......." (นี่เซนเซอร์เองเลย)ท่านนั้นมันก็ผิดจริงๆครับ(และผิดวินัยอย่างร้ายแรงด้วย) จริงๆต้องทำตามขั้นตอน คือต้องส่งเรื่องขออนุญาตไปถึง ผบ.สูงสุดและส่งเรื่องต่อไปยังรมต.กลาโหมแล้วกลาโหมส่งไปถึงท่านนายกฯ แต่อย่างว่าก็รู้ๆกันอยู่ว่า ".........." ท่านนั้นในทางลับเป็นคนสนิทชิดใกล้ของใคร อย่าให้ต้องบอกนะเดียวโดยเซนเซอร์อีก อิอิ....)

เรื่องพวกนี้ยังมันอะไรที่ ลับ ลวง พรวง อีกเยอะแยะ ทั้งเรื่องผลประโยชน์ ( มีใครในที่นี้เคยถามบ้างไหมว่าพวกไทยใหญ่เอาอาวุธมาจากไหนไปรบสู้กับพวกพม่าและใครเป็นคนคอยขายและส่งอาวุธให้พวกไทยใหญ่และพวกกะเหรี่ยง)

ปล.ในที่นี้ผมไม่ได้ระบุถึงชื่อใครหรือตัวบุคคลนะครับ และที่มีระบุชื่อก็เป็นไปตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด

 

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 10/07/2013 10:15:36


ความคิดเห็นที่ 21


ใช่ผมก็ยังวัยรุ่น จำได้แม่นเลยคือ มีลูกปืนใหญ่ตกมาทางเราด้วย ข่าวแจ้งว่าเราเตือนแล้วก็ยังยิงมาอีก (แสดงว่าลึกๆคงโซ้ยกันอยู่ในป่าก่อนแล้ว) ช่องหลายสีออกข่าว แม่ทัพภาคให้สัมภาษณ์โกรธมาก บอกเราจะยิงกลับ เตรียมกระสุนไว้พร้อมแล้ว สำรับคนในประเทศข่าวออกวันสองวันแค่นั้น และก็หายไปแบบไร้ร่องรอย  มาวันนี้คลิปที่ฟัง...มันก็แล้วแต่ ช่างมันใครเชื่อ-ใครไม่เชื่อ แต่สำหรับผมลองจับประเด็นตามความเชื่อส่วนตัวได้ว่า คนที่อยากลงมือและได้ลงมือถล่มโรงงานยานรกจริงๆคือทหารของเราครับ และคนที่โกรธไม่ใช่แค่พม่าแต่เป็นบุคคลที่อยู่ฝั่งเราเอง ใครที่ปักใจเชื่อว่าเค้าคือคนที่คิดถล่มยานรก ก็คิดใหม่เสีย ทหารของเราต่างหากที่ รบเพื่อชาติ ราชา และประชาชนจริงๆ แต่ในคลิปถ้าจริงผมใจหายมากกับช่วงที่บอกว่า มาขอเงินเพราะเอาคนกลับออกมาไม่ได้ 

โดยคุณ fighttt เมื่อวันที่ 10/07/2013 16:39:59


ความคิดเห็นที่ 22


เอาเป็นว่า งานนั้นเรา ถล่ม พม่า / ชนกลุ่มน้อย / กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ละลาย หาย ไป ทั้งเมือง เล่นเอา พม่า ย้ายเมือง ละกัน

โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 10/07/2013 23:11:20


ความคิดเห็นที่ 23


เหตุการณ์มันเริ่มมาตั้งแต่สมัยชวนแล้ว คือเรื่องยาเสพติดจากพม่ามันเข้ามาหนักมาก. ก็เลยเกิดปฏิบัติการร่วมกับอเมริกา มีการฝึกมีการเตรียมการล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ฝึกรบกันในป่าหลังค่ายรบพิเศษ 5 เชียงใหม่ ใช้ทหารราบ 2 กองร้อย รบพิเศษ 1 กองร้อยและ ตชด อีก 1 กองร้อย มีการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยรบพันธมิตรนอกประเทศ ฝึกการใช้อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคทันสมัย ฝึกจู่โจมกลางคืนจากฮอ คนเชียงใหม่รู้กันทั้งเมืองว่าเราเตรียมเข้าพม่า รู้ด้วยว่าจะไปทำลายโรงงานยานรก 555 เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐไทยกับอเมริกา จากงานนี้มันก็ต่อเนื่องไปหาเรื่องยิงพม่านั่นแหละเพราะมันต่อเนื่องกันแทบเป็นเรื่องเดียวกัน คือเราถล่มเอาๆเล่นเอาพวกว้าเละเทะ พม่าลูกพี่ก็ไม่พอใจส่งกำลังพร้อมอาวุธหนักกดดันเรา ก็ยิงกันด้วยประการฉะนี้ ซึ่งต้นเหตุก็มาจากพม่าปล่อยให้ลูกน้องผลิตยาเสพติดส่งเข้าไทยนั่นเอง ใครอยากรู้เรื่องราวก็พิมพ์คำว่า ฉก. 399 หาในกูเกิลแล้วกันครับ

โดยคุณ ny เมื่อวันที่ 10/07/2013 23:29:52


ความคิดเห็นที่ 24


399 เป็นหน่วยหนึ่งที่สแตนบายเอาไว้ ซึ่งหน่วยสแตนบายและออกงานก็ไม่ได้มีหน่วยเดียวแน่ๆผมว่า

เพราะตามประวัติ หน่วย กองพันจู่โจม ก็ได้ส่งกำลังหนึ่งกองร้อย  เข้าตีเพื่อผลักดันกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเมื่อคราวโน้นเหมือนกัน

http://rangerth.com/history.html อันล่างๆ

 

ตอนนั้น มันมีหลายๆช๊อต เริ่มตั้งแต่ มีชุด รพศ[น่าจะเป็น 399] แอบ เข้าไป ทำลายโรงงานยาบ้า

แต่จุดที่สายciaบอกดันไม่ไช่โรงงานยาบ้า แต่เป็นฐานทหารพม่า ในขณะที่ชุดนั้นล่าถอย

[หลายข่าวจะบอกว่า หว้า หรือไทยใหญ่เข้าตีฐานทหารพม่า พม่าเลยรุกกลับ แล้วก็หนีเข้าฝั่งไทย]

ทหารพม่าก็ไล่คืนมาจนถึง ฝั่งไทยแล้วก็ยึดฐาน ทหารพราน แล้วตอนนั้น ไทยก็ไช้อีกชุดหนึ่งไปยึด ฐานทหารพรานคืน

ในขณะที่ทหารพม่าเสริมกำลังแถวตะเข็บชายแดน ไทยได้ส่งอีกหน่วย เข้าตีเพื่อผลักดัน ในฝั่งพม่า

ตรงนี้ตามที่ใครหลายๆคนพูดถึงจะเป็นอดีตกองร้อย ของกองพันจู่โจมที่เป็น เป็น กลุ่มที่เข้าตีแหลก พม่า หว้า กะเหรี่ยง

หลังจากนั้นก็มีการจัดหนักกันพักใหญ่ๆ

 

เคยอ่านวิเคราะของใรซักคนไว้ ว่า ที่จริงแล้ว ประเทศเสรีชน ไม่ได้ต้องการแค่ ทำลายยาบ้า

แต่ตอนนั้น พม่า ยังไม่เป็นประชาธิปไตย เขาเลยอยากราดน้ำมันเข้ากองไฟเพื่อสร้างสงครามตัวแทน

เเล้วก็จะเข้าไปเอา ท่าเรือ บ่อก๊าซ เหมือนที่พึ่งทำกับติมอเส็จ

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 11/07/2013 02:02:44


ความคิดเห็นที่ 25


เหตุการณ์ในพม่าเป็นเช่นไร ผมก็ไม่ค่อยทราบเท่าไรเหมือนกัน แต่ที่พอทราบคือ รบกะเพื่อบ้านทีไร เราก็ซัดหนักไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นข่าวมากแค่นั้น

อย่างตัวนี้ เหตุการณ์ที่ซัดปืนใหญ่กะเขมรมาไม่นาน ท่าทางเรา ก็จัดหนักไม่เบาเหมือนกัน

 

โดยคุณ gto25302530 เมื่อวันที่ 11/07/2013 15:28:31


ความคิดเห็นที่ 26


.

โดยคุณ gto25302530 เมื่อวันที่ 11/07/2013 15:31:02


ความคิดเห็นที่ 27


ลองอ่านดูละกันครับ ไม่ทราบจริงเท็จประการใดเหมือนกัน

 

The Battle at Border Post 9631
How much is the situation in Myanmar dependable on actions of country’s neighbours, but also how complex the situation in that country meanwhile is (in regards to relations between the regime, drugs, and different rebel organizations) was perfectly illustrated by a series of sharp clashes between Burma and Thailand, in February 2001.

In order to support the UWSA in its fight against the SSA, and help it establish the full control of the areas along the border to Thailand, the Myanmar Army launched an operation that was to result in the fighting with Thai military as well. While the Myanmar regime would not comment about these operations, meanwhile it is known that the fiercest series of battles was fought for the Thai Border Post 9631, mounted on a hilltop one kilometre inside Thailand, at Ban Pang Noon, in the Mae Fae Luang district, on approach to the Mae Sai, a city some 440 miles away from Bangkok, in the northernmost tip of Thailand. The exact reasons for the attack on this border post remain unclear: some Thai sources indicated that the Myanmaris attacked the Border Post 9631 – garrisoned by 20 Tahan Pran Militia troops – either “by accident”, while pursuing Shon guerrilla, or in order to get a good fire-base for their artillery attacks against the nearby Shon positions. It is interesting to note, however, that this attack came on the evening of Friday, 9 February 2001, when most of the Thai military was on a leave. In fact, the unofficial sources within the Thai Army indicated that the attack was undertaken by no less but 900 Myanmar troops and 600 UWSA militiamen, and that its objective was to remove the Thais from a position from which the Myanmaris could smuggle drugs into Thailand. In the past, namely, the local commander of the Tahan Pran was several times offered money to let their convoys with drugs pass, but he refused all such offers (in fact, he should have told the Myanmaris to, “go feed fish” with their opium).

Regardless the backgrounds, the Tahan Pran detected the approaching Myanmaris in time and put up stiff resistance, holding out for four hours, killing 14 out of some 200 Myanmari attackers, and injuring another 30, while losing two dead and eleven wounded. After almost running out of ammunition, however, they had to pull out and the Post 9631 fell into Myanmari hands. Having taken all their injured with them, the Tahan Pran were relatively easy to pursue by the enemy, and a short running engagement developed until the 3rd Cavalry Regiment of the Thai 1st Armoured Division started a rescue effort. Having the Post 9631 in their hands, the Myanmaris actually needed no more fighting, but their intention was to use the post and the surviving Tahan Prans as a bait for a trap they attempted to set up for any intervening Thai unit. As the Tahan Pran held out longer than anticipated, however, their plan was spoiled, as instead of deploying their troops on the flanks on the main threat route, the Myanmaris were forced to involve their reservers in the fighting.

On 10 February, the Thai 3rd Cavalry Regiment assembled a battalion-sized task force from a part of a mechanized infantry battalion armed with M-113A-3 APCs, an infantry company and a company of M-60A-3 MBTs. The unit was put under command of Capt. Songkarn Nilphan, and instantly sent on its way. Approaching Mae Sai on the same evening, the Nilphan’s force counterattacked the Myanmaris that were still busy fighting the Tahan Prans. The Cavalry charged forward, hitting the enemy hit very hard, forcing them to retreat back towards the border, leaving 17 dead and 60 injured behind. The Thais had only seven wounded.

On the morning of 11 February, the Myanmar Army responded in strength, deploying three regiments supported by Chinese-supplied T-69 tanks and artillery into an attack against Mae Sae, the local military Headquarters, and the adjacent satellite communications site. The Thais first concentrated on repulsing the main column, engaging T-69s with their M-60A3s, and subsequently by RTAF F-5s, which flew several strikes armed with LGBs, after starting from the Chiang Mai AB. Later on Sunday, Thai forces were reinforced by some self-propelled artillery (M-109s) and several batteries of even more powerful guns, including some GCN-55s, and the remaining two Myanmar columns were stopped as well, after suffering some heavy losses in dead, injured and captured soldiers. While the whole 3rd Thai Army was mobilizing and deploying reinforcements towards Mae Sai, the RTAF continued mounting intensive strikes, hitting Myanmar positions and supply columns. Late on Sunday afternoon, the final counter-attack by Thai troops drove Myanmaris out of Thailand, re-capturing the Border Post 9631. There an injured Tahan Pran officer - previously assumed dead - was found alive.

 

A Royal Thai Army V-150 Com*mando vehicle deployed on the streets of Mae Sae in January 2001, at the time of "border incidents" with Myanmar. (Albert Grandolini collection)



Meanwhile, the fighting between Thai and Myanmari forces was reported also from a hill some two miles west of the city of Thachilek, which is separated by a canal from Mae Sai. Also, a RTAF UH-1H helicopter underway on a supply mission over Mae Aye was damaged by gunfire from the ground and forced to land. The crew was not injured.

At 19:30h local time, a cease-fire was agreed. This was generally accepted, but sporadic fighting continued as the Myanmaris were bringing in 2.000 fresh troops from Kengtung to Tachilek, together with some heavy weapons. Especially the artillery was involved in the sense of duels over the border and some additional strikes by RTAF aircraft. The RTAF Chian Mai AB was the main base for all Thai air operations during this battle, and the Royal Thai Air Force units deployed there proved highly successful in operations against Myanmar. RTAF fighters have flown up to 70 combat sorties between 10 and 12 February, including a LGB-strike against a Myanmar artillery battery placed on the Golf course at Thachilek. This mission was flown by one F-5F and three F-5Es. The F-5F was equipped with the Israeli Litening nav/attack and designation pod: the WSO in the F-5F designated the target, while his pilot tried to fly steady – while remaining out of range of air defences. The three F-5Es closed from different sides at a high speed and tossed two six 2.000pds Paveway LGBs each into the acquisition basket before disappearing the other way. The Myanmar anti-aircraft fire was reported as "light", and none of Thai aircraft was hit or damaged. According to Thai sources, except for at least a dozen of Myanmar troops, at least five civilians were killed and ten injured during this attack as well.

ที่มา:http://www.acig.info/CMS/index.php?option=com_content&task=view&id=232&Itemid=47

โดยคุณ Tumx เมื่อวันที่ 11/07/2013 16:05:15