อ้างอิงจากคนสิงคโปร์ที่ลงข้อมูลนี้
http://www.bloglovin.com/frame?post=1072896889&group=0&frame_type=a&blog=4443813&link=aHR0cDovL2tlbWVudGFoLmJsb2dzcG90LmNvbS8yMDEzLzA1L2d1aWRlLXRvLXJlcHVibGljLW9mLXNpbmdhcG9yZS1uYXZ5Lmh0bWw&frame=1&click=0&user=0
http://kementah.blogspot.sg/2013/05/republic-of-singapore-navy-formidable.html
วันที่18-19 พฤษภาคม ในงาน RSNs Navy Open House 2013 กองทัพเรือสิงคโปร์ได้โชว์เรือชั้น ชั้น Formidable ที่มีการปรับปรุงเรือเพิ่มเติมกับประชาชนทั่วไปโดยมีคอนเซปดังนี้
The three FFS displayed at NOH were:
RSS Intrepid (69) - Modified for Operations Other Than War (OOTW). First FFS sent for anti-piracy sweeps in the Gulf of Aden under Operation Blue Sapphire (Maritime). Twin Harpoon SSMs on front and rear of the three missile mounts on the SSM deck.
RSS Steadfast (70) - Displayed multi-role FFS configuration for conventional hot-war maritime scenarios. This is the baseline FFS configuration. Twin Harpoons on the centre of three missile mounts.
RSS Tenacious (71) - Latest evolution of the FFS OOTW evolution. Bespoke equipment fit based on the one for ITR with refinements thought to have been recommended by the OBS(M) after-action review. Quad Harpoons on the front and rear of three missile mounts on SSM deck. Own seaboat placed in RHIB station amidships to demonstrate where Singapore Armed Forces Special Operations Task Force RHIBs would be embarked.
ส่วนรายละเอียดการปรับปรุงภายในเรือประกอบไปด้วย
Evolution 1 OOTW for RSS Intrepid (69) includes but is not limited to the following:
2 x Long Range Acoustic Device Xtreme 500 (LRAD 500X), effective range 2,000 metres
1 x Launch & Recovery System (LARS) on SSM deck
2 x Rigid Hull Inflatable Boats (RHIBs) on SSM deck for embarked Naval Diving Unit combat divers
2 x Typhoon guns in stealth mountings on RAS deck
2 x EW countermeasures of European origin on focsle
2 x torpedo decoys of European origin on hangar roof
Evolution 2 OOTW for RSS Tenacious (71) includes but is not limited to:
All Evolution 1 refinements for ITR plus
1 x Thales STIR FCR on bridge roof
1 x EO
ผมสรุปรายการปรับปรุงเรือทั้งหมด ที่ในอนาคตสิงค์โปร์น่าจะทยอยทำจนครบทั้ง6ลำประกอบไปด้วย
1 ติดตั้ง Thales STIR FCR ใช้ในการควบคุมปืน 76/62 SR STEALTH ให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพสุงมากยิ่งขึ้น
2 ย้าย electro-optic (EO) sensor ไปอยู่ด้านบนเสากระโดงเรือแทน (ตำแหน่งเดิมแทนที่โดยSTIR) จะได้มุมมองที่กว้างไกลมากขึ้น
3 ติดตั้ง Long Range Acoustic Device Xtreme 500 (LRAD 500X) ที่มีประสิทธิภาพถึง2,000เมตร ไว้กลางเรือ2ฝั่ง
4 ปืนรอง Typhoon guns ขนาด25มม.เปลี่ยนมาเป็นรูปทรงSTELATH (เท่ห์มากๆ)
5 ติดDecoyป้องกันตอร์ปิโดรุ่น C310 WASS เพิ่มที่หลังคาโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์2จุด เมื่อรวมกับSagem Decoy ด้านหน้าแล้วจะมีถึง4จุดด้วยกัน (หรือบางลำอาจจะมีถึง5ถ้าไม่ได้เอาSagemด้านหลังออก??) ขณะเดียวกันก็มีภาพเรือบางลำติดDecoyแปลกๆแบบในภาพเล็กแทนซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืออะไร
6 บริเวณกลางเรือติดตั้งจรวดฮาร์พูนเพิ่มขึ้นเป็น24นัด !!! เอากะพ่อสิ
7 บริเวณกลางเรืออีกเช่นกันติดตั้งเครนอเนกประสงค์ขนาดใหญ่(ใช้ยกทั้งจรวดและเรือ) และเรือเร็วสำหรับหน่วยปฎิบัติการพิเศษใต้น้ำอีก2ลำ นับเป็นพื้นที่มหัศจรรย์มากๆของเรือฟริเกตขนาด3,200ตันลำนี้
8 เพิ่มประสิทธิภาพของเฮลิคอปเตอร์ S-70Bให้มากขึ้น เช่นติดตั้งจรวดเฮลไฟร์
การปรับปรุงเรือครั้งนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพอาวุธต่างๆให้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น เพิ่มระบบป้องกันตัวเองจากตอร์ปิโด เพิ่มความหลากหลายในภาระกิจที่เรือจะสามารถรองรับได้ และเพิ่มการบรรทุกจำนวนจรวดต่อสู้เรือรบด้วยกันให้มากขึ้นถึง3เท่า
เป็นแนวคิดที่สุดโต่งของกองทัพเรือสิงคโปร์ในการใช้งานเรือลำนี้ เนื่องจากประเทศของเขาเป็นเกาะเล็กๆการโดนยกพลขึ้นบกได้ก็หมายถึงสงครามจบสิ้น80เปอร์เซนต์แล้ว เขาจึงอยากเอาเรือของตัวเองออกไปให้ไกลที่สุดแล้วยิงเรือฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดโดยไม่ต้องกลับมาโหลดอาวุธบ่อยๆ การนำจรวดติดตัวไป24นัดหมายถึงมีโอกาศจะยิงซ้ำได้อีกหลายรอบขณะเดียวกันก็มีจรวดaster32นัดไว้คอยป้องกันตัวเอง
หมายความว่าเรือชั้นFormidable ของกองทัพเรือสิงคโปร์จำนวน6ลำจะบรรทุกจรวดฮาร์พูนออกไปได้ถึง144นัดพร้อมกันเพื่อใช้ป้องกันประเทศ โดยสามารถปฎิบัติการเป็นทีมหรือแยกย้ายกันจู่โจมได้ตามสถานะการณ์ จริงอยู่ว่าไม่สามารถยิงพร้อมกันได้24นัดเลย แต่ก็ยิงได้เรื่อยๆแหละน่าเจอแบบนี้ใครมันจะป้องกันได้หมดต้องมีหลุดเข้าไปแจ๊คพอตกันบ้างหละ
แนวคิดแบนี้สิงคโปรพัฒนาและนำมาใช้กับเรือฟริเกตแบบใหม่ล่าสุดด้วย the 3,000-ton new generation frigate (NGF) from ST Marine สามารถบรรทุกจรวดฮาร์พูนไปได้ถึง24นัดเช่นเดียวกัน(ไม่รู้จะมีเครนหรรษาหรือเปล่า) แบบเรือตรงสเป้กเราทุกประการ ติดเรดาร์ได้2ตัวหน้าตาSTEALTH เพียงแต่CIWSอาจต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง
ข้อดีของเรือFormidableก็พอทราบกันไปแล้วมาดูข้อที่ถึงว่าไม่ค่อยดีกันบ้างนะครับ
1ไม่มี CIWS แท้ๆติดเรือเหมือนเดิม Decoy ทั้ง4จุดป้องกันให้จรวดไม่ทำลายเรือก็จริงแต่มันอาจวิ่งไปหาเรือลำอื่นต่อไปได้ เนื่องจากตัวจรวดยังไม่ถูกทำลายนั่นเอง
2 การบรรทุกจรวดฮาร์พูนไป24นัดย่อมมีอันตรายมากกว่าบรรทุกไป8นัด บริเวณกลางลำเรือถ้าโดนโจมตีมีอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตามที่ทำให้จรวดระเบิดขึ้นมา แม้ความปลอดภัยของจรวดที่ไม่ได้จุดชนวนจะสุงมากแต่ถ้าเกิดจริงๆก็ตูมแล้วเกิดเป็นโกโก้ครั้นแน่นอน เหมือนบ้านที่ทำปะทัดแล้วเกิดระเบิดยังไงยังงั้น
แนวความคิดและจำนวนเงินที่ต่างกันทำให้การพัฒนาเรือต่างกัน ตั้งแต่เรือOHPของอเมริกาโดนจรวดเอ็กโซเซต์ยิงเข้าไป2นัดกลางลำเรือในสงครามอ่าวเปอร์เซียรอบแรก(แต่ยังรอดเฉยเลย แม้นัดแรกจะด้านก็ตามเถอะ เทพมากๆ) ทำให้หลังๆเรือขนาดใหญ่เขาแทบไม่ติดจรวดฮาร์พูนด้านนอกเลยทั้งที่ประเทศตัวเองผลิตขายแท้ๆ ตอนนี้เขารอพัฒนาจรวดที่ยิงจากท่อVLSได้อย่างเดียว อเมริกาอาจะคิดเรื่องความปลอดภัยด้วยจากประสบการณ์รบในสงครามจริง ก็ว่ากันไปครับ
พูดถึงเรือเขาแล้วขอวนกลับมาเรือเรานิดหน่อยนะครับ เรือหลวงนเรศวรปรับปรุงโฉมใหญ่ที่ถอดปืนกล37มม.แท่นคู่ควบคุมด้วยเรดาร์จีนออก แล้วติดตั้งปืนDS-30ควบคุมด้วยEOS 500เข้าไปแทนนี่น่าหวั่นใจเป็นอย่างมาก (มันดูเสียของยังไงพิกล) เพราะเขาไม่ใช่ CIWSเป็นแค่ปืนรองที่ได้ใช้งานน้อยมาก เราไม่เอาเรือ2ลำนี้ไปปราบโจรสลัดแน่นอนเรือOPVและเรือตรวการณ์ปืนมีเยอะเยอะ ถ้าจรวดESSMทั้ง32นัดหมดลงไปหรือเกิดยิงไม่ได้ขึ้นมา ภาระกิจป้องกันภัยทางอากาศให้เรือหลวงจักรีก็หมดไปด้วย กลายเป็นภาระที่เรือหลวงจักรีจะต้องแบ่งซาดรัลลูกน้อยๆทั้ง18ลูกมาช่วยคุ้มครองอีกต่างหาก เข้าใจครับว่างบประมาณเรามีไม่มากและจุดติดตั้งCIWSก็มีจำกัด แต่มันรู้สึกจิ๊ดหนะเข้าใจไหม จิ๊ดดดด....
ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทร.ในตอนนี้ก็คือ เรือฟริเกตสมรรถนะสุงลำใหม่ของเราควรจะมีCIWSจำนวน2ระบบเพื่อช่วยเผื่อแผ่เพื่อนฝูงด้วย เป็นการผสมระหว่างแรม21นัดด้านหน้าและฟาลังซ์ด้านท้าย(ทำเป็นปืนรองไปเลยจะได้เอางบซื้อDS-30และEOS 500มาช่วยโป๊ะ) จิ้นกันไปต่อไปครับลำหรับเรือ2ลำนี้
มานั่งคิดดูอีกรอบ กลางเรือติดจรวดฮาร์พูนไป24นัดแล้วยังจะเหลือเนื้อที่สำหรับเรือเร็ว2ลำได้อีกเหรอ(จะเทพไปไหนครับ) หรือมันต้องลดจำนวนจรวดลงไปบ้าง ใครเคยขึ้นเรือลำนี้มาแล้ววานบอกผมทีครับว่าตรงลานกว้าางๆกลางเรือมันกว้างขวางแค่ไหนกัน
ระบบควบคุมการรบ และ Net work ของ Formidable...ตามในบทความจาก หนังสือ นาวิกศาสตร์...สิงคโปร์ ได้พัฒนาอย่างมาก...
เรือชั้นนี้ ของ สิงคโปร์ เรียกว่า เป็น ฐานบัญชาการลอยน้ำ ได้ครับ...สามารถควบคุมการรบ และ ประสานการรบ ทั้งจากทาง อากาศ และ ใต้น้ำ ได้ครับ...
ส่วนเรืื่่อง CIWS นั้น...
เมื่อลองนึกถึง การป้องกันตัว ระยะประชิด นะครับ...
มันมีอยู่ 2 ทางเลือก เท่านั้น คือ
1. Decoy
หรือ
2. CIWS
เวลา จรวดวิ่งเข้า เป้าหมาย เมื่อใช้ Decoy ที่สร้างภาพลวง และจรวดวิ่งเข้าเป้าหมายไปที่เป้าลวงนั้นไปแล้ว...CIWS ก็ไม่มีประโยชน์หรือใช้งานได้ครับ...
ดังนั้น เรือรบสมัยใหม่ โดยเฉพาะ เรือที่ีมีคุณลักษณะ ตรวจจับได้ยาก...ถ้ามีระบบ Decoy แบบดี ๆ แล้ว...ก็จะไม่มีการติดตั้ง CIWS ครับ...
โดย CIWS จะเปลี่ยนบทบาท เป็นการ ต่อต้านภัยบนผิวน้ำระยะประชิด เป็นภาระกิจหลักแทน...
ซึ่ง เรือชั้น นเรศวร ก็คงใช้ DS-30 กับ EOS-500 แทนหน้าที่นี้...
และโดยหลักแล้ว หน้าที่การทำลาย อาวุธนำวิถีทำลายเรือ เป็นหน้าที่หลักของ SAM และระบบก่อกวนอิเลคโทรนิค ประจำเรืออยู่แล้วครับ...ในปัจจุบัน ดูเหมือน เรือรบสมัยใหม่ จะมั่นใจในระบบนี้ มากครับ...ระบบ Decoy และ CIWS จึงดุเหมือนเป็น ระบบเผื่อ ฟลุ๊ค สำหรับ จรวดที่เล็ดลอด ผ่านด่านมาได้...
ภาพแรก สนใจ เจ้าตัวที่อยู่ด้านหลังด้วยครับ อิอิ
และขอถามทุกท่าน เรื่อระบบ DECOY (เป้าลวง ใช่ป่ะ)
มันใช้ได้กี่ครับ แล้วมีหมดไหมครับ มีเติมเพิ่มใหม่อีกไหม หรือหมดแล้วหมดเลย ต้องกลับเข้าฝั่งไปเติมใหม่
decoy ส่วนมากหมดแล้วเติมได้ถ้าบรรทุกติดเรือไปด้วยวิธีการเติมก้แล้วแต่ระบบว่าออกแบบมายังไงแต่ไม่น่ายาก
ประเด็นเรื่องdecoy นี่ผมไม่ค่อยไว้ใจใจมากนัก เนื่องจากแม้เป้าลวงจะทำให้จรวดเลี้ยวออกไปจากเรือก็จริง แต่ถ้ามันยังไม่ระเบิดแล้วแจ๊คพอตวิ่งไปหาเรือบรรทุกสินค้าที่เรือฟริเกตของเราคุ้มกันมาด้วยจะกลายเป็นความสูญเสียสำคัญมากกว่า
ในขณะที่CIWS ถ้ายืงโดนก็จบยิงไม่โดนเราก็โดนยิง ผมว่ามันยุติธรรมดีออก อย่างน้อยเรีบรบก็ยังมีความแข็งแรงกว่าเรือพาณิชย์ อย่างเรือOHP หรือ เรือคอร์เวตSAAR5 ถึงโดนยิงก็ยังไม่จมแล่นเข้าหาฝั่งได้ แต่เรือคอร์เวตเกาหลีเจอตอร์ปิโดเข้าไปเรียบร้อยเลยแฮะ ไปๆมาๆเรือดำน้ำอันตรายที่สุดอยู่ดี
เห็นด้วยกับท่าน จขกท กับระบบCIWS
การประเมิณภัยคุมคามต่อกองเรือต่ำไปก็จะมีแต่พ่ายกับแพ้ และถ้าเรือพิกลพิการไปในสนามรบก็จะมีแต่แพ้กับพ่าย
ความคงทนในสนามรบถือใด้ว่าเป็นความใด้เปรียบต่อสถานการณ์นั้นๆ ความอยู่รอดในสนามรบสูงก็ถือว่าใด้เปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม
uss stark
เพิ่มข้อมูลนิดหนึ่งนะครับ ถ้ากลางเรือFormidableติดตั้งเครนขนาดใหญ่พร้อมเรือเร็วอีก2ลำเพิ่ม จะกินเนื้อที่ไปเยอะเหมือนกันทำให้ติดตั้งฮาร์พูนได้แค่8-12ลูก
กลางเรือเขามี3ล๊อคหนะครับจึงตั้งจรวดได้ฝั่งหละ3ชุด (3x4x2=24นัด คือจำนวนมากที่สุดที่ใส่เข้าไปได้) เครนกินเนื้อที่1ล๊อคเรือเร็วพื้นที่ฝั่งตรงข้ามอีก2ล๊อค ก็จะเหลือแค่3ล๊อคให้ติดถ้าเขาต้องการจะยัดเข้าไปจริงๆ
แต่ก็นับเป็นเรือฟริเกตขนาด3,200ตันที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมาแล้วหละครับ เป็นเรือที่ออกแบบได้ดีมากลำหนึ่ง ถ้าเขาต่อแบบนี้ขายไทยแต่ใช้อาวุธอเมริกาผมสนับสนุนเต็มที่เลยนะ เสียใจแต่ไม่แคร์(เพราะไม่ได้)
การออกแบบเรือ คงออกแบบเป็นลักษณะ Plug And Play อยู่แล้วครับ...
ตำแหน่งที่รองรับการติดตั้ง Harpoon ข้างละ 3 ตำแหน่ง แท่นยิงละ 4 นัด รวม 24 นัด...
เท่าที่จับความได้จากที่อ่านทั้งหมด น่าจะเป็นว่าเรือ Formidable มีที่ว่างตรงกลางลำสำหรับติดตั้ง SSM แบบ Hapoon Quadpack ได้ 3 ชุด 2 ฝั่งก็รวมเป็น 24 ลูก แต่มีการดัดแปลงได้หลากหลายรูปแบบตามภารกิจ เช่นจากภาพข้างบนนี้จะติดตั้ง SSM แค่ 2 ชุด 8 ลูกเท่านั้น แล้วใช้พื้นที่ตรงกลางติดตั้งเครนยกเรือยาง ส่วนพื้นที่ด้านตรงข้ามก็ใช้เก็บเรือยางพร้อมอุปกรณ์และเป็นพื้นที่ปฏิบัติงานครับ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเป็นเรือที่ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการใช้ระบบอัตโนมัติแทนการใช้ลูกเรือจำนวนมาก เมื่อจำนวนลูกเรือลดลงก็ต้องการพื้นที่น้อยลงพื้นที่ใช้สอยก็จะมีได้มากขึ้น ทร.ไทยเราก็น่าจะต้องสนใจนำมาศึกษาและประยุกต์ใช้กับเรือรบของทร.ไทยต่อไปในอนาคตเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ
การออกแบบที่สามารถปรับใช้ได้ โดยไม่มีข้อยุ่งยาก...แต่ตามภาระกิจในขณะนั้น ในยามสงบ และ ในยามสงคราม...
ความกว้างขวาง โอ่งโถง ในขนาดเรือ ไม่เกิน 4000 ตัน...ตามความเห็นท่าน superboy...
ดูแล้ว Formidable คงยังเป็นเรือรบสมรรถนะสูง ลำดับ 1 ของ อาเซียน ไปอีกนาน...(อิจฉา ว้อยยยยย)
ตามที่อ่านใน หนังสือ นาวิกศาสตร์ (ปัจจุบัน ปรับรูปเล่ม สวยงาม ในราคา โครตถูก (ปีละ 300 บาท รวม 12 เล่ม) ความรู้โครตแน่น แต่ใช้ระยะเวลาจัดส่งนานหน่อย)
สิงคโปร์ วางยุทธศาสตร์ ทำสงครามนอกอาณาเขต...
Formidable จะประจำการอยู่ห่างจาก เกาะสิงคโปร์ โดยเป็น ด่านหน้า...ทำหน้าที่ ควบคุม และ บัญชาการจากส่วนหน้า โดยประสานงานกับ F-15 SG...และ เรือดำน้ำ...เพื่อให้ไม่ ข้าศึก ทำการโจมตีเข้าสู่ด้านในได้...
Formidable จึงต้อง Air Defense Area (Aster 30) ที่จะทำลาย อากาศยานข้าศึก ก่อนที่ระยะ 50 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นระยะการยิงของ อวป.ที่ติดตั้งบน บ.ขับไล่ความเร็วเหนือเสียง...
ขณะเดียวกัน ก็จะประสานการทำสงครามกับ F-15 SG ในการทำสงครามทางอากาศในด่านหน้า เพื่อทำลาย อากาศยานฝ่ายตรงข้าม ไม่ให้เข้าสู่ อาณาเขตชั้นใน ได้...
ผมคิดเหมือนท่านที่ตอบว่าสิงค์โปร์คงจะคิดติดจรวดโจมตีชายฝั่งมากกว่าจะโจมตีเรือ หลานท่านคงลืมจรวดแสลม ที่พัฒนามาจากฮาพูนไปหรือเปล่าครับ ใช้โจมตีชายฝั่งเหมือนมีโทมาฮอคขนาดเล็กเลย ผมจำลองสถานการณ์ดูว่าเรือรบสิงค์โปร์ ติดฮาพูนไว้ต่อสู้เรือผิวน้ำ 8 ลูก และติดตั้งแสลมไว้โจมตีชายฝั่ง 16 ลูก เรือ 6 ลำ ก็สามารถทำภาระกิจโจมตีชายฝั่งได้ 96 ลูก เวลาทำสงคราม เอาเรือไปจอดนอก เกาะใช้ดจมตีจุดระบบป้องกันภัยทางอากาศฝ่ายตรงข้ามเป็นชุดแรก ชุดที่สองจะตามด้าน F15 , F16 ทำลายจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่เหลือ
ในแง่การถูกตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามจะถูกบีบให้ต้องพยายามทำลายเรือ 6 ลำนี้ก่อน ซึ่งการที่เรืออยู่กลางทะเลจะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเสียหายแค่เรือ 6 ลำ เท่านั้น (รอบเรือมีแต่ทะเลไม่มีบ้านคน) ทำให้เกาะสิงค์โปร์ปลอดภัยจากการโจมตี ครับ
สิงคโปร์ทำแบบท่านจูดาสได้เพราะลิงค์ระหว่างเรือของเขากับเครื่องบินมันใช้งานได้อย่างสมบรูณ์แบบแล้ว ขณะเดียวกันระบบCMSประจำเรือลำนี้กับเรือคอร์เวตเขาก็พัฒนาขึ้นมาเองอีกและใช้งานได้อย่างสมบรูณ์แล้วอีกต่างหาก เพียงแต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาติดตั้งลิงค์กับเครืองบินรบทุกลำหรือยัง คือถ้ายังก็คงทยอยทำไปเรื่อยๆแหละประเทศนี้แบบนี้ตลอด
เมื่อคืนดูภาพยนต์ R2B ที่หัวหน้าพระเอกขึ้นเครื่องบินเอแวคไปบัญชาการรบตอนท้ายเรื่อง นั่นแหละครับคือสิ่งที่เรากำลังจะทำตามบ้างแต่งบประมาณมีไม่มากก็ได้ปริมาณน้อยหน่อย ย่านนี้คงจะมีแค่สิงค์โปร์และไทยนี่แหละที่ก้าวมาถึงตรงนี้แล้ว(ของเราได้3ก้าว) ไม่รู้มาเลย์ไปถึงไหนแล้วเนอะ
ดูด้านท้ายของเรือหน่อยครับถ่ายเมื่อเดือนมีนาคม จะเห็นเป้าลงตอร์ปิโดคลุมผ้าใบบนโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์2จุดอย่างชัดเจน แสดงว่าทร.สิงคโปร์ทยอยปรับปรุงเรือเขาไปเรื่อยๆโดยไม่มีข่าวออกมาอีกแล้ว ผมสงสัยแต่ว่าทำไมเรือที่ออกแบบให้stealthสีมันดูปูดๆยังไงพิกล ถ้าเป็นรถก็สนิมกินแล้วเนี่ย 555
หลักนิยมต่างกันต่อให้เราเลือกแบบ Formidable ของสิงคโปร์มาก็ไม่มีทางมีพื้นที่ใช้สอยเท่าเขาหรอกครับ สิงคโปร์มีทรัพยากรบุคคลจำกัดและค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่สูงมาก
หลักนิยมของเขาจึงเน้นไปที่การใช้ระบบอัตโนมัติต่างๆ จะเห็นว่าเรือรบของเขามีลูกเรือน้อยมาก ทำให้จำนวนห้องต่างๆ ไม่ว่าห้องพัก ห้องน้ำ ห้องทำกิจกรรมลดลง
ทำให้เรือมีพื้นที่สำหรับติดอุปกรณ์ต่างๆ ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับเรือระดับเดียวกัน ในขณะที่ไทยทำตรงกันข้าม เลือกที่จะใช้ระบบ manual ไม่รู้เพราะไม่ไว้ใจระบบอัตโนมัติ หรือมีลูกเรือให้ใช้จำนวนมากกันแน่
ดูเรือหลวงอ่างทอง (ลำที่ 3)ที่เราจัดหามาเมื่อไม่กี่ปีนี่ชัดเจนมากๆ ดัดแปลงเอาระบบอัตโนมัติส่วนใหญ่ออกหมดทดแทนด้วยลูกเรือถึง 151 คน ก็คิดดูว่าต้องดัดแปลงภายในขนาดไหน
ในขณะที่เรือชั้น Endurance ใช้ลูกเรือแค่ 65 คนเท่านั้น เรือยุดใหม่ๆ ก็มีแนวโน้มลดลูกเรือลงแล้วหันไปหาระบบอัตโนมัติมากขึ้น
ผมว่าเรือฟริเกตใหม่ของเราถ้าหลักนิยมยังเหมือนเดิมผมว่าลูกเรือไม่ต่ำกว่า 120 คนแน่นอน
ที่ดูพื้นผิวตัวเรือไม่เรียบนั้นไม่ใช่สีปูดนะครับ แต่เป็นเพราะมันถูกสร้างจากแผ่นโลหะที่เอามาเชื่อมประสานกัน โดยมีโครงยึดด้านในจึงเห็นได้ว่ารอยบุบและนูนจะมีลักษณะคล้ายตารางช่องๆ ตอนทำเสร็จใหม่ๆ จะไม่ค่อยชัดเจนมากนักแต่เมื่อผ่านการใช้งานไปวัสดุเหล่านั้นจะมีการล้าเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขนาดไป บางแผ่นก็จะนูนออกมาบางแผ่นก็บุบเข้าไป มันก็เลยดูไม่เรียบเนียนเหมือนตอนที่ต่อเสร็จใหม่ๆ ไงครับ
....ผิวเรือไม่ได้ปูด ครับ (เหมือนเดิมกับตอนสร้างมาใหม่ๆ ทุกอย่าง) ผิวเรือเป็นอย่างนี้เอง
....มันเป็นจังหวะพอดีที่แสงส่องมาจากทิศทางข้างบน (ตอนเที่ยง) แสงเฉียงกับแผ่นผิว ทำให้เกิดเงาขึ้น
....ทำให้มองเห็นรอยย่นของผิวเรือชัดเจนขึ้น ส่วนที่สะท้อนแสงได้ดีก็สะท้อนออกมา
....ส่วนที่สะท้อนแสงไม่ดีก็คือเงา หากแสงไม่เฉียงก็ไม่เกิดเงาครับ จะเห็นผิวเรียบดี