เรียนเชิญมาแสดงความเห็นที่กระทู้นี้ต่อได้เลยครับ
กระทู้เกี่ยวกับเรือฟริเกตใหม่ของ ทร.(รวมไว้ที่นี่ที่เดียว)
ผมขอยกข้อความที่โพสไว้ที่กระทู้เก่ามานะครับ => สาเหตุที่พวกเราหยิบยกประเด็นแบบเรือที่ใช้อ้างอิงเป็น KDX II หรือ DW5000D นั้นมาจากข่าวที่มีใจความอ้างถึง แหล่งข่าวระดับสูงในทร.ได้กล่าวว่า "แบบเรือที่ได้รับเลือกนั้นมีพื้นฐานจากเรือที่อู่ DSME เคยต่ออยู่ก่อน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่กำหนดไว้ แต่ได้นำมาปรับแก้ตามความต้องการของทร.ไทย" เมื่อพิจารณาจากเรือที่ต่อโดย DSME และมีขนาดราว 5,000 tons ก็มีแค่ KDX II ส่วน DW3000H นั้นเป็นแค่การแบบที่ยังไม่เคยมีการต่อ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเรือทั้งสองแบบนี้เป็นเรือที่มีโครงสร้างพื้น ฐานเดียวกัน หน้าตาอาจดูต่างกันมากเพราะการออกแบบที่ทันสมัยมากขึ้นและขนาดที่เล็กลง ดังนั้นเราจะเอา KDX II มาย่อขนาดลง หรือจะเอา DW3000H ไปขยายแบบ ก็คงไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามหากรวบรวมข่าวเท่าที่หาได้ในเวลานี้แล้ว ผมมองว่าการเอาแบบเรือที่มีขนาดใหญ่(ที่เคยต่อแล้วหลายลำ) มาเป็นพื้นฐานแล้วปรับลดขนาดตามความต้องการ ง่ายกว่าและดีกว่าการขยายแบบเรือที่ยังไม่เคยต่อจริง เพื่อให้บรรลุความต้องการที่ค่อนข้างสูง(เท่าที่คิดกัน) เอาแค่ความต้องการแต่ละข้อ ไล่ตั้งแต่ระบบเบื้องต้นอย่างน้อยต้องเท่ากับหรือดีกว่ารล.นเรศวรที่ปรับ ปรุงใหม่ + ASW Suite + ฮ.ขนาดกลาง + CIWS แล้วยังจะเพิ่ม เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากศระยะไกล 3 มิติ + รองรับ SM2 ได้ในอนาคต ในขณะที่รล.นเรศวรเองก็มีระวางขับน้ำอยู่ที่ 2,9XX tons เข้าไปแล้ว เรือฟริเกตสมรรถนะสูงลำนี้ควรจะมีระวางขับน้ำอย่างน้อยเท่าไหร่ ??? หากจะเอา DW3000H มาขยาย ??? หากเอา KDX II มาลดขนาด ??? แบบไหนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ??? ทั้งกับทร.ไทย และทั้ง DSME ลองคิดดูนะครับ สำหรับผมประเมินว่าระวางขับน้ำน่าจะต้องเฉียดๆ 4,000 tons และการปรับแก้แบบเรือขนาดใหญ่ที่เคยต่อมาแล้วหลายลำน่าจะง่ายกว่าและประหยัด ค่าใช้จ่ายมากกว่า การขยายแบบเรือที่เพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่โดยยังไม่เคยต่อจริงๆ เลยแม้แต่ลำเดียว
จริงๆน่าจะตัดเอาตอบกระทู้เก่าช่วงท้ายๆมาใส่ไว้ในกระทู้ใหม่ด้วยซัก 10 ช่อง มันจะได้ดูมีที่มาที่ไปหน่อยนะครับ ท่าน NOK อย่างนี้เลยดูไม่ออกว่าตอบกระทู้จากกระทู้เก่ายังไง ต้องเข้าไปคลิกดูในกระทู้เก่าทีคลิกมาดูในกระทู้ใหม่ที
-ใบคำขอข้อเสนอราคา e-Request for Quotation (e-RFQ) คือ การที่ผู้ซื้อระบุสินค้าที่ตนเองมีความสนใจหรือต้องการซื้อ แล้วขอให้ซัพพลายเออร์เสนอราคาและเงื่อนไขของสินค้าตามที่ระบุนั้นมาให้พิจารณาก่อนจะตัดสินใจ
-ใบคำขอข้อเสนอคุณลักษณะ e-Request for Proposal (e-RFP) คือ การส่งคำขอข้อเสนอเกี่ยวกับสินค้าที่จะจัดซื้อไปยังผู้ค้า เมื่อผู้ค้าได้รับคำขอก็จะจัดทำข้อเสนอต่างๆ เช่น ราคา คุณลักษณะของสินค้า (Specification) การรับประกันหลังการขาย และการจัดส่ง เป็นต้น
-Request For Information (RFI) การขอข้อมูลการค้าของผู้ขาย ขอเอกสารการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เพื่อดูความหน้าเชื่อถือ
-ฝ่ายผู้ซื้อ (Buyer) ซึ่งในที่นี้หมายถึงหน่วยจัดซื้อของภาครัฐ มีหน้าที่พื้นฐาน ได้แก่
1.1 ค้นหาสินค้าที่ต้องการจากแคตตาล็อกสินค้า (Catalog) ที่แบ่งออกเป็นหมวดหมู่และประเภทต่าง ๆ
1.2 ส่งใบคำขอข้อเสนอ (e-RFQ หรือ e-RFP หรือ e-RFI) ไปยังผู้ค้าที่ขายสินค้าที่ต้องการ
1.3 ตรวจสอบข้อเสนอของผู้ค้าที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา และเลือกซื้อสินค้ากับผู้ค้าที่มีข้อเสนอเหมาะสมที่สุด
1.4 จัดทำใบสั่งซื้อ (Purchase Order : PO)
e-Marketplace - ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
http://goo.gl/XaqHn
รูปที่นำมาแปะโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ไม่รับรองที่มา และความถูกต้องจากต้นทาง
RFP
ใครพอรู้รายละเอียดสเป็คที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับ ทร.บ้างครับ
ส่งการบ้านท่าน ObeOne ก่อนครับ เรือหลวงนเรศวร421
ผมเอาไปลดน้ำหนักเข้าคอร์สแต่งหน้ามาเรียบร้อยแล้ว ภาพใกล้เคียงไม่่เกิน80เปอร์เซนต์นะครับใช้แค่พออ้างอิงได้ เพื่อนๆเอาไปต่อยอดได้เลยบอกว่าเอามาจากTFCก็แล้วกัน
เรือลำแรกในชีวิต คริ คริ
ความเดิมตอนที่แล้วจากเรื่องคุณชายแดวูพัทธ์ เรื่องกำลังสนุกตรงความเห็นของคุณสกายนายครับ ผมขออ้างอิงถึงนิดหน่อยพร้อมภาพประกอบผู้ท้าชิงทั้ง2รายครับ เชิญต่อได้
.เนื่องจาก ผมได้อ่านพบข้อความแสดงความคิดเห็นของ ท่าน fatboy ไว้ในเว็บไซด์ TAF ซึ่งมีสาระสำคัญว่า
"อนึ่ง เรือฟริเกตชุดใหม่ ไม่ได้เน้นภารกิจด้าน ASW เป็นหลักครับ เรือชุดนี้จะเป็นเรือฟริเกตอเนกประสงค์ คล้ายเรือฟริเกต ชุดนเรศวร เพียงแต่มีขีดความสามารถมากกว่า ในทุกๆด้านครับ ทั้งป้องกันภัยทางอากาศให้กองเรือ ค้นหาและปราบเรือดำน้ำ
แต่ที่แปลกใจมากคือ เหตุใดถึงมีกระแส KDX-2 เกิดขึ้นมาครับ" นั้น
.................. และด้วยสาเหตุที่ผมมีความเชื่อถือในข้อมูลของ ท่าน fatboy ในเว็บไซด์ดังกล่าว จึงทำให้ผมเชื่อว่า เรือฟรีเกตสมรรรถนะสูง ที่ทร.กำลังดำเนินโครงการอยู่นี้ ไม่ใช่เรือในแบบเรือ KDX II แต่อย่างใด ....และน่าจะเป็นเรือใน แบบเรือ DW 3000H ขยายขนาดเรือ มากกว่า........................ครับ/สกายนาย
Saab 9LV cms เต็งหนึ่ง มีผลงานจากการกวาดงานระดับใหญ่ๆ ทั้งเครื่องบิน และระบบ ACCS : Air Command and Control System
Thales Tacticos CMS ผู้ท้าชิง ผู้มีผลงานในการกวาดสนามเล็กๆ มาจำนวนมาก ทั้งเรือ ต. opv ต่างๆ
ท่าน ObeOne ที่ผมพูดเทียบคือ เอาเฉพาะในประเทศไทยครับ ที่ช่วงหลังๆ SAAB ได้งานใหญ่ๆ มากกว่า แถมยังมี Avia Satcom เป็นผู้ร่วมทุนในไทยอีกด้วย
แถมยังมีหมัดเด็ดคือการเอาระบบ data link เป็นหลักประกัน
ส่วนความยิ่งใหญ่ของ Thales คงไม่ต้องพูดถึงเพราะมีสาขามากขนาดนั้น เรียกได้ว่าระดับแนวหน้าของโลก
v
v
ถึงท่าน super boy
Thank you หลายๆครับ
**** และฝากไปถึงคุณ aonestudio จริงๆแล้วThales มีVolumeและฐานลูกค้าใหญ่กว่า Saab ครับและThales มีเครื่อข่ายและสาขาทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย มีลักษณะการรับงานแบบมือปืนรับจ้าง ประเภททำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบไม่เน้นแค่เฉพาะงานระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียวมีอื่นๆอีก อาทิเช่น
1)วางระบบการจราจรขนส่งมวลชนด้านอากาศยานและระบบรถรางไฟฟ้า transportation 2) ระบบดาวเทียมและยานอวกาศ space 3) ระบบอากาศยาน Aero space 4)วางระบบโครงข่ายโทรคมนาคมและการป้องกัน scurity 5)ระบบด้านความมั่นคง Defence
ส่วนของ Saab คล้ายๆกับเป็นบริษัทแห่งชาติของสวีเดน คือ support เทคโนโลยีด้านความมั่นคงทั้งสามด้าน บก,เรือและอากาศให้กับกองทัพและรัฐบาลสวีเดนของประเทศตนเอง แต่หลังๆมาเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นเลยๆ
(ปล.แหม่คิดๆดูแล้วอยากเข้าทำงานบริษัทThales ซะจริงๆ)
เรื่องรูปร่างหน้าตาของเรือมีความสำคัญเสมอ ถ้าออกมาไม่ดี ไม่อยากนึกภาพตอนฝ่ายค้านเอาเรือพม่ามาเทียบ
F12 - Kyansittha Frigate ระวางขับน้ำขนาด 4,000 ตัน ที่พม่าต่อเอง
ถ้าไม่บอกชื่อประเทศผมนึกว่าของยุโรปด้วยซ้ำลองนึกภาพตอนมันติดเรดาห์ Thales Smart-S , Selex RAN-40L long range 3D ดู
อ้าวถ้าอย่างนั้นระบบของ Thales ที่ผมแอบเชียร์มาโดยตลอด ก็ยังไม่หลุดโผของ spec เรือนะสิครับ (ตามที่อาจารย์รินย์กล่าว)ถ้าหาก ทร.ต้องการให้สามารถ support ระบบ SM-2 ได้ในอนาคต
ผมก็ว่าอยู่แล้วก็ในเมื่อ Thales เขามีเทคโนโลยีระบบ Mk2.อยู่ในมือแท้ๆทำไมจะพัฒนาระบบ I-mast หรือ smart-s และระบบ ceamount illuminator ให้สามารถใช้ SM-2 ไม่ได้ และเท่าที่ผมเช็คมาแล้วเรือรบของสวีเดนทั้งหมดยังไม่เคยมีระบบและจรวด SM-2 ไว้ใช้งานในกองทัพเรือเลยแม้แต่ลำเดียว คิดว่า Saab คงยังไม่ได้ซื้อเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาใช้เพื่องาน เหมือนกับของ Thales
และจริงๆแล้วระบบ VL-ASROCK ผมไม่ค่อยคาดหวังมากนักหรอกครับ เพราะประเทศที่มีระบบนี้ไว้ใช้งานมีแค่ประเทศที่ใกล้ชิดกับสหรัฐมากๆก็แค่ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เท่านั้น เอาเป็นว่าซื้อ S-70B รุ่น full option มาใช้ร่วมกับระบบโซน่าดีๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้วแหละ (ในความคิดของผมเท่านั้นนะ)
แหม่..ขอขอบคุณท่าน aonestudio มากๆ เลยครับ เพราะมันช่างเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ สังเกตุไหมครับว่าลำตัวเรือที่เห็นนั้นชัดเจนว่าเป็นเรือที่มีแบบดีไซด์เก่า โดยเฉพาะด้ายท้ายเรือ แต่เหนือดาดฟ้าขึ้นไป Superstructure ทั้งหมดมีรูปทรงสเตลธ์อันทันสมัย นี่ขนาดยังไม่ได้ติดตั้งระบบตรวจจับและอาวุธ ยังดูดีได้ขนาดนี้ แล้วถ้าแบบเรือที่ทร.ไทยเลือกมีหน้าตาคฃ้ายเรือรุ่นเก่ากว่าอย่าง KDX II (ต้นฉบับดั้งเดิม) หรือ รล.นเรศวร แล้วล่ะก็ ไม่แคล้วโดนถล่มเละตั้งแต่ยังไม่ได้ต่อกันเลยแน่ๆ ยิ่งเรือลำนี้ของพม่ามีขนาดใกล้เคียงกันมาก แถมเขายังต่อเองในประเทศอีกด้วยแล้ว เหอะ เหอะ
ตอบคุณสกายนายนะครับ เหตุที่มีข่าวว่าเรือใหม่ทร.จะเบสบน kdx II เพราะจากรายงานข่าวหนังสือพิมพ์ ว่าแหล่งข่าวทร.ว่าไว้ครับ
ส่วนที่เรือใหม่จะไม่เน้น asw ผมก็ไม่เห็นว่าจะทำให้ DW3000H มีสิทธิ์ได้รับเลือกมากกว่า เพราะ KDXll ก็ไม่ได้เน้น asw นี่ครับ แต่มีความสามารถรอบด้านสามมิติ
สำหรับแบบเรือ DW3000H ก็เป็นการ คาดการณ์ เท่านั้น ครับ...เนื่องจากเป็นแบบเรือที่ แดวู เสนอแบบเรือให้พิจารณา ช่วงที่จัดงานแสดงอาวุธที่ประเทศไทย ประมาณปี 2555...
ก็ไม่มีแหล่งข่าวยืนยันว่าจะเป็นแบบเรือนี้ ครับ...เพราะเป็นแบบเรือ ก่อนที่ กองทัพเรือจะออก TOR โดย TOR ออกในปี 2556...
ตอนนี้ ไม่มีใครทราบได้ครับว่า แบบเรือของ DSME จะเป็นแบบใด เพราะไม่มีข่าวปรากฎ...ทั้ง DW3000H และ KDX-II เป็นการ คาดการณ์ ทั้งหมดครับ..
แต่จากข่าวล่าสุดของ หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ ก็เป็นการประเมินว่า แบบเรือน่าจะมาจาก พื้นฐานของแบบเรือ DX-II...และตามข่าวตั้งแต่ประกาศ คัดเลือกแบบ ให้อู่เรือเกาหลี เป็นผู้ชนะ...ก็ออกข่าวว่า ระวางเรือ ควรจะอยู่ประมาณ 4000 ตัน...
สำหรับแบบเรือ DW3000H ในความคิดส่วนตัว เป็นแบบเรือที่มีลักษณะ Patrol Frigate มากกกว่าจะเป็น Hi-end Frigate ครับ...
"สำหรับแบบเรือ DW3000H ในความคิดส่วนตัว เป็นแบบเรือที่มีลักษณะ Patrol Frigate มากกกว่าจะเป็น Hi-end Frigate ครับ... " ขออ้างถึงข้อความของท่าน Juldas นะครับ เพราะมันโดนใจผมมากๆ คือดูยังไงเจ้า DW3000H ก็ไม่สมกับการเป็น "เรือฟริเกตสมรรถนะสูง" ที่มีราคาลำละกว่า 13,000 ล้านบาท และการจะขยายแบบขึ้นมาอีกมากกว่า 15-20% เป็นอย่างน้อย คงไม่สามารถทำได้ง่ายๆ และถ้าหากจะทำก็คงไม่ต่างอะไรกับการออกแบบใหม่ครับ ถ้าจะเอาแค่สเปกเดียวกับ รล.นเรศวร ก็พอไหว แต่นี่ไหนจะต้องมี FCS อย่างน้อย 2 ชุด ไหนจะต้องมี ASW Suite ทั้ง Hull Sonar และ Tow Sonar แล้วจะต้องรองรับฮ.ขนาดกลางอย่าง S-70B . MH-60S ได้อีก หากมีแผนจะปรับปรุงเพิ่มเติมในอนาคต (ตามที่ท่าน Fatboy ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง-ไกล ของกองทัพเรือในอนาคต : จากเวบ TAF.) ก็คงลำบาก ยิ่งข่าวที่ออกมามีการอ้างถึงแบบเรือที่มีต่ออยู่แล้ว และมีขนาดราว 5,000 ตัน แต่ทำการปรับแก้แบบให้ตรงกับความต้องการของทร.ไทย ผมจึงเห็นด้วยกับท่าน Superboy ในการนำเอาแบบเรือ KDX II หรือ DW5000D (ตามชื่อของ DSME) มาย่อขนาด(ซึ่งน่าจะง่ายและประหยัดทั้งเงินและเวลาได้มาก) แล้วใส่ระบบต่างๆ ที่เดากันว่าน่าจะใช่ลงไป ก็เท่านั้นเองครับ
รูปที่นำมาแปะโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม ไม่รับรองที่มา และความถูกต้องจากต้นทาง
เขาเกิดมาเพื่อฆ่าโก๊ะตี๋ ขยี้น้องแต้ว กินแห้วกับเป้วงเสลอ ก่อนจะเผลอวิ่งชนF12
เฮอะ..เฮอะ ตัดต่อภาพกันแบบนี้เลยนะท่าน superboy
ถ้าไม่ใช่KDX II แล้ว DW3000เป็นแค่pstrol frigate ก็ไม่เหมาะ ไม่อยากคิดเลย ถ้าหวยออกเป็นFFXขยายแบบจาก2500 Tons เป็น 3xxx Tons เราจะเรียกว่าเรือฟรีเกตสมรรถนะสูงอีกได้มั้ย T_T
Integrated Mast 400 เห็นแบบนั้น โมดูลของมันหนัก ถึง 52 ตันเลยนะครับ
หนักกว่า SMART-L หรือ Long Range Radar ทั้งระบบเสียอีก
Dimensions and Weights (typical)
• Footprint : 8 x 8 m
• Height : 13.6 m
• Weight : 52 tonnes
ดังนั้นจากรูปของท่าน superboy ถ้าไม่ได้ใช้ I-MAST ออกแบบเสาดีๆ เอา Long Range Radar กับ 3d surveillance radar
ไว้เสาเดียวกันยังไหวเลยมั้งครับ แถมตำแหน่งมันอยู่แทบจะกึ่งกลางเรือเลยด้วย
ประมาณ anzac class frigate หรือเรือรัสเซียรุ่นใหม่ๆ
ผมว่าถ้าเราใช้เรือ FFX มาขยายขนาดเรือจาก 2500 ตัน ออกเป็น 3000 ขึ้นไป มันจะดูแย่กว่าขยายขนาดเรือ DW3000H ออกเป็น4000 ตันอีกนะครับ
ถ้าอย่างนั้นเอาแบบเรือOPV ชั้นปัตตานีไปขยายแบบเรือให้เป็นเรือขนาด 3000 ตันไม่ดีกว่าเหรอครับ ไม่ต้องเสียเงินค่าแบบเรือให้ทาง แดวู ด้วยอีกต่างหาก
ไม่รู้ คู่ ชิงดำ จาก ประเทศ สเปน คือ AFCON หรือเปล่า ?
ถ้า เรือเกาหลีไม่น่าสนใจ...ก็ล้มไปซะ...เอา สเปน ก็ได้ ฮิ....
ผมตัดต่อภาพเพิ่งเสร็จครับของแจมข้อมูลด้วย
เอาแบบเรือ DW3000H ไปขยายขนาดแบบที่หลายๆคนบอก ความยาวเพิ่มเป็น120เมตร ระวางขับน้ำปรกติ3,200ตัน คิดถึงเรือสิงค์โปร์เอาไว้ครับ
16 VLS ฟาลังซ์ ฮาร์พูน DS-30 SAMRT-S MK2 STIR 2.4 และเรดาร์ระยะไกลอีก1ตัว โซนาร์หัวเรือ ลากท้ายเรือ และ ASW Suit รองรับเฮลิคอปเตอร์S70Bแบบมีลิงค์ ไม่มี ASROC ทุกระบบ รองรับ SM-2ในอนาคตแบบใส่แล้วยิงได้เลย
ทุกอย่างเป๊ะตามความต้องการทร.และอยู่ในวงเงิน13,00ล้านบาทแน่นอน แต่สิ่งที่มันขาดไปก็คือdatalinkกับทอ.และเรืออีก3ลำยังไงหละครับ
ตอนนี้ทุกคนกลัวกันไปหมดแล้วว่าเราต้องเสียค่าพัฒนาให้กับSAABในการยิงSM-2ให้ได้ในราคาแพงแสนแพง แต่ถ้าย้ายมาอีกค่ายเราก็ต้องเสียค่าพัฒนาให้ลิงค์กับทอ.ได้เหมือนกันอยู่ดีค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็มีเหมือนกันนี่ครับ
datalinkและค่าพัฒนาคือสิ่งที่ขาดหายไปจากเรือลำนี้ ผมต้องถามเพื่อนๆที่มีข้อมูลตรงนี้หละครับว่าแพงมากน้อยแค่ไหน เราจะได้รู้ข้อมูลทั้ง2ด้านโดยสมบรูณ์ เรื่องนี้บอกตรงๆผมไม่ทราบจริงๆ รู้แต่ว่าอุปกรณ์datalinkที่ติดตั้งบนเรือหลวงนเรศวรมันแพงได้ใจไม่ใช่น้อยเท่านั้น
ปล. เรือท่านจูดาสสั้นกว่าKDX-II ถึง48เมตรแต่เรดาร์แรงเว่อร์มาก คนออกแบบก็ช่างคิดเนอะแต่เจ๋งดีผมชอบ
เรือใหม่เราน่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า4,000ตันแต่คงไม่เกิน4,500ตันตามแบบที่เขานิยมกันประมาณlight frigate เพราะว่าเราเลือกแบบเรือทางฝั่งเกาหลีไม่ใช่ทางฝั่งยุโรปมันคงทำราคาให้อยู่ในวงเงินงบประมาณได้บ้างล่ะนะ
OK ครับท่าน superboy
LINK
เมื่อก่อนเคยสงสัย LINK E,G คืออะไร E = Erieye G = Gripen ใช้ไม่เหมือนที่ชาวบ้านชาวช่องใช้กัน
รอดูว่ามันจะ open architecture อย่างที่คุยไหม
IEEE US radar bands ดูง่ายดีครับ
ถ้าจะเอาระบบอีจิสหรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นdestroyerเลยจะเพิ่มตังอีกเยาะมั้ยครับ
ถึงตอนนี้ผมเริ่มชักจะเห็นด้วยกับท่านจูดาสซะแล้ว เพราะเท่าที่สังเกตุดูรูปจากแบบเรือ DW3000Hที่ท่าน superboy ลองตัดแต่งภาพโดยเอาระบบและสเปกส์ดังกล่าว (ที่ไม่ใช่ I-MAST) ดูๆแล้วมัน..มัน..ไม่เข้ากันเลย ถ้าสมมุติว่าใช้แบบเรือของ DW3000H แล้วมาขยายเป็น 4000 ตัน หน้าตามันก็จะออกมาคล้ายเหมือนในรูปนั้นแหละครับ ผมว่าแบบเรือ DW3000Hมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานและรูปลักษณ์เข้ากันกับ I-MAST400 นั้นแหละถูกต้องแล้ว
เมื่อถึงตอนนี้แล้วถ้าจะเอาแบบเรือ FFX มาขยายก็ไม่ work อยู่ดี แล้วตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่ เอาเรือ KDXII มาลดขนาดให้เหลือ 4000-4500 ตัน เท่านั้นหรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ออกแบบเรือขึ้นมาใหม่แต่ก็กลัวจะแพงเกินงบ 13,000 ล้านบาทที่มีอยู่
FFX ขยายขนาดอาจจะหน้า่ตาประมาณนี้ก็ได้ แต่มีที่สำหรับ VLS เพิ่ม ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
....ค่าออกแบบเรือนี่ผมไม่รู้ราคาเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซนต์
....แต่ค่าออกแบบอาคารนี่มันคิดไปตั้ง 8 เปอร์เซนต์ของราคาก่อสร้างอาคารรวม..หลังแรกนะครับ
....หลังต่อไปราคาลดลงเหลือ 50%, 30%, ต่ำสุดเหลือ 30% ของ 8% ตลอดไปครับ
....เรื่องการปรับแบบผมว่ายังไงก็ต้องเจอ 8% เต็มๆ ครับ (เพราะถือเป็นลำที่ 1 )
....สู้เลือก DX-II เต็มๆไปเลยครับ ประหยัดค่าแบบไปเยอะครับ (เพราะจ่ายค่าแบบแค่ 30% ของ 8%)
....หากจะลดขนาดก็ตัดต่อส่วนที่เท่ากัน..ให้สั้นลงจะประหยัดกว่านะ ครับ
....ไม่รู้ว่าวงการออกแบบเรือ..มันเหมือนออกแบบอาคารหรือเปล่าก็ไม่รู้
....(ผมว่ามันคงไม่ต่างกันมาก หรอกครับ.....คิดเอาเอง)
....ทางที่ดีไม่ควร ไปตัดต่ออะไรมันหรอก ครับ อยากได้แบบไหนก็ชี้เอาเลยครับ
.....(ขอให้เป็นลำที่ 3 ของแบบที่สร้างขาย...ก็แล้วกัน...ครับ) ประหยัดสุดประโยชน์สูง
....ถ้าไม่อยากเสียค่าออกแบบ..กองทัพเรือต้องออกแบบเองครับ...(ไม่ต้องเสียค่าแบบ..)
....อย่างเรือ "นเรศวร" ไงครับ...(ไม่เสียค่าออกแบบเลย)
....ถ้าค่าออกแบบเรือคิด 8% (เหมือนบ้าน เหมือนตึก) ผมว่ามันจะประหยัดไปได้เยอะเลย ครับท่าน...
....ตัวเรือเปล่าๆ ผมว่าราคามันก็ 5-6 พันล้านบาท ละมั่ง...ครับ
.....ค่าแบบเรือมันเป็นเงินเท่าไหร่ ? ผมไม่กล้าจะคิดเลย.................ครับ ท่าน
....งานนี้ ถ้าคนรับผิดชอบ (หรือทีมงาน) ไม่เป็นงานก็น่าจะหมดเงินเยอะหน่อย ครับ (แค่เรื่องตัวเรืออย่างเดียว)
.....สิ่งที่ผมกลัวก็คือว่า....
.....ค่าลดขนาดระวางขับน้ำของเรือลง จะประหยัดเงินได้ส่วนหนึ่ง ก็จริง
.....แต่ ต้องไปจ่ายค่าออกแบบ หรือปรับปรุงแบบเรือใหม่ ในราคาที่ใกล้เคียงกัน..(หรือเปล่า?..)
.....นี่ซิครับ ผลสุดท้าย เสียเวลาเปล่า ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย (ขยันแต่ไร้ประโยชน์ เหนีื่อยเปล่าๆ...ครับ)
.....ถ้าปรับปรุงให้ ฟรีก็อีกเรื่องหนึ่ง ครับ (งานใหญ่..ใช้มืออาชีพ ..คงไม่มีของ ฟรี แน่นอนครับ)
.....ทางที่ดีเลือก DX-II ตามสภาพของมันเลยครับ ปรับปรุงมันแค่ลบมุม เหยๆ ทิ้งไปก็พอ (ไม่ต้องเหนื่อย...
.....เพราะยิ่งรู้น้อย ยิ่งเหนื่อยมาก ครับ (สำหรับงานแบบนี้)
จากภาพระวางขับนัำ3,xxx tons สมมติว่าเปลี่ยน smart-s เป็น SPS48E SPS100--> sea giraff , 9LV มีCEROS , MK41 x 8cells , K ASROC x 8 cells ,harpoon , Torbedo , OTO 76/62 ก็ครบตามที่ทรฺต้องการ
......ถ้าเลือกตามนี้ ผมว่าเอา Design เรือชุด "นเรศวร" มาปรับ Supperstructure ใหม่
......ได้ตั้ง 3 ลำแนะ ดีกว่าอีก (ปืนเล็กลง แต่แลกมาด้วย Asroc)
......เห็นด้วยอย่างมากๆ ครับ...ท่าน
......ไฮเอนลืมมันได้แล้ว ครับ........
......(ก็ใจไม่ถึงก็เอาอย่างเก่าดีกว่า..............................บ๋อยๆ เอาอย่างเก่า..จ้าา)
วันนี้มีคนบ่นหา FFX ผมเลยเอาภาพมาฝาก แปลงโฉมตามที่เพื่อนๆชอบเรียบร้อยแล้ว มีทั้งรุ่นธรรมดาและเน้นป้องกันภัยทางอากาศให้เลือกตามงบประมาณ
พรุ่งนี้เรือจะเล็กลงอีกไหมครับ KDX-IIT --> DW3000H --> FFX-I ---> ????
ตอนนี้ผมยังคิดแต่เพียงว่าน่าจะประมาณkdx2 โมดิฟายโดยทางsaabร่วมกับทางdsmeทั้งตัวเรือระบบต่างๆรวมถึงอาวุธ ทางทัพเรือน่าจะตั้งเป้าไว้ในระดับ4,000ตันขึ้นขนาดpatrol frigate ของอเมริกายังมีระวางตั้ง4,500ตัน มันดูเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับการปรับปรุงอัพเกรดอาวุธได้ง่ายและครอบคลุมมากกว่า ถ้าระวางระดับ3,000ตันมันดูจะจำกัดการใช้งานไปหน่อย ทัพเรือเรายิ่งจัดหาอะไรแต่ละทียุ่งยากมากถ้าตอนนี้จะเอาทั้งทีต้องเน้นๆอัพตัวเองขึ้นไปบ้าง ส่วนเรื่องรูปทรงตัวเรือนั้นคงดูดีไม่ด้อยไปกว่าเรือจีนในเวอร์ชั่นใหม่ๆหรอกไม่งั้นเสียชื่อทางเกาหลีหมด และอีกอย่างเราจัดหาเรือใหม่แค่สองลำไม่รู้อีกกี่ปีจะได้งบมาอีก
เรื่องการแก้แบบเรือ เป็นค่าใช้จ่ายของอู่เรือ นี่ครับ...ก็ อู่เรือ เป็นผู้เสนอแบบเรือ...ไม่ใช่ ทร. เสนอแบบเรือ แล้วว่าจ้างต่อเรือครับ...
กองทัพเรือ กับ แดวู มันจบราคาที่ไม่เกิน 13,000 ล้านบาท ต่อ ลำ หรือ 425 ล้านเหรียยญสหรัฐต่อลำ...ก็เป็นหน้าที่ของ แดวู ที่จะต่อเรือและระบบอาวุธตามสัญญาในวงเงิน 425 ล้านเหรียญ...
โดยระหว่างนี้ ก็เป็นเรื่องการหาข้อสรุป เรื่องแบบเรือและระบบอาวุธ...ว่าเป็นไปตาม TOR หรือเปล่า...
ขอนอกประเด็นนิดนึง กลับไปอ่านกระทู้เรือฟรีเกตใหม่ (กระทู้ที่1) ที่คุณJudasลงภาพเรือจักรีติดESSM แต่คิดว่าถ้าจะติดจริงเรือจักรีน่าจะติดSM2มากกว่าด้วยขนาดของเรือที่ใหญ่มากพอมีพื้นที่รองรับMK41อยู่แล้ว (ไม่แน่ใจว่าว่าติดตั้งได้8หรือ16cells) ไม่มีบ.คุ้มกันเรือ ถ้าติดSM2แล้วหมู่เรือคุ้มกันก็ไม่จำเป็นต้องใช้FFG ใช้แค่FFชุดกระบุรี หรือ เจ้าพระยา ก็ได้ แต่คงจะต้องปรับปรุงมากพอควร 9LV + sea giraff + stir1.8 ใช้ได้แค่ESSM
ถ้า 911 จะติดตั้ง SM-2 จะต้องมี เรดาร์อากาศระยะไกล เพิ่มเติม นอกเหนือจาก Sea Giraffe และ ต้องมี illuminators ให้ SM-2 อีกครับ...และยังต้องมีระบบอำนวยการรบ เพิ่มเติมอีก...
ดังนั้น ถ้า 911 จะติดตั้ง SAM ผมว่า ก็ไม่เกินจากสเปคเดิมครับ คือ ESSM ครับ และเป็นเพียงป้องกันตนเองจาก อาวุธนำวิถีโจมตีเรือ ไม่ได้คุ้มครองกองเรือ...คือ จากการอัพเกรดปัจจุบัน ก็เพิ่มเติมเพียง ระบบควบคุมการยิง เท่านั้นครับ...
และเท่าที่ดู เรือบรรทุกอากาศยาน ก็ยังไม่มีแบบเรือไหน ที่ติดตั้ง SM-2 หรือแม้แต่ Charles de Gaulle ของ ฝรั่งเศส ก็ติดตั้งเพียง ASTER15 ครับ...
ตอนนี้ 911 คงมีหน้าที่เป็น การต่อระยะให้กับ อากาศยานปีกหมุน ทุกแบบ ให้ ทร. หรือ UAV ในอนาคต เพื่อเป็นเรือสนับสนุนกองเรือรบหลัก...มากกว่าครับ...
เรื่องค่าใช้จ่ายและความยากง่ายในการย่อหรือขยายแบบเรือเป็นส่วนที่ DSME ต้องดำเนินการ แต่ที่ยกเอาประเด็นนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ได้พิจราณาถึงโอกาสและความน่าจะเป็นที่ทางผู้เสนอแบบเรือจะเลือกทำแบบไหนที่จะทำให้ต้นทุนต่ำที่สุดง่ายที่สุดไงครับ ไม่ใช่ส่วนของผู้เลือก(ทร.)ครับ นอกจากทาง DSME จะได้ออกแบบเรือไว้หลายแบบหลายขนาดและมีบางแบบที่ใกล้เคียงความต้องการของทร.ไทยมากๆ โดยความเป็นจริงแล้วในทุกอุตสาหกรรมต่างก็ต้องพยายามลดต้นทุนให้มากที่สุด ทางหนึ่งคือการลดต้นทุนการพัฒนาและการออกแบบ โดยการใช้แบบพื้นฐาน(Platform)ร่วมกัน อย่างเช่น รถยนต์ จะเห็นได้ว่ารูปร่างหน้าตาของรถแต่ละรุ่นใกล้เคียงกันมากๆ เครื่องยนต์แม้จะมีขนาดต่างกันแต่ก็ใช้บล๊อกเดียวกัน เช่นเดียวกับเรือของ DSME ผมเชื่อว่าโดยพื้นฐานแล้วไม่ว่าจะเป็น KDX II (DW5000D) หรือ DW3000H หรือ FFX ก็น่าจะมีพื้นฐานเดียวกัน แค่แต่งหน้ามาปากให้แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของเรือแต่ละแบบ ก็ขนาด La Fayett ยังกลายร่างไปเป็น Formidable ที่ดูคล้าย FREMM มากกว่าได้เลย
ผมไปได้ข้าวมาจากรายการของจริงรายการหนึ่งบน youtube เป็นการวิเคราะการชื้อเรือฟริเกตใหม่ของ ทร โดยมีตัวเลือกต่างๆแต่ผมไปสะดุตาต้องภาพอยู่ภาพหนึ่งที่เขียนว่า DW3000 h ซึ่งหน้าตาไม่เหมือนกับ DW3000 ที่เราเห็นๆกันไม่แน่ใจว่าจะเป็น top ที่เกาหลีเสนอขายให้เราหรือเปล่าครับ แต่หน้าตามันออกจะคล้ายๆกับเรืออิตาลี่ชะมากกว่า
รายการวิเคราะการชื้อเรือของไทยโดยคนจีน ซึ่งจะมีรูป DW3000 ที่ว่าประมาณสองรูปถ้าข้อมูลผิดพลาดต้องขอโทษพี่ๆ เพื่อนๆด้วยนะครับ
FREMM ของอิตาลี่ครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งสามชิกในเว็ปนำรุปเรือตัวนี้จากหนังสือพิมพ์มาให้ดูแต่สมาชิกท่านอื่นในเว็ปก็เคยบอกแล้วว่าเป็น FREMM ของอิตาลี่ครับ แต่พอเจอในสื่อจีน ผมจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ทร อาจจะได้เรือคล้ายๆแบบนี้ด้วยเงิน 1300ล้าน
อิงจากรูปของสมาชิกที่เคยลงไว้ครับ
จะเอา EMPAR กันเลยรึท่าน
.........ผมขออนุญาตเพื่อนๆ ผมขอโพสภาพโมเดลแบบเรือของจีน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่นอกเรื่องราวของหัวข้อในกระทู้นี้....ว่าปัจจุบันจีน มีการออกแบบเรือต่างๆ ก้าวหน้ากว่าเดิมไปมาก ดูทันสมัยและสวยงามดีกว่าเดิมมาก.........ดังเช่นโมเดล แบบเรือฟรีเกตของจีน ซึ่งมีการออกแบบเรือขึ้นมาใหม่ให้ทันสมัย และได้มีการนำโมเดลแบบเรือใหม่ของจีนนี้ มาจัดแสดง(ปรากฏรายละเอียดตามภาพที่โพส)....................ครับ/สกายนาย
นำมาจาก http://tuku.military.china.com/military/html/2013-05-07/215590_2345759.htm
อาจจะ เน้นว่าอาจจะนะครับ มาจากการที่แหล่งข่าวหรือนักข่าวได้เห็นแบบจำลองเรือที่ท่าง DSME เสนอแล้วได้รับเลือกจากทร. มีรูปร่างหน้าตา "ใกล้เคียง" กับเรือชั้น FREMM ของอิตาลี ก็เลยไปเอารูปเรือลำนี้มาลงประกอบข่าว แต่ต้องเข้าใจว่านักข่าวในบ้านเราเกือบทั้งหมดมีความรู้เรื่องอาวุธน้อยมากครับ แล้วเรือฟริเกตสมรรถนะสูงลำนี้ราคา " 13,XXX ล้านบาท " นะครับท่าน
ปล.เห็นไหมครับว่ารูปร่างหน้าตาของเรือนั้นสำคัญไม่น้อยเลย แค่แบบจำลองของเรือจีนลำข้างบนก็ทำให้ดูเหมือนว่ามันเป็นเรือรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยมากลำหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ
ผมก็คิดแบบเดี๋ยวกันอาดเป็นเหมือนที่ คุณTWG ว่า เพราะทั้งสือไทยที่สมาชิกในเว็ปเอามาลง รวมไปถึงสือจีนที่มีการแสดงแบบเรือต่างๆที่เข้าแข่งขันในโครงการเรือของ ทร. ในครั้งนี้ ดังนั้นสื่อไทยและจีนแสดงแบบ DW 3000 ที่ตรงกันมีความเป็นไปได้สุงที่ top DW 3000 th ราคา 13000 ล้าน
จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจาก DW 3000 ที่เสนอมาครั้งแรกที่ราคาไม่ถึง หนึ่งหมื่นล้านแต่พอมาครั้งนี้แบบจึงเปลี่ยนแปลงไปคล้ายๆกับ FREMM ของอิตาลี่
ยิ่ง I-MAST 500 รูปล่างของมันอาจจะไปเหมือนกับเรด้าของ FREMM ของอิตาลี่ครับ
แต่ผมแอบหวังแอบลุ้นอยู่ว่า ถ้าหากผู้ที่ได้รับเลือกจากทร.ให้เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งและเชื่อมต่อระบบคือ SAAB แล้วล่ะก็ แบบเรือลำนี้อาจจะติดตั้งระบบที่(หน้าตา)เหมือน CEAFAR / CEAMOUNT ก็ได้น่ะครับ
ปล. ลองนึกภาพ เสาและโดมเรดาร์คล้ายๆ กับของเรือจีนในรูปข้างบนนี้ แล้วมีโดม Satcom ครอบบนยอดอีกที น่าจะดูคล้ายกับ FREMM ในรูปมากๆ เลยนะครับ
DW 3000 th ขยายแบบ 4000 ตันโดยความหน้าจะเป็นอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ เพราะดูๆรวมๆแล้วหน้าจะเข้าไกล top ทร.ต้องการแล้วนะครับ แต่ภาพอาดไม่สวยนะครับ
รบกวนผู้มีความสามารถช่วยตัดต่อและเพิ่มข้อมูลที่ไกล้เครียงกับ top นี้ ลงไปให้อีกด้วยครับ
DW 3000 th ที่เกาหลีอาดเสนอให้ไทย
อยากได้ สเป๊กประมาณนี้ แต่งบคงไม่พอ
สืบเนื่องจาก คลิปของคุณDW5000H ที่เป็นรายการสื่อจีนต่อการจัดซื้อเรือฟรีเกตของทร.ผมจึงได้ให้เพื่อนพ่อช่วยแปลและพอสรุปความได้ว่า
ทร.ได้งบประมาณ1,000ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการเรือฟรีเกตใหม่2ลำ ซึ่งมีบริษัทจากอเมริกา ยุโรป เกาหลีใต้ และจีนได้เข้าแข่งขันโดยเสนอType054 ซึ่งจีนมั่นใจว่าสามารถเทียบได้กับเรือของอเมริกา โดยมีข้อเสนอความช่วยเหลือในการผลิตและการต่อเรือในไทย แต่เรือเกาหลีชนะการประมูล ทั้งที่เรือเกาหลีเทียบกับเรือจีนไม่ได้ ทางเกาหลีต้องการที่จะได้โครงการนี้มาก ทั้งที่ทร.ควรจะสนใจเรือจีนมากกว่า
ต่อนะครับ
ในกองทัพเรือ ส่วนใหญ่จะเป็นเรือที่ต่อจากตะวันตกและเรือจีน แบบเรือของเกาหลีไม่มีระบบอาวุธที่เป็นของตัวเอง ต้องใช้ของจากอเมริกาและยุโรป เกาหลีต่อได้เฉพาะตัวเรือเท่านั้น เป็นการยากในการจะบูรณาการระบบต่างๆเข้าด้วยกัน ในช่วงนี้เกาหลีพยายามที่จะส่งออกอาวุธเข้าสู่ภูมิภาคนี้ มีดีลกับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ ซึ่งต่อเรือจากเกาหลีแล้วมีปัญหาตัวเรือเกิดสนิม แตกร้าว และปัญหาทางเทคนิคซึ่งทางเกาหลีไม่สามารถแก้ปัญหาได้
เกาหลีมีความสามารถต่อเรือได้ แต่มีปัญหาคุณภาพและเหล็ก เพราะต้องนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ แล้วไทยจะมั่นใจเกาหลีได้อย่างไร
ในยุค90 ไทยต่อเรือจากสเปน ซึ่งทุกวันนี้ยังไมาสามารถใช้งานเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรือไม่มีความสามารถในการป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีทางอากาศ ต้องจอดเรือไว้ที่ท่าและกลายเป็นสถานที่ท่่องเที่ยว การต่อเรือจากเกาหลีจะมีปัญหาอะไรอีบ้างก็ไม่รู้ เหมือนกับไทยเป็นหนูลองยา
ทร.มีเรือจีน8ลำแล้ว มีความต้องการที่จะได้เรือที่มีระบบเรดาร์และป้องกันภัยทางอากาศได้ ซึ่งDW3000 ไม่เหมาะสม อาจจะต้องมีการปรับปรุงแบบ ยืดความยาวเป็น114เมตร ความกว้าง13.8เมตร เป็นDW3000H ซึ่งDW3000ออกแบบได้สวยงาม อิงจากแบบเรืออังกฤษ แต่ก็ไม่รู้ว่าทร.จะเลือDW3000หรือDW3000H
จบแล้วครับ ผมแปลมาทีละประโยตและนำมาสรุบใจตวามได้ประมาณนี้ ช่วงท้ายที่เป็นภาพJSDF เป็นการพูดพาดพิงถึงอเมริกาว่าคอยหนุนหลังญี่ปุ่นครับ
ภาพประกอบการสนทนาส่วนใหญ่จะลงภาพมั่วไปหมด ลงภาพsigmaเป็นเรือจากเกาหลี บอกว่าDW3000H หน้าตาจะเหมือนFREMM ครับ แล้วยังบอกด้วยว่าDW3000 เป็นรุ่นส่งออกของเรือที่ต่อสำหรับหร.เกาหลี ความน่าเชื่อถือของสื่อจีนคงจะต้องใช้วิจารณญาณนะครับ ต้องไม่ลืมว่าจีนมีส่วนได้เสียในดครงการเรือฟรีเกต ย่อมต้องมีความเอนเอียงครับ
สรุป แล้วตอนนี้ ทร. เลือกแบบจากทีไหน ครับ.. ขอบคุณ.....
เรีอยนท่าน RAF แต่ผมก็ไม่ค่อยมันใจในเรือเกาหลี ที่เราเลือกแบบที่ไม่มีใครใช้เลยแม้แต่เจ้าของเองอะครับ ผมคิดเหมือนที่สือจีนบอกว่าอาจใช่เราเป็นหนูรองยา ถ้าพูดถึงเฉพาะเรือคุณภาพในการต่อเรือใช้ในประเทศผมว่าจีนกับเกาหลีหน้าจะใกล้เคลียงกัน แต่คุณภาพในการส่งออกอีกเรื่องหนึ่งครับ เรื่องงปประมาณนี้ก็มีส่วนว่าเราจะได้ของดีไม่ดี เพราะของถูกแล้วจะให้ดีเท่าของแพงมันคงอยากอะครับ สินค้าจีนดีๆก็มีเยอะแต่คนไทยไม่ค่อยเอามาขายกันกำไรมันน้อย จึงมีแต่ของไม่ค่อยมีคุณภาพเพราะราคาถูกขายคล่องกำไรงาม แต่ที่สำคัญพวกเราไม่อยากได้เรือจีนเพราะบทเรียนที่จีนได้ให้ไว้กับ ทร. เป็นฝันร้ายมาจนแทบทุกวันนี้เลย ดังนั้นของเกาหลีก็ไม่ได้ดีเสมอไป บทเรียนเรือเกาหลีดูได้จากเรือขอบังกาลาเทศ พี่บังจึงเริ่มสนใจเรือจีนมากกว่าเกาหลี เพราะเคยเจอปัญหามาแล้ว
สำหรับไทยหลายๆคนบอกไม่อยากได้เรือจีนผมก็เห็นด้วยอะครับเพราะอย่างที่บอก.... แต่ที่มีผ่านเข้ารอบสุดท้ายก็มีเรือของสเปนด้วยนะครับสำหรับผมเป็นเรือที่ถือว่าราคาเละสเป็กหน้าจะพอรับได้อยุ่ในงปประมาณ ส่วน ทร.เรานั้นส่วนตัวผมมองว่าคงจะมองการไกลเรื่องเรือดำน้ำ จึงใช้งปไม่เต็ม15000 ล้าน เพื่อหั่นงปมาใช้ชื้อออฟชั่นเรือดำน้ำจากเกาหลีพวงมาตอนหลังครับ ชื้อแบบ gripen+ออฟชั่น ก็เป็นได้ครับ
เราอาจจะให้DSMEต่อเรือตามพิมพ์เขียวของเราเองก็ได้นะครับ แบบเดียวกับเรือหลวงนเรศวรที่ให้จีนต่อให้ แต่เธอจะต้องมีญาติสนิทซักคนเป็นต้นแบบก่อน เหมือนเรือหลวงนเรศวรเราเป็นน้องสาวเรือเมโก้200อะไรแบบนี้ เรือลำใหม่เราก็อาจะเป็นญาติกับ KDX-IIหรือ DW300Hขยายร่าง หรืออาจจะตามจินตนาการผมที่กลายเป็น F30Tก็ว่ากันไป
เราต้องรอทร. นำเสนอกลาโหมจนผ่าน ไปถึงคณะรมต.จนผ่าน (แบบเฮลิคอปเตอร์6ลำของทบ.นี่ไง ถ้ามีข่าวออกมาแบบนี้แปลว่าได้แน่นอน) จากนั้นถึงจะได้ข่าวอย่างเป็นทางการอีกที อาจจะต้นเดือนหน้าหรือไกลไปจนถึงปลายเดือนก็ได้ คือเรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้เวลานะครับ ราชการไทยขั้นตอนเยอะมากช้าแค่ไหนทุกคนคงรู้ดี และการไม่มีอะไรหลุดออกมาก่อนผมถือว่าทำถูกแล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีคนใกล้ตัวกันเองนี่แหละคอยตัดแข้งตัดขาจนไม่ได้เกิด อดทนรอครับเพื่อนๆ ตอนนี้ก็จิ้นกันไปก่อนตามความคิดทุกคน อย่างผมล่าสุดก็ออกมาเป็นภาพนี้แหละ
ถ้า ทร.เลือกระบบ SAAB เหมือนกับที่คุณ TWG กล่าวแล้วขยายแบบ DW3000 t เป็น 4000 ตันหน้าตาคงจะคล้ายๆแบบนี้นะผมว่า
คุณDW5000H ครับ ผมก็ไม่ได้ชอบเรือเกาหลีเท่าไรนัก แต่ข้อมูลจากสื่อจีนเราคงจะเชื่อ100%ไม่ได้หรอกครับ ต้องอย่าลืมว่า จีนมีส่วนได้เสียกับการประมูลโครงการเรือฟรีเกตใหม่ ย่อมต้องมีความเอนเอียง แล้วข้อมูลบางอย่างก็คลุมเคลือ เช่น DW3000 คือแบบเรือส่งออกของเรือที่ทร.เกาหลีใช้อยู่ แล้วมันคือเรือรุ่นไหน ?? FFX ?? หรือที่บอกว่า เกาหลีไม่มีระบบอาวุธเองต้องนำเข้าจากยุโรปและอเมริกา จะบูรณาการระบบยาก แต่ที่ผ่านมาทร.ต่อเรือจากจีนแล้วมาติดระบบอาวุธเองก็บูรณาการยากไม่ต่างกัน และทางสื่อจีนยังเลี่ยงประเด็นเรื่องคุณภาพเรือจีนเอง ซึ่งทร.ก็ได้รับบทเรียนมาเช่นกัน
แต่เราอาจใช้ข้อมูลจากสื่อจีนเป็นประโยชน์ได้ เช่น เรืองเรือของบังกลาเทศ ทางทร.คงต้องเช้คข้อมูลและสอบถามข้อมูลจากทร.บังกลาเทศ เพื่อจะได้ทราบและป้องกันปัญหาได้ครับ
ตราบใดที่ยังไม่จ่ายเงินอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดีไม่ดีบอกเกาหลีชนะแต่แล่นมาถึงท่าอาจเป็นเรือจีนก็ได้นะ
ด้วยความเคารพนะครับ หนูลองยา ไม่ใช่ หนูรองยา สเป็คน่าจะ... ไม่ใช่ สเป็กหน้า จะ... ส่วนตัวผมเองคิดว่าจากที่ท่านแปลมา อ่านแล้วก็ทราบได้เลย ว่าเอียงเข้าข้างตัวเองสุดๆ สำหรับสื่อจีนทีมนี้ ตอนนี้ชีวิตไม่คิดอะไร ทำงาน กลับมานั่งอ่านกระทู้ แล้ว ลุ้น เรือ ของทร. กับ รถถัง ของทบ. สาธุมาดีๆมาเทพๆ สมราคากับความหวังของพวกเราทีเถอะ...
ปล.ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณานะครับ ... อิอิ
วันที่25 เพื่อนๆที่ทำงานประจำเงินเดือนคงจะออกกันแล้ว แต่เราก็ยังต้องนั่งมอนิเตอร์ข่าวเรือฟริเกตลำนี้ต่อไป ครม.อนุมัติวันไหนก็วันนั้นแหละ
ถึงนาทีนี้ผมรับได้หมดแล้ว จะเป็น DW3000H เต็งจ๋าตั้งแต่เริ่มแรกก็ได้นะ(วนกลับมาลำเดิมอีกแล้ว) แต่ขอ16VLS ที่มันรองรับSM-2ในอนาคตด้วยเถิด ผมช่วยเพิ่มปริมาณและความสุงให้
ตกลง I-MAST 500 มันเป็นสินค้าขายจริงแล้วหรือยังครับ หรือยังแค่ต้นแบบที่ยังไม่มีการผลิตเหมือนอุปกรณือีกหลายอย่างที่เรามีข่าวอยู่
ในระหว่างที่เรานั่งรอผลอันไม่รู้ชะตากรรม แต่มาดูข่าวดีปัจจุปันที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่าครับ
ภาพแรกเป็นภาพจิตนาการ
ภาพต่อๆเป็นภาพที่เป็นความจริงและถือเป็นข่าวดีจากกองทัพเรือ เพราะเรือรบหลวงกระบี่ได้เข้าทดสอบทางทะเลครั้งสุดท้ายแล้ว
และกำลังจะเข้าประจำการในไม่ช้า
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=399557100158046&set=a.307647572682333.72262.307612889352468&type=1&permPage=1
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่ในความคิดของผมจากการประเมิณแล้ว ผมว่าเทคโนโลยีการต่อเรือของ daewoo เกาหลี เหนือกว่าจีนครับอย่างแน่นอนครับ
เหตุผล 1) อู่ต่อเรือ daewoo ถือกำเหนิดขึ้น ตั้งแต่ปี1973 จวบจนปัจจุบัน 40 ปีพอดีครับ กับจีนที่เพิ่งจะเปิดประเทศ 1988 จวบจนปัจจุบัน 25 ปี (ใครประสบการณ์สูงกว่ากัน)
2) เรื่องเกรดเหล็กผมว่าช่วง 40 ปีที่ผ่านมาฝ่าย R&D ของอู่ต่อเรือ daewoo ระยะเวลาน่าจะมากพอที่จะพัฒนาคิดค้นจนได้สูตรส่วนประสมของแร่ต่างๆ+แร่เหล็กจนสามารถถลุงเหล็กและรีดออกมาให้สามารถทนการกัดกร่อนของเกลือในน้ำทะเลได้ (น่าจะเหนือกว่าจีน)
3) ประเทศเกาหลีถึงเค้าจะไม่มีมีโรงถลุงเหล็กแต่ก็สามารถว่าจ้างโรงงานถลุงเหล็กจากต่างประเทศให้ถลุงเหล็กตามสูตรของส่วนประสมของเหล็กที่เกาหลีต้องการออกมาได้ครับ
4) ส่วนเรื่องการต่อเรือตามที่ สื่อจีนกล่าวหาออกมานั้น ช่วยแสดงหลักฐานด้วยครับ เท่าที่ติดตามข่าวจากเวปไซด์ต่างประเทศ ผมก็ยังไม่เคยเห็นว่าประเทศที่ให้เกาหลีต่อเรือให้จะมีปัญหาดังกล่าว มีแต่กับเรือจีนกับของไทยเราเนียะแหละ ตลอด....
สรุปคือ อู่ต่อเรือของ daewoo เค้ามีประสบการณ์การต่อเรือบรรทุกสินค้ามานาน การจะประยุกต์ให้มาสามารถต่อเรือรบได้นั้นไม่ใช้เรื่องยากสำหรับพวกเค้าหรอกครับ คือ มีพื้นฐานแน่นอยู่แล้วนั้นเอง
และที่สำคัญถ้าเทคโนโลยีหลายๆด้านของของจีนเหนือกว่าเกาหลีใต้จริงหรือ จนปานนี้ผมยังเห็นรถยนต์ daewoo และ hyundai ของเกาหลีไปครองตลาดอันดับหนึ่งในประเทศจีนมันเองอยู่เลย และจนปานนี้ผมยังไม่เห็นสินค้าที่เป็นตัวเทคโนโลยีที่เป็นแบรนด์ของประเทศจีนติดตลาดโลกซักยี่ห้อ (huawei ที่ว่าแน่ๆหลังๆมาซ่าลงไปแหละ)
(ปล.พูดง่ายๆคือไม่ให้ราคาเทคโนโลยีของจีนซักเท่าไร ขนาดตอนไปดูงานที่ bitech thai manufacturing expo 2013 ผมยังเดินผ่านบู้ทพวกนั้นไปเฉยๆ คือแค่เดินผ่านๆและชำเลืองมองก็เห็นความ lo-tech ของมันแล้ว)
จากทฤษฎีสมคบคิดของผม +ลางสังหรณ์ มันบอกว่า ทร.ไทย จะใช้แบบ รล.กระบี่ ยืดขยายส่วน ให้ใส่ VLS 16 cells +hanger +ASM+ towed soanr จำนวน 2-3 ลำ เพราะเหมือนกับรอให้เรือหลวงกระบี่เข้าประจำการเสียก่อน โชว์ตัวให้สื่อต่างๆ ประชาสัมพันธ์โครงการ+ เร่งเอาเรือหลวงกระบี่ออกไปคุ้มกันโจรสลัดที่อ่าวเอเดน (ประมาณว่าเรือของข้าแน่จริง ออกทะเลน้ำลึกได้) จากนั้นก็นำเสนอเรื่องต่อเรือฟริเกตในประเทศกับประชาชน โดยมี Daewoo เป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีให้ แน่นอนแรงสนับสนุนมาเพียบแน่ๆ
ที่คาดเดาว่าอาจได้ 2 ลำ คือเอางบอีก 1 ลำมาเป็นค่าขยายอู่ราชมหิดล ส่วนถ้าได้ 3 ลำคือ รัฐบาลตกลงขยายอู่ให้อีกต่างหาก
เพราะถ้าเป็นผม ถ้าให้เลือกแบบเรือที่จะมาต่อเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ผมคงถาม BVT ว่าแบบอันนี้สามารถเพิ่ม module เป็นเรือฟริเกตได้ไหม ติดอาวุธได้สูงสุดแค่ไหน ถ้าจะเพิ่ม module เป็นฟริเกต ต้องจ่ายค่าแบบเพิ่มหรือเปล่า ถ้าเพิ่มก็เพิ่มเงินไม่มาก (คือจ่ายเงินซื้อแบบ module ที่สามารถ อัพเป็นฟริเกต มา เพราะตอนซื้อเอาทำ OPV ไม่ได้ให้มาด้วย หรืออธิบายง่ายต้องการ module เพิ่มก็จ่ายเงินเพิ่ม) ซึ่งแน่นอน Details การต่อเรือก็อาจจะเปลี่ยนไปใหม่ เช่น Materials อาจจะเปลี่ยนชนิดใหม่, แนวเชื่อมเพิ่มความความกว้างมากขึ้นเพื่อขยายความแข็งแรงของแนวเชื่อม รวมถึงขั้นตอนการเตรียมแนวเชื่อม, การ wiring สายไฟ ระบบกันไฟไหม้อันเนื่องมาจากการถูกโจมตี ก็ถูกวางใหม่ แต่สุดท้ายทั้งหมดทั้งมวล หัวใจสำคัญในการต่อเรือที่จะเป็นเรือฟริเกต ก็ไม่ได้แตกต่างจากเรือ OPV มาก แค่เพิ่ม Detail + SWOT analysis (จำลองเหตุการณ์ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องจากถูกโจมตี มาเป็นข้อกำหนดในการออกแบบ) + balance น้ำหนัก แค่นี้เราก็ได้ฟริเกตแล้วครับ
แบบเรือที่ว่ามันมีอยู่แล้วนี่ครับ เรือคอร์เวตชั้น Khareef ของโอมาน ใช้แบบเรือพื้นฐานเดียวกันกับรล.กระบี่ หน้าตาก็แทบจะเป็นฝาแฝดกันเลยครับ แต่เป็นเรือรบพันธุ์แท้ที่ครบเครื่องพอสมควรเลยทีเดียว ราคาก็ไม่สูงมาก ลำละประมาณ 6,000 ล้านบาท (ราคาช่วงปี 2007)
ครับ แบบส่วนอื่นๆของเรือมีหมดแล้ว อย่าลืมว่าเรือหลวงกระบี่สามารถแปลงร่างเป็นเรือ OPV หรือ คอร์เวต ได้ และไม่แน่ใจว่าจะแปลงร่างเป็นฟริเกตด้วยได้หรือไม่
ดังนั้นแล้วถ้าผมเป็น BVT ผมจะไม่ขายมาทั้งหมด ผมจะแยกว่า เอาแค่นี้โมดุลพอสำหรับต่อ OPV ที่ราคาเท่านี้ แต่ถ้าอยากได้ฟริเกต ก็ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับราคาอีกโมดุลเพื่อขยายเรือ เราก็จะได้โมดุลส่วนต่อขยายมาเพิ่มเพื่อเอาไปทำ ฟริเกต และอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ความแข้งแรงในการอัพเป็นฟริเกตด้วย
ลักษณะมันคล้ายๆกับ ASME SEC I standard เลยครับ สร้าง Boiler ได้เหมือนกัน แต่มีข้อกำหนดนู่นนี่นั่นเพิ่มขึ้น ถ้าอยากทำอะไรเพิ่มก็ไปอ่านข้อกำหนดเพิ่ม ซึ่งข้อกำหนดใหม่ตามงานที่เพิ่ม ก็จะไปหักล้างข้อกำหนดเดิม และให้ยึดถือข้อกำหนดใหม่ จะงงไหมเนี่ย
เฮ่อ กระทู้ฟริเกรต ทร. หงอยไปเลย ช่วงนี้
เจอ เจ้าโอท็อป ทบ. เข้าไป
เอ้า ทร. ขยับตัวหน่อยครับ อิอิ
ฝันว่ากองทัพเรือประกาศแบบเรือฟริเกต เป็นรุ่นนี้
ดูแล้วเพลินดีครับ
ตื่นมาอีกทีดันกลายเป็นรุ่นก่อนที่เขาทยอยปลดระวาง
เอาวะASWแท้ๆ2ลำ7พันล้านพร้อมอาวุธล้นเรือ ซื้อมา4ลำประจำการ2ฝั่ง ส่วนเงินที่เหลืออีกครึ่งสะสมไว้ซื้อเรือดำน้ำแล้วกัน
เป็น FREMM ที่สวยงามและครบเครื่องมาก ปืน5นิ้วสามารถยิงลูกยาวได้ไกลถึง120กม. เวอร์ชั่นASWก็มีโซนาร์ลากท้ายและมิลาสด้วย EMPARและเสากระโดงดูสวยงามกว่าเรืออังกฤษตั้งเยอะ รออีก30ปีแล้วค่อยไปสอย2ลำ7พันล้านได้ไหมครับพี่รอสซี่
ลำที่กำลังจะปลดประจำการใช้CIWS 40มม.ผมก็ว่าใหญ่โตมากแล้ว มาเจอลำนี้เข้าให้ 76/62 SR STEALTH มั่นใจในอาวุธตัวเองมากหรือชาตินิยมจ๋ากันแน่
หรือมันเป็นปืนหลังแบบเรือสมัยก่อนกันแน่นะ เพียงแต่ทำงานควบกับCIWSไปเลยง่ายดี
สรุปแล้วเจ้าแบบเรือที่สื่อประเทศจีนมันอ้างอิงถึงเรือ DW3000 H ของทาง daewoo มันมีลักษณะใกล้เคียงกับเรือชั้น fremm จริงๆนะหรือหรือมันก็นั่งเทียนเขียนข่าวหรือเหมือนๆกันกับสื่อไทย เพราะเท่าที่ผม search หารูปเรือเจ้ารุ่นดังกล่าวก็ยังคงแสดงภาพแบบเรือเดิมที่มีเจ้า I-MAST400 ติดอยู่บนเรือเหมือนๆกันหมดทุก เวปบอร์ดแม้แต่ในเวปของ อู่เรือ daewoo เองก็ตาม
ทราบข่าวมาว่าทาง phillippines เองก็สนใจแบบเรือจากเกาหลีเหมือนกันกับเรา และบังเอิญไปเห็นเจ้าแบบเรือที่ทาง เกาหลี นำเสนอให้กับทาง ทร.ปินส์ เป็นแบบเรือใหม่
ชื่อ HDP 1200 เป็นเรือ OPV ครับแต่โอโฮ้ มี VLS ด้วยและที่ไม่น่าเชื่อเลยก็คือ มันมีระวางขับน้ำ แค่ 1200 ตันเท่านั้น
http://www.timawa.net/forum/index.php?topic=33797.255
พอเห็นเจ้าเรือรูปดังกล่าว ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นแบบเรือที่อาจจะนำไปขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นที่ทาง ทร.ของไทยเราอุบไต๋อยู่ในขณะนี้หรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่พิจารณาดูแล้วรูปแบบของเรือมันเหมาะกับการวางระบบเรด้าห์ของ saab ได้กลมกลืนอย่างไม่น่าเกลียดเหมือนกับเจ้า DW3000H
เห็นแบบเรือ FREM + กับแบบเรือที่เกาหลีใต้เสนอให้ฟิลิปปินส์ (1200 ton + VLS) ค่อนข้างมั่นใจเลยครับ ว่า รล.กระบี่ขยายส่วนโมดุล VLS+HANGAR มาแน่ ทำไมน่ะหรือ ลองจินตนาการดูนะครับ ถ้าผมเป็นผู้เสนอแบบเรือเข้ามาที่ ทร. แต่ถูกตีตก ทั้งๆที่นำเสนอว่าจะต่อในประเทศ แถมให้ตั้ง 3 ลำ ผมจะแก้เผ็ดอู่ Daewoo ยังไงน่ะรึ ก็แหมเรือหลวงกระบี่ออกมาโลดแล่นสวยงามซะขนาดนี้ ก็ปล่อยข่าวโจมตีเลยสิครับ ตัวอย่างนะ " ทร.ไทยสามารถต่อเรือรบได้เองแล้วแต่ทำไมยังเลือกซื้อเรือจากต่างประเทศ" แค่นี้ก็อ่วมแล้ว คนทั่วไปแยกไม่ออกหรอกครับว่าอันไหน OPV อันไหน frigate โอเค ทร.จะอ้างว่ามาตรฐานการต่อเรือคนละแบบ ระหว่างมาตรฐานทางทหารกับอู่เรือพานิชย์ ผมก็ปล่อยข่าวเนียนๆมาต่อ ว่า อู่ของผมพร้อมต่อเรือในประเทศให้ ทร.ไทย พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการต่อเรือระดับ frigate ให้ +อาวุธเต็มลำ แถมยังได้อีกตั้ง 3 ลำ แค่นี้ถ้า ทร.ไม่ตัดสินใจต่อเรือในประเทศก็อ่วมแล้ว
ดังนั้นหาก ทร.จะเลือกต่อเรือจากต่างประเทศต้องประกาศผลการคัดเลือกแบบ ก่อนจะมีรูปเรือหลวงกระบี่ออกมาโลดแล่นสู่สายตาประชาชนอย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ก็สายไปแล้ว สุดท้าย ผมสนับสนุนให้ ทร.ต่อเรือในประเทศนะ จริงๆ จะให้มีมวลชนจัดตั้งถือป้ายให้ ทร. ต่อเรือในประเทศก็จะช่วยนะครับ (แต่ต้องเป็นแบบเรือจาก BVTหรือจาก DSME เท่านั้นนะ) เพื่อกระพือให้สื่อสนใจ
http://s3.zetaboards.com/Defense_Philippines/topic/7616411/12/
HDP 1200 for Hyundai Heavy Industries for the introduction of the export of the Third World countries in Southeast Asia and other small-scale naval small frigates, the displacement of about 1200ton
เรือฟิลิปปินส์ถึงตอนนี้เต็งจ๋ายังคงเป็น FFX-1(นี่ก็ฮุนไดเหมือนกันนะ) อยู่โดยมีซิกม่าหายใจรดต้นคอไม่ห่าง
เรือลำนี้ถ้าราคาเรือติดอุปกรณ์ครบดังภาพไม่เกิน150ล้านเหรียญจะน่าสนใจมากๆ ถ้าใช้กับทร.ก็แค่เปลี่ยนCIWSเป็นฟาลังซ์เท่านั้นเอง(ใช้เป็นปืนรองไปเลยให้ ds-30ขาดใจเล่น) แต่มันไม่ใช่ Hi-end frigate หนะสิไม่ใกล้เคียงเลยด้วย น่าสนใจมากถ้าเราของซื้อแบบมาต่อเองในบ้าน แต่ก็นะเรือหลวงกระบี่ยังไปไม่ถึงไหนเลย
ผมลองตามกลิ่นธุปเข้าไปยังเวปของฮุนได เจอ HDP-1400 กับ HDF-3000ซึ่งก็คือเรือFFX-1ราคา232ล้านดอล์นั่นเอง (ระวางขับน้ำแค่2,300ตันแต่ชื่อHDF-3000 ผมไม่อยากคิดถึงDW300Hเลยว่ามันจะขนาดไหนกันแน่) The world’s No.1 shipbuilding อ่านแล้วอึ้งไปเลยครับอู่นี้ไม่ธรรมดา
แต่เราเลือกแดวูต่อเรือให้หนะสิครับ ผมว่ามันก็วนกลับมาที่ DW5000H(KDX-II)ย่อส่วน กับ DW3000Hขยายร่างอยู่ดีแหละจะตัวไหนเท่านั้นเอง อันที่จริงแบบเรือรบของเกาหลีมันแชร์กันได้แหละเพราะรัฐบาลให้2อู่ช่วยกันต่อ(อย่าง KDX-IIกับ KDX-III มีแบบเรือใน2เวปเลย) แต่ตอนขายต่างประเทศผมว่าคงตัวใครตัวมันมากกว่านะครับเป็นเรื่องทางธุรกิจมากกว่าความมั่นคงของชาติไปเสียแล้ว
ถ้าอย่างนั้นผมว่างานนี้ถ้าเป็นไปตามที่สื่อไทยเคยรายงานออกข่าวมาว่า ทร.ไทยเลือกใช้อู่ daewoo ต่อเรือให้ไทยเรา ก็คงจะเป็นเรือ DW3000H อย่างแน่นอนแล้ว (ส่วนจะขยายแบบหรือแก้ไขแบบนั้นก็คงต้องรอคำตอบกันต่อไป) เพราะถ้าจ้างอู่ daewoo ต่อเรือให้ก็ต้องใช้แบบเรือของทาง daewoo มันถึงจะสมเหตุสมผลจริงไหม
(ถ้าเช่นนั้น I-MAST ของThales ก็ยังไม่หมดโอกาสลุ้นเลยซะทีเดียว)
ที่นำเสนอแบบนี้ไม่ใช่ว่า anti-ระบบ radar sea giraffeของsaab นะครับแต่เรือรบในยุคหน้า ระบบเรด้าห์ควรจะเป็นแบบแผ่น(phased array )อยู่กับที่(จำพวก SPYหรือ ceafar) ไม่ใช่แบบหมุนๆ (rotor array)เหมือนในปัจจุบัน จริงถึงมันยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ผมมองว่ามันเชยแล้วมันควรจะเป็นอะไรที่เรียกได้ว่า new generation ได้แล้วครับสำหรับ ทร.ไทย เชื่อว่าในอนาคตอีกซัก 30-40 ปีข้างหน้าระบบเรด้าห์แบบหมุนๆไม่น่าจะมีใช้กันแล้วในโลกนี้
***สหรัฐมันก้าวล้ำนำหน้าเกินกว่าชาติอื่นๆในโลกไปไม่รู้กี่ก้าวแล้ว***
โถ คุณsuperboyตามกลิ่นธูปแล้วได้เจอของไหว้ด้วยมั้ย (ล้อเล่นนะครับ)55555 เข้าเรื่องดีกว่า ผมคิดว่าDW3000 & HDF3000 & FFX หรือ DW5000 & KDX II น่าจะมีพื้นฐานมาจากแบบเดียวกันเพียงแต่หน้าต่างแตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าต่อที่อู่ไหน แบบเรือที่แน่นอนของทร.เดายากจริงๆครับ เพราะเกาหลีมีหน้าที่แค่ต่อเรือส่วนระบบอาวุธทร.เป็นผู้กำหนด
ไม่แน่อาจจะเป็นแบบ Approfondimento แต่ daewoo ต่อเรือให้ก็ได้ครับเพราะหน้าตามันมาจาก FREMM ฮ่าๆ ผมเพ้อฝันอย่ามา มาม่ากับผมละครับ ผมฝันค้างตั้งแต่ เรือดำน้ำ แล้วก็ meko-D แล้ว
เรื่องเรือฟริเกตของ ทร นี้มีสิธิโดนล้มสูงและโดยรุ่มด่าจาก สื่อและประชาชน ผลมาจากการที่ ทร ไม่มีการให้ข้อมูลทและทำประชาสัมพันใดๆเลย การที่จะโดนล้มหรือกล่าวหาว่ามีการล็อตสเปก หรือชื้อของไม่คุมกับเงินนี้เป็นไปได้สูแถมยังโดนด่าอีกยังที่ผมบอกตั้งแต่แรก ผมขอยกตัวอย่านะครับ ทอ.ชื้อกริพเพน3หมื่นกว่าล้าน แต่มีการทำประชาสัมพันตั้งแต่แรกว่ามีบริษัทไหนส่งเข้าประกวดมั้งเครื่องบินรุ่นไหน จนถึงแบบที่เลือด เลือกเพราะอะไรมีของแถมอะไรบ้าง เราได้ประโยชน์ จนตอนนี้ กริพเพน3หมื่นกว่าล้านสำเร็จ เครื่องบินส่งมอบเกือบครบแล้วอาจจะมีล่าช้าไปมั้งแต่สุดท้ายโครงการก็ออกมาดูดี แต่ทอ.ก็ยังไม่หยุดทำประชาสัมพันเกี่ยวกริพเพน ต่อมาที่ ทบ มีการบอกตั้งแต่แรกเหมือนกันว่าจะเอารถหุ่นเกราะรุ่น BTR3e จากยูเคน มีอาวุธอะไรมั้งกี่คัน จนรับมอบก็ยังมีการจัดยิงโชค์ให้สื่อมวลชลและประชนดู ที่สำคัญคล้ายๆกับ ทอ. ยังมีการจัดฝึกโชค์และทำประชาสัมพันกับรถรุ่นนี้ตรอด ทำให้สืบเนื่องมาจนถึง รถถังหลักก็คัดเลือกแบบเสร็ก ออกมาบอกเลยเช่นเดี๋ยวกันว่า จะเอาของยุเครน รุ่น OPLOT M แต่ไม่ได้บอกว่ามีออฟชั่นอะไรมั้ง ผมเข้าใจว่าข้อมูลบางอย่างเป็นความลับทางราชการ แต่มันก็ทำให้เรารู้ว่าประเทศของไรได้อะไรมาใช้ปกป้องประเทศชาติอาจจะมีกระแสไม่พอใจเล็กน้อย สุดท้ายถ้ามันได้ทดสอบตัวเองให้เราเห็นเสียงพวกนั้นก็จะค่อยๆหายไป แต่ ทร.ละกลับเงียบไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นสู้ออกมาบอกเลยว่าได้เลือกแบบเรืออะไร สเปกประมาณไหน ไม่ต้องบอกถึงระบบอะไรมากมายเพราะอย่างที่บอกไปบางอย่างมันเป็นความลับแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับจะป้องกันการถูกล้มโครงการ แต่พอผมไปโฟต์ถามถึงสาเหตุและเลือกเปลียนความคิดเห็นใน https://www.facebook.com/thaiarmedforce?fref=ts ที่เกี่ยวกับผลการคัดเลือกเรือฟรีเกต กับมีนายทหารเรือท่านหนึ่งมาบอกพวกผมไม่มีความรู้อะไรอย่าพูด แต่แค่นั้นยังไม่พอพูดทำนองด่าพวกผมว่าโงอีกตะหากผมรู้สึกแย่มาก ว่านิสัยแบบนี้มันผิดกับทหารเรือที่อ่อนน้อมและไม่ดูถูกประชาชนเพราะกองทัพเรือยิ่นข้างประชาชน ผิดกับ ทหารเรือผู้ที่ดูแลเว็ป https://www.facebook.com/OPVkrabi?fref=ts เข้าผู้จาดีมากพร้อมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และบางอย่างที่เป็นความลับเขาก็จะบอกตรงๆว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้
เรื่องเรือดำน้ำ U206a ผมก็เสียดายครับแต่เนียงจาก ทร. นั้นทำเรื่องการประชาสัมพันน้อยมากครับ บวกกับทำในระยะเวลาจะจัดหาอะครับทำให้ประชาชนทั้วไปไม่เข้าใจและเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมี อีกทั้งยังเป็นเรือดำน้ำที่ใช้มานานมากจนปลดประจำการ ผมว่าฝั่งที่ไม่เห็นด้วยเรื่องเรือดำน้ำจึงใช้ข้อมูลพวกนี้มาโจมตีจนโครงการล่มไป ซึ่งเป็นบทเรียนจากครั้งที่แล้วแต่มาครั้งนี้ ทร กลับทำแบบครั้งที่แล้วอีกครับผมยังกังวลแทนเลยครับถึงแม้จะไม่ใช่โครงการอะไรของผม
แต่แค่อยากให้กองทัพเรือมีแสนยานุภาพที่ไม่เป้นรองใครในภูมิภาคนี้ เพื่อปกป้องประเทศของเรา
กองทัพเรือคงหลอนตอนเรือดำน้ำมั้งครับ พอบอกก่อนว่าจะเอาตัวไหน แม่เจ้าขุดเอาข้อมูลมาจากไหนก็ไม่รู้ทั้งจริงและส่วนใหญ่จะเป็นข้ออ้างหน้าด้านๆ เช่น ติดแอร์แล้วเสียงดัง เศษเหล็ก ทะเลไทยมันตื้น รอบนี้จึงเงียบไว้ก่อน แต่ก็เงียบจนน่ากลัว ถ้าอยู่ๆได้เรือจีน ฮ่าเลยครับ โดนยำแน่ ที่นี้ก็โทษใครไม่ได้หรอก
เป็นเรื่อง ปกติ มาก ครับ...สำหรับ การจัดหาเรือของ ทร.
ถ้าลองศึกษาในอดีต การจัดหาเรือ จะเปิดเผยข้อมูล และ โมเดล เรือ เมื่อมีพิธีการ ลงนามในสัญญา ครับ...
ผมว่า สมาชิก คงไม่ต้องมีอาการ หลอน ครับ...ใจเย็น ๆ เข้าไว้ครับ...
ส่วนเรือ่ง เอาไปเทียบกับ ทอ. และ ทบ. ว่าไม่มีปัญหา ในการจัดหา...ลองกลับไปหาข้อมุลใหม่ครับ...
ทอ. ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ครับ...ถึงขนาด คุณสุรศักดิ์ สุบงกช ต้องลง นสพ. มติชน ช่วยหลายฉบับ...ก็ยัง ลุ่ม ๆ ตอน ๆ ครับ..แต่ ครม. และ กลาโหม อนุมัติให้ โดยไม่สนใจเสียงคัดค้าน ครับ...
ทบ. โดยเฉพาะ BTR-3E ประสบปัญหาหนักกว่า...ถึงขั้น ร้อง ปปช. สอบ...และ ต้องระงับการเสนออนุม้ติไปในคราวแรก...
ต่อมา รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อนุมัติให้โดย อำนาจนายกฯ ครับ...โดยไม่สนใจเสียงคัดค้าน เช่นกันครับ...ถึงรอดมาได้...
ส่วน Oplot ได้รับอนุมัติ ในวันสุดท้ายของ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ในวันทิ้งทวน อนุมัติงบประมาณ หลายแสนล้านบาท ในคืนเดียว ครับ...ข่าวออกเผยแพร่ โดยทั่วไปครับ..
ไม่ได้เกี่ยวกับประชาสัมพันธ์ เลยครับ...
โครงการ เรือดำน้ำ ก็ถูกระงับ และถูก ขัดขวาง จากสภากลาโหม ครับ... นายกฯ รอลงนามอนุมัติอยู่แล้ว...จนเป็นข่าวว่า นากยกฯ ให้สัมภาษณ์ผิดนั่นแหล่ะครับ...
ทั้งหมดนีั มันขึ้นอยู่กับ ผู้มีอำนาจลงนามและอนุมัติ เท่านั้นครับ...
ส่วนที่ล่าช้า น่าจะเป็นเรื่อง รอ ครม. ใหม่ สำหรับตอนนี้...เพราะมูลค่า โครงการกว่า 13000 ล้านบาท ต่อ หน่วย ครับ...ไม่ใช่ มุลค่า 3000 - 4000 ล้านบาท ต่อ หลายหน่วย เหมือนโครงการ เฮลิคอปเตอร์ ครับ..
ข้อมูล การจัดหา กริพเพน ครับ...
ได้อนุมัติ งบประมาณ ปี 2550 ลองดูวิธีการอนุมัติจัดหา ครับ
สมุดปกขาว กริพเพน ออกมาปี 2552 หลังการอนุมัติ ไปแล้วครับ...เนื่องจากในปี งบประมาณ 2553 ถูกตัดลดงบประมาณ ไม่ให้มีงบประมาณผูกพัน...แต่ ทอ. ยังคงยืนยันต้องขอใช้งบประมาณ...แต่สุดท้าย ทอ. ก็ต้องยอม ถอน งบประมาณออกครับ...เพราะ ครม. ไม่ยอม เหมือนกัน...
ผมถึงให้ความเห็น...การประชาสัมพันธ์ ไม่ได้มีผลต่อ การอนุมัติ และการตัดสินใจ...การประชาสัมพันธ์ คือ การอธิบาย ถึง ความจำเป็นในการจัดหา แต่ไม่ได้หมายถึง การเผยแพร่ รายละเอียดของสัญญาการจัดหา ครับ...
จาก คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/2007/10/mili/u001_164293.php?news_id=164293
ซื้อ"กริพเพน" เจอสหรัฐกดดัน มรสุมลูกใหม่ของกองทัพอากาศ
21 ตุลาคม 2550 21:24 น.
ทอ.เจอมรสุมลูกใหม่แม้ ครม.จะอนุมัติให้จัดซื้อ "กริพเพน" ด้วยงบผูกพัน 10 ปี 3.4 หมื่นล้าน แต่ก็ต้อง "เจอตอ" เมื่อบริษัทค้าอาวุธสหรัฐส่งหนังสือมาทวงถามว่า เหตุใดจึงปันใจให้สวีเดน ทั้งที่กองทัพไทยเคยซื้อเครื่องตระกูล เอฟ มาหลายสิบปี
"ทางล็อกฮีตมาร์ตินทวงถามว่า เหตุใดไทยจึงปันใจให้สวีเดน ทั้งที่ไทยและสหรัฐเคยเป็น "พันธมิตรนอกนาโต" มาอย่างแน่นแฟ้น ยาวนาน แถมเครื่องทั้ง เอฟ5 และเอฟ 16 ก็เคยซื้อของสหรัฐมาตลอดหลายสิบปี!!"
ในที่สุดกองทัพอากาศ (ทอ.) ก็ได้เฮกันดังๆ เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณผูกพัน 10 ปี มูลค่ารวม 34,400 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องบินขับไล่รุ่น JAS-39 GRIPEN ของประเทศสวีเดน
คณะกรรมการมีมติให้ทอ.นำเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีโดยตรง โดย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) พร้อมคณะ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550
เมื่อวันที่12 ตุลาคม 2550 จึงมีการประชุม "วาระพิเศษ" มีผู้เข้าร่วมประชุม ได้แก่
พล.อ.สุรยุทธ์พล.อ.พงษ์เทพเทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวุฒิพันธ์วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ นายสมศักดิ์โชติรัตนศิริ ผู้อำนวยการจัดทำงบประมาณด้านเศรษฐกิจ 5 สำนักงบประมาณ
พล.อ.อ.ชลิตพุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศพล.อ.อ.อิทธพรศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ และ พล.อ.ท.ม.ล.สุทธิรักษ์เกษมสันต์ ปลัดบัญชีทหารอากาศ
นายกรัฐมนตรี"เห็นชอบด้วย" และสั่งการให้บรรจุเข้าวาระการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 กระทั่งมีมติจัดซื้อในที่สุด เดิมกองทัพอากาศเสนอของบประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท เป็นงบผูกพัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2555 แต่รัฐบาลท้วงติงเรื่องงบประมาณที่สูงเกินไป
ทอ.จึงเสนอไปใหม่ว่าจะขอแบ่งการจัดซื้อเป็น 2 เฟส...
เฟสแรก จำนวน 6 เครื่อง เป็นเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2551-2555
เฟสสุดท้าย จำนวน 6 เครื่อง เป็นเงิน 15,400 ล้านบาท เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2556-2560
เครื่องรุ่นนี้จะนำมาทดแทนเครื่องเอฟ 5 ที่ประจำการอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะปลดประจำการในปี 2552-2554
ปัจจุบันมีกองทัพอากาศ4 ชาติที่มีเครื่องบินรุ่นนี้ประจำการอยู่คือ สวีเดน185 เครื่อง แอฟริกาใต้ 28 เครื่อง สาธารณรัฐเช็ก12 เครื่อง และฮังการี14 เครื่อง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทอ.ตัดสินใจเลือกเครื่องจากสวีเดนนอกเหนือจากสมรรถนะก็คือ "ของแถม" ที่มากมายเป็นประวัติการณ์ ได้แก่
1.เครื่องบินแอร์บอร์นเออร์ลี่ วอร์นนิ่ง จำนวน 2 เครื่อง
2.ขีปนาวุธโจมตีอาร์บีเอส15 พร้อมเรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน SAAB เครื่องเปล่าอีก 1 เครื่อง
พร้อมทั้งให้"รหัสข้อมูลพิเศษ" เกี่ยวกับรายละเอียดของเครื่องบิน ซึ่งบริษัทอื่นไม่ได้มอบสิ่งนี้ให้ โดยรหัสพิเศษชุดนี้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตของกองทัพอากาศ
ขณะที่ระบบสื่อสารปกติภาคพื้นดินปกติจะต้องมีสายในการติดต่อพูดคุยแต่กริพเพนมีเทคโนโลยีไร้สาย หรือ "บลูทูธ" ในการสื่อสาร
ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานระบุว่า ของแถมมากับเครื่องบินกริพเพน คือ เรดาร์ ERIEYES จำนวน2 ตัว ติดเครื่องบิน SAAB 340 จะเป็นจานเรดาร์ที่ติดตั้งไว้บริเวณตัวเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินมีการติดจานเรดาร์เวลานำเครื่องบินสู่อากาศจะทำให้ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ไกลขึ้น
"เวลาฝึกยุทธวิธีร่วมโคปไทเกอร์ระหว่างสิงคโปร์กับสหรัฐ ทั้งสองประเทศจะมีเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศเข้ามาฝึกด้วย ทำให้มีประสิทธิภาพสูง เพราะสามารถตรวจจับเครื่องบินฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ได้ไกลกว่าเรดาร์ที่ติดอยู่กับเครื่องบินอย่างเดียว"
ข้อดีอีกอย่างของกริพเพนคือระบบดาต้า ลิงค์ ซึ่งเหมือนระบบเชื่อมโยงข้อมูลของ"อินเทอร์เน็ต" ระหว่างเครื่องบินกับเครื่องบิน
"สมมติมีสิ่งผิดปกติลอยอยู่บริเวณพื้นที่ กทม. และเรามีเอแวคอยู่บริเวณ จ.สระบุรี ข้อมูลก็จะปรากฏอยู่บนจอเรดาร์ไกลถึง จ.นครราชสีมา แต่หากเป็นเครื่องบินทั่วไปจะปรากฏอยู่แค่บริเวณปริมณฑลเท่านั้น ทั้งนี้ เรดาร์ของกริพเพนอาจจะด้อยกว่าของ ซู-30 หรือ เอฟ 16 แต่เรดาร์ของกริพเพนสามารถต่อสัญญาณถึงกันได้ ซึ่งเครื่องแบบอื่นไม่สามารถทำได้"
นอกจากนี้ประเทศสวีเดนยังให้ทุนการศึกษาจำนวน 200 ทุน โดยเป็นทุนเกี่ยวกับด้านวิศวกรรมอากาศยาน
มองลึกไปอีกชั้น...ยุทธศาสตร์ของสวีเดนคือป้องกันภัยคุกคามจาก "รัสเซีย" เจ้าของ ซู-30 เป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้กริพเพนจึงถือว่ามีความเหมาะสม เพราะอย่างน้อย...เพื่อนทางทิศใต้ของเราก็มี ซู-30 ไว้ประจำการอยู่ก่อนแล้ว !!
แต่ฝันที่ทำท่าว่าจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมของเหล่าเสืออากาศคงต้อง"ลุ้นหนัก" กันอีกยกเมื่อบริษัท ล็อกฮีตมาร์ติน ยักษ์ใหญ่ค้าอาวุธจากสหรัฐได้ทำหนังสือทวงถามมายังกระทรวงการต่างประเทศ และส่งผ่านถึงกองทัพอากาศว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนมาซื้อเครื่องจากยุโรปแทน
เนื้อหาในหนังสือฉบับดังกล่าวทางล็อกฮีตมาร์ตินทวงถามว่า เหตุใดไทยจึงปันใจให้สวีเดน ทั้งที่ไทยและสหรัฐเคยเป็น "พันธมิตรนอกนาโต" มาอย่างแน่นแฟ้นยาวนาน แถมเครื่องทั้ง เอฟ5 และเอฟ16 ก็เคยซื้อของสหรัฐมาตลอดหลายสิบปี!!
อย่างไรก็ตามวงในของกองทัพอากาศก็เชื่อว่าจะไม่เป็นปัญหาต่อการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน โดยหากสหรัฐจะไปบีบให้สวีเดนล้มเลิกสัญญากับไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการรัฐประหาร เราก็เตรียมแก้เกมไว้แล้ว โดยอาจจะมีการเซ็นเอ็มโอยูให้อียูเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งในไทย และส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้เปิดแอลซี ซึ่งสหรัฐคงไม่มีเหตุผลที่จะมากดดันได้อีก
วงในบอกด้วยว่าเหตุที่ตัด เอฟ 16 ออกไปนั้นเนื่องจากเมื่อติดต่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องบินและการเสนอราคา บริษัทล็อกฮีตมาร์ตินก็ไม่ได้สนใจที่จะติดต่อกลับมามากนัก และยังไม่ยอมลดราคาให้ด้วย ซึ่งถือว่ามีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ด้วยเหตุนี้กองทัพอากาศจึงทำการตัดเครื่องเอฟ 16 ออกไปเป็นตัวเลือกแรก
ส่วนข้อกังวลว่า "อะไหล่" ที่จะมาสนับสนุนให้แก่เครื่อง F-16 A/B ของกองทัพอากาศสหรัฐอาจจะไม่ขายให้นั้น วงในคนเดิมบอกว่า ไม่มีปัญหา เพราะกองทัพได้เตรียมแก้ปัญหานี้ไว้แล้ว ปัจจุบันทางสิงคโปร์มีเครื่อง F-16 C/D ประจำการอยู่เป็นหลัก
ทั้งนี้สิงคโปร์ก็มีเครื่อง F-16 A/B ประจำการอยู่และมีอะไหล่สำรองไว้ด้วย ฝ่ายไทยจึงสามารถขอความช่วยเหลือเรื่องอะไหล่ได้ โดยมี "ข้อแลกเปลี่ยน" เป็น "สถานที่ฝึกบิน" ในฐานทัพอากาศไทย !!
ฝันของเสืออากาศไทยทำท่าจะเป็นจริงได้หรือไม่...แรงกดดันจากมหามิตรอเมริกาจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน...ต้องติดตามดูให้ดี!
ทีมข่าวความมั่นคง
ทีมข่าวความมั่นคง
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2552 00:00:00 น.
ดอนเมือง - ผบ.ทอ.ออกสมุดปกขาวแจงของบซื้อ "กริพเพน" ตามความจำเป็น เหตุต้องซื้อให้ครบฝูงเพื่อพร้อมรบ ระบุถอนเรื่องจาก ครม.ช้าเพราะติดปัญหาผูกพันโครงการ
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่กองทัพอากาศขอถอนการพิจารณาโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนจากประเทศสวีเดนออกจาก ครม.ว่า การจัดหาเครื่องบินกริพเพนเป็นโครงการจัดหาระยะที่ 2 ซึ่งในการจัดหาระยะที่ 1 จัดหาตั้งแต่ปี 51-55 แต่ด้วยกรอบงบประมาณที่เป็นข้อจำกัดจึงไม่สามารถจัดหาครั้งเดียว 12 ลำได้ จึงจัดหาในงบประมาณที่กองทัพอากาศมีอยู่ 5 ปี หลังจากนั้นเราได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้ครบ 1 ฝูง ซึ่งการพิจารณาในกรอบงบประมาณปี 2553 กองทัพอากาศจึงได้เสนอโครงการเพื่อขอผูกพันงบประมาณในปี 53 เป็นต้นไป
พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ทอ.เสนอไป 2 โครงการ คือ จัดหาเครื่องบินกริพเพน ตั้งแต่ปี 2553-2557 และโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ทดแทนอีก 4 ลำ วงเงิน 5 พันล้านบาท ซึ่งเฮลิคอปเตอร์รุ่นดังกล่าวใช้มาตั้งแต่ปี 2511 โดยได้เสนอไปตั้งแต่การขอตั้งงบประมาณปี 53 แต่เมื่อ ครม.มีมติปรับลดงบประมาณ กองทัพอากาศและเหล่าทัพอื่นต้องถูกปรับงบประมาณในส่วนที่ต้องผูกพันในโครงการที่เราเสนอไป ในการที่จะขอผูกพันยังค้างอยู่ใน ครม.จึงทำให้เป็นวาระที่ค้างอยู่ ทำให้มองว่าเหตุใดกองทัพอากาศจึงยังดื้อดึง
"หลังจากรัฐบาลกำหนดกรอบงบประมาณและไม่ให้ผูกพันงบประมาณ กองทัพอากาศจึงเห็นว่าถึงอย่างไรก็จัดหาในปี 53 ไม่ได้ เพื่อความสบายใจจึงขอถอนออกมาก่อน แต่ความจำเป็นเรื่องนี้ยังคงเป็นความจำเป็นต่อไป ดังนั้นในปี 54 เป็นต้นไป คงมีการขอตั้งงบประมาณเพื่อให้ครบ 1 ฝูงบิน โดยกองทัพอากาศได้ทำสมุดปกขาวชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณของกองทัพอากาศโดยเฉพาะ ให้เห็นว่าที่ผ่านมากองทัพไม่ได้รับงบประมาณเพิ่มเลย พอถึงปี 50 ที่พอจะเริ่มได้งบประมาณมาปรับปรุง ก็ต้องดำรงสภาพให้พร้อมรบ" ผบ.ทอ.กล่าว.
ถูกแล้วครับ คุณ Juldas มันขึ้นอยู่กับคนอนุมัติ ว่าจังหวะนั้นๆ จะกล้าอนุมัติไหม มันไม่ได้เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์อะไรครับ ที่ผ่านมาก็เป็นดังที่คุณ Juldas กล่าว โครงการของ ทอ. หรือ ทร. ที่เราๆท่านเห็นว่ารับได้ หรือแม้มีการประชาสัมพันธ์ดี หรือแม้แต่ทำตามหลักเกณฑ์ ถูกต้อง ก็ยังมีการไม่อนุมัติ หรือให้เลื่อนออกไป
แต่โครงการ ที่เราเห็นๆกันว่า มันแย่มากๆ ไม่ได้ตรงกับ TOR อะไรเลย แต่ก็จัดหากันได้ คงไม่ต้องกล่าวนะครับ ว่าเหล่าทัพใด ที่ได้รับการอนุมัติก็เพราะ เส้นใหญ่ แข็ง ขนาด ปปช. หรือสตง. ตรวจสอบ ยังอนุมัติได้เห็นๆ ไม่สนแม้มีผู้ร้อง ว่าไม่ตรง TOR หรือไม่โปร่งใส
หรือแม้ภายหลัง บางยุทโธปกรณ์ที่ซื้อมาแล้ว ใช้การไม่ได้ บินไม่ได้ ตรวจหาวัตถุระเบิดไม่ได้ นั่งไม่ได้ 11 นาย ไม่รวมพลขับ และผบ.รถ. ตามที่ระบุไว้ใน TOR ก็ไม่เห็นจะมีใครไปทำอะไรได้ สื่อมวลชนเองก็ตัวดี โหนกระแส เป็นช่วงๆ พอจุดไฟไม่ติด ก็ไม่ตามข่าวต่อ ทั้งๆที่รู้ว่าโครงการเหล่านี้มันห่วย แต่ก็เงียบ ส่วนพวกมีหน้าที่ตรวจสอบ ทั้ง ปปช. สตง. ก็ไม่ทำงานตามหน้าที่ ไม่เห็นจะกล้าไปทำอะไร ...............เงียบ
ผมว่าเราคุยกันในส่วนเรือฟริเกตกันต่อเถอะครับ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การทหาร การจัดซื้อจัดจ้างเราข้ามๆไปบ้างก็ดีนะครับ อย่ามาทวงถามอะไรกันในนี้เลยมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ คือถ้าอยากทำจริงๆเปิดกระทู้ใหม่แล้วใส่เต้มๆคนเดียวไปเลยดีกว่า สงสารแอดมินคนตั้งกระทู้ครับ
ตอนนี้ผมสงสารท่านfatboyมาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนท่านเป็นเสมือนกิ๊กคนใหม่ขนาดตดออกมาคนก็ว่าหอมชื่นใจกันทั้งบาง ถ้าประกาศผลออกมาไม่ใช่KDX-IIย่อส่วนผมหละหรือได้ลำเล็กแต่ไม่มีI-MAST500 ผมไม่อยากคิดเลย
ยังไงก็ตามผมยังเชียร์ KDX-II downside ต่อไปเหมือนเดิมครับ แม้ลึกสุดใจจะหวังได้เจอกับ Fridtjof Nansen downside ก็ตามแต่
คุยเรื่องเรือลำนี้กันมาตั้งหลายเดือนยังมีคนคิดถึงระบบเอจิสอีกเหรอครับ
ผมหมายถึงลำนี้ต่างหากระบบSAABทั้งลำ+เรดาร์3มิติระยะไกล ถ้ามันมีอะไรพลิกลีอคขึ้นมา(ที่ไม่ใช่เรือจีน) กลายเป็นF-130จากสเปน เอาF-310มาแปลงแล้วกลับชื่อเอาเท่านั้นแหละง่ายดี จะเอาF-100ก็ไม่ไหวใหญ่เกิน มีระวางขับน้ำเต็มที่ประมาณ4000ตันหน้าตาก็คงประมาณนี้
แต่ถ้าเป็นเรือจีน เราอาจได้ลูกผสมหน้าตาแบบนี้ก็ได้ มาทีเดียว3ลำแถมเฮลิคอปเตอร์ให้ด้วยอีก6ลำ เอาข้าว2ล้านตันไปแลกไหวไหม
ชอบ F-40T ครับ คุณ superboy ถ้าเปลี่ยน ปืน 76/62 เป็นป้อมทรงสเตลธ์ จะงามกว่านี้มากครับ แล้วเอา EOS-500 เหนือสะพานเดินเรือออกครับ ลำพัง Type-730 CIWS ทั้ง 2 ฝั่งน่าจะโอเคแล้วครับ
2 ล้านตันไม่น่าจะพอครับ 2,000,000x12,000 = 2.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น(ค่าเฉลี่ยอิงตามรัฐบาล) แล้วอีกอย่างคิดว่าจีนไม่น่าจะยอมแลกข้าวกับเรือครับแต่ถ้าแลกกับโค้วต้าตลาดนำเข้าข้าวที่จีนจะเปิดกว้างมากขึ้นแล้วนั้นน่าจะได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเอาโครงการระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปเป็นตัวเจราจาแทนเรือรบจะดีกว่าไหมครับ
เพราะผมเป็นห่วงไปถึงอนาคตว่าถ้าหากเราเลือกจีนต่อเรือให้ซะแล้ว เรือดำน้ำก็อาจจะหนีไม่พ้นจีนอีกนั้นแหละ
ผมว่าเราอย่าไปคาดหวังอะไรกับแบบเรือทางยุโรปเลยจะดีกว่าเพราะงบที่มีอยู่แค่ 13,000 บาทต่อลำแค่จ้างต่อเรือรบลำดังกล่าว ก็แทบจะไม่เหลืองบมาซื้อระบบอาวุธและระบบเรด้าห์แล้วครับ จะเอาไหมละ ตัวเรือสุดหรู แต่ระบบสุดห่วย
เรื่องAEGISผมหวังสูงไว้ก่อนครับ เผื่อแจ็คพอตแตก :D
อิจฉาสิงคโปร์นะ รายนั้นเค้าไปไกลมากแล้ว กับความสามารถในการออกแบบและต่อเรือของเค้า
เฮอะๆตรรกะแบบไทยๆ เรือดำน้ำเข้าอ่าวไทยไม่ได้หรอกเพราะน้ำมันตื้น(ถัดมาไม่ก่ปีพม่าเขมรมีเรือดำน้ำ).....ถุยชีวิต
น้ำตื้นไม่เท่าไรครับ เอาเรือประมงเอาอวนลากหาเรือดำน้ำนี่ซิครับ ทำยังกับปลาทูฮ่าๆ พม่าเขานำเราไปแล้ว เขาต่อเรือฟริเกตเองแล้ว ของเราแค่อู่ต่อยังไม่สมประกอบเลยขาดๆหายๆ อย่าว่าแต่ต่อเรือเลย แค่ซ่อมบำรุง ยังต่อคิวกันยาว ผมถึงคาดหวังได้แบบเรือจากยุโรปอย่าน้อยก็ได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกับเขาบ้าง ถ้าได้แบบเรือที่ดีทันสมัยแล้วได้ระบบ ห่วย ก็ยังพอรับได้อย่างน้อยก็ค่อยอัพเกรดระบบที่หลัง ดีกว่าได้เรือจีน แล้วอัพทีรื้อออกทั้งยวงแถมตัวเรือก็ห่วย ไม่ค่อยจะรับกับระบบแบบตะวันตก
555 จริงๆแล้วมีนะครับเรือดำน้ำที่ไปติดอวนน่ะ จำข่าวเรือดำน้ำเกาหลีเหนือชั้นชางโอได้มั้ยครับเมื่อประมาณสิบปีก่อนลำที่ไปติดอวนชาวประมงที่มีสายลับอยู่ในนั้นน่ะครับแล้วระเบิดตัวเองตายในเรือไง จำกันได้มั้ย 555
อันนี้ผมได้เอาภาพบรรยากาศการทำงานภายในห้องทำงาน(สะพานเดินเรือที่ใช้ระบบ Ceafar และ Ceamount)มาให้ดูกันก่อน เผื่อมีใครกำลังแอบเชียร์เจ้าระบบนี้อยู่
(จากรูปที่ 3และ5 จะเห็น LoGo ของ Saab อย่างชัดเจน) ก็แอบหวังอยู่ลึกๆว่ากองทัพเรืออาจจะเลือกระบบนี้ของ saab มาใช้งานในเรือรบใหม่ของประเทศ เพราะกองทัพเรือมีเงินเก็บในส่วนของทัพเรือเองอยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท อาจจะยอมควักเนื้อรึเปล่าส่วนนึงที่จะนำไปสมทบซื้อระบบนี้มาใช้
ภาพนี้น่าจะเป็นเรือ ANZAC ของทร.ออสเตรเลียซึ่งใช้ระบบ CMS แบบ 9LV ของ SAAB ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับรล.นเรศวรที่กำลังปรับปรุงอยู่ไงครับ แต่ไม่รู้ว่าขนาดของระบบจะแตกต่างกันแค่ไหนน่ะสิครับ
ต้องไม่ลืมว่าโปรเจกต์เรือ ANZAC มันเป็นพันธ์ลูกผสมระบบ Command decision system 9LV (Mk.3)+display system tactical ของ saab modify ให้ใช้งานร่วมกันกับระบบ CEAFAR & CEAMOUNT ของ CEA technology (มันเป็นงานโปรเจกต์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะ)
ส่วนถ้าสมมุติว่าเจ้าเรือฟรีเกตใหม่ใช้ระบบ Command decision system 9LV (Mk.3) และระบบ display system tactical แล้วจะออกมาหล่อเหมือนกับในรูปไหม? มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อระบบ CEAFAR & CEAMOUNT มาติดตั้งด้วยกรือเปล่าเท่านั้นแหละ ถ้าซื้อพ่วงมาด้วยหน้าตาก็จะเหมือนกันเป้ะ ทีนี้ก็จะไร้ปัญหากับการ link TIDLS กับเครื่องบิน JAS-39 และ AWACS และยังใช้งานเจ้า SM-2 ได้ตามที่ ทร.ล็อกสเปกส์เอาไว้ล่วงหน้า
ส่วนของเรือชั้นนเรศวรนั้น เป็นระบบ 9LV (mk4.)ครับ เพราะฉะนั้นหน้าตาระบบ Command decision system 9LV (Mk.4)+display system tactical คิดว่าไม่น่าจะเหมือนกันนะ (อาจจะดีกว่า หรือแย่กว่าก็ไม่รู้ได้)
โครงการปรับปรุงเรือชุดเรือหลวงนเรศวรแบ่งเป็นระยะที่1 คือ | |||||||||||||
1. แท่นยิง แบบ Lockheed Martin Mk.41 VLS สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ ESSM จำนวน 1 แท่น 8 ท่อยิง ท่อยิงละ 4 นัด รวม 32 นัด |
|||||||||||||
2. ระบบอำนวยการรบ แบบ Saab 9LV Mk.4 | |||||||||||||
3. เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ/อากาศ แบบ Saab Sea Giraffe AMD 3D | |||||||||||||
4. เรดาร์และออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง แบบ Saab CEROS 200 with CWI | |||||||||||||
5. ระบบพิสูจน์ฝ่าย แบบ Selex SIT422 interogator และ Selex M425 transponder | |||||||||||||
6. ระบบรวมการสื่อสาร แบบ Saab TactiCal ICS | |||||||||||||
7. ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางยุทธวิธี แบบ Saab Link-E/G (TIDLS) | |||||||||||||
8. ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางยุทธวิธี แบบ AviaSatcom Link-RTN | |||||||||||||
9. ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางยุทธวิธี แบบ Link-11 (TADIL-A) | |||||||||||||
10. ระบบแสดงตนอัตโนมัติสำหรับเรือ (AIS) | |||||||||||||
11. ระบบอุตุนิยมวิทยา |
ปล.ผมว่ารูปแบบระบบการTactical ของ saab มันมีลักษณะการทำงานที่ใกล้เคียงกับ AEGIS(ADS)มากเลย ดีกว่า ระบบ TACTICOS ของTHALES ซะอีก เวลาจะเข้าปฎิบัติงานทีต้องสวมชุด clean room อยู่ตลอดเวลา ลำบากตายชัก
***เอาแล้วสิเราชักเริ่มหลายใจซะแล้ว***
.
ถึง สมาชิก Thaifighterclub บางท่าน.....ปกติ วาส ไม่ค่อยเข้าไปอ่านเพจนี้หรอก เพราะเป็นนักข่าว ชอบหาข้อมูลเอง ไม่ชอบลอกจากใคร และไม่มีผลประโยชน์กับใคร เหมือนบางคนที่ชอบมาคอมเม้นท์.. แต่รู้ว่าเป็นเว็บที่เข้าไปหาความรู้ได้จาก คนที่เชี่ยวชาญในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์....แต่พอดีมี แฟนคลับ ลิ้งค์มาให้อ่าน ซึ่งเป็นเรื่องนานแล้ว...ตั้งแต่เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ วาส เขียนข่าวไปว่า คณะกรรมการของทร.เลือกให้ เกาหลีใต้ ต่อเรือฟริเกตลำใหม่ให้นั้น ปรากฏว่า ในเพจของชมรมนี้ เขียนตำหนิ ว่า ข่าว วาส เชื่อถือไม่ได้ ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง ตำหนิต่างๆนานา แต่พอตอนท้าย สมาชิกในชมรมนี้เอง มาโพสต์ยืนยันว่า ทร.เลือกเกาหลีจริงๆ ก็ไม่เห็นมีใคร แก้ข่าวให้วาส เลยว่า เขียนข่าวถูกแล้ว ทั้งๆที่ด่ากันเสียหาย บางราย อ้างไปถึงที่วาส เคยเขียนซุบซิบว่า เกิดการกินแหนงแคลงใจระหว่างนักบิน Gripen กับ F16 ในช่วงที่ บิ๊กเฟื่อง พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เป็น ผบ.ทอ. ก็หาว่า วาส เสนอข่าว มั่ว อยากถามว่า คนวิจารณ์ รู้บ้างมั้ยว่า เกิดอะไรขึ้นในทอ.ตอนนั้น นักบิน F16 คนดัง ถูกย้าย เพราะโพสต์เฟสบุ๊ค กระแนะกระแหน นักบิน Gripen มีการคุยกับเจ้าตัว และคุยกับผู้ใหญ่ในทอ.แล้วว่าจริง พร้อมสาเหตุ ถึงเอามาเขียน...แต่คนวิจารณ์ก็หาว่ามั่ว.....ตอนแรกว่ายังไม่เขียนข่าวนี้ แต่ก็จะเขียนให้ คนชอบลอกข่าวชาวบ้าน แล้วไม่ให้เกียรติ เอาไปอ่านดูด้วยว่า....เรือฟริเกตที่ ทร.ไทยให้ อู่ Daewoo ต่อให้นั้่น เป็นรุ่น KDX 1 จะได้ไม่ต้องเดากันไปว่า เป็น DW3000h อะไรหรือเปล่า
เพราะหลังจากที่ คณะรัฐมนตรีมีมติให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จำนวน ๒ ลำ ลำละ ๑.๕หมื่นล้านบาท งบประมาณผูกพันคราวละ ๕ ปี แต่ให้จัดซื้อทีละ ๑ ลำ ตั้งแต่กลางปี ๒๕๕๖ที่ผ่านมา เพื่อมาทดแทนเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงพุทธยอดฟ้า และเรือหลวงพุทธเลิศหล้า ที่จะปลดประจำการในปี ๒๕๕๘และ ๒๕๖๐ นั้น
คณะกรรมการของกองทัพเรือ ได้เปิดให้ อู่ต่อเรือ จาก ๑๓ อู่ จากประเทศต่างๆ เช่น เยอรมัน สเปน อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลี เสนอตัวเข้ามาแข่งขัน ให้พิจารณา ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา
เมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ ได้มีมติคัดเลือก ให้ อู่ แดวู เกาหลีใต้ เป็นผู้ต่อเรือฟริเกตให้กองทัพเรือ จำนวน ๑ ลำ งบประมาณ ๑.๔๖ หมื่นล้านบาท โดย แดวู เป็น ๑ใน ๒ อู่จากเกาหลี ที่เสนอตัวเข้ามาแข่งขัน ส่วนอีกอู่หนึ่งคือ ฮุนได เนื่องจากเกาหลีใต้มีเทคโนโลยี่การต่อเรือที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาและคัดเลือกฯ เปิดเผยว่า เรือฟริเกตสมรรถนะสูงของทร. ลำใหม่นี้ จะเรียกว่าเป็นรุ่น KDX-1 ซึ่งอู่ Daewooของเกาหลีจะเป็นผู้ต่อให้ โดยใช้เวลาต่อหลังจากทำสัญญา จำนวน ๑,๘๐๐ วัน
โดยมีสมรรถนะระบบอาวุธ ระบบอำนวยการรบ ระบบควบคุมการยิง ที่ทันสมัย แต่ วาส ขอยังไม่เปิดเผยว่า มีเขี้ยวเล็บอะไรบ้าง เพราะเชื่อว่า สมาชิกในชมรมนี้คงพอทราบ หรือหาข้อมูลได้แน่นอน. โดยในไม่ช้า ทร.จะมีการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด...สุดท้ายนี้ วาส ไม่ได้มีปัญหาคาใจกับ ชมรม Thaifighterclub แต่เสียใจที่สมาชิกบางคน ดูถูกข้อมูลข่าวที่ วาส นำเสนอไป แล้วบางคนเอาข้อมูลของวาส ไปใช้เสมอๆทั้งใน บางกอก ไพสต์ และเฟสบุ๊ค ก็ไม่เห็นว่าจะขอบคุณ หรือให่้เครดิตกันเลย ได้แต่ด่า เพื่อโชว์กึ๋นว่าตัวเอง แจ๋ว รู้เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ บางครั้ง การรู้มากจากการอ่าน แมกกาซีนฝรั่ง ก็ไม่ได้แสดงว่า คุณเจ๋ง นักหรอก วาส ไม่เคยคุยโว เรื่องข้อมูล อันไหนผิดก็ขออภัย แต่ถ้าอันไหนถูกต้อง ก็ควรชื่นชมกันบ้าง ไม่ใช่ด่าแล้วไม่รับผิดชอบ.....ขอระบายความในใจ ทั้งๆที่ป่วยอยู่นี่แหล่ะ จะได้ไม่เครียด รู้งี้ไม่เปิดอ่าน ลิ้งค์ดีกว่า....ขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย ค่ะ...จบข่าว
ก็อบมาจาก facebook คุณ Wassana Nanuam
ถ้าเป็นแบบ KDX-1 ก็ เงิบหงาย กันเป็นแถบ ๆ...5 5 5 5 5
เก่ากว่าที่คิด...ทรงเรือมันลดการตรวจจับขนาดไหน หน๊อ...ถึงชนะชาวบ้าน เขามาได้...
แล้วตัวเรือของ เยอรมัน มันแพงขนาดนั้น เชียวหรือ ?
ก็คงต้อง รอดูว่า ระบบอาวุธ มัน สูง ขนาดไหน...
จากหนังสือ นาวิกศาสตร์ เดือน เมษายน 2556...
การปรับปรุง เรือชั้นนเรศวร นั้น มีการกำหนดความต้องการไปถึง การต่อสู้ภัยทางอากาศแบบพื้นที่ ครับ...
นั่น หมายถึง ความสามารถใช้ SM-2 ในอนาคต กับเรือชั้น นเรศวร...น่าจะแสดงได้ว่า ระบบ Saab ที่ทำการปรับปรุงเรือชั้น นเรศวร ในปัจจุบัน นั้น...คงจะมีความสามารถเพียงพอกับ SM-2 ในระดับหนึ่งทีเดียว...
ผมว่ามันใกล้เคียงกับ ANZAC เลยนะ รึว่าจะมี surprise ระบบเรด้าห์ที่ใช้จะเป็นแบบเดียวกันกับเจ้า ANZAC
(CEAFAR/CEAMOUNT+9VL SAAB+ AN/SPS-49(V)8 ANZและเพิ่มระบบ Saab Link-E/G (TIDLS))
แค่เปลี่ยนตำแหน่งการวาง คือเจ้า CEAFAR/CEAMOUNT วางไว้ตรงส่วนหน้า และAN/SPS-49(V) วางไว้ส่วนหลังของเรือ KDX-I
เพื่อรองรับระบบ SM-2 ในอนาคต ประมาณว่าเน้นตัวเรือราคาถูกแต่เน้นคุณภาพเรื่องระบบ เหมือนเจ้วาสนาแก่กำลังจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง
เรือ ANZAC ขนาด 3600 ตัน ส่วนเรือ KDX-I ขนาด 3800 ตัน
Link ข่าวจากบางกอกโพสต์ครับคิดว่าน่าจะมีอะไรเข้าใจผิดของแบบเรือ จากข่าวน่าจะเป็น KDXII ครับ
ดึงข้อมูลมาจาก TAF http://www.bangkokpost.com/news/local/350375/navy-to-seek-b13-billion-for-new-frigate
แม้จะพลิกความคาดหมาย แต่ผมว่ามันก็ยังดูใกล้เคียงนะครับ เพราะขนาดเรือใหญ่ราว 3,900 ตัน (เฉียด 4 พันตามที่เคยประเมินไว้) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว KDX-II เองก็มีพื้นฐานแบบเรือมาจากการขยายเจ้า KDX-I อีกที ดังนั้นการที่จะเอาแบบเรือดั้งเดิมที่มีขนาดพอดีกว่ามาใช้ มันก็ไม่น่าแปลกหรือน่าเกลียดเลย แต่อย่างที่เคยบอกไว้นั่นแหละ หากเอาแบบเรือรุ่นเก่ามาเป็นพื้นฐานแล้วปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดใหม่ให้มีความทันสมัยและดูดี แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอครับ เพราะอย่างไรก็ต้องออกแบบใหม่ในหลายส่วนตามที่ทร.ได้กำหนดอยู่แล้ว ทั้งพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ระบบตรวจจับ ระบบอาวุธ ระบบสื่อสาร,บัญชาการ,อำนวยการ ฯลฯ ที่ต้องจับตามองเลยก็เช่น โรงเก็บฮ.จะใหญ่พอสำหรับ S-70B หรือไม่ ระบบ VLS จะมีกี่ชุดกี่ท่อ(แบบเดิมของเรือนี้มี 16 ท่อ ; ใจอยากให้มีอย่างน้อย 24 ท่อ) มี VL-ASROC ไหม ระบบเราดาร์..?? ระบบอำนวยการรบ..?? FCS..?? (จะรองรับ SM-2 ได้หรือไม่) Sonar..Hull..Tow..?? CIWS..?? Decoy..??
แต่ถ้าหากรล.นเรศวรที่กำลังปรับปรุงอยู่ มีขีดความสามารถรองรับ SM-2 ได้จริงดังท่าน Juldas ว่าแล้วล่ะก็ ผมคิดว่า SAAB ก็น่าจะได้งานใหญ่ไปอีกงานล่ะ(มั้ง) แต่เอ...ระยะตรวจจับของเจ้ายีราฟทะเลมันสั้นแค่ 180 กม.เองนี่นา หรือว่าจะมีเวอร์ชั่น ER ตามข่าว(ลือ)ที่เคยผ่านตาก่อนหน้านี้
เหตุผลคุณวาสพอจะเข้าใจ
แต่แฟนคลับแกนี่เหลือกิน .........
เท่าที่อ่านข่าวใน เวปภาษาอังกฤษของบางกอกโพสต์ มันตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมแล้วนะ
อันไหนอัฟเดดกันแน่เนียะ แล้วใน facebook ของคุณวาสนา ก็พิพม์อย่างชัดเจนว่า KDX-1 ไม่ใช้ KDX-2
มองในมุมกลับถ้าคุณเป็น DSME คุณจะกล้าเสนอเรือแบบนั้นแข่งกับรายอื่นเหรอครับ
รายอื่นเค้าต้องเสนอแบบเรือที่ทันสมัยมาแน่ๆ ล่ะ ดูอย่างจีนเป็นตัวอย่าง
ยกเว้นว่าจะฮั้วกันหรือ ทร. ถูกดึงดูดด้วยเรือทรง retro มากกว่าเรือรูปทรงล่องหนสมัยใหม่
หรือเน้นตัวเรือถูกๆ แต่ไปอัดที่ shipboard sensors กับระบบอาวุธแทน?
สมมติว่า ได้แบบเรือ KDX-1 จริง
ก็คงต้องรอดู ระบบอาวุธ และ ระบบเซ็นเซอร์ ต่าง ๆ ว่าจะสูงจริงหรือเปล่า ครับ...
ภาพนี้ ลองเทียบให้ดูคร่าว ๆ ครับ...เมื่อเราได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว..จะได้รู้กันว่า มันแพงเกิน หรือ เหมาะสมดีแล้ว ครับ...
เรียนคุณวาสนาที่เครพ
ผมอยากให้คุณวาสนาทำใจเรื่องเว็บบอร์ดที่พูดคุยกันในอินเตอร์เน็ตนะครับ มันมักจะมีกรณีแบบนี้มาตั้งแต่เราเริ่มมีการสื่อสารแบบนี้แล้ว ผมเองในอดีตก็เคยถูกคนในพันทิพวิพากษณ์วิจารณ์ยับเยินด้วยความเข้าใจผิดของเพื่อนๆทุกคน ยิ่งคุณวาสนาเป็นที่รู้จักในคนหมู่มากย่อมเลี่ยงมันไปไม่ได้อย่าสนใจเลยนะครับ ถ้าบังเอิญมีคำวิจารณ์จากตัวผมไปกระทบเข้าผมขอโทษด้วยแล้วกัน (แต่คิดว่าไม่มีนะส่วนมากผมชอบนั่งเทียนเขียนเอาเองมากกว่า)
ทีนี้ผมมีคำถาม1ข้อจะสอบถามเป็นเรื่องสำคัญที่แพร่กระจายไปไกลในระดับโลก มีความสำคัญกว่าเว็บบอร์ดเล็กๆแห่งนี้มากนักนั่นคือ"แบบเรือ"ที่ทร.เราต้องการต่อจากอู่ DSME คำถามของผมคือแบบเรือที่ว่าคือ "KDX-I" หรือ "KDX-II" กันแน่
http://www.bangkokpost.com/news/local/350375/navy-to-seek-b13-billion-for-new-frigate
จากข่าวนี้ในเนื้อข่าวเขียนไว้ว่า "the high-capability frigate to be built by Daewoo would be based on the company’s type DX II frigate" ซึ่งจะตรงกับภาพเรือลำล่าง และข่าวนี้ถูกแพร่กระจายและใช้อ้างอิงไปจนทั่วโลกแล้วเว็บไซค์และเว็บบอร์ดที่พุดคุยทางการทหารเข้าใจตรงกันตามนี้หมด ผมลองสืบค้นด้วยคำว่า"Navy needs B13bn for new frigate" มีข้อมูลโผล่ขึ้นมา 39,100 รายการ
เพียงแต่วันนี้คุณวาสนายืนยันว่าเป็นรุ่น "KDX-I" ตามภาพบนข้อมูลมันเลยดูขัดแย้งกันครับ แบบเรือจะเก่ากว่ามีความล้าสมัยในหลายประการเช่นปล่องท่อไอเสียรูปตัววี ลานจอดเฮลิคอปเตอร์มีช่องด้านใต้ไว้จิบกาแฟ รวมไปถึงลักษณะโครงสร้างเรือที่อาจจะไม่เหมาะสมกับการทำสงครามสมัยใหม่
แต่ถ้า KDX-Iตามที่คุณวาสนาว่ามา คือแบบเรือของเราเองแต่ให้ทางDSMEต่อให้(จะเป็นแบบไหนก็ตามเถอะ) เพียงแต่ชื่อมันไปพ้องกันเท่านั้นก็เป็นกรณีหนึ่ง เหมือนที่ผมบังอาจตั้งชื่อเรือลำนี้เอาตามใจชอบว่า KDX-IIT อะไรประมาณนี้
เข้าใจครับว่าคุณวาสนายืนยันแน่ชัดแล้ว เพียงแต่ผมนำภาพเรือมาให้ชมอีกครั้งเพราะอยากให้คณวาสนาแน่ใจและพวกเราทุกคนแน่ใจด้วยเช่นกันเท่านั้นเองจริงๆ
หายป่วยไวๆนะครับ อย่าดื่มน้ำเย็นจัดห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่นด้วย สู้ๆนะครับ ^__^
สำหรับข้อมูล คุณวาสนา นาน่วม สำหรับผมถือว่าเป็นข้อมูลดิบที่ดีที่สุด ครับ
เพราะผมเชื่ออยูอย่่างหนึ่งว่า....ในเว๊ปสาธารณะแบบนี้ ไม่ควรมี ใครที่จะให้ข้อมูลได้ถูกต้องที่สุด...
ควรเป็นว่า ใคร เดา ได้ถูก หรือ ใกล้เคียงที่สุด...จะเป็นสิ่งที่ดี กับ เว๊ปลักษณะความมั่นคงแบบนี้ครับ...
เพราะมันจะหมายถึงว่า ใครที่ให้ข้อมูลถุกทุกครั้ง จะหมายถึงว่า ความมั่นคงในเรื่องการปกป้องข้อมูลของเรา ต่ำมาก ครับ...
การมีข่าวลือ แล้วมานั่งวิเคราะห์ แคะหา ความน่าจะเป็น จะเป็นสิ่งพัฒนาความรู้ให้กับสมาชิกเว๊ป และจะสร้างเข้าใจในหลาย ๆ เรือ่งได้อย่างดีครับ...
สำหรับแบบเรือ ถ้าเป็น KDX-1 แบบเดิม ๆ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ กับ งบประมาณของเรือระดับ 4000 ตัน ในราคา 425 ล้านเหรียญต่อลำ
เพราะ คุณสมบัติเรือ ขั้นต่ำ มันอยู่ที่ คุณสมบัติเรือชั้น นเศวร อยู่แล้ว กับ การเพิ่มระวางเรือขึ้นอีก 1000 ตัน ที่มากกว่าเรือชั้นนเรศวร ไม่น่าจะมีราคาในระดับนี้ครับ...
และแบบเรือ KDX-2 นั้น แบบเริ่มของเรือชั้นนี้ อยุ่ที่ประมาณ 4000 ตัน ครับ...แต่ เกาหลีใต้ ได้ปรับแบบเรือเป็น 5000 ตัน ครับ...
ดังนั้น แบบเรือควรจะมีลักษณะ เป็นแบบเรือ ที่ลดการตรวจจับ และระบบขับเคลื่อน ที่เหมาะสมกับ ภาระกิจปราบเรือดำน้ำ ซึ่งจะเป็นสิ่งตัดสินให้ได้รับการชนะ น่ะครับ
อันที่จริงแล้วเว็บบอร์ดเล็กๆแห่งนี้น่ารักมาก เพื่อนๆทุกคนล้วนถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาโดยตลอด คุณวาสนาอาจจะยังโมโหอยู่เลยเข้าใจผิดไปนิดหน่อยนะครับ และถ้าคุณวาสนามีโอกาสได้ลองไล่ดูกระทู้ๆเก่าที่เพื่อนๆเคยเขียนไว้ จะเห็นว่าคนส่วนมากพุดคุยกันด้วยเหตุผล มีการเสนอข้อมูลและความคิดเห็นเชิงสร้างสรรมากมาย หลายๆคนมีความรู้เยอะมากแต่ก็ยังให้ความเป็นกันเองกับเด็กใหม่ที่เข้ามาพูดคุยแบบผิดกาละเทศะ
แต่ก็นั่นแหละครับขึ้นชื่อว่าเว็บบอร์ดสาธารณะแล้ว อาจจะมีรายการดราม่ากันบ้างก็เป็นได้ ตัวอย่างไม่นานจากนี้ก็คือ รถถังoplot ของเราโยกเยกเชิญยิ้ม มีกล้องอันใหญ่มากอะไรแบบนี้ ก็ต้องทำใจนิดหนึ่งนะครับอย่าคิดมากนะครับ
สำหรับระยะเวลาการสร้าง 1800 วัน น่าจะหมายถึง เรือจำนวน 2 ลำ ครับ...คือระยะเวลาประมาณ 5 ปี...เพราะ ทร. จัดหาเรือ จำนวน 2 ลำ แบ่งการซื้อเป็น 2 เฟส...คงไม่ใช่ สำหรับเรือ 1 ลำ...
ซึ่งพอได้ข้อมูลของคุณวาสนา ว่า น่าจะเป็น KDX-1...มันเลยสร้างน้ำหนักได้ว่า น่าจะเป็นแบบเรือนี้ ครับ...
เพราะท่าน FatBoy ก็ให้ความเห็นไว้ใน TAFว่า ใครเป็นคนจุดกระแสว่าจะได้แบบเรือ KDX-2 กระแสมาจากไหน...ซึ่งสมาชิก ก็ได้ยกมาว่า ได้มาจาก หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ซึ่งน่าจะตีความหมายว่า คงไม่ใช่ KDX-2 ในข้อมูลของท่าน FatBoy...
ตอนนั้นผมอ่าน ความเห็นของท่าน FatBoy ผมก็หวั่นใจว่า มันจะเป็น KDX-1 หรือเปล่า...แต่ไม่อยากทัก...เพราะมันขัดข้องใจพอสมควร
อ้อ จำได้อยู่ครับกระทู้นี้เคยเข้าไปอ่าน แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจกับเรือใหม่ NGFของสิงคโปร์มากซักเท่าไรนัก เพราะไม่รู้ว่าทางสิงคโปร์ก็ส่งแบบเรือลำนี้เข้าประกวดราคาด้วย(TOR) เพราะไม่เห็นเป็นข่าวเลย เพิ่งจะมารู้นี่แหละ ส่วนใหญ่ผมจะอ่านรายละเอียดเรือ formidable มากกว่า คือประมาณว่า มันติด harpoon ไปทำไมกันนักกันหนาวะ ตั้ง 24 ลูก 8 ลูกก็เหลือจะรับประทานแล้วครับ
แต่จริงๆในสาระสำคัญของการอัฟเกรดเรือ formidable ผมลุ้นให้ทางสิงคโปร์เจราจากับทาง MBDA ขอซื้อ เจ้า ASTER-30 ได้มากกว่า เพราะแน่นอนว่าถ้าหากสิงคโปร์มีเจ้า ASTER-30 ไว้ใช้งานแล้ว โอกาสที่เราจะขอซื้อเจ้า SM-2 ไว้ใช้งาน แล้วสภาคองเกรตสหรัฐจะอนุมัติเห็นชอบก็จะมีโอกาสมากขึ้น (อันนี้ลุ้นเผื่อเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ถ้าเผื่อในกรณีเรือฟรีเกตใหม่ของเรามีระบบรองรับ SM-2 จริงๆ )
ผมรู้สึกว่า คุณWassana Nanuam นี้จะเข้าใจผิดไปหรือปล่าวอ่ะครับ คือว่า ในเว็บบอร์ดอันนี้ การโพสอะไรในแต่ละครั้งนั้น ก็ต้องมีให้เครดิตกันตลอดอยู่แล้วนะครับ หรือว่าอาลมเสียไปแล้วหว่า
................................ถ้าหาก เรือฟรีเกตสมรรถนะสูงของ ทร.นี้ เป็นแบบเรือ KDX 1 แล้วหละก้อ....ผมก็ขอแสดงความรู้สึกและความในใจออกมา ตามเนื้อเพลง ที่ผมจะโพสคลิปไว้ข้างล่างนี้ ว่า...." อยากจะร้องไห้.......อยากหยุดวันวันเวลานี้ไว้..ฯลฯ ".....ครับ/สกายนาย
..........ป.ล.ไม่อยาก...เศร้า....อกหัก และเสียใจ....กรณีมันเปรียบเหมือนกับการที่ชายหนุ่ม ถูกบังคับคลุมถุงชนให้แต่งงานกับ สาวแก่........อย่างไงอย่างงั้น....
นำมาจาก http://www.youtube.com/watch?v=LLCWzud_BCo
สำหรับผม เดาล้วน ๆ นะครับ
KDX-1 มันอาจจะไปตรงความต้องการของทร.ก็ได้ครับ ในเรื่องระบบขับเคลื่อน ระวางขับน้ำ สเปคตัวเรือทั่วไป ซึ่งมันก้ไม่แน่ว่ามันจะต้องออกมาหน้าตาแบบ KDX-1 Standard เพราะผ่านมาสิบกว่าปีนี้ อุ่เรือต้องมีประสบการณ์กับมันมากขึ้น และอาจจะคงไว้แค่ระบบ Hull ส่วนล่างใต้แนวน้ำ ส่วน Super Structure ต่าง ๆ นั้นมันปรับปรุงเปลี่ยนหน้าตากันได้
ดูอย่าง MEKO200 สิครับ หน้าตายังเปลี่ยนไปได้เลยนะ อาจจะเอาแค่แผนแบบมาก็ได้ครับ
เดานะครับ อิอิ
ถ้าเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเป็นKDX-Iจริงก็คงไร้ซึ่งอนาคตกันแล้วกองทัพเรือเพราะคงมีการอภิมหางาบแน่นอนกับเรือแบบนี้และงบประมาณที่จัดซื้อและคงจะเป็นที่แน่นอนว่าเรือดำน้ำชาติหน้าก็คงดำไม่โผล่ถ้าซื้อเรือแบบนี้มาให้ประชาชนด่า
และเมื่อเราจับ KDX-I มาทำการแปลงโฉมเสียหน่อยจะได้ประมาณเท่านี้ SEMI STEALTH เท่านั้นนะครับ
เป็นเรือขนาด 3,800ตัน ปืนหน้าคงจะเป็น76/62 SR มี16 VLS ด้านหน้ารองรับSM-2 มีระบบเรดาร์ทั้งระยะปานกลางและระยะไกล ติดระบบCIWSได้2จุดหน้าหลัง(เปลี่ยนเป็นแรมด้านหน้าและฟาลังซ์ด้านหลังเลย) 8 ฮาร์พูน 6ตอร์ปิโดเบา โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์S70B 1ลำ
ต้องดูว่าเราได้เรดาร์แบบไหนบ้างเป็นประเด็นหลักแล้วทีนี้ ถ้ามี3Dระยะไกลจากสเปนมาติดด้านท้ายก็น่ารักน่าลุ้นหละครับ
แต่ตามสเปคของ KDX-1 ก็เป็นเรือเน้นการ ปราบเรือดำน้ำ อยู่ครับ...
เพียงแต่ คงต้องลุ้นว่า งบประมาณ 425 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อ ลำ...คุณลักษณะมันจะเหนือกว่า เรือชั้น นเรศวร ขนาดประมาณไหน ครับ...
ซึ่งระบบและการอัพเกรดของเรือชั้น นเรศวร ถ้าลองตีประมาณคร่าว ๆ ประมาณ 120 ล้านเหรียญ ต่อ ลำ...เมื่อมาหักออกจากมูลค่า 425 ล้านเหรียญ...
ถ้าคิดแบบง่าย ๆ คร่าว ๆ ว่า...เฉพาะตัวเรือ และระบบขับเคลื่อน รวมปืนเรือ รวมฮาร์พูน รวมท่อยิงตอร์ปิโด รวมระบบเรดาร์ตรวจการณ์ระยะไกลเพิ่มอีก 1 ระบบ...ในราคาประมาณ 305 ล้านเหรียญ...คือ ราคาที่ถูก หรือ แพง...
เรื่องสมรรถนะเรือ...ไม่ว่าจะแบบไหน...ผมว่าคนที่ชื่นชอบเรื่องนี้ คงรับได้ทุกคุณลักษณะ คงพอเข้าใจในความต้องการ...
เพียงแต่ ประเด็นต่อไป ที่จะถูกวิจารณ์ อาจจะเป็นเรื่อง ราคา มันเหมาะสมกับ สมรรถนะเรือที่ได้ หรือเปล่า น่ะครับ ?
ก็คงต้องรอการลงนามในสัญญา คงได้เห็น สเปค และ โมเดล เรือ ให้ได้พูดคุยกันต่อไป ครับ...
ซึ่งจากความคิดผม หากออกมาเป็น KDX-1 จริง ผมก็รับได้นะครับ ถ้า
1. ปรับปรับลักษณะรูปร่างตัวเรือให้ทันสมัยขึ้น (ซึ่งคิดว่าทำได้แน่นอน) โดยระบบขับเคลื่อนและสเปคโดยทั่วไปเป็น KDX-1
2. จัดเต็มระบบอาวุธมาให้พร้อมทั้งสามมิติ
3. ระบบเรด้าร์สุดยอด รองรับอนาคต
พอไหวอยู่นะครับ แถมเป็นเรือพิฆาตด้วยคราวนี้ ไม่ใช่ฟริเกตแล้ว อิอิ
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับผมมีลางสังหอนว่าแบบของเรือจะไม่เน้นมากในเรื่องของการ stealth(แต่ก็คงจะเปลี่ยนแปลงทรงของเรือไปบ้างแต่ไม่มาก) คือเอาแบบเรือราคาไม่สูงมาก แต่ไปเน้นที่ระบบเรด้าห์และอาวุธ
ท่าน super boy ครับ ลองออกแบบเรือชั้น KDX-1 ในแบบที่ท่าน super boy คาดหวัง ที่ใช้ระบบเดียวกันกับ เรือ ANZAC คือ CEAFAR/CEAMOUNT+CMS 9VL SAAB+AN/SPS-49(V)8 ANZและเพิ่มระบบ Saab Link-E/G (TIDLS)
**(เอาเหมือนแบบเรือนเรศวรเลยนะครับ)**
ท่านครูชนบท ตามระเบียบกองท้พเรือ ปัจจุบัน เราก็มีเรือพิฆาต แล้ว จำนวน 5 ลำ ครับ
คือ ตั้งชื่อตามบุคคลสำคัญ
1. ร.ล.ปิ่นเกล้า (DE)
2. ร.ล.นเรศวร (คุณลักษณะ เป็นเรือ DE)
3. ร.ล.ตากสิน (คุณลักษณะ เป็นเรือ DE)
4. ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (คุณลักษณะ เป็นเรือ DE ปัจจุบัน Navsource.org ได้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก FF เป็น DE)
5. ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย (คุณลักษณะ เป็นเรือ DE ปัจจุบัน Navsource.org ได้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก FF เป็น DE)
ตามหลักกฎระเบียบของ กองทัพเรือ...ควรจะเปลี่ยน รหัสเรือ จาก FF เป็น DE ทั้งหมด...แบบเดียวกับ ประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้ รหัสเรือ ตามระเบียบของ กองกำลังป้องกันตนเอง...แบบเรือ FF ของฝั่งตะวันตก แต่ ญี่ปุ่น เขาจะเรียกว่า DE ตามคุณลักษณะการใช้งานของเขาเอง
Destroyer Escort = เรือพิฆาตคุ้มกัน
ท่าน randolph69 เล่นเอาผมเสียเส้นเลยนะเนี่ย นึกว่ามีสาวๆหลงเข้ามาเล่นเว็บบอร์ดนี้ด้วยเล่นเขียนจดหมายง้อเสียยาวเหยียด อายเขาไหมทีนี้ เหอๆๆๆ
เรือKDX-I ซึ่งเป็นเรือฟริเกตต่อเองของเกาหลีมีความคล้ายคลึงกับเรือหลวงนเรศวรของเรามากคืด "นำเอาแบบเรือจากยุโรปมาเป็นพิมพืเขียวในการพัฒนา" และเมื่อผมตามดมกลิ่นไปเรื่อยก็จะพบว่าเธอใกล้เคียงกับF-123 ของเยอรมันมาก นั่นหมายถึงเรือทั้ง2ลำอาจจะใช้พิมพืเขียวเดียวกันแต่พัฒนากันเองตามความต้องการ โดยที่เรือเยอรมันมีมีรุปแบบทันสมัยกว่าเพราะกราบเรือมีความสุงกว่า เรือมีความกว้างมากกว่า ทำให้สามารถติดตั้งVLSได้ถึง32ท่อ
ขณะที่KDX-Iยังคงออกแบบเรือเป็นรูปทรงเรียวแหลม(แบบเรือหลวงนเรศวรเรานี่แหละ)เลยติดVLSซ้อน2ไม่ได้ แต่16VLSก้ตรงกับความต้องการทร.เราแล้วครับ หาจรวดมาใส่ให้เต็มทุกท่อน่าจะดีกว่า สเป็กเรือลำนี้ติดอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆมาตราฐานนาโต้หมดเลย ระบบของเกาหลีที่ใส่เข้ามามีเพียงเครื่องยนต์ดีเซลของฮุนไดเท่านั้น ฉะนั้นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับความต้องการทร.ไทยง่ายเหลือเกิน
แต่ปัญหามันก้มีอยู่ว่าDSMEเป็นคนเสนอแบบเรือลำนี้หรือว่าทร.เราเป็นคนต้องการเอง ถ้าเป็นกรณีแรกหน้าตาเรือจะทันสมัยมากขึ้นอย่างชัดเจนน่าจะได้ประมาณลาฟาแยตของไต้หวัน(ไม่ถึงสิงค์โปร์นะครับ) เพราะต้องแข่งกับเรืออีกตั้ง12บริษัทใส่ท่อไอเสียคู่รูปตัววีมาผมคัดออกตั้งแต่เห็นภาพแล้ว แต่... ถ้าเป็นทร.ไทยต้องการต่อเรือแบบนี้เป็นพื้นฐานแล้วใส่อุปกรณืและอาวุธต่างๆตามความต้องการ(เหมือนเรือหลวงจักกรี) เราคงจะได้หน้าตาเหมือนเรือเยอรมันลำล่าง+เรือบังคลาเทศ คือความสวยงามคงน้อยลงไปอีกนิด
การทำภาพเรือลำนี้ก็ไม่ยากหรอกครับ หาภาพเรือF-123มาตัดหัวเรือช่วงติดRAMด้านหน้าออก โมกลางลำเรือใหม่ปิดช่องว่างให้เรียบร้อยเปลี่ยนปล่องไฟเป็นออก2ด้านแทน แล้วก็ติดอุปกรณ์ต่างๆตามความต้องการได้เลย แต่ผมช่วงนี้งานเยอะภาพเรือคงจะมาช้าไปหน่อยนะครับ
พระเอกใหม่...กองทัพเรือ เตรียมเผยโฉม เรือฟริเกต เรือพิฆาต ลำใหม่ ที่จะมาเป็นพระเอกใหม่ของทัพเรือไทย ในอีก5ปี ข้างหน้า. รอ ครม.อนุมัติผูกพันงบประมาณ อีกครั้ง โดยเป็นเรือที่ปรับปรุงมาจาก เรือพิฆาต แบบ KDX-1 ของ ทร.เกาหลีใต้ ให้เป็นไปตามที่ ทร.ต้องการ ที่ทร.รับรองว่า ทันสมัย เพราะใช้ Steath Technology ทั้งตัวเรือและระบบต่างๆ ไม่ขี้เหร่ แน่นอน ออกมาต้องร้อง เจ๋ง สุดยอด เลยทีเดียว. เพราะเน้นการถูกตรวจจับโดยฝ่ายตรงข้าม ทั้งลดการแผ่รังสีความร้อน ลดการสะท้อนของเรด้าร์. ลดเสียง เพืี่อลดการถูกตรวจจับ ...งานนี้อู่ แดวู. ก็ภูมิใจนำเสนอ ส่วนชื่อรุ่นที่ชัดเจน จะแจ้งอีกครั้ง เพราะจะต้องมีชื่อเรียกเฉพาะ ส่วนชื่อเรือ ในอนาคต อาจมีการขอพระราชทาน. หรือ ใช้ชื่อเรือในหมวดเรือฟริเกต ที่เป็นชื่อ พระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น. จาก อู่ต่างๆ13อู่ จาก11ประเทศ ทั่วโลก. รวมทั้ง Meko ของ เยอรมัน และ Zigma ของเนเธอร์แลนด์ ก็รับเอกสารข้อเสนอของทร.ไป แต้มีผู้เข้ารอบแค่5 อู่ คือ จีน อิตาลี สเปน อละแดวู. และฮุนได ของเกาหลี แต่ที่สุด คณะกรรมการทร.ที่มี บิ๊กเจี๊ยบ พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสธ ทร เป็นประธาน ท่านบอกว่า ได้เลิอก แดวู. ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก...แว่วๆ มาว่า ตอนนี้ อยู่ขั้นตอนการเจรจาในรายละเอียด เรืีองการฝึก เตรียมกำลังพล และการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ซึ่งผ่าน บก.ทัพไทย และ ส่งให้กลาโหม แล้ว เตรียมนำเข้าครม...คณะกรรมการคุยว่า การคัดเลือก และขั้นตอนต่างๆ ของทร.ไทย นั้น ได้รับหนังสือชมเชย จากเยอรมัน และ เนเธอร์แลนด์ ในความโปร่งใส และ มืออาชีพ. เลยทีเดียว.. อีกไม่นานนี้ นอกจาก เรือหลวงจักรีนฤเบศร. เรือหลวง อ่างทอง. แล้ว. เรือพิฆาต ลำใหม่นี้ จะมาเป็นพระเอกใหม่ แน่นอน ให้รอชม..แต่ตอนนี้ ดูเรือเก่าไปก่อน. และขออภัยในความผิดพลาดบางประการ เพราะยอมรับว่า ไม่เชี่ยวชาญ เรืี่องเรือ และ อาวุธยุทโธปกรณ์. นี่ อ่านเอกสาร หนาตึ้บอยู่2วัน กว่าจะเข้าใจ และสรุปไปเขียนข่าวได้. แต่ก็ต้องปิดลับ เขี้ยวเล็บอาวุธต่างๆไว้ เพราะ ฝ่ายตรงขัามจะรู้หมด..แต่อ่านแล้วก็อึ้ง. โดยเฉพาะอาวุธนำวิถี และเน้นการรบร่วมกับ เครื่องบินรบของ ทอ.โดยเฉพาะ Gripen ในระบบ Network Centric Warfare ที่มีระบบLink ต่างๆ ทั้ง. Link G , Link E และLink RTN .น่าจะสมกับราคา 1.46หมื่น ล้าน พอดู...รอชม (via Wassana Nanuam)
อ้างอิงจาก facebook Wassana Nanuam
KDX-1
ถ้าสเป็คไม่ดีจริงรับรองโดนด่าอิ่มไปอีกนานเลย
อึ้งกับระบบอาวุธนำวิถี - -' หรือ SM-2 จะมาจริงๆ ....เพราะถ้า ESSM พวกเราก็คงไม่อึ้งเท่าไำหร่เพราะว่ากะไว้แล้ว....(แอบฝัน) ..
DW-4000
ก็ขอรอชม Mod. KDX-1 ของ ทร. ล่ะครับ....ว่ารูปแบบ Stealth ที่มีการปรับปรุงจะเป็นอย่างไรครับ...
ในภาพประกอบที่นำมาลงนั้น มันไม่ใช่ KDX-1 นี่ครับ มันเป็นเรือมกุฎฯ สุดที่รักของผมอ่ะ
คิดตามที่ท่าน superboy บอกมาข้างบน เอาเจ้า KDX-1 (ระวาง 3,900 ตัน ยาว 135.5 ม. กว้าง 14.2 ม.) ไปเปรียบเทียบกับ F-123 ของเยอรมัน (ระวาง ~4,400 ตัน ยาว 139 ม. กว้าง 16.7 ม.) แม้จะหน้าตาคล้ายใกล้เคียงกันมากๆ แต่แบบเรือของเยอรมันดูจะออกแบบการใช้พื้นที่ได้เรียบร้อยลงตัวมากกว่า โรงเก็บฮ.ได้ถึง 2 เครื่อง หัวเรือดูสมส่วนไม่เหมือน KDX-1 ที่ดูแน่นๆ รกๆ แล้วก็จินตนาการต่อไปว่าถ้าหน้าตาออกมาแนวเดียวกับ Lafayette ของไต้หวัน อืม...เข้าท่าแฮะ สเปกประมาณนี้ หน้าตาแบบนี้
ปล.เรือของไต้หวันลำนี้มีจุดที่ดูแปลกๆ อยู่ตรงท่อยิงตอร์ปิโดแฝด 3 ทั้ง 2 แท่นติดตั้งอยู่บนกราบเรือสองข้างดาดฟ้าลานจอดฮ. เลยดูโด่เด่ชอบกลน่ะครับ ^ ^'
เดาว่ารสนิยมทร.น่าจะชอบหน้าตาแบบF124มากกว่าครับ ฝีมือศัลยกรรมเกาหลีเหลากราม กรีดตา ฉีดฟิลเลอร์ ตัดปีกจมูก ฉีดBotox โมนม เอ๊ย โมดิฟายเรือให้หน้าตาออกมาใกล้เคียงF124 ส่วนระบบคงจะยกมาจากANZACมั้งครับ
F124
ดูกันขำๆนะครับไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมเอาเรือF-124คุณ RAF มาดัดแปลงนั่นแหละโดยยึดตำแหน่งอาวุธตามเรือ KDX-I งานไม่ละเอียดนะแค่พอเปรียบเทียบหน้าตาเฉยๆ ว่าถ้าปิดด้านข้างให้มันดูSTEALTH แล้วมันจะออกมาแบบไหน
ผสม Stealth ของ KDX-2 ใส่ใน KDX-1
บริเวณยกพื้นหน้าสะพานเดินเรือนี่ ผมว่าน่าจะพอขยายได้อีกสักหน่อย และเปลี่ยนระบบ VLS จาก Mk.56 มาเป็น Mk.41 สัก 3 ชุดน่าจะพอยัดลงไปได้นะครับ รวมเป็น 24 Cells จะได้มี ESSM : 32 ลูก , SM-2 : 16 ลูก (หรือจะเป็น SM-2 : 8 ลูก พร้อม VL ASROC อีก 8 ลูกก็ดีนะ)
ก็อย่างที่บอกแหละครับแม้KDX-I จะใช้พิมพ์เขียวเดียวกับF-123(ก่อนจะปรับปรุงเป็นรุ่นF-124ในราคาที่คนเยอรมันร้องให้) แต่การออกแบบเรือยังยืดรูปแบบยาวๆแหลมๆเลยสู้เรือเยอรมันไม่ได้
วิธีการแก้ไขเรื่องความจุระบบอาวุธและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์คือขยายความกว้างออกไป2เมตร ด้านหน้าเรือก็กว้างพอจะซ้อน2ทำให้ใส่ได้32ท่อยิงแล้ว และถ้าอยากให้เรือมีรูปทรงSTEALTH มากขึ้นก็ต้องยกเหล่าเต๊งสุงกราบเรือขึ้นครึ่งชั้น ทำได้2อย่างและค่อยไปเสริมสวยบริเวณอื่นก็น่าจะSTEALTHได้80เปอร์เซนต์ของเรือสิงคโปร์แล้วหละครับ
เพียงแต่มันแก้ไขปรับปรุงได้ยากหรือง่ายเท่านั้นเอง ถึงเป็นคำถามที่ต้องรอกองทัพเรือตอบว่าDSMEเสนอแบบนี้ให้หรือเราเลือกเอง
ภาพ DW-4000 ของคุณ Juldas น่าจะใกล้เคียงครับ ส่วนตัวคิดว่า ทร.น่าจะเน้นความทันสมัยของระบบต่างๆและอาวุธมากกว่า เน้นที่แบบเรือ และสาเหตุที่เลือกแบบเรือที่มีพื้นฐานจาก KDX-1 เพราะว่าเป็นเรือที่มีการต่อจริง เพื่อตัดประเด็นโจมตีว่า ทร.เลือกแบบเรือที่เป็นเรือที่ไม่มีการต่อจริง
แบบเรือคุณ Superboy ลำล่าง ดู OK ดีครับ ผมว่าถ้ายกเสากระโดงของ ANZAC class มาใส่ ผมว่าใช่เลยครับ
แอบมาโพสก่อนเข้านอน สเป็กในฝันของเพื่อนๆTFC ยกหน้าเรือขึ้นครึ่งชั้นปิดกราบเรือด้านข้างทั้งหมดโมปล่องไฟใหม่ ระบบอาวุธและอุปกรณ์บนเรือพยายามจัดวางที่เดิมทั้งหมด เรดาร์หมุนได้มาจากสเปนส่วนที่หมุนไม่ได้มาจากออสซี่ คิดว่ามันพอจะเป็นไปได้ซักกี้เปอร์เซ็นกันครับ ทั้งระบบอาวุธและรูปร่างหน้าตาของเรือ
ผมรักทร.มากให้ 75% และ 75% ไปเลยแล้วกัน 5555
อันบนเข้าทีสุดๆเลยนะครับเนี่ย ได้แบบนี้ก็สมกับโครงการดี (ว่าแต่จะมีเงินซื้อSM-2รึเปล่าเนี่ย เรื่องสหรัฐขายให้รึเปล่า...ผมว่าขายนะ รุ่นMRไม่น่ามีปัญหา)
ส่วนSSMเห็นว่ามีโอกาสเป็นRBS-15 Mk.3นะครับ หุๆ หรือไม่ก็Harpoon Block II
http://thaiarmedforce.com/forum.html
ถ้าได้อย่างภาพบนของคุณ superboy ล่ะก็ ร้องกรี๊ดดัง ๆ ปรบมือให้เลย แบบนี้โอเคมากครับ
ท่าน Mr.Bean เรื่อง แบบเรือที่ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน...ไม่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญอะไรครับ...
เพราะ เรือชั้น นเรศวร ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
เรือชั้น ปัตตานี ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
เรือชั้น รัตนโกสินทร์ ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
ร.ล.จักรีนฤเบศร์ ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
หรือแม้แต่ ถ้าจะได้แบบเรือ DW3000H ก็เป็นแบบเรือที่ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน เช่นกันครับ
เรื่องปัญหาทางเทคนิคของเรือ เป็นกับเรือทุกแบบ ทั้งที่เคยมีการต่อใช้มาแล้ว เช่นกัน...
เขาถึงต้องมีการทดสอบการเดินทะเล และ แก้ไข ข้อบกพร่อง ครับ...
แม้แต่เรือ LCS ของ สหรัฐ เอง ก็มีปัญหาเช่นกันครับ...แต่ก็ แก้ไข ข้อบกพร่อง หรือ ข้อตำหนิ ไปครับ...
ประเด็นหลัก ที่น่าจะประเด็น คือ ความสมราคา กับ คุณลักษณะเรือที่ได้ น่ะครับ...
แต่ดูแล้ว ผมว่า แบบเรือคงมาคล้ายกับเรือ KDX-2 ส่วนที่จะแตกต่าง น่าจะเป็นเรื่องระบบขับเคลื่อน ที่อาจจะมีผลต่อรูปลักษณ์ ของ Stealth เพราะ การระบายความร้อนของเครื่องยนต์ จะต้องสัมพันธ์กับ ตัวเรือ ที่จะไม่แพร่กระจายรังสี และ ลดความร้อน ซึ่งปล่องไฟของ KDX-2 ก็น่าจะออกมารองรับในส่วนนี้ครับ...ถึง ต้อง เปิดโล่ง...และลักษณะ ปล่องไฟ แบบตัว วี ก็น่าจะมีคุณลักษณะนี้ เช่นกัน ทั้งเรือชั้น F-124 และเรือชั้น ANZAC หรือ แม้แต่เรือชั้น KDX-1 และ เรือ DW2000H ของ ทร.บังคลาเทศ ถึงมีลักษณะเป็นรูปตัว วี น่าจะช่วยในการลดการแพร่รังสี และ ความร้อน ซึ่งจะช่วยในคุณลักษณะการเป็น Stealth ของเรือด้วย...
ผมคิดว่าการปรับแก้ความกว้างของตัวเรือคงจะทำได้ยากครับ คุณSuper Boy เรือถูกออกแบบมาให้เรียวยาว ไม่เหมือนกับFormidableที่เรือขยายด้านข้าง แค่แก้แบบลานจอดที่เล็กให้รองรับS-70ก็น่าจะยุ่งยากพอดูแล้วครับ( ในภาพลำที่1 Formidable & ลำที่3 KDX1 ) คงจะต้องจัดพื้นที่บนดาดฟ้าเพื่อวางตำแหน่งอุปกรณ์และระบบอาวุธ ของเดิมKDX I ก็รองรับVLSได้16ท่อยิงแล้ว แต่ที่อยากให้ทร.สนใจอีกเรื่องคือการที่Formidable ปรับปรุงให้สามารถรองรับHarpoonได้24ลูก ซึ่งผมเดาว่าน่าจะทำเพื่อให้เรือสามารถทำภารกิจLand Attackได้ (Harpoon & RBS15 ก็สามารถทำได้ครับ
MEKO D หายไป MEKO 600 เรือพิฆาตคุ้มกันมาแทนที่ หน้าตาคุ้นๆ แหะ
http://www.thyssenkrupp-marinesystems.com/en/blohmvoss-mekor-600-class-escort-frigate.html
ตามอ้างอิงเรือท่าน super boy ทุกอย่างบนเรือมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งหมดยกเว้น Smart-L ผมว่าน่าจะเป็น SPS-49 หรือ Sea giraffe ครับ
ผมว่างานนี้ถ้า Thales จะชวดงานระบบก็คงจะชวดทั้งหมดไม่ยกเว้นอย่างใดอย่างหนึ่ง โอกาสเป็นไปได้ของระบบน่าจะเป็นพันธุ์ผสมระหว่างสวีเดนกับอเมริกามากกว่าครับ (มันคงจะยุ้งยากและลำบากมากๆเลยครับถ้าจะต้องผสมระบบเรด้าห์ถึง 3 ค่ายมาเข้าด้วยกัน และอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่พอสมควร) น่าจะออกมาในรูปแบบของเรือ ANZAC หวังลึกๆว่าจะได้เห็นระบบเรด้าห์ประเภท Phased array
มาใช้งานบนเรือรบของไทยเราบ้าง อย่างน้อยก็เจ้า CEAFAR/CEAMOUNT (S-band และ X-band radar) นี้ละมีโอกาสลุ้นมากที่สุดแล้ว
(ปล.ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมพักนี้ผมถึงเชียร์เจ้าระบบลูกผสมที่ว่านี้จังเลย)
ขออนุญาติท่าน RAF เอารูปมาแต่งตามจินตนาการสักหน่อยนะครับ ใช้ชื่อแบบเรือเป็น " TDX - I " นะครับ อยากให้มี Mk.41 สัก 24-32 ท่อ และ/หรือ Hapoon block II อีก 16 ลูก และ/หรือ ดาดฟ้าและโรงเก็บสำหรับฮ.ขนาด 10 ตัน (S-70B)
ปล.ผมก็อยากให้ทร.ลองชิม "สีฟ้า" อยู่เหมือนกับท่าน Obeone แหละครับ แอบเชียร์แอบลุ้นอยู่นาน ยิ่งแว่วว่าจะเป็น SAAB ก็ยิ่งน่าลุ้น
เหตุผลที่เชียร์ระบบแบบเดียวกันกับเรือ ANZAC นั้นก็เพราะว่า โอกาสที่ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นคู่แข่งกันอยู่ของยุโรป อย่าง Saabและ Thales จะร่วมมือกัน integrate ระบบเรด้าห์ต่างๆเข้าด้วยกันมันยากมากๆครับ ลองคิดดูว่าถ้าทหารเรือจะต้องชั่งน้ำหนักเลือกระบบเรด้าห์ให้ link กับกองทัพอากาศ ก็ต้องเป็นระบบของ saab เท่านั้น (เพราะ Saab คงไม่ยอมแค่พัฒนาระบบ data link เข้ากับระบบเรด้าห์ของThales อย่างเดียวหรอกครับ คือไม่ยอมแค่ซดน้ำแกงอย่างเดียวแน่ๆถ้าไม่ได้ชิ้นเนื้อกินมาด้วย) และทหารเรือเองก็อยากได้ระบบเรด้าห์ที่สามารถรองรับการต่อต้าน มิสไซด์และทำการ track ได้หลากหลายชนิดเป้าหมาย และสามารถพัฒนาต่อเนื่องให้ต่อต้านอากาศยานระยะกลางได้ในอนาคต(SM-2)
ดังนั้นก็มีระบบลูกผสมเป็นแบบตัวอย่างคือระบบบนเรือ ANZACที่สามารถพิสูจน์และเป็นเครื่องการันตีกันให้เห็นแล้วว่ามันสามารถใช้งานร่วมกันได้รออยู่แล้ว (และอีกอย่างไทยเราก็ไม่ต้องไปเสียเงินในส่วนที่จะต้องจ่ายให้บริษัทเหล่านั้นเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบให้เข้ากันเหมือนที่ออสเตรเลียต้องจ่ายเงินลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมให้กับ Saab)
ปล่องไฟรูปตัววีน่าจะถูกดัดแปลงให้เหมือนภาพกลางมากที่สุดนะครับ แต่จะให้ดีที่สุดเลยก็ควรจะเหมือนภาพ1หรือ3ที่ออกด้านข้างและมีการปิดบังความร้อน
เรื่องขยายขนาดเรือ ถ้าเราอยากทำจริงๆก้ได้นะครับท่านRAF(แต่มันยากหน่อยเท่านั้นเอง) เรือจะกว้างเหมือนภาพที่2เรือญี่ปุ่นแล้วก็ยกหัวเรือแก้ให้มันใกล้เคียงกับเรือสิงคโปร์หรือจีนอีกที ทำแบบที่ว่านี่จะช่วยเรื่อง STEALTHได้พอสมควร(คือไม่เยอะ) แม้ผมจะเห็นว่าทร.ไม่ควรเอาเรื่องเรือล่องหนมาเป็นจุดขายเด็ดขาด ไปขายเรื่องอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆบนเรือน่าจะดีกว่านะ
ท่านObeOne เรดาร์ของผม LANZA-LRR ครับ มีระยะตรวจจับ 470 Km (255 NM) ที่มีข่าวว่าผบ.ทร.เราเพิ่งไปเยี่ยมชมโรงงานที่สเปนมายังไงหละ
แต่มาถึงตอนนี้ผมว่าเรือเราไม่ต้องขยายความกว้างก็ได้ครับ แค่ที่มีอยู่ปัจจุบันก็สามารถติด MK41ได้32ท่อแน่แล้ว ดูภาพเปรียบเทียบ KDX-I กับ KDX-II แล้วผมคิดว่าใส่ได้สบายมาก เพียงแต่ทร.คงจะติดมาแต่16ท่อก่อนก็ไม่เป็นมีเงินค่อยเพิ่มอีกที
ปล. เรืออายุห่างกัน8ปีทำไมมันดูโบราณขนาดนี้นะ ทร.ต่อเรือจากเกาหลีแต่ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีสมัยสงครามเกาหลีก็ได้นะครับ เหอๆๆ
ปล่องไฟ
วันนี้วุ่นวายมากทำงานไม่รู้เรื่อง ผมเลยนำเรือในฝันของท่านจูดาสมาปรับปรุงนิดหน่อย สมมุติว่าตอนนั้นเราต่อเรือจากเยอรมันไม่ใช่สเปน และสมมุติว่าตอนโน้นเราปรับปรุงเรือโดยฮอล์แลนด์ไม่ใช่สวีเดน และสมมุติว่าเราซื้อSM-2ได้และใช้RAMเป็นCIWS เราก็น่าจะได้เรือหน้าตาประมาณนี้แหละ ท้ารบได้ทุกมิติทุกจักรวาลเลยแฮะ
เฉพาะเรือนะครับอากาศยานไม่เกี่ยว ที่ใส่ไปนั่นเราคงมีได้แค่ S-70B เท่านั้นแหละ 555 แต่ลำนี้น่าจะเล็กกว่าลำที่เราเคยคิดจะซื้อจริงๆนะครับถึงผมจะช่วยเพิ่มความยาวให้แล้วก็ตามเถอะ มองไปมองมานี่มันเรือโซเวียตชัดๆเลย
^
^
แลดูละม้ายคล้ายKievเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าได้แบบนี้ผมเอานะครับ ถึงมันจะไม่มีสกีจัมพ์ก็เถอะ (ซึ่งHarrierหรือF-35Bยิ่งไม่ต้องหวัง) ดูดีจริงๆ
ท่าน Mr.Bean เรื่อง แบบเรือที่ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน...ไม่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญอะไรครับ...
เพราะ เรือชั้น นเรศวร ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
เรือชั้น ปัตตานี ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
เรือชั้น รัตนโกสินทร์ ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
ร.ล.จักรีนฤเบศร์ ก็ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน
หรือแม้แต่ ถ้าจะได้แบบเรือ DW3000H ก็เป็นแบบเรือที่ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน เช่นกันครับ
เรื่องปัญหาทางเทคนิคของเรือ เป็นกับเรือทุกแบบ ทั้งที่เคยมีการต่อใช้มาแล้ว เช่นกัน...
เขาถึงต้องมีการทดสอบการเดินทะเล และ แก้ไข ข้อบกพร่อง ครับ...
แม้แต่เรือ LCS ของ สหรัฐ เอง ก็มีปัญหาเช่นกันครับ...แต่ก็ แก้ไข ข้อบกพร่อง หรือ ข้อตำหนิ ไปครับ...
ประเด็นหลัก ที่น่าจะประเด็น คือ ความสมราคา กับ คุณลักษณะเรือที่ได้ น่ะครับ...
ท่าน Juldas ครับ ผมเกรงว่า เรื่อง แบบเรือที่ไม่เคยมีใครต่อมาก่อน มันจะเป็นประเด็นให้เล่นกันในสภา ละครับ ยิ่งการสร้างกระแสสมัยนี้ มันสร้างง่ายมากๆ ผมว่าประเด็นเรื่องนี้ ทุกท่านเข้าใจดีตามที่ท่าน Juldas ยกมาข้างบน เพราะ ส่วนมากก็เป็นเรือที่ไม่เคยมีการต่อมาก่อน เราเข้าใจครับ
แต่ถ้าแก๊งไอติม จะเล่นประเด็นนี้ แบบกรณี เรื่องเป้าลวง เรือฟริเกตชุด ร.ล.นเรศวร นะซิครับ หรือแม้แต่ A-19 สมัยยุคก่อนปี 40 ผมว่าท่าน Juldas ทราบดีครับ 555
อีกประเด็นคือ ถ้าเรือใหม่นี้ มีคุณลักษณะการเป็น Stealth ก็ดีไปสหรับ ทร. แต่ถ้า Steath น้อย แม้คุณภาพอาวุธและระบบตรวจจับของเรือจะดี ผมว่ามันก็จะโดนเล่นจับผิด และผสมเรื่องราคาแพงไปอีก ผมละกลัวจริงๅ
เรื่อง เป้าลวง คงเป็นเรื่องที่ พยายามหาประเด็น ครับ...ซึ่งทางเทคนิคแล้ว ผมว่า น่าจะเป็นที่โครงสร้างเรือ มากกว่า...(เรือจีน) แต่ ทร. ก็ตอบปัญหาได้ ผ่านพ้นไปได้ครับ...
ส่วน A-19 โดนเรื่อง ค่านายหน้า ซึ่งมาจากฝั่ง สวีเดน ก่อน แล้ว ฝั่งไทย ผสมโรง...
ส่วน KDX-1 ผมว่า เขาก็เป็นแบบเรือ ที่มี คุณลักษณะ Stealth ครับ...และเป็นหลักการออกแบบของ เกาหลีใต้ อยู่แล้ว...ซึ่งแบบเรือ Stealth คงไม่ได้หมายถึง รูปร่างเรืออย่างเดียว มันหมายถึง เรือที่การแผ่รังสีต่ำ เรือที่มีความเงียบในการเดินเรือ เป็นส่วนประกอบผสมกัน...เรือบางแบบรูปทรงอาจจะดู Stealth กว่า แต่ในแง่ ตัวเรือมีการแผ่นรังสีและความร้อนที่สูงกว่า หรือ เครื่องยนต์เรือที่มีความดังกว่า มันก็อาจจะ Stealth สู้แบบเรือที่โบราณกว่าไม่ได้ เหมือนกัน....ในทางเทคนิค ผมว่า ทร. คงตอบได้อยู่ครับ...
เพียงแต่ เมื่อรวมส่วนประกอบกับระบบอาวุธต่าง ๆ แล้ว ประเด็นคือ มันเหมาะสมกับราคา หรือเปล่าน่ะครับ...
ถ้ามันดูไม่เหมาะสมกับราคา ผมว่า เราก็ต้องคัดค้าน เหมือนกันครับ...
ตอนนี้ ก็คงรอดูสเปคที่มีข้อสรุปเรียบร้อยแล้วครับ...
เหมือนกับ type-206A แม้ในตอนแรก ผมก็ยัง งง ๆ...ยังสงสัยว่า ทำไมถึงตัดสินใจเลือก เก่าจัง...แต่พอลองได้ศึกษาข้อมูล และเมื่อดูกับราคาที่จัดหา มันคือ ความเหมาะสม ที่ลงตัว..สมาชิกส่วนใหญ่ จึงเชียร์ และ ลุ้นกันมาก...แม้จะเป็นเรือดำน้ำเก่า...ขนาดเล็กกว่าชาวบ้าน...แต่ข้อมูลทั้งจาก ทร. และจากการค้นหากันเองของ สมาชิก มันก็ตอบโจทก์ กับ ราคา และ ความคุ้มค่า...จนเรือดำน้ำใหม่ จาก เกาหลี ที่มีข่าวว่าจะมาแรง ก็ยังถูก แอนตี้ เหมือนกันในช่วงนั้น....แต่ปัญหาที่ไม่ได้เรือดำน้ำ ก็ไม่ใช่จาก การเมือง...แต่มาจาก กลาโหม เองมากกว่าครับ ที่ไม่กล้า จะยื่นเสนอให้ ครม. อนุมัติ...
อีกหนึ่งองค์ประกอบ การเป็น Stealt ของการลดความร้อน และ การแผ่รังสี
แก้ไข เพิ่มเติม ในแบบ Germany Style ครับ...
เมโก้200น่าจะเป็นเรือของนิวซีแลนด์มากกว่านะครับท่านจูดาส เพราะมีฟาลังซ์ด้านท้ายกับลูกกลมๆ ถ้าเป็นของกรีซจะมีฟางลังซ์หน้าหลังแบบเรือลำล่าง ส่วนของออสเตรเลียไม่ได้ติดเป็นที่ตังของDECOYไปแทน
KDX-I ปล่องไฟจะเป็นรูปตัววีแล้วมีชิ้นส่วนเรือช่วยปิดหรือออก2ฝั่งเลยก็ไม่น่ายากหรือมีปัญหา แต่มันสุงจังเลยเนี่ยสิกลายเป็นจุดเด่นของเรือไปเลยแฮะ ด้านท้ายเรือตีเรียบอยู่แล้วการปรับปรุงเรือหลักๆน่าจะอยู่ที่ส่วนหัวเรือเสียมากกว่า แต่ผมดูยังไงเราก็คงไม่ได้เรือแบบ FULL STEALTHแบบเรือฝรั่งเศษ สิงค์โปร์ มาเลย์ อินโด (หรือพม่า !!)หรอก คงได้ประมาณเรือเยอรมัน สเปน นอร์เวย์ อะไรประมาณนี้มากกว่า
คิดไปคิดมา KDX-I = KDX-II Downgrade + KDX-II Downside พอดีเลยนะ อืมมม.....
เท่าที่ผมคิดไว้ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าเป็นแบบเรือKDX-Iจริงละก็ มันก็จะมีการดัดแปลงเพียงแค่เล็กน้อย เพื่อให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น ก็คือตรงเสาหอคอย เรดาร์ นั้น จะเป็นแบบทึปทั้ง2เสา และก็ตรงส่วนด้านของเรือตั้งแต่สะพานเดินเรือขึ้นไปนั้น ก็อาจจะมีการปรับระดับให้เท่ากันทั้งปืนหลักและแท่นยิงทางดิ่ง เพื่อให้ดูมีความเป็นแบบสเตลมากขึ้น ซึ่งผมว่า ท้าปรับได้ขนาดนั้น เรือของก็ดูดุดันขึ้นมาทันทีเลยนะครับ เพียงแค่มันจะไม่สเตลแบบเต็มตัว เป็นแบบครึ่งๆๆ ไป
กลับมาอีกรอบเมื่อวานโพสแต่ภาพลืมดูข้อมูล
KDX-I ติดท่อVLS รุ่น MK-48 MOD2 จำนวน16ท่อด้านหน้า โดยระบบนี้จะเป็นท่อVLSขนาดเล็กที่รองรับได้แค่จรวดขนาดประมาณESSMหรือNSSMเท่านั้น
ฐานติดตั้งถูกยกสุงขึ้นมามากแต่ยังติดระบบนี้อยู่ แปลได้ว่าปีนั้นเกาหลียังไม่ได้รับอนุญาติให้ซื้อMK-41 หรือด้านล่างมันไม่ได้ออกแบบรองรับเอาไว้
เรือหลวงนเรศวรของเราใส่ท่อ VLS MK-41 รุ่นTactical ที่ลึก 6.75เมตรได้โดยเรียบไปกับพื้นไม่ต้องทำฐานขึ้นมาเลย เพราะเรือออกแบบมาแล้ว
เรือKDX-II ใส่ท่อ VLS MK-41 รุ่นStrike ลึก 7.7เมตรได้ และยังติดตั้งท่อK-VLSที่ยาวกว่า7.7เมตรอีกได้ด้วย โดยที่ฐานติดตั้งสุงเท่าๆกับKDX-I แปลว่าเรือออกแบบมาแล้ว
แล้วเรือของเราจะยังไงหละเนี่ย จะใส่ท่อ VLS MK-41 รุ่นTactical32ท่อตามภาพได้ไหมเอ่ย หรือต้องตีฐานให้สุงมากขึ้นไปอีก (แต่นี่ก็สุงมากแล้วนะ)
ปัญหาทางด้านการออกแบบเรือหรือเปล่าครับ เหมือนโรงเก็บเรือหลวงนเรศวรเราที่ติดอะไรบนนั้นแทบไม่ได้เลย
เรือชั้น ANZAC และ เรือของ นิวซีแลนด์ เป็นเรือชั้นเดียวกันครับ คือ เมโก 200 ซึ่งในช่วงนั้น ออสเตรเลีย ก็สนใจเรือชั้นนเรศวร ซึ่งถ้า เรือชั้น นเรศวร สามารถขายให้ ออสเตรเลีย ได้ ก็จะได้ นิวซีแลนด์ มาเป็นลูกค้าด้วยเช่นกัน เพราะ 2 ประเทศนี้ ใช้ระบบอาวุธเหมือน ๆ กัน
ส่วนแท่นยิง MK-41 กับ KDX-1 ผมคิดว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ...เพราะในส่วนนี้ ก็ต้องออกแบบโครงสร้างใหม่อยู่แล้วครับ ทั้งในเรื่องระบบการซ่อมบำรุง และส่วนประกอบของอุปกรณ์ ต้องสอดรับกับแท่นยิง MK-41 ซึ่งคงนำแบบของ KDX-2 มาใช้ นั่นเอง...
ตามรูปที่เปรียบเทียบน่ะครับ...การออกแบบ ต้องสอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องการใช้ เช่น การลดการแผ่รังสี หรือ ความร้อน...ความสูง หรือ การแยกออกเป็น 2 แฉก ของปล่องควัน...น่าจะเป็นการออกแบบเพื่อให้เป็นคุณสมบัติในส่วนนี้...ซึ่งการลดความร้อน หรือ การแผ่รังสี ลดลง จะทำให้เรดาร์ของฝ่ายตรงข้าม จับเป้าหมายได้มีขนาดเล็กกว่าความจริง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการพิสูจน์ทราบ หรือ อาวุธนำวิถีที่ต้องอาศัยการตรวจจับความร้อนในการจับเป้าหมาย ก็อาจจะลดทอนความแม่นยำ หรืออาจจะใช้เวลาจับเป้าหมายได้ล่าช้าขึ้น...และ เมื่อผสมกับ การออกแบบพื้นที่ตัวเรือที่ลดการสะท้อนเรดาร์ลง ก็อาจจะช่วยให้ตัวเรือถูกจับเป้าหมายได้ ก็จะมีขนาดเล็กลงไปอีก...
แต่ถ้า เรือถูกออกแบบในการลดการสะท้อนเรดาร์ แต่ ไม่ได้ลดขนาดความร้อนหรือการแผ่รังสี ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้มีความ Steath เพียงพอ...
ซึ่ง ลองดู เรือจีน Type-054 ครับ ว่า ตัวเรือจะออกแบบทรงการลดสะท้อนเรดาร์ แต่ ในส่วนของปล่องควันระบายความร้อน นั้น...ความน่าเชื่อถือ หรือ การลดความร้อนนั้น จะทำได้ขนาดไหน...ซึ่งแบบเรือนี้ อาจจะมีเพียงแค่รูปทรงลดการสะท้อนเรดาร์เท่านั้น ก็เป็นได้ครับ...แต่ไม่ได้มีส่วนประกอบของ การลดรังสี การลดความร้อน ความเงียบ และการลดอำนาจแม่เหล็ก...ที่จะสู้กับแบบเรืออื่น ๆ ได้...ซึ่งก็ไม่แน่ว่า KDX-1 อาจจะตรวจจับได้ยากกว่า Type-054 ก็ได้น่ะครับ...
เมื่อ8ปีที่แล้วในโครงการ Thailand's Rice-for-frigate deal ทร.ให้ความสนใจจะซื้อเรือKDX-II ในราคา700ล้านเหรียญ แต่ได้มีการล้มเลิกไป
8ปีต่อมาทร.ได้งบ1พันล้านเหรียญเพื่อซื้อเรือฟริเกต2ลำ แต่ทำไมเรากลับไปเลือกเรือ KDX-I ที่เก่ากว่า KDX-II
กำไก่ได้เงินเยอะกว่าแต่เลือกเรือเก่ากว่า ถึงบวกเงินเฟ้อเข้าไปยังไงเราก็มีสิธที่จะชื่อเรือที่ตั้งใจจะชื้อไว้ตั้งแต่แรก
ความจริงทุกวันนี้เกาหลีเหมือนประเทศเห็นแก่ตัวเห็นกับผลประโยชน์แถมยังชอบดูถูกคนอื่นอีก
เราไปช่วยเขารบในสงครามเกาหลีแต่ทุกวันนี้สิ่งที่เขาตอบแทนเรา
1 กีดกันสินค้าเรา ต่างจากญี่ปุ่นที่พยายามอุ่นหนุนสินค้าเรา ช่วยเราแถบทุกอย่าง
2 นำสินค้าของตัวเองแทบจะทุกอย่างมาขายเราจนเราเสียดุลการค้า
3 ไม่ค่อยมีโครงการช่วยเหลืออะไรเราเลยในกรณีที่เรา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านเดือดร้อน ตอนญี่ปุ่นเจอสินามิ เงินช่วยเหลือญี่ปุ่นของเรายังมากกว่าเกาหลีหลายเท่านั้น แบบว่าติด 1 ใน 5 ก็ว่าได้
4 เกาหลีช่วยดูถูกประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าทั้งชิวิตความเป็นอยู่และศิลปะวัฒนธรรม ชอบคิดว่าของตัวเองดีสุด แรกๆก็ไม่ยอมรับมวยไทยเราหลอกว่าแน่กว่าของชาติตัวเอง ไปๆมาๆกลับจะเอาไปจดทะเบียนเป็นของตัวเองชะงั้ง
5 มีการช่วยหลือทางการทหารให้กับกัมพูชาแทน ทั้งยุโธปกรณ์และยังส่งที่ปรึกษาทางการทหารมาช่วยอีก (ถึงจะเป็นของเก่าแต่แสดงว่าเขาไม่สนใจเราเลย แถมเป็นการหักหน้าเราทั้งๆที่รู้ว่าเราเพื่อนผู้เคยรบร่วมในสงความเกาหลีแท้กำลังมีปัญหากับกัมพูชาอยู่)
6 พอมาตอนนี้ก็เอาเรือที่มีเทคโนโลยีเก่ามาขายอีก เขาหน้าจะมีน้ำใจนะว่าเราเคยช่วยเขา พอประเทศเรากำลังขาดแคนเรื่องพวก นี้หน้าจะขายอาวุธที่มีความทันสมัยแต่ราคามิตภาพให้เรา รวมไปถึงให้ยืมเรือดำน้ำมาฝึกสักลำก็ยังดี นี้อะไรขายอาวุธทุกอย่างที่เราจำเป็นต้องมี แถมแพงอีกตะหาก เรือดำน้ำมือสองตกเกือลำละ 2 หมื่นล้าน อย่างน้องๆเกาหลีเองหน้าจะคิดสักนิดนะว่าถ้าเกิดสงครามเกาหลี 2 ขึ้นมาจริงๆแล้วต้องเจอทั้งจีน ทั้งเกาหลีเหนือ ทั้งรัสเชีย คิดว่าอเมริการจะช่วยต้านอยู่หรอ สุดท้ายก็คงไม่พ้นไทยเราอีก กลับกันถ้าญี่ปุ่นขายอาวุธได้นะ คงจะทั้งลดแลกแจกแถม แล้วยังมาตั้งโรงงานผลิตในไทยอีกเป็นแนเลย
ปล
เรื่องปล่องควันผมว่าเกาหลีคงไม่กลับไปใช้แบบตัววีอีกแล้วล่ะครับ ปล่องแบบ KDX2 เป็นไปได้มากที่สุดแล้ว
ดูจากการออกแบบเรือในช่วงหลังๆ ทั้ง incheon class กับ KDX3 ก็เป็นไปในรูปแบบเดียวกันหมด
ใช้การดึงอากาศเย็นไปช่วยลดความร้อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีพัดลมช่วย หรือมีระบบฉีดน้ำเหมือนเรือเยอรมันกับฝรั่งเศสหรือไม่ (ซึ่งต้องแลกมากับ คชจ. ในการดูแลรักษา)
ส่วนปล่องควัน DW3000H มาแนวๆ ฝรั่งเศสเลย
เรื่องสีที่ใช้ก็มีผลในการลด RCS กับ infrared signature รวมถึงวัสดุที่ใช้ทำ superstructures ด้วย
รวมถึงใบพัดที่เคลือบยางเพื่อลดเสียง ซึ่งเรือของทางฝรั่งเศสชูจุดเด่นในเรื่องพวกนี้มาก
ในขณะที่เรือของเกาหลีผมยังนึกจุดเด่นพวกนี้ไม่ออก
เรื่อง ท่อ VLS MK-41 รุ่น Tactical คงราบไปกับพื้นเรือเหมือน DW3000H มากกว่า
เพราะของเราคงไม่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับ K-VLS (ซึ่งใหญ่กว่า MK-41 รุ่น Strike ถึงร้อยละ 25)
http://www.davis-eng.com/docs/papers/IR%20Signature%20Specification.pdf
http://leongalle.com/Documents/Galle,%20L.F.%20&%20Schleijpen,%20R.M.A.%20Dr%20-%20Ship%20Infra%20Red%20%28IR%29%20Signatures.pdf
" Royal Thai Navy would like to purchase French frigate "
The government will soon negotiate with Thales International Asia PTE to exchange Thai rice for French frigate as part of its barter trade policy.
Rachane Potjanasuntorn, director-general of the Foreign Trade Department, said that the Barter Trade Committee gave its approval for the Commerce Ministry to study in detail the value of goods to be exchanged and other terms of the deal.
The ministry has a rice stock of more than 2 million tonnes and aims to release all of it in barter trade.
The growing trade and current account deficits have prompted a barter-trade policy for mega-projects with trading partners.
This project worth 755 Million USD.
Frigate = 1ลำ
Frigates > 1ลำ
ตอนนั้นทร.จะซื้อแค่ลำเดียว
ราคา700กว่าล้านเหรียญ
และที่ว่าเป็นKDX-2 แหล่งข่าวไม่ใช่ที่ไหน คนกันเองอย่างSkyman ที่หายหน้าจากบอร์ดนี้นั่นเอง
ตอนนั้น มีการพูดคุยกันในบอร์ดwing21 ว่า ทร.ต้องการเรือฟรีเกตใหม่
ตอนนั้นมีตัวเลือกระหว่างไทป์42 (ได้2ลำ) กับ KDX-2 1ลำ แถมยังมีโครงการจัดเต็มกับไทป์22แบช2อีก
หากจำไม่ผิด มีการพูดคุยกันสนุกสนาน สุดท้ายแล้ว ก็ไม่ได้เป็นรูปธรรมอะไรกับการบาร์เตอร์เทรดนัก
โครงการช่วงนั้นมีทั้งบาร์เตอร์เทรด Su-30 ด้วยไก่และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เรือฟรีเกตด้วยข้าว รถถังจีนแลกลำไย
ไม่แน่อาจจะ Mod ให้แบบเรือชั้น De Zeven Provincien ของ เนเธอร์แลนด์ ให้ก็ได้นะครับ อิ อิ อิ...
เห็นว่า แดวู เอง ก็อยากจะนำเสนอให้เป็นที่น่าจับตา ตามข้อมูลของคุณวาสนา...
เรื่องแท่นยิง MK-41 ตั้งอยู่บนดาดฟ้าเรือ อาจจะเป็น หลักนิยม ในแง่การซ่อมบำรุง และ อัพเกรด หรือเปลี่ยนแปลงระบบ ของ แบบเรือเยอรมัน ที่ออกแบบเพื่อลดความยุ่งยาก กระทำได้ง่ายกว่า ที่ต้องไปกระทำภายในตัวเรือแบบ เรือชั้น นเรศวร ก็ได้นะครับ...แบบเรือ KDX-1 และ KDX-2 จึงออกมาลักษณะเหมือน ๆ กัน...
สวัสดีครับทุกท่าน ผมติดตามอ่านเวปบอร์ดTFCนี้มาได้สักระยะนึงแล้วรวมถึงกระทู้นี้ด้วยเนื่องจากผมเองก็เป็นคนที่สนใจในเรื่องเรือรบและยุทธโทปกร์ต่างๆของกองทัพไทยแต่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ครับ ที่มาโพสเนื่องจากผมไปเห็นรูปเรือ Stealth ของเยอรมันรุ่น F147 ครับเลยอยากรบกวนท่านๆชาว TFC ว่ามีความป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับที่ ทร. จะออกแบบเรือมาในลักษณะนี้ให้ DSME ต่อเพราะผมเห็นว่ามันดูดีทีเดียว
F147
เป็นเรือของแอฟริกาใต้ ต่อที่เยอรมันโดยใช้แบบเรือ MEKO A-200SAN class เป็นต้นฉบับ ซึ่งแบบเรือนี้กองทัพเรือเยอรมันไม่มีการสั่งซื้อเลยซักลำเดียว อาจเป็นเพราะเรือขนาดเล็กเกินไปสำหรับเขาหละมั้งครับ (3700ตัน เท่าที่เราต้องการพอดี)
ในโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสุงของทร.มีอู่เรือยื่นแบบเสนอเข้ามาถึง13แห่งรวมทั้งของเยอรมันด้วยแต่ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเขาเสนอแบบไหน ผลการคัดเลือกที่1คืออู่DSMEจากเกาหลีใต้ที่2คืออู่จากสเปน ถ้าให้ผมเดาอันดับ3-5ก้คงจะเป็น จีน สิงคโปร์ และเกาหลีใต้(ฮุนได)หละมั้งครับ เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าเยรมันหลุดโผไปรอบไหนกันแน่
โอกาสที่เรือเราจะหน้าตาแบบนี้ก็คืออู่เรือจากเยอรมันชนะและเขาเสนอแบบนี้ แต่ความจริงก็อย่างที่เราพูดกันมาหลายเดือนนี่แหละครับ หน้าตาของเรือจะเหมือนกันในคห.บนๆที่พูดกันมา ใความเห็นผมก็คือเป็นไปไม่ได้เลยที่เรือเราจะหน้าตาแบบนี้ ถ้าบอกว่าคล้ายแบบเรือ F-124หรือF-123ก็ยังพอคุยกันได้ แต่ผมขอปล่องไฟแบบเรือฮอลแลนด์ที่ท่านจูดาสเอามาให้ชมนะมันใช่เลย
ความเห็นส่วนตัว : KDX-II ที่เกาหลีใช้คำว่า Stealth Desktroy ซึ่งผมว่าสวยเข้าท่ามากแล้วเพื่อนๆส่วนมากยังร้องยี้บอกว่าโดนยิงจมง่าย แล้วเรือที่แปลงร่างจากKDX-I จะหน้าตาเป็นยังไงกันนะอยากเห็นเร็วๆจัง ผมไม่กังวลเรื่องมีคนจ้องล้มดีลเพราะเรือแบบใหม่ไม่เคยต่อมาก่อนนะ ถ้าล้มไปจริงๆเงินก็ยังอยู่เอาไปซื้อเรือดำน้ำที่เราต้องการจริงๆแทนก็ได้ U209 apiนั่นไงเยอรมันdHยังมีขายอยู่ต่อvvdมาแล้ว60กว่าลำใน14ประเทศรับรองตรงเป้าแน่ กลัวแต่พี่เขาจะบอกว่าเรือเก่าไปอีกซื้อมาทำไม อ้าว
F-147ในภาพดูสวยส่วนหนึ่งเพราะยังไม่ติดปืนหน้าเข้าไปด้วย พอใส่เข้าไปแล้วเหมือนญาญ่าเป็นสิวหัวช้างยังไงยังงั้นเลย จะแปลงร่างเป็นแบบนี้ัหัวเรือต้องยกสุงมากกกก....จนท่วมท่อvlsเลย กลางเรือที่เคยแบ่งเป็น3ส่วนก็ต้องขยับชิดเข้ามา เสากระโดงหลังต้องแบกเรดาร์ระยะไกล3มิติแรงๆ(หวังว่านะ)อีก แล้วยังปล่องไฟรูปตัววีของผมอีกหละจะเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน
ผมว่าทร.เน้นโปรโมทด้วยระบบอาวุธ ขนาดตัวเรือ และระบบเรดาร์ทั้งหลายเถอะครับอย่าไปสวยสู้เขาเลย ใช้คำว่าลดการตรวจจับก็ได้นะครับแต่อย่าเน้น เดี๋ยวเจอน้องเนยรักษ์โลกเอาเรือสิงคโปร์สวนกลับมาจะสะอึก นี่ผมไม่ได้ตำหนินะแค่เสนอความเห็นเฉยๆ
ระวังนะครับท่าน superboy ขืนออกมาหน้าตาโบราณๆ ถ้ามีคนเอาเรือฟริเกตที่พม่าต่อเองมาเทียบล่ะก็ หึ หึ อาการหนักหนากว่าเยอะนะครับ
สมรรถนะของเราเหนือกว่าอยู่แล้วครับ
เรือชั้นควอเวตของเวียดนาม
เป็นคอร์เวตชั้นSteregushchy ระวางขับน้ำ 2,200 ตัน เร็วสุด 26 น็อต (เป็นรุ่นธรรมดาไม่ใช่รุ่นอัฟเกรดที่ติดตั้ง VLs Redut 12 cells)
เวียดนามไม่มี Steregushchy ครับ
ของเวียดนามเป็นGepard Class
ไม่มีทางที่ของทร.ไทยจะแย่กว่านั้นแน่ๆ
ขอพูดเตือนสติกันตรงๆ
ทำไมถึงโวยวายกันปานบ้านจะถล่ม ทั้งๆที่ทร.ยังไม่ประกาศ
และแค่นักข่าวคนนึงมาบอกว่าKDX-1 ก็เชื่อ
โดยส่วนตัวรู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก กับการคิดวิเคราะห์แยกแยะ ของหลายๆท่าน
ทำไมถึงโวยวายในสิ่งที่มันยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ทำไมถึงฟังความไม่รอบด้าน มองแต่รูปลักษณ์ความสวยงามภายนอก กับระบบที่บางครั้งแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำหน้าที่อะไร แต่อยากได้ซะงั้น
งานนี้อาจจะระวังเงิบกันแบบOplot ที่มีคนมาบอกว่ามันเป็นของมือสอง แล้วจะหาว่าไม่เตือนกัน
ดีเลยครับ หลวงพี icy_cmu ที่เตือน "สติ" ขอบคุณมากๆ ครับ
ขอบคุณท่าน superboy นะครับที่ช่วยตอบคำถาม สงสัยผมคงคิกถึงเรื่องความสวยงามมากไปหน่อยเหมือนท่านที่ท่าน icy_cmu โพสท์ไว้ เอาเข้าจริงผมกังวลเรื่อง top deck design อยู่อีกเรื่องน่ะครับว่าจะออกมาเป็นยังไง
แต่ว่ารูปแรกในตอบกระทู้ของ RAF มันเป็นเรือ Steregushchy-class จริงๆครับ ผมก็นึกว่าเป็นโปรเจกต์ใหม่ของทร.เวียดนาม (เรือลำนี้ผมจำได้อย่างแม่นยำเพราะว่าเคยมีกระทู้เรือลำนี้มาแล้ว)
http://www.thaifighterclub.org/webboard/17814/เรือ-Corvette-ลำใหม่-ของค่ายรัสเซีย.html
ส่วนรูปที่สองนั้นนะ มันถึงจะเป็นเรือ Gepard Class ครับซึ่งด้อยกว่าเรือชั้น Steregushchy-class ไม่มากนัก
แต่ถึงอย่างไรเรือทั้งสองรุ่นนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเหนือไปกว่าเรือรบเราอย่างแน่นอน
ภาพแรกเป็นsteregushchy class ของรัสเซียครับ ผมpostภาพผิดไม่ได้ตรวจสอบภาพหลังpost เนื่องจากภาพเรือทั้ง2รุ่นใกล้เคียงกันมาก ส่วนลำที่2 HQ-012 Ly Thau To ครับ ขอบคุณคุณObe Oneที่ช่วยตินะครับ ส่วนเรื่องที่พูดว่า สมรรถนะอย่าด้อยกว่าเรือเวียดนามเป็นการพูดประชดประชันเพราะ รุ็สึกอึดอัดกับทร.ที่ยังไม่มีการแถลงข้อมูลที่ถูกต้องออกมาเหมือนจะกลัวว่าเรือจะไม่เจ๋งจริงอย่างที่คุยครับ รบกวนadminช่วยลบpostข้างบนของผมด้วยครับ และผมขอน้อมรับความผิดความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมครับ
Radar Technology อ่านกันแก้เครียด เห็นหลายคนเครียดลงตับ
http://www.navy.mi.th/elecwww/magaz/magazine/no11/5Radar%20Technologies.pdf
ชีวิตนี้จะได้เห็น Non Rotating Radar ในกองทัพเรือไหมนิ
ส่งสัยว่าเรือฟริเกตจากเกาหลีคงไม่มีทางถูกล้มได้แล้วละครับจากข่าว
ที่ว่า
หน่วยงานจัดหายุทโธปกรณ์ของเกาหลีใต้หรือ Defense Acquisition Program Administration (DAPA) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมของไทยก่อนความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดหายุทโธกรณ์ของเกาหลีใต้จากไทย
โดยรายงานระบุว่าการลงนามในบันทึกความเข้าใจนี้ยังรวมถึงการเพิ่มขอบเขตความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาระหว่างสำนักงานเพื่อการพัฒนาทาทหารหรือ Agency for Defence Development (ADD) ของเกาหลีใต้กับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์กรมหาชน) หรือ DTI ของไทย แต่ไม่ได้เจาะจงถึงโครงการการวิจัยเฉพาะ นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงบันทึกความร่วมมือฉบับเก่าซึ่งทำให้แน่ใจว่ายุทโธปกรณ์ที่เกาหลีใต้ส่งออกให้ไทยจะมีคุณภาพ
ทั้งนี้ การลงนามนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าช่วงเวลาที่คาดว่าคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติให้กองทัพเรือจัดหาเรือฟริเกตุสมรรนะสูงจากเกาหลีใต้ ซึ่ง ThaiArmedForce.com คาดว่าบันทีกความเข้าใจนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาในครั้งนี้ รวมถึงโครงการจัดหาอากาศยานทดแทนเครื่องบินขับไล่ฝึกแบบ L-39ZA/ART ที่กองทัพอากาศกำลังเริ่มโครงการในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
งานนนี้อาจได้เห็น T-50 Golden Eagle จากบริษัท Korea Aerospace Industry ประเทศเกาหลีใต้ แทน าเครื่องบินทดแทน L-39ZA/ART ของ ทอ
ความร่วมมือของเรา กับ เกาหลี
อลงไปเทียบกับ อินโด ดูแล้ว เค้าก้าวหน้ากว่าเราไปเยอะพอควรเลยนะครับ(ดูจากกระทู้ใน TAF ที่แฟนคลับอินโอมาโพสเอง)
อินโด จัดหา U209 จัดหาT50 ดูแล้ว เหมือนเราเดินตามรอยเค้าเลยอ่ะครับ
เมื่อดูจาก specification ตามข้อมูลด้านล่างนี้แล้ว
ผมว่ามันไม่ได้ใช้เป็นเครื่องบินฝึกอย่างเดียวมันยังสามารถเอามาทดแทน เครื่อง F-5 เราได้เลยนะครับและดีกว่าด้วย น้องๆ F-16C เลยอะ ติดตั้งอาวุธ AIM-120,AGM-65 Marverick แค่สองอย่างนี้ก็แหล่มแล้วครับ
ราคาเพียง 30 million.USD
http://en.wikipedia.org/wiki/KAI_T-50_Golden_Eagle
General characteristics
Performance
Armament
(ปล. ถ้าเราต้องเดินตามรอยอินโดนีเซีย แล้วได้อาวุธดีๆอย่าง U-209 และเจ้า T-50 ก็ OK นะครับ)
จากกระทู้เรือฟริเกต ตอนนี้ขึ้นฟ้าไปคว้าดาวกันซะแล้ว เหอ เหอ
กลับสู่ทะเลกันต่อดีกว่าท่านทั้งหลาย
(รอหลวงพี่ icy ดังเท่าเณรคำก่อนเถอะครับรับรองท่านจัดเต็มให้กองทัพเราแน่ๆ555)
นอกเรื่องนิดเดียว ทำไมเรียกว่าหลวงพี่icyหละครับ เรื่องนี้งงมาก
นอกเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง ตกลงเณรคำเป็นพระหรือเณรกันแน่ เรื่องนี้งงหนักเข้าไปอีก
มาช่วยดึงกระทู้กลับเข้าทะเลครับ
รูป CG Type 055 missile destroyer ขนาด 11,800 tons ที่จีนกำลังต่อในเร็วๆ นี้
http://www.sinodefenceforum.com/navy/type-052-luhu-class-191-5571.html
ตอบคุณsuperboy...เห็นว่าท่านicy_CMUอยู่ในสมณเพศน่ะครับ....(ว่าแต่ไม่ผิดเหรอครับ?)....
ปล.รูป Type 055 งามจริงๆ
ขอบคุณท่านPhu2000มาก เมื่อก่อนผมอยู่พันทิพย์ห้องรัชดาบ้าง ศุภบ้าง หว้ากอบ้าง หรือชายคาบ้างแล้วแต่อารมณ์ เพิ่งจะย้ายมาTFCได้1ปีเองมั้งครับ
TYPE 055 มีความสวยงามแบบยุโรปบวกเอเชียนิดหน่อย ตัวเรือเป็นแบบFREMMของฝรั่งเศส ติดเรดาร์แบบจานเหมือนF-100ของสเปน บนหัวกระโดงยังติดเรดาร์อีกแบบเหมือนเรือดาลิ่งของอังกฤษ ติดCIWSแบบจรวดหน้าหลังเหมือนF-124ของเยอรมัน เสากระโดงที่2เหมือนformidableของสิงคโปร์ ท้ายสุดใช้กำลังพลจำนวนมากเหมือนเรือไทย
โอ้ว ความเห็นที่200พอดี รอข่าวเรือของเราต่อไป
เห็นรูปของเจ้า Type 055 แล้วทั้ง อึ้ง ทึ่ง และอิจฉา ทร.จีนจังเลยนะครับ เขาพัฒนาได้รวดเร็วแบบก้าวกระโดดมากๆ พี่แกไม่สนอะไรทั้งนั้น ใครจะด่าจะตำหนิเหน็บแนม ว่าแกซื้อแบบซื้อเทคโนโลยีของคนอื่นมา,ซื้อของมาแกะ,ลอกเลียนแบบ,ก๊อปปี้,จารกรรม พี่แกทำทุกวิถีทาง เพื่อเร่งการพัฒนาให้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง จนในเวลานี้แม้แต่อเมริกายังต้องเกรงกลัวต้องพยายามขัดขวางกีดกันการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน แม้นักวิเคราะห์วิจารณ์จะมองว่าของแกห่วยไม่มีประสิทธิภาพ แต่ในเวลาอันสั้นจีนก็สามารถพัฒนาได้อย่างก้าวหน้าอย่างน่าทึ่ง ต่างกับบ้านเราอย่างสิ้นเชิง เฮ้อ...คนเก่งคนดีไม่มีที่ให้ได้แสดงฝีมือ
เทียบกับจีนไม่ได้เลยครับ
เพราะจีนรวยกว่าเราเยอะครับ
ถ้าเรามีเงินขนาดนั้น อาจจะดีกว่านั้นก็ได้ครับ
ช่วงนี้งานเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลา
ถ้าข่าวจากคุณวาสนาเป็นจริง เรือ KDX-1 mod มา คงจะมีการโมดิฟายกันพอสมควรครับ เพราะคุณวาสนาบอกว่าเรือสวยงามและทันสมัยตามเทรนด์มากๆ ดังนั้นเรือน่าจะมีความกว้างกว่า KDX-1 เดิมๆอยู่พอควร เพราะคาดว่าต้องติดตั้ง MK-41 หรือ K-VLS ให้ได้ขั้นต่ำ 32 cell ซึ่งอัตราส่วนความยาวต่อความกว้างของ KDX-1นั้นเกือบ 1/10 ในขณะที่เรือสเตลธ์ยุคใหม่ๆอยู่ประมาณ 1/7.6 - 1/8 ดังนั้นโดยส่วนตัวคิดว่าเรือคงกว้างกว่า คือ ประมาณ 16-17 เมตร โดยความยาวเท่าเดิม 135 เมตร และระวา'น่าจะเกิน 4,000 ตัน น่าจะอยู่ในช่วง 4,000-4,500 ตัน
ดูจากแบบเรือ NGF ของสิงคโปร์ ซึ่งตรงตามความต้องการของเราพอดี ว่าแล้วคงเป็นแบบเรือที่สิงคโปร์ออกแบบเองโดยมีพื้นฐานจากฟอร์มิเดเบิ้ล สเปกของเรือใหม่เราน่าจะไม่ด้อยไปกว่าเรือ NGF ครับ ทั้งขนาดและสเปกระบบอาวุธ ซึ่ง NGF ติดตั้ง VLS-32 cell และ SSM 24 ท่อยิง ดังนั้นเรือใหม่ของเราน่าจะมีสเปกประมาณนี้ เรืออาจจะใหญ่กว่าเพื่อติดตั้งเรด้าร์ได้ดีกว่า แต่อาจจะติดตั้งระบบอาวุธมาไม่ครบในครั้งแรกครับ
และที่ NGF ไม่ติดโผ น่าจะเป็นเพราะเรือใหม่ ไม่เคยมีใครต่อมาใช้ และที่สำคัญ มาจากสิงคโปร์ ซึ่งคงจะถูกเกมส์การเมืองเล่นเต็มที่เลยครับ ต่อจากเกาหลีดูปลอดภัยกว่าเยอะ
ปล. ดีใจที่ T-50 จะมา ลำละ 26-27 ล้านเหรียญ ถ้ามาทดแทน L-39 จริง ตัวที่มาแทน alpha jet น่าจะเป็น F/A-50 ที่ราคาตกประมาณ 30 ล้านเหรียญ ถ้าความร่วมมือนั้นครอบคลุมการประกอบ T-50 ในประเทศไทยด้วยจะยินดีอย่างยิ่งครับ
ใครท่านใดพอจะมีแบบเรือ NGF ของสิงคโปร์ มาแชร์ให้ดู จะขอบคุณมากๆครับ (เพราะผม search หาแล้วไม่เจอเลยครับ อยากรู้ว่าตาเรือมันเป็นอย่างไร)
แสดงว่าท่านโอบีวันไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชมกระทู้เรือformidable upgradeของผมหละสิ มีความเห็นดีๆอยู่ในนั้นเยอะนะ ไม่เป็นไรครับผมขายของเก่ากินอีกครั้งก็ได้ เรือขนาด3000ตันรูปทรงstealthดัดแปลงมาจากformidableนั่นแหละ ติดvlsด้านหน้าได้16-32ท่อหละมั้งไม่แน่ใจ(แต่ถ้าท่านนีโอบอก32ผมก็เชื่อ) มีเสากระโดงติดเรดาร์ใหญ่ๆได้2จุด กลางเรือติดจรวดฮาร์พูนได้24นัด ท้ายเรือมีปืนรอง2ฝั่งกับFCSด้านบนแต่ถ้าจะดัดแปลงติดCIWSแทนก็น่าจะได้อยู่นะ
สิงคโปร์เพิ่งเอามาโชว์ในงานIMDEX 2013นี่เอง ลองหาด้วยคำว่า the 3,000-ton new generation frigate (NGF) from ST Marine สิครับ
Singapore Technologies Marine displayed models of two stealthy ships it is developing: the 1,150-ton littoral mission vessel (LMV), which the Singapore Navy contracted eight of earlier this year, and the 3,000-ton new generation frigate (NGF).
The LMV will undertake a wide range of maritime security operations to safeguard sea lines of communication. Its sensor suite will include a surveillance radar, navigational radar and electro-optic system. It has a rear flight deck for medium-lift helicopters.
This is the first time the NGF has been on display. The frigate has a range of 4,000 nautical miles at 18 knots. Based on the Fearless-75 hull form, the frigate is capable of landing one medium-weight helicopter while stowing another helicopter in its hangar.
http://maritimesecurity.asia/free-2/procurement-2/imdex-2013-world-navies-gather-in-singapore/
http://www.defensenews.com/article/20130523/DEFREG03/305230010/IMDEX-Show-Draws-Navy-Chiefs-194-Firms
เรื่อง 32 cell ผมเดาเอาจากสิ่งน่าจะเป็นรอบด้านนะครับ เพราะในรูปน่าจะเป็น 16 cell มากกว่า 32 cell โดยผมเดาจากสิ่งนี้ครับ
1. เรือ NGF น่าจะพัฒนาโดยใช้ formidable เป็นแนวทางการพัฒนา ดังนั้นเรือน่าจะมีขนาดความกว้างไม่ต่ำกว่า 16 เมตร ซึ่งสามารถติดตั้งได้ 32 cell และมีความกว้างใกล้เคียง type-054A ที่สามารถติดตั้งได้ 32 cell เช่นกัน
2. ระวางขับน้ำ NGF ดูจากโมเดลแล้ว น่าจะประมาณไม่น้อยกว่า formindable คือ ประมาณ 3200-3500 ตัน เพราะเห็นมีการติดตั้งเรด้าร์ 3D ขนาดใหญ่เหนือโรงเก็บได้
3. ทร. ไทยมีความต้องการพื้นที่เผื่อสำหรับการติดตั้ง VLS ได้มาก cell ขึ้นเมื่อต้องการ เพื่อใช้งาน SM-2 ได้ด้วย ( 8 cell สำหรับ ASROC 8 cell สำหรับ ESSM 32 missile ดังนั้นจึงควรมีพื้นที่เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 16 cell สำหรับ SM-2 ครับ) ดังนั้นสิงคโปร์น่าจะเสนอแบบเรือที่เพิ่มความยาว Block ในส่วนดาดฟ้าเรือด้านหน้าที่สามารถติดตั้ง VLS ไม่น้อยกว่า 32 cell ให้ทร. ด้วยครับ และเทคโนโลยีการต่อเรือของสิงคโปร์ก็สามารถต่อเรือเป็น block ได้อยู่ ดังนั้นการเพิ่มความยาว block ส่วนนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ และระวางขับน้ำไม่น่าจะน้อยกว่า 3500 ตันเมื่อเพิ่มความยาว block สำหรับ 32 cell ครับ
มุมมองจากการวิเคราะห์ผมนะ
ในมุมมองส่วนตัวผม ผมว่าทร.สิงคโปร์น่าจะนำ NGF มาใช้ในภาระกิจ ASW และ Land attack เป็นหลักมากกว่าครับ ส่วน AAW น่าจะให้ formindable รับงานต่อไปเช่นเดิม
ถ้าเรือชุดนี้ของเรามีขนาดใหญ่กว่าของสิงคโปร์ คือประมาณ 4000-4500 ตัน ติดตั้งระบบอาวุธและระบบตรวจจับและมีการเตรียมพื้นที่สำหรับขยายระบบในอนาคตได้ ผมว่าคุ้มค่าเงิน 13,000 ล้านบาทครับ ถือว่าเรือดีไม่ต่ำกว่า formidable เพียงแต่คนละภาระกิจเท่านั้น
NGF เป็นแบบเรือที่น่าสนใจสำหรับเรามากในอนาคตนะครับ แต่ผมว่าถ้าจัดหาเรือจากสิงคโปร์ในเวลานี้ รับรองว่าเกมส์การเมืองคงถล่ม ทร. กันแบบมันหยดติ๋งๆเลยทีเดียว และคิดว่าราคาน่าจะเป็นมิตรมากกว่า formidable อยู่ไม่น้อยนะครับ เสียดายอ่ะ น่าจะสู้เกาหลีได้ และเป็นแบบเรือที่พัฒนามาจากเรือสเตลธ์ที่มีชื่อเสียงด้วย
ไม่รู้ว่าสิงคโปร์จะต่อมากี่ลำ ถ้าต่อ 6 ลำจำนวนเท่ากับ formidable ทร. สิงโปร์จะถือว่ามีความทันสมัยและขนาดกองเรือใหญ่ที่สุดในอาเซียนทีเดียวครับ เราคงต้องดิ้นตาม........อีกแล้ว 15 ปีหลังนี่ทำไมเราเป็นผู้ตามตลอดเลยยย......ไม่เหมือนตอนจัดหาเรือจักรีและกองเรือฟรีเกตทั้งชุดใหม่ๆ ตอนนั้นเราเป็นผู้นำเทรนด์ชาวบ้านชาวช่องแถบนี้
ปล. ถ้าทร, เกิดสนใจพัฒนาเรือชั้นนเรศวรให้มีขนาดสัก 3500 ตัน น่าจะยึดแนวทาง NGF จากสิงคโปร์ดูนะครับ ไม่เลวเลย หรือให้สิงคโปร์มีส่วนร่วมในการออกแบบดัดแปลงเรือให้ไปในทางเดียวกับ NGF และ Formidable ฝันของท่าน superboy จะได้ดูมีโอกาสมากขึ้น
ผมว่าเรือNGF สิงค์โปร์ทำขายมากกว่านะครับท่านนีโอ เพราะformidableของเขา6ลำก็แน่นจนไม่มีที่จอดแล้ว
ระหว่างรอข่าวดีมาคุยข่าวเต้ากันก่อนนะครับ พอดีเมื่อวานโหลดจันดาราแล้วไฟล์หายไป1เสียอารมณ์มากเลยนั่งวาดภาพเรือแทนตั้งใจจะวาดเรือLCSและเรือฟริเกตุโดยใช้I-MAST500เพราะขี้เกียจออกแบบเสากระโดง สุดท้ายมาตายที่ปล่องไฟเลยเปลี่ยนเป็นวาดเรือลำนี้แทน
ไม่เหมือนโมเดลเป๊ะๆนะครับ อย่างช่องเรือเล็กมันสุงไปหน่อยเพราะใช้เครนตัวใหญ่ขณะที่เรือส่วนมากใช้เครนโครงขนาดเล็กมากกว่า(เรือจีนนี่ช่องใหญ่กว่าเรือนิดเดียวเอง)บนหลังคาโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์แตกต่างนิดหน่อย miradorสำหรับปืนDS-30Mหน้าแท่นฟางลังซ์นี่ขัดใจมาก ช่องตอร์ปิโดไม่ต้องเปิดหมดแบบนี้ก็ได้ แต่ก็อย่างว่านะมันเป็นแค่โมเดลใหม่เอี่ยม
อันที่จริงถ้าเราเลือกDW300Hจริงๆผมก็ยินดีมากนะโดยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือ
1ด้านหน้าสามารถติดVLSเพิ่มได้อีก1หน่วย8ท่อ
2เปลี่ยนCIWS เป็นจรวดแรมแทน
3ราคาไม่เกิน330ล้านเหรียญหรือ1หมื่นล้านบาท ทำให้ทร.ซื้อได้3ลำแม้จะต้องเพิ่มวงเงินบ้างก็ตาม ใช้งบผูกพันเพิ่มขึ้นอีก1ปีก็น่าจไหว
หมายความเราจะได้เรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่เอี่ยม3ลำที่สามารถทำการรบสมัยใหม่ได้ทั้ง3มิติและมีลิงค์กับทอ.ด้วย ขณะที่อนาคตจะสามารถรองรับจรวดระยะปานกลางได้โดยปรับปรุงเรือไม่มาก
แต่โอกาสของข้อ3เป็นไปไม่ได้เลยถ้าทร.เลือกจริงๆก็คงแค่2ลำ ผมใส่มา3เพราะคิดเอาเองว่าตัวเรือเปล่าๆน่าจะราคาแพงสุดซักประมาณ350ล้านเหรียญในกรณีใส่16VLSท่อ แต่ไม่มีข้อมูลอะไรรองรับเลยนะครับเรือจากเกาหลีเราก็ยังไม่เคยต่อเสียที ก็คาดเดากันไปครับ
พักเรื่องSM2มาคุยเรื่องอาวุธอื่นบ้างดีกว่า CIWS และ SSM ของเรือฟริเกตเรา
CIWS ของเรานอนมาพระสวดคือฟาลังซ์ในราคาประมาณ15ล้านเหรียญ แต่ผมอยากได้ RAM ในราคาประมาณ25ล้านเหรียญพร้อมจรวด21นัดมากกว่า แต่ถ้าเรือติดได้2ระบก็เอามัน2อย่างเลยหน้า-หลัง
จริงอยู่ว่าRAMยังคงต้องใช้เรดาร์ในการชี้เป้าหมายคร่าวๆให้อยู่บ้างเพราะไม่มีเป็นของตัวเองเหมือนฟาลังซ์ แต่เรดาร์สมัยใหม่ก็ทันสมัยมากแล้วใช้FCSสามารถจัดการควบคุมได้สบาย และถ้าเรดาร์หลักเดี้ยงไปจะใช้เรดาร์ตรวจอากาศดีๆที่จับจรวดเรี่ยพื้นน้ำแทนได้ หรือใช้miradorในการหมุนแท่นฐานยิงให้หันไปยังเป้าหมายก็พอเดี๋ยวเขาไปหาเป้าหมายเอาเองจรวดนำวิถีอินฟาเรดแบบยิงแล้วลืมที่มีระยะยิงหวังผลประมาณ10กม.จำนวน21นัดให้ความอุ่นใจได้มากกว่าฟาลังซ์แน่ ฟาลังซ์ก็ดีนะครับดูในซีรีย์เรื่อง the last ship ของไมเคิ่ลเบย์แล้วเท่ห์มากๆเลย เพียงแต่มันเหมาะแค่ดูแลตัวเองระยะเผาขนมากกว่าขณะที่RAMพอจะเผื่อแผ่เพื่อนฝูงได้ในกรณีESSMหมดโกดังไปแล้ว
ถ้าเรือลำใหม่ของเราติดRAMจริงจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเรือลำอื่นๆในอนาคตด้วย เรืออีกลำที่ผมอยากให้ติดก็คือเรือหลวงจักรีแทนซาดรัลของเดิมที่มี3ระบบ18นัดระยะยิงหวังผล5กิโลเมตร เอามาติด2ระบบหน้า-หลัง 42นัดนี่อุ่นใจได้เลย เรือหลวงจักรีมีเรดาร์และFCSใหม่แล้วด้วย ส่วนซาดรัล3ระบบถอดเอาไปติดบนหลังคาเรือหลวงนเรศวรทั้ง2ลำ (จะไหวไหมครับท่านจูดาส) และเรือหลวงอ่างทองก็ได้ ใช้มันจนกว่าจะหมดอายุจรวดแล้วค่อยว่ากัน
เรื่องSSM นอนมาพระสวดคือฮาร์พูน แต่มีตัวเบียดที่มาแรงมากก็คือRBS-15 Mk. III จากSAAB(อีกแล้ว) แต่จรวดตัวนี้ของเขาดีจริงๆครับมีระยะยิง200กม.สามารถทำภาระกิจLand attackได้เพราะจรวดมีระบบGPSทางทหารเข้ามาช่วยเพิ่มเติมจึงสามารถตรวจสอบพิกัดได้ดีมากขึ้นไปอีก SAABเป็นบริษัทที่ดีนะแต่ยังไม่ใหญ่โตมากพอจะมีสินค้าได้ครอบคลุมหมด อยู่ที่ลูกค้าหละครับว่าจะฉลาดเลือกมากน้อยแค่ไหน
ตอนนี้SAABได้ลูกค้าใหม่ที่ไม่ธรรมดาคือทร.เยอรมัน เรือคอร์เวตรุ่นK130ที่ต่อใหม่ทุกลำติดRBS-15 Mk. IIIหมด เรือฟริเกต F-123 กำลังจะปรับปรุงด้วยการถอดเอ็กโซเซต์ที่หมดอายุออกแล้วใส่RBS-15 Mk. IIIเข้าไปแทน ขณะที่เรือ F-124ที่ใหม่กว่ายังติดฮาร์พูนไปก่อน ส่วนเรือF-125ที่กำลังเริ่มโครงการจะติดRBS-15 Mk. IVที่มีระยะยิงถึง1000กม.แทน เห็นได้ว่าประเทศที่มีวินัยสุงมากอย่างเยอรมันก็ยังเปลี่ยนอาวุธไปตามยุทธศาสตร์และความทันสมัย ไอ้เรือคอร์เวตที่มีRAM42นัดนี่มันสุดยิกไปเลยนะ
กลับมาประเทศเรา จรวดกาเบรียลหมดอายุไปแล้ว เอ็กโซเซต์ก็คงเหลือน้อย C801ถูกแทนด้วยC802 ส่วนที่เหลือเป็นฮาร์พูน(6ลำแหนะถ้าจำไม่ผิด) ถ้าเรือลำใหม่เราติดRBS-15 Mk. IIIจริงก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับเรือเก่าอีก6ลำเป็นอย่างน้อยในการเลือกอาวุธจรวดครั้งต่อไป แต่RBS-15ท่อมันใหญ่หน่อยนะครับ โอกาสที่เรือใหม่เราจะติดมากกว่า8นัดคงเป็นไม่ไปได้มากนัก ไม่ว่าจะเรือ KDX-I KDX-I หรือ DW3000H ก็ตาม แต่คงจะใหญ่เกินไปสำหรับเรือต.994ของเรา
ทอ.เราเองก็มีRBS-15Fใช้อยู่แล้วถ้าเรามีกริเพนฝูงที่2ในอนาคตก็อาจจะสั่งซื้อเพิ่มบ้าง(ยิงใส่อะไรหละแถวอีสานไม่มีเรือเลย 555) แล้วทร.ยังมีโครงการจัดหาจรวดรักษาชายฝั่งจำนวนหนึ่งรวมไปถึงโครงการเครื่องบินโจมตี8ลำในอนาคต(หวังว่าจะมีนะ) SAABยังมีหวังขายจรวดนี้ได้อีกนะครับผมเป็นเขาต้องพยายามดันให้เกิดได้ก่อนเพราะจะทำให้ประเทศรอบๆหันมามองบ้างด้วย (แบบกริเพน)
ฉะนั้นถ้าเรือใหม่เราติด CIWS เป็น RAM และ SSM เป็น RBS-15 Mk. III จะเป็นการเพิ่มความทันสมัยและประสิทธิภาพให้กับกองทัพมากยิ่งขึ้นๆ เรือเราจะเข้ามาตราฐานเยอรมันตามภาพเลยนะครับ
เทคโนโลยีวิ่งไปเร็วมาก ในอนาคตไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เรือดำน้ำสกอร์เปี้ยนจะสามารถยิงจรวดไมคราใส่เฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินปราบเรือดำน้ำได้แล้ว(แม้จะใช้หลักการที่ว่าใครเอาโซนาร์มาจุ่มถือเป็นศัตรูหมดก็ตาม) กองทัพของเรามีอะไรใหม่ๆบ้างก็ดีนะครับ ^_^
เห็นด้วยกับท่าน neosiamese2 และท่าน superboy ในแง่ที่ว่าNGF เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกตัวครับ โดยเฉพาะที่ท่านneosiamese2 เขียนไว้ในข้อ 3. ในเรื่องของ top deck design ที่สามารถติดตั้ง VLS ได้ 32 cell
NGF ขนาด 3500 ตันน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับ ทร. ในอนาคตครับ
ทร.กลัวว่าถ้าได้NGFมาตอนต่อต้องเลาะระบบออโต้ต่างๆออกแบบตอนต่อEnduranceรึเปล้าครับ จะทำให้มีพื้นที่ติดตั้งลดลงเพื่อให้มีที่ลูกเรือเพิ่มขึ้น เลยคิดว่าจะไม่คุ้มค่าหรือไม่ครับ
ฟาลังซ์มันก็มีข้อดีนะครับคือไม่ต้องกังวลเรื่องลูกจรวดหมดอายุ
สำหรับเรือคอร์เวต ฟริเกตในอนาคต ขนาดไม่เกิน 3,500 ตัน เราควรจะสนับสนุนการต่อในประเทศเองมากกว่าครับ
จะซื้อแบบหรือระบบอาวุธต่างๆ จากต่างประเทศไม่ว่ากันอย่างน้อยขอให้ได้ต่อเอง
พอพูดถึงเรื่องนี้ก็จะมีคนบอกกว่าใช้งบประมาณสูง ใช้เวลามาก เครื่องมือไม่พร้อม อู่เรืองานล้นมือ บุคลากรมือไม่ถึงบ้างอะไรบ้าง
คือถ้าไม่สนับสนุนตอนนี้จะรอกันถึงเมื่อไร มาเล อินโด เขานำหน้าเรื่องนี้ไปก่อนแล้ว
อีกไม่กี่ปีเรือรบที่จะเป็นกำลังของเราก็ทยอยปลดประจำการไปเรื่อยๆ และประเทศเพื่อนบ้านก็เริ่มมีจำนวนเรือรบ
แบบก้าวกระโดดทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าจะต่อเรือใหม่ในราคาแพง
อย่างมาเลเซียราคาต่อลำเท่าเรือใหม่ของเราเลย แถมระบบต่างๆ ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เขาได้ต่อในประเทศซึ่งเงินที่เสีย
ไปจะย้อนกลับมาในรูปแบบภาษี เพิ่มอัตราการจ้างงาน ยกระดับบุคลากรและอู่ต่อเรือ ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศคึกคัก
มันได้อะไรกลับมามากกว่าที่เราคิดในขณะที่ไทยเราเสียเงินให้ต่างประเทศโดยไม่ได้องค์ความรู้อะไรกลับมาเลย
แถมในอนาคตเรายังต้องจ้างเขาต่อเรือซึ่งมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ซื้อมันง่ายแต่คุณจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย
ที่แน่ๆ อู่ต่อเรือในประเทศสามารถรองรับการต่อเรือฟริเกตได้แน่ๆ อย่างอู่ ASIAN MARINE
ส่วนองค์ความรู้การต่อเรือรบแน่นอนว่าต้องซื้อ ต้องจ้างมาอบรม ไม่มีใครถนัดมาตั้งแต่เกิดต้องเรียนรู้ฝึกฝนทั้งนั้น
http://www.asimar.com/page3Th.html
กระทู้นี้ตายไปเสียแล้วผมช่วยอัพให้หน่อยแล้วกัน มาชมข่าวจากอินโดนีเซียที่มีอุตสาหกรรมทางการทหารสุงเป็นอันดับต้นๆในอาเซี่ยน เป็นข่าวเรือStealthของเขาครับแต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย บางครั้งการก้าวกระโดดก็หกล้มได้แบบนี้นะครับถ้ายังไม่มีความพร้อมจริงๆ ไม่รู้ว่าลำที่2จะได้เห็นโฉมเมื่อไหร่นะหรือจะยกเลิกไปเลย แต่ลำแรกไฟใหม้แรงมากจะด้วยเชื้อเพลิงหรือวัสดุที่สร้างเรือก็ตามเถอะ เสียใจด้วยครับอินโดผมจะรอดูเรือคุณต่อไป
http://malaysiaflyingherald.wordpress.com/2013/07/21/no-sign-of-second-klewang-class-stealth-ship-yet/
No Sign of Second Klewang Class Stealth Ship Yet
After the devastating fire tragedy which gutted TNI-Al’s first indigenous stealth combat ship, the KRI Klewang last year, there has been no sign yet for the ship’s replacement which was supposedly conducted early this year.
PT Lundin, the maker of KRI Klewang was said to have just submitted the material and design proposal. This time around, taking the lesson learned from the KRI Klewang fire incident last year, a more fire resistant material will be used to produce the ship.
ภาพไม่ขึ้นเปลี่ยนใหม่ก็ได้ครับ ชิ
อีกข่าวหนึ่งไปขุดขึ้นมาจากหลุม 3ปีที่แล้วมาเลย์ให้ความสนใจจะเอาจรวดรัสเซียมาติดกับเรือคอร์เวตเยอรมันของตนเอง พี่แกเล่นแต่ของหนักตลอดเลยนะประเทศนี้ เอามาให้ดูเฉยๆไม่มีความเห็นใดๆเพราะข่าวยังไม่ยืนยัน คือยืนยันว่ามันเงียบไปนั่นแหละและอาจจะไม่ได้จัดหามาติด เพียงแต่เพื่อนผมที่มาเลย์ดันบอกว่าโครงการยังมีอยู่แต่เลื่อนไปก่อนเท่านั้น ถ้ามีจริงก็คงหลังจากเรือฟริเกต2ลำของเราเข้าประจำการแล้ว ก็รอดูกันไปครับ
ทร.ของมาเลย์มันก็มีข่าวว่าจะซื้อไอ้นั้นว่าจะติดตั้งไอ้นี้ จะมีข่าวลักษณะแบบนี้ไปเรื่อยแหละครับ แม้กระทั้งตอนนั้นออกข่าวซะใหญ่โตบอกว่าจะซื้อระบบ VLs Mk41.เพื่อจะติดตั้ง ESSM ให้กับเรือ Kedah class มาตั้งแต่ ปี 2009 สุดท้ายก็ยังไม่มีอะไรในกอไผ่แล้วแว่วๆว่าอาจจะไปจบลงที่ VLs.Mica missile พร้อมกับเรือใหม่ อีก 6 ลำคือGowind class ระยะป้องกันมิสไซด์แค่ 15 กม. (ระหว่าง Aster 15 กับ Mica missile เรื่องนี้ทำให้ทร.มาเลย์กำลังลุ้นกันอยู่ว่าหวยจะออกอะไร) กลับกลายเป็นไทยเราซะอีกที่มีระบบ Vls Mk41 +ESSM ระบบต่อต้านมิสไซด์ที่ดีสุดและเวิร์คที่สุดในอาเซียน คือซื้อทีหลังดังกว่าชาวบ้านเค้าทุกที
ในกรณีของเจ้า Brahmos นี่ก็เหมือนกัน มีอย่างที่ไหนระบบเรด้าร์และFCSใช้ของนาโต้แต่ระบบ อวป. ดันเสือกอยากจะไปใช้ของ รัสเซียมันจะ Mod กันยังงัยวะเนี้ยะ เชื่อสิครับ สุดท้ายก็คงจะไปจบลงที่ excocet อีกนั้นแหละหนีไม่พ้นเจ้าเดิมคือ MBDA
ส่วนเจ้า RAM +RIM116 Rolling ที่เห็นติดอยู่หน้าเรือ kedah class นั้นนะอย่าคิดนะว่าอเมริกาจะยอมขายให้ จนปานหน้ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆจากสภาคองเกรตเลยสงสัยคงจะถูกดองเอาไว้อีกนาน
ฝากถึงคุณ aonestudio คุณไม่ต้องไปซีเรียสกับทร.มาเลย์เค้าหรอกครับ เรือ Gowind class ที่ว่านั้นจะต่อได้ครบ 6 ลำหรือเปล่ายังไม่รู้เลย มันอาจจะเป็นเหมือนกรณีของเรือ kedah class ก็เป็นได้ รัฐบาลมาเลย์ซื้อแบบเรือ Meko-100 จากเยอรมันมา 6 ลำสุดท้ายต่อเรือออกมาใช้งานจริงๆเพียงแค่ 2 ลำที่เห็นๆกันอยู่เท่านั้นเอง (ประเทศมาเลย์รัฐบาลเค้ามีอิทธิพลสูงมากต่อการตัดสินใจในเรื่องของการจัดซื้ออาวุธและสามารถเปลี่ยน spec อาวุธได้ทันทีถึงแม้จะขัดใจทหารของประเทศตนเองก็ตาม)
ทร.มาเลเซีย ต่อเรือ OPV แบบ Meko-100 ครบเรียบร้อย ทั้ง 6 ลำ นะครับ...
ส่วนที่ยังไม่ติดตั้ง RAM...เพราะลักษณะเดียวกับ เรือชั้น ปัตตานี ครับ...คือ เป็นการรองรับไว้ติดตั้ง เมื่อมีความจำเป็น ครับ...ปัจจุบัน ก็ทำหน้าที่เป็น OPV เท่านั้นครับ...
สำหรับเรือ Gowind ใหม่ จำนวน 6 ลำ...ตอนนี้ มาเลเซีย กำลังเจรจาเพื่อใช้ MK-41 และติดตั้ง ESSM กับผู้ผลิตอยู่ครับ...โดยเรือชั้น Gowind ทั้ง 6 ลำ นี้...ถ้าจำไม่ผิด...ทร.มาเลเซีย จะพัฒนาเป็น Net work กับ เรือดำน้ำที่มีประจำการอยู่ครับ...
กระทู้ กองทัพเรือมาเลเซีย ในอนาคต (ตามความเห็นส่วนตัวครับ)
http://www.thaifighterclub.org/webboard/16406/Royal-Malaysian-Navy-in-Future.html
กับ กระทู้ กองทัพเรือมาเลเซีย ครับ
ขอโทษทีครับผมจำผิดไม่ใช่ เรือ kedah class ครับ ที่เป็นข่าวเกี่ยวกับ ESSM เป็นเรือชั้น Lekiu Class ครับ
แล้วเรือชั้น Lekiu Class 2 ลำที่ว่ามีข่าวจะติดตั้ง VLS Mk41. +ESSM มาตั้งแต่ปี 2008 ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรตสหรัฐเหมือนกันนิครับก็ไม่รู้นะ แต่ผมมีความเชื่อว่ามาเลย์ไม่ได้ระบบอาวุธดังกล่าวมาติดตั้งบนเรือพวกเค้าหรอก ตั้งแต่ปี 2008 เราจนปานนี้ปี2013 http://www.naval-technology.com/projects/lekiu/
ก็ยังไม่เห็นมีข่าวว่าได้ซื้อ ESSM แล้วซักลูก เท่าที่ทราบมาจากเวปต่างประเทศมีแต่ข่าวว่าจะให้ Raython เข้ามาพัฒนาระบบร่วมแต่ก็ไม่เห็นมีความคืบหน้าอะไรเลยว่าได้เข้ามาพัฒนาร่วมจริงๆหรือเปล่า นี่มันก็ 5 ปีแล้วคิดว่าการศึกษาการพัฒนาการใช้ระบบไม่น่าจะนานนี้หรอกครับ ส่วนเรือ Gowind class ก็เช่นเดียวกัน การพัฒนาระบบเพื่อรองรับ(TMEO Mk2) น่าจะเป็นการติดตั้งเผื่อไว้ในอนาคตเท่านั้น (สำหรับVls Mk41.+ESSM) คิดว่าอย่างมากก็แค่ Aster-15 กับ mica misslie ใช้กับ Sylver VLS A-43,A-35
น่าจะเป็น ชั้น ลิเคียว เฟสที่ 2 ครับ...เดิม เรือฟริเกตชั้นนี้ จะสร้างจำนวน 4 ลำ ด้วยกัน...โดยเฟสที่ 2 จะติดตั้ง MK-41 กับ ESSM แต่ได้มีการยกเลิกโครงการจัดหาไปก่อนครับ...
สำหรับ Gowind น่าจะเป็นปัญหาของ ผู้ขาย มากกว่าครับ...ที่ต้องการขาย MICA...แต่ความต้องการของ กองทัพเรือ มาเลเซีย ต้องการ MK-41 กับ ESSM...คงต้องรอดู ผลสรุป สุดท้ายกันอีกทีครับ...
กระทู้ Gowind class ของ มาเลเซีย
ถ้ามาเลย์จะซื้อESSMก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ ปัญหาคือเขาจะได้ซื้อจริงๆหรือเปล่าเท่านั้นเอง DCN ไม่ยอมปล่อยเนื้อก้อนนี้ไปแน่นอนเขาต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ อีกอย่างบริษัทในมาเลย์ก็เป็น global team of ESSM suppliers ด้วยนะครับ เพียงแต่จรวดขายดีมากคงต้องรอคิวกันนานหน่อย
http://www.prnewswire.com/news-releases/raytheon-engages-malaysian-industry-for-missile-work-139317483.html
Raytheon Engages Malaysian Industry for Missile Workใ First Malaysian company joins global team of ESSM suppliers
Raytheon has also issued requests for quotation to Malaysian industry for additional components for the ESSM, the MK56 ESSM vertical launching system, MK73 illuminator, and test equipment in support of the Malaysian SGPV program as well as other international production programs.
จากข้อมูลของ ท่าน superboy
ถ้า Gowind Class ของ มาเลเซีย จะติดตั้ง ESSM ก็คงจะใช้ แท่นยิงแนวดิ่ง MK-56 ไม่ได้ใช้ MK-41 โดยมี CWI เป็น MK-73...
ซึ่งโครงการ Gowind Class ก็คือ โปรแกรม SGPV (Second Generation Patrol Vessels)
เรียนถึงท่าน super boy ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะขายอาวุธหรือเทคโนโลยีใดๆที่คิดค้นและผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมดจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรตของสหรัฐอเมริกาทั้งหมด(ซึ่งประกอบด้วย สว.100ท่านตัวแทนจาก 44 รัฐต่างในสหรัฐอเมริกา) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ DCN หรือ บริษัทเอกชนใดๆสัญชาติสหรัฐอเมริกาเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์จำหน่ายอาวุธเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรตก่อนเป็นอันขาด
ถึงแม้บริษัท Raytheon อยากขาย ESSM ให้มาเลเซียใจจะขาด แต่ถ้าสภาไม่อนุมัติก็หมดสิทธิ์
*** ผมจะให้เหตุผลในเชิงลึกที่ว่าทำไมอเมริกาไม่ค่อยจะขายอาวุธสมรรถนะสูงให้กับมาเลเซีย นั้นก็เพราะมาเลเซียมีความสัมพันธ์ทางทหารและการทูตน้อยกับสหรัฐอเมริกาน้อยกว่าสิงคโปร์และไทยเราครับ ขนาดทร.มาเลเซียยื่นเสนอขอซื้อเรือ OHP โดยตรง สหรัฐยังไม่ยอมขายให้เลย
ถ้าเป็นเช่นนั้น...แล้วทำไมอเมริกายอมขาย F/A-18D ให้มาเลเซียล่ะครับ ท่าน Obe_one
ปล. ผมแค่สงสัยและแปลกใจน่ะครับ
คือ F-18D สมรรถนะไม่ได้เหนือไปกว่า F-16C/D และ F-15SG ของสิงคโปร์ และไม่ได้เหนือไปกว่าหรือ Gripen และ F-16MLU ของไทยเรานะครับ และเหตุผลทางการเมืองบางประการที่มาเลเซียยอมเปิดรับความสัมพันธ์กับอเมริกามากขึ้นนั้นก็เพราะมาเลเซียต้องการจะนำรถยนต์ยี่ห้อ Proton ของประเทศตนเองไปตีตลาดขายที่ประเทศสหรัฐบวกกับการแผ่อิทธิพลของประเทศจีนในแถบทะเลจีนใต้
แล้ว F-18D ตอนที่มาใหม่ๆสหรัฐอเมริกาไม่ยอมปล่อย AIM-120 มาให้มาเลย์เซียเลยนะครับ คือ รอจนกระทั่งไทยเรามีงบไปmod เจ้า F-16A/B ให้กลายเป็น F-16MLU ในเฟสแรกเสียก่อน แล้วไปต่อด้วยการซื้อ grippen แล้วนั้นแหละจึงยอมปล่อย AIM-120 ออกมาขายให้ ทอ.มาเลเซีย พูดง่ายๆมาเลย์เซียจะมาเหนือกว่า สิงคโปร์และไทยเราไม่ได้
(ซึ่งในเรื่องนี้ทางกองทัพมาเลย์ก็ทราบดีช่วงหลังๆที่ผ่านมาทางมาเลย์จึงมีความพยายามที่จะอ้างอิงอาวุธจากทางฝั่งอเมริกามากขึ้น)
ในส่วนของ ESSM ในเรื่องนี้ก็ต้องดูว่าทาง ทร.ไทยเราอยู่ในสภาพความพร้อมรบมากน้อยแค่ไหน ถ้าความคืบหน้าของเรือฟรีเกตใหม่ของไทยเรายังเงียบเชียบอยู่อย่างนี้ก็บอกได้เลยว่า ESSM กับเรือรบของมาเลย์ ก็ยังคงจะถูกดองเค็มเอาไว้ในสภาคองเกรตของสหรัฐอีกนานครับ
(ปล.จริงๆในตอนที่มาเลย์ซื้อ F-18D จำนวน 8 เครื่องนั้นก็เพราะซื้อทีหลังๆจากที่ ทอ.ของไทยเราได้รับการอนุมัติในการจัดซื้อ F-18A จำนวน 8 เครื่องและได้มีการวางเงินมัดจำไปแล้วครึ่งนึงด้วย ไปก่อนหน้าทอ.มาเลย์ตั้งหลายปี แต่พี่ไทยเราดันไปสดุดหัวทิ่มเอาตอนช่วง พิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้งนั้นแหละ (แหม่คิดแล้วก็น่าเจ็บใจไม่หายเงินก็ไม่ได้คืนแถมเครื่องบินก็ถูกยึดทั้งหมด ซัก 4 ลำก็ยังไม่ได้มา ผมละโครตเกลียดรัฐบาล บิลคลินตันในตอนนั้นจริงๆไม่ยอมยืดหยุ่นและอลุ่มอล่ายในการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีกตามที่รัฐบาลไทยเราในตอนนั้นยืนขอร้องไป)
ผมว่า สหรัฐ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับ มาเลเซีย นะครับ...ล่าสุด ก็อัพเกรด F/A-18 และยังซื้อ AIM-9X มาได้อีก 20 ลูก...แล้วก็กำลังลุ้น ดีล บ.ขับไล่ใหม่ โดยส่ง F/A-18E/F เข้าแข่งขัน...
ซึ่งถ้า มาเลเซีย มีความต้องการ ESSM ก็ไม่ได้มีปัญหาที่ ครองเกรส หรอกครับ...น่าจะเป็นเรื่องที่ บริษัทฯ ที่ขาย Gowind ก็อยากจะขายของมากกว่าครับ...
ส่วน OHP นั้น มาเลเซีย เพิ่งจะประกาศความต้องการ พร้อมจะซื้อเรือ LPD เก่าจากสหรัฐ ด้วย...เพื่อมาทดแทน ลำ ที่ไฟไหม้ไป...น่าจะอยู่ระหว่างขออนุมัติ...
The 20 sidewinders should equip their F-18Ds.
http://www.dsca.mil/PressReleases/36-b/2011/Malaysia_11-36.pdf
It should make it the 2nd ASEAN air force to order this WVR missile after Singapore (who bought 200). This follows their previous order of 20 x AIM-120C5s AMRAAM missiles. Singapore has 400+ AIM-C5 and the more advanced C7 variant missiles equipping its fighter fleet.
Indonesia is also purchasing 24 F-16s which they intend to upgrade to the advanced blk 52 standard under the EDA program. However, there is currently no indication that any BVR missiles will be sold to the TNI-AF.
อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลและความเชื่อแต่ละบุคคลนะครับ (บอกเอาไว้ก่อนเดียวจะดราม่า)
คือเหตุที่อเมริกายอมขาย AIM-9Xให้นั้นก็เพราะว่าไทยได้จัดซื้อจัดหา เจ้าIRIS-T เข้ามาประจำการกับเครื่อง JAS-39 และสามารถใช้ร่วมกับ F-16 MLU ได้ด้วย และที่สำคัญ IRIS-T ยังสามารถเป็นมิสไซด์ต่อต้านมิสไซด์ได้อีกด้วย (missile anti destroy missile)พูดง่ายๆ IRIS-T จะแลดูเหนือกว่าและฉลาดกว่า AIM-9X ในเรื่องระบบเรด้าห์ด้วยซ้ำ และอาจจะเป็นรองเล็กน้อยในระยะช่วงการยิงที่สั้นกว่าประมาณ 10 km. แต่ทอ.ไทยเราก็มีแผนจะซื้อเจ้า AIM-9X มาทดแทน AIM-9 ตัวเก่าที่กำลังจะหมดอายุการใช้งานในอนาคตอีกด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ถือว่ามาเลเซียได้ครอบครองอาวุธที่เหนือกว่าไทยหรือสิงคโปร์ครับ
(พูดง่ายๆอีกครั้ง คือสหรัฐยอมปล่อย AIM-9X มาให้ทอ.มาเลย์ ภายหลังจากที่ทอ.ไทยเรามี IRIS-T เข้าประจำการเรียบร้อยแล้วนั้นเอง)
ส่วนเรือ OHP นั้นอเมริกากำลังรอท่าทีของ ทร.ไทยเราอยู่ครับว่าจะเอาหรือไม่เอา ถ้าไทยเราไม่เอาเรือ OHP ก็แน่นอนครับว่าสหรัฐก็อาจจะยอมขายให้ทร.มาเลเซีย แต่มันก็ไม่ใช้เรื่องง่ายๆ อีกนั้นแหละสำหรับทางมาเลเซีย เพราะยังมีประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอเมริกามากกว่ามาเลเซียอื่นอยู่อีกที่แสดงความจำนงอยากได้เรือ OHP จากสหรัฐ
เรื่อง Iris-T น่าจะเป็นเพราะ Gripen ที่ ทอ.ไทย จัดหานั้น....สหรัฐ ไม่ได้อนุญาตให้ติดตั้ง AIM-9X บน Gripen ได้...โดย สหรัฐ อนุญาติ ให้เพียง AIM-9M และ AIM-120C5 กับ AGM-65 เท่านั้น...
ก็คงต้องดูว่า F-16 MLU ที่ ทอ.ไทย ปรับปรุงใหม่ จะยิง AIM-9X ได้หรือไม่...
US OK with systems for Gripen?
StratPost
South Asian Defense & Strategic Affairs
Thursday, November 12, 2009
By Saurabh Josh
In what is the clearest indication of the likely US attitude towards the supply of systems and technology to the Swedish Gripen, were it to win the Indian MMRCA (Medium Multi Role Combat Aircraft) race, the US has agreed to the fitting of Royal Thai Air Force Gripen aircraft with its weapons systems. These include the AIM-9M and AIM-120 C-5 air-to-air rocket system, precision bombs and AGM-66 Maverick air-to-ground tactical missile.
A controversy over whether the US would be willing to supply components and systems for the Gripen aircraft under its end use monitoring and technology transfer laws had apparently placed questions on the strength of the Swedish pitch earlier this year. Competitors in the race had questioned its ability to easily deliver parts and systems that were claimed to be substantially US-built.
But with the US now agreeing to supply systems to Thai Gripens, senior Indian officials think it would be difficult for the US to deny systems to any ‘Indian’ Gripens, after agreeing to supply them to Thailand. “They would find it difficult to say no to us, if they’re providing systems for the Thai. Especially after all the fuss we went through over the End Use Agreement,” says one senior official.
Saab for now has little to say, with Anne Lewis-Olsson, Communications Director, India restricting her comments to, “Saab is glad to see the Thai air force has selected US weapons apart from the Swedish RBS-15.”
Source: http://www.stratpost.com/us-ok-with-systems-for-gripen
โครงการ อัพเกรด F-A-18D ของมาเลเซีย ก็เป็นการจัดเต็ม ซึ่งนอกเหนือจากปัจจุบัน ที่ติดตั้ง AIM-12C-5 และ AGM-65 รวมถึง Harpoon แล้ว...ก็เพิ่ม JHMCS ร่วมกับ AIM-9X Block II และเพิ่ม JDAM อีก...
Malaysian eyes AIM-9X Block II for its Hornet
|
Kuala Lumpur, KLS: Malaysian Air Force tends to buy AIM-9X Block II from the United States to equip its F-18D Hornet squadron.
Malaysian Air Force Chief General Rodzali bin Daud said the Royal Malaysian Air Force has plan to procure AIM-9X missile from the United States.
He said the procurement deal will be done under Foreign Military Sales and an approval from the U.S Congress is needed.
Rodzali told a press conference today that the RMAF will buy AIM-9X Block II.
Singapore is the first country in this region has openly announced that will import 200 AIM-9X from Raytheon for its F-15SG fleet in 2008. Malaysia will be the second country.
AIM-9X is an improved variant of AIM-9M which can provide the warfighter with the following capabilities: full day/night employment, resistance to countermeasures, extremely high off-boresight acquisition and launch envelopes, greatly enhanced maneuverability and improved target acquisition ranges.
With the Joint Helmet-Mounted Cueing System (JHMCS), the AIM-9X allows the F-18D pilot to attack and destroy any airborne enemy with only pointing his head at the target without having to manoeuvre the aircraft.
According to industry sources, Malaysia is going to procure 20 AIM-9X Block II, JDAM ammunition and JHMCS in one package under the F-18D upgrade plan. The Congress is principally agreeing to export those assets to Malaysia though an official approval hasn’t been granted.
If the deal were inked in near future, the delivery will be made after 2013-14.
อีกสักรูป กับ อากาศยานทางนาวี ที่เมื่อ มาเลเซีย จัดเต็มให้กับ F/A-18D...
F/A-18D ของ สหรัฐ ทำอะไรได้...ของ มาเลเซีย ก็ทำได้หมดเช่นกัน...
ไหนๆก็ยังไม่มีข่าวใหม่ของเรือเราแล้วมาคุยเรื่องข่าวซุบซิบที่ผมไม่ยืนยันอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ DCNS (คห.บนพิมพ์ตกไปตัวขอโทษด้วย) อัดฉีดมาเลย์ให้ติดจรวดของตัวเองบนเรือลำใหม่ด้วยการขายตัวนี้ให้เป็นรายแรกๆครับ A3SM Mica จรวดต่อสู้อากาศยานที่ยิงได้จากเรือดำน้ำสกอร์เปี้ยนของเขา ใช้ท่อหุ้มแบบเดียวกับเอ็กโซเซ่ต์ แต่รายละเอียดอะไรยังไงไม่รู้เลยนะแค่ข่าวซุบซิบเฉยๆ ส่วนตัวถ้าผมเป็นมาเลย์ก็ยังไม่เอานะมันยังดูก๊องแก๊งพิกล
จรวดSAMบนเรือเนี่ย ฝรั่งเศสเก็บอินโด สิงค์โปร์ ได้แล้วและกำลังตามมารวบหางมาเลย์ด้วยอีกแห่ง แต่เขาตัดใจจากไทยแลนด์นานแล้วครับตั้งแต่เราไม่สนใจมิสตัลอีกเลยหลังจากดีลเรือหลวงจักรี ยังเหลือฟิลิปปินส์กับเรือลำใหม่ให้ตามล่าซึ่งก็น่าจะเสร็จไมคราหรือมิสตัลแน่นอน นอกจากฟิลลิปปินส์จะเลือกเรือเกาหลีและใช้RAMเป็นCIWS โหอิจฉาโว้ยอยากได้ๆๆ
ส่วนเรื่องESSMนี่ผมก็ยังคงความเห็นเดิมนะว่าถ้ามาเลย์ซื้อสภาคองเกรสเขาก็ผ่านให้แน่นอน อาวุธใหม่เอี่ยมราคาแพงลิบกับอาวุธมือ2ราคาเป็นกันเองต้องแยกกันคนหละส่วนนะครับ ประเทศไทยเราได้อาวุธแบบหลังจากอเมริกามาโดยตลอด(ล่าสุดก็ปืนใหญ่M198หลายสิบกระบอก) เวลาสั่งซื้อของก็ได้ดีลผลิตพร้อมอเมริกาไปด้วยเลย แปลว่า"เราสนิทกับเขามาก" อเมริกาสนิทกับมาเลย์น้อยกว่าแต่ไม่ปฎิเสธเงินของเขาอย่างแน่นอน เรือตั้ง6ลำเป็นเงินไม่น้อยเลยนะครับ
แต่ถ้า ESSM Block 2เกิดแล้ว อันนี้ผมว่าอเมริกาจะขายให้เราก่อนนะครับโดยยังไม่ขายกับมาเลย์ เพราะอเมริกายังไม่อยากขายSM-2ให้เรายังไงหละครับ 555
ESSM Block 2 ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไรมาก ที่ออกมาหลักๆก็คือการใส่ dual-mode seeker เข้าไป อารมณ์คงเหมือนเปลี่ยนCPUในมือถือมั้งครับเร็วขึ้นแรงขึ้นแต่ซดแบตเตอรี่มากขึ้นตามด้วย เพียงแต่ผมคิดเอาเองว่าระยะยิงน่าจะเพิ่มขึ้นมาบ้างจาก50กม.ไปเป็น60-70กม.อะไรประมาณนี้
The ESSM Block II is an upgraded variant incorporating a new dual-mode seeker and enabled for an expanded flight enveloped achieving higher maneuverability. The ESSM Block II being developed by Raytheon will be required for initial operating capability by 2020.
ภาพล่างเป็นการซ่้อมยิงโดรนให้โดนนะครับ แต่อาวุธที่ยิงซัดน้ำกระจายเป็นแถวซะงั้น ESSM Block 2 จะมีประสิทธิภาพในการจัดการจรวดเรี่ยพื้นได้ดีมากขึ้นโดยเฉพาะจรวดซูเปอร์โซนิคความเร็วสุง ก็มีอยู่ไม่กี่แบบหรอกครับที่จะโหดขนาดนั้นได้ จรวดรุ่นใหม่จะทำให้อเมริกาและเพื่อนสนิทของเขาป้องกันตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ถึงขนาดASTERแต่ก็ห่างกันน้อยลงในราคาประหยัดกว่าพอสมควร
ถ้า ESSM block 2 เพิ่มขีดความสามารถในการยิงได้ไกลกว่า 50 kmเร็วกว่า 4.5 มัค และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเรด้าห์กับหัวรบ ก็ OK อยู่นะครับ
รู้สึกมันจะถูก mod มาเพื่อรับมือกับ ต่งเฟิง DF-21D ของจีนโดยตรงเลยครับ ถ้า ESSM blockII สามารถรับมือกับ จรวดต่งเฟิงได้มันก็สามารถรับมือกับ brahmos ได้สบายๆเลยครับ
ว้าวๆ ESSM block II ท่าทางจะแจ่มมากๆ เลยนะครับ ปรับปรุงใหม่หลายจุดเลย ทั้งระบบนำวิถีช่วงสุดท้ายแบบ Active Radar , ระบบค้นหาเป้าหมายแบบ Dual Seekers (แต่ไม่รู้ว่าอีกระบบจะเป็นอะไร คงจะ IR) และเพิ่มระยะยิงขึ้นไปอีก
" Block 2’s active seeker will support terminal engagement without the launch ship’s target illumination radars. Between the semi-active capabilities that Block 1 brings and the active capabilities that Block 2 will bring the Consortium’s warfighters will have the best of both worlds when it comes to ship self defense."
ขอบคุณครับท่าน Obe_one
ปล. แต่มันเจ๋งขนาดนี้ราคามันจะขนาดไหน แล้วแบบนี้พี่กันแกจะยอมขายให้เราไหมนะ
รูปเรือในเวปมติชนใช่หรือเปล่าครับ
ไม่ใช่
ลำนี้คือ Holland Class OPV ต่อโดยอู่DAMENของเนเธอร์แลนด์เค้า
ขอบคุณครับสงสัยอยู่ดูมันเล็กกว่าราคาจัง
มีแต่ภาพไม่มีข่าว ผมใส่ให้แล้วกันนะครับ เนื้อหาคล้ายๆของคุณวาสนาที่เคยโพสแต่ส่งมอบปี2561มันนานไปหน่อยไหมเนี่ย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375160667&grpid=&catid=01&subcatid=0100
"ปู"ดันครม.ไฟเขียวงบทร.1หมื่นล. ช็อปเรือฟริเกตประเดิม"กห." "เสธ.ทัพเรือ"ยันซื้อโปร่งใส
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 กรกฎาคม กระทรวงกลาโหมจะเสนอให้ ครม.อนุมัติงบประมาณผูกพันจำนวน 5 ปี (2557-2561) โครงการจัดซื้อเรือฟริเกต สมรรถนะสูงจำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.46 หมื่นล้านบาท ที่ต่อเรือจากอู่บริษัท แดวู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายทหารระดับสูงจากกองทัพเรือ (ทร.) พร้อมด้วย สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ เจ้าหน้าที่กรมยุทธการทหารเรือ ได้เข้าพบ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำข้อมูลในโครงการจัดซื้อเรือฟริเกตมารายงาน ซึ่งเรื่องทั้งหมดได้ถึงมือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ได้เซ็นเรื่องเพื่อบรรจุวาระเข้า ครม.แล้ว
"การรายงานโครงการเรือฟริเกตต่อ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เป็นไปตามขั้นตอนก่อนที่จะถูกนำเสนอใน ครม. โดยทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ได้สอบถามบริษัทที่ต่อเรือฟริเกตเป็นอย่างไรบ้าง ระบบอาวุธที่มากับเรือฟริเกตมีประสิทธิภาพอย่างไร และมีความทันสมัยหรือไม่ โดยทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์จะนำข้อมูลทั้งหมดเข้าชี้แจง ครม.แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนสาเหตุที่ขั้นตอนโครงการล่าช้าเพราะมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณเพื่อให้สอดคล้อง โดยใช้งบประมาณการจัดซื้อเรือฟริเกต 1.46 หมื่นล้านบาท ซึ่งงบประมาณนี้ได้รวมการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติงานภายในเรือฟริเกต พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ ทร. อย่างไรก็ตาม บริษัทต่อเรือฟริเกตจะส่งมอบให้ ทร.ภายในต้นปี 2561" แหล่งข่าว ทร.กล่าว
พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาและคัดเลือก เปิดเผยว่า เรือฟริเกตสมรรถนะสูงของ ทร.ลำใหม่นี้ จะเป็นรุ่นที่พัฒนาปรับปรุงมาจากเรือ KDX-1 ที่ประจำการใน ทร.เกาหลีใต้ ซึ่งอู่แดวูของเกาหลีจะเป็นผู้ต่อให้ โดยใช้เวลาต่อหลังจากทำสัญญาจำนวน 1,800 วัน ให้เป็นไปตามที่ ทร.ต้องการ ที่ ทร.รับรองว่าทันสมัยเพราะใช้ Stealth Technology ทั้งตัวเรือและระบบต่างๆ ไม่ขี้เหร่แน่นอน ออกมาต้องร้องเจ๋งสุดยอดเลยทีเดียว เพราะเน้นการถูกตรวจจับโดยฝ่ายตรงข้าม ทั้งลดการแผ่รังสีความร้อน ลดการสะท้อนของเรดาร์ ลดเสียง ลดการถูกตรวจจับ อย่างไรก็ตาม เรื่องเรือฟริเกตนี่ต้องใช้เวลา เพราะชิ้นส่วน อุปกรณ์ ระบบต่างๆ ที่จะมาติดตั้งกับเรือมีเป็นพันรายการ จึงต้องมีการพิจารณาคัดเลือกอย่างละเอียด เพื่อให้ ทร.ได้เรือฟริเกต ที่ทั้งเก่งและดี มีสมรรถนะสูงในการรบ 3 มิติ" เสนาธิการทหารเรือกล่าว
พล.ร.อ.จักรชัยกล่าวว่า เหตุผลที่คณะกรรมการต้องกำหนดคุณสมบัติที่ต้องการในส่วนของระบบ ส่งกำลังบำรุง Logistic อะไหล่นั้น เพราะต้องเลือกที่ ทร.เราเคยใช้ ทหารเรือเราซ่อมบำรุงมาแล้ว และมั่นใจ รวมทั้งระบบอำนวยการรบ และระบบอาวุธ ระบบไฟฟ้า ระบบเดินเรือ และเรดาร์ เพราะระบบแบบนี้ต้องมีการกำหนดให้ชัดเจน โดยเฉพาะเป็นเหตุผลด้านยุทธการที่ ทร.จะต้องปฏิบัติการรบร่วมกับกองทัพอากาศ มีการเชื่อมโยงระบบการรบของเรือรบ ทร.กับเครื่องบินของ ทอ. ทั้ง Link E, Link RTN โดยเฉพาะการเชื่อมโยง รล.ฟริเกต ชุดตากสิน-นเรศวร และ รล.จักรีนฤเบศร กับ Link G, เครื่องบิน Gripen เครื่องบินรบ Generation 4.5 ที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพอากาศ เนื่องจากการรบในสมัยใหม่จะต้องเป็นการรบร่วมมากกว่า 1 เหล่าทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ระบบ Network Centric Warfare
"ผมขอยืนยันในความโปร่งใสของคณะกรรมการ และเป็นไปตามความต้องการของ ทร. และตามงบประมาณที่เราได้รับ ขอให้มั่นใจว่าเราจะหาเรือที่ดีที่สุด เหมาะสมกับ ทร.ในอนาคตมาประจำการ เราจะไม่ทำอะไรให้กำลังพล ทหารเรือรุ่นหลัง คนใช้เรือมาตำหนิหรือว่าพวกเราได้แน่นอน เรือฟริเกตลำนี้จะเป็นเรือพิฆาต เรือที่เก่งในการรบ 3 มิติ ที่เราจะเน้นการปราบเรือดำน้ำ เพราะเราไม่มีเรือดำน้ำ แต่รอบบ้าน มีเรือดำน้ำหมด และเป็นภัยคุกคามสำคัญในเวลานี้ แต่บางเรื่องบางอย่างได้โปรดเข้าใจ ทร.ด้วยว่าเราเปิดเผยหมดไม่ได้ เพราะเป็นความลับด้านกำลังรบ และการยุทธการ แต่ ทร.มีแผนที่จะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เมื่อ ครม.ได้อนุมัติผูกพันงบประมาณแล้ว เราพร้อมตอบทุกคำถาม" พล.ร.อ.จักรชัยระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการเรือฟริเกตวงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นที่สนใจของสังคมตลอด ภายหลังโครงการเรือดำน้ำมือสองเยอรมนีแบบ U-206 A จำนวน 6 ลำ มูลค่า 7.6 พันล้านบาท ที่ถูก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกเลิกโครงการดังกล่าวไปเมื่อช่วงต้นปี 2555
รูปของคุณวาสนาฟริเกตตัวใหม่ของไทย
แต่วันนี้นายกไม่อยู่นะครับ มันยังไงกันหละเนี่ย ไม่ต้องทำงานกันหละวันนี้เจอข่าวนี้เข้าไปจุกเลย ภาพเรือยังไม่ขอวิจารณ์เพราะมุมนี้เห็นไม่ชัด แต่เอาฟาลังซ์ไปติดหน้าสะพานเดินเรือมุมยิงมันแคบไปหน่อยไหม(RAMของผมไปเสียแล้ว) แล้วไอ้ลูกกลมๆด้านท้ายเรือตรงที่ควรติดCIWSมันคืออะไรหว่า นับท่อVLSกันได้เท่าไหร่ครับ8หรือ16
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375156143&grpid=&catid=01&subcatid=0100
ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งติดภารกิจเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดา ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-2 สิงหาคม
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะเสนอให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ผ่าน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เพื่อเตรียมใช้ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาฯ ในวันที่ 1 ส.ค. เข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันนี้หรือไม่
เฮ้ย แบบเรือลำนี้ จริงๆนะหรือ ไม่น่าจะใช่แต่อาจจะมีเค้าโครง
เพราะดูแล้วขนาดเรือตามรูปแล้วไม่น่าจะถึง 3,800 ตันและโดยเฉพาะ Vls Mk.41 = 8 cell เนี่ยนะ ปืนใหญ่หลัก Mk.45 ???
ผมคิดว่าน่าจะเป็นต้นแบบเรือที่ทาง DW เคยออกแบบเอาไว้มานานแล้วมากกว่าแล้วมานำเสนอให้ mod เข้ากับเรือ KDX-1 ครับ
แต่น่าจะมีการขยาย สเกลส์เรือออกมาอีก
***เจ้เค้ามีแค่รูปเดียวเองหรือครับ***
จากการวิเคราะห์ภาพ
CODAD
2x Ceros 200 -----------ฟันธง
1x EOS 500 -----------ฟันธง
1x Sea Giraffe AMB ในโดม -----------ฟันธง
1x 3D Long Range Radar(SPS-48 /Lanza /RAN-40L)
1X76mm OTO อาจจะมีระบบSTRALE -----------ฟันธง
2xDS-30เจ้าเก่า -----------ฟันธง
8X VLS (16x อย่างมาก )
8-12x Hyunmoo ???????
1x SeaRAM/Phalanx -------ยังไม่ชัดเจน
Variable Depth Sonar ต้องดูอีกมุม
1xฮ. (หวังว่าจะเป็นSea Hawk)
Terma SKWS Decoy 4xDL-12T 2xMk137
SATCOM ลูกเบ้อเริ่ม!!!
อือ เหนือกว่า รล.ฟริเกต ชุดตากสิน-นเรศวร จริงด้วย
ในด้าน
- รูปทรงสวยงามและที่แน่ๆ ใม่ใช่ KDX อย่างที่เคยเป็นข่าวออกมา
- ปืน 5 นิ้ว รุ่นไหนหว่า
- กรวยจราจร ยัดไส้ยีราฟแน่นอน + ceros 200 และไม่น่ายิง SM2 ได้ แต่ก็พอแถได้ว่า ESSM เป็นอาวุธระยะกลาง
- มี Phalanx มาด้วย แถมอยู่ข้างหน้า ถ้าเลือก Block1B มานี่เอามายิงเรือ ยิงปลาแทน DS30 ได้เลย
- DS30 2 กระบอกเหนือโรงเก็บ ฮ.
- มีโซนาลากท้าย (มั้ง)
- VLS น่าจะ 8-16 cell และขยายเพิ่มไม่ได้
- SSM 12 ท่อ เยอะไปไหน
- Satcom ที่น่าจะใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในกองทัพเรือ ดูทีวีดาวเทียมน่าจะชัดดี
เหนือกว่าเรือเก่าเราอันนี้ไม่แย้งครับ
แต่ ทร. แน่ใจเหรอว่าเหนือกว่าเรือใหม่ของมาเล ผมมองว่าเหนือกว่าแค่ปืนใหญ่หน้าเรือ กับมี long range radar เข้ามาช่วย
เห็นคนแถวนี้เค้าชอบสวยๆกัน ทร.เลยจัดให้
แต่พอดีงบลงเครื่องสำอางค์เยอะ เลยเหลือไม่พอซื้ออาวุธ
...........เราเตือนคุณแล้ว ........สวยแต่รูปจูบไม่หอม
ผมพยายามดูให้เป็นSEARAM แต่พอเปรียบเทียบกับภาพแล้วมันไม่คือเท่าไหร่เลยถึงมองจากด้านหลังก็น่าจะมีท่อสีเหลี่ยมโผล่ออกมาบ้างสิ(ของดีๆจากเราไปอีกแล้ว) เรดาร์ท้ายเรือหวังว่าจะเป็นRAN-40Lจากสเปนนะครับ SSMน่าจะ8นะแต่เหล็กยึดท่อมันหลอกสายตาเรามากกว่า(RBS-15 MK3 ของผมไปอีกแล้ว เชียร์ตัวไหนหลุดหมดเลยตรู) SAMไม่ต้องคิดมากโบกมือลาSM-2และรอคอยESSM Block2ในอีก10ปีข้างหน้าแล้วกัน
อ่านข่าวจากบางกอกโพสต์ครับเหมือนกันแหละ
http://www.bangkokpost.com/news/local/362158/navy-awaits-cabinet-nod-for-new-frigate
The cabinet is on Tuesday expected to approve the navy's plan to procure a new frigate worth 14.6 billion baht from South Korea, a navy source said.
Prime Minister and Defence Minister Yingluck Shinawatra reportedly backs the plan and met navy commander Adm Surasak Rounroengrom last Friday to discuss it, the source said.
Under the proposal, the navy will contract Daewoo Shipbuilding and Marine Engineering to build the frigate that will include stealth technology.
The frigate will be completed within 1,800 days after the signing of the contract, the source said.
The scheme is part of the navy's plan to procure two new frigates with a budget of 30 billion baht to replace HTMS Phutthayotfa Chulalok and HTMS Phutthaloetla Naphalai, which will be decommissioned in 2015 and 2017, respectively.
The cabinet approved in principle the navy's plan to buy the frigates late last year.