หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


Japan Self Defense Forces

โดยคุณ : Axis เมื่อวันที่ : 24/06/2013 17:26:03

เชิญชมครับ....

 


 






ความคิดเห็นที่ 1


ควรเอาคำว่า *self* ออก

 

ที่จริง อยากให้สหรัฐเลิกยุ่ง เลิกสนับสนุน เลิกเป็นพี่เลี้ยงให้ยุ่น

 

แล้วปล่อยให้ จีน กับ ยุ่น สางความแค้นที่สะสมมานับร้อยปีให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ..(เอาแบบตัวต่อตัว สหรัฐ รัสเซีย เกาหลี และ ประเทศอื่นๆ นั่งดูเฉยๆ)

 

มันควรมีจุดปลดปล่อย ไม่ควรเก็บอั้นไว้ ยิ่งนานยิ่งเสียสุขภาพ..

 

ไปรุกรานปล้นฆ่าเผาแล้ว ไม่รับผิด ไม่ขอโทษ แถมยังเย้ยยยยย จะไม่ให้แค้นได้อย่างไร

โดยคุณ odd เมื่อวันที่ 18/06/2013 08:35:41


ความคิดเห็นที่ 2


ไม่ดีมั๊งครับ

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 18/06/2013 09:17:06


ความคิดเห็นที่ 3


มันควรมีจุดปลดปล่อย ไม่ควรเก็บอั้นไว้ ยิ่งนานยิ่งเสียสุขภาพ..

ด้วยความเคารพครับ ถ้าเขาทำสงครามรบกันแล้ว สุขภาพจะดีขึ้นเหรอครับ

โดยคุณ Robotic เมื่อวันที่ 18/06/2013 09:23:24


ความคิดเห็นที่ 4


จีน กับ  ญี่ปุ่น คงไม่ทำสงครามกันแล้วละครับ มีแต่พวกคลั่งชาติไม่กี่คนที่ออกมาประท้วงออกทีวี

อย่างเมื่อไม่กี่เดือนก่อน จีนคลั่งชาติไม่กี่คนออกมาประท้วงญี่ปุ่น เกี่ยวกับเรื่องหมู่เกาะที่ต่างก็อ้างสิทธิ์

ประท้วงไม่กี่วัน ก็โดนกดดันจากพวกพนักงานบริษัท โตโยต้า ฮอนด้า และ โรงงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ

ของญี่ปุ่น ที่ไปลงทุนอย่างมหาศาลในประเทศจีน พวกพนักงานพวกนี้มีเป็นแสนคน เค้ากลัวตกงานครับ

รัฐบาลจีนก็กลัวสูญเสียรายได้มหาศาลเหมือนกัน  และแล้วเรื่องก็จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง

จีน กับ ญี่ปุ่น เค้าห่วงเรื่องเศรษกิจมากกว่า จีนไม่กลัวสงครามในรูปแบบหรอก แต่ จีนกลัวสงครามทางเศรษฐกิจ

มากกว่า  โดนโจมตีเงินหยวนแต่ละทีจีนต้องเอาเงินอุดกันวุ่นวาย หากเศรษฐกิจพัง ทุกอย่างก็พัง

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 18/06/2013 09:25:42


ความคิดเห็นที่ 5


ขอบคุณท่าน Axis ที่นำภาพสวยๆมาฝากนะครับ 

เอามาฝากให้ชมอีกอันนะครับ

โดยคุณ pauen268 เมื่อวันที่ 18/06/2013 10:41:12


ความคิดเห็นที่ 6


ฝากถึงคุณ odd

ขนาดระหว่างเกาหลีเหนือ+ใต้ จีนยังไม่เล่นด้วยเลย แล้วกับญี่ปุ่นจีนจะกล้าเหรอ

ทุกวันนี้โดนสหรัฐบีบจากทุกทิศทุกทาง เท่านี้จีนก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว

 

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 18/06/2013 11:16:15


ความคิดเห็นที่ 7


คนที่บอกว่า สงครามระหว่าง จีน ยุ่น ไม่เกิด หรอก...

ถามว่า แล้วทำไม ยุ่น ถึงขยันซื้ออาวุธ สร้างอาวุธ และ ฝึกซ้อมรบกับสหรัฐถี่ยิบเลย..

ถ้าไม่เตรียมทำสงคราม สร้างไปทำไม ซื้อทำไม ซ้อมรบไปทำไม ให้เปลืองตังเล่นหรือไง

ยุ่นกลัวจีนมาก ไม่อยากให้จีนพัฒนาเกินตน เพราะจากสิ่งที่เคยทำกับจีนในอดีต  (เออ แล้วไมทำไม ไม่ขอโทษ และ ชดใช้เขาล่ะ แบบเยอรมันไง ถ้าแสดงความจริงใจรับผิดชอบ เขาให้อภัยแน่)

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

สดๆ ร้อนๆ คนยุ่นคลั่งสงคราม แต่งตัวเลียนแบบทหารยุครุกรานเพื่อนบ้าน ไล่ทุบตีคนเกาหลีกลางกรุงโตเกียว

http://slide.mil.news.sina.com.cn/slide_8_260_24248.html#p=3

--------------------------------------------------

 

โดยคุณ odd เมื่อวันที่ 18/06/2013 11:42:24


ความคิดเห็นที่ 8


japan might create island assault unit


ญี่ปุ่นเตรียมจัดตั้งกองพลนาวิกโยธิน ??? (ใช้นาวิกฯสหรัฐเป็นแม่แบบ) ถ้าทำจริง จีน เกาหลีใต้ ประท้วงหนักแน่

http://stardefense.blogspot.com/2013/06/japan-might-create-island-assault-unit.html


โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 18/06/2013 12:11:58


ความคิดเห็นที่ 9


เฮ้อ...ที่ญี่ปุ่นเค้าจัดตั้งหน่วย marine (นย) ก็เพราะประเทศเขาก็มีเกาะอยู่ในการดูแลเยอะพอสมควร หากเกิดจีนส่งทหารเข้าไปยึดเกาะแล้วญี่ปุ่นไม่มีหน่วยดังกล่าวรองรับแล้วจะยึดเกาะคืนยังไง

แล้วไอ้เรื่องของความกลัวหรือระแวงจีนอย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลยครับทุกประเทศในระแวกเอเชียก็ทั้งหมดนั้นแหละครับ อเมริกา,ไต้หวัน,ออสเตรเลีย,อินเดีย,อาเซียน,ไม่อย่างนั้นจะพากันจัดซื้อจัดหาอาวุธเพิ่มรึ

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 18/06/2013 12:36:10


ความคิดเห็นที่ 10


การจัดตั้งกองพลนาวิกฯ มันมองได้หลายทางครับ กำลังพลเชิงรุก ก็เป็นอีกมุมมองนึง ที่เพื่อนบ้านจะใช้เป็นข้ออ้างในการประท้วง

ซึ่งนั่นมันผิดรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นเองด้วย คำถามคือ ญี่ปุ่นจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างกองทัพแล้วเหรอครับ

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 18/06/2013 13:51:58


ความคิดเห็นที่ 11


นี้เป็นแค่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นนะครับ ถ้ามีการแก้กฎหมายตั้งกองทัพขึ้นมามันจะขนาดไหนเนี้ย

ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

http://www.pantown.com/board.php?id=70910&area=&name=board2&topic=10&action=view

โดยคุณ iceclub เมื่อวันที่ 18/06/2013 15:21:14


ความคิดเห็นที่ 12


@odd

ญี่ปุ่นเขาออกมาขอโทษตั้งนานแล้วครับ ลองไปค้นข่าวเก่าๆดูสิครับ เพียงแต่การขอโทษ กับการ เคารพบรรพบุรุษ ผมว่ามันต้องแยกกันให้ออก การศึกษาประวัติศาสตร์มันก็ดี เพียงแต่ควรให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่อ่านจากหนังสือเพียงเล่มเดียว แล้วขาดการศึกษาต่อ เยาวชนรุ่นหลังที่มาอ่านข้อความต่อจากการพิมพ์ก็จะได้รับข้อมูลข่าวสารผิดๆ ต่อไป

โดยคุณ thetonkrub เมื่อวันที่ 18/06/2013 17:45:16


ความคิดเห็นที่ 13


ญี่ปุ่นก็มีความพยายามที่แก้ไขกฎหมายเหมือนกันครับ แต่ถูกต่อต้านจากคนญี่ปุ่นเอง รวมถึงสหรัฐที่ไม่อยากให้ญี่ปุ่นผลิตอาวุธส่งออกเพราะจะเป็นคู่แข่งด้านอาวุธที่น่ากลัวกว่ารัสเซียอีกหรือ EU แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ญึ่ปุ่นจะแก้กฎหมายและสหรัฐยินยอมจะให้ญี่ปุ่นขยายกองทัพเพิ่มเติม เรือดำน้ำของญี่ปุ่นก็มีการต่อเพิ่มขึ้น

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 18/06/2013 17:47:29


ความคิดเห็นที่ 14


คุณ thetonkrub ครับ

ญี่ปุ่นยังไม่เคยขอโทษอย่างเป็นทางการเลยนะ  เคยพูดแต่ว่า แสดงความเสียใจ และ ทุกครั้งเหมือนเป็นการถูกกดดันให้พูด ไม่ได้พูดด้วยความสมัครใจและจริงใจ

 

ถ้าไม่มีการสำนึกผิด คงไม่มีทางขอโทษจากใจจริง และ การกระทำต่างๆ จะบ่งบอกว่า ประเทศนี้ มีความสำนึกผิดต่อการกระทำที่ผ่านมาหรือไม่

เช่น บิดเบือนประวัติศาสตร์ ไม่ยอมบอกความจริงชนรุ่นหลัง สร้างอนุสรสถานแก่อาชญากรสงครามเยี่ยงวีระบุรุษ และ ช่วงหลังๆ ยังออกมาพูดว่า สิ่งที่ นายก ญี่ปุ่นคนก่อนๆแสดงความเสียใจต่อเหตุการรุกรานเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ หญิงที่เป็นทาสบำเรอกามทหารญี่ปุ่นช่วงสงคราม เป็นหญิงขายตัว สมัตรใจมาเอง ฯลฯ..

ลองดูตัวอย่างประเเทศเยอรมัน.....

ทุกวันนี้ ประเทศเยอรมันยังตามชดใช้่ค่าเสี่ยหายแก่เหยื่อของการถูกกระทำจากเยอรมันในอดีต..ล่าสุด(ไม่กี่วันมานี้) ประเทศเยอรมันตกลงให้เงินอีกนับพันล้านยูโรแก่กลุ่มชาวยิว (จำไม่ได้ว่า ชดใช้เรื่องอะไร)...สิ่งเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น

โดยคุณ odd เมื่อวันที่ 18/06/2013 18:13:31


ความคิดเห็นที่ 15


ถ้าปล่อยให้รบกันไม่น่าจะดี เพราะผลประโยชน์ของอเมริกันขึ้นอยู่กับการค้า 

ที่ให้ญี่ปุ่นสะสมอาวุธได้ระดับหนึ่งเรียกว่ากองกำลังป้องกันตนเอง ก็เพื่อแบ่งเบาภาระของอเมริกาในการป้องกันภัยจากจีน+รัสเซียสมัยก่อน

แต่เขาจะไม่ให้กองทัพป้องกันตนเองนี้ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งจนเกินไป จนควบคุมไม่ได้ 

หลักการของการแบ่งแยกและปกครองก็คือไม่ให้หน่วยใดหน่วยหนึ่งแข็งแรงจนกลืนกินอีกหน่วยเข้าไปเพราะจะทำให้แข็งแกร่งเกินไป 

 

โดยคุณ zakuIII เมื่อวันที่ 18/06/2013 18:33:38


ความคิดเห็นที่ 16


 
 
     ประทานโทษนะครับ รัฐธรรมข้อไหนของญี่ปุ่นที่ห้ามไม่ให้กองกำลังป้องกันตนเองมีหน่วย นาวิกฯ หรือครับ
     ว่างๆก็ช่วย search ข้อมูลที่ว่าเอามาพิสูจน์ให้ดูหน่วยก็ดีนะครับ
     แล้วที่สำคัญกองทัพเรือญี่ปุ่นมีเรือในประจำการทั้งเรือสงครามสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ชั้น Osumi LST 4001 Osumi,LST 4002 Shimokita และ LST 4003 Kunisaki มีระวางขับน้ำสูงสุด 14,000 ตัน  เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ (LSU) ชั้น Yura 2 ลำ เรือยกพลขึ้นบกขนาดกลาง (LCU) ชั้น I-Go 2 ลำ
เรือระบายพล (LCM) มีเพียง 2 ชั้นเรือ รวม 12 ลำ
LCM ชั้น YF
LCM ชั้น YF 2150
***จริงๆแล้วญี่ปุ่นมีหน่วย นาวิกฯ มาตั้งนานแล้วครับน่าจะสังกัดอยู่ในหน่วยงานระดับกรม (เหมือนๆ นย.ในไทยเรา)คือไม่ใหญ่มาก ยังไม่ได้ยกระดับขึ้นเป็นกองทัพกองพลนาวิกฯ เหมือนกับสหรัฐ ไม่อย่างนั้นจะมีเรือพวกนี้เอาไว้ทำไมกันครับ
      
      นอกจากนั้นแล้วญี่ปุ่นได้มีการเริ่มดำเนินการแก้กฎหมายเพื่อผลิตและซื้อขายอาวุธมาตั้งนานแล้วด้วยตั้งแต่ปี1983 แล้วครับแต่ยังไม่ได้ผลิตขายแบบจริงๆจังๆเท่านั้นเพราะเกรงใจสหรัฐ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีกันระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐเท่านั้นhttp://www.mofa.go.jp/policy/un/disarmament/policy/index.html
โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 18/06/2013 23:25:34


ความคิดเห็นที่ 17


ถ้ากฎหมายเกี่ยวกับการที่กองทัพห้ามมีกำลังเชิงรุก ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น คือ มาตรา 9 ครับ

The full text of the article in Japanese:

The official English translation of the article reads:

ARTICLE 9. Aspiring sincerely to an international peace based on justice and order, the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. (2) To accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea, and air forces, as well as other war potential, will never be maintained. The right of belligerency of the state will not be recognized.

“ รัฐสละสิทธิอธิปไตยในสงครามและห้ามการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศผ่านการใช้ กำลัง กองกำลังเชิงรุก

  มาตรานี้ยังแถลงว่า เพื่อบรรลุเป้าประสงค์เหล่านี้ จะไม่มีการธำรงกองทัพที่มีศักย์สงคราม แม้ญี่ปุ่นยังธำรงกองทัพโดยพฤตินัย“

 

http://en.wikipedia.org/wiki/Article_9_of_the_Japanese_Constitution

ซึ่งตรงนี้ ญี่ปุ่น จะใช้การแก้ไขกฎหมาย หรือการเลี่ยงบาลีในการจัดตั้งกองกำลัง ซึ่งต้องดูความชัดเจนต่อไป

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 19/06/2013 10:07:03


ความคิดเห็นที่ 18


เห็นข่าวล่าสุด เหมือนจะพยายามจัดหา V22 ไปประจำการด้วยนี่ครับ

เป็นรายที่ 3 ต่อจาก พี่กัน และ พี่ยิว

ผิดถูกยังไงแก้ให้ด้วยนะครับ

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 19/06/2013 11:13:36


ความคิดเห็นที่ 19


อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้ผมนึกสงสัย....เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ที่นำมาบังคับใช้กับประเทศที่เป็นผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่2

เพราะตามความเข้าใจของผม..ประเทศที่เป็นผู้แพ้สงครามโลกเท่าที่เห็นหลักๆน่าจะมี 3 ประเทศ คือ

เยอรมัน , อิตาลี และ ญี่ปุ่น

แต่ทำไมมีเพียงญี่ปุ่นประเทศเดียวที่ต้องมีกฎหมายบังคับไม่ให้มีกองทัพเต็มรูปแบบ..แต่ให้มีเพียงกองกำลังป้องกันตัวเอง...

( จะว่าไปถึงจะเรียกว่ากองกำลังป้องกันตัวเอง...แต่ผมว่ามันก็ใหญ่กว่ากองทัพของบางประเทศซะอีก)

แถมยังห้ามผลิต และ ส่งออกอาวุธ

ในขณะเดียวกันทางเยอรมัน และ อิตาลีก็เป็นประเทศผู้แพ้สงครามเมืองกัน...แต่ปัจจุบันกลับมีการจัดตั้งกองทัพของ

ประเทศตนได้ตามปกติ ทั้งบก , เรือ , อากาศ

แถมประเทศเยอรมัน และ อิตาลี กลับมีการผลิตและส่งออกอาวุธมากมายทั่วโลก...แต่ประเทศญี่ปุ่นกลับไม่สามารถทำได้

ทั้งๆที่ทั้ง 3 ประเทศนี้ก็เป็นผู้แพ้ในสงครามโลกเหมือนกัน...แต่ทำไมมีข้อบังคับไม่เหมือนกัน

 

อันนี้ถามตามความเข้าใจของผมนะครับ..ผิดถูกประการใดรบกวนผู้ที่ทราบรายละเอียดลึกๆช่วยให้ความอธิบายหน่อยครับ

 

 

โดยคุณ A_hatyai เมื่อวันที่ 19/06/2013 11:27:41


ความคิดเห็นที่ 20


ผมว่ากองทัพญี่ปุ่นเค้าทำอะไรสหรัฐย่อมหลิ่วตาให้เสมอแหละครับ

โดยคุณ Woot1980 เมื่อวันที่ 19/06/2013 16:42:48


ความคิดเห็นที่ 21



โธ่ๆๆๆๆๆ

คุณ miggers แล้วมันมีข้อความตรงไหนที่มันระบุคำว่า
" DON T HAVE THE MARINES ARMY " ครับถ้าอย่างนั้นการมีกองกำลังหน่วยนาวิกโยธินในไทยเราก็เป็นการสร้างกองกำลังเพื่อการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านนะสิครับ ข้อความในรัฐธรรมมันระบุถึงทั้งรูปแบบในเรื่องของการคุกคามทางทหารทั้งสามรูปแบบนั้นทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศมันไม่ได้จำกัดความไปถึงการห้ามมิให้มีหน่วยนาวิกโยธินนะครับ

ขอตอบโจทย์คุณ hat_yai ครับ

ในกรณีที่ว่าทำไมกันเยอรมันกับอิตาลีเป็นประเทศที่แพ้สงครามเหมือนๆกันแต่ทำไมสามารถผลิตและขายอาวุธนอกประเทศได้ แล้วญี่ปุ่นกลับห้าม ซึ่งข้อเท็จจริงอันนี้มันไม่ได้ระบุนะครับว่าห้ามมิให้ประเทศที่แพ้สงครามโลกทำการผลิตอาวุธเพื่อการส่งออกหรือผลิตใช้เองในประเทศ แต่ในสนธิสัญญาระบุการจำกัดกองกำลังเพื่อการป้องกันตนเองเท่านั้นรวมไปถึงห้ามมิให้มีอาวุธทำลายสูงเพื่อการรุกราน คืออาวุธนิวเคลียร์ สังเกตกันมั้ยครับว่าประเทศดังกล่าวมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองหรือไม่

 

    เดียวจะขอสาธยายถึงข้อบังคับการมีกองกำลังเพื่อป้องกันตนเองของประเทศ เยอรมันหรืออิตาลีหรือญี่ปุ่นให้บรรดาท่านที่ยังไม่เข้าใจซักหน่อยก่อน

 

 “การมีกองกำลังเพื่อคงไว้เพื่อการป้องกันอธิปไตยของตนเองโดยห้ามมิให้ขยายหรือกระทำการใดที่มีเจตนาสะสมกองกำลังเพื่อใช้ในเชิงรุกหรือการรุกราน”

 

    1)ข้อความนี้มันตีความหมายว่ากองกำลังประเทศที่แพ้สงครามให้คงปริมาณหรือจำนวนกองทัพที่คิดว่าจะสามารถป้องกันภัยคุมคามในอาณาเขตของประเทศได้ดีที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น

กองทัพฝรั่งเศสมีทหาร 1,700,000 คน อังกฤษมีกองทหาร 1,500,000 คน ดังนั้นเยอรมันและอิตาลีอาจจะขอมีกองกำลังทหารเพื่อป้องกันตนเองจากการรุกรานจากฝ่ายอังกฤษและฝรั่งเศส
เยอรมันขอมีซัก 1,400,000 คน และ อิตาลีขอมีซัก 1,300,000 คนเมื่อถามว่าทั้งเยอรมันและอิตาลีมีความผิดไหมครับที่ขอมีกองทหารเยอะขนาดนี้

ตอบได้เลยว่า
ไม่ผิดครับ จะมีเยอะกว่านี้ก็ได้ถ้าทางฝ่ายกองทัพอังกฤษและกองทัพฝรั่งเศสมีการขยายหรือเพิ่มกองกำลังยิ่งๆขึ้นไปอีกแต่สัดส่วนของกองกำลังของทั้งเยอรมันและอิตาลีห้ามมีเกินทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสครับ มันไม่ได้หมายความว่าในตอนแรกเองมีกองทัพแค่ไหนในอนาคตเองต้องมีเท่านั้น และถ้าทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสมีการลดกำลังพลลง
ทั้งเยอรมันและอิตาลีก็ต้องปรับลดลงตามไปด้วยครับ      เข้าใจนะครับ  อย่างกรณีของญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกันสามารถขยายกองทัพตนเองเท่าไรก็ได้แต่สัดส่วนต้องไม่มากเกินไปกว่าประเทศสหรัฐและประเทศจีน แต่ในกรณีของญี่ปุ่นจะอยู่ในการควบคุมของสหรัฐมากกว่าเยอรมันและอิตาลี

    2) ข้อความนี้ระบุถึงทุกประเทศที่เป็นผู้แพ้สงครามในครั้งนั้นทั้งหมดครับไม่ยกเว้นประเทศใดประเทศประเทศหนึ่ง(แต่ไม่ได้ระบุว่าห้ามผลิตอาวุธใช้เองหรือเพื่อขาย)

แล้วการที่ประเทศญี่ปุ่นต้องมาตามแก้กฎหมายเพื่อให้สามารถทำการผลิตหรือซื้อขายอาวุธภายนอกราชอาณาจักรญี่ปุ่นได้ในภายหลังนั้นก็เพราะว่ารัฐบาลเฉพาะกาลของญี่ปุ่นในตอนนั้นดันกระแดะร่างกฎหมายห้ามดังกล่าวเข้าไปในรัฐธรรมนูญทั้งๆที่ประเทศอื่นๆที่เป็นฝ่ายอักษะเหมือนกันไม่ได้ทำแบบนั้น

    นี้เป็นการจัดอันดับขนาดของกองทัพเฉพาะกลุ่มประเทศใหญ่ในปัจจุบันนี้ที่เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้นไม่รวมถึงประเทศอื่นๆจำพวกอินเดีย
ปากีสถานและตุรกี

1)อเมริกา (มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

2)จีน (มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

3)รัสเซีย (มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

4)ฝรั่งเศส (มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

5)อังกฤษ (มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

6)เยอรมัน(ฝ่ายอักษะ) (ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

7)ญี่ปุ่น(ฝ่ายอักษะ) (ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

8)อิตาลี(ฝ่ายอักษะ) (ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

**** สังเกตุไหมครับว่ากลุ่มประเทศฝ่ายอักษะทั้งสามอยู่อยู่ในอันดับลองลงมาจากประเทศทั้ง5

(ปล.ขอถามหน่อยเถอะถ้าคุณเป็นผู้นำญี่ปุ่นคุณจะนั่งทำเป็นเด็กเอ๋อ มองดูประเทศจีนขยายขนาดกองทัพมากขึ้นเลยๆโดยที่คุณยังคงกองกำลังตนเองเอาไว้เท่าเดิมหรือครับ)

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 19/06/2013 18:15:14


ความคิดเห็นที่ 22


สงสัยเข้าใจกันคนล่ะประเด็นนะครับ

ในกรณีผม ไม่ได้ติดใจการตั้งกองกำลังนาวิกฯของญี่ปุ่นเพราะกองทัพจีนเพิ่มจำนวนและขีดความสามารถอย่างรวดเร็ว

เพียงแต่มันอาจขัดข้อกฎหมายของตัวเองในการจัดตั้งกองกำลังนาวิกฯ จริงอยู่ที่ตัวกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ว่าห้ามมีกองพลนาวิก แต่เค้าใช้คำว่า กองกำลังเชิงรุก

(หากบางฝ่ายโดนเฉพาะฝ่ายค้านของรัฐบาลญี่ปุ้่นเอง หรือประเทศเพื่อนบ้านที่ระแวง มองว่าเป็นกองกำลังเชิงรุก)

ที่ผมสงสัยคือการจัดตั้งนั้น จะนำมาซึ่งการแก้ไขตัวกฎหมาย หรือมาจากการเลี่ยงบาลี ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้ห้ามหรือไม่เห็นด้วยในการจัดตั้ง เคลียร์มั้ยครับ

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 19/06/2013 20:25:53


ความคิดเห็นที่ 23


โธ่ถัง..อุตสาสาธยายมาซะตั้งเยอะสุดท้ายคุณก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีตะแบงไปเรื่อย...งั้นต้องยกข้อมูลมาเพิ่มอีก

คือต่อให้รัฐบาลญี่ปุ่นแหกคอกหรือแหกกฎด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของตนเองในข้อที่ 9 ที่ว่าด้วยกฎข้อบังคับต่างๆ มันก็ไม่มีผลทำให้ญี่ปุ่นสามารถที่จะเพิ่มหรือขยายกองทัพและสะสมกองกำลังได้เพราะอย่าลืมว่ายังมีหนังสือข้อตกลงสนธิสัญญาที่ญี่ปุ่นลงนามขอยอมจำนนหรือยอมแพ้ต่อกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งแต่อยู่บนเรือรบ MISSURI แล้วครับ (ซึ่งข้อความในหนังสือฉบับนั้นผมไม่รู้ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง) แต่เชื่อว่าสหรัฐน่าจะรอบคอบพอที่จะไม่ไว้วางใจนักการเมืองญี่ปุ่นขนาดนั้นหรอกครับ เกิดวันดีคืนดีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเกิดอาการคลั้งชาติขึ้นมาแล้วผนึกกำลังกันช่วยกันผ่านการแก้กฎหมายข้อที่ 9 สหรัฐไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้ญี่ปุ่นสร้างกองทัพและสะสมทั้งอาวุธกองกำลังทหารเลยนะครับ

***หนังสือสนธิสัญญาในลักษณะดังกล่าวทางเยอรมันและอิตาลีเองก็ถูกบังคับให้ลงนามยอมรับเหมือนกันกับประเทศญี่ปุ่นครับ คล้ายๆกับสนธิสัญญาแวร์ซายด์ที่กองทัพเยอรมันถูกบังคับให้ลงนามยอมรับเงื่อนไขในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ต่อมาถูกกองทัพนาซีเยอรมันฉีกทิ้งเอาซะดื้อๆในภายหลังทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสได้แต่พากันประท้วงแค่นั้น เพราะสาเหตุว่าตอนนั้นสหรัฐยังไม่ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นตำรวจโลกเหมือนในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2 

      ตอนเนียะลองซิครับลองญี่ปุ่นแก้ไขรัฐธรรมนูญข้อที่ 9 และฉีกสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวทิ้งดูสิเชื่อถือว่าสหรัฐและอาจจะรวมไปถึงประเทศรัสเซีย+จีนและ2เกาหลีคงจะส่งกองเรือรบล้อมเกาะญี่ปุ่นแน่นอน

(ปล.ทีเนียะคุณนะเคลียร์แล้วเข้าใจรึยังและเลิกระแวงญี่ปุ่นได้รึยัง)

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 19/06/2013 23:26:17


ความคิดเห็นที่ 24


ตรงไหนเหรอครับ ที่ผมตะเบง 

 คุณให้ผมไปหาข้อกฎหมายมา ผมก็หามาให้ดู ผมก็แค่สงสัยว่าการจัดตั้งกองพลนาวิก มันอาจผิดข้อกฎหมายหรือไม่ ก็แค่นั้น

เพราะกองกำลังนาวิก มันอาจเข้าข่ายกองกำลังเชิงรุก

กลับขึ้นไปอ่านข้างบน คุณก็บอกเอง ต่อให้ญี่ปุ่นแหกกฎ แก้ไข ก้ไม่สามารถขยาย หรือเพิ่มกองทัพได้ เพราะยังมีสนธิสัญญาไรนั่นอยู่

นั่นคือที่มาของคำถาม ถ้าไม่แก้ไขกฎหมาย จะใช้วิธีเลี่ยงบาลีหรืออย่างไร 

โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 20/06/2013 01:11:26


ความคิดเห็นที่ 25


ตะแบงครับไม่ใช่ตะเบง

คือจะอธิบายง่ายๆและสั้นๆอีกรอบนะครับ

ถ้าเมื่อใดก็ตามที่กองทัพญี่ปุ่นยังสามารถขยายกองกำลังของตนเองได้ไม่มากเกินไปกว่าที่ทั้งจีนและสหรัฐมีอยู่ไม่ถือว่าญี่ปุ่นอยู่ในสถานะที่เป็นผู้รุกรานครับ(แต่ไม่ได้หมายความว่าญี่ปุ่นไม่มีสิทธิขยายหรือเพิ่มกองทัพเพื่อป้องกันตนเองนะครับ)เพราะการที่ญี่ปุ่นจะอยู่ในสถานะผู้รุกรานได้ก็คือต้องสะสมกองทัพมากจนเกินกว่าที่สหรัฐและจีนมีประจำการอยู่ครับ เช่น

 1)สหรัฐมีทหาร 100 คน จีนมี 80 คน กองกำลังที่ญี่ปุ่นจะสามารถมีอยู่ได้ที่ประมาณ 50-60 เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามญี่ปุนมีทหาร 150 คนนั้นจะถือว่าผิดเงือ่นไขกฏหมายรัฐธรรมนูญครับและสนธิสัญญาที่เคยลงนามเอาไว้

 2)ถ้าสหรัฐเพิ่มทหารขึ้น 150 คนจีนเพิ่มอีกเป็น 120 คน ดังนั้นญี่ปุ่นก็สามารถเพิ่มทหารได้อีกเป็น 80-90 คน เป็นไปตามสัดส่วนแต่ทีนี้ผมไม่รู้ว่าเงื่อนไขที่ทางญี่ปุ่นทำเอาไว้กับสหรัฐกำหนดเพดานเอาที่เท่าไรคิดเป็นเปอร์เซนต์หรือเปล่าไม่ใครในที่นี้รู้หรอกครับ แม้แต่รัฐธรรมก็ยังไม่ได้ระบุจำนวนหรือเพดานของกองกำลังทั้งสามเหล่าทัพของญี่ปุ่นว่าเท่าไร

 และกฎหมายก็ไม่ต้องแก้ครับเพราะความหมายของมันก็คือตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมานั้นแหละ แต่ที่เมื่อ10 หรือ15 ปีก่อนหน้านี้ที่ญี่ปุ่นคงทหารเอาไว้เท่าเดิม เพราะประเทศจีนในตอนนั้นยังไม่ได้ขยายกองทัพเอาจริงเอาจังเหมือนในปัจจุบันนี้ครับ เพราะทางญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้อยากจะเจียดงบประมาณลงกองทัพนักหรอกครับต้องการนำงบไปกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเองมากกว่า

***ความหมายของคำว่าขยายหรือเพิ่มมันจำกัดความในเรื่องการรุนราน มันไม่ได้ตีความหมายในการห้ามขยายหรือเพิ่มกองกำลังเพื่อการป้องกันตนเอง ครับ

จบใหมครับ คิดว่าน่าจะจบแล้วนะ

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 20/06/2013 01:51:32


ความคิดเห็นที่ 26


ตรงนี้ผมเห็นด้วย กับการเพิ่มกำลังพลของญี่ปุ่น ใจจริงอยากให้แก้ไขกฎหมายเสียด้วยซ้ำ

การที่กองกำลังป้องกันตนเองจะเพิ่มหรือจัดตั้งหน่วยนั้น มันมีผลมาจากรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น

ทำให้การจัดตั้งหน่วยต่างๆ หรือยุทธศาสตร์การเตรียมกำลังพล ไม่อาจทำได้โดยอิสระ

การเข้มแข็งของญี่ปุ่นจะช่วยสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งควรจะทำมาตั้งนานแล้ว



โดยคุณ MIGGERS เมื่อวันที่ 20/06/2013 09:53:46


ความคิดเห็นที่ 27


ร่วมแสดงความเห็นนะครับ

รัฐธรรมนูญญี่ปุ่นบัญญัติว่า

the Japanese people forever renounce war as a sovereign right of the nation and the threat or use of force as means of settling international disputes. (2) To accomplish the aim of the preceding paragraph, land, sea, and air forces, as well as other war potential, will never be maintained

“ประชาชนชาวญี่ปุ่น จะไม่ประกาศสงครามโดยอ้างอธิปไตยเหนือดินแดน และจะไม่บังคับ หรือใช้กำลังไปในทางที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ (2) ภายใต้บทบัญญัติของวรรคแรก การจัดตั้งกองกำลังทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมไปถึงกองกำลังอื่นใด ที่มีศักยภาพในการทำสงคราม จะไม่สามารถกระทำได้”

ผมอาจจะแปลผิด ถ้าอย่างไรโปรดแก้ไขให้ผมด้วย แต่หลักการผมว่า ผมเข้าใจไม่ผิด คือ รธณ. ญี่ปุ่น ไม่ได้บอกตรงๆว่า ญี่ปุ่น จะมี “กองทัพ” (หรือจะเรียกชื่ออะไรก็แล้วแต่) ได้ หรือไม่ได้ แต่ชาวญี่ปุ่น (ในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจที่ก่อให้เกิด รธณ นี้) ยอมรับโดยทั่วกันว่า จะไม่ก่อสงครามโดยอ้างว่าชาติตนอธิปไตยเหนือดินแดนชาติอื่นๆ หรือแม้แต่ใช้กำลังไปทำให้เกิด international disputes คือ ความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นอีก (ตลอดกาล) และเพื่อขยายความวรรคดังกล่าว จึงได้มี (2) สำทับลงไปอีกว่า กองทหารที่ประเทศนี้จะมีได้ต่อไปในอนาคตนั้น จะต้องไม่มี Power มากพอที่จะไปก่อสงครามกับชาติใดๆได้ ฉบับแปลภาษาอังกฤษใช้คำว่า “war potential”ไม่รู้ว่า ภาษาญี่ปุ่นใช้อำว่าอะไร แต่น่าจะสื่อความหมายทำนองนี้

เจ้า war potential ตรงนี้กระมังครับ ที่มีการขยายความเพิ่มเติมขึ้นว่า เมื่อวรรคแรกบอกจะไม่รุกรานใคร คำว่า war ตรงวรรคสอง จึงต้องหมายถึง war แบบที่ญี่ปุ่นจะไปรุกรานคนอื่นนั้น กติกาห้ามไว้ไม่ให้ญี่ปุ่นมีกองกำลังแบบนั้น เพราะฉะนั้น ในทางกลับกัน ถ้าเป็นกองกำลังที่มีความสามารถเพียงแค่การป้องกันดินแดนเท่านั้น อย่างนี้ ญี่ปุ่นสามารถมีได้

โอเค ทีนี้ ก็ต้องตีความต่ออีก แล้วการ “ป้องกันดินแดน” นี่ มีความหมายแค่ไหนหละ ตรงนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าในทางทฤษฎี มีการบัญญัตินิยามไว้ที่ไหนหรือไม่ แต่ถึงผมไม่รู้ ผมก็เชื่อว่ามีแหละ บ้านเรายังมี “วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร” เลย ถ้าไม่มีการนิยามว่าการป้องกันดินแดนคืออะไร แล้วเขาจะเรียนอะไรกัน

ที่นี้ ในกรณีของหน่วยนาวิกฯ ถ้าญี่ปุ่นเขาตีความว่า การป้องกันหมายความถึงการรักษาไว้ การรักษาไว้หมายรวมถึง การชิงเอาคืนมา ในกรณีที่ถูกชิงไปด้วย และเมื่อดินแดนญี่ปุ่นที่มีสภาพเป็นเกาะเล็กมั่งใหญ่มั่งนี้ หากเกิดกรณีที่ฝ่ายตรงข้าม เข้าทำการยึดครองเกาะของญี่ปุ่นไว้ กองกำลังญี่ปุ่น จะเอาดินแดนนั้นกลับคืนมาด้วยวิธีการใด ก็ต้องใช้ทหารพวกที่ชำนาญการรุกรบจากทะเลขึ้นสู่ฝั่ง ก็คือ นาวิกฯ นั่นเอง

เพราะฉะนั้น แค่การมีญี่ปุ่นมีหน่วยนาวิกฯ จึงยังไม่ชัดพอที่จะกล่าวหาว่า ญี่ปุ่นทำผิดกติกา คือ มีกำลังที่มีศักยภาพในการรุกรานแล้วได้ ยิ่งได้ความว่ามีไม่เยอะ เป็นหน่วยงานระดับเล็กๆเท่านั้นด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีน้ำหนักพอกล่าวหาเขาได้ครับ

ถ้ามองในแง่นี้ ผมคิดว่า ญี่ปุ่นไม่ได้เลี่ยงบาลีหรอกครับ

โดยคุณ Naris เมื่อวันที่ 20/06/2013 11:03:41


ความคิดเห็นที่ 28


ในความเห็นของผม สนธิสัญญา ไม่มีบทลงโทษครับ หากละเมิด มีเพียงแต่ บทแซงชั่นครับ เช่น คุณไม่ทำตามสนธิสัญญา ก็เลิกคบค้า คบหาสมาคมด้วย

ในส่วนการไม่มีกองทัพ มีแต่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น เกิดจากเจตนารมณ์ของคนในยุคนั้นหลัง WWII หรือคนญี่ปุ่นเองไม่ต้องการให้มีกองทัพ ซึ่งต้องอย่าลืมว่าญี่ปุ่นสูญเสียทหารในสงครามโลกไปมากกว่า 20 ล้านคน อะไรที่เป็นการสูญเสีย เจ็บปวด เค้าคงไม่คิดจะทำอีก ก็เลยออก รธน.บังคับไว้เลย เรื่องป้องกันประเทศของเค้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสหรัฐไป เพราะเป็นรัฐใต้ความควบคุมดูแลของสหรัฐในตอนนั้น เมื่อประเทศหลังสงครามยังยากจนอยู่ก็ไปมุ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจแทน ทำให้เป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก และหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินรายใหญ่ของสหประชาชาติ และกองทัพสหรัฐ ซึ่งผมว่าเค้าช่วยโลกทางอ้อมอยู่แล้ว และกระจายการลงทุนไปทั่วโลก ดังนั้นหากรัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ ใต้ จะเล่นงานญี่ปุ่น สหรัฐคงไม่นิ่งเฉย เมื่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มแข็งแรงขึ้น ก็เริ่มพัฒนากองกำลังป้องกันตอนเอง หากชื่อเป็นอย่างนี้ จะมีกำลังคนมากกว่า สหรัฐ+จีน ก็ได้ แต่ถามว่าจะมีไปทำไมขนาดนั้น สิ้นเปลืองงบประมาณเปล่าๆ และฐานทัพของสหรัฐที่โอกินาว่า ก็สร้างปัญหาให้ รบ.ญี่ปุ่น บ่อยๆ คนในพื้นที่เริ่มขับไล่ ญี่ปุ่นก็เลยต้องคิดว่าถึงเวลาที่ตนเองต้องมีกองทัพเหมือน อารยประเทศบ้างแล้ว ถ้าสหรัฐเอาตัวไม่รอด หรือ ตัดงบทางการทหาร ญี่ปุ่นจะทำอย่างไร ซึ่งก็รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยี อุตสาหกรรมทางทหารด้วยเหมือนกัน

ในส่วนการเคารพบรรพบุรุษของคนญี่ปุ่น ผมเห็นด้วย และเป็นพฤติกรรมที่น่ายกย่องด้วยซ้ำ กตัญญู ไม่ลืมว่าตนเองเป็นใคร ทุกวันนี้คนญี่ปุ่นเดินทางไปประเทศตะวันตก เค้าให้การต้อนรับไม่ดูถูกครับ เนื่องจากวีรกรรมของบรรพบุรุษของเค้าในอดีต ระเบียบวินัยของคน กองทัพ การรบที่มีประสิทธิภาพ การเอาชนะฝรั่งได้ ชื่นชมในส่วนที่ดีของเค้าครับ ส่วนที่เลว หรือแย่ๆ ในอดีต ก็อย่าไปจำ ซึ่งมันเป็นธรรมดาของผู้ชนะในโลกใบนี้ครับ เมื่อรบชนะในอดีต ก็ต้องริบทรัพย์ จับเชลย การทำตัวให้น่ากลัว เกรงขามให้ฝ่ายตรงข้าม เวลาไปตีเมืองอื่นๆ จะได้ง่ายหน่อย แม้จะเป็นการกระทำของคนถ่อยเถื่อนก็ตาม และญี่ปุ่นต้องการกลืนชาติจีน เกาหลีเพื่อหวังทรัพยากร ยุทธปัจจัยด้วยอารมณ์ก็เหมือนที่พม่าทำกับไทยในอดีต ตอนที่สหรัฐบุกเข้าใกล้ญี่ป่น สตรีญี่ปุ่นก็ต้องฝึกอาวุธเหมือนกัน เพราะผู้ชายก็เหลือน้อย และกลัวประเทศอื่นจะเอาคืนเหมือนที่ตนเองทำไว้กับคนอื่น ฉะนั้นผมเชื่อครับว่าเวรกรรมมีจริง เราเลยได้อานิสงค์จากหนัง AV ไปด้วย อิอิอิ

ในส่วนของเราก็มีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไงครับ เพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษ วีรบุรุษในสงครามอีนโดจีน ทั้งๆที่เราก็เป็นฝ่ายอักษะ และแพ้สงครามเหมือนกัน แต่ได้อานิสงฆ์จากขบวนการเสรีไทย คนไทยที่ช่วยเหลือชาวตะวันตก และความจำใจต้องเข้าร่วมถึงรอด

ดังนั้น ญี่ปุ่นจะมีกองทัพก็ไม่ใช่เรื่องน่าวิตกแต่อย่างใด หรือจะมีจำนวนมากกว่าสหรัฐ หรือ จีน ก็เรื่องของญี่ปุ่นเค้า ถ้าเค้ามีปัญญาจ่ายเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง อาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อรองรับกองทัพ แต่เชื่อว่าสหรัฐคงควบคุมไว้อยู่ดี เพราะยังมีสนธิสัญญากันอยู่ตั้งแต่ WWII ญี่ปุ่นก็ยังคงไม่กล้าชิ่งจากสหรัฐอยู่แล้ว เพราะเพื่อนบ้านก็ฮึ่มๆ กันอยู่ และเศรษฐกิจมันยังคำชู เกื้อหนุนกันอยู่ด้วย ผมว่าตอนนี้น่ากลัวสุดคือ รัสเซีย ครับ เพราะพี่แกเริ่มเข้ามามีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้นเรื่อยๆ พี่แกก็ไม่ได้พึ่งญี่ป่นเท่าไรนัก จำนวนประชากรก็ไม่เยอะจนเกินไป ทรัพยากรที่มีมาก ถ้าเทียบกับเนื้อที่ของประเทศ และถ้าจะมีใครบ้าอำนาจเทียบแบบฮิตเลอร์ หรือ โตโจ ผมว่าปูตินนี่แหละดูน่ากลัวสุด   

โดยคุณ tommy เมื่อวันที่ 20/06/2013 11:22:09


ความคิดเห็นที่ 29


มันก๊ขึ้นอยู่กับว่าข้อความในสนธิสัญญามันได้ระบุอะไรไว้บ้าง

ถ้าสมมุติว่า ญี่ปุ่นแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง และฉีกหนังสือสนธิสัญญาฉบับนั้นด้วย คุณคิดว่าอเมริกาจะทำแค่ยื่นประท้วง กับการแซงชั่นเหรอครับ

และข้อสนธิสัญญาที่คุณว่ามานะมันไม่น่าจะใช่หนังสือสนธิสัญญานะครับ น่าจะเป็นการออกกฎข้อบังคับขึ้นมาเองโดยมติของกลุ่มสมัชชาใหญ่สหประชาชาติมากกว่าครับ เหมือนกับการห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองทีมีผลบังคับใช้โดยที่ทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือต้องจำยอมรับโดยมิได้มีตัวแทนมาลงนามด้วยตนเอง เพราะทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือเป็นสมาชิกของ UN อยู่แล้ว หากทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือยังมีความพยายามที่จะทำการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาชาติสมาชิกใน UN สามารถกระทำการเรื่องดังกล่าวได้ คือ คว้ำบาตร เลิกคบค้า คบหาสมาคมและให้การช่วยเหลือใดๆทางการทูต

เพราะการทำหนังสือสนธิสัญญาในเรื่องของการยอมแพ้สงครามคงไม่มีใครร่างหนังสือฉบับดังกล่าวมาเพื่อให้มาประท้วงในลักษณะ แบบ ง้องอน คือประมาณว่า " เฮ้ยเองละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับข้า ข้าโกรธเองแล้ว โป้ง ไม่ต้องคบหาหรือมาพูดด้วยกับข้า"............

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 20/06/2013 17:36:21


ความคิดเห็นที่ 30


ก็ว่ากันไปครับ ผมก็คิดตามหลักการที่ผมได้รับรู้มา ยกตัวอย่างง่ายๆ สนธิสัญญาเบาวริ่ง และสนธิสัญญาลักษณะแบบนี้กับประเทศตะวันตกอื่น และญี่ปุ่น  ไม่มีบทลงโทษครับ เช่น หากไทยผิดตามข้อ 1 และ 3  ไทยต้องหาคนผิดมาจำคุก และจ่ายค่าปรับให้อังกฤษหรือประเทศตะวันตกอื่นๆ เป็นต้น แต่เป็นที่รู้กันหากไทยไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญา จะเกิดอะไรขึ้น มันก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีการใช้กำลัง หรือ ความรุนแรงเข้าจัดการปัญหา และการทำสนธิสัญญา มันก็เปรียบเหมือนสัญญาสุภาพบุรุษ เกียรติยศชื่อเสียงของประเทศ หากละเมิด เราก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ น่าอับอายในสายตาของคู่กรณี และชาวโลกด้วย ยกตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง สงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี แพ้สงคราม ถูกจับเซ็นต์สนธิสัญญา จะไม่สั่งสมอาวุธ หรือ ทหาร และต้องชดใช้ค่าปฏิกรสงครามให้อังกฤษ และฝรั่งเศส(ไม่ใช่ค่าปรับจากการผิดสนธิสัญญานะครับ) เมื่อฮิตเลอร์มีอำนาจก็ประกาศต่อไปนี้จะไม่ชดใช้ค่าปฏิกรสงครามแล้ว เพราะเห็นว่ามากไปและไม่เป็นธรรมต่อเยอรมัน และเริ่มสั่งสมอาวุธ กับทหาร อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส ในตอนนั้นยังไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะยังเบื่อภาวะสงครามอยู่ จนเมื่อฮิตเลอร์บุกฉนวนโปแลนด์นั่นแหละครับถึงได้เริ่มประกาศสงครามกับเยอรมัน อันนี้อธิบายเรื่องสนธิสัญญาให้เข้าใจตรงกันก่อน เป็นพันธะผูกพันระหว่างคู่กรณี หรือประเทศที่ให้สัตยบัญ แต่ถ้ามีข้อมูลว่า มีสนธิสัญญา ที่มีบทลงโทษไว้ด้วย ก็ขอข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ จะได้กลับไปศึกษา เรียนรู้ใหม่ครับ   

เรื่องของสหประชาชาติ มันเป็นมติคว่ำบาตรครับ ประกอบไปด้วย สมาชิกถาวร 5 ชาติ และชาติสมาชิกกึ่งถาวรอีก 10 ชาติ(ต้องเลือกตั้งจำนวนไม่แน่ใจ) มันไม่ใช่ข้อบังคับครับ เพียงแต่เมื่อเราเป็นชาติสมาชิกของสหประชาชาติก็ต้องปฏิบัติตามพันธะกิจหรือพันธะสัญญาที่ให้ไว้กับสหประชาชาติครับ ซึ่งสมัยก่อนตอนเป็นสันนิบาตชาติ เค้าก็เรียกกันว่าเสือกระดาษ เพราะสั่งใครไม่ได้จริงๆ พอไปดูในกระทู้ T-90 อ่าวพูดกันไปแล้วนิหว่า ขออภัยล่ะกันครับ    

โดยคุณ tommy เมื่อวันที่ 21/06/2013 10:01:51


ความคิดเห็นที่ 31


 

ปกติ ผมไม่ค่อยชอบดราม่า

แต่ กระทู้นี้ พอดราม่ากัน ต่างก็หยิบยกเอาหลักฐานและเหตุผลมาเสนอ

เราผู้อ่าน ก็พลอยได้รับความรู้และแนวคิดที่แตกต่าง

เถียงกันต่อเถอะ .. เจ้ยอยากอ่านๆๆๆๆ   อิอิ

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 24/06/2013 17:26:03