KUALA LUMPUR: Muslims minority communities in Asean countries that are struggling for greater rights should not seek independence but rather meaningful autonomy, said Prime Minister Datuk Seri Najib Tun Razak.
He said that Muslim communities in countries such as the Philippines, Thailand and Myanmar must be made to understand that they must live under their current national governments and do their part to contribute towards their respective countrys moral and social well being.
"They must forget the idea of an independent Muslim state as it is not realistic.
"There should be meaningful autonomy, not independence," he said in his keynote address when officiating the International Symposium "Islam and the New Era of Asean Countries" here Tuesday.
He said such communities should be granted autonomy and protection with regard to their religious, linguistic and cultural identities while their socio-economic opportunities must be enhanced.
"Muslims must also understand their responsibilities towards non-Muslims.
"There must be a peaceful coalition as this will bring about socio-economic development," he added.
Najib reiterated Malaysias commitment towards promoting a peaceful resolution in restive areas in the region.
"It is Malaysias honour and privilege to help broker the signing of the Framework Agreement between the Philippines government and the Moro Islamic Liberation Front (MILF).
"We are also assisting the Thai government in stabilising security and improving the socio-economic development through bilateral cooperation," he said
However, he acknowledged that Malaysia played only a mediatory role in the peace process and would not interfere in the internal affairs of the respective national governments.
Last October, Malaysia helped broker a milestone peace deal between the MILF and the Philippines government, ending one of Asias longest secessionist rebellions which began in 1969, and aiding the establishment of the Bangsamoro autonomous region in southern Philippines.
Earlier this year, the Thai government approached Malaysia to host peace talks with rebel groups in restive Southern Thailand, resulting in the signing of the General Consensus Document to pave the way for a dialogue process for peace in the provinces.
http://thestar.com.my/news/story.asp?file=%2F2013%2F6%2F4%2Fnation%2F20130604132004&sec=nation
น่าจะชัดเจนขึ้นนะครับ
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก ปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในไทย พม่า และฟิลิปปินส์ วอนหยุดต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นเอกราช แนะเรียกร้องแค่ปกครองตนเอง ชี้เป็นข้อเสนอที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากกว่า
นาจิบได้กล่าวระหว่างแสดงปาฐกถานำในเวทีการประชุมนานาชาติ "อิสลามกับยุคใหม่ของประเทศอาเซียน" ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันอังคาร ว่า ชุมชนชาวมุสลิมในไทย พม่า และฟิลิปปินส์ ควรเข้าใจว่า พวกเขาต้องอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลของแต่ละประเทศ และมีส่วนร่วมในการสร้างความกินดีอยู่ดีของสังคม
"พวกเขาควรลืมเรื่องรัฐเอกราชของชาวมุสลิมไปเสีย เพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ควรมีการปกครองตนเองในความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่เอกราช" ผู้นำมาเลเซียกล่าว
เขาบอกว่า ชุมชนเหล่านั้นควรได้รับสิทธิปกครองตนเองและการคุ้มครองอัตลักษณ์ทางศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม รวมทั้งขยายโอกาสด้านสังคมเศรษฐกิจ
"ชาวมุสลิมต้องเข้าใจถึงความรับผิดชอบของตนที่มีต่อคนที่ไม่ใช่มุสลิม ต้องมีการอยู่ร่วมกันโดยสันติ เพราะสิ่งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ" นาจิบกล่าว
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้ย้ำถึงพันธกรณีของมาเลเซีย ที่จะแสวงหาทางออกอย่างสันติในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งในภูมิภาคนี้ "นับเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจของมาเลเซีย ที่ได้ช่วยเป็นตัวกลางในการลงนามกรอบข้อตกลงระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์กับแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (เอ็มไอแอลเอฟ)"
"เรากำลังช่วยรัฐบาลไทยในการสร้างความมั่นคง และยกระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมผ่านความร่วมมือสองฝ่าย" เขากล่าว อย่างไรก็ดี เขาบอกว่า มาเลเซียมีบทบาทเพียงช่วยไกล่เกลี่ยในกระบวนการสันติภาพเท่านั้น และจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศ
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาเลเซียเป็นตัวกลางในการจัดทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างเอ็มไอแอลเอฟกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งได้จัดตั้งเขตปกครองตนเองบังซาโมโรขึ้นในภาคใต้ของฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ติดต่อมาเลเซีย ขอให้เป็นเจ้าภาพจัดการพูดคุยสันติภาพกับบรรดากลุ่มกบฏในภาคใต้ของไทย ซึ่งนำไปสู่การลงนามในเอกสารฉันทามติทั่วไป เพื่อปูทางสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพต่อไป.
http://news.voicetv.co.th/global/71600.html
นายกมาเลย์ช่วยยกระดับพวกโจรฆาตกรใน3จังหวัดภาคไต้ขึ้นเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน รับลูกส่งลูกกันดีนะ
ที่นายกมาเลย์เขาพูดมาก็มีเหตุผลนะครับเรื่องบางเรื่องควรฟังกันบ้าง
เพราะทุกวันนี้มันหนักหนาสาหัสมากหลังจากกรือเซะและตากใบมายิ่งหนัก
พูดตามตรงเจ้าหน้าที่หน้าใหม่ที่ลงไปแทบจะออกไปไหนไม่ได้
ต้องรอให้เพื่อนๆพี่ๆหรือลูกน้องพาไปทำความคุ้นเคยกับชาวบ้านก่อน
ชาวบ้านไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่/เจ้าหน้าที่ก็ไม่ไว้ใจชาวบ้าน...เหนื่อย...
เราไม่ได้เสียดินแดนแค่ให้ปกครองตัวเองในกรอบกฎหมายเราก็น่าจะwin win
ไม่ต้องบอกนะว่าแล้วครู ตำรวจ ทหาร ชาวบ้านที่ตายไปหละสูญเปล่าเหรอ
แล้วท่านคิดว่าจะหยุดไว้เท่านี้ตอนนี้ หรือจะให้มันเพิ่มไปเรื่อยๆล่ะครับ
ดีแต่แนะนำคนอื่นนะสิ คราวปัญหาของมาเลย์เซียเอง ใช้กำลังทหารปราบ ทำไมถึงไม่ทำอย่างที่พูดล่ะ
ผมมีความเห็นที่เหมือนและมีที่ต่างจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก ที่ต่างคือการขอสิทธิปกครองตัวเอง จะเรียกเขตปกครองอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าไม่เหมาะ ที่ถูกคือเจอกันตรงกลางคือการปกครองยังรูปแบบเดิมแต่ให้ปรับกฏระเบียบให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม เช่น ใน 3 จังหวัดมีคนอิสลามมากก็เอาวิธีชีวิตของคนที่นั้นมาพิจารณา อาจอยุดวันศุกร์เสาร์ แทนวัน เสาอาทิตย์ การพิจารณาคดีโดยต้องพิจารณาหลักศาสนาอิสลามมาประกอบ ให้เด็กทุกคนเรียนศาสนาทุกศาสนาในโรงเรียนของรัฐ(ไม่แบ่งแยก) เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก ครับ
คิดเล่นๆไป อนาคตหลายปี ถ้าปกครองตนเองและรัฐบาลไทยอ่อนแอ ไม่เข้มงวด ไม่เข้าถึงในระดับป้องกัน
3จังหวัด/กลุมผู้ที่แข็งขืน และชักจูงให้ทุกคนในพื้นที่มีปืนทุกคน คนละกระบอก ไม่ต้องมีกองกำลังที่ชัดเจน/ไม่ต้องมีอาวุธหนักผมว่าไม่จบแค่ปกครองตนเอง อันนี้เป้นแผนระยะยาวของนาจิบมั่ง ... รู้เขารู้เรา หาทางป้องกัน จริงๆชาวมุสลิมในพื้นที่ของเราที่เป้นชวบ้านจริงๆส่วนใหญ่เป้นคนน่ารัก เป้นมุสลิมแบบไทยๆ แตกต่างจากที่อื่น วิธีการถ้าเริ่มมาแต่ต้นคงแก้ปัญหาได้ไม่อยาก ถามว่ามาเลย์คิดอะไร เขาคิดดังๆอยู่แล้วแต่เราไม่นำพา ง่ายๆเลยอย่างการออกกฏหมายการแบ่งสิทธิต่างๆระหว่างคนมุสลิม กับคนพุธจีน/อินเดียที่มีมากถึงประมาณ40% ก็ออกจะชัดเจนอยู่แล้ว
ยิ่งปัญหามาเลย์ต้อการชาวโรอิงญา มุสลิมจากกัมพูชา เพื่อมาเป็นฐานเสียงให้ฝ่ายตน หรือเอามาเสริมให้สัดส่วนคนมุสลิมในประเทศให้มากขึ้น 3จังหวัดเป้นพื้นที่เตรียมนำเข้า เขาต้องปกป้องพื้นที่เอาไว้ให้เป็นของเขาเพื่อความสะดวกในการเตรีมนำคนเข้า 3จังหวัดเขาก้ต้องการอย่างถารวรในอนาคต มาเลย์เซีย....
ไม่แทรกแซงกิจการภายในหรอก แค่สนับสนุนโจรใต้จากในประเทศตัวเองแค่นั้น...
มาเลเซียนี่ดีจังนะ ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือขยายอิฐิพล+ขยายดินแดน แต่ก็นั่นแหละ สมัยนี้ก็คงมีวิธีนี้วิธีเดียวที่จะขยายอำนาจได้(นอกจากเศรษฐกิจ)
น่าอิจฉาเขาจริงๆมีผู้นำที่สามารถขยายดินแดนให้ประเทศตัวเองได้
อีกอย่างระดับผู้นำประเทศคงพูดไม่ได้ว่า"เชิญแบ่งแยกดินแดนกันเถอะ" แบบนั้นทั้งตรงเกินไป
คำว่า"ปกครองตนเอง"ผมว่ามันก็ความหมายเดียวกับแบ่งแยกดินแดนนั่นแหละ (ก็อย่างที่่บอก ให้พูดว่าแบ่งแยกดินแดนตรงๆคงไม่ได้ แบบนั้นมันประกาศสงครามชัดๆ)
ยอมรับว่าเขาพูดเก่งจริงๆ เชิญชวนให้มุสลิมในประเทศอื่นๆสร้างปัญหาให้กับประเทศนั้นๆ(แทนที่จะบอกให้"หยุดเถอะ") โดยที่คนฟังแทบไม่รู้สึกว่านี่คือการ"ปลุกระดม"เลย
อยากรู้ว่าถ้าไทยและประเทศอื่นๆพูดบ้างว่า"ชาวnon-malayในมาเลเซีย(เกือบครึ่ง)ควรเรียกร้องการปกครองตนเอง จัดตั้งเขตปกครองตนเอง แต่ไม่ควรเรียกร้องเอกราช เพราะนั่นไม่ไม่ยอดคล้องกับความเป็นจริง" อยากรู้รัฐบาลมาเลเซียจะทำอย่างไง ออกมายอมรับว่า"เชิญชาวจีนในมาเลย์ปกครองตนเองได้"แล้วก็ปล่อยให้1/3ของประเทศกลายเป็นเขตปกครองตนเองเหรอ? อืม... น่าลองนะ หนามยอกเอาหนามบ่ง
จะเข้าAECแล้วทำไมมาเลย์ยังทำตัวมีปัญหาจังก็ไม่รู้
มาเลเซีย พยายามทำตัวเป็นพี่เบิ้มในย่านนี้ โดยพยายามแสดงตัวว่าเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย
แต่ ทุกครั้งที่ไกล่เกลี่ย เอียงไปทางกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ทั้งไน ฟิลิปปินส์ ไทย พม่า
การปกครองตนเอง .. คือ จุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกดินแดน เพียงแต่ เป็นวิธีที่แนบเนียน
คล้ายๆกับนิทานเรื่อง ม้าอารีย์ คือ แหย่ทีละนิดๆ จนกลายเป็นของตัวเอง
.. มาเลย์อาจจะยุยงในสามชายแดนใต้ได้ แต่ ในพม่าคงจะยาก เพราะคนพม่าเค้าไม่ใจดี
กับพวกกบฏเหมือนคนไทย
ผมคิดว่า มาเลเซียพยายามแสดงให้เห็นอิทธิพลทางทหารในย่านนี้อย่างชัดเจน..
.. หนามยอก ต้องเอาหนามบ่ง .. มาเลเซียไม่ค่อยกินเส้นกับจีน เราต้องดึงจีนเข้ามา
มีบทบาทในสามชายแดนใต้มากขึ้น เช่น เชิญผู้นำเหล่าทัพจากจีนมาลงพื้นที โดยเฉพาะ
ใน อ.เบตง เพราะที่นั้นเคยเป็นฐานที่มั่นของกองกำลัง จคม. ในอดีต และเคยฟัดกับมาเลย์
มานับครั้งไม่ถ้วน .. เคยได้ข่าวว่า ทางจีนก็เคยมาขอตั้งฐานทัพแถวๆสตูล ผมว่าเรา
ให้จีนไปตั้งฐานทัพที่เบตงไปเลย .. ซึ่งจีนก็พยายามขยายอิทธิพลลงไปในแถบมลายูอยู่แล้ว
แบบนี้ ฝ่ายเราน่าจะ win win มากกว่า
ซึ่ง ถ้าเป็นไปได้จริง ผมว่า มาเลย์ไม่กล้าหือกับจีนหรอก เพราะในอดีต มลายูไม่เคยรบชนะ
จคม. เลยซักครั้งเดียว สไตล์จีน ลูกเล่นแพรวพราวกว่าพวกโจรใต้เยอะ
ไม่รู้ว่า ฝ่ายเราจะคิดแบบผมบ้างหรือเปล่า
ให้จีน เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยเพื่อ? ผลที่ตามมามันอาจจะยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ครับ
คุณ nick ... แล้วที่ อเมริกามาตั้งฐานทัพที่อู่ตะเภา กับ ฐานทัพอังกฤษที่อุดร
ไทยให้มาตั้งเพื่อ? ... แล้วถ้าให้จีนมาตั้งฐานทัพที่เบตงก็ไม่แปลกนี่ครับ
ยังไม่รวมรัสเซีย ที่ผมอยากให้มาตั้งที่กาญจนบุรีด้วย
เรามีฐานทัพของพวกบิ๊กๆอยู่ในประเทศ เท่ากับว่าเราแสดงตัวเป็นกลาง
สมมุติว่า จีนมาตั้งฐานทัพที่เบตง .. ไทยเราเป็นผู้ลงนามสนธิสัญญาให้กับจีน
นั่นเท่ากับว่า .. พื้นที่ตรงนั้นเป็นของไทยตลอดไป จนกว่าไทยเป็นผู้ยกเลิก
สนธิสัญญา ..แบบนี้ win win มั๊ย
อีกอย่าง มาเลย์จะได้รู้ตัวเองว่า " ลูกพี่ใหญ่ตัวจริง เป็นใคร "
เอ้าเคยมีฐานทัพอังกฤษที่อุดรด้วยเหรอเพิ่งจะทราบ
สถานการณ์+สภาวะมันแตกต่างกันไม่ใช่หรือครับ แล้วจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างที่จะให้จีนมาตั้งฐานทัพ มันก็ไม่แตกต่างกับการที่ไทยเป็นประเทศใต้อาณัติของจีนนี่ครับ เลิกคิดที่จะตามก้นใครหรือยืมจมูกมาหายใจดีกว่าครับ เรามีเอกราชของเราเอง ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป จะให้จีนมาเป็นลูกพี่ไทยหรือชาติไหนก็แล้วแต่ผมว่าจะมันไม่เหมาะครับ
ดินแดน จังหวัด ปัตตานี ในอดีตทหารไทยเราก็ใช้เลือดเนื้อปกป้องเอาไว้ ยุคสมัยนั้นชาวบ้าน
ในพื้นที่ยังทำอะไรไม่เป็นเลย พูดง่ายๆว่า ไม่มีปัญญาที่จะปกปักรักษาไว้ได้ ถ้าหทารไทย
ไม่ปกป้องเอาไว้ ป่านนี้ คงเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไปแล้ว .. หัดสำนึกบุญคุณทหารไทยบ้าง
ซึ่งถ้า โดนอังกฤษยึดไปแล้ว ป่านนี้พวกโจรใต้มันจะเอาอะไรมาเรียกร้องดินแดน
http://www.kananurak.com/mcontents/marticle.php?Ntype=3&id=107113
นี่ถ้าญี่ปุ่นไม่แพ้อเมริกาเสียก่อน ดินแดนมาเลเซีย 4 รัฐนั้นก็กลับมาเป็นของไทยด้วย พวกมาเลย์
มักจะออกมาต่อต้านอเมริกาอยู่เรื่อยๆ ความจริง ต้องสำนึกบุญคุณอเมริกา ที่ชนะญี่ปุ่น จนทำให้
มาเลเซียไม่เสียดินแดนคืนให้กับไทย .. ว่าแล้ว ก็คิดถึงนักรบบูชิโด ขึ้นมาตะหงิดๆ อิอิ
http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/08/X5750237/X5750237.html
ท่านSoda77ที่ไทยไปปกป้องปัตตานีไว้นั้นช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยครับว่าเกิดขึ้นเมื่อใด
ถ้าจีนเข้ามาฝั่ง อันดามัน จริง ผมว่าจะไม่เคืองเเค่ มาเลย์ นะสิ จะมี พม่า อินเดีย พ่วงเข้ามาด้วย
ผมว่ามันจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วครับ เรื่องนี้มาเลย์ ก็ใช้ว่าจะได้ประโยชน์อะไรมากมายนะครับ เพราะอ้ายพวกกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนมันไม่ได้มีเป้าหมายแค่ 3 จ.ชายแดนของเราอย่างเดียวเท่าที่ผมสืบทราบมา ถ้ามันมีแผนจะฟื้นรัฐปัตตานีขึ้นมาจริงๆ รัฐทางตอนเหนือของมาเลย์ในปัจจุบันก็เคยเป็นพื้นที่ของรัฐปัตตานีมาก่อนในอดีตด้วยเหมือนกัน คิดกันจริงๆหรือว่าถ้าหากกลุ่มโจรแบ่งแยกดินแดนใน 3 จังหวัดชายแดนเรา ทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆแล้วมันจะไปเข้าร่วมด้วยกับมาเลย์
เผลอๆดีไม่ดีมันจะแว้งกัดมาเลย์ในภายหลัง เหมือนๆกับกลุ่มโจรในฟิลิปปินส์นั้นแหละ
(ปล1.เหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มันไม่ได้น่าวิตกกังวลในเรื่องของการเสี่ยงจะสูญเสียดินแดนถึงขนาดขั้นนั้นหรอกเผลอๆโอกาสจะน้อยกว่ากรณีพื้นที่ทับซ้อนที่เขาพระวิหารเสียด้วยซ้ำ)
(ปล2.เหตุการณ์ 3จังหวัด ชายแดนใต้ทุกวันนี้ในความรูสึกของผมถ้าคนในรัฐบาลหรือกองทัพถ้าจะปราบหรือจัดการกับกลุ่มโจรกฎบเหล่านี้แบบจริงๆจังๆมันไม่ยากเกินความสามารถหรอกครับ แต่รู้สึกเหมือนจะเลี้ยงไข้เอาไว้ยังงัยก็ไม่รู้เพราะงบประมาณที่ใช้จ่ายกับโครงการนี้ หลายพันล้านเลยนะครับในแต่ละปีที่ผ่านมาเนียะไม่ว่าจะผ่านมากี่รัฐบาลแล้วก็ตามและงบตรงนี้ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้อีกด้วยว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง....ทุกท่านลองเอากลับไปคิดกันเองแล้วกัน)
ฝากถึงคุณ soda77
ถ้าจีนเค้าเป็นพี่ใหญ่ของประเทศไทยจริงๆ เราคงไม่มีโอกาศได้เห็นการฝึก COBRA GOLD หรือเรือรบของอเมริกามาจอดเทียบท่าที่สัตหีบอยู่บ่อยๆหรอกครับ
ผมไม่ค่อยจะเคยเห็นการฝึกผสมร่วมระหว่างไทยกับจีนเลยซักเท่าไร
พรรคซีกรัฐบาลปัจจุบันถ้าไปตกลงจัดตั้งเขตปกครองพิเศษตามที่ทางนั้นเสนอจริงๆ เมื่อไหร่ ผมและครอบครัวจะไปเทคะแนนให้ฝั่งตรงข้ามทั้งหมดแบบไม่ต้องคิดมากเลย ญาติพี่น้องฝั่งแม่ของผมที่เป็นข้าราชการทหารและตุลาการ ก็ไม่ชอบฝั่งรัฐบาลปัจจุบันเอามากๆเลยด้วย .......... คราวนี้คงนึกชอบหน้าผมขึ้นมาบ้างล่ะ............
ปัญหาเรื่องความรุนแรงทางศาสนามันเริ่มขยายตัวในภูมิภาคนี้ขึ้นสูงเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปหรือเปล่า......สงสัยเพ้อเจอมากมั๊ง......... พอพม่าแสดงท่าทีจะจูบปากจับมือกับเราปั๊บ เรื่องคาราคาซังในเรื่องมุสลิมในรัฐยะไข่ก็จัดหารเด็ดขาดทันที เหมือนๆรู้ว่าต่อไปคงไม่ใช่แค่บังคลาเทศเท่านั้นที่ให้การสนับสนุน อาจจะมีเพื่อนบ้านในอาเซี่ยนอีกจ้าวนี่แหล่ะที่สนับสนุน ตัดไฟเสียแต่ต้นลม.....ย้ายออกมากกว่า 500,000 คนขึ้นไปแล้วครับ แค่ไปเกาะมาเลย์กินก็ปาเข้าไป 400,000 คนแล้ว ไม่นับที่หนีไปบังคลาเทศและไทย
ข่าวจากสัปดาห์ก่อน หน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เรื่องมันลามไปถึงมาเลย์แล้ว มีชาวมาเลย์ที่เป็นชาวพุทธ 4 คนถูกฆ่าตาย โดยตำรวจในมาเลย์คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือชาวมุสลิมมาเลย์ที่คลั่งในศาสนาเอามากๆ เจ็บแค้นชาวพุทธมาเลย์.....
เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ท่านนาจิบเลยต้องพูดออกไมค์ให้เพื่อนบ้านฟังดูน่าเป็นมิตร แถมฝั่งเรากับโก่งคอรับลูก
คนมาเลย์เชื่อสายมาเลย์มีแค่ ราวๆ 60% และเป็นมุสลิม ที่เหลือ พุทธและฮินดู ซึ่งกุมระบบเศรษฐกิจ 70%-80% ของมาเลย์
ผมว่าเขาพูดเพราะเพื่อตัวเขาเองมากกว่าครับ ในมุมมองผม สะเก็ดไฟที่เขาสุมไว้มันดันกระเด็นมาตกที่ยุ้งฉางของเขาเองแล้ว มีเสียว
ผมว่าความจำผมยังไม่เลอะเลือน ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ทักกี้ไปรัสเซียคุยเรื่องการลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันกับรัสเซีย กะจะตั้งคลังน้ำมันสำรองกับรัสเซียโดยทางโน้นมาสร้างให้เราที่นี่ และไปตกลงในหลาบๆเรื่องรวมทั้งไก้และข้าวแลกอาวุธ
จำได้ว่าหลังจากปูตินส่งขึ้นที่หน้าประตูเครื่องบินแล้ว ไม่นานนัก กองเรือรัสเซียก็เข้ามาเยี่ยมฐานทัพเรือเรา มีเรือลาดตระเวนติดอาวุธนิวเคลียร์มาด้วย พร้อมเรือพิฆาต มากัน 5 ลำ โดย 3 ลำเข้าเทียบท่าในไทย อีก 2 ลำที่เหลือลอยลำในทะเลหลวง
ถ้ายังจำไม่ผิด ชาว TFC ลงภาพและข่าวได้น่าอ่านที่สุดเลยครับ ดีกว่าดูโทรทัศน์และอ่านหนังสือพิมพ์
หลังจากนั้นไม่นาน มีอดีตผู้นำมาเลย์ที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลก ถึงขนาดต้องมาเยี่ยมนายกเรา และเยี่ยมคาราวะบุคคลสำคัญของเรา แล้วจึงกลับไปมาเลย์
หลังจากนั้นไม่ถึง 2 สัปดาห์ ความรุนแรงในเขต 3 จังหวัดทางใต้เงียบลงทันตาเห็น......เกือบ 2 เดือนเต็ม.......
และ ขจก. ใต้ ได้ปฏิบัติการปล้นปืนฐานทหารมาเลย์(เทียบเท่าตชด. บ้านเรา)
จากนั้น..........ทางเมาลย์และไทยจึงทำการซ้อมรบเพื่อลดความหวาดระแวงกันในทันที
สถานะการณ์มันประจวบเหมาะกันดีนะครับ...............ผมคงเพ้อเจ้อคิดไำปเองนั่นล่ะ..........ตลก........
จะว่าไป เหมือนการคอรัปชั่นกันแบบปิดบัง แล้วมีคนมาเถียงแทนว่า "ไม่เห็นมีในเสร็จรับเงินเลย จะว่าโกงได้ยังไง"
เรื่องการเมืองระหว่างประเทศของเรากับเขาก็ออกมาแนวๆนี้น่ะแหล่ะ ........ ผมไม่เชื่อในสิ่งที่บอกกล่าวกันครับ ผมเชื่อในเหตุการณ์ สถานะการณืที่มันแสดงออกมาต่างหาก เพราะผมเป็นคนไม่เชื่อในคำพูดคนง่ายๆ เวลาที่ใครพูดต่อสาธารณะชน แต่ผมจะเชื่อในการกระทำของเขาเหล่านั้นครับ เพราะมันบ่งบอกว่าเขาเป็นแบบที่พูดหรือไม่