หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


มีใครอ่านseal target geronimoมั้งครับ

โดยคุณ : ashiwara เมื่อวันที่ : 28/05/2013 11:40:46

คือผมอ่านมีบางช่วงในหนังสือบอกว่้า จริงๆแล้วมีการใช้อาวุธเคมีมาทำiedในอิรักบ่อย ก็สรุปได้ว่ามีwmdแต่ถูกใช้โดยกลุ่มอัลไคด้า ซึ่งข้อมูลในหนังสือเอามาจากวิกิลีค และ ยังมีตอนที่บุกบ้านพักบินลาเดน ที่ข้อมูลขัดแย้งกับหนังสือno easy dayค่อนข้่างเยอะ  หนังสือเล่มนี้เขียนโดยครูฝึกหน่วบซีล ผมเลยขอความเห็นสำหรับคนที่อ่านแล้วหน่อยว่า หนังสือมีความน่า้่เชื่อถือไหม





ความคิดเห็นที่ 1


อาวุธเคมี ไม่จำเป็นต้องถือว่า เป็นอาวุธทำลายล้างสูงก็ได้ครับ คำนี้สหรัฐใช้เป็นคำอ้างในการบุกอิรัก และอิรักก็มีอาวุธเคมีใช้นานแล้ว ส่วนระเบิด IED ในอิรักส่วนมากเลย จะใช้หัวกระสุนปืนใหญ่ หรือกับระเบิดรถถัง ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล หลังจาดซัดดัม โดยบุชล้มไป มาใช้ในการทำลายยายยนต์สหรัฐ  แต่อิรัก มีหลายกลุ่ม หลายนิกาย ซึ่งปกติก็ขัดแย้งกันเองอยู่แล้ว กลายเป็นช่องให้ อัลไคด้า เข้ามาหนุนกลุ่มต่างๆ ในการสู้กับทหารสหรัฐมากกว่า เปิดศึก 2 ด้าน ทั้งในอิรัก กับ อัฟกานิสถาน ในหนังสือ no easy day ผมว่าเชื่อถือได้ แต่มันเป็นการเล่าถึงปฐิบัติการสังหาร บินลาเดน มากกว่าครับ ต้องเข้าใจว่าหลัง 9/11 สหรัฐบุกอัฟกานิสถานก่อน แล้วหาเหตุมาล้างแค้น ซัดดัมต่อ 

โดยคุณ stfsnoop เมื่อวันที่ 26/05/2013 11:43:08


ความคิดเห็นที่ 2


เสริมนิดนึง ตั้งแต่สหรัฐยกกองทัพเข้าอิรักจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีการพบ หรือหลักฐานยืนยันได้เลยครับ ว่า อาวุธทำลายล้างสูง ที่ บุช ใช้เป็นข้ออ้างนั้น มันคืออะไร ?? 

โดยคุณ stfsnoop เมื่อวันที่ 26/05/2013 11:47:38


ความคิดเห็นที่ 3


อย่าแค่เฉพาะประเทศอิรักต้องเหมารวมไปถึงประเทศอัฟกานิสถานด้วยครับ

อาวุธเคมีทำลายล้างสูงของอเมริกามันเป็นแค่ข้ออ้างครับ

ความต้องการที่แท้จริงของสหรัฐ ก็คือ

1. ผลประโยชน์กับน้ำมันดิบจำนวนมหาศาลในผืนแผนดินของประเทศอิรัก

2. ผูกขาดการควบคุมกลไกตลาดและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแบบต่อเนื่อง (ของกลุ่มเฮดฟัลด์ ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดในสหรัฐและ OPEC)

3. สร้างขอบเขตการแผ่ขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและทางทหารของประเทศจีนในภูมิภาคตะวันออกกลาง และควบคุมปริมาณน้ำมันดิบที่จะถูกส่งไปป้อนให้ภาคการขนส่งและอุตสาหกรรมในประเทศจีน (เรียกง่ายๆ คือ เตะขัดขาจีนนั้นเอง)

4. เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทางการเมืองในประเทศอิรักและอัฟกานิสถาน

เหตุผลแค่นี้น่าจะเพียงพอแล้วที่สหรัฐอเมริกาจะหาความชอบธรรมในการลงมือส่งกองทัพเข้าไปแผ่อิทธิพลทั้งในประเทศอิรักและประเทศอัฟกานิสถาน ก่อนที่จีนจะลงมือ

ตอนนี้ก็น่าจะเหลือแต่แค่ประเทศ อิหร่านเท่านั้น ที่อเมริกายังไม่สามารถสั่งหันซ้ายหันขวาได้ และแถมยังเป็นประเทศที่ขายน้ำมันให้กับประเทศจีนมากเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย แต่ก็เชื่อว่าอีกไม่นานอิหร่านก็จะมีสภาพไม่แตกต่างกันกับประเทศอิรัก

(ปล.ตำรวจโลกถ้าคิดจะทำอะไรไม่มีใครหืออยู่แล้ว....พูดง่ายๆคือข้าถูกเสมอใครจะทำไม)

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 27/05/2013 09:58:56


ความคิดเห็นที่ 4


จะเล่นอิหร่านยากครับ รัสเซีย จีน ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องแน่ ซึ่งสหรัฐคงต้องคิดดีๆ นอกจากใช้การเมืองภายใน สร้างความวุ่นวาย แล้วสร้า้งรัฐบาลหุ่นเชิดเข้ามาแทน แล้วค่อยเข้าไปหาผลประโยชน์ แต่ถ้าจะให้ยกทัพบุกอิหร่านคงไม่หมู เหมือนอิรัก กองทัพอิหร่านเองอาวุธก็ทันสมัย

โดยคุณ stfsnoop เมื่อวันที่ 27/05/2013 16:17:20


ความคิดเห็นที่ 5


ไอ้ข้อมูลที่พวกคุณยกมาอันนี้ผมทราบดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีใครตอบผมเลยว่าชื่อหนังสือที่ผมยกมันมาเป็นหัวข้อเนี่ย มันเชื่อถือได้ไหม เพราะอ่านหนังสือเล่มนี้มีแต่ข้อมูลที่ผมไม่เคยเจอเลย

โดยคุณ ashiwara เมื่อวันที่ 27/05/2013 16:17:35


ความคิดเห็นที่ 6


คุณจะไปซีเรียสอะไรกันนักกันหนากับไอ้ข้อมูล ลับ ลวง พราง พรรณนี้ ครับหนังสือพวกนี้ถูกเขียนและแต่งขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนความจริงเท่านั้นหรือไม่ก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นครับ

เอ้าดูอย่างเหตุการณ์ 11 กย. ก็ได้เชื่อมั้ยครับว่ามีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นชาวอเมิริกันได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อวิภาควิจารณ์และจับผิดการทำงานขององค์กรลับต่างๆของสหรัฐอเมริกา (Against a secret organization of the U.S. government.)ออกมาวิเคราะห์และให้เหตุผลและข้อสังสัยแก่ประชาชนชาวอเมริกันในอีกแง่มุม ดังนี้

  1. เหตุการณ์การโจมตีในครั้งนั้นว่ากันว่าหน่วยสืบราชการลับ(ที่เป็นหน่วยข่าวกรองที่ดีที่สุดในโลกและมีกำลังคนมากที่สุดในโลกอย่าง ” CIA “ รู้ล่วงหน้ามาเป็นปีแล้วตั้งแต่พวกกลุ่มคนที่ก่อเหตุมันเริ่มฝึกหัดบินกับเครื่องบินเล็กแล้วครับ เอาเหตุผลง่ายๆที่คนกลุ่มนี้ที่หยิบยกขึ้นมา คือ ในวันเกิดเหตุการณ์โจมตีอาคาร เวิด์ลเทรดทั้งสองหลัง ในตัวตึกหรือสำนักงานว่ากันว่ามีชาวยิว ทำงานอยู่ในสำนักงานของทั้งสองอาคารกว่า 200 คน แต่ทำไมในวันนั้นกลับไม่มีชาวยิวเสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว (จะบอกว่าเป็นเหตุการบังเอิญเหรอ) พวกยิวมันเป็นนกรู้ครับพวกมันกันเองรู้มาล่วงหน้ากันแล้วเป็นสัปดาห์แล้วครับ จากหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล (ยิวบางคนลางานพักร้อนล่วงหน้าเป็นอาทิตย์) ถ้าขนาดหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลมันยังรู้แล้วระดับชั้นเฟิร์สคลาสอย่าง CIA มันจะไม่รู้เชียวหรือ

ข้อสังเกต  1) หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่มีคนของ CIA และคนในรัฐบาลสหรัฐออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อข้อบกพร่องใดๆต่อหน้าความผิดชอบของตนเองเลย

2) สื่อสารมวลชนทุกแขนงต่างพากันพุ่งเป้าไปที่กลุ่มก่อการร้าย อัลกอร์อิดะที่กบดานอยู่ในอัฟกานิสถาน โดยรัฐบาลตะลีบัน และพยายามเชื่อมโยงเครื่อข่ายแบบฟาดงวงฟาดหางให้ได้วงกว้างมากที่สุดก็คือ ซัดดัมฮุดเซน ผู้นำของอิรัก โดยยัดข้อหาว่าให้การสนับสนุนการก่อร้ายและรวมไปถึงประเทศอิหร่านด้วย (แทนที่จะโจมตีหรือเสนอข่าวเกี่ยวกับข้อบกพร่องและหาผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศตนเอง)

3)  สื่อมวลชนทั้ง New York Time, CNN, ABC, Twenty, Wall Street journals สื่อค่ายหลักๆเหล่านี้มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวยิวทั้งหมด (เหมือนกับรู้เห็นและร่วมมือกันกับรัฐบาลสหรัฐมาอยู่ก่อนแล้ว)  

  1. บินลาเดน และกลุ่มตาลีบัน เคยเป็นคนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐและ CIA ให้การช่วยเหลือมาก่อนในช่วงยุคของสงครามทะเลทรายตอนที่โซเวียตบุกอัฟกานิสถานในยุคปี 1978

โอสะมะ บินลาเดน เคยถูกส่งไปฝึกงานการจารชนและการจารกรรม ในหน่วยงานCIA ในปี 1981

(**** คุณเชื่อหรือว่าพวกมันเป็นศัตรูกันจริงๆ????**** )

การตั้งข้อสังเกตและให้แง่คิดของกลุ่มคนดังกล่าว 1) หลังจากช่วงสิ้นสุดยุคสงครามเย็นระหว่าง อดีตสหภาพโซเวียตกับตะวันตก ทำไมตอนนั้นรัฐบาล ประธานาธิบดี จอร์จบุช (ผู้พ่อของจอร์จ ดับเบิ่ลยู บุช) 1988-1992 เคยให้สัมภาษณ์กับทาง CNN ภายหลังจากการทำสงครามอ่าวเปอร์เซียในครั้งแรกๆว่า “สงครามเย็นระหว่างโลกเสรีประชาธิปไตยและโลกคอมมิวนิส คงจะไม่มีอีกแล้ว หลังจากนี้ไปก็คงจะมีแต่สงครามการก่อการร้าย” ซึ่งในตอนนั้นทั่วโลกว่าเรื่องการก่อการร้ายมันเรื่องเล็กน้อยที่มีระดับความรุนแรงอยู่ในวงจำกัดไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย เทียบไม่ได้กับสงครามระหว่างประเทศแน่ๆ (แต่ทุกคนกลับมองข้ามสาระสำคัญที่ว่า บุชผู้พ่อ ถึงได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดทำไม???)

2) สหรัฐพยายามสร้างข่าวและรวมไปถึงการสนับสนุนให้ผู้สร้างหนังและอื่นๆพยายามทำหรือสร้างบรรยากาศและยกระดับความรุนแรงและให้ความสำคัญถึงปัญหาการก่อการร้ายมากขึ้นเลยๆ

กลุ่มได้วิเคราะห์กันว่า CIA อาจจะแอบร่วมมือกับ บินลาเดน และกลุ่มตะลีบัน ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกามาก่อนในช่วงยุคระหว่าง 1978-1988 เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศจีนกำลังเปิดประเทศใหม่ๆหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ***(ก่อนที่จีนจะทำการเปิดประเทศอเมริกาได้เริ่มจัดหน่วยงานประเมิณผลถึงศักยภาพและขีดความสามารถการพัฒนาการตัวเองของประเทศจีนในแต่ละช่วงปีและรวมไปถึงประเมินถึงภัยคุกคามของประเทศจีนเอาไว้ล่วงหน้าถึง 50 ปี 1985-2035 และแผนยุทธศาสตร์การเข้าคุกคามความมั่นคงของประเทศจีนโดยรวมจัดตั้งองค์กรลับต่างๆเพื่อใช้โจมตีประเทศจีน เช่นการจัดตั้งให้องค์กรสากล เพื่อโจมตีด้านสิทธิมนุยษชน การให้การสนับสนุนลัทธิทางความเชื่อต่างๆ และให้การสนับสนุนแคว้นทิเบต, แคว้นแยงซี(ซึ่งพลเมืองส่วนใหญ่เป็นพุทธและอิสลาม)แยกตัวเองเป็นอิสระ นั้นคือการวางแผนการจำกัดการแผ่อิทธิพลของประเทศจีนเอาไว้ตั้งแต่จีนเพิ่งเริ่มรู้จักไก่ KFC นั้นเอง (ภายหลังจากเสี่ยนหนามตัวฉกาจอย่างโซเวียตล่มสลายไปแล้วและคิวต่อไปก็คือ ประเทศจีน )***

3) กลุ่มได้ตั้งคำถาม  - อยู่ดีๆ บินลาดิน ก็ออกมาก่อตั้งกลุ่มอัลกอร์อิดะ เพื่อมาต่อต้านการแผ่อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาเพื่ออะไร ทั้งๆที่อยู่ว่าอเมริกาให้การหนุนหลังประเทศในอาหรับมานานแล้วตั้งแต่ยุคสงครามเย็นไม่ว่าจะเป็น ตูนีเซีย อียิปย์ ซาอุฯ การ์ต้า โอมาน บาร์เรนและปากีสถานแล้วพึ่งจะมาคิดได้เอาเมื่อไม่นานมานี้หรือ???.... ถ้าสมมุติว่าอเมริกาต้องการควบคุมประเทศในอาหรับ ที่ยังควบคุมไม่ได้ก็คือ อิรักกับอิหร่าน วิธีเดียวก็คือต้องหาเรื่องสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในการส่งกองทัพเข้าไปยึดประเทศเหล่านั้น

4)กลุ่มได้ให้เหตุผลสนันสนุนในเรื่องนี้ว่า

-  เมื่อสหรัฐอเมริกายัดข้อกล่าวหาว่ากลุ่มตะลีบันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนการก่อการร้ายแล้วส่งกองทัพเข้าไปยึดอัฟกานิสถานแล้วแต่ทำไมจนปานนี้ กลุ่มตะลีบันยังคงอยู่และมีอิทธิพลอยู่ในทางตอนเหนือของปากีสถาน ทำไมอเมริกาไม่บังคับให้รัฐบาลปากีสถานส่งกองกำลังไปปราบกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก

สหรัฐกลับเพิกเฉยปล่อยให้กลุ่มตะลีบันเข้าไปหลี้ภัยอยู่ในปากีสถาน แบบว่าแม้แต่รัฐบาลปากีสถานยังต้องเกรงใจ

- ทั้งข่าวและภาพเหตุการณ์การส่งหน่วย G.I. เข้าไปลอบสังหาร บินลาเดน แบบมีข้อเงื่อนงำและข้อสงสัยหลายๆอย่างว่าเป็นเรื่องจริงหรือ ละครฉากหนึ่งที่สร้างขึ้นมา เพราะสหรัฐสามารถใช้เครื่องบินบินผ่านเข้าไปในเขตน่านฟ้าของปากีสถานได้แบบ FREE FLY ZONE ให้สำหรับกองทัพสหรัฐและอังกฤษตามมติสหประชาชาติในช่วงก่อนบุกอัฟกานิสถานอยู่แล้วและยังมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน แต่ PENTAGON กลับออกมาให้ข่าวว่าปฎิบัติการครั้งนั้นทางหน่วย G.I.ได้วางแผนกำหนดเวลาในการแอบลักลอบบินเข้าไปในปากีสถานในพื้นที่ที่ บินลาเดน กบดานอยู่ไว้เป็นอย่างดีแบบรวดเร็วและฉับไวคือทั้งเข้าและถอนกำลัง G.I.ออกมาโดยมีเวลาจำกัด **คำถามคือ ต้องแอบบินเข้าไปด้วยหรือ??? ** และที่เหตุผลสำคัญหลายอย่างที่ไม่ชัดเจน ถ้าหน่วย G.I. มีเวลามากมายถึงขนาดถ่ายภาพ บินลาเดนตอนนอนตาย+สภาพห้องและสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ขนาดนั้น ก็มีคำถามว่าแล้วทำไมไม่พากันหิ้วศพ บินลาเดนกลับมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยซะเลยละ

- เหตุที่ต้องสร้างข่าวการสังหารบินลาเดน นั้นก็เพราะประชาชนชาวอเมริกันบางส่วนเริ่มจะระแคะระคายถึงความไม่ชอบมาพากลถึงลำดับเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์ 11 กย จวบจนปัจจุบัน และสิ่งที่สำคัญก็คือ อิหร่านได้ถูกโดดเดี่ยวในอาหรับแล้ว รอเวลาที่สหรัฐแน่ใจแล้วว่าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครองจริงๆเท่านั้นก็จะส่งกองทัพบุกเข้าไปทันที (โดยใช้เหตุผลหลักคือการมีอาวุธนิวเคลียร์ต้องห้ามที่ทางอเมริกาได้ได้วางหมากเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้นว่าห้ามไม่ให้อิหร่านมีอาวุธดังกล่าวไว้ครอบครองเพราะเกรงว่าอาวุธดังกล่าวอาจจะตกไปถึงมือกลุ่มก่อการร้ายอัลกอร์อิดะ โดยได้ทำการโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกส่วนใหญ่ในสหประชาชาติลงเป็นประชามติไปแล้ว ต่อให้จีนหรือรัสเซียจะไม่เห็นชอบด้วยก็ตามเพราะทั้งสองประเทศนี้ไม่สามารถขัดมติสหประชาชาติได้)

 ดังนั้นตัวละครที่ชื่อ บินลาเดน ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป

 

(**ปล.ข้อมูลนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นแง่คิดของกลุ่มคนอเมริกันดังที่ได้กล่าวข้างต้นที่ได้ให้เหตุผลแง่คิดที่เห็นต่างเท่านั้น ซึ่งจริงๆมีข้อมูลที่คนกลุ่มนี้หยิบยกขึ้นมามีเยอะกว่านี้มากครับ แต่ผมเขียนสรุปมาให้อ่านกันโดยย่อเท่านั้น***)

 

 

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 28/05/2013 11:40:46