หลังจากที่ทร.พลาด เรือดำน้ำมือสอง U206A ของเยอรมันจำนวน6ลำ ลองมาดูโครงการจัดหาเรือดำน้ำตามแผน 2552-2554 ดีกว่าครับ มีความเห็นว่าอย่างไรกันบ้างครับ
โครงการจัดหาเรือดำน้ำ รายละเอีดตามแผนของกลาโหมมีดังนี้
บันทึก 9 รายละเอียดความต้องการเรือดำน้ำของ ทร.
9.1ประเภทย : เรือดำน้ำขับเคลื่อนพลังธรรมดา
9.2 โครงการ : 2 ลำ, ระยะเวลาโครงการ : 2555 - 2560
9.3 ขีดความสามารถที่ต้องการ
9.3.1 โจมตีเรือผิวน้ำ
9.3.2 ปราบเรือดำน้ำ
9.3.3 วางทุ่นระเบิด
9.3.4 ลำเลียงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
9.4 คุณลักษณะทั่วไปที่สำคัญ
9.4.1 ระวางขับน้ำใต้น้ำ 1,000 - 2,500 ตัน
9.4.2 รัศมีปฏิบัติการไม่ต่ำกว่า 2,500 ไมล์
9.4.3 ปฏิบัติการในทะเลได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15 วัน
9.4.4 ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบดีเซลไฟฟ้า พร้อมระบบ AIP (Air Independance Propulsion)
9.4.5 มีเครื่องมือเดินเรือทั้งผิวน้ำและใต้น้ำที่สมบูรณ์
9.4.6 ระบบสื่อสารเป็นแบบรวมการ ประกอบด้วย ระบบสื่อสารภายในย สื่อสารภายนอก ทั้งเหนือน้ำและใต้น้ำและระบบ GMDSS
ย 9.4.7 อุปกรณ์ตรวจจับ ประกอบด้วย ระบบโซนาร์แบบ PASSIVE และ/หรือ ACTIVE SONAR , ระบบ ELECTRONIC WARFARE , กล้อง Periscope 2 กล้อง ได้แก่ Attack และ Searchย โดยมีอุปกรณ์กล้อง IR/TV/กล้องถ่ายภาพนิ่ง/เรดาร์ติดตั้งร่วมด้วย9.4.8 ระบบอาวุธ ประกอบด้วย ตอร์ปิโด จำนวน 6 - 8 ท่อ พร้อมคลังและขีดความสามารถบรรจุ ระบบ countermeasure และระบบลวงตอร์ปิโด/โซนาร์
9.4.9 มีสายการผลิตอะไหล่สนับสนุนการซ่อมบำรุงให้ใช้งานได้อย่างน้อย 30 ปี
คาดว่าน่าจะเป็นเรือดำน้ำจากค่ายใดกันครับ และ สเปกนี่ถือว่าดีไหมครับยและ คิดว่าน่าจะแล้วเสร็จในการจัดหาในช่วงปีใดครับ
(ปล.คือผมสนใจเรื่องเรือดำน้ำมากครับ ประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาค เขามีเข้าประจำการกันเกือบหมดแร้วครับ แล้วพี่ไทยใยเมินเฉยครับ ผลประโยนช์ทางทะเลนั้นล้ำค่ามากนะครับ ควรเร่งจัดหาให้เร็วที่สุด)
แผนนี้ออกมาหลายปีแล้วครับ ยังไม่มีวี่แวว
และขอบอกว่า ทร.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉยแต่อย่างใด พยายามมาแล้วก็หลายครั้ง มันก็ตันทุกครั้ง
หลังปี 2558 ค่อยมาว่ากันใหม่ครับ ตอนนี้เร่งเรื่อง ฟก. ก่อน
ถ้ามันจัดหารได้ง่ายเหมือนอย่างที่คุณว่า...ป่านนี้ ทร.ไทย มีประจำการตั้งนานแล้ว กระทู้เรือดำน้ำเก่าๆ ก็มีเยอะ โต้เถียงเผ็ดร้อนมันมากต่อมาก ไปหาอ่านดูครับ
หลายเหตุหลายปัจจัยและอุปสัคหลายๆอย่าง ที่ทำให้กองทัพเรือ ไม่ได้เรือดำน้ำ, กองทัพเรือนะ อยากได้เรือดำน้ำมากกว่าเรือฟริเกตด้วยซ้ำ...อำนาจการซื้อเรือดำน้ำ ไม่ได้อยู่ที่กองทัพเรือ...ถ้าอยู่ที่ทร.ป่านนี้ คงเห็นประจำการตั้งนานแล้ว
กระทู้ U206A ไปหาอ่านดูก็ได้...
หลังจากการจัดหารเรือฟริเกตแล้ว เห็นว่า ทร.ก็จะลุยเรื่องเรือดำน้ำ...ยังไง มันก็ต้องมีอยู่แล้ว เพราะสภาพรอบบ้าน มันจะเป็นตัวบีบได้อย่างดี แต่อาจจะช้ากว่าชาวบ้านเขาหน่อย
เห็นด้วยกับเรือดำน้ำครับ การจัดอันดับความเข็มแข็งทางทหารปี 2012 ไทยอยู่ในอันดับที่19ของโลก ซึ่ง เป็นที่2ในภูมิภาคนี้รองจาก อินโดครับ ส่วนในปีนี้พี่ไทยเราหล่นลงมาอันที่20ครับเนื่องจากทาง ที่ต่างประเทศเขาคาดการณ์ไว้ว่า ไทยจะจัดให้เรือดำน้ำแล้วเสร็จภายในปีนี้ครับซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่พลาด เรือดำน้ำจากเยอรมันไปครับ ส่วนอินโดเร่งพัฒนาด้านการทหารอย่างก้าวหน้าขึ้นไปอันดับที่ 15 แร้วครับ ก็อยากให้ทุกฝ่ายปฎิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มที่ครับ เชื่อว่าถ้าคนไทยตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดแน่นอนครับ ขอให้อันดับอย่าหล่นลงไปอีกเถอะครับ อยากเห็นคนไทยบินได้^^
9.2 โครงการ : 2 ลำ, ระยะเวลาโครงการ : 2555 - 2560 <---แสดงว่าแผนเพิ่งออกมาต่อเนื่องจากแผนเดิม U-206a
ดูตามแผนปัจจุบันแล้วน่าจะเหมาะสม อยู่ที่จะสามารถผักดันตามแผนใด้หรือไม่ ...โดยกระทรวงกลาโหม
เตือนตอนไหนครับ ที่บอกว่าครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
http://www.thaifighterclub.org/webboard/17732/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%84-GT200-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html
เข้าใจนะครับ/Admin
ปี 2558 ก็จัดหนัก รุ่น KSS-II Type 214 1,860 ตันของเกาหลีมาเลย
จะได้ข่ม scorpene ลงได้ซะที
ถ้าได้เจ้าตัว KSS-II Type 214 1,860 มาก็คงจะดีครับจัดว่าทันสมัยเลยทีเดียว คงน่าเกรงขามขึ้นไปอีกเยอะเลยครับ แต่ส่วนตัวผมอยากให้มี amur 950 ของรัฐเซียครับ เหมาะกับอ่าวไทยที่สุดแล้วครับ มีสัก4ลำนี่โก้เลยครับ จิ๋วแต่แจ๋ว พิษสงค์ร้ายกาจมากครับ แต่เสียดายไม่ตรงตามที่ทร.กำหนด
นี่เจ้าamur950
ดูตามรูปการณ์แล้ว หากไม่มีการพลิกล๊อคหรือเกิดเรี่องใหญ่โตกับเกาหลี เรือดำน้ำของทร.ไทยก็น่าจะมาจากแดนกิมจินี่แหละ เพราะสายนี้แข็งโป๊กสมคำล่ำลือจริงๆ
พูดถึงเจ้า Amur 950 นี่โหดดีครับ ลำเล็กแต่หมัดหนัก บรรทุก Brahmos ไปด้วยตั้ง 10 ลูก แค่คิดก็หนาวแล้ว แต่หากจะเอาไว้ล่าเรือดำน้ำด้วยกันนี่คงไม่เหมาะ เพราะ มีท่อยิง Torpedo มีน้อยไปหน่อยนะครับ แค่ 4 ท่อ แต่ที่ในข้อมูลบอกว่าบรรทุกไปได้ 16 ลูก นี่ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ น่าจะเป็นของตัว Amur 1650 มากกว่า แต่โอกาสคงยากมากครับอาวุธจากค่ายรัสเซียสำหรับทร.ไทย ถ้าจะเอาลูกครึ่งอิตาเลี่ยน-รัสเชี่ยนอย่าง S1000 น่าสนใจมากกว่า แต่ก็ไม่มี VLS ต้องยิงจากท่อตอร์
S1000
อืม เจ้า amur 950 นี่เป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กที่เรียกได้ว่า เล็กพริกขี้หนู จริงๆครับ เป็นเรือดำน้ำที่เหมาะกับอ่าวไทยเพราะเป็นทะเลน้ำตื่น สามารถออกปฎิบัติการได้นาน45วัน มีท่อยิงมิซไซร์แนวตั้ง 10 ท่อยิง และมีท่อยิงตอร์ปิโต 4ท่อ และระบบปฎิบัติการ ที่ถือว่า ทันสมัยพอสมควร ราคาตกอยู่ 100million+ ซึ่งถือว่าไม่แพงมากสำหรับเรือดำน้ำ ผมว่าเรามีสองทางเลือกนะครับคือ
1.เลือกเรือดำน้ำขนาดกลางระวางขับน้ำไม่เกิน2500ตันมีสมรรถนาสูงพอสมควรอย่าง Type-214 ของเกาหลี แต่แบบนี้เรามีประจำการไม่เกิน2ลำแน่นอนครับเนืองจากมีราคาสูง
2เลือกเรือดำน้ำขนาดเล็กแต่มีพิษสงค์รอบคัว อย่าง amur950ของรัฐเซีย หรือไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำขนาดใกล้เคียงกันในส่วนของค่ายอื่นๆ ถ้าแบบนี้เรามีประจำการณ์เกิน2ลำแน่นอนครับ อาจจะเป็น4ลำหรือ6ลำ ซึ่งถือว่า ครอบคลุมทุกพื่นที่รอบประเทศเลยทีเดียว
ก็ต้องพิจรณากันต่อไปครับ และเมื่อไม่นานมานี้ ทบ.ก็ได้จัดเจ้านกยักษ์ mi-17จากรัฐเซียไป3ลำ ซึ่งคงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแร้วสำหรับการจัดหาอาวุธจากพี่หมีเพียงแต่ระบบอาจจะไม่คุ้นเคยในช่วงแรกๆ
หวยก็คงออกมาที่ type-209 1400/AIP แต่จะของเยอรฒัน+ตุรกี หรือ จะของเกาหลีใต้เท่านั้นแหล่ะครับ เพราะยังไงก็เป็นเรือเยอรมันเหมือนกัน แต่ระบบ AIP ของเกาหลีใต้จะเป็นระบบของเกาลีพัฒนาขึ้นมาเอง ดังนั้นราคาน่าจะหย่อนลงมากว่าทางเยอรมันพอควร
ถ้าสนใจเรือขนาดเล็กอย่าง armur 950 เมื่อก่อนผมเชียร์ใจขาด ตอนนี้มีตัวเลือกเพิ่ม จากแดนเกาหลีเช่นเดิม KSS-500A อันนี้น่าจะขอขยายแบบเรือให้ใหญ่เป็น 600-800 ตันได้ สเปกดีมากเลยเรือลำนี้ แต่อาวุธไม่หนักเท่าเรือรัสเซีย ราคาน่าจะไม่แพง
type-209 1400/AIP ก็เหมาะจะตามกองเรืออกไปทะเลจีนใต้นะครับ แต่คงไปไม่พ้นแถบอาเซี่ยน และก็เหมาะกับฝั่งอันดามันมาก
แต่ถ้าดูแลบ้านในอ่าวไทย KSS-500A มันก็ไม่เลวเลยครับ หรือเอามาทั้งสองแบบไปเลย สำหรับพื้นที่แต่ละส่วน
ถ้าต้องการเรือที่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น ดำได้นานกว่านั้น รอ KSS-III ก็ได้ครับ กว่า 3000 ตัน ตอนนี้ผมเชียร์ type-209 1400/AIP กับ KSS-500A ไปก่อน
type-209 1400/AIP ซัก 2 ลำ
KSS-500A ซัก 2-4 ลำ
หมายถึงแยกซื้อน่ะคับ อาจจะซื้ออะไรก่อนอะไรหลัง ก็ว่าไป ฮ่าๆๆๆๆๆ
ผมว่าถ้าจะจัดเรือดำน้ำตะกูลนี้ จัดหนักเลย U209 มันเก่าไปไหมครับ ถ้าจะจัด จัด U212 หรือ u214 ผมว่าดีกว่านะครับ
เตือนหนสุดท้ายนะครับ เรื่องการใช้ถ้อยคำ ถ้ามีอีกผมไม่เตือนแล้วครับ/ Admin
ผมว่าเจ้าเรือ AMUR 950 มันเป็นเรือใช้ในภาระกิจป้องปราบเรือผิวน้ำมากกว่า ใช้ในการป้องปราบเรือดำน้ำ เชื่อว่าไม่น่าจะอยู่ในสเปกค์ของกองทัพเรืออย่างแน่นอน อีกทั้งระบบอาวุธที่ทางกองทัพเรือที่ไม่คุ้นเคยกับของประเทศรัสเซีย นอกจากนั้น ต้องคำนึงถึงระบบ data link ระหว่างเรือด้ำน้ำกับเรือฟรีเกตและเครื่องบิน Saab 340 AEW&C และเครื่องบินกริฟเพนของกองทัพอากาศอีกด้วย
(ระบบของรัสเซียกับระบบของนาโต้มันคนละเรื่องเลยนะครับ)
ในส่วนของ KSS-500A มันยังเป็นเรือต้นแบบครับเชื่อว่าเกาหลีคงยังไม่ปล่อยของออกมาในช่วง 5-8 ปีอันใกล้นี้แน่ๆ และในส่วนของ Type209/1400Tผมก็มองว่ามันขนาดเล็กและเป็นเจนนะเรชั่น ที่เก่าไปแล้ว ควรจะมองเจนนะเรชั่นใหม่ที่มันทัดเทียมหรือเหนือกว่า Scopene หรือ Kilo class จะดีกว่า
ดังนั้นในชั่วโมงนี้ผมมองว่า KSS-II Type 214 ขนาด1,860T (ราคาไม่เกิน 400 M.USD)เหมาะที่สุดแล้วครับ ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไปที่จะใช้ในอ่าวไทย (เจราจาซื้อเรือจากเยอรมันโดยผ่านเกาหลีปลอดภัยจากปัญหาการเมืองมากที่สุดแล้วครับ)
ทร.ไม่ควรพิจารณาเรือที่เป็นเรือกระดาษโครงการ ยังไม่ได้ผลิตจริงของทุกค่ายๆครับ ไม่ว่าจะเป้นของทางอู่เยอรมนี เกาหลี หรือ รัสเซีย ควรพิจารณาจากเรือที่มีการผลิตแล้วจริง (chang bogo mod หรือ type214 kilo หรือแม้แต่ a-19 gotland ) หรือเอาเรือที่ผลิตแล้วจริงมาดัดแปลง (type 209 mod aip ) เท่านั้น ครับ
เคยได้ยินนายทหารผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเรือดำน้ำนี้ จำไม่ได้ว่าท่านไหน ท่านบอกไว้ว่า Amur เนี่ยคงจะไม่ซื้อ เพราะยังไม่มีผู้ใช้ ไม่รู้ประสิทธิภาพจริง ง่ายๆ ไม่รู้ว่าดีจิงป่าวเลยไม่กล้าซื้อพวกเรือดำน้ำที่ยังไม่เคยผลิต
type 212 กับ type 214 นี่ต่างกันอะไรยังไงมากน้อยแค่ไหนหลอคับ
ใช้ครับการเป็นผู้ใช้รายแรกถือว่าเสี่ยง แต่จะมีข้อเสนอพิเศษเป็นอย่างมากแน่นอนครับ แต่ถ้าต้องการให้เรือดำน้ำปฎิบัตการ กับระบบ data link ของ เจ้า saab 340 AEW ก็ต้องนี่เลยครับ A-19 Gotland class เรือดำน้ำของสวีเดน ที่ถือว่ามีพิษสงค์ร้ายกาจมากครับ !! สหรัฐอเมรกาเคยเช่าไปฝึก ผลปรากฎว่า เจ้าเรือตัวนี้ จมเรืออเมริกาไปหลายลำเลยครับ น่าสนจัยมากยิ่งถ้าเราซื้อเรือจากสวีเดนนิขอได้ข้อเสนอพิเศษมากมายแน่นอนครับ และเห็นว่า สวีเดกับลำพัฒนาเรือดำน้ำรุ่นใหม่อยู่อีกนะครับ
เรือดำน้ำ Type 212 เป็นเรือดำน้ำที่เยอรมันผลิตเข้าประจำการสำหรับกองทัพเรือเยอรมัน ส่วน Type 214 จะเป็นเรือดำน้ำที่ผลิตขายต่างประเทศ สเป็คแต่ละประเทศแตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้าครับ
น่าสนใจมากครับ A-19 Gotland ว่าแต่นายหน้าของ Kockums ผู้สร้าง/เจ้าของแบบเรือดำน้ำสวีเดนนี่จะเป็นบริษัทเดียวกับ SAAB หรือเปล่าน้า
ขอเอารูปส่งเข้าประกวดเพิ่มสักหน่อยนะครับ (เพิ่มสีสรร)
Gotland Class Submarine
ใคอยากเห็นเรือดำน้ำของไทยก็ไปดูที่พัทยาได้นะครับ ^^
เรือดำน้ำ จากสวีเดน ก็ไม่เบาเหมือนกันนะผมว่า...
น่าจะตรงกะความต้องการของทร.เป๊ะเหมือนกัน แถมเรา ก็ซื้อเครื่องบิน Gripen แล้วด้วย
สงสัยเรื่องการสื่อสารใต้น้ำ หรือระหว่างการดำน้ำ ครับ ระหว่าเรือดำน้ำ กับเรือผิวน้ำ และอากาศยาน สามารถทำได้หรือไม่อย่างไร ครับ
ในความเห็นของผม ทร. น่าจะเจียดงบประมาณมาเช่าซื้อเรือดำน้ำมือสองของสวีเดนมาสัก 1 ลำก่อน เอาลำที่สหรัฐเคยเช่าไปทดสอบนั่นล่ะครับ เหตุผลว่าทำไม ก็เพราะว่าการที่สวีเดนมียอมให้สหรัฐยืมไปทดสอบหลายๆเดือนก็แสดงว่าจำนวนเรือดำน้ำที่สวีเดนมีอาจจะเกินความต้องการอยู่ 1 ลำ ซึ่งหากเราเจรจาดีๆอาจได้เรือดำน้ำมือสองมาในราคาที่พอรับได้ และในระยะเวลาที่เร็วกว่าที่จะรองบประมาณซื้อเรือดำน้ำใหม่ 2 ลำในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งมีราคาแพงมากและก็ไม่รู้ว่าจะผ่านการอนุมัติหรือเปล่า
ผมกะเอาเองว่าราคามือสองรวมปรับปรุงไม่น่าเกิน 250 ล้านเหรียญ US เป็นเงอนไทยก็สัก7500 ล้านบาท เอาว่าแบ่งจ่าย 3 ปี ก็ตกประมาณ 2500 ล้านบาทต่อปีเท่านั้นเอง ซึ่งน่าจะพอเจียดงบประมาณประจำปีของ ทร. ได้ หรือของบประมาณเพิ่มได้ครับ
น่าจะเป็น Södermanland Class submarines แต่ผมดูใน Wiki. บอกว่ามี 3 แต่ใช้ 2 แล้วหายไปไหน 1 ลำ ครับ
Södermanland Class submarines เป็นรุ่นที่เก่ากว่า gotland class เป็นรุ่นที่ทร.สิงคโปร์มีประจำการอยู่ครับ
ถึงคุณ hs3mmq ครับ การสื่อสารระหว่างเรือดำน้ำกับเรือผิวน้ำหรืออากาศยานจะเป็นไปในลักษณะผ่านเสาสัญญาณวิทยุหรือ SATCOM ครับ ถ้าคุณสังเกตจากรูปเรือดำน้ำในตอบกระทู้คุณ TWG
- โดยเรือดำน้ำขณะดำอยู่ใต้น้ำจะไม่สามารถสื่อสารกับใครได้เลยจากบนผิวน้ำ(ถ้าเป็นสมัยสงครามโลก)
- แต่ในปัจจุบันเรือดำน้ำจะออกแบบท่อที่เป็นที่อยู่ของเสาวิทยุและเรด้าห์ผิวน้ำให้สามารถทนแรงดันหรือแรงต้านของน้ำได้ โดยเรือดำน้ำจะดำอยู่ใต้น้ำที่ระดับความลึก ระหว่าง 5-7 เมตรจากใต้ผิวน้ำทะเล ซึ่งจะเป็นระดับเดียวกับกล้องโพริสโคป และชักส่งท่อขึ้นไปเหนือผิวน้ำในระดับมาตรฐาน โดยใช้ความเร็วของเรือประมาณ 5-7 knots เพื่อทำการส่งวิทยุสื่อสาร และสามารถเปิดใช้เรด้าห์ผิวน้ำเพื่อใช้ตรวจหาตำแหน่งเรือผิวน้ำในบริเวณใกล้ๆ รัศมีตรวจจับตั้งแต่ 60 กม.(ของเรือชั้น kilo class)
*** นี้คือความร้ายกาจและความได้เปรียบของเรือดำน้ำในยุคปัจจุบัน คือเรือดำน้ำสามารถใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกันหรือเชื่องโยงเพื่อดูเป้าหมายจากภาพถ่ายดาวเทียมได้และยังใช้เรด้าห์ผิวน้ำขนาดเล็กตรวจหาตำแหน่งเรือรบผิวน้ำได้ในขณะที่เรือยังดำอยู่ใต้น้ำ ซึ่งในขณะที่เรือรบผิวน้ำยังตรวจหาตำแหน่งเรือดำน้ำไม่เจอ ตรวจเจอแค่ระยะห่างของเรือดำน้ำเท่านั้นจากโซน่าในระยะ passive (ระยะ40-50กม.) เรือรบผิวน้ำจะตรวจเจอตำแหน่งและพิกัดของเรือดำน้ำได้ก็ต่อเมื่อใช้โซน่าในระยะ active (ระยะ 12-17 กม.) ซึ่งจะเป็นระยะหวังผลที่จะสามารถใช้ตอปิโดโจมตีเรือดำน้ำได้ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของตอปิโดรุ่นนั้นๆด้วย) ดังนั้นเรือดำน้ำจะสามารถใช้จรวดร่อน SSN-27 หรือจำพวก harpoon หรืออื่นๆที่เทียบเท่า ชิงจังหวะโจมตีเรือรบผิวน้ำได้ก่อนที่ระยะไกลตั้งแต่ระยะ 20 กม.ขึ้นไป
นอกจากนี้เรือดำน้ำยังมี 1.ทุ่นใต้น้ำเป้าลวง (Depth buoy decoy ) ทั้งแบบ passive และ active เอาไว้ใช้ล่อลวงโซน่าและตอร์ปิโดของฝ่ายตรงข้าม
2.ตอปิโดล่อลวงทั้งแบบ passive และ active (Torpedo decoy) มักจะมีใช้ในเรือดำน้ำพลังไฟฟ้านิวเคลียร์
3.เรือดำน้ำรุ่นใหม่ๆจะติดตั้งแผ่นดูดกลื่นคลื่นโซน่ากับใต้ผิวของตัวเรือ (สามารถดูดกลืนคลื่นสัญญาณได้ประมาณ 30-40%ในเรือช้ัน kiloของรัสเซีย)
4.เรือด้ำน้ำชั้น kilo จะติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานในระยะใกล้ 6-9 กม.หรือเครื่องยิงจรวดประทับบ่าเอาไว้ใช้สอย ฮ.ปราบเรือด้ำน้ำ คือเรือจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาในระยะไม่เกิน 4 เมตรจากส่วนหัวบนของเรือ (เป็นระยะที่ตัวเรือดำน้ำหลักยังสามารถทรงตัวอยู่ใต้น้ำได้) จากเหนือผิวน้ำทะเลด้วยความเร็ว 5-7 knot ก็สามารถใช้จรวดดังกล่าวได้แล้ว
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าการจะปราบเรือด้ำน้ำโดยใช้เรือรบผิวน้ำและ ฮ.ปราบเรือดำน้ำ นั้นไม่ใช้เรื่องง่ายๆเลย ถ้าเรือรบลำนั้นไม่มีระบบป้องกันจรวดและระบบโซน่าที่ดีพอ
***ข้อมูลนี้อ้างอิงขีดความสามารถในเรื่องของระบบสงครามของเรือมาจากเรือดำน้ำชั้น กิโลของรัสเซีย (kilo class)ที่รัสเซียขายให้เวียดนามครับ
ขอบคุณ คุณ ObeOne มากครับ ที่ให้ข้อมูล
เอ่อเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ 1.นอกจากนี้แล้วเรือดำน้ำชั้น kilo ของรัสเซียหรือเรือดำน้ำรุ่นอื่นๆในปัจจุบันที่เป็นเรือที่ใช้พลังงานไฟฟ้าระบบ Fuel Cell ยังสามารถทำการชาร์จแบตเตอร์รี่และนำอากาศเข้าและออกไปในเรือดำน้ำโดยผ่านท่อสน็อกเกิ่ล และท่อดูดอากาศ ที่ระดับความลึกจากใต้ผิวน้ำทะเล 5-7 เมตร และข้อดีของเรือดำน้ำในระบบ Fuel Cell สามารถทำการชาร์จแบตฯในขณะที่เรือยังแล่นอยู่ได้ที่ระดับความเร็ว ไม่เกิน 3-7 knots (ถ้าใช้ความเร็วมากกว่า 3 knots เครื่องยนต์ดีเซลจะใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มนานมากและสิ้นเปลืองน้ำมัน ถ้าจะให้ดีก็ดับเครื่องมอเตอร์ไฟฟ้าไปเลย) โดยที่เรือไม่ต้องโผล่พ้นน้ำอีกแล้วด้วย คือ สามารถกบดานอยู่ใต้น้ำได้นานตลอดระยะปฎิบัติการของเรือ
2. เรือดำน้ำยังสามารถใช้ระบบการสื่อสารเชื่อมโยงที่เรียกว่า data link กับเรด้าห์จากบนเรือผิวน้ำหรือจากภาคพื้นดินหรืออากาศยานหรือดาวเทียม เพื่อใช้ในการล็อกเป้าและนำพาไปสู่เป้าหมายกับจรวดร่อนในระยะไกลกว่า 100 กม.ได้อีกด้วย (และนี้คือสาเหตุที่ว่าทำไมกองทัพสหรัฐถึงได้ออกแบบ ระบบเรด้าห์รุ่น SPY-3 (x-band radar of AMDR-System) ขึ้นมาเพื่อใช้เรด้าห์ดังกล่าวตรวจหากล้องพอริสโคปและท่อเสาสัญญาณวิทยุสื่อสารและเรด้าห์ผิวน้ำ ก็เพื่อลดความเสียเปรียบของเรือรบผิวน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องปราบเรือดำน้ำครับ
ขอเสริมจากท่าน ObeOne นิดนึงครับ เกี่ยวกับการใช้กล้่องและเรดาร์หรือเสารับสัญญาณของเรือดำน้ำ จุดนี้เป็นประเด็นหนึ่งในการพิจารณาเลือกเรดาร์สำหรับ การปรับปรุง รล.จักรีฯ และ รล.นเรศวร/ตากสิน ระบบเรดาร์ Sea Giraffe AMB มีความสามารถในการตรวจจับเป้าพื้นผิวน้ำที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนที่ช้าได้ (ไกลสุดถึงระยะเส้นขอบฟ้า) จึงเหมาะที่จะใช้ตรวจจับเรือดำน้ำที่กำลังใช้อุปกรณ์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ขอให้ปี2558ได้เริ่มจัดหาอย่างเป็นพิธีเถอะครับ ประเทศแถบภูมิภาคนี้เขามีกันหมดแล้วน๊า เฮ้อ..ออ