“อุบัติเหตุ” ชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันว่า ดินแดนที่เป็นข้อพิพาทนั้นเป็นของตน ทำให้ไม่ว่า ศาลโลกจะตัดสินออกมาอย่างไร การประเมินของหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ยังชี้ว่า แทบจะทุกมิติ แทบจะทุกประตูที่ศาลชี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สงคราม
สัญญาณจากกัมพูชานั้น แน่นอนว่า จะต้องจับตาดูท่าทีของ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้รุนแรงจนผิดสังเกต แต่ใครจะรู้ว่า เมื่อศาลโลกฟันธงลงมาแล้ว สมเด็จฮุน เซน จะทำอย่างไร
ถ้ากัมพูชาได้เปรียบ แน่นอนว่า กำลังรบจะต้องถูกเสริมเข้ามาอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตยของกัมพูชา แต่ถามว่า แล้วกองทัพไทยจะยินยอมตามนั้นหรือ?
หากศาลโลกเชื่อในหลักฐานและเหตุผลของไทย ถามว่า กัมพูชาที่เพียรหาช่องทางเพื่อให้มีสิทธิเหนือดินแดนทั้งปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดมากว่า 10 ปี จะยอมรามือกลับพนมเปญกระนั้นหรือ ในเมื่อ ฮอร์ นัม ฮง รองนายกฯ ของกัมพูชาพูดชัดแล้วว่า หากศาลไม่ตัดสินให้ฝ่ายกัมพูชา ก็ยากจะเกิดสันติภาพในดินแดนแถบนี้
นั่นคือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าถามว่าถ้ารบกันอีกครั้ง กัมพูชาซึ่งได้บทเรียนรับความเสียหายไปครั้งล่าสุด มาวันนี้ยังมีแสนยานุภาพอะไรมาต่อกรกับไทย
เริ่มที่กองทัพบก สำหรับกัมพูชาแล้วนับเป็นเหล่าทัพที่สำคัญที่สุดในจำนวน 3 เหล่าทัพ อาวุธส่วนใหญ่ของจะมาจากค่ายสังคมนิยมเดิมอย่างรัสเซียและจีน
ประกอบด้วย กรมทหารราบ 9 กรม, กองพันยานเกราะ 3 กองพัน, กรมทหารช่าง 4 กรม และกองพลน้อยต่อต้านการก่อการร้าย 3 กองพล มีกำลังทหาร 124,000 นาย งบประมาณกลาโหม 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีโดยประมาณ
อาวุธส่วนมากเป็นอาวุธในยุคสงครามเย็นที่เคยใช้ในสงครามกลางเมือง ปัจจุบันอาวุธหลายรายการได้รับการช่วยเหลือจากจีน รัสเซีย และสหรัฐ
- รถถังหลัก T-55 จากรัสเซีย ราว 100 คัน
- รถถังหลัก Type-59 จากจีน ราว 200 คัน
- รถถังเบา PT-76 จากรัสเซีย, รถถังเบา Type-62/63 จากจีนและรถถังเบา AMX-13 จากฝรั่งเศส ราว 50 คัน
- รถรบทหารราบ BMP-1 จากรัสเซีย 10 คัน
- รถเกราะสายพาน M113A1/A3 จากสหรัฐ 20 คัน
- รถเกราะล้อยาง BTR-60 จากรัสเซีย 120 คัน
- รถเกราะล้อยาง BTR-152 จากรัสเซีย 100 คัน
- รถเกราะล้อยาง OT-64 จากโปแลนด์ 26 คัน
ปืนใหญ่/ปืนต่อสู้อากาศยาน/จรวดต่อสู้อากาศยาน
กองทัพบกกัมพูชามีปืนใหญ่ทั้งจากสหรัฐและรัสเซียประจำการหลายรายการเช่นปืนใหญ่ขนาด 105 มม. แบบ M101, ขนาด 155 มม. แบบ M114 จากสหรัฐ หรือปืนใหญ่สนามขนาด 130 มม. แบบ M1954 และปืนใหญ่วิถีโค้งขนาด 152 มม. แบบ M1955
สำหรับปืนต่อสู้อากาศยานนั้น ได้จากรัสเซียและจีนเป็นกำลังหลัก ส่วนจรวดต่อสู้อากาศยานเคยมีจรวด SA-3 แต่ได้ทำลายทิ้งไปตามข้อเสนอของสหรัฐเพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือด้านอื่นเนื่องจากสหรัฐกลัวว่า SA-3 จะตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย
กองทัพเรือกัมพูชายังมีสถานการณ์เป็นกองทัพเรือใกล้ฝั่ง (Green Navy) โดยมีเรือตรวจการณ์ลำน้ำชั้น Kaoh จำนวน 2 ลำ และเรือเร็วโจมตี (ปืน) อีก 2 ลำ
ปี 2548 รัฐบาลจีนได้บริจาคเรือตรวจการณ์ขนาด 46 เมตร 4 ลำ เรือตรวจการณ์ขนาด 20 เมตร 3 ลำ และเรือลำเลียงสัมภาระอีก 1 ลำ
กองทัพอากาศ กัมพูชามีฐานบินอยู่สองแห่งคือ ฐานทัพอากาศพระตะบองและฐานทัพอากาศพนมเปญ แต่มีเครื่องบินประจำการที่ฐานทัพอากาศพนมเปญเพียงแห่งเดียว
กัมพูชาเคยจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบ MiG-21 จำนวน 22 ลำจากรัสเซียในปี 2529 แต่เครื่องบินถูกสั่งกราวน์ (จอด) ทั้งหมดในปี 2535 เนื่องจากขาดงบประมาณ ต่อมาในปี 2539 ได้ว่าจ้างบริษัท Israel Aircraft Industry ปรับปรุง MiG-21 จำนวน 12 ลำ และจัดหา L-39C มือสองที่ได้รับการปรับปรุงอีก 6 ลำ โดยได้รับมอบ L-39C ทั้งหมดเมื่อปี 2540 แต่จากการที่สมเด็จฮุน เซน ขับเจ้านโรดม รณฤทธิ์ ออกจากการร่วมรัฐบาล ทำให้ธนาคารโลกและสหรัฐตัดความช่วยเหลือ ส่งผลกระทบกับโครงการปรับปรุง MiG-21 ทำให้อิสราเอลส่งมอบ MiG-21 คืนให้กัมพูชา 2 ลำ ปัจจุบันไม่ทราบสถานะของเครื่องบินทั้ง 2 ลำนี้ แต่คาดว่าไม่สามารถทำการบินได้เนื่องจากขาดงบประมาณและขาดนักบินที่มีความชำนาญ
แสนยานุภาพของกองทัพอากาศ
เครื่องบินขับไล่ MiG-21 Bis และ MiG-21UM จากรัสเซียอย่างละ 1 ลำ
- เครื่องบินขับไล่ฝึก L-39C จากสาธารณรัฐเช็ก 6 ลำ
- เครื่องบินลำเลียง Y-12 จากจีน 2 ลำ
- เครื่องบินลำเลียง An-24RV จากรัสเซีย 2 ลำ (รับโอนจากกัมพูชาแอร์ไลน์)
- เครื่องบินลำเลียงเบา BN-2A Islander จากอังกฤษ 2 ลำ
- เครื่องบินรับส่งบุคคลสำคัญ Falcon 20E จากฝรั่งเศส 1 ลำ (ได้รับบริจาคจากฝรั่งเศส)
- เฮลิคอปเตอร์ AS350 Ecureuil 2 ลำ (ได้รับบริจาคจากฝรั่งเศส)
- เฮลิคอปเตอร์ SA365 Dauphin 1 ลำ (ได้รับบริจาคจากฝรั่งเศส)
- เฮลิคอปเตอร์ Mi-8/Mi-17 จำนวน 6 ลำ
- เฮลิคอปเตอร์ Mi-26 จำนวน 2 ลำ
การรับรู้แสนยานุภาพของอีกฝ่ายแล้วมาปรับปรุงในส่วนของตนเอง ก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่จะยับยั้ง "สงคราม" ที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นได้
ที่มา : http://www.komchadluek.net
เหอะๆ ทั้งรับมือทั้งรุกทั้งยึดกองทัพไทยก็ทำได้ แต่ติดที่เรื่องจริงก็คือกัมพูชาจะใช้การรบโดยที่ยอมเจ็บตัวเพื่อดึกต่างชาติเข้ามาถ้ากัมพูชาทำได้จริงคนที่จะเจ็บตัวคือไทยเองดูจากการปะทะที่ผ่านมา กองทัพอากาศทำได้แค่ขู่ กองทัพบกทำได้แค่รอสวนกลับ กองทัพเรือทำได้แค่ล่องเรือเล่น ถ้ารบกันครั้งใหญ่อีกรอบ โปเชนตง3 คงได้เห็นหน่วย911กัมพูชา ซัดกับอากาศโยธินไทยแน่ๆ
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ครับ นี่คือคำสั่งสอนของ ซุนวู
เฮ่อ...ถามท่าน pop04 หน่อยครับว่าท่าน รู้จักกองทัพไทยดีหรือยังครับ ว่าเเต่กัมพูชา มีปัญญา รุก รับ และยึดขนาดนั้นเลยหรอครับ ง่ายไปไหม....หน่วย 911 ของกัมพูชาซัดกับหน่วยอากาศโยธินของไทย ...โฮ้ ขนาดนั้นเลยเหรอ ไทยทำได้เเค่ขู่เหรอเนี่ย
ว่ากันไป..
เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ หากศาลโลกตัดสินเข้าข้างเราจริง แล้วกัมพูชาก่อสงครามมันจะการเป็นการทำสงครามโดยชอบธรรมของฝ่ายเราครับ การกัมพูชาจะดึงต่างชาติเข้ามาก็จะเป็นแค่ตัวกลางไกล่เกลี่ยยุติสงครามเท่านั้น จะไม่มีผลต่อเรื่องชายแดน และเราจะขอค่าปฏิกรณ์สงครามได้ ไม่ได้เงินก็เอาดินแดน
คือท่าน pop04 เขาจะบอกว่าเราน่ะทำได้ทุกอย่างแต่ถ้าทำมันก็จะไปเข้าทางเขาเพราะกัมพูชาต้องการที่จะดึงมือที่ 3 มาช่วยอยู่แล้วครับ
ในส่วน 911 ก็อย่าไปดูถูกเขามากนักคนไทยนี่ติดสิสัยชอบดูถูกเพื่อนบ้านจริงๆ - -\
อ่านที่ท่านป๊อบโพส ก็ไม่เห็นจะมีประเด็นนี่ครับ เป็นการบอกเล่ามากกว่า
ฝูง OPLOT จากยูเครน คงมาทันเวลาพอดี คงจะได้ทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานจริงไปในตัว
แต่ ที่ผมอยากเห็นสุดใจขาดดิ้น คือ ประสิทธิภาพของ DTI-1 ที่เขาบอกว่ากินเนื้อที่ประมาณสนามบอล
ขอเตือน .. ยังไงก็ระวังการโจมตีอ้อมหลังไว้บ้าง เพื่อนบอกว่า ช่วงนี้เห็นชาวกัมพูชามาอยู่แถวๆชลบุรีเยอะ
ผิดปกติ ผมคิดว่าน่าจะมาหาข่าวหรืออะไรก็แล้วแต่ เราต้องไม่ประมาท หน่วยความมั่นคงต้องตรวจสอบ
กับ ตม. บ้าง ไม่ได้ระแวง แต่เราต้องระวัง
ชลบุรีและระยองไม่ต้องกังวลหรอกครับแถวนี้มีแต่นิคมอุตสาหกรรมของต่างชาติครับทั้ง ญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรป เชื่อว่าเขมรไม่กล้าเปิดศึกทางน้ัน เพราะไม่อยากมีเรื่องบาดหมางใจกับประเทศที่เป็นเจ้าของโรงงานแน่ๆ ทั้งFord ทั้ง GM ของอเมริกาทั้งนั้น (พูดง่ายๆแต่ละประเทศจะส่งกองกำลังเข้ามาในประเทศไทยฝั่งตะวันออกเพื่อปกป้องประชาชนและทรัพย์สินของแต่ละชาติที่เป็นเจ้าของโรงงานนั้นๆอย่างแน่นอน)
เรื่องแบบนี้ วิจารณ์ยาก ถ้าไม่รู้ข้อมูลจริง บางที แค่ทำเนียบกำลังรบ ก็ไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงผลของการรบได้ อย่าลืมครับ ในเรื่องอำนาจการรบแล้ว มีทั้งที่มีตัวตน และ ไม่มีตัวตน (ทหารตัวจริง คงเข้าใจ)
ดูเฉยๆดีกว่า...........สงครามใหญ่ไม่มีวันเกิด
มีแต่.................ใช้ยุทธวิธีลอบกัดเหมือนเดิม
ผมหมายถึงเหมือนคุณFiTaLipzโพสละครับ แค่กองกําลังสุรนารี เล่นเอากัมพูชาขนอาวุธมาเกือบทั้งปะเทศ โดนลูกสวนกลับเราซะยับ ถึงได้ต้องซื้อจรวดหลายลำกล้องมาใหม่ซะหลายชุดเลย ส่วนกองทัพอากาศก็ได้แค่บินขู่จริงนี่ครับลองหาข้อมูลดูได้เลยครับช่วงปะทะ เพราะเราไม่ใช้กำลังทางอากาศเพราะจะเข้าทางเขมรหาว่าไปรังแกเขาประเทศอื่นจะได้เข้ามาแทรกแซง ส่วนเรื่องที่ว่า 911ของเขมรมีหวังได้ปะทะกับอากาศโยธินเราผมหมายถึง ปฏิบัติการพาคนไทยกลับบ้าน เพราะถ้าครั้งนี้ปะทะกันอีกคงหนักกว่าครั้งเก่าแน่ ได้ ส่งc130ไปรับคนไทยกลับประเทศแน่นอน เขมรเขาคงไม่ยอมง่ายๆเหมือนครั้งก่อนหรอก ลองดูภาพเอาเองครับว่าครั้งก่อนเราไปรับคนไทยกันยังไงเขาคงส่ง หน่วย911มารอตอนรับเราแน่นอน ครั้งก่อนยังกับไปยึดสนามบินเขาเลย
เข้าไปดูตามลิ้งนี่ http://thaiarmedforce.com/inventory.html แล้วก็เปรียบเทียบดูครับ ข้อมูลแน่นกว่าเว็บกองทัพซะอีก5555ขำๆนะครับ
แล้วผมไม่ได้ดูถูกประเทศเพื่อนบ้านนะครับประเมินตามความเป็นจริง อาวุธที่น่ากลัวของกัมพูชาคือเกมการเมืองระหว่างประเทศครับ
ในความคิดของผมเชื่อว่าผลการตัดสินของศาลโลกน่าจะออกมาแบบเดิมเมื่อครั้งสมัยก่อน (คือเสมอตัว =ปราสาทเป็นของเขมร พื้นที่ทับซ้อนเป็นของเรา ถ้าจบแบบบนี้ก็ แฮปปี้ เอนดิ้ง) เพราะถ้าคำตัดสินมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว (ถ้าศาลโลกไปตีความยึดเอาแผนที่ของเขมรละก็....ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ) ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นศาลโลกนั้นแหละจะเป็นตัวก่อฉนวนสงครามขึ้นซะเองซึ่งจะผิดต่อหลักการที่ว่าศาลโลกต้องเป็นผู้เข้าไปไกล่เกลี่ยและตัดสินปัญหาความขัดแย้งระหว่างคู่กรณีของทั้งสองประเทศนั้นๆโดยต้องคำนึงถึงสันติสุขและสันติภาพของประเทศคู่กรณีเป็นสำคัญ
(ปล.งานนี้มีสงครามใหญ่แน่นอนครับต่อให้รัฐบาลชุดนี้จะมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล ฮุนเซนแค่ไหนก็ตาม ถ้าคำตัดสินเอนเอียงไปทางเขมร เพราะผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่จะไม่ยอมให้ไทยเราต้องสูญเสียดินแดนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถึงผมจะไม่ใช้ทหารก็ตาม และที่สำคัญมากๆด้วย ผมไม่ชอบด้วยเลย ที่คนบางกลุ่มพยายามจะรื้อฟื้นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วมานานกว่า50ปี หยิบยกเรื่องนี้มาใช้เป็นประเด็นหรือหวังผลทางการเมือง เพราะมันเสี่ยงและล่อแหลมต่อการสูญเสียดินแดนและผลประโยชน์ของชาติไทยเรา)
นี่ก็ จะเข้าอาเซียนแล้ว มา ซัวสเด กันดีกว่าที่จะมาสู้กันนะ ครับ :)
ตอนโปเชนตงนี่เห็นเขาว่านายกทักษิณ[ในขณะนั้น]โทรไปคุยเองเลยหนิครับเราถึงขนไปขณะนั้นเพราะมีข่าวจะเผาสนามบินไม่ให้เอาคนไทยกลับ
แล้วท่านใดอยากรู้ข้อมูลจริง ถ้าปะทะกันอีกรอบ เชิญมานอนเล่นบ้านผมได้นะครับถ้าท่านหลับลง จะพาไปดูที่ตั้งยิง ซีซาร์ (CAESAR) มาดูกันเลยครับว่าเรารอสวนกลับจริงไหม ปะเภทที่ว่าเขามาสามเราซัดไปเก้า นอนนับเสียกันได้เลยกระจกบ้านต้องเอากาวมาอัด ไม่งั้นบ้านเซอร์ราวด์ กันทั้งหลัง ส่วนรูปทหารเขมร ที่นอนตายที่หลุดมานั้น ถ้าท่านได้ดูจากกล้องของพี่ทหารพรานจริงๆ นอนเยอะกว่านั้น BM21 มีตั้ง 200 กว่าระบบ นึกดูแล้วกันโดนไปเท่าไร ถึงต้องซื้อของใหม่มาแทน ไม่นับ T54/55 ที่โดน ปรส สอยจากมุมสูงอีก ถ้าผมไม่ทราบข้อมูลจริงก็ไม่กล้ามั่วหรอกครับก็พอจะทราบบ้าง แต่บางอย่างมันเป็นนโยบาย ของประเทศเราเองที่ไม่เปิดเผยข้อมูล นำเสนอแต่บ้านประชาชน โรงพยาบาลโรงเรียน ของเราที่ถูกโจมตี ผมก็ว่าดีนะที่เราทำแบบนี้ไม่งั้น ตอนศาลโลก เขาคงเอามาใช้เป็นข้อมูลเล่นงานเรา แล้วถ้าถามว่าทำไมกัมพูชาเขาไม่เปิดเผยละเข้าจะได้ใช้ข้อมูลนี้เล่นงานเรา ใครมันจะกล้าเปิดเผยส่งทหารมาตาย จนต้องใช้นโยบายมารบกับไทยให้บ้านหนึ่งหลัง ขนาดแม่ทัพของเขายังร้องไห้ออกทีวีเลย
คนเขมรก็มีทัวประเทศไทยอยู่แล้วนิครับ โดยเฉพาะภาคตะวันออกนั่นแหละ กลัวไปเองมากกว่าครับ
ผมว่าอย่าพึ่งไปดูถูกเขามากเลยครับ ถึงเทคโนโลยีทางการทหารเขาจะต่ำกว่าเราแต่ผมคิดว่าศักยภาพของกำลังพลคงไม่ด้อยกว่ากันเท่าไร ประสบการณ์ในสงครามเขาก็มีไม่น้อย(น่าจะมากกว่าเราด้วยมั๋ง ผมไม่แน่ใจนะ ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์กัมพูชาเท่าไร) ไม่ใช่ว่าเชียร์เขมรนะเพราะผมก็คนไทย แต่ประเมินศัตรูให้สูงไว้ย่อมดีกว่าประเมินต่ำเกินไป
"If you like reading historical accounts of ancient battles, it becomes clear that overconfidence is probably the greatest cause of major lost battles." by Byg, TWCenter.net
ผมว่า ประสบการณ์ของทหารเรา ก็มีสูงมากเหมือนกันนะครับ
อย่าลืมว่า...ในช่วงสงครามเวียดนาม สรัฐอเมริกานี่แหละ - ใช้ไทยเป็นฐานทัพ ในการขนระเบิดไปทิ้งปูพรมในเวียดนาม,เขมรและลาวซะเละตุ้มเป๊ะ
และในช่วงนั้น ทหารไทยเรา ก็ใช้นโยบาย - รบนอกบ้าน ดีกว่ารบในบ้าน นั่นก็หมายความว่า...เราส่งกำลังทหารของเรา เข้าไปรบในเวียดนาม,เขมรและลาวครับ ซึ่งทหารกล้าของเรา จะไม่ยอมให้เกิดสมรภูมิรบในพื้นที่บ้านตัวเองและพยายมผลักดันเต็มที่-เพื่อไม่ให้สงครามรุกรามเข้าในพื้นที่เราเสมอมาครับ ดังจะเห็นในสมรภูมิต่างๆ
ทหารของเรา ก็เข้าร่วมรบในสมรภูมิพวกนี้เยอะเหมือนกันนะครับ อย่าลืมสิ, สหรัฐอเมริกา แทบจะใช้ทหารของเรา เป็นแนวหน้าตลอดในสมรภูมิเพื่อนบ้าน ดังนั้น ประสบการณ์รบสูงในสงครามของเรา ก็มีสูงมากไม่แพ้เหมือนกันครับ
การรบสมัยนี้ อาวุธหนักและมากว่า...ทั้งทัพบก+ทัพอากาศ+ทัพเรือ เทคโนโลยีของอาวุธที่ทันสมัยกว่า...ยิ่งถ้าเรามีเรือดำน้ำ ยิ่งโหดเข้าไปใหญ่ แค่ครองอากาศได้-ก็ชนะไปกว่า 50% แล้วครับ
ข้อมูลท่าน POP04 ตามที่ผมได้รับข่าวมา เรื่องเครื่องบินรบมาบินขู่ นั้นจริง ครับ บ้านผมอยู่ห่างชายแดน เขมร ประมาณ 5 กม ตรงกลางระหว่าง ตาเมือนกับตาควาย เครื่องบินมาบินวนและทำโซนิคบูมหลายครั้งครับ ตอนแรกพวกผมเฝ้าหมู่บ้านอยู่คิดว่า จะระเบิดสะพานทางขึ้นเขาซะแล้ว เพื่อที่จะตัดช่องทางการนำรถถังขึ้นมาด้านบน แต่ใม่ใช่ครับ เพียงแค่ทำโซนิคบูม และเรื่องปืนใหญ่ กับค.120 เขายิงมา 3 เราซัดไป เกือบ 10 แทบนับไม่ทันครับ มีอีกเยอะครับเรื่องเล่าเกี่ยวกับเหตุปะทะครั้งที่แล้วที่สุรินทร์ แต่บางเรื่องก็เล่าไม่ได้
ขออภัยอ่านอาจจะอ่านสับสนหน่อยนะครับ ตาลายๆพิมพ์ผิดพิมพ์ถูก
แปลว่าอะไรครับไอ้คำว่า"ซัวสเด"เนี้ย(ไม่รู้จริงๆ)..
เพราะพรมแดนประชิดติดกันครับ ย่อมมีกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็รักษากันไปครับ แต่เมื่อถึงคราวต้องรบ ก็ต้องรบให้เต็มที่ เพราะเมื่อมีปัญหาแล้ว...เจรจากันก็ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องรบสู้กัน แต่เมื่อได้รบแล้ว ก็ต้องรบให้ชนะเด็ดขาดครับ อาวุธใครเหนือกว่า เทคโนโลยีใครเหนือกว่า ก็ย่อมมี % สูง ที่จะรบชนะมากกว่า...
เคยถามพี่ทหารพรานและน้องที่เคยประจำการที่นั่น ส่วนมาก แกบอกว่า รบกันบ่อยมาก นานๆที จะเป็นข่าวซักครั้ง
"ซัวสเด"แปลว่าสวัสดีเจ้า
ขอบคุณครับ คนสุรินทร์แท้ๆยัง งง ฮาๆ