หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


มอบให้น้องๆที่กลัวใด้ใบแดงและจะต้องลงพื้นที่ภาคใต้

โดยคุณ : talon เมื่อวันที่ : 03/05/2013 14:34:57

Thairath 

หนึ่งเสียงจากแดนเสี่ยง...พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์

หนึ่งเสียงจากแดนเสี่ยง...พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์ ตชด.หญิง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน ปิดล้อม ตรวจค้นและทำงานมวลชนใน 3 จ.ชายแดนใต้มากว่า 7 ปี ...

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่สงบนิ่งใน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และแม้จะใกล้วันที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ เตรียมนำคณะผู้แทน 15 คนเข้าร่วมพูดคุยกับตัวแทนจากกลุ่ม BRN เพื่อปูทางในการนำไปสู่หนทางแห่งความสงบในพื้นที่ภาคใต้ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกหลายท่าน ที่ยังคงต้องทำหน้าที่ของตนเองอยู่ต่อไปท่ามกลางอันตราย ที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้จริงๆ ว่า อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่???

ไทย รัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับนายตำรวจหญิงท่านหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในโลกออ นไลน์อย่างมาก โดยเฉพาะการให้กำลังใจ และชื่นชมในฐานะตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย 3 จ.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่เพียงแค่งานมวลชนอย่างที่ใครหลายคนคิด แต่มันเป็นการทำหน้าที่ปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งปิดล้อม ตรวจค้น ตั้งด่านจุดตรวจ และทั้งกลางวัน กลางคืน จนอดไม่ได้ที่ต้องทำความรู้จักในฐานะข้าราชการตำรวจหญิงที่มีใจเต็มร้อยใน การทำงานเพื่อประเทศชาติอีก 1 คน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 สังกัด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 (บก.ตชด.ภาค4)


โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:21:41


ความคิดเห็นที่ 2


พ.ต.ท.หญิง
กฤตยา หรือ พี่อุ้ย ของน้องๆ ผู้ใต้บังคับบัญชา เปิดฉากพูดคุยกับไทยรัฐออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์
ด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติ หน้าที่ตั้งจุดตรวจ
จุดสกัด ปิดล้อมตรวจค้น เฉกเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ชายคนอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงที่สดใส
ปนเขินอาย คุณอุ้ย เริ่มเล่าประวัติชีวิตข้าราชการตำรวจอย่างคร่าวๆ ของตนเอง ท่ามกลางเสียงปืนของหน่วยที่ฝึกซ้อมอยู่ไม่ไกล
ดังมาเป็นระยะ โดยเธอเอ่ยปากเล่าอย่างไม่มี



สัญญาณบ่งบอกถึงความลังเลในการใช้ชีวิตประจำวัน
บนความเสี่ยงว่า



แรกเริ่มนั้น เข้าประจำการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนที่กรุงเทพมหานคร
กระทั่งต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2546 ผู้บังคับบัญชาต้องมาประจำการในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งก็ได้ทำเรื่องขอตัวให้เธอมาช่วยงานต่อด้วย ซ้ำขณะนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเรื่องกรณี
ตากใบ และกรือเซะ ไปไม่นาน สถานการณ์เพิ่งเริ่มทวีความรุนแรงมีการยิงปะทะ
เข่นฆ่ากันบ่อยครั้ง แต่เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ กับการต้องลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเช่นนี้
โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้มาทำงานเอกสาร หรืองานมวลชน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปนยิ้มว่า
ไม่ได้หวาดกลัว หรือหวั่นใจอะไรเพราะถือว่าเป็นงานในหน้าที่ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
และรอบคอบ ระมัดระวังอยู่เสมอ หากว่าจะต้องเจออะไรก็คงต้องเจอ
ซึ่งไม่ได้คิดมากหรือกังวลใจอะไรขนาดนั้น



ภารกิจ หน้าที่ในปัจจุบัน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา เล่าว่าทุกวันนี้เป็นการลงไปตรวจการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่
ในจุดต่างๆ พร้อมกับครูฝึก ซึ่งก็ดีเพราะถือว่าเราจะได้ทราบถึงรายละเอียด ข้อบกพร่องในจุดต่างๆ
จากปาก จากสถานการณ์จริงของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสนามจริงๆ โดยงานออกตรวจลักษณะนี้จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน 
ทั้งการใช้รถลาดตระเวน การเดินตรวจ ก็มีหมด


โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:28:47


ความคิดเห็นที่ 3




เมื่อ ถามว่าตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่มานานนับปีเช่นนี้
มีโอกาสใกล้ชิดกับเหตุการณ์ไหน หรือต้องอยู่ในการเผชิญหน้าบ้างหรือยัง เธอกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะเล็กน้อยว่า
ยังไม่เคยเลย ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ระเบิด หรือการยิงปะทะ อาจจะเพราะด้วยว่าการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา
มีโอกาสหมุนเวียนลงมาทำงาน โดยมีบางช่วงที่ต้องไปประจำที่ จ.ชุมพร และถึงกลับมาที่
จ.ยะลา ซึ่งไม่ได้อยู่ต่อเนื่องตลอด ช่วงที่เดินทางไปกลับ ก็ทำงานมวลชนไปด้วย แต่สำหรับงานลาดตระเวนนั้นเพิ่งมีโอกาสทำงานต่อเนื่อง
ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน



พ.ต.ท.หญิง กฤตยา เล่าต่อว่าความจริงแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ทำงานในพื้นที่ ไม่ได้มีเพียงแต่เธอคนเดียว
เฉพาะในทีมเธอเองก็มีรุ่นน้องอีก 1 คนที่ทำงานร่วมกันมาตลอด
คือ ร.ต.อ.หญิง นิพา รัพยูร ส่วนการลงพื้นที่ปฏิบัติงานนั้นจะลงพร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาในทีม
12 คน หากมีสถานการณ์ต้องปิดล้อม ตรวจค้น ก็จะลงพร้อมกับทีมปฏิบัติงานในจังหวัดนั้นๆ
ซึ่งแม้ขณะนี้จะประจำการที่ฐานใน จ.ยะลา แต่เวลาปฏิบัติงานก็ต้องไปหมดทั้ง 3
จังหวัด



ที่ผ่านมาหลายคนสงสัยและถามเธอว่าตื่นเต้นหรือไม่ในการลง พื้นที่แต่ละครั้งที่ผ่านมา
พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ยังตอบพร้อมน้ำเสียงอารมณ์ดี ปนรอยยิ้มตามแบบฉบับตั้งแต่เริ่มคุยว่า
ไม่ตื่นเต้น แต่คิดเสมอว่าต้องใช้ความระมัดระวัง
เพราะไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนไหน เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตอยู่ในความเสี่ยง แต่ก็ขอเพียงอย่างเดียวว่าหากจะเกิดอะไรขึ้นขออย่าให้ต้องเจ็บหนัก
หากจะรอดก็รอดไปเลย หรือถ้าไม่รอดก็ตายไปเลยดีกว่า...

พูด คุยกันไปไม่นาน
ก็ถึงจังหวะเวลาที่ต้องก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตส่วนตัวบ้าง ไทยรัฐออนไลน์เอ่ยปากถามเรื่องครอบครัว..!!
พ.ต.ท.หญิงกฤตยา หรือ คุณอุ้ย กล่าวตอบมาอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องรอให้ถามคำถามจบ
ด้วยน้ำเสียงปนยิ้มเช่นเดิม ซึ่งเหมือนจะยืนยันในสิ่งที่จะตอบอย่างหนักแน่นว่า …ทุกวันนี้ครอบครัวมีแต่คุณแม่เท่านั้น
ความริงแล้วพี่น้องก็มี แต่ต่างคนก็แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว
ซึ่งตอนที่ลงมาทำงานที่ จ.ยะลา นี่ คุณแม่ก็ไม่ทราบเรื่องเลย ท่านเคยทราบครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ย้ายมาทำงานครั้งแรกจากกรุงเทพฯ
เมื่อปี พ.ศ.2546 เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ช่วงนั้นเลยบอกคุณแม่ว่าทำงานอยู่ที่
จ.สงขลา แต่มาถึงทุกวันนี้คิดว่าท่านคงทราบแล้วว่าทำงานที่ จ.ยะลา เพราะอาจจะมีคนไปบอกแล้ว
ที่ทราบเพราะเห็นคุณแม่เงียบๆ ไปพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าท่านอาจจะงอนอยู่...



ไทยรัฐออนไลน์ได้โอกาสถามต่อใน ทันทีว่า
ถ้าอย่างนั้นหากวันหนึ่งคุณแม่ขอร้องให้กลับ กทม. จะทำอย่างไร คุณอุ้ยตอบทันทีว่าต้องอธิบายกัน
เพราะที่ผ่านมาท่านเคยขอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อครั้งที่ย้ายมาครั้งแรก ท่านขอให้ลงมาแค่ปีเดียว
แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ขอ เพราะอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้



พูด คุยกันไปไม่นาน
ก็ถึงจังหวะเวลาที่ต้องก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตส่วนตัวบ้าง ไทยรัฐออนไลน์เอ่ยปากถามเรื่องครอบครัว..!!
พ.ต.ท.หญิงกฤตยา หรือ คุณอุ้ย กล่าวตอบมาอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องรอให้ถามคำถามจบ
ด้วยน้ำเสียงปนยิ้มเช่นเดิม ซึ่งเหมือนจะยืนยันในสิ่งที่จะตอบอย่างหนักแน่นว่า …ทุกวันนี้ครอบครัวมีแต่คุณแม่เท่านั้น
ความริงแล้วพี่น้องก็มี แต่ต่างคนก็แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว
ซึ่งตอนที่ลงมาทำงานที่ จ.ยะลา นี่ คุณแม่ก็ไม่ทราบเรื่องเลย ท่านเคยทราบครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ย้ายมาทำงานครั้งแรกจากกรุงเทพฯ
เมื่อปี พ.ศ.2546 เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ช่วงนั้นเลยบอกคุณแม่ว่าทำงานอยู่ที่
จ.สงขลา แต่มาถึงทุกวันนี้คิดว่าท่านคงทราบแล้วว่าทำงานที่ จ.ยะลา เพราะอาจจะมีคนไปบอกแล้ว
ที่ทราบเพราะเห็นคุณแม่เงียบๆ ไปพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าท่านอาจจะงอนอยู่...



ไทยรัฐออนไลน์ได้โอกาสถามต่อใน ทันทีว่า
ถ้าอย่างนั้นหากวันหนึ่งคุณแม่ขอร้องให้กลับ กทม. จะทำอย่างไร คุณอุ้ยตอบทันทีว่าต้องอธิบายกัน
เพราะที่ผ่านมาท่านเคยขอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อครั้งที่ย้ายมาครั้งแรก ท่านขอให้ลงมาแค่ปีเดียว
แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ขอ เพราะอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้




โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:34:30


ความคิดเห็นที่ 4


พูด คุยกันไปไม่นาน
ก็ถึงจังหวะเวลาที่ต้องก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตส่วนตัวบ้าง ไทยรัฐออนไลน์เอ่ยปากถามเรื่องครอบครัว..!!
พ.ต.ท.หญิงกฤตยา หรือ คุณอุ้ย กล่าวตอบมาอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องรอให้ถามคำถามจบ
ด้วยน้ำเสียงปนยิ้มเช่นเดิม ซึ่งเหมือนจะยืนยันในสิ่งที่จะตอบอย่างหนักแน่นว่า …ทุกวันนี้ครอบครัวมีแต่คุณแม่เท่านั้น
ความริงแล้วพี่น้องก็มี แต่ต่างคนก็แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว
ซึ่งตอนที่ลงมาทำงานที่ จ.ยะลา นี่ คุณแม่ก็ไม่ทราบเรื่องเลย ท่านเคยทราบครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ย้ายมาทำงานครั้งแรกจากกรุงเทพฯ
เมื่อปี พ.ศ.2546 เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ช่วงนั้นเลยบอกคุณแม่ว่าทำงานอยู่ที่
จ.สงขลา แต่มาถึงทุกวันนี้คิดว่าท่านคงทราบแล้วว่าทำงานที่ จ.ยะลา เพราะอาจจะมีคนไปบอกแล้ว
ที่ทราบเพราะเห็นคุณแม่เงียบๆ ไปพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าท่านอาจจะงอนอยู่...



ไทยรัฐออนไลน์ได้โอกาสถามต่อใน ทันทีว่า
ถ้าอย่างนั้นหากวันหนึ่งคุณแม่ขอร้องให้กลับ กทม. จะทำอย่างไร คุณอุ้ยตอบทันทีว่าต้องอธิบายกัน
เพราะที่ผ่านมาท่านเคยขอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อครั้งที่ย้ายมาครั้งแรก ท่านขอให้ลงมาแค่ปีเดียว
แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ขอ เพราะอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้




โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:36:58


ความคิดเห็นที่ 5




ไทย รัฐออนไลน์ยืนยันอีกครั้งว่า การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงท่านนี้เป็นไปด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง
และได้รับการตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแทบทุกถ้อยคำที่พูดออกจากปาก พ.ต.ท.หญิง กฤตยา นั้นคงเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงกำลังใจที่ยังเต็มร้อยของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ยังทำงานภายใต้ความหวังว่าวันหนึ่ง พื้นที่ที่เธอปฏิบัติงานเหล่านี้จะกลับเป็นพื้นที่สงบสุขของประเทศไทยอีก
ครั้ง แม้การพูดคุยกันครั้งนี้ จะเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ
แต่เชื่อว่าถ้อยคำที่ถูกถ่ายทอดออกมาจาก ตชด.หญิงคนนี้
คงทำให้คนไทยอีกหลายคนอุ่นใจ และพร้อมเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อไป



ส่วนประโยคทิ้งท้ายนั้น เธอให้ไว้กับเราว่า



"เชื่ออย่างหนึ่งว่าเรามาทำงานด้วยจิตใจที่ดี ไม่มุ่งร้าย
ขอให้ความดีปกป้องคุ้มครอง...." 



แม้ ว่านี่จะเป็นการพูดคุยที่ใช้เวลาไม่นาน และนี่อาจเป็นเพียง 1
เสียงจากแดนเสี่ยง แต่ไทยรัฐออนไลน์เชื่อว่า คนไทยอีกหลายล้านคน ยังคงระลึกอยู่ในใจเสมอว่า
ในยามที่ประชาชนต้องการการปกป้องคุ้มครอง ก็จะยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร
อีกมากมายหลายคน ที่พร้อมปฏิบัติงานด้วยใจที่เสียสละ และเกินร้อยอยู่เสมอ หวังก็แต่เพียง...ความสงบสุขจะกลับมาสู่พื้นที่เหล่านั้นโดยเร็วเท่านั้น
เอง.



 



ประวัติส่วนตัว

พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์

สถานที่เกิด กรุงเทพมหานคร

บิดา นายศิริ ประดิษฐพงษ์ (ถึงแก่กรรม)

มารดา นางส่องศรี ประดิษฐพงษ์

ข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทย

มีน้องชาย ร่วมบิดามารดา ๒ คน

น้องสาวต่างมารดา ๑ คน

น้องสาวบุญธรรม ๑ คน



ประวัติการศึกษา

๑.พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ สถาบันสมทบในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

๒.รัฐประศาสนศาสตรบัญฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

๓.ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารงานยุติธรรม
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์



ประวัติการฝึกอบรม

๑.กระโดดร่มใหม่ และกระโดดร่มแบบกระตุกเอง
กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

๒.หลัก สูตรระเบียบการนำหน่วยและนักแม่นปืนพกสั้น หน่วยรบพิเศษ กองทัพบกสหรัฐอเมริการ่วมกับ
D.E.A  และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๔

๓.การเจรจาต่อรอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

๔.หลักสูตร Intensive Language Course กระทรวงการต่างประเทศ

๕.หลัก สูตรเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับการสอบคัดเลือกเข้าปฏิบัติหน้าที่รักษา
สันติภาพขององค์การสหประชาชาติ กระทรวงต่างประเทศร่วมกับกองการต่างประเทศ สตช.

๖.หลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการ รุ่นที่ ๑๑๑ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
สถาบันสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย

๗.หลักสูตรผู้บังคับบัญชาลูกเสือขั้นสูง (A.T.C.)

๘.หลักสูตรนักผจญเพลิง บริษัท ซีพี ออล จำกัด มหาชน



ประวัติการรับราชการ

๑.พยาบาล (สบ๑) ประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมตกแต่งและไฟไหม้น้ำร้อนลวก
โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานแพทย์ใหญ่

๒.รอง สารวัตร ปฏิบัติงานโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
กองกำกับการ ๕ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

๓.ผู้ช่วยนายเวร ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
และนายเวรผู้บังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

๔.เมื่อ ๑ ต.ค.๒๕๔๖ มาดำรงตำแหน่งนายเวรผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค
๔และรองผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๓๑ ตามลำดับ

๕.เมื่อ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็น สารวัตรแผนก๕ และ
ผู้บังคับกองร้อย กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๑ จนถึงปัจจุบัน



หน้าที่ได้รับมอบหมายพิเศษ

๑.ผู้ ประสานงานโครงการตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ภาคภาษาอังกฤษ เพื่อรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ

๒.ผู้ประสานงานตามแนวชายแดนพม่า ภาคภาษาอังกฤษ

๓.อาจารย์ที่ปรึกษา โครงการค่ายภาษาอังกฤษ
กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน

๔.หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๑
(ช่วยเหลือผู้ประสบภัย) -ควบคุมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย (Rescue)

ในอุทกภัยและภัยธรรมชาติอื่นๆในพื้นที่ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร

๕.รองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการคุมกำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ปี
๒๕๔๗ ที่จังหวัดระนองและพังงา



การปฏิบัติราชการพิเศษ

- ผ่านการทดสอบเข้าปฏิบัติหน้าที่ตำรวจองค์การสหประชาชาติ รักษาสันติภาพในประเทศติมอร์
เลสเต้ เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔

ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ (Close Security
Protection Unit) ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ
ดังนี้



๑.Mr. Xavier Amaral ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศติมอร์
เลสเต้

๒.Dr. Lucia Lobato รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
และผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในประเทศติมอร์ เลสเต้

๓.ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยให้กับอัยการนานาชาติ
(International Prosecutors) ขององค์การสหประชาชาติ จำนวน ๖
ราย



 




โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:41:01


ความคิดเห็นที่ 6


แถม


โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:51:15


ความคิดเห็นที่ 7


เหมือนผมจะตกหลุมรักนะครับเนี่ย^__^

โดยคุณ hinnoi เมื่อวันที่ 30/04/2013 23:57:28


ความคิดเห็นที่ 8


เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก แต่หัวใจของเธอช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน เกิดมาทั้งทีถ้าจะตายโดยมีธงชาติคลุมหน้าถือว่าเป็นเกียรติและไม่เสียชาติเกิด


โดยคุณ talon เมื่อวันที่ 01/05/2013 00:00:57


ความคิดเห็นที่ 9


 

ภารกิจ ของ ตชด. แทบจะไม่แตกต่างกับทหาร  ถึงได้ชื่อว่าเป็นตำรวจก็ตาม

เท่าที่ผมเห็น ในสามชายแดนไต้ การทำงานระหว่าง ทหาร กับ ตำรวจ ยังไม่ค่อยดีพอ

ผมคิดว่า ตชด. นี่แหละ เป็นตัวเชื่อมที่ดีที่สุด ที่จะทำงานระหว่าง ทหารกับตำรวจ

 

.. พอมาเห็นข่าวเมื่อวานตำรวจใน กทม.สองรายก่อคดี ข่มขืน  แล้ว พอมาเทียบกับ ตร.ญ ท่านนี้

มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว .. ได้ชื่อว่าผู้พิทักษ์สันติราษฏร์  ความหมายมันน่าภาคภูมิใจเหลือเกิน

แต่ ความคิดและการกระทำ ต่ำยิ่งกว่า ปฐมชน  ..

น่าเอาพวกนี้ ไปประจำการในสามชายแดนใต้ให้หมด

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 01/05/2013 10:12:21


ความคิดเห็นที่ 10


น่านับถือมาก  ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ  : )

โดยคุณ bobo-6996 เมื่อวันที่ 03/05/2013 14:34:57