หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


การสร้างนิคมอุตสหกรรมผลิตอาวุธ

โดยคุณ : sam เมื่อวันที่ : 02/05/2013 22:54:40

ข้อเสนอคือให้ภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมลุงทุนเช่นโรงงานเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทการเขียนโปรแกรม เป็นต้น น่าจะสอดคล้องกับสถานบันป้องกันประเทศที่นักศึกษาจบไปแล้วมีงานรองรับต่อ รวมถึงการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศที่ต้องมีการถ่ายถอดเทคโนโลยีกับบริษัเอกชนที่รองรับ การสร้างนิคมไม่ต้องรีบสร้างขนาดใหญ่โต แต่ต้องมีพื้นที่ในการเติบของนิคมในอนาคต

มาเลย์เริ่มงานใหญ่ 47 ล้านล้าน ตั้งนิคมอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ

ไตรมาสแรกปีหน้า รัฐบาลมาเลเซียเริ่มโปรเจ็กต์ใหญ่ ตั้งนิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ดึงต่างชาติร่วมทุนกว่า 47.3 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าอีกปีเริ่มผลิตยุทโธปกรณ์ สำนักข่าวเบอรีตาฮารียัน รายงานว่า ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด ฮามีดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเลเซีย เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2555 รัฐบาลมาเลเซีย จะเริ่มดำเนินการสร้างนิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เมืองซุงไก รัฐเปรัค โดยดึงเงินลงทุนจากต่างชาติเป็นเงิน 4.73 ล้านล้านริงกิต (ประมาณ 47.3 ล้านล้านบาท) ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นการร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเป็นบริษัทจากยุโรป 15 บริษัท สหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ 8 บริษัท และเกาหลีใต้ 2 บริษัท ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด เปิดเผยอีกว่า กระทรวงกลาโหมยังได้รับพิจารณาข้อเสนอจากบริษัทในจีนและอินเดียที่สนใจจะร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย “นิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียมีความเชื่อมั่นว่า หลังจากดำเนินการไปแล้ว 5 ปี นิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแห่งนี้ จะสามารถดึงเงินลงทุนได้เพิ่มเป็น 15.3 ล้านล้านริงกิต” ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด กล่าว ที่มา http://www.bharian.com.my/bharian/articles/PusatindustripertahananpertamanegaradiSungkaitarikpelaburan





ความคิดเห็นที่ 1


แหล่งข้อมูลนี้น่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อจากทางฝั่งมาเลย์แต่ฝ่ายเดียวซะมากกว่า

เอาง่ายๆ ยกตัวอย่าง อย่างจีน และอินเดีย ในเมื่อ สองประเทศนี้มีขีดความสามารถที่จะเปิดสายการผลิตอาวุธในราคาต้นทุนต่ำภายในประเทศของตนเองอยู่แล้วจะมาลงทุนในมาเลย์เพื่ออะไรให้สายการผลิตของตนเองสะดุดหัวทิ่มหรือครับ บรรดาประเทศผู้ผลิตอาวุธทั้งหลายแหล่พยายามขายอาวุธเพื่อจะได้สร้างงานให้กับคนในประเทศตนเองและดึงเม็ดเงินเข้าประเทศด้วยกันทั้งนั้น

ชั่วโมงนี้บรรดาค่ายบริษัทผู้ผลิตอาวุธทั้งในยุโรปและอเมริกาเค้าพากัน safe ค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลประเทศตน

นอกจากนั้นความเป็นไปได้ของโครงการนี้ ยากมากๆ ที่บรรดาค่ายบริษัทผู้ผลิตอาวุธจะมาบ้าจี้ด้วยกับมาเลย์ เพราะการจะมีโรงงานผลิตอาวุธมาตั้งรวมอยู่ในพื้นที่นิคมเดียวกัน มันมีโอกาสและความเสี่ยงในเรื่องการรั่วไหลหรือจารกรรมข้อมูลและเทคโนโลยีด้านอาวุธสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีจีนเข้าร่วมด้วย ถามว่าค่ายจากยุโรปและอเมริกาจะเอาด้วยไหมละ

***ปล.น่าจะเป็นการปล่อยข่าวนโยบายขายฝันหาเสียงเลือกตั้งของมาเลย์ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงของพรรครัฐบาล อัมโนโน ของมาเลย์ เพราะเท่าที่ทราบการเลือกตั้งหนนี้ไม่หมูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก****

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 30/04/2013 00:22:53


ความคิดเห็นที่ 2


มาเลเป็นประเทศอิสลามครับ การตลาดคงเน้นประเทศอิสลามเป็นหลัก

มูลค่าการซื้อขายอาวุธในประเทศอิสลามนั้นมากมายมหาศาลเลยนะครับ

โดยคุณ DEEC เมื่อวันที่ 30/04/2013 08:07:15


ความคิดเห็นที่ 3


สมมุตินะครับถ้าคุณเป็นประเทศเศรษฐีน้ำมันถ้ามีมีเงินเหลือเฟือจะซื้ออาวุธดีๆมาใช้ คุณจะเลือกซื้ออาวุธที่ประกอบในมาเลย์หรือครับ เลือกซื้ออาวุธที่ประกอบจากประเทศผู้เป็นเจ้าของโดยตรงไม่ดีกว่าเหรอ ทั้งคุณภาพและการันตี (ต่อให้เป็นประเทศมุสลิมด้วยกันก็เถอะขนาดรถโปรตอนแท้ๆแขกอาหรับมันยังไม่ซื้อเลย แค่รู้ว่าประกอบจากไหนเท่านั้นละโดยส่วนใหญ่จะซื้อรถยุโรปกับอเมริกันกันเยอะ ลองลงมาก็รถญี่ปุ่น)

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 30/04/2013 09:03:27


ความคิดเห็นที่ 4


มันเป็น นิคมอุตสาหกรรม ไม่ใช่เหรอครับ...

หมายถึง บริษัทฯ ที่ผลิตอาวุธต่าง ๆ มาตั้งโรงงานประกอบ ในบริเวณพื้นที่ นิคมฯ นี้...

เหมือน นิคมอุตสาหกรรมอิเลคโทรนิค หรือ นิคมอุตสาหกรรมโรงงาน ในประเทศไทย หรือเปล่าครับ...

ไม่ใช่ว่า มาเลย์ฯ ร่วมลงทุนการผลิตอาวุธ...

ซึ่ง รูปแบบนีคมฯ อาจจะมีระบบการรักษาความปลอดภัย และ บุคคลากร ไว้รองรับ อาจจะรวมถึง สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ...

เช่น บริเวณทดสอบอาวุธต่าง ๆ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 30/04/2013 10:13:26


ความคิดเห็นที่ 5


ข้อเสนอคือให้ภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมลุงทุนเช่นโรงงานเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทการเขียนโปรแกรม เป็นต้น น่าจะสอดคล้องกับสถานบันป้องกันประเทศที่นักศึกษาจบไปแล้วมีงานรองรับต่อ รวมถึงการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศที่ต้องมีการถ่ายถอดเทคโนโลยีกับบริษัเอกชนที่รองรับ การสร้างนิคมไม่ต้องรีบสร้างขนาดใหญ่โต แต่ต้องมีพื้นที่ในการเติบของนิคมในอนาคต   ***ตอนแรกที่คุณ SAM เอามาลงไม่มีข้อความนี้ครับ****

มาเลย์เริ่มงานใหญ่ 47 ล้านล้าน ตั้ง นิคมอุตสาหกรรมผลิตอาวุธ

ไตรมาสแรกปีหน้า รัฐบาลมาเลเซียเริ่มโปรเจ็กต์ใหญ่ ตั้งนิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ดึงต่างชาติร่วมทุนกว่า 47.3 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าอีกปีเริ่มผลิตยุทโธปกรณ์ สำนักข่าวเบอรีตาฮารียัน รายงานว่า ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด ฮามีดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาเลเซีย เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2555 รัฐบาลมาเลเซีย จะเริ่มดำเนินการสร้างนิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เมืองซุงไก รัฐเปรัค โดยดึงเงินลงทุนจากต่างชาติเป็นเงิน 4.73 ล้านล้านริงกิต (ประมาณ 47.3 ล้านล้านบาท) ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด เปิดเผยว่า นิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นการร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเป็นบริษัทจากยุโรป 15 บริษัท สหรัฐอเมริกาและอเมริกาเหนือ 8 บริษัท และเกาหลีใต้ 2 บริษัท ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด เปิดเผยอีกว่า กระทรวงกลาโหมยังได้รับพิจารณาข้อเสนอจากบริษัทในจีนและอินเดียที่สนใจจะร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย “นิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียมีความเชื่อมั่นว่า หลังจากดำเนินการไปแล้ว 5 ปี นิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศแห่งนี้ จะสามารถดึงเงินลงทุนได้เพิ่มเป็น 15.3 ล้านล้านริงกิต” ดาโต๊ะ ซือรี ดร.อะห์หมัดซาฮิด กล่าว ที่มา http://www.bharian.com.my/bharian/articles/PusatindustripertahananpertamanegaradiSungkaitarikpelaburan

จากแทบสีเหลืองพวกคุณคิดว่ามันตีความหมายได้ว่าอย่างไร งั้นขอความคิดเห็นจากหลายๆท่านหน่อยก็แล้วกันครับ

แต่ในความคิดของผม  ก็จะเป็นไปตามเหตุผลที่ผมให้ไว้ ตามตอบกระทู้ที่2 นั้นแหละ โอกาสเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีบริษัทผู้ผลิตอาวุธจะมาลงทุนในธุรกิจด้านนี้แบบเป็นล้ำเป็นสันจริงๆจังๆมูลค่ากว่า 47.3 ล้านล้านบาทเนียะ (อุตสาหกรรมยานยนต์+อิเล็กทรอนิส์ รวมกันยังได้ไม่ถึง 1/4 ในประเทศเราเลย ทั้งๆที่ฐานการผลิตในประเทศของเราใหญ่กว่าของมาเลย์เกือบเท่าตัว)ที่ต้องใช้เงินลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แล้วอีกอย่างธุรกิจแบบนี้ไม่ได้ว่าจะมียอด order สั่งซื้อกันตลอดทั้งปีแบบต่อเนื่อง มันไม่เหมือนผลิตชิ้นส่วนรถยนต์กับอิเล็กทรอนิกส์เหมือนที่เห็นๆอยู่ในบ้านเรานะครับ

บริษัทผู้ผลิตอาวุธไม่ได้มีนโยบายว่าจ้างวิศวกรและแรงงานในรายผลิตแบบเป็นพนักงานประจำโรงงานถาวรนะครับ เพราะเท่าที่ทราบมาบริษัทผู้ผลิตอาวุธส่วนใหญ่มักจะว่าจ้างวิศกรและแรงงานเป็นแบบสัญญาจ้างชั่วคราวทั้งนั้น ส่วนใหญ่ที่บริษัทเลี้ยงไว้ก็แค่เฉพาะส่วนออกแบบวิจัยและพัฒนา คือเมื่อมี order ก็เปิดรับสมัครคนเข้าทำงานในสายการผลิต

***ถ้าธุรกิจนี้มันมั่นคงถาวรจริงและคู่ควรกับการลงทุนเยอะๆกันในต่างประเทศแล้ว จะมีบริษัทผู้ออกแบบและผลิตอาวุธหลายๆเจ้าจะพาปิดตัวหรือควบรวมกิจการกันเยอะหรือครับ***  ) 

โดยคุณ ObeOne เมื่อวันที่ 30/04/2013 11:26:00


ความคิดเห็นที่ 6


เมื่อไม่มีคำสั่งซื้อบ่อยๆ ก็ต้องตั้งเป็นบริษัทกองทัพไทย จำกัดมหาชน บังคับขายกองทัพไทยซะเลย 555 เน้นผลิต ปืนประจำกาย ประจำหน่วย รถลำเลียง หรือรถเกราะเบาอะไรไปก่อนก็ได้นะครับ อาจมีออฟชั่นเล็กๆไว้ให้ประชาชนรู้จักเช่น ผลิตเสื้อผ้า-อุปกรณ์เดินป่า กระเป๋าเป้ ประมาณนี้ ไว้คอยเอาใจขาโจ๋ ขาท่องทริปต่างๆ โดยรับรองคุณภาพจากโรงงานผลิตอาวุธของไทย ที่พูดนี่หมายถึงวันหน้าเรารวยนะ รัฐหาเงินมาตั้งโรงงานเพื่อผลิตใช้ในครัวเรือนเราก่อน และอาจขายให้ประเทศเริ่มพัฒนา เพราะปืนเล็ก รถสนับสนุนการรบ ราคาไม่สูง เราอาจหาตลาดได้เยอะนะครับ พอเทพค่อยไปรถถังเล็กๆ ไปเครื่องบิน ขยับไปเรื่อยๆ ซื้อของดีก็ซื้อไป แต่ของสนับสนุนก็เริ่มผลิตเอง ผมเชื่อว่าเราใกล้รวยแล้ว สาธุ....

โดยคุณ fighttt เมื่อวันที่ 30/04/2013 16:55:23


ความคิดเห็นที่ 7


อ่านครั้งแรกผมก็เกือบเชื่อแล้วน่ะ

พอดูความเป็นเหตุเป็นผลตามที่ท่าน โอบีวัน กล่าว

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ..

และ ถ้าเป็นไปได้จริงๆ โอกาศที่ความลับทางเทคโนโลยีทหาร

จะรั่วไหลมีสูงมาก .. หากความลับนี้ตกไปอยู่ในมือก่อการร้ายสากล

แถบตะวันออกกลาง คงจะเป็นภัยคุกคาม ยุโรป อเมริกา อิสราเอล

อย่างแรง

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 30/04/2013 19:18:43


ความคิดเห็นที่ 8


ข่าวกรอง ไม่กลอง โต๊ะ หม้อ อะไรก็ไม่รู้นะครับ แต่ที่เห็นๆ ประเทศที่จะมีอุตหกรรมผลิตอาวุธได้ ไม่น่าจะใช้ประเทศไทยแน่นอน ไม่ใช่เพราะขาดทรัพยากรในการผลิต หรือไม่มีตลาด แต่เป็นที่คนไทยนี้แหละครับ นอกจากดูถูกตัวเองแล้วยังไปดูถูกชาวบ้านคนอื่นอีก เรื่องการลงทุนข้ามชาติมันมีมาตั้งนมตั้งนานแล้ว จะเอาฟิวว่าต้องทำในบ้านตัวเองสิดี เด๋วบ้านไม่รวย ตลอดไป มันไม่มีแล้วอะครับ แค่เค้าไม่นิยมทำกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคงของชาติเท่านั้นเอง ส่วนมาเลถ้าเค้าทำก็ต้องถือว่าดีครับ เพื่อนบ้านกัน อาเซียนกัน ซื้อกันเองดีกว่า ยกเว้น ถ้าเราจะทำอุตสาหกรรมประเภทนี้ด้วย แต่บอกได้เลยว่ายาก ก็เพราะสติปัญญาของคนไทยนี้แหละ

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 30/04/2013 19:54:33


ความคิดเห็นที่ 9


  กด  LIKE  ให้ท่าน Obeone  1 ล้านครั้ง

 

    ขึ้นโครงการแบบโน้นแบบนี้  ประเทศไหนก็ทำได้   มาเลย์สร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่   ตอนนั้นก็ฝันหวานว่าจะเป็นศูนย์กลางการบิน   ก็จบเห่       ฝันจะเป็นศูนย์กลางการเป็นท่าเรือ    สิงคโปร์ก็เอาไปกิน   

  การจะทำเรื่องพวกนี้นั้น    แต่ละประเทศต้องดูความเหมาะสมเรื่องสถานที่ตั้ง   เรื่องอุตสาหกรรมที่มาลงทุนกันไว้ก่อนหน้า   สเกล   ตลาด    การขนส่ง     และยิ่งอุตสาหกรรมด้านนี้   สิงคโปร์มีสถานที่ตั้งในเรื่องท่าเรือที่เหมาะสม  เทคโนโลยีที่ดี   ยังไม่ประสบความสำเร็จเลย  ................  

   เวียตนามฝันว่าจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนาดหนัก   ลงทุนอุตสาหกรรมต่อเรือแล้ว   อยากให้กลุ่มทุนญี่ปุ่นทิ้งประเทศไทยมาก่อตั้งโรงงานถลุงเหล็ก  โรงงานผลิตอากาศยาน   ตอนนี้ญี่ปุ่นก็แค่มองแล้วบอกว่าน่าสน   แต่กลับมาไล่บี้รัฐบาลไทยชุดนี้ว่า  เมื่อไหร่จะอนุมัติโครงการสักที่  ฉันรอจนเบื่อแล้ว

   ไม่ง่ายครับ   ฝันนะฝันได้   แต่ลงมือจริงๆแล้วมีเงื่อนไข 108     เมื่องไทยมีความพร้อมเหมาะสมสูงมาก    แต่ก็ดันมีพวกไดโนเสา  ถ่วงขาอยู่  ไม่งั้นโครงการนิคมอากาศยานน่ะ  เฟสหนึ่งผ่านไปนานแล้ว  พร้อมขึ้นเฟสสองสำหรับการผลิตชิ้นส่วน   แต่ตอนนี้ต้องมานั่งเริ่มใหม่หมด     แต่เห็นว่าเร่งสุดๆเลย   หวังว่าภายใน 1 ปี คงชัดเจนว่า  โคราชหรือ ระยอง นะครับ  พวกญี่ปุ่นมันรออยู่

   โรงงานถลุงเหล็ก  พร้อมทำทุกเมื่อ  ทั้งญี่ปุ่น  ทั้งอินเดีย   แม้แต่จีน(แต่แทรกเข้ามาไม่ได้)    แต่จะเซ็นอะไร  พวกไดโนเสารออยู่    ไม่ง่ายเพราะคนไทยด้วยกันเองนี่แหล่ะ   

 

   พวกโปรมาเลย์  มีเยอะแฮะ   ประเทศตัวเองดูถูก  ตลก......จะไม่เจริญก้เพราะพวกดูถูกคนไทยกันเองนี่แหล่ะ  ไม่ทำอะไรแต่คอยขัดแข้งขัดขา   กลัวคนอื่นได้หน้า



โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 01/05/2013 11:09:37


ความคิดเห็นที่ 10


เรื่องโรงถลุงเหล็ก ผมของมองต่างจากคุณ neosiamese2 นะครับ จริงอยู่ครับว่าใครๆก็อยากให้มีอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในประเทศเพื่อความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมครับแต่ว่าปัญหามันอยู่ที่อะไรบ้างผลขอเอาขอมูลที่ผลมีแชร์นะครับ


-วัตถุดิบสำคัญในการถลุงเหล็กประกอบด้วยแร่เหล็ก,ถ่านโค้ก(ถ่านหินที่ผ่านการแปรรูป มาจากถ่านหินคุณภาพดี),lime stone เมืองไทยไม่มีสองอย่างแรกต้องนำเข้าครับ
-ทุกวันนี้ความต้องการเหล็กในเมืองไทยอยู่ที่ประมาณ15ล้านตันต่อปี ดุเหมือนเยอะครับแต่ ก็ไม่มีโรงงานไหนเดินเครื่องเต็มการผลิตครับ ถ้ามีโรงถลุงจริงๆกำลังการผลิตคงพุ่งขึ้นอีกมหาศาลครับ ซึ่งจะทำไปสู่ปัญหาต่อไปครับคือผลิตแล้วไม่รู้จะไปขายใครครับ
-เรื่องอินเดียนี่ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่เพราะว่าtata เคยลองตั้งเตาถลุงขนาดเล็กที่ชลบุรีครับ สุดท้ายก็ปิดไปครับกลับไปผลิตด้วยเศษเหล็กเหมือนเดิม
-ประเทศไทยมีNGOที่เข้มแข็งครับเตาถลุงต้องตั้งขนาดใหญ่ๆครับถึงจะคุ้มยิ่งใหญ่ยิ่งเด่นยิ่งโดนเพิ่งเล็ง

สำหรับมุมมองผมอุตสาหกรรมนี้มาได้ขนาดนี้ผมว่าก็เก่งมากแล้วครับ

โดยคุณ lozenge เมื่อวันที่ 01/05/2013 17:19:46


ความคิดเห็นที่ 11


   ยังไงรัฐบาลซีกปัจจุบันก็ต้องการดันโครงการนี้ขึ้นมาให้ได้ครับ   เพราะมีการตกลงกันกับกลุ่นจากญี่ปุ่นไปเรียบร้อย   คอยตามข่าวเหมือนกันครับ   ดูเหมือนทางญี่ปุ่นไม่ได้ตอบรับเวียตนามในการย้ายมาตั้งโรงงานทั้งหมดในเวียตนามนะครับ   ก็ยังคงเลือกเราเป็นหลักอยู่    แต่การเมืองของเรายังไม่นิ่งเลยทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้    แต่ทิศทางการเมืองก็เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆและเริ่มมองออกว่าใครจะเป็นผ๔้ชนะแล้วครับ


   เท่าที่ทราบ   จากปัญหาการเมืองของไทยคราวนี้   ทางญี่ปุ่นจะกระจายความเสี่ยงไปประเทศในอาเซี่ยนที่มีกำลังซื้อสูงในอนาคต   จะไม่ฝากกำลังการผลิตทั้งหมดไว้ที่เราอีกต่อไปครับ  30 ล้านตันนี่ทางนั้นกะว่าให้เราเป็นฐานการผลิตให้ญี่ปุ่นเพื่อผูกขาดตลาดทั้งหมดในอาเซี่ยนครับ    แต่ 13-14 ล้านตันนี่จะเป็นการป้อนความต้องการในประเทศไทย   ดังนั้นทางญี่ปุ่นอาจจะมีการก่อตั้งโรงงานถลุงเหล็กทั้งใน  ไทย  เวียตนาม   และอินโดนีเซียครับ   โดยเฉพาะอินโดนีเซีย  เห็นว่าทางญี่ปุ่นต้องการขยายโรงงานอุตสาหกรรมยานยนตืเพื่อรองรับอำนาจซื้อที่เพิ่มอย่างรวดเร็วในอินโดนีเซียครับ


  NGO  ทานการเปลี่ยนแปลงไม่ไหวหรอกครับ  ......  ผมกล้ารับรอง   ไม่เคยเห็น NGO ชนะที่ไหนเลย   ได้แค่ถ่วงเวลาให้ช้าลงหน่อยเท่านั้น

 

    ส่วนแหล่งแร่เหล็กก็คงนำเข้าจากออสเตเรีย    และแหล่งถ่านหินชั้นดีสำหรับถลุงเหล็กคงนำเข้าจากอินโดนีเซียครับ    แต่เราจะได้จากการที่เปลี่ยนแร่เหล็กมาเป็นสินค้าที่มูลค่าเพิ่มขึ้นมาก   เหมือนกับการกลั่นน้ำมันครับ   นำเข้ามากลั่นเพิ่มมูลค่าเกือบ 10 เท่า  แล้วขายภายในประเทศและส่งออกบางส่วน    จะมีส่วนต่างมากมายสร้างกำไรมหาศาลครับ

  ยังไง  ทำเลของเราก็ดีกว่าจีน  ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้ครับ    เพราะแหล่งแร่เหล็ก  แหล่งถ่านหิน  อยูาบ้านข้างๆเราเอง   ได้เปรียบต้นทุนค่าขนส่งและค่าแรงเยอะครับ   ไม่งั้นญี่ปุ่นไม่ตั้งความหวังกับเราสูงขนาดนี้

 


 


โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 02/05/2013 20:47:07


ความคิดเห็นที่ 12


   สำหรับอุตสาหกรรมทหารนั้น   อยากให้จับตามอง  อินโดนีเซีย  เป็นอันดับแรกเลยครับ    และน่าจับตามองก็มีเวียตนามกับไทย  

  อินโดนีเซียตอนนี้ภาคอุตสาหกรรมกำลังบูมสนั่นเลยนะครับ   ยอดความต้องการยานยนต์พุ่งกระฉูด  และรัฐบาลอินโดนีเซียดูจะทุ่มเทให้อุตสาหกรรมผลิตอาวุธเป็นอย่างมาก   และมีการผลิตหลายแบบออกมาแล้ว   ทั้งออกแบบเอง  ซื้อแบบ  รับจ้างผลิต    และถ้าภาคอุตสาหกรรมพื้นฐาน  เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์    อุตสาหกรรมถลุงเหล็ก   อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิค   อุตสาหกรรมต่อเรือมีการพัฒนาในระดับสูงเรื่อยๆ    อินโดนีเซียจะเป็นชาติที่ทรงพลังทางเศรษบกิจสำคัญชาติหนึ่งในเอเซียทีเดียวนะครับ 

   

  สิงคโปร์   มาเลเซีย   ก็คงตกชะตากรรมเดียวกันครับ   ที่กำลังโดนเพื่อนบ้านอย่าง  เวียตนาม   อินโดนีเซีย   พม่า(มาแรงมาก)   แซงในวันข้างหน้าครับ 


   ส่วนเรานั้น   ผมอยากให้การเมืองชัดเจนแบบแจ่มแจ้งไปเลยว่าใครชนะขาด      แต่ตอนนี้จะเริ่มเห็นว่าแรงอีกฝ่ายตกลงไปอย่างมากแล้ว   ก็คงอีกไม่นาน     ถ้าการเมืองจบปัญหา     เราจะก้างไปอย่างรวดเร็วแบบก้างกระโดด    เพราะเรามีทำเลที่ตั้งดีที่สุดในอาเซี่ยนครับ   อำนาจซื้อก็ไม่น้อย   มีโครงสร้างทางอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างพร้อมและมีสเกลดีเพียงพอทีเดียว  

   และที่สำคัญที่สุด  แหล่งน้ำมันและก๊าซขนาดยักษ์ที่รอการสำรวจขุดเจาะขึ้นมาทันทีที่เรากับเขมรรอมชอมและตกลงกันได้ครับ    จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญมาก   เพราะกระทบต้นทุนการผลิตอย่างจังเบอร์เลย



โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 02/05/2013 21:01:55


ความคิดเห็นที่ 13


ยืนยันว่าแหล่งถ่านหินในอาเซียน อินโดนีเซียที่นึงล่ะที่ใหญ่ เพราะญาติไปเป็นวิศวกรเหมืองอยู่ที่นั่น เป็นของบ.อิตาเลียน-ไทย ที่จ.กลิมันตัน (เขียนถูกไหมหว่า) มาแค่นี้แหละ ที่เหลือไม่รู้เรื่อง เคี๊ยกๆ  

โดยคุณ icy_CMU เมื่อวันที่ 02/05/2013 22:54:40