หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


กองทัพภาค 2 ซ้อมรบด้วยกระสุนจริง

โดยคุณ : top4 เมื่อวันที่ : 17/04/2013 20:26:42

กองทัพภาค 2 ซ้อมรบด้วยกระสุนจริง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
 

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบ.ทบ.” ลงพื้นที่ ทภ. 2 ดูการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงที่โคราชเพื่อเตรียมความพร้อมกำลังพลรับมือ สถานการณ์ชายแดนและรักษาความมั่นคงของชาติ ย้ำไม่ใช่การแสดงแสนยานุภาพข่มขวัญเขมร ยันขณะนี้ชายแดนไทย-กัมพูชายังปกติไม่ตึงเครียด แม้ใกล้วันการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลก ชี้ยังไม่มีการประกาศปิดชายแดนหรืออพยพชาวบ้าน
       
       วันนี้ (9 เม.ย.) ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 2 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกองทัพภาคที่ 2 ประจำปี 2556 โดยมี พล.ท.จีระศีกดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) นำคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ
       
       ทั้งนี้ เป็นการฝึกลักษณะผสมเหล่า ประกอบด้วย ทหารราบ ,ทหารม้า (รถถังหนัก) และทหารปืนใหญ่ เป็นหลัก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทั้งในระดับบุคคล และเป็นหน่วยทางยุทธวิธี โดยในการฝึกครั้งนี้ได้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการสาธิตเรื่องของการยิงสนับสนุนแบบต่างๆ และการดำเนินยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพจากหน่วยทหารราบ ทหารม้า และทหารปืนใหญ่ รวมทั้งทหารเหล่าอื่นๆ อย่างประสานสอดคล้องกัน
       
       พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยภายหลังจากชมการฝึก ว่า การซ้อมในครั้งนี้เป็นการซ้อมรูปแบบการเข้าตีที่หมายจำกัด ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ได้สาธิตการเตรียมกำลัง วางแผนเคลื่อนย้าย ใช้การยิงสนับสนุน และการใช้กำลังทางอากาศ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาเกิดความมั่นใจว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นตามชายแดนที่รับผิดชอบจะสามารถควบคุมสถานการณ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
       
       ต่อข้อถามที่ว่าการฝึกครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้า กับทหารกัมพูชาในช่วงใกล้วันพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการแสดงแสนยานุภาพ เพื่อข่มขวัญประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการฝึกซ้อมประจำปี ของกองทัพภาคที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ
       
       ส่วนการที่ฝั่งประเทศกัมพูชาได้มีการฝึกซ้อมรบในระยะไล่เลี่ยกันนั้น ก็เป็นเรื่องของประเทศกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว และขอยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา บริเวณปราสาทเขาพระวิหารยังคงปกติ ไม่มีความตึงเครียด และไม่ได้มีการประกาศปิดชายแดนแต่อย่างใด เพียงแต่สื่อพากันประโคมข่าวจนดูเหมือนว่าจะมีความตึงเครียดเกิดขึ้นเท่า นั้น
       
       ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หมู่บ้านต่างๆ ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ มีการประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่นั้นจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา หรืออาจเป็นชาวบ้านประกาศกันเองก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าในส่วนของกองทัพ หรือรัฐบาลไม่ได้มีการประกาศให้มีการอพยพในช่วงนี้แต่อย่างใด เพราะยังไม่มีความตึงเครียดถึงขั้นปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารทั้งสองประเทศ




     
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อมคณะนายทหารระดับสูงกองทัพบก เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกองทัพภาคที่ 2 ประจำปี 2556 ที่ สนามฝึกทางยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 2 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 9 เม.ย.)

     



     
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.

     



     



     



     












ความคิดเห็นที่ 1


แหม่ น่าจะให้ท่านด็กทะเลเดบิวท์นะครับ ท่านนก

โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่ 10/04/2013 10:18:10


ความคิดเห็นที่ 2


มีคนประเดิมหน้าเพจใหม่ละ  ต้อนรับสงกราณต์อีกต่างหาก

โดยคุณ Ghoster เมื่อวันที่ 10/04/2013 09:42:44


ความคิดเห็นที่ 3


คุณ jack1112 หลังหยุดยาวสงกรานต์ค่อยมาตอบกระทู้ใหม่นะครับ/ADMIN
โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 10/04/2013 08:56:29


ความคิดเห็นที่ 4


ทหารเราเก่งอยู่แล้วครับ สำคัญที่คนสั่งรบ กล้าสั่งหรือปล่าว

ผมท้าเลย ถ้าลุยกันจริง เราสามารถบุกถึง พนมเปญแค่ไม่เกิน 2 วัน

ประเทศเขมรทั้งประเทศ คือพื้นที่ของไทยนะครับ แล้วโดนฝรั่งเศสมันมาปล้นของเราไป

โดยคุณ jack1112 เมื่อวันที่ 10/04/2013 08:32:05


ความคิดเห็นที่ 5


เยี่ยมครับ  ความพร้อมคือสิ่งที่เราต้องการ

โดยคุณ tantongs เมื่อวันที่ 10/04/2013 07:57:31


ความคิดเห็นที่ 6


รูปไม่ขึ้นครับ











โดยคุณ top4 เมื่อวันที่ 10/04/2013 00:49:42


ความคิดเห็นที่ 7


 

http://77.nationchannel.com/video/340057/

โดยคุณ topza เมื่อวันที่ 10/04/2013 11:00:00


ความคิดเห็นที่ 8


ทหารไทยเตรียมความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้วครับ       แต่ไม่มีสงครามจะดีกว่า นอกจากไม่ก่อประโยชน์แล้วยังมีโทษมหาศาลอีกครับ  สงสารประชาชน ยามสงบก็ลำบากอยู่แล้ว  

โดยคุณ spinrit เมื่อวันที่ 10/04/2013 13:20:04


ความคิดเห็นที่ 9


จริงๆ น่าจะฝึกร่วมกับทอ.ด้วยนะครับ.....สาธิตการทิ้งระเบิดเลเซอร์ ไกด์ บอมบ์ ว่ามีความแม่นยำขนาดใหน กินพื้นที่ขนาดเท่าไหร่ ให้ ฝูง 103 บินมาสูงๆ แล้วปล่อย หรือไม่ก็สาธิตการใช้ UAV มาทำหน้าที่ผตน.ปรับจุดตกของกระสุนปืนใหญ่  ให้รู้ว่าการรบสมัยใหม่เค้าทำกันแบบนี้ เป็นต้น

โดยคุณ terdkiet เมื่อวันที่ 10/04/2013 13:35:20


ความคิดเห็นที่ 10


บุกได้ เเต่ถ้าชนะเเล้วยังไงต่อ

เเปลกใจที่ยังมีเเนวคิดเเบบนี้อยู่

โดยคุณ parachutes เมื่อวันที่ 10/04/2013 13:37:49


ความคิดเห็นที่ 11


การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกองทัพภาคที่ 2 ประจำปี 2556

โดยคุณ neodonut เมื่อวันที่ 10/04/2013 14:34:14


ความคิดเห็นที่ 12


ซ้อมรบก็ดีครับ จะได้รู้ว่าเราพร้อมมากน้อยแค่ไหน

 

ส่วนคนที่โดนก็ดีเช่นกันครับ จะได้รู้ว่าเรามีขอบเขตแค่ไหน

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 10/04/2013 19:20:57


ความคิดเห็นที่ 13


ผมขอถามคุณ jack1112 ว่าคุณชอบประวัติศาสตร์ไหมครับ?

 

ถ้าคุณชอบ ผมขอแนะนำให้คุณไปศึกษาประวัติศาสตร์ ด้วยตัวเอง   

แต่ถ้าคุณไม่ชอบ คุณไม่ควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างมาก

คุณต้องมีความรับผิดชอบต่อความคิดเห็นของคุณด้วย

 

ตอนแรกกะว่าจะเข้ามาดูเฉยๆ

โดยคุณ Maceus เมื่อวันที่ 10/04/2013 21:13:43


ความคิดเห็นที่ 14


คุณMaceusพูดถูกต้องแล้วครับ....คุณjack1112ต้องลองศึกษาประวัติศาสตร์ให้ยาวอีกนิดนึง

เพราะ ว่าความจริงสมัยโบราณนั้นประเทศรอบข้างเรา(ไม่ว่าพม่า , ไทย , ลาว , กัมพูชา)

ต่างมีดินแดงเป็นของชนชาติตัวเองครับ..เพียงแต่สมัยก่อนนั้นเราอาจไม่มีชื่อเรียกประเทศป็นทางการอย่างปัจจุบัน

เราก็จะใช้ชื่ออาณาจักร หรือ ชื่อชนชาติ มาเป็นเรียกแทน ( ชื่ออาณาจักร เช่น อยุธยา , หงสาวดี , ล้านช้าง , ล้านนา..

หากเป็นชื่อชนชาติ ก็เช่น พม่า , ไท , ขอม , ญวน , ลาว )

และพูดตรงๆว่า " สมัยก่อนนั้นแทบทุกอาณาจักรเคยเป็นดินแดนของกันและกัน"  ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลาไหนอาณาจักรไหน

เข้มแข็งกว่าก็จะยกทัพไปตีอาณาจักรใกล้เคียงเพื่อยึดครองดินแดน หรือ บางครั้งอาณาจักรที่อ่อนแอก็มายอมอ่อนน้อมเป็นประเทศราช

ฉะนั้น...หากศึกษาจริงๆในช่วงเสียกรุงครั้งที่1 ก็ถือว่าไทยในสมัยนั้นเป็นดินแดนพม่า เมื่อพระนเรศวรประกาศเอกราชและอาณาจักร

อยุธยามีอำนาจขึ้นก็ยกทัพไปตีพม่ากลับคืนก็ทำให้ดินแดนพม่าบางส่วนเป็นของไทย หรือ หากย้อนกลับไปก่อนสมัยสุโขทัยดินแดนที่

เป็นประเทศไทยขณะนี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอาณาจักรขอม(ซึ่งก็คือเขมรหรือกัมพูชานั่นแหละ)สังเกตได้จากปราสาทหินทั้งหลาย

นั่นก็เป็นศิลปะขอมทั้งสิ้น.....ต่อมาเมื่อชนชาติไทยเข้มแข็งและขอมเสื่อมอำนาจลง...ไทยเราก็ตั้งอาณาจักร และ แผ่ขยายอิทธิพล

กลับไปทางเขมรบ้าง..ซึ่งต่อมาไทย และ ญวน( หรือ เวียดนาม)ต่างผลัดกันขึ้นมีอำนาจในพื้นที่กัมพูชา...หากเป็นช่วงไทยติดศึกพม่า.

.ญวนก็จะเข้ามามีอำนาจเหนือดินแดนเขมร และ เมื่อไทยว่างศึกพม่าเมื่อไหร่ก็จะหันไปสนใจทางเขมรอีกครั้ง...ล่าสุดเมื่อสมัย รัชกาลที่3

กองทัพไทยนำโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชายังเคยรบและผลัดกันแพ้-ชนะกับกองทัพเวียดนามในแผ่นดินเขมรเลยครับ

 

ฉะนั้น...หากจะมาอ้างว่าใครเคยเป็นดินแดนของใครนั้นคงจะพูดกันยาว...เพราะแต่ละชนชาติต่างก็ผลัดกันแย่งผลัดกันยึดอย่างที่กล่าวมา

ข้างต้น....และ แต่ละชนชาติต่างต้องพยายามอ้างถึงยุคที่ชนชาติตนเองเรืองอำนาจในพื้นที่กันทั้งนั้นแหละครับ

โดยคุณ A_hatyai เมื่อวันที่ 11/04/2013 11:28:26


ความคิดเห็นที่ 15


ออกตัวก่อนนะครับว่าผมเป็นครู และเป็นครูสอนประวัติศาสตร์โดยตรง

 

การศึกษาประวัติศาสตร์นั้น จะต้อง "เปิดใจให้กว้าง" ก่อนที่คุณจะศึกษา

 

เพราะหากคุณตั้งธงเอาไว้ในใจ หรือคุณเชื่อจากการรับรู้ข้อมูลแรกของคุณ แล้วคุณปักใจเชื่อไปตลอด นั่นไม่ใช่วิธีศึกษาประวัติศาสตร์ครับ

 

การศึกษาประวัติศาสตร์นั้น ต้องใช้ข้อมูล หลักฐาน ซึ่งในที่นี้ข้อมูลและหลักฐานมันก็มีหลายระดับ หลายมิติ ซึ่งเราต้องรวบรวมก่อน จากนั้นจึงตีความ

 

ยกตัวอย่างเช่น เรื่องยุทธนาวีที่เกาะช้างนั้น หนังสือหลายเล่ม สื่อหลายที่ บันทึกไว้ว่า ไทยชนะสงคราม ซึ่งใจผมแรกสุดก็เชื่อเช่นนั้น

 

แต่พอได้หาข้อมูลหลายที่ หลักฐานมันก็มายันกันเองว่าจริง ๆ แล้ว เราแพ้ แถมธนบุรีจมด้วยคนกันเอง และยิ่งได้ไปคุยกับนายทหารจากทีมงานสารคดีของกองทัพเรือมาด้วยตัวผมเอง

 

ผมยิ่งได้ข้อมูลเพิ่มว่า จริงนะที่เราแพ้สงครามที่เกาะช้าง แต่เราชนะทางยุทธวิธี ที่ทำให้ฝรั่งเศสไม่บุกต่อได้

 

เรื่องกัมพูชาก็เช่นเดียวกัน ถ้าศึกษาแผนที่โบราณมา ไม่มีประเทศหรอกครับสมัยนั้น มีแต่เมือง เขตใครก็เขตมัน ใครยิ่งใหญ่กว่า ก็ไปตีเขามา อย่าว่าแต่พม่ามาตีเราเลย เราก็เคยไปทำกับเขาเช่นกัน ซึ่งถ้าไปอ่านพงศาวดารและหลักฐานจากฝั่งพม่าเอง ผมว่าพม่าบันทึกได้ละเอียดกว่าเราซะอีก แถมไม่เข้าข้างตัวเองด้วย คือบันทึกกันตรง ๆ อย่างนั้นเลย บางครั้งเขายกย่องเราเสียด้วยซ้ำไป

 

ดังนั้น ตอนนี้ไม่ต้องไปสนแล้วครับว่าใครเป็นเมืองขึ้นใครมาก่อน ค่อย ๆ หาทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติจะดีกว่า

 

แต่ยกเว้นว่า ทางกัมพูชาเกรียนเกินไปจนเกินงามในบางครั้ง จะสั่งสอนบ้างอันนี้ผมก็ไม่ว่ากัน อิอิ

โดยคุณ krubannok เมื่อวันที่ 11/04/2013 13:54:25


ความคิดเห็นที่ 16


สวัสดีครับท่านครูบ้านนอก ได้เจอครูบ้านนอกเหมือนแถมสาขาประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน 

ต้องทำใจครับเราถูกปลูกฝังด้วยตำราฉบับชาตินิยมมาตั้งแต่เด็กๆ

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 11/04/2013 18:55:34


ความคิดเห็นที่ 17


ซ้อมรบที่อุณหภูมิ 40 องศา เดือน เมษายน  นี่นะ...โหด มากสุดๆ แล้ว

ถ้าอยู่กลางแดดทั้งวัน  ต้องมีสลบเหมือด หลายคนแน่ๆ....

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 12/04/2013 00:53:52


ความคิดเห็นที่ 18


ขอเรียนว่าการรบที่เกาะช้างเป็นยุทธนาวีครับมิใช่สงคราม

ผลของสงครามนั้นพูดยากว่าใครชนะ  ผมไม่เคยอ่านเจอในข้อเขียนท่านผู้ใดว่าไทยเป็นผู้ชนะในยทธนาวีครั้งนี้  แต่หากว่าตามความคิดผม

ค้าน ยุทธศาสตร ไทยชนะแน่นอน เพราะทำลายหรือหยุดแผนฝรั่งเศสได้

ด้านยุทธวิธี พูดยากครับผมไม่เคยอ่านเจอจากข้อเขียนของใครว่ารล.ธน.ถูกลาม็อตปิเก้ ยิงจมระหว่างการยุทธ แต่ถูกยิงเเสียหายจนต้องไขน้ำเข้าเรือเพื่อดับไฟหลังจากการยุทธนั้นถูกต้อง

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 13:47:09


ความคิดเห็นที่ 19


รล.ธน.ไม่ได้จมขณะยุทธนาวี แต่ถูกลากเข้ามากยตื้นและฝ่าย ทร.เป็นผู้ไขน้ำเข้าเรือเพื้อดับไฟ ถามว่ารล.ธน.เสียหายจากการรบมั้ย แน่นนอนครับเสียหายมากจนไมม่อาจซ่อมกลับมาเป็เป็นเรือรบหลักได้แลดูเหมือนว่าปลดระรางในปี2505

ลามอตปิเก้ ไม่มีข่าวหรือหลักฐานว่าหลังจากยุทธนาวีเสียหายอะไร รู้แต่ว่าหลังจากยุทธนาวีครั้งนี้ลามอตปิเก้ไม่เคยออกมาปฏิบัติการอะไร แม้ขณะถูกระเบิดจมที้ปากแม่น้ำโขงก็ถูกลากหนีฝูงบินทิ้งระเบิดออกมาจากอู่ แสดงว่าหลังจกยุทธนาววีแล้ว ลามอตเองก็หมดสภาพเรือรยหลักเช่นกัน

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 14:04:41


ความคิดเห็นที่ 20


ส่วนตัวผม ผมมีความเห็นว่าไทยวางแผนยุทธศาสตร ผิดพลาดทั้งระบบ

1ไม่ควรก่อสงครามอินโดจีนในทุกกรณี ภัยที่แท้จริงของย่านนี้มันญี่ปุ่น ไม่ใช่ฝร้งเศส

2เมื่อก่อ คุณกลับไม่ใช้ประโยชน์กองทัพเรือให้เต็มที่ หากกองทัพเรือไทยเป็นฝ่ายโจมตีไซ่ง่อนก่อนผลขอองยุทธนาวีจะต่างออกไปมาก

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 14:41:57


ความคิดเห็นที่ 21


คุณtraiครับ...โดยส่วนตัวผมมองว่าเราไม่ได้ก่อสงครามอินโดจีนขึ้นนะครับ...เท่าที่เคยรู้มา..เรามักจะโดนฝรั่งเศส

แทะเล็มรุกล้ำแดนเข้ามาเสมอ...บางครั้งก็ส่งเครื่องบินเข้ามาใช้อาวุธบริเวณจังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง...ไม่ว่ามองในมุมไหนก็ถือว่า

เราถูกรุกรานและจำเป็นต้องตอบโต้กลับเพื่อรักษาอธิปไตยของเราครับ

ส่วนเรื่องส่งกำลังทางเรือไปโจมตีไซ่ง่อนนั้นผมว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ครับ...กองทัพเรือของเราในสมัยนั้นไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น

เรือใหญ่สุดที่มีในตอนนั้นก็คือเรือหลวงธนบุรี และ เรือหลวงศรีอยุธยา...ส่วนเรือในชุดเรือหลวงแม่กลองนั้นก็เป็นเรือสลุป

ซึ่งมีความเร็วต่ำ...ที่เหลือนอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเรือเล็กอย่างเดียวกับเรือตอร์ปิโดที่จมที่เกาะช้าง เช่น รล.สงขลา , รล.ชลบุรี

ส่วนเรือหลวงนเรศวร กับ เรือหลวงตากสิน ที่สั่งต่อที่อิตาลีก็ยังไม่เสร็จ...ในส่วนของเรือดำน้ำนั้น...จัดว่าเป็นของใหม่สำหรับ

กองทัพเรือในยุคนั้น...ซึ่งในขณะนั้นเราอาจจะยังไม่ชำนาญจนไม่สามารถใช้งานได้เต็มขีดความสามารถ

ถ้าเราใช้กองทัพเรือตั้งรับในบ้านของเรา..หากฝรั่งเศสยกกองเรือบุกมาแล้วกองเรือเราสู้ไม่ได้จริงๆ..เราก็สามารถ

ใช้กำลังทางอากาศ และ ปืนใหญ่ชายฝั่ง ที่อยู่ใกล้เคียงมาสนับสนุนได้ครับ..พลาดพลั้งเรือจมขึ้นมา..ลูกเรือของเราก็ว่ายน้ำกลับ

เข้าฝั่งบ้านตัวเองครับ

แต่หากเราเอากองเรือที่อ่อนแอกว่าไปบุกเค้า..เราต้องเจอทั้งกองเรือผิวน้ำที่เข้มแข็งกว่าเรา..รวมทั้งเรือดำน้ำของฝรั่งเศสที่อาจจะ

โผล่ มาโจมตีกองเรือของเราได้ทุกเมื่อ...นี่ยังไม่นับถึงเรื่องต้องระวังเครื่อง บินฝรั่งเศสที่สามารถโผล่มารุมกินโต๊ะกองเรือเราอีกนะครับ

หากพลาด พลั้งขึ้นมาจนเรือจมเหมือนที่เกาะช้างล่ะก็...ลองคิดดูเล่นๆซิครับว่าจะเกิด อะไรขึ้นกับลูกเรือของเราที่ลอยคออยู่ในน่านน้ำข้าศึก

 

ในขณะเดียวกันผมว่าที่กองทัพฝรั่งเศสในอินโดจีนไม่เข้มแข็งอย่างที่ควรจะเป็นนั้น...อาจมีสาเหตุมาจากเรื่องดินฟ้าอากาศและกำลังใจ

ของทหารส่วนนึง

แต่สาเหตุหลักผมว่ามาจากในขณะนั้นแผ่นดินแม่ของฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับสงครามอันเนื่องมาจากเยอรมันยกพลบุกภาคพื้นยุโรป

ทำให้ฝรั่งเศสต้องมุ่งความสนใจไปยังสงครามในยุโรปก่อน จนทำให้ไม่สามารถให้การสนับสนุนทหารของตนในอินโดจีนได้เต็มที่

หากในขณะนั้นไม่มีสงครามในทวีปยุโรปแล้ว..ผมว่าไทยเราน่าจะโดนฝรั่งเศสรุกหนักกว่านี้

 

สรุปแล้ว...โดยส่วนตัวผมคิดว่าสื่งที่ผิดพลาดของเราในตอนนั้น...ก็คือ

      1.เรายังไม่มีประสบการณ์ในการรบรูปแบบนี้...รวมทั้งขาดการสื่อสารที่ดีระหว่าง ทร. และ ทอ. จนทำให้เครื่องบิน

         ทิ้งระเบิดใส่เรือรบฝ่ายเดียวกัน

      2.เราน่าจะเอาเรือดำน้ำที่มีอยู่ 4 ลำในตอนนั้น..มาใช้ในเชิงรุกให้มากขึ้น...หากเราส่งเรือดำน้ำไปดักในเส้นทางที่

         คาดว่าข้าศึกจะเดินเรือผ่านมา หรือ หากในตอนนั้นมีเรือดำน้ำของเราอยู่ในพื้นที่ยุทธนาวีละก็..ผมว่ากองเรือฝรั่งเศส

         คงจะเจ็บหนักกว่านี้

 

อย่างไรก็ตามถึงเราจะพลาดพลั้งจนเสียเรือรบที่เกาะช้าง....แต่ผมว่าโดยภาพรวมแล้วเราชนะสงครามในครั้งนั้น...เพราะผลการรบ

ทางบก และ ทางอากาศ เราสามารถสร้างวีรกรรมที่โดดเด่นมีหลักฐานบันทึกชัดเจนหลายครั้ง...ถึงขนาดตีกองพันต่างด้าว

ของฝรั่งเศสจนละลาย....ยึดธงชัย และ รถถังของฝรั่งเศสได้ 5 คันได้เนี่ย....แค่นี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วครับ

โดยคุณ A_hatyai เมื่อวันที่ 12/04/2013 15:40:50


ความคิดเห็นที่ 22


 

เรียน คุณ A_hatyai

ประเด็นหลักของผมมันไม่ได้อยู่ที่ใครรุกไครก่อน หรือสาเหตุสงครามอิรโดจีนมันมาจากอะไร

แต่มมันอยู่ที่ ผู้นำยุค2483 มองไม่ออกหรือครับว่า ประเทศใหนเป็นมหันตภัยอันคัย 1 ของไทย

ผมคิดว่าจะมีผลต่อนโยบายป้องกันประเทศขอวไทยในยุคนั้นมากครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 22:27:55


ความคิดเห็นที่ 23


 

เรียน คุณ A_hatyai

ประเด็นหลักของผมมันไม่ได้อยู่ที่ใครรุกไครก่อน หรือสาเหตุสงครามอิรโดจีนมันมาจากอะไร

แต่มมันอยู่ที่ ผู้นำยุค2483 มองไม่ออกหรือครับว่า ประเทศใหนเป็นมหันตภัยอันคัย 1 ของไทย

ผมคิดว่าจะมีผลต่อนโยบายป้องกันประเทศขอวไทยในยุคนั้นมากครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 22:46:16


ความคิดเห็นที่ 24


ส่วนเรื่องการโจมตีท่าเรือไฃ่ง่อนก่อนนั้น ผมเคยได้ยินมาครับดูหมือนจะเป็นข้อเสนอข้อหนึ่งครับแต่คุยในนี้คงไม่เหมาะเอาไว้มาตั้งกระทู้ถกกันดีกว่าครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 22:54:30


ความคิดเห็นที่ 25


สุดท้ายเรื่อง รล.ธนบุรีvsลามอตปิเก้ ความเห็ของผมฃอยืนยันว่าไม่เกียวกับชาตินิยม ผลการรบผมให้เสมอกัน แบบเรรือธนควรจะชนะด้วยซ้ำ

1 ลามอต ต้องถอยไม่ได้ทันทำภารกิจ

2ไม่มีไครจมในระหว่างการรบ แต่เสียหายกลับไปหมดสภาพการเป็นเรรือรบหลักทั้ง2ลำ

3ส่วนที่ว่ารล.ธน จมนั่นเป็นขบวนการขั้นตอนดับไฟทีต้องปิดดน้ำเข้าเรือ ซึ่งดำเนินการโดยฝ่าย ทร.

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 12/04/2013 23:06:13


ความคิดเห็นที่ 26


อ้างจากข้อความของคุณ Trai ที่เขียนไว้ในกระทู้ข้างต้น...ที่ระบุว่า

"ส่วนตัวผม ผมมีความเห็นว่าไทยวางแผนยุทธศาสตร ผิดพลาดทั้งระบบ

1ไม่ควรก่อสงครามอินโดจีนในทุกกรณี ภัยที่แท้จริงของย่านนี้มันญี่ปุ่น ไม่ใช่ฝร้งเศส

2เมื่อก่อ คุณกลับไม่ใช้ประโยชน์กองทัพเรือให้เต็มที่ หากกองทัพเรือไทยเป็นฝ่ายโจมตีไซ่ง่อนก่อนผลขอองยุทธนาวีจะต่างออกไปมาก"

ผมขอถามคุณTrai ครับ...ที่คุณบอกว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครรุกรานใครก่อน...งั้นคุณช่วยตอบผมทีว่าข้อความที่คุณพิมพ์ข้างต้นนั้น

คุณหมายความว่ายังไงไม่ทราบ....ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องแล้วคุณจะพิมพ์เข้ามาเพื่ออะไร...?

และ ช่วยตอบผมทีว่า 1.คุณหมายถึงใครเป็นคนก่อสงคราม...ช่วยระบุให้ชัดๆ..และรับผิดชอบข้อความที่พิมพ์ไป

                             2.คุณเอาตรรกะอะไรมาวัดว่าในตอนนั้นญี่ปุ่นเป็นภัยต่อย่านนี้...เพราะในขณะ นั้นญี่ปุ่นกำลังง่วนอยู่กับจีน

                               ซึ่งมีปัญหากันมานานแล้ว(โดยที่จีนมีอเมริกาหนุนหลัง)....ผมว่าญี่ปุ่นไม่อยากรบกับไทยหรอกครับ..

                               แถมตอนที่ญี่ปุ่นประกาศตัวเป็นฝ่ายอักษะญี่ปุ่นก็จะได้ศัตรูเพิ่มเติมทั้งอังกฤษ , อเมริกา

                               ซึ่งเป็นเจ้าของอาณานิคมในแถบนั้น....ผมว่าญี่ปุ่นยิ่งอยากได้ไทยเป็นพวกด้วยซ้ำ....ดีไม่ดี

                                หากไทยร่วมมือจนญี่ปุ่นขับไล่อังกฤษออกไปได้....ไทยอาจได้ผลประโยชน์โดยได้รับดินแดนที่

                                เสียให้อังกฤษในยุคล่าอาณานิคมกลับคืนมาอีก

                            3.อะไรทำให้คุณคิดว่าญี่ปุ่นเป็นภัยกับเราในเวลานั้น...คุณรู้มั้ยครับในยุค นั้นไทยกับญี่ปุ่นมีความร่วมมือกันทางทหาร

                                เป็นอย่างดีครับ...ผมอยากบอกคุณว่า

                                       - เครื่องบินรบที่เราเอาไปทิ้งระเบิดโจมตีที่มั่นฝรั่งเศสในกัมพูชาก็เป็น เครื่องบินจากญี่ปุ่น

                                       - เรือในชุดเรือหลวงธนบุรี , เรือหลวงแม่กลอง ที่เป็นเรือรบใหม่ของเราในยุคนั้นก็ต่อจากญี่ปุ่น

                                       - รถถังที่เรามีประจำการในยุดสงครามโลกนั้นก็มาจากญี่ปุ่น

                                       - ฝูงบินนาวีในยุคเริ่มแรกของเราไม่ว่าจะเป็น บ.รน.๑ , บ.รน๒ , บ.รน.๓ ก็เป็นเครื่องบินที่เราจัดหาจากญี่ปุ่น

                                       - เรือดำน้ำ 4 ลำแรกของเราก็เป็นเรือจากญี่ปุ่น

                                หากเปรียบเทียบกันอีกมุมตอนเกิดวิกฤติอินโดจีนนั้น..ไทยสั่งซื้อ บ.ขับไล่ Hawk-75 มาจากอเมริกา...แต่พอถึง

                                 คราวจะจะส่งมอบเขากลับถ่วงเวลาส่งมอบให้ล่าช้าเพราะกลัวเราจะนำ เครื่องบินมารบกับฝรั่งเศสซึ่งเป็นพันธมิตร

                                กับเขา...สุดท้ายเพิ่งจะยอมส่งมอบให้หลังวิกฤติการอินโดจีนเริ่มคลี่คลาย แล้ว....ในขณะที่ในตอนนั้นญี่ปุ่นให้ความ

                                ร่วมมือในการจัดส่งอาวุธมาให้เราใช้รบป้องกันประเทศเป็นอย่างดี

                                 หากจะว่ากันจริงๆแล้วในช่วงสงครามอินโดจีนนั้น...ญี่ปุ่นเป็นมหามิตรกับเรา ยิ่งกว่าชาติตะวันตกใดๆครับ

                                4.หากคุณคิดว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นภัยต่อย่านนี้....คุณช่วยตอบผมทีครับว่าถ้า คุณเป็นผู้บริหารประเทศในยุคนั้น

                                  คุณจะดำเนินนโยบายอย่างไรครับ...ไปประกาศตั้งตัวเป็นศัตรูกับญี่ปุ่นอย่าง นั้นเหรอ...? และช่วยตอบทีว่าถ้าคุณ

                                   เห็นญี่ปุ่นเป็นภัยคุกคาม คุณจะหาใครมาช่วยต่อต้านญี่ปุ่นล่ะครับ...อเมริกาตอนนั้นก็ยังเอาตัวไม่รอด แทบจะถูก

                                   ญี่ปุ่นตีตกทะเลที่ฟิลิฟฟินส์ด้วยซ้ำ.......และอย่าลืมว่าในยุคนั้นยังไม่เกิดอาเซียนนะ....

                                   อำนาจการบริหารประเทศแถบนี้จะอยู่ในมือของอังกฤษ,ฝรั่งเศสเจ้าของอาณานิคม ทั้งสิ้น....หรือคุณจะหันไป

                                  ร่วมมือกับอังกฤษและฝรั่งเศสต้านญี่ปุ่นอย่างนั้นเหรอ  ทั้งๆที่ขณะนั้นฝรั่งเศสจ้องจะเข้ามาฮุบดินแดนเราตั้งแต่สมัย

                                    ล่าอาณานิคม..และในตอนนั้นก็ยังจ้องอยู่  แถมอังกฤษก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยึดดินแดนแถบมลายูไปจากเราเนี่ยนะ

                                   ประเทศที่ดีกับเราในตอนนั้นคุณมองเป็นภัยคุกคาม...แต่ประเทศที่ส่งเครื่อง บินมาทิ้งระเบิดบ้านคุณแล้ว..คุณกลับ

                                    มองว่าเขาไม่ใช่ภัยคุกคามที่แท้จริง.....ฟังดูมันแปลกๆนะ

                                   เหมือนกับว่าข้างบ้านคุณก็มีศัตรูอยู่แล้ว....คุณดันจะไปประกาศตัวเป็นศัตรู กับบ้านที่อยู่ปากซอยอีกเหรอ....

 

 ช่วยตอบให้กระจ่างด้วยครับ.....ผมเป็น"คนรู้น้อย"  อ่านข้อความของคุณฟังดูเป็นวิชาการแล้วรู้สึกว่าท่าทางคุณจะมีความ_รู้มากดี

ผมก็เลยหวังว่าจะได้ความรู้ใหม่ๆจากคุณบ้าง

โดยคุณ A_hatyai เมื่อวันที่ 13/04/2013 16:59:06


ความคิดเห็นที่ 27


เรียน คุณA_ hatyai

ดูข้อเขียนคุณแล้ว ผมซึ่ไม่มีความรู้อะไรเป็นพิเศษคงด้ยกว่าคุณมาก ทั้งคุณวุฒิเเละวัยวุฒิครับคงเทียบคุณไม่ได้แน่ๆครรับ

คววามเห็นผมคือ

1 สุดท้ายญี่ปุ่นยึดประเทศไทย อันนี้ผมถึงว่าเป็นมหันตภัย จะว่าเป็นทางผ่านเพื่อรบอังกฤษ แต่จริงๆยึดถึง5ปี จน2488

2การจะมองว่าใครเป็นศัตรูที่แท้จริงของประเทศ ต้องเป็นหน้าที่ของผู้บริหารประเทศครับหรือท่าผู้นำ คงไม่ใช่ระดับผม แต่สุดท้ายประเทศไทยถูกยึดครองโคยญี่ปุน อันนี้ผมมองว่าผู้บริหารประเศในยุคนั้นประเมินศัตรูที่แท้จริงของประเทศผิดพลาด ทำให้ไม่ได้มองหรือเตรียมรับด้านญี่ปุ่น อันนี้ผมมองที่ผลลัพพ์ครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 18:45:34


ความคิดเห็นที่ 28


ต่อครับ

3 เราเสียดินแคนให้ฝรั่งเศสครั้งสุดท้ายน่าจะ 2448  จน30ปีต่อมา2478 จนสิ้นสมัย ร7 ไทยไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับฝรั่งเศส จนถึงยุคท่านผู้นำ จึงเริ่มีการเดินขบวนเรียกร้องดินแดนคืน โดยกลุ่มนักศึกษาและยุวชนทหาร ในยุคนั้นคงทราบกันนะครับมีการปลุกกระแส ชาตินิยมกันมาก ดังนั้นการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดนจึงตามมา การยิงปืนใหญ่ใส่กันผมคิดว่าเรายังพอเจรจากันได้ แต่ผมคิดว่าไทยเป็นฝ่ายส่งกองทัพเข้าอินโดจีนก่อนไม่ใช่หรือครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 18:59:42


ความคิดเห็นที่ 29


4 จากข้อ3 เมื่เกิดปะทะกัน อย่างหนึ่งต้องแน่ๆครับ ผมว่ากระสุนปืนแบะอาวุธทั้งฝ่ายไทยและอินโดจีนคงพร่องไปเยอะ  แล้วจะต้านทานญี่ป๔นได้อย่างไร

5ถามว่าสู้ได้หรือไม่ได้ ถ้าอาวุธผมพร้อมผมส้ครับ จริงอยู่ตอนนั้นญี่ปุ่นต่างจากไทยมากแต่อย่าลืมครับ ญี่ปุนเปิดสงครามจนเกินตัว ดัานใต้กะรุกไปถืaustralia  และอินเดีย หากเข้าอินโดจีนและไทย จะต้องแบ่งกองทัพถึง 3 ส่วน เออังกฤษที่พม่าและมาเลเซียด้วย ผมว่าหากไทยและอินโดจีนไม่ปะทะกัน จนเพลียทั้งคู่ผมมั่นใจว่าจะตองหยุดญี่ปุ่นไดครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 19:20:52


ความคิดเห็นที่ 30


กลับมาเเข้าประเด็นดีกว่าครับ  ส่วนเรื่องกรณีพิพาทไทยอินโดจีนจนไปถึงสงครามมหาเอเชียบูรพา ผมว่าลองไปตั้งกระทู้คุยกันโดยเฉพาะจะดีกว่าครับ

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 13/04/2013 19:26:53


ความคิดเห็นที่ 31


ผมพยายามหาหลักฐานจากหนังสือที่ผมเคยอ่านข้อความเจอมาให้เป็นข้อมูล แต่วันนี้ทั้งวันผมก็หาไม่เจอ ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่นี่ หนังสือผมจมน้ำไปเกินครึ่ง

 

ผมอ่านเจอว่า "องค์สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ทรงสั่งให้นายทหารในกองทัพญี่ปุ่น ปฏิบัติต่อไทย "อย่างเพื่อน" ไม่ใช่ศัตรู ครับ

 

พรุ่งนี้จะค้นอีกรอบว่ามันอยู่เล่มไหน หรือจมไปแล้วก็ไม่รู้ {#emotions_dlg.title}:

โดยคุณ krubannok เมื่อวันที่ 13/04/2013 19:31:56


ความคิดเห็นที่ 32


ต่อครับ รูปแบบของสงครามเต็มรูปแบบคือการส่งกองทัพเข้ายึดดินแดนข้าศึก อันนี้ผมคงเข้าใจถูกนะครับการตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ หรือบินโจมตีข้ามแดน ผมว่าเรายังเจรจากันได้ แต่ผมเข้าใจว่าไทยเป็นฝ่ายส่งกองทัพเข้าบุกก่อน อันนี้คงไม่ใช่การปะทะตามแนวชายแดนทั่วไปแน่ครับ เป็นสงครามเต็มรูปแบบที่ไทยเป็นฝ่ายรุกก่อน ความเห็นของผมมันไม่สมควรครับ ท่านผู้นำยุคนั้นควรจะรู้ว่า ญี่ปุ่นกำลังจ้องมองอยู่ เพื่อเอาอินโดจีน ไทย เป็นทางผ่านเข้าอินเดีย

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 19:36:39


ความคิดเห็นที่ 33


ผมสรุปนะครับ ทั้หมดผมมองที่ผลลัพพ์ครับ ผลลัพพ์ที่คาใจผมอยู่คือญี่ปุ่นยึดครองไทย การปะทะชายแดนไทย อินโดจีน ควรจะจบที่โต๊ะเจรจาครับ อินโดจีนไม่อยากมีเรื้องกับไทยแน่เพราะฝสรรั่งเศสเพิ่งแพ้เยอรมัน ผู้บริหารประเทศในยุคนั้นควรจะถนอมกำลังอาวุธให้มากที่สุดเพพื่อเตรียมรับกับสถานการในเอเซียที่ไม่แน่นอน

ผู้บริหารประเทศในยุคนั้น ควรจะมองให้ออกนะครับว่าใน10 ปีข้างหน้ากรณีที่เลวร้ายที่สุด ใครจะมีศักยภาพรุกรานไนไทย เตรียมอาวุธต่างๆเเพื่อรับสถานการให้พร้อมที่สุด

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 20:26:56


ความคิดเห็นที่ 34


ท่านประธาน ขออีกนิดน่า นิดเดียวเอง

คุณครูครับ ซัดเราเต็มที่แล้วครับ ถึงมาปลอบ เน้นPR.แท้ๆครับ

เมื่อ70ปีก่อน หากกองทัพแห่งราชอาณาจักรไทยที่พร้อมรบสูงสุด เข้าต้านทานการรุกรานของกองทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ในฐานะประเทศเอกราช ที่เท่าเทียมกัน ผมจะมีความภูมิใจมาๆๆครับ

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/04/2013 20:39:46


ความคิดเห็นที่ 35


การมองอดีต จากมุมมองปัจจุบันเป็นเรื่องที่ง่ายเสมอครับ  ถ้าอยู่ในยุคสมัยนั้นในปี2483 ใครจะคิดว่าฝรั่งเศษที่แพ้สงครามไปแล้วจะกลับมาชนะ ใครจะไปคิดว่าต่อไปญี่ปุ่นจะโจมตี ฮาวายแล้วอเมริกาจะเข้าสู่สงครามและจะชนะสงคราม  

ผมเคยอ่านเจอ นะครับ ว่าก่อนที่จะบุกอินโดจีน เราก็เคยขอเจรจาไปหลายครั้ง ยอมไปแม้กระทั่ง ทำสัญญาไม่รุกรานก่อน แล้วค่อยมาเจรจาทีหลัง แต่กลับถูกบิดพริ้วไม่ยอมเจรจาตามที่เคยตกลงไว้ 

 

 

โดยคุณ tm1 เมื่อวันที่ 13/04/2013 23:03:28