แก้ไข แผ่นภาพใหม่ครับ...ตัวเลข ผิดพลาดไป

คราวนี้ ฮ.ท. ของ ทบ. จำนวน 23 ลำ ก็คงต้องลุ้น ระหว่าง AW-139 กับ ฮ.ท. แบบใหม่ ว่าใครจะมี จำนวนเท่าไหร่ ลักษณะไหน ครับ...

ในจำนวน 23 ลำ  ท.บ. จัดหา AW-139 ไปแล้ว จำนวน 2 ลำ คงเหลืออีก 21 ลำ ว่าใครจะเข้าวิน แบ่งสัดส่วน กันไปเท่าไหร่ ระหว่าง AW-139 กับ ฮ.แบบใหม่...

H-72 Lagato หรือ Bell-412 หรือ ฯลฯ

โดยตามแผนการจัดหา ฮ. ฝุงใหม่ จำนวน 33 ลำ ตามข้อมูลปี 2554  ทบ. น่าจะปรับเปลี่ยน เป็นการจัดหา จาก UH-60 ทั้งหมด เป็น

UH-60  จำนวน 10 ลำ

ฮ.ท.X จำนวน 23 ลำ

โดยแบ่งเป็น

ปี 2554 จัดหาไปแล้ว จำนวน 3 ลำ (UH-60L)

ปี 2555 - 2557 จำนวน 10 ลำ ประกอบด้วย UH-60 จำนวน 3 ลำ และ ฮ.ท.X จำนวน 7 ลำ

ปี 2558 - 2560 จำนวน 10 ลำ ประกอบด้วย UH-60 จำนวน 2 ลำ และ ฮ.ท.X จำนวน 8 ลำ

ปี 2561 - 2563 จำนวน 10 ลำ ประกอบด้วย UH-60 จำนวน 2 ลำ และ ฮ.ท.X จำนวน 8 ลำ

และ ทบ.มีแผน ปรับปรุง ฮ.ท.212 จำนวน 48 ลำ ให้เป็น ฮ.ทางยุทธวิธี ทั้งหมด ซึ่ง ปัจจุบัน ฮ.ท.212 ยังไม่มีคุณสมบัติทางยุทธวิธี

ปี 2554 - 2556 ปรับปรุง จำนวน 8 ลำ

ปี 2556 - 2558 ปรับปรุง จำนวน 13 ลำ

ปี 2558 - 2560 ปรับปรุง จำนวน 13 ลำ

ปี 2560 - 2562 ปรับปรุง จำนวน 14 ลำ

จากข้อมูลข้างต้น ทั้งหมด พอจะสรุป อัตราบรรจุ ฮ.ท. ของ ทบ. ได้ตามแผ่นภาพ ครับ...

และตามที่ ราคาของ UH-60 มีราคาสูงมาก ทบ. จึงคงปรับแผนความต้อง ฮ.ใช้งานทางยุทธวิธี ใหม่ จำนวน 33 ลำ ให้ สอดคล้องการการปลดประจำการของ ฮ.1

โดย ฮ.1 วางแผนการปลดประจำการ เป็น 4 ช่วงระยะด้วยกัน

ปี 2554 ปลดจำนวน 40 ลำ

ปี 2555 - 2557 ปลดจำนวน 30 ลำ

ปี 2558 - 2560 ปลดจำนวน 30 ลำ

ปี 2561 - 2563 ปลดจำนวน 22 ลำ

ตามแผ่นภาพ ข้างต้น เป็น คาดเดา ของผม นะครับ...เพื่อให้ได้จำนวน ฮ. แต่ละฝูงบิน อยู่ในอัตราจำนวนเดียวกัน

อัตรา Black Hawk จำนวน 33 ลำ น่าจะเป็นอัตราเดิมของ กองบินปีกหมุน ของ ทบ. น่ะครับ...

กองบินปีกหมุนของ ทบ. ใน 1 กองบิน จะมีจำนวนบรรจุ ฮ. จำนวน 33 ลำ ต่อ กองบิน (อัตราบรรจุ ไม่ได้ หมายถึง อัตราใช้งานได้จริง)

เมื่อปี 2554 เคยมีข้อมูลปรากฎ เกี่ยวกับ ความต้องการ ฮ.ใช้งาน ทางยุทธวิธี ซึ่ง ผมพอจะทำสรุปมาเป็น แผ่นภาพ ได้ ดังนี้ ครับ...

อัตรา บรรจุ ฮ.ทางยุทธวิธี จำนวน 4 กองบิน

1. กองบินปีกหมุนที่ 1

2. กองบินปีกหมุนที่ 2

3. กองบินปีกหมุนที่ 3

4. กองบินปีกหมุนที่ 9 (ผสม)

รวมอัตราบรรจุ 132 ลำ

รายละเอียด ตามแผ่นภาพ ครับ

Eurocopter เนี่ยในวิกิบอก order  6 ลำ ตกลง 6 หรือ 8 ลำครับ แล้วตัวนี้เห็นอาวุธเพียบเลยเป็น ฮ จู่โจมได้อย่างดีเลยนะครับ แต่รู้สึกเราจะเอามาเป็นเอนกประสงค์ไม่รู้จะได้ครบฝูง10 ลำไหมเนี่ย

UH-60L/M นั้นเป็นการจัดหาทดแทน UH-1 ที่ปลดประจำการครับ โดยมีอัตราที่ต้องการอยู่ที่ 33 ลำโดยทำการทะยอยจัดหาไปเรี่อยๆจนกว่าจะครบครับ แต่ไม่ได้จัดหาทดแทนแบบ 1:1 ครับ(ผมจำไม่ได้ว่า UH-1ต้องปลดกี่ลำ) เพราะ UH-60L/M มีราคาที่สูงมาก แต่สมรรถนะก็สูงเช่นกัน และ UH-60L/M ก็สามารถดัดแปลงเป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีได้เช่นเดียวกับ UH-1 ครับ

จำนวนก่อนหน้านี้คงยังไม่ครบตามความต้องการครับ

แต่มาครั้งนี้มีดั้งด้วย โอ้ สุดยอดครับดีใจกับ ทบ.ด้วย

หล่อเลย....

ฝุ่นหรือเศษอะไรมันตกลงไปตอนเปิดฝาห้องเก้บ ฮ. นะครับ

เอาความเร็วเข้าว่า ความคล่องตัวเข้างัด

ตัวเล็กเเต่เล็กพริกขี้หนู  กัดช้างตาย  55555555555   (AS-550 )

ที่จะมาใหม่ เร็วๆนี้

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา AH-1F ล๊อตใหม่3เครื่อง ฝึกบินเกาะกลุ่มข้ามหัวผมบ่อยมากเรียกว่าเห็นจนเบื่อเลย แต่เชื่อไหมว่าผมนึกภาระกิจที่จะใช้งานไม่ได้ซักนิดเดียว

เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่จะไม่ได้ออกปฏิบัติการจริงใดๆจนปลดประจำการแน่นอนครับ เทียบกับไอ้ตัวเล็กที่เรา(ควรจะ)จัดหามาไม่ได้เลยซักนิด

ผมไม่ได้ว่าไม่ดีนะแต่มันตกยุคไปแล้วทั้งอาวุธและระบบทั้งหลาย เทียบได้ก็เป็นF-5E ติดไซน์ไวด์เดอร์แหละ มีสงครามจริงๆเอาไปบินเหนือสนามรบให้เขาสอยเล่นเสียของเปล่า

การที่ทบเราจัดหาแบล็กฮอกผมสนับสนุนนะเพราะมันใช้ในการรบได้ดีจริงๆ แต่ว่ามันแพงเหลือกำลังเทียบกันอินโดจัดหา BELL 412ST ลำหละ11ล้านดอล์ แต่เขาผลิตเองในบ้านโดยได้สิทธิบัตรเนี่ยสิ มันถูกตรงนี้หละมั้ง

เป็นรุ่น UH-60L น่าจะสเปคเดียวกับ ของ ทบ.บราซิล

เท่าที่อ่านข้อมูลผ่านตา...

ตอนนี้ ทบ. น่าจะปรับอัตราจำนวน คือ มีจำนวนให้พอใช้...และใช้ให้ได้ครบ ในจำนวนที่มี...

คงไม่จัดหามา เป็น สต๊อค แต่ใช้ไม่ค่อยได้...น่ะครับ...

Bell-212 จะมาแทนที่ UH-1 ตามโครงการเดิม จะปรับปรุงให้ ฮ.ทางยุทธการ ทั้งหมด แต่ไม่แน่ใจ ปัจจุบัน ยกเลิกไปรึยัง...

ส่วน UH-60 จำนวนหนึ่ง...กับ ฮ.แบบใหม่ จำนวนหนึ่ง...จะมาทดแทน UH-1 ส่วนที่เหลือ ทั้งหมดประมาณ 22 ลำ ประมาณปี 2565...

ขอโทษนะครับ...วันที่ 8 มิย.?

อ้าว....แก้แล้ว

ขอเอาไปลง TAF หน่อยนะครับ

ใน wikipedia.org/wiki/uh-60

บอกว่า ทบ. มี ยูเอช-60 แบล็กฮอว์ก จำนวน 8 ลำ ซึ่งไม่ตรงกับ TAF  ที่ระบุ ว่ามี 6 ลำ

และที่สำคัญ ใน wikipedia บอกว่า ของไทยเป็นรุ่น UH-60 L หรือ S70A-43 ทั้ง 8 ลำ และได้ UP เป็น UH-60 M หมดแล้ว

เลยสงสัย 3 ลำที่มาใหม่ น่าจะเป็น รุ่น UH-60M

และจำนวน UH-60 น่าจะอยู่ที่ 11 ลำ รวมที่มาใหม่ 3 ลำ

และมีผู้รู้พอทราบไหมว่า ซีนุก47 ทั้ง 6 ลำ ตอนนี้อยู่สภาพพร้อมบินกี่ลำ  ซึ่งน่าเสียดายมาก  เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีแนวคิดที่แลก ฮ.ขนาดเล็ก  เพื่อทำ V.VIP  ตอนเกิดการรบจริง  ประเทศเราจะประสพกับ ฮ.ขนส่งขนาดใหญ่ ในการลำเลียง อาวุธและกำลังผล  และ จากการที่น้ำท่วมใหญ่ ยังอาศัย ฮ. ซีนุก 47 ของสิงคโปร เลย

^

วิกิเป็นแหล่งข้อมูลที่แก้ไขได้ ความน่าเชื่อถือจะน้อยไปนิด

UH-60L(S-70A-43) ของทบ.มีทั้งสิ้น 7 ลำ ตกไป 1 ลำเมื่อ 19 กค.54 ครับ

เข้าไปดูได้ที่ http://www.thai-aviation.net/files/Army.pdf มีข้อมูลของ CH-47 ที่ท่านต้องการด้วย

จะเป็น UH-60L มือสอง ของ สหรัฐ  หรือเปล่า ?

ที่ ทบ. ขอซื้อจาก สหรัฐ จำนวน 3 ลำ...อาจจะคนละ ล็อต ที่จัดหาใหม่..เพราะดู บนหลังคาเครื่อง มัน โทรม ๆ ไปหน่อย...ขี้ฝุ่น หรือ ทราย เครอะ ไปหน่อย...

ซึ่งผมจำไม่ผิด ออร์เดอร์ ล่าสุด ของ ทบ. เป็น UH-60L จะมี 2 ลำ ส่วน UH-60M จะมี 3 ลำ (แบ่งเป็น 2 เฟส...เฟส 2 ลำ กับ เฟส 1 ลำ)

ไม่รู้ว่า กล่องยาว ๆ ข้าง ๆ เครื่อง ที่เห็นคนถ่ายรูปนั้น จะใช่ ท่อน้ำมัน หรือเปล่า ?

ดูแล้วเหมือนลำนี้ จะเป็น CSAR หรือ สำหรับภาระกิจพิเศษ...

หรือจะจริงอย่างที่ท่าน Juldas ว่าเป็นมือสอง เพราะคิดๆดูทหารที่ประกอบเครื่องเดินทางมาทางเรือจะไปเหยียบดินแดงที่ไหนได้  ถ้ารุ่นนี้ซื้อมาแล้วใช้ดีก็ขอมาอีกหลายๆลำ และถ้าแบบมีแขนด้านข้างไว้หิ้วจรวดจะดีมากๆ  ส่วนท่อสีเงินๆด้านข้างผมว่ามันดูหลอกตาชอบกล อาจจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่งทางเรือ เพราะถ้าเป็นท่อเติมน้ำมันน่าจะทาสีเดียวกับ ฮ. ครับ

ยืนยันว่าไม่ใช่ท่อเติมน้ำมัน เพราะไปดูรูปอื่นๆท่อมันอยู่ฝั่งขวาของเครื่อง และอยู่ด้านล่างของเครื่องด้วยครับ

ดูตามภาพ บนหลังคาเครื่องที่มันเขลอะๆ ไม่น่าจะเกิดจากการเก่าของเครื่องครับ แต่น่าจะมาจากเศษผลไม้ที่ตีเป็นตู้ขนาดใหญ่บรรจุเครื่องมาครับ เวลาจะเอามาประกอบต้องตีไม้นั้นออกอาจจะทำให้มีเศษผไม้ติดตามหลังคาได้ ถ้าหากเป็นเครื่องมือสอง ด้านข้างก็น่าจะเป็นเหมือนกันด้วยนะครับ อีกทั้งผมยังไม่เคยได้ยินข่าวว่า กองทัพบกจัดหาเรื่อง แบล็คฮอว์ค มือสองเลยครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบว่า เขานำเครื่องบรรจุลงเรือเลยหรือว่า ตีไม้เป็นตู้บรรจุมาหรือไม่

ดินมาจากเท้าทหารครับสังเกตรอยไต่จากล้อขึ้นไป พวกนี้วันหลังให้ถอดรองเท้าปีนนะครับของดีๆเสียหมดเป็นรอยแน่นอน

อ้อ...จริงด้วยครับ เหมือนจะตะกายปีนขึ้นข้างเครื่อง

ในภาพ เป็นกล่องทรงกลม วางอยู่บนพื้นครับ...ไม่ได้ติดกับตัวเครื่องครับ...

เลยสงสัยว่าจะเป็น ท่อน้ำมัน ที่ยังบรรจุอยู่ในกล่องหรือเปล่า น่ะครับ...

เรื่อง มือสอง นี่...ผมหมายถึง ฮ. UH-60L ที่ สหรัฐ จะขายให้ไทย จำนวน 3 ลำ ในราคาถูก ตามข่าวที่ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว น่ะครับ..ซึ่ง น่าจะเป็น ฮ. ที่ผลิตให้ สหรัฐ แล้ว แต่ยังอยู่ในคลัง...แบบ AH-1F น่ะครับ...รู้สึกจะเป็น ออร์เดอร์ ล็อตสุดท้าย ที่ตอนนั้น มี สหรัฐ โคลัมเบีย กับ ไทย...แต่ผมจำตัวเลขไม่ได้ว่า ไทย ได้ 2 ลำ หรือ  3 ลำ...แล้วปิดสายการผลิต รุ่น L...ต่อมา ทบ. จึงต้องจัดหารุ่น M แทน ครับ...

ที่รู้สึก ทะแม่ง ๆ กับ รูปนี้ คือ...ส่วนใหญ่ ที่เห็น ฮ. ที่ส่งมาทางเรือ จะเป็น เอกชน โดยส่วนใหญ่ ความเนี๊ยบ การขนส่ง ดูดีกว่าในรูปภาพนี้มาก...

แต่ตามภาพ ดูเป็น ทหารของสหรัฐ ที่ขนลงมาจากเรือ...ซึ่งตามข่า ไม่รู้ว่าเป็น เรือทหาร หรือ เรือสินค้าเอกชน...และมีการ ฉีก ที่หุ้มบนโรเตอร์ ออก...เหมือนการขนส่ง อุปกรณ์ทหาร ตามปกติ...ไม่ค่อยเหมือน กับ ส่งสินค้า ที่มีประกันความเสียหาย...

หรือ ทบ. อาจจะประหยัดค่าใช้จ่าย โดยฝากการขนส่งมากับหน่วยงานทหารสหรัฐ...แทน การว่าจ้าง บริษัทเอกชน ก็ได้ครับ...กรณีที่เป็น UH-60L ไลน์การผลิตใหม่ของไทยโดยเฉพาะ...

อ่อ...คงเป็น ลำใหม่ ล็อตการสั่งซื้อนี้ ครับ...เมื่อปี 2553...ที่ตอนนั้น สงสัยกันว่า ทำไม เครื่องล็อตนี้ จำนวน 3 ลำ ถึงมีราคาสูงกว่าปกติ...

อนุมัติ 2 พันล้านซื้อแบล็คฮอว์ค 3 ลำ

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันนี้( 22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ครม. อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอมา เพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไปยูเอช-60 แอล (แบล็คฮอว์ค) ประเทศสหรัฐฯ ระยะที่ 1 จำนวน 3 เครื่อง ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 25533-2555 วงเงิน 57,539,472 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,927,572,312 บาท และค่าขนส่งทางเรือ 79,835,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,007,407,312 บาท ทั้งนี้เป็นการจัดซื้อทดแทนเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป ที่มีการใช้งานมานาน ซึ่งจะทำให้หน่วยบินมีขีดความสามารถในการสนับสนุนภารกิจให้กับหน่วยต่างๆ ในกองทัพได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ การรักษาเขตชายแดน และการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ ได้

ที่มา

http://thaiarmedforce.com/forum.html

รวม ในอนาคต ทบ. จะมี ฮ. ตระกูล Black Hawk รวม 15 ลำ

ปัจจุบัน มี 6 ลำ

ล็อตนี้ อีก 3 ลำ

รุ่น M อีก 3 ลำ

ขอซื้อโปรแกรม EDA อีก 3 ลำ

พอดีวันนี้ฟังข่าวสปริงนิวมีคำกล่าวของ ผบทบ ว่าในปีนี้จะมีการรับส่งอาวุธทางทหารไม่ว่าจะเป็น ฮ ,ฮโจมตี, รถถังและจะมีการแถลง......

ผมอยากถามหน่อยครับว่าเราจะมีการรับมอบ ฮ โจมตีอะไรอีกเหรอครับ เห็นพึ่งได้ AH 1 F มาแล้วจะมีอะไรมาอีกหรือเปล่าครับ

มี ฮ. AS-550 อีกจำนวน 8 ลำ ครับ...

และ ฮ.AH-1F ยังไม่ปรากฎข่าว การรับมอบเลยครับ...(ไม่รู้ผมตกข่าวหรือเปล่า?)

เห็นแต่ภาพเท่านั้น...

เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1F COBRA ได้นำส่งถึงประเทศไทยแล้ว ซึ่งวันเวลาที่เดินทางมาถึง และจำนวนของเฮลิคอปเตอร์ที่นำส่ง จะมาในคราวเดียวทั้ง 4 ลำ หรือจะทยอยมา เรื่องนี้ยังไม่มีรายละเอียด เนื่องจากยังไม่มีการเผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของกองทัพบกเลย มีเพียงภาพถ่ายอย่างไม่เป็นทางการของเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวในวันที่เดินทางมาถึง ณ ท่าเทียบเรือ เท่านั้นที่เผยให้เห็น ..

คราบสกปรกที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากมีน้ำหยดมาจากบริเวณด่านฟ้าเรือ เพราะเครื่องถูกเก็บไว้ใต้ท้องเรือ ก็เป็นได้ครับ ดูจากรอยเป็นแนวยาวพาดตั้งแต่ตัวเรือยาวไปพาดเครื่องไป

สรุปข่าวการจัดหา ฮ.แบล็คฮอว์ค รวมแล้ว ทบ. ของบประมาณจัดหามาแล้ว จำนวน 6 ลำ เป็นรุ่น L จำนวน 3 ลำ สุดท้ายของไลน์การผลิต และเป็น รุ่น M อีกจำนวน 3 ลำ

ระยะที่ 1 ห้วงที่ 1

ปี 2553

วันนี้( 22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ครม. อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอมา เพื่อดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไปยูเอช-60 แอล (แบล็คฮอว์ค) ประเทศสหรัฐฯ ระยะที่ 1 จำนวน 3 เครื่อง ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 25533-2555 วงเงิน 57,539,472 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,927,572,312 บาท และค่าขนส่งทางเรือ 79,835,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,007,407,312 บาท ทั้งนี้เป็นการจัดซื้อทดแทนเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป ที่มีการใช้งานมานาน ซึ่งจะทำให้หน่วยบินมีขีดความสามารถในการสนับสนุนภารกิจให้กับหน่วยต่างๆ ในกองทัพได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ การรักษาเขตชายแดน และการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ ได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ระยะที่ 1 ห้วงที่ 2

ปี 2554

วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหม ได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปี งบประมาณโครงการจัดหาเบื้องต้นใช้งานทั่วไป ซื้อแบล็กฮอว์ก จำนวน 2 ลำ วงเงิน 2,841 ล้านบาท โดยระยะเวลาการดำเนินการเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมา 54-56 โดยงบประมาณปี 54 จำนวน 570 ล้านบาท ปี 55 จำนวน 789 ล้านบาท ปี 56 จำนวน 1,482 ล้านบาท โดยเป็นการจัดซื้อตามยุทธศาสตร์ที่ต้องมีแบล็กฮอว์ก จำนวน 20 ลำ แต่จากเดิมอนุมัติซื้อไว้ 3 ลำ รุ่น L แต่เนื่องจากรุ่น L ได้ปิดสายการผลิต จึงต้องซื้อเครื่องใหม่ ซึ่งเป็นรุ่น M ที่มีราคาสูงกว่า เพราะใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ มีสมรรถนะสูงกว่า อายุการใช้งานนานกว่า ระบบควบคุมเป็นระบบดิจิตอล คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ

ระยะที่ 1 ห้วงที่ 3

ปี 2555

เดือน กันยายน

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ครม.วานนี้(18 ก.ย.) ครม.อนุมัติงบประมาณกว่า 4 หมื่นล้าน ตามที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอของบผูกพันจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายประเภท ดังนี้

- ซื้อเรือฟริเกต ราคาลำละ 15,000,000,000 บาท จำนวน 2 ลำ รวมเป็นงบประมาณ 30,000,000,000 บาท
- ซื้อเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ก จำนวน 1 ลำ งบประมาณ 2,817,981,515 บาท เป็นงบฯผูกพัน 3 ปี
- อนุมัติงบฯก่อหนี้ผูกพันข้ามปีในการ ซ่อมบำรุงชุดเรือนเรศวร ระยะที่ 2 เป็นเงิน 3,297,825,775 บาท เป็นงบฯผูกพัน 3 ปี ซึ่งเป็นการจัดซ่อมบำรุงเรือนเรศวรและเรือหลวงตากสิน ซึ่งว่าจ้างบริษัทประเทศสวีเดนซ่อมบำรุง

เดือน ตุลาคม

ไทยลงนามสัญญาจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ AW139 /ไทย - กองทัพบกไทย (RTA) ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์เอนกประสงค์ขนาดกลาง AgustaWestland AW139 จำนวน 2 ลำ โดยมีกำหนดส่งมอบในปี พ.ศ.2557 ซึ่งในสัญญาจะครอบคลุมการบำรุงรักษา และการฝึกอบรมให้กับนักบิน ประกาศเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2555 โดยไม่เปิดเผยมูลค่าของสัญญา
เฮลิคอปเตอร์ AW139 ใช้ในภารกิจที่หลากหลาย ทั้งในด้านการขนส่งภายในกองทัพ การค้นหาและกู้ภัย (SAR) และการรักษาความปลอดภัย สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 15 คน ใช้นักบิน 2 คน ในการขับเคลื่อน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปริมาตรบรรทุก 3.4 ลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟต์ของ PW-Pratt and Whitney PT6C จำนวน 2 เครื่องยนต์ ใช้ใบพัด (Mail Rotor) แบบ 5 กลีบ มีระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ AFCS ติดตั้ง GPS และระบบวิทยุนำทาง พร้อมหน้าจอสีขนาดใหญ่ ที่มีระบบการป้องกันการแข็งตัวเนื่องจากน้ำแข็ง

ให้ลองสังเกตุ การจัดหา ระยะที่ 1 ห้วงที่ 3 จำนวน 1 ลำ มูลค่าโครงการมีจำนวนกว่า 2,800 ล้านบาท อาจจะตีความหมาย ได้ 2 แนวทาง คือ

1. เป็น Black Hawk รุ่น บัญชาการทางอากาศ

2. เป็นราคารวมจำนวน 3 ลำ แต่ข่าวลงคลาดเคลื่อน ประกอบด้วย UH-60M จำนวน 1 ลำ และ AW-139 จำนวน 2 ลำ

และตามโครงการ EDA (อาวุธเกินความต้องการใช้) ที่ สหรัฐ เสนอขายอาวุธราคาถูก โดยมี Black Hawk อยู่ด้วย จำนวน 3 ลำ...แต่ตามข้อมูล ปรากฎราคาลำละกว่า 1,300 ล้านบาท เลยไม่แน่ใจว่า จะเป็น รุ่น M หรือ L

US to supply cut-price weaponry to Thailand

Thailand will receive heavily discounted military equipment from the US Department of Defense, including retired warships and F-16 fighter jet engines, to help cement military ties.

Thailand is a major non-Nato ally of the US and the department wants to recognise that friendship by selling weaponry selected from its Excess Defense Articles (EDA) programme, a Thai military source said.

The EDA programme was set up to sell off excess military items to other countries, according to the US Defense Security Cooperation Agency website.

In addition to five new F-16 fighter jet engines which have been offered for sale to the Royal Thai Air Force, the US has also offered to sell 1,150 Humvee military vehicles to the army that were previously deployed in Iraq.

The US has also offered three new Black Hawk helicopters to the army with a price tag of 1.3 billion baht each, the source said.

The navy will be offered two second-hand Perry Class frigates - general purpose warships designed back in the mid-1970s with a displacement of 4,100 tonnes."All of these items will be sold at very special, cheap prices," the source said.

"The discussion did not go into details. The offer is amicable."

The offer follows talks in Washington last week between permanent secretary for defence Gen Thanongsak Apirakyothin and US defence assistant secretary Marc Lippert.

Thailand and the US will mark 180 years of bilateral relations next year.

Defence minister Sukumpol Suwanatat and armed forces chiefs are due to meet US defence secretary Leon Panetta next month during his Thailand visit.

แผ่นภาพ เดา ๆ สำหรับ อัตราบรรจุ ของ กองบินปีกหมุนทหารบก

เออ จากอัตราที่ UH-1 จะต้องปลดประจำการไทยเราเลือก ฮ ประเภทไหนแทนที่ครับใช่ UH-60 นี่รึเปล่าครับ แล้วเดิมจริงเราใช้ UH-1ในภาระกิจโจมตีด้วยแบบนี้เราเอาAH-1F มารวมUH-60จะเพียงต่อจำนวน ฮ ที่ปลดประจำการไหมครับ หรือว่ามันจำกัดด้วยงบประมาณจึงจะทยอยซื้อจนครบจำนวนช่วงที่ปลดก็รอไปก่อนครับ

คุณ Juldas ครับ(ขออนุญาตเรียกว่าป๋าจูลนะครับ) ลืม Eurocopter AS550 C3 จำนวน 8 ลำไปหรือเปล่าครับ

 AS550 จำนวน 8 ลำนี่น่าจะเป็น 1 มว. ถ้าเป็น 4 กองบิน ก็ต้องมีสัก 32 ลำ หรือต้องมีอย่างน้อย 24 ลำ สำหรับ 3 กองบิน อีกหนึ่งที่เหลือก็ใช้ ฮจ. 1 แทน (หรือว่าจะมีแค่ 8 ลำ กองบินอื่นมีแต่อัตราแต่ไม่มีกำลังบรรจุ)

ส่วนฮท. 60 มีแค่ 17 ลำเองน้อยไปหน่อยนะครับ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงเพราะมันแพงอย่างที่ป๋าจูลว่าไว้ ถ้าแบบนี้ผมว่าเอาฮท. 60 เป็นฮ.จู่โจมไปเลยจะดีกว่า ให้ประจำอยู่กองร้อยม้าอากาศ กองร้อยละ 8 ลำ 2 กองร้อยก็ 16 ลำ (ถ้าแนวคิดม้าอากาศยังมีอยู่นะ)

แต่ถ้าไม่มีม้าอากาศก็คงตามแผนภาพที่ป๋าจูลวาดไว้ แต่ผมว่าจำนวนต่อกองบินมันน้อยไปหน่อยนะครับ ถ้าหักที่ต้องซ่อมบำรุงตามวงรอบแล้วผมว่ามันจะไม่พอใช้นะ ในความคิดผมว่าน่าจะคงกำลังอย่างน้อย 30 ลำ ถึงจะพอใช้นะ แบบนี้

กองบิน 1  ฮท.212 (ปรับปรุงแล้ว) 16 ลำ ฮท.x 6 ลำ AS550 8 ลำ

กองบิน 2  ฮท.212 (ปรับปรุงแล้ว) 16 ลำ ฮท.x 6 ลำ AS550 8 ลำ

กองบิน 3  ฮท.212 (ปรับปรุงแล้ว) 16 ลำ ฮท.x 6 ลำ AS550 8 ลำ

กองบิน 4  ฮท.60 จำนวน 16-17 ลำ ฮท.x 6 ลำ ฮจ.1 จำนวน 7 ลำ

เรื่องจำนวนและการจัด ผมไม่ใช่ทหารนะจึงไม่รู้ว่าผิด-ถูกอย่างไร และกองบินสนน. อันนี้เป็นกองบิน ขส.ทบ.หรือเปล่าครับ

ผมมองการจัดแบบนี้ว่าเหมาะสมเพราะ ในภารกิจลาดตระเวน คุ้มกัน กดดัน AS550  เหมาะสมกว่า เพราะลำเล็ก ประหยัด มีระบบเล็งยิงที่ดีกว่า ส่วน ฮท. ทั้งหลายก็ทำภารกิจลำเลียง ส่วนฮท. X ก็แล้วแต่ว่าจะทำภารกิจอะไร เอามาเสริม ฮท.212 ,ฮท.60  หรือว่าจะสนับสนุนผบ. หรือส่งกลับทางการแพทย์ ฯ

ฮท. X นี่เดายากจริง ๆ นะครับว่าใครจะมาวินเพราะมีหลายเจ้า หลายรุ่น

ถ้าตามที่ทบ.สหรัฐเคยจัดประกวด ก็มี AW139, EC145(UH-72A) ,MD902 หรือ Bell 412 หรือไหน ๆ ก็เคยใช้ฮ.รัสเซียแล้ว คราวนี้ทบ.ไทยจะลองฮ.แขกเป็นอย่างไร

ในแผ่นภาพนี้ จะหมายถึง เฉพาะ ฮ.ท. เท่านั้น นะครับ...

จะไม่เกี่ยวกับ กับ ฮ.จ. และ ฮ.ล. ซึ่ง AS-550 น่าจะจัดเป็น ฮ.ลว. (ลาดตระเวณ) ซึ่งจะไม่อยู่ในรายละเอียด ฮ.ท. ของ ท.บ. ครับ...

ตามแผ่นภาพข้างต้น ผมลองกลับมาทบทวนแล้ว...ยังมีตัวเลข ผิดพลาด สับสน อยู่...ไว้ พรุ่งนี้ หรือ ไม่แน่ วันนี้ จะนำมาเสนอใหม่ ต่อไปครับ...

ตัวเลขข้างต้น ผมด้น เอา ฮ.จ.1 มารวมด้วย ซึ่งมันไม่ใช่...ในข้อมูลที่เคยผ่านตามา...ท.บ. จะหมายถึง เฉพาะ ฮ.ท. เท่านั้น ไม่นับรวม ฮ.จ.

ดังนั้น ในอัตรา บรรจุ ฮ.ท. จำนวน 132 ลำ ของ 4 กองบิน น่าจะหมายถึง

กองบิน 1 คือ ฮ.ท. 1 จำนวน 33 ลำ

กองบิน 2 คือ ฮ.ท. 1 จำนวน 33 ลำ

กองบิน 3 คือ ฮ.ท.212 จำนวน 33 ลำ

กองบิน 9 (ผสม) คือ ฮ.ท. 1 จำนวน 26 ลำ และ ฮ.ท. 60 จำนวน 7 ลำ รวม 33 ลำ

เอาไว้ ผมกลับบ้านไป เรียบเรียงใหม่ ครับ...

อ่านตั้งนานพึ่งสังเกตป๋าจูนี่นา เปลี่ยนรูปแล้วผมจำไม่ได้

รับทราบครับผม จะรอดูแผนภาพครับ

เรื่องการจัดของผม ผมมั่วเอานะครับ ใครอย่ามายึดถือไปนะ เพราะเดิมผมเคยเข้าใจว่ากองทัพภาคของทบ.จะมีกองบินปีกหมุน 1 กองบินสนับสนุนโดยเฉพาะเจาะจงเลย เช่นกองบิน 1 สนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 เป็นต้น

แต่พอได้เห็นรายงานข่าว...(ขออภัยจำสำนักข่าวไม่ได้) เรื่อง กองบินของทบ. ซึ่งในข่าวบอกว่ากองบินทั้ง 4 ต่างก็ให้การสนับสนุนกำลังรวมโดยไม่ได้แบ่งว่ากองบินไหนรับผิดชอบพื้นที่ไหนเป็นการเฉพาะเจาะจง อย่างนี้ถูกแล้วใช่ไหมครับ

ถ้าอย่างนั้นแต่ละกองบินก็ไม่จำเป็นต้องมีอากาศยานที่เหมือนหรือเท่าเทียมกันไปทุก ๆ กองบิน ดังนั้นถ้าจัดแบบนี้

กองบิน 1 และกองบิน 2 มีฮท. 212 กองบินละ 24 ลำ

กองบิน 3 มีฮท. X

กองบิน 9 (ผสม) มีฮท. 60 จำนวน xx ลำ และฮท. X ผสมกัน

ถ้าเป็นแบบนี้จะสะดวกในการซ่อมบำรุงมากกว่าไหมครับ

พอดี AVATAR มันเกย ความเห็น น่ะครับ...เลยต้อง ย่อ เปลี่ยนรูปใหม่ ครับ...

จัดทำแผ่นภาพใหม่ ครับ น่าจะใกล้เคียง

เมื่อปี 2554  ฮ.ท. ของ ทบ. มีอัตราบรรจุ จำนวน 236 ลำ แต่มีสภาพพร้อมรบ เพียง 58 ลำ หรือ ประมาณ 25% เท่านั้น

ทบ. จึงได้ วางแนวนโยบาย โดยกำหนด อัตราความต้องการพร้อมรบใหม่ เป็น อัตรารบสูงสุด 150 ลำ

และตามแผ่นภาพนี้ เป็นแผนจัดหา ในปัจจุบัน ที่ ทบ. จะมี ฮ.ท.สภาพพร้อมรบ รวมจำนวน 87 ลำ หรือ ประมาณ 60% ของ อัตราเต็มจำนวน

ตามแผนความต้องการ ฮ.ท. สภาพพร้อมรบ จะเห็น ยอดจำนวนคงเหลือ ต่อ กองบิน เป็น จำนวน 16 ลำ ต่อ กองบิน

และเมื่อรวมกับ ฮ.ล. จำนวน 7 ลำ และ ฮ.จ. จำนวน 7 ลำ และ ฮ.ลว. จำนวน 8 ลำ รวม 22 ลำ

ยอดรวม ของ อากาศยานปีกหมุน ของ ทบ. จะมียอดบรรจุ รวม 109 ลำ

ป๋าจูครับ 

ฮท.X นั่นก็อีกเรื่องนึง

แต่ใจจริง อยากจะได้ ฮล.17 เพิ่มอีกสัก 9 ลำนะครับ

ประหยัดงบไปได้อีกเยอะ 

ผมเชียร์Mi-17อะครับทั้งถูกแหละ ค่าปฏิบัติการต่ำครับ

ลำก็ใหญ่กว่าใส่คนได้เยอะ โดดร่มก็สะดวกเปิดประตูหลังแล้วโดดได้

ดีกว่าตั้งเยอะ

ถ้าจะใช้ Mi-17 คงต้องจัดส่วนผสม และ จัดภาระกิจให้ดีครับ...

Mi-17 ก็มี ข้อเสีย ในแง่ การเก็บรักษา เพราะ ใบพัดประธาน ไม่สามารถพับเก็บ...ถ้ามีสัก 6 ลำ ต้องใช้ พื้นที่จำนวนมาก...และ คงไม่ได้อยู่ในโรงเก็บ แน่นอน ครับ...ความกว้างโรงเก็บคงไม่พอจำนวนเครื่องประจำการ...ใน 1 โรงเก็บ อาจจะเก็บได้เพียง 1 ลำ หรือ ต้องถอดใบพัดออก เวลาจะใช้งาน ถึงจะใส่ใบพัดกลับ ซึ่งความคล่องตัว และการใช้ระยะเวลาจะสูงกว่า...ถ้าจะให้พร้อมรบตลอดเวลา อาจจะต้องตากแดด ตากลม ตากฝน โอกาส ความเสื่อมสภาพ จะเร็วและสูงกว่า ฮ. ที่ เข้าโรงเก็บได้...

รวมถึง การใช้ปฏิบัติการภาคสนาม ก็ต้องมี พื้นที่จอดใน บริเวณกว้าง เช่นกัน...ซึ่ง Bell-212 และ UH-60 จะได้เปรียบกว่า ทั้งในเง่ พื้นที่ และการซ่อนพราง ครับ...

รวมถึง การ Fast Rope และ การส่งกำลังพล...Mi-17 ก็น่าจะใช้เวลามากกว่า Bell-212 และ UH-60 ที่มี 2 ประตู...ในขณะที่ Mi-17 มีประตูเดียว...การส่งกำลังพล ก็ต้อง หัน เครื่องให้ถูกต้องด้วย เพราะ กำลังพลลงได้ ลงที่ละคน ประตูเดียว...ประตูหลัง ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ ประตูหลัง อาจจะเร็วกว่า ประตูข้าง...

Mi-17 อาจจะเหมาะสม ในแง่การ ลำเลียง ในแนวหลัง หรือ สนับสนุนกำลังพล และเสบียง...แต่ในลักษณะ ภัยคุกคามสูง ผมว่า พวก Bell-212 หรือ UH-60 หรือ UH-72 น่าจะมีความคล่องตัว และยืดหยุ่น ในด้านยุทธวิธี ดีกว่า...

การจัดส่วนผสม...ก็อาจจะเป็น ให้ กองบินขนส่งทหารบก หรือ กองพัน ซ๋อมบำรุง กับ กองบินสนับสนุนทั่วไป ในแง่ ภาระกิจ ค้นหา และ กู้ภัย แทนการจัดหา UH-72 หรือ เป็น ฮ.ประจำ กองร้อยบิน กองพล สำหรับงานภายใน ที่ไม่ใช่ เชิงยุทธวิธี...ถ้า ติดขัด เรื่อง งบประมาณ กับ จำนวน ฮ. ที่จะต้องมี...

ภาพรวม อากาศยานปีกหมุน ในปี 2563 ของ กองบินทหารบก

ขอบคุณjuldas ที่บอกให้ทราบถึงข้อเสียของMi-17ที่ผมยังไม่เคยทราบมาก่อนเรื่องการพับเก็บของใบพัด

MI-17 ไม่ได้ไปต่อครับ นักบินทบ.ไม่ชอบเลยจบแค่3ลำ

ยินดีด้วยครับ แต่ผมสงสัยว่ามาเลเซียซื้อ EC725 ถึง 12 ลำได้รับการถ่ายถอดเทคโนโลยีการผลิตบางส่วน แต่ของเรามีแผนซื้อ UH-60 ถึง 33 เครื่องโดยประมาณแต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตชิ้นส่วนอะไรเลย

สวยงามมากครับ

ผมสงสัยอยู่อย่าง  นึงนะครับ ไอ่เจ้าUH-60L นี้ ทำไมมันแตกต่างจากรุ่นเก่าที่เรามีอ่ะครับ ตรงที่ของมาใหม่เนี้ยมันมีจมูกยื้นมาด้วยมันคืออะไรเหรอครับ  

น่าจะเป็น AN/APN-239 Weather and SAR Radar

ซึ่ง UH-60L รุ่นนี้ จะเป็นแบบเดียวกับ ทบ.บราซิล ครับ...โดยมีการ ดัดแปลงติดตั้งอุปกรณ์ เหมือนกับ HH-60 Pave Hawk

โดยคงมีภาระกิจ Search And Rescue (ค้นหาและกู้ภัย) เป็น ภาระกิจหลัก ครับ...โดยในเว๊ปของ บราซิล บางเว๊ป ให้ความหมายเป็นรุ่น UH-60HL เพิ่มตัว H ด้านหน้า L ที่จะแสดงถึง ภาระกิจการ ค้นหาและกู้ภัย แต่ก็ไม่ถึงกับขั้น เป็น HH คือยังเป็น UH เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แต่เพิ่มคุณสมบัติ SAR เข้ามา...

าจะใช้ Mi-17 คงต้องจัดส่วนผสม และ จัดภาระกิจให้ดีครับ...

Mi-17 ก็มี ข้อเสีย ในแง่ การเก็บรักษา เพราะ ใบพัดประธาน ไม่สามารถพับเก็บ...ถ้ามีสัก 6 ลำ ต้องใช้ พื้นที่จำนวนมาก...และ คงไม่ได้อยู่ในโรงเก็บ แน่นอน ครับ...ความกว้างโรงเก็บคงไม่พอจำนวนเครื่องประจำการ...ใน 1 โรงเก็บ อาจจะเก็บได้เพียง 1 ลำ หรือ ต้องถอดใบพัดออก เวลาจะใช้งาน ถึงจะใส่ใบพัดกลับ ซึ่งความคล่องตัว และการใช้ระยะเวลาจะสูงกว่า...ถ้าจะให้พร้อมรบตลอดเวลา อาจจะต้องตากแดด ตากลม ตากฝน โอกาส ความเสื่อมสภาพ จะเร็วและสูงกว่า ฮ. ที่ เข้าโรงเก็บได้...

รวมถึง การใช้ปฏิบัติการภาคสนาม ก็ต้องมี พื้นที่จอดใน บริเวณกว้าง เช่นกัน...ซึ่ง Bell-212 และ UH-60 จะได้เปรียบกว่า ทั้งในเง่ พื้นที่ และการซ่อนพราง ครับ...

รวมถึง การ Fast Rope และ การส่งกำลังพล...Mi-17 ก็น่าจะใช้เวลามากกว่า Bell-212 และ UH-60 ที่มี 2 ประตู...ในขณะที่ Mi-17 มีประตูเดียว...การส่งกำลังพล ก็ต้อง หัน เครื่องให้ถูกต้องด้วย เพราะ กำลังพลลงได้ ลงที่ละคน ประตูเดียว...ประตูหลัง ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ ประตูหลัง อาจจะเร็วกว่า ประตูข้าง...

Mi-17 อาจจะเหมาะสม ในแง่การ ลำเลียง ในแนวหลัง หรือ สนับสนุนกำลังพล และเสบียง...แต่ในลักษณะ ภัยคุกคามสูง ผมว่า พวก Bell-212 หรือ UH-60 หรือ UH-72 น่าจะมีความคล่องตัว และยืดหยุ่น ในด้านยุทธวิธี ดีกว่า...

ขออ้างอิงครับ เกี๋ยวกับเรื่อง ของ MI-17 การถอดเบลด เวลาติดตั้งใหม่จะต้องมี การปรับสั่นใหม่ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถอดครับ  แล้วประตูของ MI-17 จากรูป ก็มี สองด้าน รวมถึง ประตูด้านท้ายด้วย