อย่างไรก็ดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(28) วอชิงตันกลับส่งเจ้าเครื่องบินปีกค้างคาวที่สามารถติดอาวุธนิวเคลียร์ได้ 2 ลำไปเหาะเหินเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้ เพื่อทำในสิ่งที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯอ้างว่าเป็นภารกิจบิน “ทางการทูต” การส่งเครื่องบิน บี-2 เข้าไปบนคาบสมุทรเกาหลีมีวัตถุประสงค์ 2 ชั้น คือ 1) สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ในยามที่ถูกเกาหลีเหนือขู่โจมตีแทบไม่เว้นวัน และ 2) เพื่อกระตุ้นให้โสมแดงยอมอ่อนน้อม และกลับเข้าสู่วงเจรจาลดอาวุธ คิม จอง อึน ผู้นำหนุ่มเกาหลีเหนือ จะตีความสัญญาณของสหรัฐฯไปในทางใดก็สุดจะรู้ได้ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้อย่างแรกของเขาก็คือ สั่งให้หน่วยขีปนาวุธเตรียมพร้อมโจมตีสหรัฐฯและเกาหลีใต้ได้ทันทีที่มีคำ สั่ง เจ้าหน้าที่อาวุโสของวอชิงตันคนหนึ่งให้ความเห็นว่า อดีตผู้นำ คิม จอง อิล ซึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อปลายปี 2011 ยังเดาทางได้ง่ายกว่าบุตรชาย เพราะใช้การข่มขู่ดึงความสนใจจากทั่วโลกเพื่อนำไปสู่การเจรจาทางการทูต โดยไม่เผชิญหน้าอย่างจริงจัง แต่ในกรณีของ คิม จอง อึน นักวิเคราะห์ข่าวกรองของสหรัฐฯกลับมีความเห็นแตกต่างกันไป และยังไม่มั่นใจว่า เขาจะใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับบิดาหรือไม่ แม้ บี-2 ซึ่งผลิตโดยค่ายอากาศยานยักษ์ใหญ่ นอร์ธร็อป กรัมแมน และใช้งานในกองทัพสหรัฐฯมานานถึง 20 ปี จะคุ้นเคยกับภารกิจบินระยะไกลสูงสุดถึง 44 ชั่วโมงเท่าที่มีบันทึกไว้ แต่ภารกิจเมื่อ 2 วันก่อนนับเป็นครั้งแรกสำหรับการบินต่อเนื่องเฉลี่ย 37 ชั่วโมงครึ่งไปและกลับ ระหว่างฐานทัพอากาศไวท์แมนในมลรัฐมิสซูรีกับเกาหลีใต้ ในขณะที่เปียงยางขู่จะส่งขีปนาวุธไปโจมตีแผ่นดินสหรัฐฯ รวมถึงฐานทัพบนหมู่เกาะฮาวายและเกาะกวม ภารกิจ บี-2 ครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นการแสดงให้ผู้นำโสมแดงเห็นว่า หากสหรัฐฯต้องการตอบโต้เกาหลีเหนือแล้วก็ไม่ยากลำบากแม้แต่น้อย “นี่เป็นการให้ความมั่นใจกับเกาหลีใต้ว่า สรรพาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯสามารถเข้าถึงเกาหลีเหนือได้จากทุกที่ เราไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่ฐานทัพอากาศโอซานเสมอไป” ราล์ฟ คอสซา ประธานสถาบันวิจัย แปซิฟิก ฟอรัม ซีเอสไอเอส ซึ่งมีฐานอยู่ในมลรัฐฮาวาย กล่าว “นอกจากนี้ จีนก็จะได้ตระหนักด้วยว่า พฤติกรรมก้าวร้าวของเกาหลีเหนือจะต้องได้รับผลสนอง และแม้สหรัฐฯจะถือเอาคำขู่ของเกาหลีเหนือเป็นเรื่องจริงจัง แต่เรามิได้หวาดผวาแม้แต่น้อย” เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อภารกิจซ้อมรบภายใต้รหัส “โฟล อีเกิล” ลุล่วง ประธานาธิบดี บารัค โอบามา หวังว่าจะสามารถฟื้นการเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนือ และหวังว่ารัฐบาลโสมแดงจะยอมร่วมมือโดยดี |
||||
|
||||
|
||||
|
เออ เอาเข้าไป จงใจปล่อยข่าว อะไรที่ยั่วยุ ทางเกาหลีเหนือจะถือว่าเป็นชนวนหลังจากที่ประกาศสงครามไปแล้ว... สหรัฐเลยยั่วตอบ!!! ส่วนเกาหลีเหนือก็เหมือนกันประกาศสงครามอะไร เที่ยวป่าวประกาศว่าอย่านะ อย่ายั่วนะ อั๊วจะยิงนะ ถ้าจะยิงจริงค่อยประกาศก็ได้ ประกาศไปแล้วฝ่ายตรงข้ามเค้าเฉยๆ เดี๋ยวก็อารมณ์ค้างตายชัก
ทูตมรณะ
แหย่กันไป แหย่กันมา เดี๋ยวก็ยิงกันจริงแล้วจะยุ่งเอานะครับ
......ดีนะ...ส่งแค่รุ่นเดียว....ถ้า ส่ง b1 b52 ไปอีก...เกิดสงครามแน่...
3 เกลอ
ก่อนจะเจอ b2 b52 ต้องเจอเจ้าขวาน 2 พันลูก ซะก่อน
ส่วนตัวผมมองว่าไม่ใช่การยั่วยุเกาหลีเหนือครับ แต่เป็นการปรามเกาหลีเหนือมากกว่าว่าอย่าคิดทำอะไรบ้าบิ่น เพราะอเมริกาและเกาหลีใต้พร้อมเต็มอัตรา อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมไปในตัวหากเกิดเกาหลีเหนือเอาขึ้นมาจริงๆครับ
ปล.เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้นี่คงมีกรรมเก่ากระมัง พี่น้องท้องเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน ต้องอยู่คนละประเทศแถมยังเป็นคู่สงครามกันอีก