โผล่ที่สัตหีบ .. เรือดำน้ำนิวเคลียร์สหรัฐฯ เข้าถึงก้นอ่าวไทย
|
||||
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทะเลอ่าวไทยได้กลายเป็นแหล่งคุ้นเคยสำหรับเรือดำน้ำขนาดใหญ่ไปอีกแห่ง และไม่จำเป็นต้องทำลับๆ ล่อๆ อีกต่อไป กองกำลังนาวีในแปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ภาพเรือดำน้ำ 1 ลำ กับเรือพี่เลี้ยงอีก 1 ลำ ในบริเวณอ่าวสัตหีบของไทยในวันอังคาร 12 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 2 วันก่อนหน้านั้น และเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปีที่สหรัฐฯ เริ่มเคลื่อนย้ายแสนยานุภาพเข้าสู่ภูมิภาค ทั้ง 2 ลำในภาพคือ เรือแอลบูเคอร์กี (USS Albuquerque -SSN706) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำโจมตีเร็วชั้นลอสแองเจลิส (Los Angeles-Class) ขนาด 6,000 ตัน ติดจรวดร่อนโทมาฮอว์กสำหรับยิงโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินในรัศมีนับพันกิโลเมตร และติดจรวดฮาร์พูนยิงทำลายเรือรบข้าศึกบนพื้นน้ำ อีกลำหนึ่งคือ เรือแฟรงค์เคเบิล (USS Frank Cable -AS40) ซึ่งเป็นเรือสนับสนุนเรือดำน้ำ (Submarine Tender Ship) แต่ทั้งกองเรือแปซิฟิก และกองทัพเรือสหรัฐฯ ยังมิได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับภารกิจของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำนี้ ตามรายงานในเว็บไซต์กองเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ เรือแฟร็งค์ เคเบิล กับเรือแอลบูเคอร์กี ไปถึงอ่าวสัตหีบตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ในโครงการเชื่อมความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับราชนาวีไทย ซึ่งระหว่างนี้ลูกเรือจะมีส่วนร่วมในโครงการบริการชุมชนด้วย ขณะเดียวกันก็จะใช้โอกาสนี้ซ่อมบำรุงเรือดำน้ำให้แล้วเสร็จ ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นเรื่องใดบ้าง “ภารกิจ (การแวะเยือน) ครั้งนี้จะะช่วยปรับปรุงความสามารถของเราในปฏิบัติงานร่วมกันในยามที่ไทยกับ สหรัฐฯ จะต้องปฏิบัติการร่วมกัน” น.อ.พีท ฮิลเดร็ท (Pete Hildreth) ผู้บังคับการเรือแฟรงค์ เคเบิล กล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกล่าวถึงภารกิจของเรือดำน้ำ กับนายทหารและลูกเรือราว 150 ชีวิต แอลบูเคอร์กี นับเป็นเรือดำน้ำสหรัฐฯ ลำที่ 2 ที่แล่นเข้าถึงก้นอ่าวไทยในช่วงไม่กี่ปีมานี้หรือเท่าที่มีการเปิดเผย หลังจากเรือบัฟฟาโล (USS Buffalo - SSN715) ซึ่งเป็นเรือชั้นลอสแองเจลิสอีกลำได้เข้าจอดเทียบท่าเรือแหลมฉบังร่วมฝึก ซ้อมการปราบปรามเรือดำน้ำ ตามการร้องขอของราชนาวีไทยระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-20 ส.ค.ปีที่แล้ว “วันที่ 20 มี.ค. เรือเอสเอสเอ็น 706 ได้เข้าจอดเทียบเรือยูเอสเอสแฟรงค์เคเบิล ขณะทอดสมอนอกฝั่งสัตหีบในประเทศไทย เพื่อรับการซ่อมบำรุง (Fleet Maintenance Availability - FMAV)” เป็นข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับกำหนดการของเรือแอลบูเคอร์กี ที่โพสต์ลงในหน้าข่าวของเว็บไซต์ Uscarriers.Net วันอังคารนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวได้เฝ้าติดตาม และอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำนี้ กับเรือชั้นลอสแองเจลิสลำอื่นๆ เป็นระยะ เรือแอลบูเคอร์กี แล่นออกจากฐานทัพซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2556 “เพื่อสนับสนุนสันติภาพกับความมั่นคงปลอดภัย” ในย่านแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งหมายถึงทะเลจีนใต้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ต่อมา วันที่ 13 ก.พ. เรือได้แวะเยือนเมืองท่าโยโกสุกะ (Yokosuka) ในญี่ปุ่นจอดที่นั่นเป็นเวลา 6 วัน ให้ลูกเรือกว่า 100 คนขึ้นฝั่ง เรียนรู้ด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ และพักผ่อน ทั้งนี้เป็นรายงานในเว็บไซต์กองเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเรือดำน้ำลำนี้เลยอีกจนกระทั่งวันนี้ แอลบูเคอร์กีเข้าประจำการกองทัพเรือเมื่อปี 2526 และนับตั้งแต่เรือลอสแองเจลิส (USS Los Angeles -SSN688) ซึ่งเป็นเรือนำของชั้นเข้าประจำการในปี 2519 ได้มีการสร้างขึ้นมาอีกรวมทั้งหมด 62 ลำ จนถึงสิ้นปี 2555 ยังเหลือประจำการอยู่เพียง 42 ลำ ขณะที่ 18 ลำจอดนิ่งเพื่อรอปลดประจำการ อีก 2 ลำปลดออกไปและทำลายทิ้ง ทั้งหมดรอเรือรุ่นใหม่ในชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-Class) ขนาด 7,900 ตัน ใหญ่กว่า และทันสมัยยิ่งกว่าเข้าแทนที่ บุกถึงก้นครัวเลยทีเดียว US NAVY Photo |
||||
|
||||
|
||||
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ข่าวกลาโหมของสหรัฐฯ จนถึงสิ้นปี 2555 กองทัพเรือได้โยกเรือดำน้ำชั้นลอสแองเจลิสเข้าประจำการในเอเชียแปซิฟิกจำนวน 16 ลำ ตามนโยบายยุทธศาสตร์สับเปลี่ยนกำลังรบเข้าสู่ภูมิภาคนี้ 60% แต่ก็ยังมีเรือชั้นเวอร์จิเนียกับรวมทั้งเรือชั้นโอไฮโอ (Ohio-Class) อีกจำนวนหนึ่งด้วย โดยปกติสหรัฐฯ จะไม่เปิดเผยกำหนดการตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางของเรือรบรวมทั้งเรือ ดำน้ำด้วย นอกจากนั้นรายละเอียดหลายประการเกี่ยวกับเรือดำน้ำก็ยังถูกเก็บเป็นความลับ ข้อมูลหลายเรื่องเกี่ยวกับเรือดำนน้ำที่ถูกปล่อยออกมาก็เป็นข้อมูลลวง ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมสหรัฐฯ กล่าว เรือชั้นโอไฮโอเป็นเรือดำน้ำยุทธศาสตร์ที่น่าเกรงขามมากที่สุด เพราะสร้างขึ้นมาเพื่อติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์โดยเฉพาะ เรือชั้นนี้แต่ละลำติดขีปนาวุธไทรเดนต์ (Trident Ballistic Missile) ได้ลำละ 24 ลูก ติดหัวรบที่เลือกยิง 3 เป้าหมายได้อย่างอิสระในคราวเดียวกัน นอกจากนั้น ยังติดจรวดโทมาฮอว์กรุ่นหัวรบนิวเคลียร์อีกจำนวนหนึ่งด้วย แอลบูเคอร์กี เป็นเรืออันดับที่ 19 ของชั้นในจำนวน 31 ลำ ที่ผลิตออกมารุ่นแรก และเข้าประจำการระหว่างปี 2519-2528 ซึ่งรวมทั้งเรือบัฟฟาโล (อันดับที่ 28) ด้วย ปัจจุบันยังเหลือเรือชั้นลอสแองเจลิสรุ่นแรกประจำการอยู่ 11 ลำเท่านั้น เรือชั้นลอสแองเจลิสรุ่น 2 หรือ Flight II ผลิตตามกันออกมาเพียง 8 ลำ เข้าประจำการระหว่างปี 2528-2542 เป็นรุ่นที่เริ่มติดตั้งท่อยิงจรวดโทมาฮอว์กแนวตั้งแทนระบบท่อยิงแนวนอนใน รุ่นแรกและมีการปรับปรุงระบบอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เรืออีก 23 ลำเรียกว่า “รุ่นปรับปรุง” ซึ่งเป็นปัจจุบันที่สุด นำเข้าประจำการระหว่างปี 2531-2539 เพิ่มท่อยิงจรวดโทมาฮอว์กมากขึ้น ติดจรวดโทมาฮอว์กเวอร์ชันใหม่ที่ใช้หัวรบนิวเคลียร์ได้ ติดตั้งระบบสื่อสาร ระบบโซนาร์ และอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด รวมทั้งใช้จรวดโทมาฮอว์กรุ่นใหม่ยิงทำลายเรือแทนจรวดฮาร์พูนในรุ่นก่อน ในช่วงปลายยุคสงครามเย็น สหรัฐฯ มีแผนการผลิตเรือดำน้ำชั้นซีวูล์ฟ (Seawolf-Class) ขนาด 9,000-12,000 ตันเพื่อใช้แทนเรือชั้นลอสแองเจลิส แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว ทำให้ต้องหันไปให้ความสำคัญเรือชั้นเวอร์จิเนีย ซึ่งมีการพัฒนาขีดความสามารถให้ทันสมัยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการสร้างเรือชั้นซีวูล์ฟออกมาเพียง 3 ลำและเลิกล้มแผนการไป เรือชั้นเวอร์จิเนียลำแรก คือ USS Virginia - SSN774 เข้าประจำการในเดือน ต.ค.2547 ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันผลิตออกมาได้ 9 ลำ กองทัพเรือต้องการทั้งหมด 30 ลำ ส่วนเรือชั้นโอไฮโอ ทยอยเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 18 ลำ เชื่อว่าในไม่ช้าไม่นานอ่าวไทยจะได้ต้อนรับสุดยอดแห่งเรือดำน้ำของโลกทั้ง 2 รุ่นอีก. สะกดรอยมัจจุราชใต้สมุทร US NAVY Photo |
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
ถ้าเขียนถึง ของ ทร. มันจะบอกว่า ดำไม่โผล่
ในข่าวเก่าๆ มีเยอะ
ไม่รู้คราวนี้พวกที่บอกว่าอ่าวไทยตึ้นเกินสำหรับเรือดำน้ำจะว่ายังไง U206A ไม่กี่ร้อยตันท่านเหล่านั้นบอกว่าตื้นเกินไปใช้ไม่ได้เเต่นี่ลอสเเองเจลิสปาเข้าไป6000ตันเข้ามาได้เฉย..
ผมเเถมหนังเก่าหาดูยากให้อีกเรื่องเเล้วกันตามลิงค์ครับ http://www.nangonly.com/movie/314/Down-Periscope-(1996)-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B0-.html
อ้าว เข้ามาได้ไงเนี่ย ไหนว่าอ่าวไทยตื้นมั่กๆ (มากๆ) แถมมีขยะเอย เศษอวนเอย สารพัดสารเพเอยเยอะมั่กๆ ไงหละ (ฮ่า)
ประมาณกันยายน ปี 2536 ที่่ สัตหีบ มีจัดบูธนิทรรศการแสดงอาวุธของกลุ่มบริษัทผู้ค้า ทั้งยุโรป อเมริกา รัสเซีย จีน ตอนนั้นได้ขึ้นชม เรือหลวงจักรีนฤเบศถ์และบ.แฮริเออร์ บังเอิญเห็น เรือดำน้ำ 2 ลำหรือ 1 ลำ จำไม่ได้แล้ว จอดเทียบท่าอยู่ ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจเรื่องของเรือดำน้ำเท่าไร แต่ซื้อ นิตยสารสมรภูมิอ่านอยู่ประจำ ลำใหญ่มาก ช่วงนั้นของรัสเซียก็มี แยงกี้ โฮเตล หรือเผลอๆอาจเป็น ชึ้นกิโลก็ได้ ที่รู้ว่าเป็นของรัสเซียเพราะ พวกทหารจากเรือดำน้ำ เขาเอาหมวก ชุดทหาร เป้ทหาร เข็มกลัด หมวกบางใบ หรือชุด ยังมีรูเหมือนโดนยิงก็มี ตราสัญญาลักษณ์เป็นของรัสเซียทั้นนั้น แสดงว่า เรือดำน้ำเข้ามาช่วงนั้นไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ ท่านผู้รู้ใดทราบ ช่วยแนะนำด้วย
อ้าว รูป911เราไปอยู่ในภาพของมาเลได้ยังไงละครับเนี่ย
โ้อ้ววว จริงๆ อ่าวไทยเอาเรือดำน้ำมาเข้ามาสบายๆ ไอ้ลำนี้เอามาให้เราเทสไดร์ฟด้วยรึป่าว มีแบบนี้ซักลำสองลำ ใครลองเอากองเรือมาขู่ปิดอ่าวดิ จะเอามาทำโครงเหล็กเลี้ยงปะการังซะเลย
ขอบคุณสำหรับรูปนะครับท่าน YUKIKAZE ท่าทางทางนั้นมองเราเป็นศัตรูนะ เพราะไม่ควรเอารูปเรือธงของเรามาใช้เป็นเป้าแล้วลงบนเวปไซต์เลย ดูท้าทายเอาเรื่องนะ กร่างมากทีเดียว............. ถ้าเป็นการกระทำโดยผู้ใช้หรือสมาชิกในเวปของทางฝั่งโน้น ทางเจ้าของเวปและทางรัฐบาลมาเลย์ควรจะควบคุมบ้างนะ เพราะถ้าทางเราทำภาพประกอบแบบนี้บ้างด้วยข้อความแบบนี้ โดยเฉพาะ ASW ใหม่ แล้วทำภาพเป็นการไล่ล่ากองเรือดำน้ำมาเลย์บ้างคงมันดีเหมือนกัน
การที่อเมริกาส่งเรือดำน้ำชั้นนี้เข้ามาและทำการเผยแพร่แบบเอิกเริก แสดงว่าพยายามสร้างภาพความใกล้ชิดเป็นเวลานานระหว่างไทย-อเมริกา เพื่อให้จีนและชาติต่างๆทั่วเห็นเป็นแบบนั้น แสดงว่าไทย มีความสำคัญในระดับต้นๆของพื้นที่แถบนี้ไม่แพ้ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์
แบบนี้ต้องเกรงกลัวอะไรกับมาเลย์ครับ ฟิลิปปินส์ยังกล้าลองของเลย
มารอดูดีลเรือ ASW ใหม่กันดีกว่า จีนคงแสดงกำลังภายในเต็มที่เช่นกัน
สงสัยครับ 1. เรือดำน้ำพวกนี้ เรือประมงตรวจเจอหรือไม่ สมมุติ ถ้าแล่นผ่านหัวพอดี
2. ถ้าเงียบมากสมมุติแบบในหนังล่าตุลาแดง เรามีทุ่นโซน่าหาแผ่นดินไหว/สุนามิ เราสามารถปรับมาตรวจจับเรือดำน้ำได้หรือไม่เช่น ทุ่นนอกฝั่ง ตรวจเจอเสียงที่อาจเป็นเรือดำน้ำ หรือคลื่นแม่เหล็กรบกวน หรือการเคลื่อนของมวลน้ำจากการที่มีวัตถุขนาดใหญ่เครื่อนผ่าน ส่วนการล่า p3 กับ ฮ น่าจะเอาอยู่
3. มีความเป็นไปได้ไหมที่เราจะมีชุดข้อมูลที่สามารถนำเสนอได้โดยทั่วไปถึงข้อดีของเรือดำน้ำ โดยมีความยาวประมาณ ครึ่งหน้ากระดาษ อังษรขนาด 16 sarabun เพราะส่วนใหญ่คนขี้เกียจอ่าน แถมการย่อยข้อมูลจำนวนมากต้องใช้คนที่มีความรู้จริงๆในการสรุปประเด็นครับ (มีรูปด้วยรวมเป็น 1 หน้ากระดาษ) ซึ่งถ้าคนทั่วไปเปลี่ยนความคิด หรือสนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่... เป็นต้นครับ ส่วนพวกผมถ้าเจอที่ไหนมีการโต้แย้งจะได้นำข้อมูลนี้ไปชี้แจงครับ เป็นการทำประชาสัมพันธ์แบบหนึ่ง
ผมว่าถ้าจะเอาข้อมูลจริงๆเลยในก็ต้องยาวกว่าหนึ่งหน้ากระดาษนะครับ เพราะต้องมีหลักฐานอ้างอิงด้วยว่าไม่ได้พูดลอยๆ
1.เรือประมงตรวจไม่เจอหรอกครับ
ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่ดีเพียงพอสำหรับการตรวจจับเรือดำน้ำ มีแค่แม่เหล็กกับโซนาร์ แม่เหล็กไม่ต้องพูดถึง ต้องบินต่ำมากๆและพื้นที่ก็จำกัด (เทคโนโลยีอื่นๆก็พยายามวิจัยกันอยู่) เรดาร์ไม่สามารถจับเป้าหมายใต้น้ำได้
โซนาร์สึนามิมาตรวจเรือดำน้ำเป็นไปไม่น่าจะได้ เพราะเรือดำน้ำขนาดเล็กเทียบกับแรงกระเพื่อมของแผ่นดินไหว ความละเอียดไม่น่าเพียงพอ
ปัจจุบันการตรวจที่ดีที่สุดคือโซนาร์ชักหย่อนจากฮ. แต่ทำได้ในพื้นที่จำกัด ปกติจึงทำการตรวจหาด้วยโซนาร์ความถี่ต่ำก่อน ซึ่งจะมีระยะไกลกว่า จากนั้นจึงส่งฮ.เข้าไปทำการตรวจแบบละเอียดเมื่อจับเป้าต้องสงสัยได้ โซนาร์ที่ติดกับเรือจะโดนคลื่นเสียงของเรือเองรบกวน นอกจากนี้ฮ.ยังเร็วกว่ามาก เข้าทำการตรวจจับหรือพิสูจน์ทราบได้เร็วกว่าเร็ว (เรืออืด วิ่งสามสิบน็อตก็เก่งแล้ว)นอกจากนี้ยังปลอดภัยจากการโจมตีจากเรือดำน้ำ (ปัจจุบันยังไม่มีมิสไซล์ต่อต้านอากาศยานจากเรือดำน้ำที่โปรแกรมไม่ล่มไปก่อน นอกจากประเภทที่ต้องลอยขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วยิง หรือหนักขึ้นไปอีกคือ manpads นี่ล่ะ คนโผล่มายิง ซึ่งเป็นการเผยตำแหน่งของเรือดำน้ำแบบโจ่งแจ้งสุดๆ)
อย่างไรก็ตามการตรวจจับก็ยังยากมาก เนื่องจาก false alarm เยอะโดยเฉพาะในน้ำตื้น(littoral water) เพราะพื้นทะเลปะการังสิ่งมีชีวิตต่างๆสามารถทำให้คลื่นเสียงหักเหหรือเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากนี้ความหนาแน่นของน้ำอุณหภูมิน้ำ ความหนาแน่นของเกลือก็มีผล ยิ่งเป็นเรือดีเซลด้วยแล้วการตรวจด้วยโซนาร์ภาครับเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งจอดซุ่มนี่คือหมดโอกาส เพราะเรือดีเซลรุ่นใหม่ๆเงียบกว่าเรือนิวเคลียร์ เพราะเวลาดำจะใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่
การตรวจจับด้วยโซนาร์ภาคส่งก็มีปัญหาเยอะเพราะอย่างที่กล่าวไปแล้ว ปัจจับต่างๆทำให้โซนาร์ที่ส่งออกไปสะท้อนถูกหักเห หรือบางทีก็สะท้อนกับชั้นน้ำที่อุณหภูมิต่างกัน (thermocline) ทำให้ไม่สามารถจับเรือดำน้ำได้ถ้าเกิดเรือดำน้ำซ่อนอยู่ใต้ชั้นน้ำนั้น ที่สำคัญการใช้โซนาร์ภาคส่งเท่ากับเป็นการบอกตำแหน่งของตัวเองให้ฝ่ายตรงข้าม
2. ข้อดีของเรือดำน้ำคือเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ จากที่กล่าวมาข้างต้น เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่อันตรายมากๆ เพราะตรวจจับได้ยาก จึงเป็นภัยคุกคามเงียบโดยเฉพาะกับเป้าหมายที่มีคุณค่าสูงๆอย่างเรือขนเครื่องบินหรือเรือธง ฉะนั้นจึงใช้เป็นอำนาจต่อรองทางทหารระหว่างประเทศ ประมาณนิวเคลียร์ (แต่ไม่บ้าบิ่นเท่า) หากเกิดการตึงเครียด การส่งเรือดำน้ำเข้าปิดช่องแคบ (เช่นมะละกา หึๆ) ก็ส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจโลกได้เลย อีกทั้งการมีเรือดำน้ำมาปิดอ่าวก็ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าออกท่าได้ หรือดีไม่ดีไปล่อถึงท่าก็ยังได้
การซ้อมรบหลายๆครั้งก็แสดงให้เห็นว่าการตรวจจับเรือดำน้ำทำได้ยากมากๆๆๆแม้เรือจะเก่างั่ก
- กรณีเกาหลีเหนือสอยเรือ cheonan ของเกาหลีใต้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี
- ปี 2006 เรือดำน้ำชั้นซ่งของจีนหลุดเดี่ยวเข้ามาในระยะเก้าไมล์(บางแหล่งข่าวระบุว่าห้าไมล์) จากกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS kitty hawk ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ากองเรือของอเมริกามีทั้งเรือดำน้ำทั้งเรือพิฆาตคุ้มกันเป็นขบวน แต่ไม่มีใครตรวจพบ จนเรือทำการลอยตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำและถูกพบโดยเครื่องบินตรวจการของกองเรือนั้น ทีนี้ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเรือดำน้ำทำการซัลโวมิสไซล์ใส่ ความเสียหายจะขนาดไหนกับระยะใกล้แค่นั้น เรียกว่าพึ่ง ciws อย่างเดียว
- ปี 2012 เรือดำน้ำชั้น akula ของรัสเซียเข้ามาป้วนเปี้ยนในอ่าวเม็กซิโก (เรียกว่าจ่อหน้าบ้านอเมริกาเลยทีเดียว) หลายอาทิตย์โดยไม่มีการตรวจพบเลย เหตุการณ์ครั้งนั้นได้รับการยืนยันหลังจากเรือลำดังกล่าวได้กลับออกไปแล้ว
- ปี 1981เรือดำน้ำยุค 60s ของแคนนาดาสองลำทำการจมเรือขนบ. USS America กับ USS forrestal ในการซ้อมรบ ocean venture ในไม่ถูกตรวจพบ อเมริกาพยายามปิดข่าวหนัก แต่แคนนาดาทำข้อมูลรั่ว (โดยเจตนา ฮา) ไปถึงสื่อ
-ปี 1989 เรือดำน้ำ Zwaardvis ของฮอลแลนด์จมเรือ USS America ในการฝึกรบ northern star
-ปี 1996 ในการฝึก RIMPAC เรือดำน้ำ Simpson ของทร.ชิลีจมเรือขนบ. USS Independence
- ปี 1999 ในการฝึก JTFEX/TMDI99 เรือด. Walrus ของฮอลแลนด์ทำการสังหารหมู่ USS Roosevelt ต่อด้วยเรือบัญชาการ USS Mount Whitney เรือครูเซอร์หนึงลำ ฟริเกตกับเรือพิฆาตอีกจำนวนหนึ่ง แถมยังล่อเรือดำน้ำชั้น Los Angeles USS Boise
- ปี 2000 การฝึก RIMPAC เรือด.ชั้น Collin ของทร.ออสเตรเลีย ทำการจมเรือดำน้ำssn ของอเมริกาสองลำ (น่าจะเป็นชั้น los angeles ) ส่วนเรือด.ของชิลีจมเรือ LA class USS Montpelier
-ปี 2001 การฝึก operation tandem thrust เรือด. HAMS Waller ของทร.ออสเตรเลียทำการจมเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกสองลำของอเมริกา แต่สุดท้ายก็โดนเก็บ
-ปี 2002 เรือด.ของออสเตรเลีย HAMS Sheetan ทำการไล่ล่าและจมเรือด.ชั้น Los Angeles USS Olympia ในการฝึกรบ
ปี 2003เรือด.ของออสเตรเลียชั้น Collin ทำการรุมกินโต๊ะ เรือ ssn สองลำกับเรือขนบ.หนึ่งลำ ในการฝึกรบ
ปี 2005 เรือด.ชั้น Gotlan ของสวีเดนทำการจม USS Ronald Reagan ในการฝึกรบ
ที่จริงยังมีอีกเยอะมากแต่รายละเอียดไม่ค่อยมีเนื่องจากการฝึกส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยรายละเอียดมาก ทีกล่าวมาทั้งหมดที่ทำการจมเรืออเมริกานั้น เป็นเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าซึ่งเห็นได้ว่าสามารถจมเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอเมริกาได้
http://www.acig.org/artman/publish/article_491.shtml
http://www.cuttingedge.org/news_updates/nz1839.htm
http://www.strategypage.com/htmw/htsub/articles/20031213.aspx
http://www.nationaldefensemagazine.org/archive/2008/April/Pages/AntiSub2301.aspx
ฉะนั้นเราควรจะมีเรือด.มาก เรื่องอ่าวไทยน้ำตื้นไม่ต้องเป็นห่วง เรือดำนิวเคลียร์ดำได้ ที่สำคัญยิ่งตรวจจับยากอีก มองอีกแง่ หากใครส่งด.เข้ามาในอ่าวไทยนี่คงเหงื่อตก
การตรวจจับจากทางอากาศก็ทำไม่ได้เพราะดำเกินสิบแปดเมตร(ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิด)ก็ไม่เห็นแล้ว
ขอบคุณ คุณtoeytei ครับที่ช่วยแนะนำ ถ้างั้นเราสามารถเอา โซน่าร์ชักหย่อนจากฮ มาเป็นโซนาร์แบบทุ่นผูกติดพื้นทะเลไปเลยส่วนระบบสั่งการรับส่งก็แบบผ่านดาว เทียมแบบ uav ระบบไฟฟ้าก็ใช้ระบบภายในทุ่นหรือไม่ก็มีสายลงพื้นทะเล แบบนี้น่าจะแก้ขัดเรือดำน้ำไปก่อนอีกทั้งเป็นการฝึกทหารให้เข้าใจเทคโนโลยี โซน่าร์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรือดำน้ำ ปัญหาคือถ้ารบจริงคงโดนหน่วยทำลายใต้น้ำเอาเป็นเป้าซ้อมทำลายแน่ๆ เพราะจุดติดตั้งตายตัวแล้วไม่มีคนคุ้มกัน