เมื่อวันนี้ (7 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็นตัวแทนของกองทัพบกลงนามร่วมกับ พล.อ.อ.พงศกร บัวทรัพย์ ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์กรมหาชน) หรือ สปท. ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาระบบจรวดหลายลำกล้อง เพื่อต่อยอดโครงการพัฒนาจรวดหลายลำกล้อง ดีทีไอ -1 เป็นจรวดหลายลำกล้องแบบนำวิถี ดีทีไอ – 1 จี ให้เกิดความแม่นยำในการทำการยิงมากขึ้น
พล.อ.อ.พงศกร กล่าวว่า หลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมของไทยได้ลงนามข้อตกลงในการถ่ายทอดเทคโนโลยีจรวดหลายลำกล้องแบบนำ วิถีจากประเทศจีนแล้ว ทาง สปท. กับกองทัพบกจึงได้ร่วมกันลงนามในข้อตกลง เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยต่อยอดจรวดหลายลำกล้องเดิมให้เป็นระบบ นำวิถี ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี ระหว่างนี้เป็นช่วงการไปรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากจีน คาดว่าในช่วงกลางปี 2557 จะมีการทดลองทำการยิงได้ที่ประเทศจีน ส่วนการทดลองในประเทศไทยอยู่ระหว่างการคำนวณหาพื้นที่เพื่อความปลอดภัยในการ ยิงต่อไป
ทั้งนี้การพัฒนาระบบจรวดเพื่อสนับสนุนกองทัพบกต่อไปในอนาคตนั้น สปท.จะพัฒนาระบบสนับสนุนระบบจรวดควบคู่ไปด้วย ได้แก่ ระบบฝึกและจำลองการฝึกเสมือนจริง ระบบส่งกำลังบำรุงตลอดอายุการใช้งาน ระบบทดสอบและประเมินผล และระบบจัดการทำลายเมื่อถึงเวลาระบบจรวดหมดอายุ โดยสปท. จะดำเนินการวิจัยต่อยอดพื้นฐานองค์ความรู้และเทคโนโลยีภายในประเทศที่สามารถ พึ่งพาตนเองได้ และพัฒนาระบบสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงร่วม เพื่อสนับสนุนการปรนนิบัติบำรุงระบบจรวดหลายลำกล้องตลอดอายุใช้งาน
ไปทดสอบไกลจังเลยนะครับ เสียดายพื้นที่ใช้ยิงเรามีไม่พอ
ปล น่าจะฝึกยิงไปข้างๆประเทศเพื่อนบ้านเรานี่นะ
อ่าวไหนบอก ว่าจะทดลองยิง ที่อ่าวอันดามันในเขตของกองทัพเรือ ไม่ใช่เหรอไงครับ กระโดดไปที่จีนเฉยเลย
อยากดูอานุภาพความแรงของ เจ้า DTI แบบใกล้ชิดจังเลย อิอิ
ทดสอบที่จีนก็ดีแล้วครับ ประเทศจีนมีพื้นที่ทะเลทรายกว้างใหญ่ ทดสอบอาวุธ ทดสอบจรวดได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวจะโดนประชาชนเลย
ประเทศเราเล้ก ทดสอบอาวุธยิงระยะ 200-300 km นี่ลำบากนะครับ บ้านคนมากมาย อันตรายกว่าเยอะ
แนวทางการจัดสร้างสนามทดสอบอาวุธปล่อยและจรวด
พิธีลงนาม MoU ระหว่างทบ.และ DTI เกี่ยวกับการพัฒนาจรวดหลายลำกล้องทั้งแบบ DTI-1 และ DTI-1G ซึ่งเป็นจรวดนำวิถีระยะยิง 70-150 กม.
เยี่ยมครับ ......... ขอบคุณสำหรับภาพของท่าน Ricebeanoil มากนะครับ
แต่แปลกใจนิดหนึ่ง DTI-1 มีระยะยิง 180 กิโล พอมาเป็น DTI-1G ทำไมระยะมันสั้นลงไปเยอะเลย เหลือแค่ 75-150 กิโล หรือว่าเป็นการปกปิดข้อมูลระยะยิงจริงของมัน ซึ่งตอนแรกคาดกันว่าน่าจะยิงได้ไกลขึ้นมากเพราะมีระบบนำวิถีชดเชยในเรื่องความแม่นยำเมื่อระยะยิงไกลขึ้นกว่า DTI-1
แต่ถ้าเป็นการปกปิดข้อมูลก็ดีครับ เพราะระยะหลัง เวปนี้ดูไม่ค่อยน่าปลอดภัยสำหรับการเผยข้อมูลสักเท่าไรแล้ว
เป็นความก้าวหน้าที่ใฝ่ฝันมานานแล้วครับ ประเทศเราเริ่มทำได้
ผมว่าแนวคิดของ ทบ. คงเอามาปิดช่องว่างของระยะปืนใหญ่กับ DTI-1 นะครับคุณ neosiamese2
ระยะปืนใหญ่ของเราไกลสุดคือ 40 km. แต่ DTI-1 คือ 180 km.
ดังนั้นระยะช่องว่างที่เหลือตั้งแต่ 40-180 km. นี่จึงเป็นระยะทำการของ DTI-1G เพื่อปิดช่องว่างตรงนี้
เพื่อให้อำนาจการยิงของ ทบ. ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุดนะครับ
ผมว่าระยะใกล้ขึ้นสิบกิโลจากร้อยแปดสิบไม่มีความหมายอะไรหรอก
อีกอย่างผมคิดว่าถ้ามีรุ่นนำวิถีก็คงเลิกใช้รุ่นปกติละครับ
เพราะไม่นำวิถีระยะไกลสุดนี่ไม่ต้องหวังจะให้เข้าเป้าหรอก แทบไม่มีทาง
DTI-1 ระยะยิง180ก.ม.และไม่นำวิถี ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลยก็ไม่ได้ครับ ถึงยิงไกลสุดจะไม่ตกเป้าหมายแบบตรงเป๊ะๆ แต่ลูกจรวดขนาด302มม. สามารถใส่หัวรบรวมถึงระเบิดคัสเตอร์บอมแบบต่างๆได้ถึง7แบบ เช่นระเบิดแรงสูง ระเบิดแรงสูงเจาะเกราะ แตกอากาศต่อสู้รถถัง กับระเบิดรถถัง เป็นต้น.....ถ้าเราพัฒนาถึงขนาดนั้นน่ะครับ
ส่วนรุ่นDTI-1G นำวิถี แน่นอนว่าหากรถมี4ท่อยิง ยิงออกไป4นัดจะโดนเป้าหมายเป๊ะๆทั้ง4นัดที่ยิงออกไป
อย่างที่ว่าจุดประสงค์ในการใช้งานอาจจะต่างกัน ตัวนำวิถีอาจจะเก็บไว้เล่นงานเป้าหมายที่ต้องการความแม่นยำและมั่นคงแข็งแรงเช่นบังเกอร์ ส่วนตัวไม่นำวิถีใช้ยิงแบบปูพรม แตกอากาศคลุมพื้นที่มากๆ อาจเป็นได้ว่ารถ1คันจะมีลูกนำวิถี1นัด ลูกไม่นำวิถีหัวกระสุนอื่นๆอีก3นัด
เราเองก็ไม่ได้ลงนามระเบิดคัสเตอร์ ทบ.คงพัฒนาระเบิดคัสเตอร์มาใช้หลายๆแบบแน่นอน เพราะปืนใหญ่ซีซาร์เองก็มีกระสุนคัสเตอร์-ต่อต้านรถถังแบบนำวิถี(ไม่รู้ว่าทบ.จัดหามาเป็นอาวุธลับหรือเปล่า) แต่กระสุน155มม.มีหัวระเบิด1นัด ถ้าเป็น302มม.คงได้หลายสิบนัดคลุมพื้นที่แน่นอน
ลูกจรวดมีขนาดเท่าเดิม ต้ DTI-1G มีส่วนนำวิถีจึงต้องไปลดปริมาณดินขับลง จึงมีผลต่อระยะยิงจาก DTI-1 ที่ 180 กม เหลือ 150 กม แต่ระยะยิงระดับนี้ก็มีผลดีพอในการเลือกจุดตั้งฐานยิง คือมีจุดที่ตั้งฐานยิงอยู่นอกระยะยิงของฝ่ายตรงกันข้าม
ปล ถ้า DHI-1G พัฒนาเสร็จ เราแค่ประจำการแบบนี้แบบเดียวก็ถือว่าน่าเกรงขามมากแล้วครับ ถ้าแก้กฏหมายรอให้สามารถส่งออกได้จะดี เป็นรายได้ของประเทศได้อีกทางครับ
ถามแบบไม่รู้จริงๆครับ....ใครก็ได้ช่วยอธิบายทีครับ....เกี่ยวกับจรวดหลายลำกล้องนำวิถี กับ ระบบขีปนาวุธพื้น-สู่-พื้น
ผมไม่เข้าใจหลายประเด็น..ดังนี้ครับ
1.โดยหลักการ...จรวดหลายลำกล้อง..หากทำให้เป็นระบบจรวดนำวิถีแล้ว..มันก็จะกลายเป็น
ขีปนาวุธพื้น-สู่-พื้น อารมณ์เดียวกับ SCUD อิรัค เพียงแต่ระยะยิงสั้นกว่ารึเปล่าครับ
2.จรวดนำวิถี....หากเป็นอากาศ-สู่-อากาศ..ผมยังพอนึกภาพออกว่าสามารถ
นำวิถีด้วยคลื่นความร้อน,ด้วยเรดาร์ ..แต่หากเป็นจรวดหลายลำกล้องอยากทราบว่า
เราจะนำวิถีมันได้ยังไงครับ...เพราะเป้าหมายห่างกันเป็นร้อยกิโล..มองก็ไม่เห็น...หรือว่าเรา
ต้องส่งทีมเข้าไปแทรกซึมและชี้เป้าให้จรวด
อยากทราบเป็นความรู้ครับ
เข้าใจว่าที่ลดระยะยิงให้สั่นลงก็เพื่อเพิ่มความแม่นยำของจรวดครับ
โดยปกติพวกอาวุธจรวดจะมี Dynamics(การเคลื่อนไหว) สูง ความเร่งยิ่งมาก ยิ่งเร็ว ก็ยิงไกลตาม แถมมีช่วงเวลาที่ Motor ดินขับทำงานนั้นจำกัด ซึ่งจำเป็นต้องสะสมพลังงานจลน์ให้มากที่สุด
ที่นี่ปัญหาคือตัววัด INS(inertial navigation system) ถ้าเจอจรวดอัดไปแรง ๆ ชุดนำวิถีต้องเจอความเร่งเยอะ ๆ สั่นสะเทื้อนมาก ๆ มันจะ Error สะสมความผิดเพี้ยงไปเรื่อย ๆ ยิ่งไกลก็เยอะตาม เป็นเงาตามตัว
ลองดู SCUD เวลาที่ LIFT OFF จะเป็นแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ซึ่งนั้นคือข้อดีของพวกจรวดเชื้อเพลิงเหลว แต่พวกจรวดเชื้อเพลิงแข็งจะจุดแล้วไปเลย ฉะนั้นตัว DTI-1G น่าจะจำเป็นต้องมีระบบนำวิถีอื่น ๆ ร่วมด้วยครับ อาจจะเป็น GPS,Automatic target acquisition เพื่อใช้งานในช่วง midcourse phase ครับ
ส่วนมากในปัจจุบันจะใช้การทำงานควบคู่กันทั้ง2ระบบครับเพื่อชดเชยข้อผิดพลาดกันเเละกัน ระบบที่ดีนั้นไม่ใช่เเต่ตัวจรวดดีอย่างเดียวระบบควบคุมต้องดีด้วย เรื่องINSผมไม่ค่อยรู้เเต่ถ้าGPSก็พอรู้มาบ้างว่าถ้าตัวส่งเเละตัวรับไม่ดี(การประมวลผล)เวลาพุ่งเข้าเป้าหมายด้วยความเร็วมากๆมันจะประมวลผลไม่ทันคือGPSตามจรวดไม่ทันทำให้พลาดเป้าหมาย ในจรวดบางชนิดที่บอกว่าวิ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยความเร็วมากๆนั้นคือ เวลาปล่อยไปสมมุติระยะทาง100กม. ช่วง75กม.เเรกจะวิ่งด้วยความเร็วปกติเเต่พอเข้า25กม.ที่เหลือจะวิ่งเข้าหาเป้าหมายด้วยความเร็วเต็มที่ก็เพื่อละอัตราการผิดพลาดเเละประหยัดพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อน....
สมัยก่อนตอนที่เว็ปนี้ยังอยู่กับวิง21 ตอนนั้นเว็ปนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรตอนนั้นมีข่าวว่าได้มีการร่วมทำการวิจัยจรวดขับเคลื่อนด้วยเทอร์โบเจ็ตระยะยิง300กม. ระหว่างม.เทคโนโลยีสุรนารีกับต่างประเทศ ลงในเว็ปวิชาการดอทคอม. เเล้วมีเนื้อหาพอสมควรเเต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรพอต่อมาจะเปิดอ่านปรากฎว่าโดนบล๊อคไปเเล้วด้วยเหตุเนื้อหาไม่เหมาะสม. ก็เลยไม่รู้ว่าจริงเท็จประการเเต่ใด เเต่ถ้าเป็นจริงเเล้วโครงการล่มไปเเล้วก็น่าเสียดาย ข่าวนี้ประมาณ5-6ปีเห็นจะได้เเล้วครับ ไม่ทราบมีท่านใดรู้บ้างว่าจริงหรือไม่อย่างไร
รู้สึกว่าทาง DTI จะมีระบบ MLRs อยู่ 3 ช่วงระยะยิงเพื่อหวังผลและเป้าหมายแตกต่างกันนะครับ
DTI-1 / DTI-1G เน้นการยิงระยะยาว เพื่อทำลายเป้าหมายลึกเข้าไปหลังแนวข้าศึกมากๆ จากข้อมูลภาพของเพื่อนสมาชิกที่ลงให้ รุ่น DTI-1G จะเป็น 6 ลำกล้องต่อรถยิง 1 คัน แค่รุ่น DTI-1 / WS-2B ถ้่าใช้หัวรบแบบคลัสเตอร์แบบต่างๆ แค่นี้อานุภาพก็น่ากลัวแล้วครับ
DTI-2 ระยะยิงที่ต้องการประมาณ 80 กิโล ขนาด 230 ขนาดลำกล้องใกล้เคียง HIMAS ของอเมริกา และดูเหมือนต้องการความแม่นยำในระดับสูงมากแบบของอเมริกาด้วย รู้สึกเพื่อสมาชิกได้นำภาพมาให้ดูแล้วว่าในส่วนจรวด DTI สามารถผลิตได้ แต่ส่วนระบบนำวิถีนั้นรู้สึกจะยังคงพัฒนาด้วยความล่าช้ามาก เคยมีข่าวว่าทบ.อาจจะจัดหาระบบ HIMAS มาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ก็เงียบๆไปแล้ว สงสัยปัญหาเยอะ
DTI-3 ระยะยิงประมาณ 40-60 กิโล ขนาดลำกล้องพอๆกับระบ LAR 160 family ของอิสราเอล เอาไว้ซัลโวเป็นชุด ไม่มีการนำวิถี ตัวจรวด เพื่อนๆ TFC ก็เคยลงไว้ครับ ความแม่นยำน่าจะมาจากระบบจากฐานยิงและประสิทธิภาพของตัวจรวดเองมากกว่า
ผมไม่ค่อยถนัดอาวุธทางบกเท่าไรครับ
ส่วนอาวุธนำวิถีที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเจ๊ต จากรูปที่เพื่อนๆ TFC ลงเอาไว้ ก็ยังเป็น โร๊ดแม๊ป ในการพัฒนาอยู่ครับเหมือนๆ SAM ที่ยังไม่เห็นข่าวคราวแต่ประการใดเช่นกัน ตอนนี้คงเร่งเครื่องสำหรับ DTI-1 2 3 ก่อนแน่ๆ เพราะจะทำให้ประเทศเรามีความพร้อมในเรื่องหน่วยปืนใหญ่มากๆ ต้องบอกว่าหน่วยปืนใหญ่ของเรายิงแม่นที่สุดในอาเซี่ยนแล้ว และความสามารถในด้านอื่นๆไม่ด้อยไปกว่าเวียตนามที่ว่าเจ๋งๆด้วยครับ
ปัญหาที่น่าหนักอก ผมว่ามาจากระบบนำวิถีน่ะครับ และ Computer ที่ใช้ในตัวจรวดก็ด้วย เพราะเราไม่มีโรงงานผลิตซิลิกอน และผลิตชิปวงจรแบบเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน เจ็บใจที่โรงงาน Submicron ถูกล้มโครงการเสียก่อนครับ
อ๊ะขอโทษครับ DTI-1 ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจาก WS-1B ครับ ผิดพลาดร้ายแรง
DTI-2 คงต้องการความแม่นยำสูงเพื่อทำการน็อคฐานปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้ามให้ได้ในนัดเดียว เพราะอยู่นอกระยะยิงของปืนใหญ่ 155 มม. น่าจะมี concept เดียวกับ HIMAS นะครับ แต่เทคโนโลยีนำวิถีของเรายังคงทำให้ผมสงสัยอยู่ว่า ที่ต้องเร่ง DTI-1G เพราะอเมริกันกั๊กไม่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เราหรือเปล่า
และมันต้องพึ่งพาการชี้เป้าด้วยอากาศยานเพื่อความแม่นยำสูงมากด้วย ถ้า DTI-2 สามารถมีประสิทธิภาพระดับ HIMAS หน่วยปืนใหญ่ของไทยจะมีขีดความสามารถสูงมากครับ เพราะสามารถตอบโต้ระบบปืนใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามทั้งแบบไม่เคลื่อนที่ และแบบเคลื่อนที่ได้แม่นยำเป็นจับวางและตอบโต้ด้วยระยะเวลาอันสั้นครับ พูดง่ายๆเอาไว้เก็บปืนใหญ่ข้าศึกโดยเฉพาะเลย
WS-2B ต้องตัวนี้ครับ 6 ลำกล้องยิงเหมือนกัน
แต่รู้สึกว่าของเราจะมีแขนสำหรับการโหลดลูกอาวุธนำวิถีจากรถบรรทุกลุกจรวดด้วย
ในตอนแรกที่ได้ข่าวการพัฒนา DTI-1G ผมคิดว่าแนวทางน่าจะออกมาในรูปการพัฒนาของจีน จาก WS-1 family ไปสู่ WS-2 family ที่เพิ่มเติมระบบนำวิถี และขนาดของลูกจรวดก็ใหญ่ขึ้น พร้อมกับเพิ่มระยะยิง รุ่นหลังๆนี่ได้ถึง 350-400 กิโลเมตรทีเดียว
ถ้าต้องการระยะยิงแค่ 150 กิโล ผมว่าเทคโนโลยีคงไม่หนีไปจากรุ่น WS-35 ซึ่งเน้นการส่งออกนะครับ และสามารถใช้ระบบดาวเทียมแบบ GPS/GLONASS
แต่ถึงจะได้เทคโนโลยีแค่ระดับการส่งออกของจีน ก็น่าพอใจแล้วครับ เพราะมีแนวทางและทำให้เร็วขึ้นในการพัฒนา ส่วนจะเพิ่มระยะยิงและความแม่นยำกว่านี้ คงต้องไปต่อยอดหรือเพิ่มความร่วมมือกับชาติที่ชำนาญสุงๆในระบบ MLRs เช่น อิสราเอล ถ้าผ่านขั้นนี้ได้ จะเพิ่มระยะยิงเป็น 300-400 กิโลและยังคงความแม่นยำก็ไม่น่าจะยากแล้วครับ
อยากรู้ว่า DTI-2 จะมีแผนการพัฒนาและร่วมมือกับชาติไหน ส่วนผมสนับสนุน อิสราเอลครับ หวังอเมริกันคงยาก
เพราะถ้าได้เทคโนโลยีจากอิสราเอล เราน่าจะสามารถพัฒนา DTI-1 ER เพื่อเพิ่มระยะยิงและความแม่นยำสูงกว่าระบบนำวิถีของจีนได้ไม่ยาก และอาจจะรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีของ LAR -160 family ได้ด้วย แต่คงต้องใช้เงินมากทีเดียว
รูป LAR-160
ในเมือ่เลือกขนาดลำกล้อง 160 มม. เท่ากับ LAR-160 เมื่อจบดีลการพัฒนาร่วมกับจีนใน DTI-1G ก็น่าจะไปร่วมมือกับอิสราเอลใน DTI-2 ขนาด 230 มม. ระยะยิง 80 กิโลเมตร และ DTI-3 รับเทคโนโลยีจาก LAR-160 โดยตรงเลยจะดีกว่ารับจากจีนต่อนะครับ
ถามเอามาใช้กับเรือได้ไหมก็ตอบว่าได้ครับ แต่ต้องพัฒนาต่อมากกว่านั้นอีกนะครับ
เพราะระบบจรวดโดยพื้นฐานแล้ว ประกอบด้วย ระบบขับเคลื่อนจรวดและหัวระเบิด ซึ่งถ้ามี 2 อย่างก็เป็นจรวด แต่ไม่นำวิถี ง่ายๆ คือ DTI-1 นั่นเอง
ต่อมาถ้าจะพัฒนาต่อ ส่วนที่ต้องเพิ่มคือ การนำวิถีไปสู่เป้าหมาย เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
เป้าหมายก็แบ่งตามความยากเป็นพื้น->เรือ->อากาศ
พื้น เคลื่อนที่ไม่ได้หรือเคลื่อนที่ช้า การนำวิถีอาจใช้แค่ GPS เพื่อกำหนดเป้าหมายก็เพียงพอแล้ว
เรือ เคลื่อนที่ได้เร็วพอสมควร การนำวิถีก็จะใช้ความร้อนหรือเรดาห์ แถมเรือยังสามารถตอบโต้จรวดได้ด้วย ดังนั้นอาจต้องมีการพัฒนาให้ลอยต่ำเรียดผิวน้ำ หรือเลี้ยวไปมาได้ด้วย
อากาศ เคลื่อนที่เร็วสุด จรวตต้องมีความเร็ว ไม่ถูกหลอกได้ง่าย เดี๋ยวนี้ยิ่งเน้นการรบแบบ BVR ระบบตรวจจับและนำวิถีต้องแม่นจริงๆ ถึงจะโดนเป้าหมาย
ส่วนภาพนี้เป็นแนวทางการพัฒนาจรวดของไทยครับ
- เรื่องสนามทดสอบการยิงน่าจะกำหนดไว้ 3 ที่ครับ คือ ไทย จีน และ ........
- เรื่องระยะที่ลงลงของ DTI-1G นั้นน่าจะเป็นเพราะต้องทั้งเพิ่มอุปกรณ์ GPS ระบบครีบท้ายในการควบคุมทิศทางได้ด้วยตัวเอง เข้าไปภายในตัวจรวดด้วย ซึ่งขนาดของจรวดนั้นมีขนาดเท่าเดิมแต่เราต้องเพิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไป เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนก็ย่อมลดลงด้วยเช่นกันครับ
- การกำหนดเป้าหมายเราสามารถทำได้หลายวิธีครับ ทั้งจากดาวเทียม, จากเรดาร์ค้นหาเป้าหมาย ป/ค, จาก ผตน.จากเครื่องบิน ฯลฯ
- DTI-1G ผมว่าทรงเดียวกับ WS-2 แหละ แต่น่าจะมีแค่ 4 ลำกล้องนะ เพราะถ้าการที่เราไปเปลี่ยแบบของ DTI-1 ชึ่งเป็นแบบ 4 ลำกล้องให้เพิ่ม เป็นแบบ 6 ลำกล้อง จึงเหมือนกับว่าเป็นการเพิ่มภาระในการทำงานให้ล้าช้าลงไปอีก แทนที่จะมุ่งไปพัฒนาที่ระบบนำวิธีเลยในฐานยิงแบบ 4 ลำกล้อง ไปเลยจะทำให้งานไปได้ไวกว่า
-ในส่วน DTI รุ่นอื่นๆ ตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเอา SR-4 มาลอกแบบ
- เรื่องพัฒนากับอิสราเอล ตอนนี้ผมว่ายังงไม่จำเป็นในเวลานี้เท่าไร ที่ต้องพัฒนากับเราด้วยจริง ๆ ตอนนี้ น่าจะเป็นสวีเดนมากกว่าครับ ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราให้ saab 340 aew ไปตรวจการณ์แทน มีกริพเพนคุมกัน พอล็อคเป้าบนพื้นดินได้ ก็ให้ DTI จัดการได้สบายๆ เหมือนทาง SAAB จะมีวีดีโอ พรีเซนอยู่นะครับ
ผมว่าพัฒนาร่ามกับจีนก็ดีแล้วนะครับ
ขนาดDF-21 ที่ระยะยิงไกลมากๆ
ยังแม่นเหมือนจับวางเลย
ภาพเป้าหมาย ขนาดเท่าดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน ของสหรัฐ
ถ้าเป็นสวีเดนมาร่วมพัฒนา เพื่อจะได้ให้ทบ.วางระบบเชื่อมต่อกันกับทอ.ได้ ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ แต่อิสราเอลมีประสบการณ์ตรงจากการใช้งานสูงกว่ามาก แต่ถ้าจะให้ SAAB วางเครือข่ายก็ OK. ครับ จะได้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้ทั้ง ทบ. ทอ. ทร.
SAAB 340 สามารถทำหน้าทีแบบ E-8 joint STARs ได้ด้วยหรือครับ เพราะ E-8 ถูกออกแบบมาเพื่อภาระกิจสนับสนุนภาคพื้นดินโดยเฉพาะ และเป็น command and control สำหรับภาคพื้นดินโดยตรง แต่ก็สามารถตรวจจับเป้าหมายทางอากาศได้ด้วย แต่น่าจะออกแบบมาคนละแบบกับ AEW&C หรือ AWAC ที่ออกแบบสำหรับเป้าหมายและการรบทางอากาศโดยเฉพาะครับ
แต่ทางสวีเดนก็น่าจะมีระบบคล้ายๆ E-8 อยู่ ผมว่าคุ้นๆเคยผ่านตา แต่ไม่ได้สนใจนัก ถ้าสวีเดนสามารถจัดหาอากาศยานและระบบที่คล้าย E-8 แต่มีขนาดเล็กกว่าเหมาะสมกับไทย และวางเครือข่ายสำหรับ ทบ. ในเรื่องสนับสนุนสงครามภาคพื้นดิน ก็จะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับ แต่เสียดายอิสราเอลน่ะครับ อุปกรณ์เขาผ่านสมรภูมิมามากครับ
ส่วน DTI-3 เอาเทคโนโลยีจาก SR-4 ก็ OK. ครับ แต่ DTI-2 อยากให้มีขีดความสามารถระดับ HIMAS เป็นอย่างมาก เพราะจะสามารถเก็บ ปืนใหญ่ และระบบ MLRs ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ บอกตรงๆว่าไม่ค่อยมั่นใจของจีนนัก
กระทู้เก่าในเรื่อง SR-4
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=16908&topic=%A4%C3%C1.%E4%BF%E0%A2%D5%C2%C7%E0%BB%C5%D5%E8%C2%B9%A8%C3%C7%B4%CB%C5%D2%C2%C5%D3%A1%C5%E9%CD%A7%A8%D2%A1%C3%D8%E8%B9%20TYPE%2081%20%E0%BB%E7%B9%C3%D8%E8%B9%20SR%204
ถ้าพัฒนาจนเป็นแบบในคลิปนี้ได้จะดีมากเลย
ช่วงนาทีที่่1-2 ครับ โหดมาก
ช่วง 4.12 carabas ของ Saab
http://www.youtube.com/watch?v=O0dWvKLHj-k
น่าจะคล้าย ๆ E8