เรายังคงมีเงินไม่พอในการซื้อเครื่องบินรบ ผมคิดว่าไม่ต้องซื้อแล้ว แค่นี้ก็เยอะมากโขแ้ล้วครับ
เอางี้ผมคิดว่าเราหาอาวุธต่อต้านอากาศยานของเพื่อนบ้านก็พอครับ เช่น
S-300
Tor M1
ส่วนการป้องกันชายฝั่งก็
ถ้าเอาให้มี SAM รอบชายแดนทัวประเทศ ผมตั้งงบ ไว้ 50000 ล้านบาท
ส่วน จรวดชายฝั่งก็ Brahmos ผมว่า 10000 ล้านบาท
เราก็ไม่ต้องซื้อเครื่องบินเพิ่มเติม
1 ใช้ SAM s-300 ประจำการรอบประเทศ ผมว่าต่อให้ Su30 หรือต่อให้ มาเลย์ มีเครืองบินแบบ F22 ก็บุกเข้ายากครับ
2 ประหยัดงบเพราะ 60000 ล้านน่าจะพอ แต่ถ้าเรายังคิดซื้อ jas39 F16 เพิ่มเติม คงเป็นแสนล้านนะครับ
3 Brahmos น่ากลัวมากๆๆ ใช้ป้องกันชายฝั่งจากเรื่อรบฝั่งตรงข้ามอย่างดีเลยนะครับ
4 ผมคิดว่าหากได้อาวุธตัวนี้มาอันดับของกองทัพไทยจะขยับอันดับขึ้นแน่นอน
5 การป้องกันภัยทางอากาศ ของเราจะน่ากลัวที่สุดในย่านนี้ เรามีการป้องกันด้วย S-300 Tor M1 แล้วมี F16 กับ jas 39 ค่อยขับไล่ อีกที แค่นี้สุดยอดแล้วครับ
ผมคิดแบบนี้ครับ
http://www.thaifighterclub.org/searchMember.php?memberid0=74366&txtMember=securitytot
และลองไปค้นดูสมาชิกชื่อ yamaha ครับ เป็นคนๆเดียวกัน ลองพิจารณาดูครับแล้วจะเข้าใจ
ทีแรกผมก็อ่านคำตอบผ่านๆ จนมาเจอคำตอบของท่าน tommy
ผมคิดว่า เป็นคำตอบที่ไม่ออกไปในแนวเชิงดูถูกผู้ตั้งกระทู้
แนวคิดของผู้ตั้งกระทู้ อาจจะหลุดโลก แต่ในความหมายผมว่าเขาก็หวังดี
แต่ เขาอาจจะหน้าใหม่ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหาร
สองพี่น้องตระกูล ไรท์ เป็น " ไอ้บ้า " ในสายตาของชาวบ้านมาก่อน
จนปัจจุบัน ใครจะนึกว่า ความบ้านั้น หลายเป็นต้นแบบของเครื่องบินนานาชนิด
ตอนผม 7 ขวบ ผมก็เคยโง่ คิดว่า ทำไม เราไม่เอาข้าวสุกที่หุงแล้วไปปลูก
เวลาเกี่ยวเสร็จก็เอามากินเลยโดยไม่ต้องหุง แล้วผมก็แอบเอาข้าวสุกไปฝังดินทุกวันๆ
เผื่อว่ามันจะงอก จนรู้ด้วยตัวเอง ว่ามันไม่สามารถงอกได้ จึงล้มเลิกการทดลองนั้น
หลังจากนั้น ผมก็ทดลองเอา มันต้ม ถั่วต้ม ข้าวโพดต้ม ไปลองปลูกอีก มันก็ไม่ได้ผล
โดยที่ผมไม่เคยถามใครว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ จนโตมาจึงรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
ต่อมา ซัก 10 ขวบ เริ่มติดตายางเสียบยอดยางเป็น จึงคิดว่า ถ้าเราเอาตาต้นฝรั่ง
ไปติดต้นขนุนได้ก็คงจะดี เราจะได้ปลูกต้นเดียว แล้วติดตาเสียบยอดผลไม้ทุกชนิด
ผมทดลองอยู่เป็นปีๆ โดยที่ไม่เคยปรึกษาใคร แต่มันก็ล้มเหลวทุกครั้ง แล้วก็ล้มเลิก
พอโตมา ก็รู้ว่า พืชมันผสมข้ามสปีซีย์ กันไม่ได้ ..
ดังนั้น เจ้าของกระทู้ไม่ต้องเสียใจ ผมก็เคยเป็นคนโง่ที่สุดในโลกมาก่อนน่ะ 555
ผมมองว่าก็เป็นความคิดที่หวังดีของ จขกท. ความไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด บางครั้งความคิดของคนหลุดโลก ก็ทำให้โลกนี้พัฒนาขึ้น ซึ่งคนที่มาโพสส่วนใหญ่ก็หวังดีต่อกองทัพ ประเทศชาติทั้งนั้น ซึ่งผู้รู้ก็บอกกล่าวแนะนำกันไป อย่างเรื่องจรวดเราก็มีนะครับซึ่งเพิ่งเริ่มพัฒนาไปไม่นาน อย่าง DTI-1 ซึ่งตอนนี้ก็กำลังพัฒนาให้นำวิถีได้อยู่ ซึ่งก็หวังว่าจะพัฒนาให้สำเร็จได้โดยเร็ว เพื่อต่อยอดไปสู่อาวุธปล่อยจากพื้นสู่อากาศ หรือ ป้องกันภัยทางอากาศ หรือป้องกันภัยทางเรือได้ต่อไป ก็ค่อยๆ พัฒนากันไปเพราะเราเองก็เพิ่งจะเิริ่ม ตรงนั้นจะช่วยให้เราประหยัดมากกว่าในระยะยาว หากมองแบบอย่างใกล้ๆ เลือกในส่วนที่ดีอย่างเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ ก็ได้ ซึ่งเพิ่งยิงจรวดปล่อยดาวเทียมได้ ซึ่งเราอย่างเองก็ผลิตดาวเทียมได้แล้ว แต่การปล่อยขึ้นสู่วงโคจรโดยจรวดยังเพิ่งต่างชาติอยู่ ผมมองว่าการพึ่งพาตนเองของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และค่อยๆต่อยอดกันไป โลกยุคนี้ยังเป็นเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องกันอยู่ คงไม่มีใครอยากทุบหม้อข้าวตนเองในตอนนี้ แต่เมื่อไรพลังงาน ทรัพยากรใกล้จะหมดโลก ตอนนั้นผมว่าความวุ่ยวายจะบังเกิด เราก็เตรียมพร้อมเอาไว้เนิ่นๆ
จขกท.คงเน้นตั้งรับ เลยออกแบบยุทธวิธีมาแบบนี้....ก็ดีครับ หวังผลเสมอเป็นอย่างมากแล้วเน้นยื้อเล่นเกมส์ยาว เอางี๊ แต่ถ้าตั้งรับแล้วสวนกลับส่งบ.ไปบอมบ์คลังอาวุธหรือแม่ทัพของข้าศึก เช็คบิลสงครามจบในเร็ววัน ประหยัดกว่าตั้งเยอะ อวป.ต่อสู้อากาศยานหรือแซม ก็เอาจำนวนน้อยๆแค่ปกป้องสนามบินหรือที่ตั้งทางทหารสำคัญๆเท่านั้นพอ เพราะของพวกนี้อายุไม่ค่อยยืน20 ปีก็ล้าสมัยหมดอายุแล้ว บ.รบใช้ได้ 30-40 ปี
ตั้งรับอย่างเดียวก็เละสิครับ ดูสงครามอ่าวเปอเซียร์ครั้งแรกเป็นตัวอย่างครับ ซัดดัมมีระบบอาวุธฝั่งโซเวียตมากมาย โดน Tomahawk ยิงจากเรือนอกฝั่งเป็นพันกิโลเมตร
ยิงทำลายระบบ radar ป้องกันจนโดน usa ยึดน่านฟ้าได้ทั้งหมด ยึดครองน่านฟ้าได้ การเคลื่อนกำลังภาคพื้นก็สบายเลย
มีจรวดก็ใช่ว่าจะยิงถูกนะครับ โดนแจม โดนลวงได้เหมือนกัน มีเครื่องบินจะใช้ได้หลายภารกิจมากกว่า ได้ทั้งเชิงรุก สกัดกั้น
ท่าน securitytot ช่วยเปรียบเทียบ ระหว่างเครื่องบินลบ ( ขับไล่+ โจมตี ) กับจรวด มันมีข้อดีข้อเสียอย่าง
ระบบการป้องกันภัยทางอากาศ มีระบบป้องกันหลายชั้น
ไม่มีกองทัพอากาศใดอยู่ได้ด้วยอาศัยอาวุธนำวิถีเีพียงอย่างเดียวครับ
ลองนึกดูเล่น ๆ ตามเคสต่อไปนี้
หากวางระบบอย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้บอก แสดงว่า เรด้าร์ของ ทอ.ไทยต้องเทพมาก ๆ ตรวจจับเครื่องบินรบของข้าศึกได้หมดทุกทิศทางตั้งแต่ระยะไกล
แต่ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าเรด้าร์สุดเทพของ ทอ. จับไม่ได้ แล้วฐานเรด้าร์ดันโดนเครื่องบินรบข้าศึก สมมติว่าเป็น SU30 ล่ะกัน ยิงอาวุธนำวิถีอากาศสู่พื้น ในระยะนอกรัศมีเรด้าร์ เข้ามาทำลายฐานเรด้าร์ของเรา
ถามว่า ตอนนั้น บรามอส หรืออาวุธนำวิถีอื่น ๆ ยังจะมีพิษสงอยู่อีกหรือไม่ครับ
ในขณะเดียวกัน หากเราใช้เครื่องบินรบขึ้นสกัดกั้นก่อน ย่อมมีโอกาสที่ดีกว่าตั้งรับเพียงอย่างเดียว
โอ๊ะ คิดงี้ไม่ได้ การป้องกันภัยทางอากาศ มันก็มีระยะใกล้ ไกล ถ้าเป็นอาวุธต่อต้านอากาศยาน ก็เป็นได้ระยะกลาง กับใกล้ ส่วนใหญ่บ้านเราก็มีแต่ระยะใกล้ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) บางที อาวุธ ปล่อย อากาศสู่พื้นสมัยใหม่ (ASM) ยิงได้ตั้งแต่ยังไม่เข่าระยะของ SAM เพราะฉะนั้น การใช้อากาศยานเข้าสกัดกั้นตั้งแต่ระยะไกล สำคัญมากนะครับ
เหมือนจะจำได้ว่าเคยมีกระทู้แบบนี้ไปแล้วนะครับ และแนวทางการถามก็คล้ายๆกัน แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันไหมนะครับ
กระทู้แบบนี้มีเยอะมา่กก
ได้แค่ขำ ฮ่าๆ
ส่วนผม ไม่รู้เรื่องระบบอาวุธ แต่ ถ้างบประมาณ 50,000 ล้านบาท นี่ก็ไม่ใช่น้อยนะครับ มากกว่าโครงการจัดหาเรือฟรีเกต ของ ทร. อีก
ถ้าจะของบโดยบอกว่า ไม่ซื้อเครื่องบิน แต่จะซื้อจรวดแทน ด้วยงบประมาณเท่านี้ ผมว่า ไม่ผ่านแน่ๆอ่ะครับ
จรวดที่ท่านยกตัวอย่างมา ราคาก็ไม่ได้ถูกนะครับแถมอายุการใช้งานก็สั้นกว่าเครื่องบิน ที่สำคัญทดสอบไม่ค่อยได้ว่าไอ้ที่เค้าว่าดีๆเทพๆ ถึงเวลาใช้งานมันจะสมราคาคุยไหม
ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน เห็นว่าคนที่มีอำนาจในลาว นกม. ทหาร เป็นคนเชื้อสาย/คนเวียดนามซะเป็นส่วนใหญ่ คนลาวก็คือชาวบ้านไม่ได้มีอำนาจอะไมากมาย อยาากรู้เพิ่มเติมเหมือนกันครับ
แนวความคิดของการใช้ระบบจรวดต่อสู้อากาศยานกับเครื่องบินเมื่อช่วงที่จะซื้อ กริพเพน ก็มีการนำข้อมูลข้อดีข้อเสีย มาพูดคุยกันในบอร์ดพอสมควรครับ หลัก ๆ เลยก็ตามเห็นท่าน Artany คือ มันมีการหมดอายุ ปัจจุบันระบบตรวจจับเครื่องบินจากเรดาห์ภาคพื้นของ ทอ.ก็น่าจะครอบคลุมพื้นที่ของประเทศเราในระดับหนึี่งแล้ว การใช้เครื่องบินวางกำลังไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการขึ้นปฏิบัติการ จะประหยัดงบประมาณมากกว่า และที่สำคัญเครื่องบินรบมีการซ่อมบำรุง ต่ออายุ เพิ่มขีดความสามารถได้อีกด้วย ขนาดกระสุนปืนเล็ก เมื่อถึงเวลายังต้องมีการยิงเพื่อจำหน่ายเลยครับ แต่ก็จะใช้การฝึกยิงตามวงรอบไปด้วย แต่ถ้ายิงกับ HK33 ไม่อยากนึกถึงขนาดปืนใหม่ยังติดขัดเลย (แต่ยังยิงออกทุกนัด)
วิธีลดงบประมาณ กองทัพอากาศแบบง่ายๆและได้ผลจริงครับสร้างเครื่องบินรบเองเลย ด้านเทคโนโลยีอาจจะอาศัยสวีเดนหรือญี่ปุ่นก็ได้ หลักการก็เหมือนเรารับจ้างประกอบรถยนต์ไงครับ ไม่ต่างกัน ขนาดสวีเดนที่ขายเครื่องบินให้เรายังใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของอเมริกาเลย ถ้าจำไม่ผิดเป็นเครื่องยนต์ของ f18 ถ้าเราจะทำแบบนั้นบ้างก็น่าจะทำได้แน่นอน |
ง่าย ๆ ขนาด อิรักสงครามอ่าวรอบแรก มีระบบป้องกันภัยทางอาหาศอันดับ4 ของโลก
แล้วไงหละ เจอ F117 หย่อน ตูม โดน โทว์มาฮอก ตูม หาย
ถ้าปีเทศเล็กๆเนื้อที่เท่าเกาะช้างก็เอาแค่จรวดแบบที่ว่าก็ได้ครับ แต่สำหรับพื้นที่กว้างใหญ่แบบนี้จะต้องวางจรวดกี่ระบบครับ ถึงจะครอบคลุมทั้งประเทศเพื่อความมั่นใจ รวมๆแล้วคิดเป็นราคาเท่าไหร่ถ้าเทียบกับฝูงบินขับไล่สาฝูงที่โยกย้ายไปตามกองบินได้ทั่วประเทศ แล้วเวลาจะดจมตีภาคพื้นต้องใช้จรวดพื้นสู่พื้นอีกกี่ระบบเพื่อจะทำลายหรือสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นให้มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์และถ้าต้องโจมตีติดพันเกินสี่ชั่วโมงแทนเครื่องบินโจมตี แถมอายุจรวดมีแค่ประมาณ 10 ปี ถ้าคิดอายุเครื่องบินอายุเฉลี่ยประมาณ 40 ปี ต้องซื้อจรวดกี่ครั้งถึงจะป้องกันได้ถึง 40 ปีเหมือนเครื่องบิน แล้วราคาจะเท่าเดิมหรืเพิ่มขึ้น คิดราคารวมแล้วเท่าไหร่ คิดเยอะๆครับ แล้วค้นคว้าเยอะ ศึกษาเยอะๆครับ แล้วมาสรุปว่า ห้าหมื่อนล้านบาทบวกอีกหนึ่งหมื่อนล้านบาทอายุใช้งาน 10 ปีและต้องจัดหาเพื่อทดแทนทุกๆประมาณ 10 มันประหยัดงบตรงไหน
ผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะครับ อย่าเชื่อผมทีเดียว ลองศึกษาดูก่อน ผมมันประเภทจอมมั่วขาหลอกลวงเสียด้วย
ถ้าซื้อบรามอส Land to Sea 3 ระบบให้ รักษาฝั่ง วางไว้ที่พังงา สงขลา สัตหีบ ก็น่าจะมีค่าเท่ากับ ติดแบบ Ship to Ship 3 ระบบ 3ลำ วางไว้ที่สงขลา ภูเก็ต พังงาอย่างละลำ
คิดแบบเดียวกันกับ S-300 เจ้า S-300 เป็นอาวุธทำลายอากาศยาน แต่มันทดแทนเครื่องบินทำภาระกิจแบบต่างๆไม่ได้ เช่น โจมตี-ทิ้งระเบิดภาคพื้นดิน ลาดดตระเวณ ถ่ายภาพ สกัดกั้น-ตรวจสอบเป้าหมายไม่ได้ เช่นเดียวกับเรือรบ บรามอสเอามาแทนภาระกิจอื่นๆของเรือบรบแบบต่างๆไม่ได้ เอาไว้โจมตีเรืออย่างเดียว