รัสเซียและอิตาลีกำลังร่วมพัฒนาเรือ ด. S-1000 ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกของเรือดำน้ำชั้นอามูร์
การพัฒนาร่วมกันระหว่าง Rubin ของรัสเซีย และ Fincantieri ของอิตาลี
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ซึ่งมีงบประมาณไม่สูงมากนัก
ในส่วนคุณลักษณะของตัวเรือนั้นมีมาตรฐานสากล (นาโต้) ใช้ระบบขับเคลื่อน API
ทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ การลาดตะเวณ สามารถบรรทุกหน่วยรบพิเศษเพิ่มได้ 12 นาย
ในส่วนของราคาจะอยู่ในช่วง 120000000-150000000 $ ซึ่งรวมค่าใช้จ่าย ค่าบำรุงรักษา และค่าการฝึกบุคลากรด้วย
cradit http://stardefense.blogspot.com/2013/02/s-1000-submarine-joint-russian-italian.html
ในช่วงระยะหลังๆมานี้ เราจะเห็นรัสเซียมีความร่วมมือทางทหารกับกลุ่มประเทศในยุโรปมากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อิตาลี
ในส่วนเรือ ด. ชั้นอาเมอร์ (อามูร์) ซึ่งรัสเซียทดสอบอยู่ ยังคงมีปัญหาให้ตามแก้ไข แต่เรือ ด. S-1000 นั้นจะทำการต่อในอิตาลีครับ
ดูแล้วนึกถึง บ M-346 ของ Alenia Aermacchis กับ YAK-130 ของ Yakovleva เลยอ่ะ
อิตาลี เขาซื้อเรือดำน้ำ TYPE-212 จากเยอรมัน ไป ยังถือว่าใหม่ๆอยู่เลยนะครับ 2 ลำ เข้าประจำการในปี 2006 และ 2007 ตามลำดับ และมีแผนจะสั่งเพิ่มอีก 2 ลำ(แต่ยังไม่ได้เริ่ม)
หรือว่า เรือดำน้ำที่ต้องการอีก 2 ลำ จะเปลี่ยนมาสร้าง S1000 ที่ร่วมพัฒนากับ รัสเซีย แทน
มีข่าวเหมือนกันว่า อินเดียก็สนใจร่วมมือในการต่อเรือชั้นนี้ตั้งแต่ปี2006 แต่ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปถึงไหน หากอิตาลีและอินเดียมีความต้องการต่อเรือดำน้ำเป็นของตัวเองก็อาจจะมีการสร้างเรือชั้นนี้ในอนาคตน่ะครับ
อินเดียโดนตัดลดงปประมานกลาโหม โครงการต่างๆจะล่าช้าทั้งหมด ทั้งโครงการ rafale โครงการจัด Ah-64 ร่วมทั้งโครงการของกองทัพเรือ การจัดตั่งกองพลใหม่
120ล้าน-150ล้านดอลล่านี้มันถูกไปปล่าวครับ
สุดยอดตัวถัง(รัสเซีย)+สุดยอดเครื่องยนต์(อิตาลี) น่าสนใจมากๆ
เข้าไปอ่านในลิงค์นั้นแล้ว 120ล้านดอลจริงๆ ก็ราคาประมาณ 3,600 ล้านบาท เป็นเรื่อใหม่ ขนาด 1000 ตัน บันทุกทหารได้ 12 นาย ไม่เลวเลยทีเดียว ในข่าวบอกลูกค้าอยู่ที่เอเชียแปซิฟิก
น่าสนใจครับ ขนาดกำลังเหมาะ1000ตัน ส่วนในด้านราคา 3600ล้านบาทนั้นผมว่าเป็นราคาเฉพาะตัวเรือหรือป่าวครับ ระบบอื่นๆที่จะติดตั้งตามความต้องการของผู้ซื้อก็จะเป็นตัวเงินที่จะบวกตามมาภายหลัง
อย่างเรือ ด.จีนบางรุ่นก็ใช้ระบบโซน่าห์ของฝรั่งเศษ นำมาพัฒนาซอฟแวร์ด้านภาษาเท่านั้น
ถ้าโคลงนี้ออกมาจริง น่าจะมีลูกค้าที่สามารถยื่นมือเข้าถึงใด้ ไม่น้อยแน่ๆ