ออกตัวก่อนนะครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก เรื่องราวมันเกิดจากว่า เถียงกับคนใน Facebook เรื่อง ผบ.ทบ. เล็งอาจจะให้พวกเด็ก ที่เรียน รด. มาแล้ว อาจจะต้องเกณฑ์ทหารด้วย แต่จะใช้เวลาเข้าประจำการน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้เรียน
ผมเห็นด้วยนะครับ จะทำให้ นักศึกษาวิชาทหาร มีความพร้อม มากขึ้น
แต่เนื่องจากมีผู้หนึ่งมา Comment ว่า
"ที่จริงควรจะยกเลิกได้แล้วนะการเกณฑ์ทหาร ให้เหลือแต่ทหารอาชีพ ไทยก็ไม่ได้มีภัยคุกคามอะไรมากมายถึงขนาดต้อง train ผู้ชายเข้าสู่ระบบทหารกันทุกคน ทุกวันนี้โลกเปลียนไปมนุษย์คุยกันด้วยปากมากขึ้นไม่เหมือนสมัยก่อนที่อะไรๆก็ทหารมาก่อน งบทางการทหารปัจจุบันลดได้ต้องลด ขนาดกองทัพจัดให้เล็กแต่ทันสมัยเหมาะที่สุดในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทุกวันนี้การเกณฑ์ทหารสำคัญแค่ไหน ? จำเป็นแค่ไหน? ต้องการใช้ทหารมากแค่ไหน? หรือทำเป็นประเพณีที่เมื่อก่อนเค้าทำกันมาและเราก็ต้องทำต่อไปเพราะคนไทยกลัวการเปลียนแปลง"
"ถ้าเอาตามตรรกะที่คุณว่าไทยจำเป็นต้องมีเกณฑ์ทหารเพราะอาวุธยุทธภัณฑ์ล้าสมัย แล้วทำไมไม่ลองตัดส่วนนี้ไปแล้วไปพัฒนาคุณภาพของทหารกับอาวุธยุทธภัณฑ์ ลดขนาดกองทัพลงแทนที่ด้วยคุณภาพ ความคิดคุณสนับสนุนการเกณฑ์ทหารคุณต้องเห็นให้หมดทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วจับมาชั่งน้ำหนักดูแล้ววิเคราะห์ คุณ train คนเข้าสู่ระบบจำนวนมากทุกปีโดยที่ไม่มีการปรับลดตามสถานการณ์ตามกระแสโลก Stand By เต็ม 100 % ตลอด เวลาฝึก 2 ปีมองในแง่ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจมันสูญเสียมหาศาล สมัยนี้ประเทศส่วนใหญ่ปรับลดขนาดกองทัพกันทั้งนั้นโดนเฉพาะด้านกำลังพล"
ท่านสมาชิกมีความเห็นอย่างไรกันบ้าง...เศรษฐกิจ มันสูญเสียยังไง ผมคิดว่า ถ้าประเทศอ่อนแอ มีภัยคุกคามเยอะ มันจะสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า ใครจะกล้าเข้ามาลงทุนกับประเทศที่ไม่มีความมั่นคง ครับ
ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่แนบมาครับ ทำไมไม่ลองรับสมัครทหารแบบสมัครใจก่อนหละรับ นี้มันเมืองไทยไม่ใช่เกาหลีใต้หรืออิสราเอลนะครับ ประเทศที่เขาเจริญแล้ว
เขาก็ใช้การอาสาสมัครทั้งนั้นแหละ ไปดูได้ อาสารักษาดินแดง ทหารพราน ชรบ. บ้านเราเยอะแยะ ให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สวัสดิการเงินเดือนดีๆหน่อย ขี้คล้านจะสมัคร
กันเยอะแยะ
จะเกณฑ์คนเยอะๆเอาไปเป็นขี้ข้า รับใช้นายทหารนะสิ
แต่ผมเห็นต่างออกไปนะครับผมกลับคิดว่าเราควรใช้ระบบแบบเกาหลีดีกว่าครับคือเป็นทุกคนไม่มีข้อยกเว้นครับ ดูขนาดดาราลูกนักการเมืองเกาหลียังต้องเป็นเลยครับ
การเป้นทหารจะช่วยให้คนเรามีระเบียบวินัยมากขึ้นและรู้จักเคารพผู้อื่น ทุกวันนี้วัยรุ่นไทยเราคุณภาพต่ำกว่าสมัยเราเสียอีกครับไร้ระเบียบวินัย ไร้ความยั้งคิด ไร้คุณธรรมและจริยธรรมมีแต่ความดื้อรั้นเห็นแก่ตัว เด้กพวกนี้ถ้าลองมาเข้าหลักสูตรนายสิบสมัยก่อนล่ะก็รับรองเลย ออกมาหน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ แล้วคนรุ่นใหม่ของเราจะมีคุณภาพขึ้นเยอะเลยไม่เชื่อลองทำตามที่ผมบอกดูซิครับ เกาหลีเค้าสร้างชาติวิธนี้แหละครับถึงสร้างชาติทันญี่ปุ่นในไม่กี่สิบปี ส่วนญี่ปุ่นกำลังถอยหลังเข้าคลองเพราะคนที่มีระเบียบวินัยแบบคนรุ่นพ่อที่สร้างชาติขึ้นมาเริ่มแก่ตายหมดแล้ว
เกาหลีเหนือก็เกณฑ์ทหารทุกคนนะครับ เชอะ
เอาเกาหลีไปเทียบกับญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีแบรนสินค้าติดอันดับโลกมากกว่าเกาหลีนะครับ ตอนนี้มีแค่ซัมซุงที่ประกาศตัวเป็นเจ้าแห่งเทคโนลียี แต่อุปกรณ์ชิปเซ็ทส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่นนะครับ
โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ผมว่าเห็นด้วยนะครับ ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่ว่าจะได้มาซึ่งความมีระเบียบวินัยหรอกครับ อันนั้นมันเป็นผลพลอยได้ครับ แต่ที่แน่นอนก็คือ เราคนไทยทุกคนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติครับ อีกอย่างการเกณฑ์ทหารก็คือการที่เราต้องการทหารเพื่อเข้าไปเติมเต็มกำลังพลในหน่วยทหารเพื่อให้เกิดความพร้อมในการป้องกันประเทศสูงที่สุดอย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกย่อมมีความไม่แน่นอนได้เสมอ แม้กระทั่งความมั่นคงของชาติก็เถอะครับ อีกอย่างลองนึกดูว่าสาเหตุที่เราสงบได้ทุกวันนี้ก็เพราะเรามีกำลังรบที่ไว้คอยป้องกันภัยต่างๆให้เราอยู่ให้เราสามารถนอนหลับโดยไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดๆ อีกอย่างถึงแม้มีอาวุธดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีคนใช้ยังไงก็เป็นแค่ เศษเหล็กครับ
ทหารอาชีพจะดีกวานะครับ
เอาจริงๆต้องเพิ่มสวัสดิการณ์ เอาให้ดีๆ ให้มีทุนเรียนต่อจบป.ตรีแบบอเมริกาไปเลย ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ คนสมัครมีแน่ครับ อเมริกาทหารได้สิทธิ์ต่างๆมากครับ มหาลัยแทบทุกที่ก็จะมีทุนสำหรับทหาร คือทหารถือเป็นอาชีพที่มั่นคงทีเดียว คนถึงสมัครกันตรึม
เพราะต่อให้เกณฑ์ทุกคนก็ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมไม่ได้ เพราะจำนวนจะเต็มเกินที่ต้องการ แล้วพวกคนรวยมันก็ยังเอิ๊ญบังเอิญอยุ่คิวท้ายๆพอดี รอดตัวไปตามระเบียบ
ตอนนี้มันมีแบบพวกทหารชั้นสูงๆอยู่กินไฮโซเยอะ มีลูกน้องเพียบ เกษียนเสร็จก็ยังรักค่าย อยู่ต่ออีกถาวรเลยทีนี้
เอามาแบ่งๆพวกระดับล่างบ้าง ไม่ใช่อะไรๆก็ตัดงบฯๆ แล้วก็...
ไอ้การเกณฑ์ 100% ผมว่าไม่เวิร์กแน่ ทหารล้นประเทศพอดี อย่างที่หลายคนบอกครับ สัดส่วนทหารประจำการต่อประชากรของเราไม่ได้ต้องการเยอะอย่างอิสราเอลหรือเกาหลีใต้ ขืนเป็นทหารหมดกองทัพเอางบไหนมาเลี้ยงละครับ ทุกวันนี้ปีนึงได้งบประมาณมาต้องไปจ่ายเป็นเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่น้อยนะครับ
ผมคิดว่าเราควรให้สวัสดิการแบบสหรัฐฯ ครับ ให้ทุนเรียน ฯลฯ เพื่อเป็นแรงจูงใจ สมัครใจมาเป็นทหารกับโดนบังคับมา ผมว่าแบบแรกจะมีความตั้งใจ มีความฮึกเหิม รักกองทัพรักชาติมากกว่า อีกประเด็นคืออาจจะมีอายุมากกว่าเช่นซัก 24-5 ซึ่งสภาพความแข็งแกร่งทางจิตใจน่าจะดีกว่า
อีกแนวคิดที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือให้เลือกว่าจะเป็นทหารหรือเป็นพวกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งพวกนี้งบฯ แทบไม่มี เงินเดือนไม่อยากจะพูด หลายคนเดือนกันยาไม่เคยได้เงินเดือน ผมเจอแต่ละคนทำงานด้วยใจทั้งนั้น แถมกำลังพลน้อยมากๆ ไม่มีทางพอดูแลพื้นที่ป่า พวกนายพลตัดไม้เอยอะไรเอย เต็มไปหมด (อนาคตไม่แน่ ป่าอาจจะเหลือนิดเดียว มีป่าไม้สองสามร้อยคนทั้งประเทศก็พอ ฮา) แล้วถ้าให้เลือกแบบนี้หลายๆ คนอาจจะเลือกเป็นป่าไม้
น่าจะใช้ทั้งสองวิธี นะครับ ถึงปัจจุบันจะใช้อยู่แต่ไม่ค่อยเป็นรูปธรรมเท่าไหร่
1 ให้สมัครใจก่อน แต่ ขั้นตอนนี้ยังไม่ต้องแยกเหล่า หลังจาก 6 เดือนค่อยแยกเหล่า
2 ผู้ที่สมัครใจ ลงไป 3 ชายแดนใต้ ควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ และ ได้รับสิทธิพิเศษ
3 คนที่เรียน รด. ต้องไปรายงานตัวในวันเดียวกับวันที่ รับคัดเลือกทหาร ของแต่ละเขต
ถึงแม้จะไม่ต้องจับใบแดงใบดำก็ตาม ( รู้ๆกันอยู่ ว่าเรียน รด. เพื่อไม่ต้องติดทหาร )
4 ควรใช้วิธีเดียวกับเกาหลี คือ ไม่ว่าลูกท่านหลานเธอ ต้องรับหมายเรียกทหารและต้องไป
รายงานตัวในวันคัดเลือกทุกคน ถึงแม้ว่า ลูกท่านหลานเธอบางคนใช้วิธีซิกแซกต่างๆนาๆ
เพื่อไม่ต้องติดทหาร เช่น ให้ลูกไปลงในเขตที่มีคนสมัครเต็ม หรือ ขอผ่อนผันอ้างว่าเรียนต่อ
ทั้งๆที่หน้าตาออกจะโง่ๆ ไม่น่าจะเป็นเด็กเรียนด้วยซ้ำ หรือ อ้างว่าเป็นโรคประจำตัวซึ่งญาติๆ
ที่เป็นแพทย์ ออกใบรับรองให้ หรือ อ้างว่าทุพลภาพ หรือ ไปเป็นดารานักร้อง เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว
5 ในอนาคต เจ้าสัว และ บรรดาเศรษฐี เจ้าของธุรกิจ นายใหญ่ๆ นิยมให้ลูกหลานเรียนนายโหลย
เพื่อติดยศและเป็นเกียติแก่วงค์ตระกูล ทั้งๆที่เงินทองที่มีกินเป็นสิบชาติก็ไม่หมด ซึ่งจะอ้างว่า
รักชาติก็ไม่น่าจะใช่ เพราะจบแล้วก็ไม่ต้องไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง ถึงไป ก็อยู่แต่ในกรม นั่งห้องแอร์
ดังนั้น อุดมการณ์การเรียนนายโหลย ในอนาคตจะเปลี่ยนไป .. จบไป เพื่อรักษาผลประโยชน์ธุรกิจ
ของครอบครัว ขยายอำนาจธุกิจด้วยยศบารมี ..
ขออภัย ที่ ข้อ 5 ผมพูดตรง และแรงไป ... ปัจจุบันก็มีให้เห็น แต่อนาคตจะรุนแรงขึ้น
ผมมองอีกอย่างนึงครับ ชาติจะพัฒนาได้ต้องคนในชาติมีวินัย วินัยก็ต้องมาจากการฝึกอบรมที่ดี สำหรับผมผู้ชายทุกคนต้องเรียนนักศึกษาวิชาทหาร ในช่วงมัธยมปลาย 100 % เอาแบบเข้มข้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันจบแล้วได้สิบตรีก็พอ (สิบโทไม่ควรเพราะความจริงก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น) พออายุครบ 21 ปี ใครอยากสมัครทหารกองประจำการ 2 ปีก็สมัคร ไม่ต้องมีการเกณฑ์ทหาร ปลดประจำการก็เป็นสิบโท (ผมเสนอครับ)
ส่วนทหารกองหนุนก็ผู้ชายทุกคนอายุ21-35 ปี เรียกฝึกทุก 5 ปี
ผมว่าการจะให้ฝึกทุกคนแล้วเรียกฝึกทบทวนตลอดนั้นยากครับ
งบไม่มี ไม่รู้ว่าไม่มีจริงหรือหายไปไหน ดูจากปัจจุบันครับ รด.ขนาดไม่บังคับเรียนทุกคน บางปีก็ไม่ได้ไปฝึกเข้าชนไก่นะครับไม่มีงบฯ บางปีงบฯน้อยยิงปืนห้านัด งบฯพอก็ยิงสิบนัด
ถ้าบังคับเรียนทุกคนจะขนาดไหน เอาไปซื้ออุปกรณ์พื้นฐานให้ทหารประจำการเขาใช้เถอะครับ ได้ประโยชน์กว่าเยอะ ประเทศเราไม่ได้ขาดเเคลนทหาร
แล้วปัจจุบันนี่ปีสามได้ยศสิบเอกเลยฮะ ไม่ใช่สิบโท
ทหารอาชีพไม่เกี่ยวกับยศอะไรเลยครับ ก็พลทหารนายสิบทั้งนั้นแหละ
การยิ่งมีทหารเยอะไม่ได้เป็นประโยช์กับกองทัพเสมอไป โดยเฉพาะพวกที่ประจำหกเดือนครึ่งปียิ่งไม่มีประโยชน์ นอกจากเอาไปเช็ดพื้นขับรถ
ทหารกว่าจะรบที ต้องฝึกเท่าไหร่ ยิ่งอยู่หน่วยเดียวกันนานๆยิ่งดี ต้องรู้ใจกัน สามัคคีกัน ทำงานเป็นทีมเวิร์คได้
ไม่ใช่ฝึกเสร็จปลดพอดี ยังไม่ทันออกภาคสนามเลย เพิ่งกินงบหลวงเสร็จเอง
ก็เหมือนบริษัทแหละครับ เขาไม่อยากได้พนักงานปะรเภทต้องเปลี่ยนบ่อยๆหรือฝึกงานให้เสร็จลาออกซะแล้ว
ตามกฏหมาย ผู้ชายที่สัญชาติไทย ต้องรับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน อยู่แล้ว คือมีสภาพเป็นทหารตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึงอายุ 46 ปี (ดูที่ด้านล่าง ส.ด.9) ถ้าใครเรียน รด.หรือเป็นพลทหาร ก็ดูที่ สด.8 ก็จะมีอายุใกล้เคียงกัน และมีสภาพที่แตกต่างกันไปตามอายุ เมื่อมีเหตุไม่ปกติและมีการระดมพล ก็จะมีการเรียกเข้ารับราชการทหารอยู่แล้ว อาจจะทั้งหมดหรือตามลำดับ แต่ที่ต้องมีการเกณฑ์ทหาร เพราะทางราชการทหารรับทหารได้จำนวนจำกัด คือรับได้ไม่ทุกคน เหตุผลข้อนี้คนเป็นทหารเกณฑ์น่าจะดีใจนะ ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
ขอพิมพ์สั้น ๆ แล้วส่งนะครับ เมื่อวานพิมพ์ซะยาวไม่ได้บันทึกเอาไว้ เลยส่งไม่ได้
เห็นด้วยกับเหตุผลหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะของท่าน toeytei ปัญหาหลักของหน่วยเกี่ยวกับกำลังพลอย่างหนึ่ง คือ การดำรงค์รักษาขีดความสามารถของหน่วย หรือทำให้หน่วยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น บางครั้งเวลาออกสนามทหารต้องมีการค้างปลด จนกว่าทหารใหม่จะฝึกเส็จ
ปัญหาที่พบเห็นได้อีกอย่างหนึ่ง คือ คนที่สมัครเป็นเด็กเหลือขอหรือพ่อแม่บังคับ ความประพฤติไม่ดี ติดยา (เฉพาะบางคนนะครับ ผู้ที่สมัครที่มีความตั้งใจจริงก็มีเยอะ) ตรงนี้เป็นปัญหาของหน่วย และเพื่อนร่วมงานด้วยกันพลอยลำบากไปด้วย ก็คือหวังที่จะฝากความหวังไว้กับหน่วยทหารช่วยฝึกให้ แต่กับคนธรรมดาที่ไม่รู้อะไร กับคนที่ดีอยู่แล้ว หลายคนดียิ่งขึ้น รู้จักระเบียบวินัย อดทน รู้จักข่มใจตนเอง
สำหรับ รด.ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าผู้อยากเรียนมีมากขึ้น จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ที่สำคัญคือ ศูนย์ฝึกก็รับเยอะด้วยเช่นกัน โดยส่วนตัวอยากให้ฝึก รด.ให้เข้มข้นมากกว่านี้ คงไม่ต้องแบบนักเรียนทหารฝึกกันหรอก แค่ฝึกให้ใกล้เคียงกับพลทหารก็พอ ทดสอบเข้าเรียนอย่างเข้มงวด ทดสอบร่างกายอย่างจริงจัง ทดสอบกำลังใจ รับจำนวนจำกัด ปลูกฝังอุดมการณ์ เพื่อคนที่ฝึกสำเร็จจะได้มีความภาคภูมิใจ ทุกวันนี้เครื่องแบบ รด.ยังแต่งกายกันไม่ค่อยจะเรียบร้อยเลย
ส่วนการลดวันรับราชการ ทั้งของ รด. และ ป.ตรี อนุปริญญา ปัจจุบันลดวันรับราชการอยู่แล้วครับ
การปฏิบัติทุกวันนี้ก็ค่อนข้างจะเหมาะสมในระดับหนึ่งแล้ว (ความเห็นส่วนตัว) แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนยอมรับ และคิดว่าได้รับการปฏิอบัติอย่างเท่าเทียมกัน
ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ
ผมว่าควรยกเลิก รด. มากกว่าครับ
ที่เขียนเช่นนี้ เพราะใจจริงแล้วผมอยากให้ ชายทุกคนต้องเกณทหารด้วยซ้ำ
แต่อาจจะลดเวลาเหลือสัก1 ปีก็ได้
ตามความคิดเห็นที่แนบมาว่า จำเป็นต้องใช้ทหารมากแค่ไหน?
ทหารเพื่อรบ อาจจะไม่จำเป็นต้องมีมากแต่ภาระกิจอื่น ผมว่ายังขาดแคลนครับ
เช่น ปกป้องผืนป่าที่แค่กำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม่กี่สิบคนไม่มีทางดูแลไหว หรือ ตระเวนชายแดนป้องกันยาเสพติด ผมคิดว่าค่ายทหารในเมืองหลวง หรือในตัวเมืองอื่นๆใหญ่ตามต่างจังหวัด น่าจะย้ายไปอยู่ติดกับฟืนป่า หรือ ออกไปตามแนวชายแดนมากขึ้น เพื่อไปเสริมภาระกิจ ดูแลป่า หรือ ตรวจจับยาเสพติดตามชายแดนให้มากขึ้นครับ
ส่วนที่บอกว่าอยากให้ทุกคนเกณทหารเพราะ อย่างน้อยจะได้มีวินัยติดตัวกลับมาใช้ได้ในชีวิตจริง ลดปัญหาต่างๆในสังคมได้บ้าง ตอนนี้สังคมไทย ขาดวินัยลงไปเยอะครับ
ที่ต้องเกณฑ์ ก็เพราะ คนสมัครมันไม่พอ ถึงต้อง เกณฑ์ไง
ส่วนตัวแล้ว ผมก็จบ รด.ปี 3 ครับ ไอ้สาเหตุที่ว่าเรียนแล้วไม่ต้องเกณฑ์ทหารนั้น มันไม่ได้เป็นสาเหตุในการตัดสินใจเลือกเรียนเลยครับ อ่านข่าวแล้วน่าใจหาย เด็กที่เป็นถึงตัวแทนนักเรียนระดับประเทศ (ไม่แน่ใจว่าเป็นสภานักเรียนหรือเปล่า) ออกมาพูดได้ยังไงว่าถ้าเรียน รด.แล้วต้องไปเกณฑ์ทหารจะเรียนไปทำไม พูดไปได้ยังไง อ่านแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะจับเข้าประจำการไปเลย
การฝึก นศท. มันมีข้อจำกัดอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะงบประมาณ เคยถามเด็กๆ บอกว่าไปฝึก 5 วัน ได้ยิงปืน 5 นัด 10 นัด จับปืน ไม่ถึง 5 นาที เรียน 3 ปี ได้ยิงปืน 15 - 30 นัด มันจะพร้อมได้อย่างไร ขนาด ปลย 88 ก็มีไม่ครบจำนวน ที่ไม่มี ใช้แบกไม้ไผ่เอา วิชาอาวุธ ปืนกระบอกเดียว คนสอนคนเดียว คนเรียน 200 มันจะรู้เรื่องไหม วิชาอื่นๆก็เหมือนๆ กัน ที่เรียนก็ไม่พร้อม มันจะนับเป็นกำลังสำรองที่สมบูรณืได้หรือไม่ สิ่งที่พอได้บ้างก็คือ ระเบียบ วินัย กับ ความรู้ด้านทฤษฎี ผมเรียนจบมานาน แต่ก็ไม่เคยถูกเรียกไปฝึกบ้างเลย ก็อย่างว่าหละครับ งบประมาณมันสำคัญจริงๆ
ผมคิดว่าระบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก
แล้วเรื่องที่เอาทหารเกณฑ์ไปเป็นคนรับใช้จะมีทางที่จะเลิกได้ไหมครับ คนสมัครเข้ามา คนถูกเกณฑ์เข้ามา เพื่อมารับใช้ชาติ เป็นนักรบ เป็นทหารของชาติ ทหารของพระราชา เกียรติ ศักศรี มันไปอยู่ที่ไหน ทั้ง นาย บ่าว สาเหตุที่คนบางส่วนกลัวเป็นทหาร ก็เพราะกลัวเรื่อง การถูกกดขี่ นี่หละครับ
ไม่เห็นด้วยครับที่ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แล้วต้องให้คนเรียน ร.ด.ไปเกณฑ์ทหารอีก แต่เห็นด้วยครับ ที่ ร.ด. ต้องฝึกให้เข้มข้น และจริงจังมากขึ้น ร.ด. ปี1-3 อาจฝึก ท่าทาง ระเบียบวินัย ทฤษฎีทางทหาร ตามหลักกม.สากล ร.ด. ปี 4-5 อาจฝึกอาวุธ ยุทธวิธีทางทหาร ดำรงชีพในป่า ปฏิบัติ เรียนครบ 5 ปี ติดยศแค่ว่าที่สิบตรีก็พอ ถ้าต้องการยศว่าที่นายร้อย เรียนสัก 7 ปี เอาวิชาเฉพาะเจาะลึกทางทหารกันไปเลย จบปริญญาตรีพอดี และเรียกฝึก ทบทวนกำลังพลสำรองที่ปลดแล้วให้ถี่ขึ้น 4 ปีครั้ง นายละประมาณ 5 ครั้ง โดยคำนึงถึงช่วงอายุ สาขาที่จบ ความถนัดในวิชาชีพและมอบหมายการปฏิบัติการทางทหารให้ตรงความถนัดซึ่งน่าจะเพียงพอ โดยส่วนตัวเหตุผลก็คือ
1.ลดภาระงบประมาณ เพราะ ร.ด.ต้องเสียเงินเรียนบางส่วน เสื้อผ้าชุด รองเท้า อุปกรณ์ทางทหารก็ซื้อเอง รัฐไม่ต้องสนับสนุนงบประมาณมาก
2.ลดภาระกองทัพ เพราะกองทัพมีขีดความสามารถรองรับกำลังพลทหารได้ 80,000 นาย ชายไทยอายุครบเกณฑ์ รวมพวกเรียน ร.ด. ประมาณเกือบ 500,000 คน เงินเดือน ค่าครองชีพ เบี้ยเลี้ยง จะเอาที่ไหน ถ้าเอาเฉพาะเกณฑ์คัดเลือกอย่างเดียวจะเอาสถานที่ที่ไหนรับเกณฑ์
3.ลดภาระประชาชน โอกาสทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่าง คนเรียน ร.ด. แล้ว จบวิศวะฯ จบใหม่เงินเดือน 20,000 บาท ต้องมาถูกเกณฑ์ทหาร 4-6 เดือน หน้าที่การงานจะเป็นอย่างไร และครอบครัวล่ะจะเป็นอย่างไร โอกาสความก้าวหน้าล่ะ
4.ประเทศไทยไม่ได้มีภัยคุมคามขนาดเหมือนเกาหลีใต้ อิสลาเอล หรือ สิงคโปร์ ซึ่งมีพลเมืองน้อย หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องเรียกกำลังพลเตรียมพร้อมได้ทันที
5.หากต้องการเกณฑ์ทหารจริง ในปัจจุบันก็มีคนเกินกว่าความต้องการถึง 3 เท่า อาทิ ลูกคนมีฐานะ ดารา ห่วงหล่อ ห่วงสวย ไม่อยากตัดผมเรียน ร.ด. พวกคนมีฐานะไปเรียนเมืองนอก ไม่นับพวกพิการจริง ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการ หากต้องการรับเกณฑ์ทหารหมด หรือต้องจับใบดำ-ใบแดง ซึ่งผมถือว่าพวกนี้เอาเปรียบคนจน และพวกเรียน ร.ด. ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่หากต้องให้คนที่เรียน ร.ด. ครบกำหนดแล้วมารับการตรวจคัดเลือกด้วย ผมว่าไม่เป็นธรรม พวกที่ผมเอ่ยถึงตอนแรกหลุดหมด และมีโอกาสหลุดสูงกว่าเดิม สุดท้ายคนจน คนไม่มีเงินก็รับกรรมอยู่ดี การยกเลิกเกณฑ์ทหารหรือให้ ร.ด.มาร่วมเกณฑ์ทหารด้วยนี้เพื่อใคร
ปล. ผมเรียน ร.ด. จบครบ 3 ปี ได้ยศแค่สิบโท เพราะตอนจบ ร.ด. ยังไม่จบ ม.6 ยอมรับครับเรียน ร.ด. เพราะไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร เนื่องจากมีทัศนคติที่ไม่ดีกับทหารที่ฝึกทหารเกณฑ์ และหากเรียนจบปริญญาต้องไปคนรับใช้นายทหาร ผมว่ามันไม่แฟร์เลย แต่หากเรียนจบ ร.ด.ให้ไปรบได้มั้ย ได้ครับ แต่ตายเปล่า เพราะหลักสูตรที่เรียนไม่ได้เข้มข้น จริงจัง ไปฝึกภาคสนาม ขนาดอยู่บนเขายังมีบะหมี่ ข้าว ก๋วยเตี่ยว น้ำ ขนมกระดาษทิชชู่ ตามไปขาย แล้วมันจะได้อะไรหากอยู่ในสนามรบ สถานการณ์จริง ขอร้องล่ะครับแค่ปรับปรุงหลักสูตรการเรียน ร.ด. ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพื่อนผมขนาดยังฝึกไม่เข้มข้น ก็ยังเรียนไม่จบ ร.ด.ตั้งหลายคน ผมห่วงรุ่นน้อง เด็กรุ่นหลังที่เรียน ร.ด. ครับ ถ้าอย่างนั้น เห็นด้วยครับ ยกเลิก ไม่ต้องมีการเรียน ร.ด. ชายไทยเป็นทหาร เกณฑ์มันให้หมดทุกคนจะได้ไม่มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบ แต่รัฐจะไหวมั้ยครับ ไหนจะประมาณ สถานที่ฝึก โรงนอน เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง อุปกรณ์ทางทหารทั้งหมด เรื่องไว้พลเมืองเราน้อยลงจริงๆ ค่อยมาคิดกันอีกทีจะดีกว่าครับ
ผมคิดว่าเป้าหมายหลักของการมี นศท. คือ ยามปกติเพื่อสร้างระเบียบวินัยของคน ยามไม่ปกติคนเหล่านี้จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ รักษาที่มั่น หากปะทะจะเป็นแบบตั้งรับในพื้นที่ ส่วนรบหลักเพื่อรุกจะเป็นของทหารประจำการ ดังนั้นการฝึก นศท. จะฝึกหนักกว่าลูกเสือ ต้องรู้ทฤษฏีการใช้อาวุธประจำกาย การลาดตระเวน การจัดรูปแบบการรบต่างๆ คือฝึกเหมือนทหารประจำการแต่ไม่หนักเท่า การฝึกยิงปืนก็อย่างที่เป็นอยู่คือ 30 นัดต่อคนก็ดูเหมาะสม (กับงบประมาณ) อาวุธที่ใช้ฝึกก็เป็นปืน ปลย.88 ปลย.87 ก็เหมาะสมแล้วเพื่อให้คุ้นเคยกับปืนจริง ส่วนเวลาถูกเรียกยามไม่ปกติก็ใช้ M16A1 HK33 ก็น่าจะเพียงพอ ครับ
ขอต่ออีกหน่อยครับ คือบอกอย่างนี้อาจมีคนแย้ง ผมขอเล่าเรื่องตอนเด็กที่อาจารย์ของผมเค้าเป็นยุวชนทหารมาก่อน ตอนที่ญี่ปุ่นบุกสงขลา ทางการเค้าก็นำยุวชนทหารนี่แหล่ะครับมาช่วยรบ การรบก็ไม่ได้เข้าตีแต่ใช้วิธีไปดักอยู่บนเนินทางไปหาดใหญ่รอให้ญี่ปุ่นเดินทางมาถึงก็ยิงสู้กัน (ยุวชนทหารจะรบภายใต้การควบคุมของทหารที่เป็นครูฝึก) อาจารย์ผมเล่าอีกว่าปืนไม้หนักมากเวลายิงจะถีบแรงมากจนไหล่ช้ำเวลายิงจะเอาผ้าหรือกระสอบป่านมายัดรองไว้ที่ไหล่ให้เจ็บน้อยลง นี่คือเรื่องที่เล่ามาจากปากอาจารย์อาวุโสคนนึง
ที่เล่ามานี่ก็แสดงให้เห็นว่าในยามสงบต้องฝึกคนเป็น นศท. ให้มีความพร้อมรบในระดับนึง ใครจะรู้ว่าจู่ๆสักวันหนึ่งอาจจะมีเหตุการณ์ที่ต้องใช้คนเหล่านี้ ขอให้รู้หลักการทหาร ยิงปืนได้ สั่งรบก็รบได้ สั่งถอยก็ถอยได้ไม่ตื่นกลัว ก็ O.K. ครับ
สมัยนั้นยุวชนทหารเขาฝึกกันจริงจังกว่ารด.ทั่วไปสมัยนี้เยอะ
สมัยนี้ตายสถานเดียว ผมได้ยิงไม่ถึงปีละสามสิบนัดนะ เต็มที่ปีละสิบ
เอชเคได้ยิงเฉพาะปีสาม ที่เหลือยิงจุดสองสอง เอ็มสิบหกดัดแปลง
ผมว่าฝึกไปเหอะ รด. ฝึกดีๆเข้มข้นๆ ไม่เสียหลาย ดีกว่าฝึกหย่อนๆแบบนี้ กินงบเท่ากัน แต่ไม่มีประโยชน์
ว่าก็ว่าเถอะครับ..วัยรุ่นสมัยนี้กลัวการเป็นทหารกันเยอะ...สาเหตุเพราะอยู่กับความสุขสบายมากจนเกินไป
ทำให้คิดว่าพอไปเป็นทหารแล้วจะลำบากลำบน
ไอ้ตัวผมอยากเป็นทหารแท้ๆเพราะตระกูลผมรุ่นลุง , รุ่นอาเป็นทหารกันครบทุกเหล่าทัพ...แต่ด้วยความที่
เรามันสายตาสั้นเกือบ400ก็เลยหมดสิทธิ์สอบเข้าโรงเรียนนายสิบโรงเรียนนายร้อยเหมือนชาวบ้านเค้า
(สมัยนั้นยังไม่มีการทำเลสิกแก้ปัญหาสายตา)
แต่ด้วยความที่ใจรักทหารก็เลยตะบันเรียน นศท.จนจบปี5. เรียนหนังสือจนจบ ป.ตรี แล้วพยายามสอบเข้า
เวลาเข้าเปิดสมัครรับบุคคลพลเรือนเข้าเป็นทหาร/ตำรวจ..แต่ก็ยังสอบไม่ติดสักทีจนวันนี้อายุเกินแล้ว
ก็เลยหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย
ไหนๆก็ไหนๆ..ขอระบายซะเลย เมื่ออาทิตย์ก่อนไปเดินในงานหนังสือที่มหาลัยของรัฐชื่อดังในหาดใหญ่
ได้ยิน นักศึกษาชาย 2 คน ยืนคุยกันเรื่องที่ว่าจะบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหารนี่แหละ
นักศึกษาชาย 2 คนพูดถึงวงการทหารว่าห่วย..สมัยนี้แล้วยังจะมาฝึกทหารกันอยู่อีก ถ้าโดนอีกฝ่ายยิง
นิวเคลียร์มาก็ตายหมดแล้ว....สู้เอาเวลาไปพัฒนาขีปนาวุธ , พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ยังจะดีกว่า
อภิโถ่..นักศึกษาสองคนนั้นคงไม่สำเหนียกเลยว่า อาวุธทั้งหลายที่พัฒนาขึ้นมา...มันก็ต้องให้ทหาร
นี่แหละครับเป็นผู้ใช้งาน....ถ้าหากไม่มีทหาร แล้วคุณจะพัฒนาอาวุธขึ้นมาให้ใครใช้งาน หรือถ้าคุณบอกว่า
สมัยนี้ทำไมยังต้องมานั่งฝึกทหารกันอยู่อีก...ผมก็อยากจะตอบกลับไปว่า ถ้าหากไม่มีการฝึก ต่อให้มีอาวุธ
ไฮเทคขนาดไหน ก็ไม่มีทางใช้งานได้
ฉะนั้น...ไอ้ที่นักศึกษา 2 คนนั้นมาคุยกันว่าสมัยนี้ไม่ต้องมาฝึกทหารกันแล้วนั้น..ผมมองว่ามันก็เป็นข้ออ้าง
ของพวกไม่อยากเกณฑ์ทหารเท่านั้นเอง...มันสะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันเด็กวัยรุ่นในยุคใหม่ๆเห็นแก่ความ
สบายของตัวมากขึ้น เห็นแก่ประเทศชาติน้อยลง...นี่ขนาดเป็นถึงนักศึกษาในมหาลัยชั้นนำของประเทศนะครับ
สรุปแล้ว..ผมอยากให้คงการเกณฑ์ทหารเอาไว้..มิฉะนั้นพวกคนกลุ่มนี้จะเอาแต่หลบเลี่ยง และ ไม่ได้ไป
สัมผัสได้รู้ว่าชีวิตทหารเค้าลำบากแค่ไหนเพื่อให้คนข้างหลังได้อยู่กันสบาย..ในขณะเดียวกัน การเรียน
นศท.นั้นก็อยากให้มีการฝึกที่เข้มข้นกว่าเดิม และ หากมีการเรียกรุ่นเก่าๆมาฝึกทบทวนเป็นระยะก็น่าจะดี
ผมอยากให้ชีวิตชายไทยได้สัมผัสคลุกคลีกับชีวิตทหารบ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง..มิฉะนั้น คนรุ่นหลังๆต่อ
จากพวกเราจะยึดติดกับความสุขสบายไม่มี..ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติของเราอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องที่ว่าหากมีการเกณฑ์ทหารมากไปทำให้ทหารล้นประเทศนั้น...ผมว่าเราสามารถปรับลดได้นี่ครับ
ว่าแต่ละปีควรจะเกณฑ์ซักกี่คน..ประเด็นนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหานะ
เอ่อพี่ๆครับ ไหนๆก็พูดเรื่องเกณฑ์ทหารแล้ว ผมขอถามในกระทู้นี้เลยแล้วกันครับ จะได้ไม่ต้องไปตั้งใหม่ ผมเกรงใจ
พอดีว่าผมเรียนจบ ร.ด ปี3แล้วครับ แต่ว่าผมคิดว่าอยากเกณฑ์ทหารครับ ผมว่าเรียน ร.ด ผมยังไม่ค่อยภูมิใจในการรับใช้ชาติเท่าไหร่ เพราะคงไม่มีโอกาสโดนเรียกไปรบจริงๆอะครับ เขาจะให้ผมเกณฑ์ไหมอะครับหรือสมัครได้ไหมครับ
ปล. กระทู้นี้มันตกไปหลายหน้าแล้ว ไม่รู้จะมีคนมาตอบไหม - -*