ไม่เอาของทั้ง2ชาติเลยครับไม่่ว่า จีน เมกา เีราจะมีแต่ผลเสียซะมากว่าถ้าจีน "ได้ตั่งฐานทัพ" มีหรือ เมกาจะยอม เขาก็ขอเหมือนกัน(ตอนเด็กๆ เคยได้ยินมา่ว่า เมกา ขอตั่งฐานทัพในไทยแลกกับการสนับสนุน กองทัพ ในการปราบปรามขบวนกาแบ่งแกดินแดน) จริงๆผมก็เอนไปทาง เมกา มากกว่าจีนเยอะมาก ส่วนเรื่องการตั่งฐาทัพผมว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง สมมุติ อยู่มาวันนึงเราไม่อยากให้เค้ามาตั่งฐานทัพแ้ล้ว เราจะไปไล่เค้ากลับยังไงละ อ่ยาง ยุ้นเองเมือรัฐฯ ชุดก่อนๆ เค้าก็พยายามจะให้เมกา ยายฐานทัพยังทำไม่ไ้ด้เลย

หลายคนมักมองว่า ประเทศไทยมีเอกราชเป็นของตนเอง มีสิทธิตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทุกเรื่อง บนเวทีโลก
แต่ความเป็นจริงมีใครกล้ายอมรับกันสักกี่คนว่า....ถึงจุดจุดนึง เราก็ต้องเลือกข้าง
ในเวทีโลก ประเทศไทย เสียงดังแค่ไหนกัน
ไม่ขยายความเพิ่มเติมนะครับ เดี๋ยวยาว

แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างนึง
ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกย่อมแหลกราญ

ไม่ควรให้ชาติไหนๆ มาตั้งฐานทัพในไทย - เสียทั้งอำนาจอธิปไตย+เสียอำนาจการต่อรองทั้งทางเศษฐกิจและการทหาร

เรา มีกองทัพของเราอยู่แล้ว อีกทั้งในแถบบ้านเรา มัน ก็ไม่ได้มีความกดดันอะไร ที่จะให้กองทัพของชนชาติอื่นๆ มันตั้งฐานทัพในบ้านเรา

สงคราม - มันเกิดยาก สุดท้ายแล้ว ประเทศคุณ มันก็เสียผลประโยชน์ของชาติ ให้กะชาติที่มหาอำนาจที่เข้ามาตั้งฐานทัพในบ้านตัวเอง

ที่สำคัญคือ ให้มันตั้งฐานทัพแล้ว ไล่มันออกไปได้ยาก เหมือกะยกแผ่นดินส่วนนั้นให้ชาติที่เข้ามาตั้งฐานทัพนั้นเลย

การเข้ามาตั้งฐานทัพ มีผลทั้งการเมือง+การทหารและเศษฐกิจ สุดท้าย ก็ค่อยๆ ถูกกลืนกินไปจนหมด จะทำอะไรเขา ก็ไม่ได้อีก

ไม่ใช่เรื่องดี ที่จะให้ชนชาติอื่น มาตั้งฐานทัพในบ้านตัวเองและไทยเรา ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะให้ชาติไหนๆ มาตั้งฐานทัพในบ้านเรา

แม้แต่พม่า ก็ยังไม่อยากให้จีน เข้ามามีอำนาจในบ้านตัวเอง เพราะพม่า ก็กลัวโดนจีนกลืนกินทั้งประเทศ เดี๋ยวนี้ พม่า เริ่มนำเอามหาอำนาจรัสเซีย เข้าไปคานอำนาจของจีนแล้ว เพราะระยะหลังๆ พม่า เริ่มส่งนักศึกษาของตัวเอง เข้าไปเรียนในรัสเซียเยอะมาก ส่วนในจีน ก็ไม่ค่อยส่งไปเท่าไร แม่แต้นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของพม่า ก็จบมาจากมหาลัยของรัสเซียเยอะ

ท่าน จงจับตาดูรัสเซียไว้ มหาอำนาจรัสเซีย เข้ามามีอำนาจในแถบบ้านเรา แบบเงียบๆ แต่ทรงอิทธิพล การเข้ามามีอำนาจของรัสเซีย มาแบบไม่หวือหวา เป็นแบบเรียบๆ ดูอย่างการร่วมประมูลสัมปทานเหมืองทองคำ-เหมืองแร่เพชรพลอยของพม่า ที่รัสเซีย ได้ไปอย่างเงียบๆ หลายชาติ ที่เข้ามาร่วมประมูลสัมปทาน ต่างงงเป็นแถบ

ดูอย่าง ญี่ปุ่น สิ อยากไล่ฐานทัพอเมริกา ออกจากประเทศของตัวเอแทบตาย แต่สุดท้าย ก็ทำไม่ได้

ไม่ว่าชาติไหนๆ ก็ไม่ควรให้มาตั้งฐานทัพให้บ้านเรา

ไม่สมควรอย่างยิ่งครับ จะได้ไม่คุ้มเสีย

พื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเราแลกด้วยเลือดเนื้อและหยาดเหงื่อแรงกายของบรรพบุรษเพื่อคงความเป็นเอกราชและความภาคภูมิใจในความเป็นชาติให้แก่ชนรุ่นหลังไม่สมควรที่เราจะแลกด้วยสิ่งของใดๆทั้งปวงครับ ดูแค่พื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารซิครับเรายังไม่ยอมเสียมันไปเลยไหนจะเรื่องสมรภูมิร่มเกล้าอีกล่ะครับที่เราต้องสละชีพของผู้กล้าเพื่อที่จะได้มันคืนมา ไหนจะพื้นที่3จังหวัดภาคใต้ที่เรายังคงต้องสูญเสียผู้กล้ารายวันอย่างที่ยังไม่เห็นวันที่จะจบสิ้น ทุกเหตุการณ์ได้บอกให้เห็นแล้วนะครับประเทศไทยจะไม่ยอมให้มีผู้ใดหรือประเทศใดเข้ามาแทรกแซงความเป็นเอกราชของชาติได้ครับ

  ไม่เอาทั้งสองประเทศนี้เลยล่ะครับ   

   ผมถึงสนับสนุนการขยายกองทัพเรือให้มีกองเรือบรรทุกบ.แบบ SAC-220 จำนวน 2 ลำ พร้อมกองเรือคุ้มกัน   กองเรือดำน้ำ 2 กองเรือ    และขยายจำนวนฝูงบินกองบินรบของ ทอ.    เพื่อรองรับการถูกบีบแบบที่ว่านี่แหล่ะครับ    รวมทั้งการทุ่มเทสร้างพลังทางอุตสาหกรรมแบบจริงจังเพื่อพึ่งพาตนเองได้เกือบทั้งหมด    รวมทั้งตกลงกันให้ได้กับเขมรสักทีในเรื่องบ่อน้ำมันที่ค้นพบใหม่เพื่อที่จะได้พึ่งพาตนเองให้ได้ในด้านพลังงานและใช้มันในการต่อรองกับมหาอำนาจไงครับ    และนำเงินจากการขายพลังงานมาจัดหากองทัพและสร้างพลังทางอุตสาหกรรม     จึงจะอยู่รอดได้ท่ามกลางสภาวะแบบนี้ได้อย่างเต็มที่      ไม่งั้นก็ต้องเลือกข้างแล้วก้มหัวผงกๆๆๆรับคำสั่งจากเขา   แม้ชื่อบอกว่าไม่ใช่เมืองขึ้น  แต่สภาพก็ไม่ต่างกับเมืองขึ้นเลย

ในย่านอาเซียน จีนเข้ากันกับไทยได้มากที่สุด รองมาก็คงจะเป็นพม่า แต่หลังๆพม่าก็เริ่มจะเอาอินเดียมาถ่วงดุลมากขึ้นและในอดีตเคยมีกรณีพิพาทดินแดนกันอยู่

มาเลกับอินโด มีปัญหาเรื่องชนชาติพื้นเมือง เคยมีเรื่องที่ชนพื้นเมืองออกมาไล่ทำรายคนจีน

ฟิลิปปินกับเวียดนาม ก็มีเรื่องหมู่เกาะสแปรลี่

ลาวกับเขมร ก็น่าจะเข้ากับจีนได้ดีพอสมควร

เท่าที่ดูมาจีนเอาแต่ผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น หากเจราจาแล้วไม่สำเสร็จก็ส่งเรือรบเข้าจุดที่มีข้อพิพาททันที นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆประเทศ ถึงพยายามดึงสหรัฐและอินเดียเข้ามาถ่วงดุลก็เพราะจีนที่หลายคนพยายามเชียร์นักเชียร์หนาว่าเป็นมหามิตร สุดท้ายก็มุ่งแต่ผลประโยชน์ของตนเองอย่างก้าวร้าวและข่มขู่ ลองไทยไปขัดแย่งกับพญามังกรดูแล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ไอ้ที่พูดมากันลมๆแล้งๆทั้งนั้นสุดท้ายก็ผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง........

ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารของเราเท่านั้นครับว่ามีความเข้มแข็งแค่ไหนในทางการเมืองระหว่างประเทศ ถ้าฝ่ายบริหารของเรายังก้าวข้ามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้ ประเทศไทยก็ยังต้องเสี่ยงต่อการเป็นเครื่องมือของมหาอำนาจต่อไป การรวมตัวเป็น AEC คงช่วยอะไรไม่ได้มากเพราะประเทศในกลุ่ม AEC ยังมีมือที่สามคอยหนุนหลังอยู่ทั้งจากจีน และ อเมริกา ในปีที่ผ่านเห็นได้ชัดเจนว่าทั้งสองประเทศพยายามที่จะเข้ามามีส่วนร่วม หรือมากดดันประเทศในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจนประเด็นการตั้งฐานทัพปิดประตูไปได้เลยถ้ามีใครกล้าที่จะทำรับรองได้เห็นแรงต้านมหาศาลแน่นอน แค่อู่ตะเภาที่อเมริกาเคยใช้มาก่อนยังเป็นเรื่องเลย....

ประเทศไทยเรา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในความขัดแย้งของการแย่งหมู่เกาะสแปรตลีย์และหมู่เกาะพาราเซลเหมือนกะประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่มีความขัดแย้ง ต่างก็เสียเงินเสียทองในการซื้ออาวุธมาสะสมไว้เยอะเหมือนกัน หาตังได้เท่าไร่ในแต่ละปี ก็หอบตังไปซื้ออาวุธกักตุนไว้ เพราะการซื้ออาวุธ มันต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว

ควรวางตัวเป็นกลาง+รักษาความสัมพันธ์กะมหาอำนาจไว้ พร้อมกะสร้างเสริมกองกำลังของกองทัพให้แข็งแกร่ง ทั้งทัพบก ทัพเรือและทัพอากาศ เพราะสภาพรอบๆบ้านเรา ล้วนแต่ร้อนเป็นไฟและแข่งกันสะสมอาวุธกันทั้งนั้น ศึกษาดูประเทศสวีเดน-ฟิลแลนด์และประเทศแถบๆ นั้นดูครับ ประเทศของเขา ก็น่าจะเหมือนๆกะไทยเรา

พื้นที่ประเทศไทย ถ้ากางแผนที่ดู ท่าน จะรู้ว่า มันตั้งอยู่ในพื้นที่ๆดีที่สุดของโลกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกอีกและส่วนมาก พายุเข้าไม่ค่อยถึง-เพราะกว่าจะถึงไทย ก็สลายตัวไปก่อนแล้ว เพราะโดนประเทศเพื่อนบ้านไปเต็มๆ ก่อนที่จะเข้าถึงไทย+มีพื้นที่ติดฝั่งมหาสมุทรทางทะเลทั้งสองด้าน มันคือพื้นที่สำคัญของจุดยุทธศาสตร์ทางทหารเลยทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไม ทั้งมหาอำนาจอเมริกาและจีน ต่างอยากเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย

ถ้าประเทศไทยเรา สามารถสร้างคลองเชื่อมทะเลทั้งสองด้านได้หละก็ โอ๊ย...ไม่อยากจะบอกเลยว่า มันจะสำคัญมากแค่ไหน

เรา ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ ครับ เชื่อว่า ผู้มีอำนาจอยู่เบื้องบน ท่าน ก็คงรู้และคิดคำนึงถึ่ถ้วนก่อนทำอะไรลงไปแน่นอน เพราะท่าน มีหน้าที่ตัดสินใจแทนคนไทยทั้งประเทศ

ประเทศเพื่อนบ้าน ที่แห่กันสะสมอาวุธ ดูง่ายๆ มันก็คือ หอกข้างแคร่ของเรานะแหละครับ เพราะพรมแดนทั่วประเทศไทย มันล้วนแต่มีพื้นที่ๆ ยังขัดแย้ง+ทับซ้อน ยังไม่ได้แบ่งปันกันอยู่อีกมาก ประเทศที่มีกำลังอาวุธเหนือกว่า ก็ย่อมที่จะมีอำนาจในการต่อรองสูงกว่าอยู่แล้ว ถ้าต่อรอง ตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องรบกันให้รู้แพ้รู้ชนะ - เพื่อแย่งชิงเอาพื้นที่นั้นๆ มาให้ได้

ผู้นำของไทย รุ่นต่อๆ ไป ต้องแข็งแกร่งครับ เพราะต้องรับความกดดันจากมหาอำนาจทั้งสองด้าน

+1 เห็นด้วยกับความคิดของท่าน seetha456   ครับ

ให้ อเมริกา ตั้งฐานทัพที่สัตหีบ  .. ทำสัญญา 15 ปี  หลังจากนั้น ต่อสัญญา ทุกๆ 5 ปี โดยให้พลเรือนทั้งประเทศรับรู้

ให้ จีน  ตั้งฐานทัพที่เดิม คือ อ.เบตง ( ที่ ปากบารา ไม่ให้ ) ทำสัญญา 15 ปี  หลังจากนั้น ต่อสัญญา ทุกๆ 5 ปี โดยให้พลเรือนทั้งประเทศรับรู้

ให้ รัสเซีย ตั้งฐานทัพที่ กาญจนบุรี  .. ทำสัญญา 15 ปี  หลังจากนั้น ต่อสัญญา ทุกๆ 5 ปี โดยให้พลเรือนทั้งประเทศรับรู้

.

.

แค่นี้ เราก็มีพี่เบิ้ม ถึง 3 ราย อยู่ในประเทศ งานข่าวกรองเราสานมารถรับรู้แทบทุกเรื่อง

ยิ่งที่เบตง พี่จีนก็คอยเป็นกันชนกับมาเลย์ งานนี้ มาเลย์ไม่กล้าแหยมเด็ดขาด .. (ตามประวัติ ชาวมลายู แพ้ จคม. ทุกครั้งที่รบกัน )

เอาเป็นว่า .. มีผมคนเดียวที่แหกคอก เห็นด้วยกับเรื่องนี้

พูดถึงหลักความจริง .. เราไม่สามารถหลีกการแผ่อิทธิพล ของจีนได้ .. ไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องเจอ

เพราะฉะนั้น .. ในเมื่อเราคิดว่าเราต้านทานไม่ไหว เราก็ยอมเป็นพวกไปเลยดีกว่า ( คติผมเอง 55++ )

.. จีนมีความเชี่ยวชาญ เรืองการกลืนชาติ กลืนวัฒนธรรม ดู เขตปกครองพิเศษ ซินเจียง อุยกูร์ เป็นตัวอย่าง

ชนชาติจีนเข้าไปแทรกตัวอยู่ในทุกชุมชน จนชาวบ้านที่คิดแบ่งแยกประเทศรวมตัวกันไม่ติด

นี่ยังไม่รวม สิงคโปร์ เข้าไปด้วย ที่วัฒนธรรมแทบทุกอย่าง เป็นของจีนเกือบหมดแล้ว

.

.

เอาเป็นว่า ถ้ามาเลเซีย รู้ว่าเราจะให้จีนตั้งฐานทัพ ที่เบตง มาเลย์ คงชักดิ้นชักงอ แน่นอน

อีกประการหนึ่ง แผนการที่เค้าต้องการให้แยกสามชายแดนใต้ คงจะยากขึ้นอีกหลายเท่า

เผลอๆ อาจจะล้มเลิกไปเลยด้วยซ้ำ ..  ( ใครๆก็รู้ว่า พี่จีน มีกองทัพเกือบ 2 ล้านนาย )

ใครขัดขวาง คงราบเป็นหน้ากลอง