อีกแนวทางหนึ่ง สำหรับ เรือดำน้ำแบบชายฝั่ง ซึ่งเหมือนกับจุดเริ่มต้นของ เรือดำน้ำของ กองทัพเรือไทย เมื่อกว่า 60 ปี ที่แล้ว...
Chilean firm presents light SSK
A new 250-ton attack submarine, the Crocodile Class 250, was introduced as a light SSK in early December 2012 at the EXPONAVAL exposition in Valparaiso, Chile. The notional submarine - intended to operate in a coastal-littoral denial role - is set to be fitted with four torpedo launching tubes, installed between the external and internal hulls, to fire wire-guided heavy torpedoes and anti-ship missiles
[first posted on 13 December 2012]
Midget Submarien ของ ประเทศชิลี
โดยในเรือดำน้ำต้นแบบ ประเทศชิลี ต่อขึ้นเพื่อเป็นภาระกิจ Search and Rescue สำหรับเรือดำน้ำ
แต่เรือดำน้ำ รุ่นนี้ ก็สามารถจะติดตั้งระบบโซนาร์ และ ตอร์ปิโด รวมถึง อาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ แบบใต้น้ำ สู่ ผิวน้ำ ได้ด้วยเช่นกัน
Features
Besides being a small submarine rescue missions will be equipped with four torpedo launch tubes, which for reasons of size and space helmets shall be installed between the exterior and interior of the submarine, which will be adapted to launch torpedoes both Black Shark heavy type DCNS / WASS as anti-ship missiles SM-39 type of MBDA Exocet.
The equipment of the small submarine also considers other equipment essential to fulfilling its role as navigation systems backed by satellite positioning laser gyroscope (GPS) in addition to communications systems and data transfer underwater. The combat system will include both passive and active sonar, radar, electronic support systems (ESM) and a tactical periscope.
The submersible can reach a top speed of 10 knots surfaced. Underwater maximum speed is 12 knots, while its economic or cruising speed is 4 knots
คุณสมบัติ
นอกเหนือจากการเป็นปฏิบัติการกู้ภัยเรือดำน้ำขนาดเล็กจะมีการติดตั้งท่อยิงตอร์ปิโด ได้ 4 ท่อ โดยพื้นที่จะต้องติดตั้งอยู่ระหว่างภายนอกและภายในของเรือดำน้ำซึ่งจะมีการดัดแปลงเพื่อเปิดตอร์ปิโด แบบ Black Shark ของ DCNS/Wass หรือติดตั้งอาวุนำวิถีต่อต้านเรือแบบ SM-39 ของ MBDA Exocet
อุปกรณ์ของเรือดำน้ำขนาดเล็กยังถือว่าอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามบทบาทในฐานะที่เป็นระบบนำทางรับการสนับสนุนจากการหมุนเลเซอร์ตำแหน่งดาวเทียม (GPS) นอกเหนือไปจากระบบการสื่อสารและถ่ายโอนข้อมูลใต้น้ำ ระบบการต่อสู้จะรวมทั้งโซนาร์ passive และ active เรดาร์ระบบการสนับสนุนทางอิเล็กทรอนิกส์ (ESM) และกล้องยุทธวิธี
ดำน้ำสามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุด 10 นอตโผล่ ความเร็วสูงสุดใต้น้ำเป็น 12 นอต ในขณะที่ความเร็วทางเศรษฐกิจหรือการล่องเรือคือ 4 นอต
น่าสนใจมากเลยครับแต่ไม่รู้ว่าทร.เขาจะสนใจไหม เริ่มต้นด้วยขนาดนี้ก่อนจะมีโอกาสเกิดได้สูงมาก
ทร มองตาปริบๆ
ผมก็ว่าน่าสนใจดีครับ...
ซึ่งขนาดก็เท่ากับ เรือชั้นมัจฉานุ เดิม ของ ทร.ไทย เมื่ออดีต 60 กว่าปีก่อน...
ซึ่งผมประมาณการว่า ถ้าใช้แบบติดตั้ง โซนาร์ และ ตอร์ปิโด อาจจะรวมถึง Sub Exocet...ลำหนึ่งน่าจะอยู่ประมาณ 25 ล้านเหรียญ (ประมาณ 750 ล้านบาท) จัดหามาสัก 2 ลำ ประมาณ 1,500 ล้านบาท...เพื่อฝึก และสร้างความคุ้นเคยกับ สงครามใต้น้ำ เพื่อเตรียมจัดหา เรือดำน้ำขนาดใหญ่ ในอนาคต อีกประมาณ 10-15 ปี ข้างหน้า...จำนวน 2 ลำ...
ซึ่ง เรือดำน้ำแบบ Midget นี้ ก็สามารถปรับภาระกิจ เป็น ค้นหา และกู้ภัย ได้ในอนาคตอีก...เพื่อสำหรับรองรับ เรือดำน้ำขนาดใหญ่ ในอนาคตอีก...
และ อินโดนีเซีย เอง ก็มีโครงการ Midget Submarine ของตัวเองอยู่ด้วย...
รวมถึง ฟิลิปปินส์ อาจจะมีความต้องการ Midget Submarine ด้วยเช่นกัน...
จึงดูว่า ในอนาคต Midget Submarine น่าจะมีตลาดในกลุ่มประเทศ อาเซียน หลายลำทีเดียว...
ในมุมมองส่วนตัวนะครับ...
ถ้าเปลี่ยนแนวในการจัดหา Midget Submarine ในเบื้องต้น จำนวน 2 ลำ
และจัดหา เรือฟริเกตสมรรถนะสูง จำนวน 2 ลำ และ OHP มือสอง จำนวน 2 ลำ
หรือแบ่งเป็น
กองเรือฟริเกตที่ 1 และ กองเรือดำน้ำ
กองเรือฟริเกตที่ 2
กองเรือตรวจอ่าว
น่าสนใจมากนะครับป๋า midget เหมาะสำหรับเฝ้าระวังพื้นที่ชายฝั่งแถบอ่าวไทยที่ตื้นมากๆจริงๆครับ แต่ราคาที่ชิลีเสนอขายถ้ารวมระบบอาวุธก้แค่ 750 ล้านบาทนี่ไม่แพงเลย ใช้ได้ทั้งภาระกิจกู้ภัยและรบ เราสามารถจัดหาได้ 12 ลำแบบไม่ยากเย็นใดๆทั้งสิ้น เรือขนาดนี้เพื่อนบ้านก็ไม่ต้องวิตกกังวลเรา เพราะปฎิบัติการได้ไม่ไกลจากชายฝั่งเรานัก แต่เขาเข้ามาได้ยาก เพราะอ่าวไทยน้ำตื้นจัด เหมาะสมกับทั้งสงครามทุนระเบิดและวางกำลังเรือดำน้ำ midget
แต่ถ้าสนประสิทธิภาพ ผมเสนอของเกาหลีใต้เหมือนเดิมครับ KSS-500A แม้จะแพงกว่ามากทีเดียวแต่ก็เป็นเรือดำน้ำที่ออกแบบมาสำหรับรบโดยเฉพาะครับ ไม่ได้ปรับแบบมาจากเรือกู้ภัย แต่ถ้าเราจัดหา type 206Aและถ้าเราพร้อมสำหรับงานต่อเรือดำน้ำแบบ midget ผมว่าเราลอกเทคโนโลยีของ type 206A ดีที่สุดครับ
ส่วนถ้าจะเอาเรือดำน้ำ เยอรมันหรือเกาหลีแบบ type 209/1400 เหมาะสำหรับอ่าวไทยที่ห่างจากชายฝั่งไปมาก จนถึงบริเวณแถวทะเลจีนใต้ พูดง่ายๆ เหมาะที่จะออกไปซ่านอกบ้านพร้อมทำการคุ้มกันกองเรือบรรทุกบ.จักรีของเราเมื่อต้องปฎิบัติการนอกบ้าน
เหนื่อยใจกับเรือดำน้ำมาก ส่วนตัวคิดว่าเรื่องเรือดำนี้นะไม่ใช่เรื่องงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ถ้าไม่สามารถแบ่งงบงาบกันลงตัวก็จบ ไม่ว่าจะเชียร์เจ้าไหนกันอย่างไรก็ไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ถ้ามองว่ามันเป็นข่าวเทคโนโลยี่ทางทหารใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่น่าติดตาม ก็น่าจะดี ทำใจแล้วครับ
ขอบคุณท่าน juldas ที่นำข่าวมาให้อ่าน
เป็นราคา เดา ครับ ท่าน neosiamese2
ประเมินเอาจาก เรือระวาง 250 ตัน...ตันละ 3 ล้านบาท (รวมอาวุธ) จะเท่ากับ 750 ล้านบาท ครับ...
อย่าถ้อใจเลยครับท่านหลวงอาวุธ สถานะการณ์รอบบ้านบีบบังคับ ไม่ว่ายังไงความจำเป็นก็จะต้องบีบให้จัดหาเข้าประจำการ ไม่ว่าจะโดนขวางจากใคร ฝ่ายไหน เพราะเมื่อภัยคุกคามจ่อเข้ามารอบทิศ ไม่ทำอะไรสักอย่างไม่ได้หรอกครับ
เอารูปไปดูเล่นๆกันก่อน รูปแรก KSS-500A ส่วนโครงการ KSS-3 ของเกาหลีก็ดูจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป้าหมายจะต้องดำเนินการให้ทันในปี 2017 ในขณะที่โครงการเรือบรรทุกบ.ดูยังไม่มีความแน่นอนเลย เอารูป KCV-X เวอร์ชั่นรัสเซียมาให้ชมกัน ที่ปรึกษาทางด้านรัสเซียช่วยออกแบบโดยใช้ Kiev เป็นพื้นฐานให้ แปลกตาดีครับ
สำหรับเรือแบบ Crocodile 250 นี้ ปฏิบัติการได้ในน้ำลึก ด้วยนะครับ...
ได้ระดับความลึกถึง 300 - 400 เมตร ครับ...เพราะ เบื้องต้น มันเป็นเรือดำน้ำกู้ภัย ครับ...ก็ต้องทนระดับความลึกได้ด้วยครับ...
คงเป็นเรื่อง ความจุ เชื้อเพลิงและเสบียง เท่านั้นครับ ที่จะเป็นปัญหา...คือ ระยะเวลาปฏิบัติการสั้น...
ซึ่ง ทร. ก็มีเรือส่งกำลังบำรุง ชั้น สิมิลัน และ เรือบรรทุกน้ำมัน ลำใหม่...
จึงสามารถ สนับสนุนด้านเชื้อเพลิง และ เสบียง ได้...กรณี ถ้าต้องไป ปฏิบัติการไกลฝั่ง...
ความสามารถในการดำได้ลึกของจระเข้จากชิลีนี่น่าสนใจนะครับ ถ้าจะจัดหาเรือดำน้ำกู้ภัยในฝั่งอันดามัน จระเช้ตัวนี้น่าสนใจไม่น้อย
รูป DSX-3000 คู่แข่งของ KSS-EX-3300 ในโครงการ KSS-3
ขอบคุณครับ ป๋าจู ที่ช่วยหามาให้ดูกัน ส่วนตัวก็คิดไปแบบเดียวกับ ท่านหลวงอาวุธฯ ครับว่าราคาไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเหตุผลอื่นเสียมากกว่าที่จะทำให้เรายังคงไม่ได้เรือดำน้ำครับ
สมมุต ภาพในอนาคต
จัดหา OPV เพิ่มอีก 3 ลำ
จัดหา Midget Submarine อีก 3 ลำ
กองเรือตรวจอ่าว
กองเรือฟริเกตที่ 1 และ กองเรือดำน้ำ
คุณJudasตัวจริงต้องมีเรือOliver H. (แซวเล่นนะครับ) เจ้าจรเข้น่าสนใจนะครับ อยากรู้ว่าเรือถูกพัฒนามาจากเรือดำนำ้ค่ายไหน เท่าที่อ่านข้อมูลไม่แน่ใจว่าเป็นบริษัทขอฝรั่งเศสช่วยในการพัฒนารึเปล่า เพราะระบบพื้นฐานก็จะเป็นแนวเรือของฝรั่งเศส อีกเรื่องที่น่าห่วงคือการซ่อมบำรุง เพราะเรือดำนำ้มีวงรอบการซ่อมบำรุงและอุปกรณ์เฉพาะ(จะหาอะหลั่ยเซียงกงหรือมือสองใช้ไม่ได้) เคยอ่านการศึกษาของทร.เรื่องของเรือดำนำ้Upholder ของ Canada ที่ซื้อต่อมาจากอังกฤษ มีแค่Canadaใช้เพียงรายเดียว (อังกฤษไม่ใช้แล้ว เลยขายต่อหมด) มีปัญหาการอะหลั่ยซ่อมบำรุงให้เรือพร้อมใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายสูงมากจนสภาไม่อนุมัติงบให้ ทำให้สามารถใช้งานได้แค่ลำเดียว ส่วนเรือชั้นColinของAustralia(ทำเองใช้เองคนเดียว)ก็ไม่สามารถใช้งานได้แม้แต่ลำเดียว สมมติว่า เราเลือกใช้ และอาจจะมีแค่เรากับชิลีใช้แค่2ราย อะหลั่ยและการซ่อมบำรุงจะเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก
เรือดำน้ำขนาดเล็กพวกนี้ถ้าราคาไม่ถึง 1000 ล้าน ก็น่าจะจัดหามาอย่างเร่งด่วน โดยเร่ิมจากใช้งบที่เคยจะใช้ซื้อ U206A โดยเริ่มทยอยซื้อทีล่ะลำจนครบ 6 ลำ (ฝั่งทะเลล่ะ 3 ลำ) ซึ่งก็จะไม่เกินกรอบงบประมาณที่ ทร. พอจะจัดสรรได้ และด้วยคุณสมบัติที่สามารถรบได้กับเรือผิวน้ำ และกับเรือดำน้ำด้วยกันก็พอที่จะถ่วงดุลทางทหารได้ระดับนึง จากนั้นค่อยจัดหาเรือดำน้ำที่ใหญ่ขึ้น เช่น U214 เป็นต้น เพื่อขยายระยะปฏิบัติการไกลออกไป
และนอกจากนี้ด้วยขนาดที่เล็ก ราคาไม่แพง เทคโนโลยีไม่ซับซ้อนมากนัก ผมมองว่าลำที่ 4 5 6 ..... สามารถมาต่อในประเทศได้ ซึ่งถ้าเราเจรจาดีๆ และด้วยที่เป็นลูกค้าเจ้าแรกๆของชิลี เค้าคงยอมเราแน่ๆ โดยอาจต่อยอดด้วยการร่วมพัฒนารุ่นใหม่ๆที่ทันสมัยขึ้นต่อไป
เท่าที่อ่านดู สำหรับเรือชั้น Collins นั้น มีปัญหาตั้งแต่การสร้างแล้วครับ...
ทั้งการเชื่อมต่อตัวเรือที่มีปัญหา และระบบเครื่องยนต์ ที่มีความสั่นสะเทือน และความดัง (เครื่องยนต์ของฝรั่งเศส)...ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องการซ่อมบำรุง...
เป็นเรือดำน้ำ ที่ สร้างโดย อู่เรือ ออสเตรเลีย เอง...โดยใช้แบบของ สวีเดน...โดยใช้วัสดุตัวเรือของ สวีเดน...
ซึ่งก็มีปัญหาระหว่างการส่งมอบวัสดุด้วยเหมือนกัน...
เหมือนกับ ทนสร้างให้เสร็จ ทั้ง ๆ ที่มีปัญหา น่ะครับ...
ข่าวล่าสุด ก็ว่าจะมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ มาใช้ของ ออสเตรเลีย เอง...ที่จะมีการแก้ไขปัญหาเสียงและความสั่นสะเทือนที่เกิดอยูในปัจจุบัน...
สำหรับ Midget Submarine ของ ชิลี...เป็นอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศเอง...แต่พวกระบบต่างๆ จะเป็นของต่างประเทศ ทั้งหมด...
ความเห็นผมว่า...ก็จะเหมือนกับ ชิลี สร้างแต่ตัวเรือ...แต่ระบบอาวุธ และระบบเครื่องยนต์ ก็จะเป็นแบบมาตรฐานที่มีการจำหน่ายทั่วไป นำมาปรับใส่ในตัวเรือ...เหมือนเรือชั้น กระบี่ ของ ทร.ไทย น่ะครับ...
ซึ่งคงต้องรอดูผล ในเร็ว ๆ นี้ ครับว่าจะเป็นอย่างไร...เพราะตามโครงการ เรือดำน้ำลำแรก จะสร้างเสร็จภายใน 12-18 เดือน (นับจาก เม.ย. 55)
ซึ่งเรือดำน้ำ Midget นี้ น่าสนใจตรงที่ จะติดตั้งระบบ AIP ด้วย...
และตามข่าวข้างต้น เหมือนกับว่า ทร.ชิลี รับรองว่า จะสร้างเข้าประจำการในภาระกิจ เรือดำน้ำโจมตีขนาดเบา นอกเหนือจาก ภาระกิจค้นและกู้ภัย...หรือ ก็สามารถจะจำหนายเพื่อใช้ในงานทางวิทยาศาสตร์ใต้น้ำ ด้วย...
ผมเห็นด้วยกับที่ท่าน rayong กล่าวครับ ควรจัดหา midget เหล่านี้มาใช้งานก่อน เพราะดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรือดำน้ำในเชิงรุกเลย เพราะระยะปฎิบัติการสั้น บรรทุกอาวุธได้น้อย ราคาไม่แพงแต่ประการใด น่าจะขอมาได้ง่ายกว่าเรือดำน้ำดีเซล AIP ชั้นดี ฝ่ายต้านอาจจะขวางยากลงก็ได้ ถ้าได้มาจริงอย่างน้อยก็ถือว่าการป้องกันประตูดีขึ้นเยอะ มีเรือฟรีเกตต่อต้านเรือดำน้ำเพิ่มด้วยอย่างน้อยก็ 4 ลำ เท่ากับว่ากองหลังดีขึ้นมากครับ
จระเข้สามารถติดตั้ง AIP ได้ด้วย.....! แต่ผมไม่ชอบตรงที่ระบบอาจจะมาจากฝรั่งเศสทั้งหมด ส่วนเรือเกาหลีนั้นทางเกาหลีใต้คงต้องจัดหามตามแผนจำนวนไม่น้อยทีเดียวครับ เพราะผลงาน shang-O นี่น่าประทับใจจนขยาดทีเดียว แต่ราคาน่าจะราวๆ 2000 ล้านบาท ผมว่าไม่ว่าเราจะจัดหาจากชิลีหรือเกาหลีใต้ ถ้าผู้ผลิตจัดหาเข้าประจำการ เราน่าจะมีอะไหล่ใช้งานนะครับ โดยเฉพาะเกหลีใต้นั้น ต้องการจำนวนไม่น้อยเพราะมีภัยคุกคามกดดันตรงๆและเจอฤทธิเดชกันมาแล้ว ถ้าซื้อมาใช้งานน่าจะหาอะไหล่ได้ไม่ยากเลยและอาจจะขอดำเนินการผลิตในประเทศได้เองด้วย ผมสนับสนุนให้ฝั่งอ่าวไทยมี 8-12 ลำ อันดามัน 4-6 ลำ เพราะระยะปฎิบัติการสั้นเลยต้องใช้จำนวนมากหน่อยในการดูแลพื้นที่
ส่วนระบบ AIP นั้นผมไม่สนใจสำหรับเรือเล็กขนาดนี้ครับ เพราะอย่างมากก็ปฎิบัติการได้แค่ 2 สัปดาห์ อย่างเก่ง 3 สัปดาห์ ถ้าการอักแบตตแต่ละครั้งสามารถดำน้ำได้นาน 6-7 วัน ลอยลำขึ้นมาชาร์ทแค่ครั้งเดียวก็พอแล้วครับสำหรับ 2 สัปดาห์ ด้วยการที่ขนาดเล็กมากและมีระยะปฎิบัตการสั้น ราคาถูก ผมจึงเสนอการจัดหาจำนวนมากมาใช้งานเพื่อครอบคลุมพื้นที่ครับ
ถ้าวันข้างหน้าการจัดหาเรือดำน้ำไร้อุปสรรค์อีก เรือดำน้ำ AIP ชั้นดีขนาด 2000 ตันขึ้นไป ผมว่ามีต้วเลือกเยอะเลย ทั้งเรือเยอรมัน(เกรดA) เรือเกาหลี(รับเทคโนโลยีจากเยอรมันโดยตรง) เรือญี่ปุ่น(ชั้น ซอร์ยู / เครื่องยนต์รับเทคโนโลยีสวีเดน ตัวเรือและระบบอิเลคทรอนิคของญี่ปุ่น แต่ต้องรอเขาแก้กฏหมายก่อน)
ลืม A-26 จากสวัเดนไปอีกตัวครับ ระบบ AIP stirling น่าจะให้พลังสูงกว่าระบบ AIP ที่เป็นเครื่องยนต์ Fuel cell นะ แม้ว่าจะมีเสียงที่ดังกว่าระหว่างการชาร์ทแบตตอนอยู่ใต้น้ำ Fuel cell ก็ดีตรงที่ไม่ต้องชาร์ทอะไรอีกและไม่มีส่วนเคลื่อนไหวจึงเงียบสนิท
เอาเป็นว่าถ้าฝ่ายต้านอ้างว่าการจัดหาเรือดำน้ำนั้นไม่จำเป็นและเป็นอาวุธเชิงรุก เรือ midget น่าจะเป็นคำตอบ เพราะดูแล้วกลายเป็นเรือดำน้ำเชิงรับไปแทน เพราะระยะปฎิบัติการจะแสนสั้น อาวุธติดตัวน้อย ดำไม่ได้ลึก ไม่ซับซ้อน ราคาไม่แพง น่าจะลดกระแสต้านทานลงไปได้ไม่น้อย อย่างน้อยขอให้ประตูกับกองหลังดีไว้ก่อนล่ะตอนนี้
ปล. แหมอยากให้การจัดหา OHP อกกมาแบบว่า ซื้อตอนนี้ 2 option 2 แบบว่ามีเรือมาเมื่อไหร่ ผมขออีก 2 ลำทันที จะได้มีเรือฟรีเกตต่อต้านเรือดำน้ำชั้นดี 6 ลำ ถ้าได้ midget อีก อย่างน้อย 6 ลำ น่าจะปึ๊กขึ้นมากสำหรับการป้องกัน
กองกลางกับกองหน้าว่ากันทีหลังเมื่อทางสะดวกครับ
สำหรับเรือดำน้ำแบบ Midget Submarine นี่ ดำน้ำ ไม่ได้นานเท่าไหร่นะครับ...
ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจไม่ผิด...ดำน้ำ ได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง เท่านั้นครับ...
ถึงต้องมีการเพิ่มระบบ AIP เพื่อเพิ่มเวลา ได้นานขึ้น แต่ได้นานเท่าไหร่ ข้อมูลไม่ชัดแจ้ง แต่คงเป็นวัน ไม่รู้ว่ากี่วัน ครับ...
ซึ่ง ชิลี่ นอกจากจะใช้งานเองแล้ว...ก็มีเป้าหมาย คือ กลุ่มประเทศใน ละตินอเมริกา ด้วยครับ...
ซึ่งในส่วนของ ประเทศ บราซิล...อาจจะขยายแบบ และใช้ระบบขับเคลื่อน พลังงานนิวเคลียร์...(ไม่แน่ใจว่า จะขนาด 3000 ตัน หรือเปล่า ครับ)
เห็นด้วยครับ กองหน้าไม่ดี ก็ต้องกองกลาง กองหลัง ประตูต้องหนาแน่น ฝ่ายตรงข้ามเจาะเข้ามายาก แล้วรอจังหวะสวนกลับฉับพลันตอนเผลอ รับ 89 นาที ขอแค่ 1:0 นาทีสุดท้ายก็ชนะได้ ครับ
6-12 ลำ เรือดำน้ำขนาดเล็ก 4 เรือ OHP upgrade และ 2 เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ก็ถือว่าแน่นหนาดี ครับ
ถ้าให้ดีขอศูนย์หน้าตัวรุกอีกตัวคือ AV8B plus II 6 ลำ ไว้สวนกลับตอนเผลอ ครับ
สุภาษิตฝรั่ง สุดยอดของคำชม คือการลอกเลียนแบบ
ถ้าเราเจียดงบประมาณบางส่วน หรือตั้งงบประมาณใหม่ในปีงบประมาณหน้า แล้วเอาเงินไปสักสี่ร้อยถึงห้าร้อยล้าน ไปขอซื้อเรือดำน้ำกับชิลี เอาแบบกู้ภัยมาก่อนก็ได้ + ถ่ายทอดเทคโนโลยีการต่อเรือดำน้ำมาด้วยแต่เอาเวอร์ชันเรือรบนะ
แรงเสียดทานในการอนุมัติน่าจะน้อยเพราะสามารถแจ้งไปได้ว่าไม่มีอุปกรณ์ฝึกในการไล่ล่าเรือดำน้ำ
แล้วคราวนี้ค่อยมาทดลอง ออกแบบและปรับปรุงเอง ต่อเองเฉพาะตัวเรือ
ส่วนระบบอำนวยการรบ โซนาร์ เครื่องยนต์ อาวุธ ก็ซื้อเขาเอาก่อน เอาเยอรมัน ก็ Atlast Elektronik หรือไม่ก็เอาตามแบบของชิลีซึ่ง ก็น่าจะเป็นของฝรั่งเศสทั้งหมด น่าจะเป็นDCNS ทั้งสองบริษัท คงมีอุปกรณ์ทุกชนิดของเรือดำน้ำขายหมดอยู่แล้ว
โดยส่วนตัวจริงๆแล้วอยากให้ซื้อแบบเฉพาะตัวเรือ+ซากเรือมา reverse engineering ด้วยซ้ำ แต่ราคาก็คงสูงมากอยู่เหมือนกัน เช่น206a, agusta, u209, gotland
แล้วระบบข้างใน พวกระบบอำนวยการรบ ท่อยิงตอร์ปิโด โซนาร์ เครื่องยนต์ วิทยุ เรดาห์ AIP ก็ซื้อเขาเอาก่อน ตอนออกแบบก็ ทำสัญญาซื้อระบบพวกนี้ไว้เลย แล้วตอนปรับแบบเรือและต่อเรือก็ให้เขามาเดินระบบไปพร้อมกัน คงจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า จะเป็นแบบคอล์ลิน คลาส ของออสเตเลีย
ที่อยากให้ซื้อแบบเขามาหรือขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพราะเห็นว่า ทีมนักวิจัยของไทย จะได้รับประโยชน์โดยตรงลดระยะเวลาการลองผิดลองถูกออกไป พอสมควร หลังจากรู้องค์ความรู้พื้นฐานแล้วคราวนี้ค่อยไปวิจัยต่อ ในด้านที่มัน advance มากขึ้น เช่น โซนาร์ ตอร์ปิโด ระบบอำนวยการรบ ระบบAIP มอเตอร์ขับเคลื่อน หรือการออกแบบใบพัด
เพราะดูจากหลายๆท่าน ประเมินกันว่าไทยเรา ไม่น่าจะมีเรือดำน้ำในช่วงสิบปีนี้ ซึ่งสิบปีผมว่ามันนานมากนะครับ สำหรับประสบการณ์การฝึกใช้เรือรบ และสำหรับการพัฒนาในด้านต่างๆ คนรุ่นอายุห้าสิบที่เป็น สตาฟอาวุโสและหัวหน้าหน่วยงาน เกษียณกันไปหนึ่งรุ่นแล้ว เรายังไม่รู้ว่าจะมีเรือดำน้ำเปล่า แต่เพื่อนบ้านฝึกเดินเรือและซ้อมรบมาสิบกว่าปี มีแผนที่สมุทรและข้อมูลเสียงใบจักรไม่รู้เท่าไหร่แล้ว รู้สึกเป็นห่วงจริงๆครับ
ข่าวจากเวปไซต์ http://www.defencereviewasia.com/articles/160/SUBMARINES-GAIN-BUOYANCY-IN-ASIA-PACIFIC-REGION
ข่าวออกเมื่อกลางปีนี้ บอกว่าเกาหลีใต้น่าจะทำการต่อเรือ KSS-500A อย่างน้อย 5 ลำในปีนี้ครับ เรือชั้นนี้บรรทุกลูกเรือได้ 10 นาย และมีพื้นที่สำหรับหน่วยซีลได้อีก 7 นาย หนัก 510 ตัน ก็ขอบเส้นของ midget พอดี แต่โครงการนี้ดูแล้วเกาหลีใต้จัดหาก่อน KSS-3 ที่เลื่อนออกไปถึงปี 2020 ซะแล้ว แสดงว่าความจำเป็นในเรื่องเรือ midget สำหรับเกาหลีใต้นั้นมีมากทีเดียว เอาเป็นว่าทางผู้ผลิตเริ่มเข้าประจำการล๊อตแรกอย่างน้อย 5 ลำ ไม่ระบุราคา
However South Korea’s pursuit of domestically designed 3,000-ton KSS-III boats has been impacted by budgetary restrictions. Design work on the KS-III that will carry vertically launched Cheon Ryong cruise missiles commenced in 2007, although first delivery has been put back till 2020. Samsung Thales has been tasked with developing its combat system. Although no KS-III design details have emerged, last year South Korea disclosed pictures of the 510-ton KSS-500A due to replace Dolgorae-class midget submarines for special operations. Its standard complement is ten crewmen, with space for seven passengers. The KSS-500A mini-submarine could serve as a useful test-bed for the much larger KS-III, and up to five could be produced beginning this year.
ระวางขับน้ำใกล้เคียง Type 206A แต่ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพจะทัดเทียมของเยอรมันได้หรือไม่ครับ แต่ดูแล้วไม่น่าเกลียด และน่าจะ(เดาเอา) มีระยะปฎิบัติการได้นาน 2-3 สัปดาห์ เพราะดูจากพื้นที่ชายฝั่งของเกาหลีเหนือและใต้ที่ติดต่อกันและมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ่อย เกาะแก่งใต้น้ำเยอะ และมีความลึกไม่มากนัก ประมาณ 200 เมตรเต็มที่ ซึ่งลึกกว่าอ่าวไทยครับ เรือ KSS-3 นั้นเอาไว้ใช้งานถึงแนวทะเลญี่ปุ่น เอาไว้บลั๊ปญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
ผมว่าจากสภาวะภัยคุกคามของเกาหลี เรือ KSS-500A นั้นน่าจะใช้ได้ระดับน่าพอใจทีเดียว ไม่น่าจะด้อยกว่า type 206A แต่ที่แน่ๆก็ดีกว่า Shang-O ล่ะนะ ขนาด Shang-O ยังสามารถจมเรือคอร์เวตต่อต้านเรือดำน้ำชั้นดีได้สบายๆ
รูป KSS-500A
สเปกขนาดนี้ ราคาแบบเกาหลีเกาหลี น่าจะอยู่แถวๆ 2000-3000 ล้านบาทต่อลำนะผมว่า 6 ลำไม่น่าจะเกิน แมงป่องทะเล 1 ลำ สเปกขนาดนี้น่าจะพอที่ปกป้องพื้นที่ของเราจากแมงป่องทะเล 2 ลำแล้วครับ (เรา 6 ลำ) แต่คงติดตามกองเรือบรรทุกบ.ออกไปนอกบ้านไม่ได้แน่ๆ เพราะเล็กเกิน
ท่อยิง 533 มม สำหรับตอร์ปิโดหนัก ผมเดาเอานะครับว่า น่าจะสามารถยิงจรวดต่อต้านเรือรบได้ด้วย รวมทั้งวางทุ่นระเบิดด้วยครับ
สเปกดีใช้ได้ทีเดียว
ขอเอาใจช่วย กองทัพเรือ ครับ...ท่าน FatBoy
ในแง่ สงครามจิตวิทยาทางสื่อ...ผมว่า กองทัพเรือ น่าจะต้องมีมากขึ้น...
ทำไม โครงการ กองทัพเรือ มันยากเย็น กว่า กองทัพบก กองทัพอากาศ...นัก ก็ไม่รู้นะครับ...
ปัญหาของการจัดหาอาวุธของทุกเหล่าทัพ...ควรจะมีเพียงเรื่อง การทุจริต หรือ ความโปร่งใส....
แต่ไม่ควรจะมีปัญหาเรื่อง การล้มโครงการ ถ้าโครงการเหล่านั้น มันผ่านการกำหนดความต้องการของ เหล่าเสนาธิการ หรือ แผนพัฒนากองทัพมาแล้ว...
แอ้ ผมว่าผมก็เข้า เว็บนี้อยู่นะ พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง อดตอบเป็นคนแรกแรก เลย
สำหรับผมนะครับ ขอชื่นชม ป๋าจู ตามเคย ที่ ไม่ได้ ศอก มัก หา คืบ มาเสนอ หมายถึง ไม่ได้ ใหญ่
ขอเล็ก นะครับ ปรบมือให้นะครับ
แต่ผม มองในเรื่องนี้ ว่า ต้องดูดีดีนะครับ เพราะ ผมไม่ค่อยอยากได้ คืบ อยากได้ ศอก อะ
แต่นั้น นะครับ ศอกมันไม่ได้ แต่ก็น่าสนใจครับ เพราะ ภาระกิจ ที่จะซื้อ u - 206 จริงจิรง ก็คือฝึกซ้อม
แล้ว ถ้าจะซื้อตัวนี้มาซ้อม กับ ตั้งรับ ผมว่าเหมาะ แต่ผม ผมยังอยากให้มัน รุกได้ ดีกว่า รุ่นนี้นะครับ
เพราะ เชิงรุก สำหรับ เรือลำนี้นะครับ พูดกันตามตรงก็คือ ทำได้ยากครับ
ต้องมีเป้าหมายแน่นอน แบบจะไป ซุ่ม รอเรือซักลำมาติดกับ หรือ ดำไปเรื่อย หาเหยือเหมาะ เหมาะ
ลืมไปได้เลย เพราะ เรือเล็กมากนะครับ เชื้อ เพลิง และ battery นั้น ไม่อำนวยเลยครับ
แต่ถ้าเอามาฝึกก็เหมาะเลยครับ
แต่ ตอนนี้ เอาตัวนี้ก็ได้ ครับ เน้น ฝึกครับ แต่ใจผมก็ยังอยากได้ ดีเซล - ไฟฟ้า ที่ใหญ่กว่านี้ นะครับ
ตัวนี้ ถ้าจะรุก คงต้อง เหมือน ไปเอเด็น นะครับ เรือพี่เลี้ยง คอยเติม เชื้อเพลิง
แต่ ถ้าได้ลำนี้จริง ก็ดีใจนะครับ
ขอเอาใจช่วยทร.อีกแรงนะครับท่าน Fatboy แต่ดูท่าทางฝ่ายจ้องล้มจะต้องไปสนใจงานหินที่รัฐบาลกำลังเข็นสุดฤทธิ์อยู่ หวังว่าเรื่องนั้นคงจะเป็นเป้าใหญ่กว่าเรืื่่องที่ทร.จะจัดหาเรือ OHP เป็นเป้าล่อที่ใหญ่กว่ามากเลย และหวังว่าคงไม่มีเวลามายุ่งกับโครงการของทร.นะครับ
ปล.อยากได้ OHP 2+2 จังเลย........
เข้าใจว่า 4-5 ปีนี้ คงไม่มีการจัดหาเรือดำน้ำอีก ยกเว้นฝ่ายการเมืองจะไฟเขียวให้เอง
แต่หลังจากเราได้เรือฟรีเกตสมรรถนะสูงลำแรกเข้าประจำการและ OHP อีก 2-4 ลำ
ซึ่งก็คงประมาณ 5-6 ปีนับจากนี้ ถึงจะมีการทบทวนเรื่องเรือดำน้ำ
แต่ไม่ทราบว่าถ้าการเมืองนิ่ง ปีหน้าเราจะขอซื้อ 206a มา 1 ลำ เพื่อการฝึก ของ
กองเรือดำน้ำ และ ของเรือฟรีเกตต่อต้านเรือดำน้ำ จำนวนหลายลำ ทั้งที่มีอยู่เดิม
และที่กำลังจะจัดหามาจำนวนมาก เขียนงบไปเลยว่าซื้อมาฝึกเท่านั้น เพราะหลังจาก
ฝึกกับ simulator แล้ว บุคคลากรของกองเรือดำน้ำจะได้ฝึกปฎิบัติจริงๆด้วย
เรือฟรีเกต ก็จะได้ฝึกล่าเรือดำน้ำจริงๆ ไม่งั้นมันก็เหมือน ทบ.ฝึกเข้าตีแล้วไม่มีข้าศึกสมมติ
เป้าลวงใต้น้ำ มันก็คงไม่เหมือนเรือดำน้ำจริงๆที่ต้องล่ากันเป็นวันๆ
ตอนซื้อ บอกไปเลยว่าเอามาฝึก ตอร์ปิโดซื้อเป็นดัมมี่มาแทนก็ได้ ไม่งั้นโดนเรื่องความเก่า
เป็นอาวุธตกรุ่น โดนลากเป็นประเด็นการเมืองรัฐบาลก็ไม่กล้าอนุมัติ
แต่ถ้าบอกว่าเป็นอุปกรณ์ฝึก ซื้อมาเพื่อฝึก เพื่อให้สอดคล้องกับ simulator ที่เป็นระบบเยอรมัน
และ206a ก็อัพระบบอำนวยการรบ เหมือน typr 209 ทำให้ง่ายต่อการซื้อเรือดำน้ำในอนาคต
เนื่องจาก จะเกาหลีหรือเยอรมัน มันก็เหมือนกัน แรงต้านน่าจะลดลง เราจะได้เรือมาเร็วด้วยครับ
ผมต่อให้เขียนแบบไหนก็เถอะมันก็ยังมีคนค้านสุดตัวอยู่แล้ว เพราะอะไรก็พอรู้กันอยู่ต่อให้บอกว่าเอามาฝึกก็จะมีนักข่าวขุดเอาข้อมูลเก่าออกมาแล้วส่งให้ผู้ที่ค้านเอามาเป็นข้ออ้างจนได้ เพราะเขาตั้งธงไว้แล้วว่า กองทัพเรือต้องถูกจำกัดขนาดและกำลังพล
กี่ปีแล้วเรื่องเรือดำน้ำขนาดเรือใหม่ A-19 ก็ตแลนด์ยังล่มไม่เป็นท่า ประเทศอื่นเขาพัฒนากองทัพแบบเท่าเทียมหรือไม่ก๋ไม่ห่างกันมากและเหตุการณ์ทุกวันนี้ความขัดแย้งมันเปลี่ยนมาทางทะเล ประเทศต่างรอบบ้านเรา(ยกเว้นประเทศ ลาว) เขาเริ่มพัฒนากองทัพเรือห่างเราออกไปเรื่อยๆ ทั้งต่อเรือเอง ร่วมมือกับต่างประเทศพัฒนาและวิจัย แต่มองมาที่กองทัพเรือเราแค่เรือดำน้ำมือสองยังเถียงกันแทบตาย สิงคโปร์ก็ใช้เรือดำน้ำมือสอง มาเลย์ก็เรือดำน้ำมือสอง อินโดนีเซียก็มือสอง มีใหม่แค่ที่เดียวคือเวียดนาม ทำไมเขาก็ยังใช้ ทั้งหมดมันไม่ใช่เรามีไม่ได้เราควรมีตั้งนานแล้วแต่ เป็นเพราะความคิดของคนเก่าๆที่ยึดติดกับอดีตแทนที่จะเอาอดีตมาเป็นบทเรียนแล้วก้าวข้ามอดีตนั้นไป เพื่อให้ประเทศเราเพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีอาเซียน หรือเวทีโลก อย่าคิดแค่เราไม่มีนโยบายรุกรานใครเราแค่มีไว้ถ่วงดุล แต่ตอนนี้เราเสียอำนาจการต่อรองไปแล้ว จะมำตัวเหมือนเต่าอยู่ในกระดองมีเกราะไว้ป้องกันตัวเองเวลามีภัยก็หดหัวเข้ากระดองก็จบอย่างนั้นหรือ มันต้องมีทั้งหมัดยาวหมัดสั้นรุกรับไปในตัว ถ้าเป็นมวยก็พวกตัวเล็กแต่หมัดหนัก รวดเร็ว คล่องตัว ยืนระยะได้นาน ไม่ใช่ตั้งการ์ดรอเขาเข้ามาต่อย.......................
ใจเย็นๆท่าน: ALPHA001 มันก็อย่างโบราณว่าไว้ว่าคนเรามี 6จำพวกได้เเก่
หัวใจไว้สู้ รอดูทีท่า เบิ่งตาลังเล
หันเหหัวดื้อ งอมือจับเจ่า เเเละพวกเต่าล้านปี.
ผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองเรามีอยุ่ครบ5 ประการหลังในคนคนเดียวขาดเเต่ประการที่ 1 พวกอย่างนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอกท่าน ดูดูไปเรื่องราวมันคลับคล้ายคลับคลากับ ร.ศ.๑๑๒ เข้าไปทุกขณะมหาอำนาจทางทะเลก็เบ่งกันใหญ่ฝ่านเราก็คุยกันเเต่จะเอาประเทศโน้นมาคานประเทศนี้ไม่คิดเลยว่าเมื่อก่อนประวัติศาสตร์สอนไว้ว่าอย่างไร เคยอ่านหลังสือเล่มหนึ่งจำชื่อไม่ได้อ่านไปอ่านมาไปเจอบทความที่เผยเเพร่ อยู่ในสมัยเสียดินเเดนในเชิงปลุกใจหรืออย่างใดมิทราบจำได้เเค่บางช่วงบางตอนว่า..
"คนดี อาวุทด้อย ต้องถอยสู้" กับ "เอาท้องอิ่ม หลังคาโหว่ โง่บรรลัย"
ด้วยความเคารพครับพูดเรื่องนี้ทีไรมันยาวทุกที.
เอารูปเรือดำน้ำฝึกของสวีเดนมาฝาก ครับ
Spiggen II: 12 tonnes surfaced, 14 tonnes submerged
speed 5 knot
duration 14 days
crew 6 person
no torpedo
น่าจะไม่แพง และเหมาะสำหรับการฝึกเพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำ
ซื้ออย่างนี้มาไม่น่าจะมีคนค้านนะครับ
หมายเหตุ ผมชอบdiagram แบบที่หนึ่งของคุณจูดาสนะครับ ถ้าเป็นตามนั้นได้ก็ดีเลย
ซื้อมาสักสองลำ พร้อมขอถ่ายทอดเทคโนโลยี ราคาไม่น่าจะแพงมาก สั่งต่อคงใช้เวลาไม่นานเกิน หนึ่งปี ขนาดก็พอๆกับที่ ทร.กำลังทำเอง
ที่สำคัญ มันมีผลิตออกมาแล้ว ไปลองของจริงดูก่อน ถ้าใช้ได้ก็สั่งมา
ดูจากขนาดไม่น่าจะเรียกว่าเรือดำน้ำให้สื่อมาโจมตี เรียกว่ายานฝึกจำลองใต้น้ำ น่าจะเหมาะสม เพราะไม่มีอาวุธเลย แต่ดำได้ลึกและมีระยะเวลาปฎิบัติงานนาน
ลูกเรือใช้ควบคุมแค่สองคน(เหมือนของทร.เลย) มีทั้งหมดหกคน เข้าใจว่าสามกะ สั่งมาสองลำ ฝึกทีสิบสองคน
เรือฟรีเกตออกฝึกด้วย หากันที เจ็ดวัน สิบวัน หรือ จะ hot swap ลูกเรือ กับ resupply เสบียง กับเชื้อเพลิงก็โอเค จะได้ฝึกกันหลายชุด หรือนานหน่อย
ที่สำคัญ จะได้ลดเวลาให้ทีมนักวิจัยไทย พอได้แบบเรือ บวก ถ่ายทอดเทคโนโลยี คราวนี้ก็มาขยายแบบและต่อยอดเองได้ มองๆไปทรงจะคล้ายq gotland
ขนาด พอๆ กับลำนี้เลย
ต่อด้านออกไปอีกหน่อย สำหรับ ตอร์ปิโดก็น่าจะเท่ากันเลยมั้งครับ