เห็นพิมพ์วิซ่าใหม่มา ไปรวมเอาเขตทะเลจีนใต้ และรัฐที่มีปัญหาของอินเดียมาด้วย ทำให้ เวียดนาม ฟิลิปินส์ มาเล บรูไร จะตอบโต้แน่นอน ทางด้านอินเดียนั้นก้ตอบโต้ไปแล้ว ไหนจะปัญหากับญี่ปุ่น ที่เพิ่งมีไปมาหยกๆ นี้ยังไม่รวมสหรัฐที่จ้องจะปิดล้อมจีน จีนทำแบบนี้ไม่เข้าทางสหรัฐหรือครับ เล่นออกวีซ่าแบบนี้กลายเป็นมีปัญหาไปทั้วเลย
อ่านบทความจากหนังสือพิมพ์มาเหมือนกันครับ
ผมว่าในมุมมองของจีน จะมองว่าแต่เดิมเวียตนามนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของตนมานานนับพันปี และก็ทำให้จีนสามารถควบคุมเส้นทางเดินเรือในทะเลจีนใต้มานานแสนนาน แต่ก็มาสูญเสียไปให้แก่นักล่าอนานิคมชาวตะวันตก ซึ่งเมื่อมาถึงยุคปัจจุบันปรากฎว่าดินแดนที่สูญเสียไปนั้น กลับค้นพบน้ำมันปริมาณเป็นหมื่นๆล้านบาร์เรล ดังนั้นความโลภจึงบังเกิด ว่าเดิมของข้าเว้ย....ข้าจะเอาคืนทั้งหมด และตอนนี้ข้าก็ใหญ่พอแล้วด้วย
แต่การกระทำแบบนี้รังแต่ทำให้เพื่อนบ้านอาเซี่ยนเดือดร้อน และทำให้เหล้ามหาอำนาจขยับตัว เก่งกาจแค่ไหนถ้าถูกรุมจากผู้มีอำนาจเช่นกัน ก็ลงเอยแบบเยอรมันครับ ผมว่าการดำเนินนโยบายแบบนี้ของจีนผิดพลาดร้ายแรงเป็นอย่างมากเลย น่าจะออกแนวตกลงแบ่งเค้กกับคนที่อ้างสิทธิ์ทุกๆจ้าวเพื่อจะได้แบ่งปันน้ำมันกันมากกว่า ส่วนเส้นทางเดินเรือก็ให้เป็นสากลต่อไป ลืมอดีตที่ผ่านไปซะ เมือนที่เรากับเขมรเริ่มมีแนวโน้มตกลงกันได้ซึ่งได้ประโยชน์เต็มๆทั้งคู่ แทนที่จะมายึดติดอดีตว่าเขมรเป็นส่วนหนึ่งของเรา แล้วเราจะอ้างมันหมดทุกส่วนเพื่อกอบโกยแต่ฝ่ายเดียว เพื่อนบ้านอย่างเขมรก็ย่อมไม่ยอมแล้วเป็นการเปิดช่องให้มหาอำนาจเข้ามาตักตวงจากความขัดแย้ง
ถ้าแบบนี้เกิดสงครามเมื่อไหร่ระหว่างจีนกับเพื่อบ้านโดยรอบ อเมริกา ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย มหาอำนาจจากยุโรป ได้มีการสนับสนุนชาติเล็กๆที่อ้างสิทธิ์แล้วชนกับกับจีนเต็มสูบ แบบนี้จีนแพ้แน่นอน แล้วจะไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้ำทะเลหยดเดียวรอบๆพื้นที่ขัดแย้ง
เหมือนกับเราเถียงกับพม่าเรื่อง โปนเชนตง หรือกับ เขมรเรื่องเขาพระวิหารนั่นแหละ
ถ้าเกิดว่ามี ท่าทีอ่อนจนเกินไป จะเหมือนกับยอม แต่คงไม่แข็งไปกว่านี้หรอก
เพราะเขาเชื่อถือว่า นั่นเป็นพื้นดินของเขา
จีนแต่ก่อนก็ไม่ได้ปกครองเวียดนามอะไรมากมายหรอก ประมาณทางไทยเคยส่งส่วยให้กับจีนมากกว่า ผมว่าแกก็แค่โลภแบบประสาคนเริ่มเก๋าแหละ
เห็นด้วยวเช่นกันครับว่าไอ้การที่เริ่มมีมีอำนาจแล้วไปท้าชนกับคนอื่นๆ ที่ก็ไม่ได้กระจอกอะไร รวมถึงมหาอำนาจอื่นๆ มันมีแต่จะส่งผลร้ายให้ตัวเอง แทนที่จะใช้อิธิพลที่เริ่มมากในการดีลแบบ win-win
ความจริงผมไม่ค่อยชอบที่จีนมาจุ้นอาเซียนเท่าไร เหมือนมาทำให้อาเซียนแตกแยกแล้วก็มาทำตัวเป็นพี่ใหญ่ให้เราไปพึ่ง เหมือนพยายามแบ่งแยกแล้วปกครองเสียมากกว่า ต้องการมีอิธิพล คงไม่ต้องการให้อาเซียนรวมตัวกันให้แข็งแกร่งทั้งๆ ที่ยุคนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุดแล้ว ประเทศเริมพัฒนากัน พม่าก็เริ่มปฏิรูปการเมืองแล้ว เวียดนามเศรษฐกิจก็กำลังโต
แถวแอฟริกาก็เหมือนกัน ไปสร้างอิธิพลแล้วเอาเปรียบเขาจนเป็นที่รังเกียจมากกว่ารัก
ตอนนี้เริ่มเป็นเรื่องแล้วครับ
ตม. เวียดนามกับอินเดียเขาไม่รับปั๊มพาสพอร์ตแบบใหม่ของจีนที่ขีดเขตแดนกินประเทศอื่นๆ
ส่วนอินเดียก็เอาคืนด้วยการปั๊มวีซ่ารุ่นเฉพาะให้คนจีนโดยเขียนเขตแดนที่จีนอ้างเป็นของตัวเองให้เป็นองอินเดีย
ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็บอกว่าจะยกประเด็นนี้มาคุยับจีน
ส่วนจีนปากก็อ้างว่ามีเราพร้อมแลกเปลี่ยนความเห็น ปัญหาอะไรก็มาคุยกัน (แล้วไปก่อเรื่องทำไมไม่ทราบ)
สหรัฐฯ เองต้องการให้จีนเจรจาเรื่องความขัดแย้งทะเลจีนใต้ระหว่างอาเซียนกับจีนแบบแพ็คเดียว เรื่องจะได้จบๆ ส่วนจีนนั้นยืนยันจะเจรจาเป็นรายๆ ไป ซึ่งก็เข้าทางอย่างที่ผมว่าคือล่อเป็นประเทศๆ ก็จะได้เปรียบกว่าให้อาเซียนรวมตัวกันเป็นฝ่ายเดียว
ไทยเองก็โดนอิทธิพลของจีนครอบงำอยู่ ถึงจะไม่ใช่ด้านการทหารแต่ก็เป็นทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุปกรณ์การสื่อสารคมนาคมของประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นของจีน แม้แต่แรงงานจีนก็เริ่มเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น การที่เราจะช่วยเพื่อนอาเซียนที่มีปัญหากับจีนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ผมว่าเป็นการเมืองมากกว่า จีนเองก็ใช้วิธีการเมือง คืออ้างสิทธิ์ให้กว้างที่สุด แล้วใช้ทหารกดดัน สุดท้ายก็ต่อรอง ซึ่งไม่ว่าจะได้มากได้น้อยเท่าไรก็คือได้แน่นอน จากที่เคยได้ก็ได้เพิ่ม คงไม่เท่าที่ขีดเส้นแต่พอต่อรองเมื่อไร ก็คือกำไรล้วนๆ สุดท้ายอาจแบ่งผลประโยชน์ จีน 60 ที่เหลือ 40 ก็ได้ขึ้นอยู่กับการต่อรอง ส่วนเรื่องมิตรหรือศัตรุ ดูอเมริกาเป็นตัวอย่างสมประโยชน์เมื่อไรก็คืนดีเมื่อนั้น ขนาดทางนั้นฆ่ากันเป็นล้าน ยังคืนดีกันได้ แต่คงไม่มีใครใช้ทหารอย่างเดียว หรือ การเมืองอย่างเดียว ผลประโยชน์ไม่ได้โลกสวยที่คุยกันด้วยเหตุผลได้ ยังไงกำลังทหารยังจำเป็น