จีนเฮ! เครื่องบินขับไล่ J-15 ซ้อมบินขึ้น-ลง จากเรือบรรทุกเครื่องบินสำเร็จแล้ว

เครื่องบินขับไล่ เจ 15 กำลังซ้อมปฏิบัติการขึ้น ลง จากเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง เมื่อวันที่ 20 พ.ย. (ภาพ ซินหวา)        เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์/ซินหวา-- สื่อ จีนของรัฐจีน รายงาน การทดลองปฏิบัติการบินขึ้น-ลง ของเครื่องบินขับไล่ประจำเรือรบ เจ 15 จากอากาศยานเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน สำเร็จฉลุย ความสำเร็จดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนนี้ จะออกปฏิบัติการได้ในเร็ววันนี้แล้ว                เจ 15 ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน "เหลียวหนิง" ได้ดำเนินการทดลองปฏิบัติการบินขึ้น-ลง จากเรือฯเมื่อวันอังคาร(20 พ.ย.) ระหว่างที่เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงกำลังทดสอบแล่นบริเวณทะเลปั๋วไห่ เป็นเวลา 19 วัน โดยเริ่มจากวันที่ 11 พ.ย. ทั้งนี้ เป็นรายงานของสื่อจีนโกลบอล ไทม์ส                นอกจากนี้ กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) รายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้ว เจ 15 ประสบความสำเร็จในการฝึกซ้อมขึ้นลงหลายๆครั้ง (touch&go take-offs and landings) สามารถร่อนลงสัมผัสดาดฟ้าเรือโดยไม่หยุด                ทั้งนี้ ความสามารถปฏิบัติการบินขึ้น ลง ของเครื่องบินขับไล่ประจำเครื่องรบนี้ เป็นก้าวสำคัญมาก เนื่องจากเป็นปฏิบัติการที่เสี่ยงอันตรายมาก ความสำเร็จมิอาจเป็นไปได้เพียงในชั่วข้ามคืน การทดลองนี้ดำเนินมาหลายครั้งตั้งแต่ก่อนที่เรือฯเหลียวหนิงจะประจำการในกอง ทัพเมื่อเดือนก.ย.” หลี่ เจี๋ย ผู้เชี่ยวชาญด้านนาวีในปักกิ่ง กล่าว                ชมภาพการซ้อมบินขึ้น ลง จากอากาศยานเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง เมื่อวันที่ 20 พ.ย. (ภาพ ซินหวา)                                                                                         เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนชื่อ "เหลียวหนิง" เดิมเรียก "วาร์ยัค" เข้าประจำการกองทัพเรือเมื่อเดือนก.ย. 2555

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000143736

   ขอบคุณมากครับท่าน Akula   ดูจากวีดีโอแล้ว  เครื่องบินน้ำหนักราวๆ 20 ตัน  สามารถขึ้นโดยสกีจัมพ์ได้ด้วยระยะทางไม่น่าเกิน 150 เมตรเท่านั้น   ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ Jas-39 สามารถขึ้นจากสกีจัมพ์ของเรือแบบจักรีได้    แต่ตอนลงนี่สิปัญหาใหญ่   

   STOBAR  มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างต่ำกว่า CATOBAR  เพราะไม่ต้องมีคัสตาพลัสต์   น่าสนใจนะครับ   หวังว่าถ้าโครงการเรือบรรทุกบ.ลำที่สองกลับมาพิจารณาอีกครั้ง (เพราะตอนนี้เอเชียกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆจากการที่แต่ละประเทศใหญ่ๆเริ่มประจำการด้วยกองเรือบรรทุกบ.)     เราน่าจะพิจารณา SOTBAR มากกว่า  CATOBAR ตามแบบเดิมที่เคยพิจารณา   ราคาน่าจะถูกลง หรือได้เรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 40,000 ตันขึ้นไปบ้าง

ขึ้นแบบไม่มีตัวช่วยเลยอย่างนี้ แน่นอนจริงๆ ผมว่าตอนนี้พวกประเทศที่มีข้อพิพาทกับเฮียแก คงจะต้องปรับแผนกันบ้างละ