หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เรดาร์ AESA

โดยคุณ : toeytei เมื่อวันที่ : 20/11/2012 17:25:28

คิดว่าทุกคนคงรู้จักเรดาร์ easa กันนะครับ ว่าเป็นระบบที่ใหม่ที่สุดดีที่สุดในโลก แต่ดียังไงนั้นแต่ก่อนผมก็ไม่เคลียร์ จนไปไล่อ่านไล่ค้นดู เลยอยากนำมาแชร์กันครับ เผื่อใครยังไม่รู้(ประมาณว่ากริฟเฟ่นเอ็นจีติดเรดาร์อีซา ขนาดใต้ฝุ่นยังไม่มีเลยนะเว้ย แกงบฯหมดก่อนเลยไม่ได้พัฒนาต่อ)

ข้อมูลมาจากวิกิเป็นหลักเลยครับ 

 

ข้อแตกต่างในการทำงานของเรดาร์แบบ pesa (passive electronically scanned array) กับ aesa (active electronically scanned array)


ในเรดาร์แบบ pesa ซึ่งเป็นแบบหลักในเครื่องบินยุคปัจจุบัน หรือ phase array redar นั้น จะมีแหล่งกำเนิดสัญญาณแหล่งเดียว  ซึ่งจะส่งสัญญาณวิทยุออกมาเป็นจังหวะสั้นๆ จากนั้นจะมีตัวแยกสัญญาณออกเป็นหลายๆสาย แล้วเชื่อมกับจานรับ-ส่งสัญญาณ (antenna) สัญญาณจะถูกส่งออกไปหลายๆทิศทาง เมื่อกระทบกับเป้าหมายก็จะสะท้อนกลับมา จานรับ/ส่งสัญญาณผ่านเข้ารีซีฟเวอร์แล้วคำนวนระยะทาง+ทิศทางของเป้าหมายจากสัญญาณที่สะท้อนกลับมา  เรดาร์แบบนี้ยังสามารถควบคุมสัญญาณที่ส่งออกไปแต่ละสายได้ ว่าจะชะลอบางสาย หรือโฟกัสสัญญาณไปยังจุดใดจุดหนึ่ง หรือหลายๆจุดได้ อย่างที่เราทราบกันว่า เรดาร์ (เครื่องบิน/เรือรบ ฯลฯ)สามารถติดตามเป้าหมาย หรือล็อคเป้าหมายได้คราวละหลายๆ(เป็นหลักสิบๆ)เป้าหมาย พร้อมกับแสกนท้องฟ้า พื้นน้ำ/ดิน ตรวจการณ์ไปด้วย 

มากันที่เรดาร์ aesa บ้าง เรดาร์ชนิดนี้แทนที่จะมีแหล่งกำเนิดสัญญาณตัวเดียว เซ็นเซอร์โมดูล (transmitter/receiver module, TRM) บนจานรับสัญญาณแต่ละตัวกลับเป็นเอกเทศจากกัน เป็นทั้งตัวส่งตัวรับแถมยังสร้างสัญญาณเองไปในตัว เรียกว่าออลอินวันเลย ทำให้สามารถส่งสัญญาณทีเดียวได้หลายคลื่นความถี่พร้อมกัน (แบบ pesa สามารถส่งได้หลายคลื่นความถี่เช่นกัน แต่ไม่สามรถส่งที่เดียวหลายความถี่) เนื่องจากแต่ละโมดูล (ที่เห็นเป็นจุดๆบนหน้าจานสัญญานเรดาร์อีซานั่นแหละครับ) สามารถส่งสัญญาณได้หลายความถี่ โดยปกติคอมฯที่ควบคุมจะส่งความถี่ออกมาแบบแรนดอม ขณะที่ระบบแสดงผลก็จะรวมข้อมูลเข้าด้วยกันหมดแสดงผลบนจอ 

ข้อดีของเรดาร์แบบอีซ่าที่เหนือกว่าเรดาร์แบบอื่นๆก็คือ

 

 1 การตรวจถูกจับต่ำ  
ปกติแล้ว สัญญาณเรดาร์ที่ส่งออกไปจากเครื่องบิน กว่าจะไปถึงเป้าหมายแล้วสะท้อนกลับมา สัญญาณที่สะท้อนกลับมาจะอ่อนกว่าที่ส่งออกไปมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ระยะที่ทางฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตัวว่ามีเราอยู่ในบริเวณ จะไกลกว่าระยะที่เราจะตรวจจับฝ่ายตรงข้ามได้ (กว่าเราจะปิดระยะเข้ามาจนสัญญาณแรงพอที่จะสะท้อนกลับมาถึงเครื่องเรา) ระบบตรวจจับแจ้งเตือน RWR (redar warning receiver ) จะทำงานโดยการ รับสาญญาณที่ส่งมาถึง แต่เพราะนอกจากสัญญาณเรดาร์แล้วยังมีเคลื่อนรบกวนอีกมาก ระบบตรวจจับจึงต้องเก็บข้อมูลสัญญาณมา
ประมวลผล หากพบเคลื่อนความถี่ได ที่ปล่อยออกมาเป็นจังหวะซ้ำๆก็สันนิษฐานว่าเป็นเรดาร์จากข้าศึก จากนั้นก็นำเคลื่อนความถี่ไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มี บวกกับทิศทางที่จับได้ก็จะสามารถประมาณการณ์ได้ว่าไอ้เรดาร์นี้ส่งมาจากไหน เช่น เป็นเครื่องบินขับไล่ข้าศึก เรือข้าศึก มิสไซล์ข้าศึก เครื่องบินบัญชาการ ฯลฯ 

แต่เนื่องจากเรดาร์อีซาสามารถส่งสัญญาณได้ทีเดียวหลายคลื่นความถี่ ผลก็คือระบบตรวจจับเป็นงง เพราะแยกไม่ออกว่าไหนคลื่นรบกวนหรือคลื่นเรดาร์ขณะ เดียวกันเรดาร์พีซาก็ถือว่าตรวจจับได้ยาก เนื่องจากการส่งสัญญาณแต่ละครั้งจะเปลี่ยนคลื่นความถี่ไปเรื่อยๆ ระบบที่จะตรวจจับเรดาร์อีซาได้จึงต้องมีความละเอียดสูงกว่าทั่วไป สามารถแยกแยะสัญญาณได้ละเอียด

2 การแจมเรดาร์ทำได้ยาก
ปกติการแจมเรดาร์ข้าศึกทำโดยการส่งสัญญาณรบกวนที่ตรงกับคลื่นความถี่ที่อีกฝ่ายใช้อยู่ (รู้ได้จากการตรวจจับสัญญาณฝ่ายตรงข้าม) ทำให้ฝ่ายตรงข้ามงงว่าอันไหนสัญญาณสะท้อนที่ตัวเองส่งออกไป อันไหนคลื่นรบกวนที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา  เรดาร์อีซาบ่ยั่นครับ เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามส่งสัญญาณแจมมาก็รบกวนได้คลื่นความถี่เดียว ขณะที่เราส่งออกไปหลายสิบคลื่นความถี่ ฉะนั้นเราก็ยังสามารถเก็บข้อมูลได้เป็นปกติ ฝ่ายตรงข้ามสามารถเลือกการส่งคลื่นรบกวนแบบเทกระจาด คือส่งคลื่นรบกวนออกไปทุกความถี่ แต่ก็ทำให้ความแรงของแต่ละคลื่นลดลงไป เพราะต้องเฉลี่ยๆพลังงานกันไปแต่ละความถี่ ทำให้โอกาสที่สัญญาณจะแรงพอที่จะรบกวนฝ่ายเราก็น้อยลงไป)
ที่เหนือกว่านั้นคือ ขณะฝ่ายตรงข้ามจะแจมเราก็เปิดระบบพาสซีฟมันเลย เนื่องจากเซ็นเซอร์โมดูลสามารถทั้งรับทั้งส่งข้อมูล ความสามารถในการรับสัญญาณของเรดาร์ชนิดนี้จึงสูง สามารถเปิดเรดาร์เป็นโมดพาสซีฟแล้วติดตามเป้าหมายได้สบายๆ ขณะที่ระบบเรดาร์แบบเก่าตัวรับสัญญาณในการเปิดโมดพาสซีฟต้องแยกอีกชิ้นต่างหาก ขณะที่อีซ่าทำทุกอย่าง 

นอกจากนี้เรดาร์ชนิดนี้ยังสามารถใช้ในการส่งข้อมูลกันได้ เนื่องจากมีรีซีฟเว่อร์ที่ทรงพลัง ในการทดลองของบริษัท northrop ,lockheed, l-3 communication เอฟ 22 สามารถส่งข้อมูลด้วยเรดาร์ที่ความเร็ว 548 กิ๊กกะไบท์ต่อวินาที เร็วกว่า link 16 ที่ส่งข้อมูลได้ 1 เมกกะไบท์ต้อวินาที ซึ่งเป็นดาต้าลิงค์มาตรฐานของอเมริกากับนาโต้ปัจจุบันด้วย 

ความเสถียรของเรดาร์ชนิดนี้ยังสูงมากอีกด้วย เพราะหากเกิดการล้มเหลวของเซ็นเซอร์ ก็ไม่เป็นไรเพราะ
เซ็นเซอร์แต่ละตัวแยกกัน ตัวอื่นๆก็ยังทำงานต่อได้
แถมอีกนิดนะครับ เป็นข่าวลือ (คงไม่มีใครเชื่อ ฮ่าๆ) ในอเมริกา ว่าระบบเรดาร์ของเอฟ 22 สามารถเปิดโมดการโจมตีทางอิเล็กทรอนิค เพราะมันแรงโคตรๆ สามารถแจมเครื่องบินอื่นจนตก คือล่อจนระบบอิเล็กทรอนิครวนหมดว่างั้น หรือเข้าควบคุมระบบอิเล็กทรอนิคฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งรัฐบาลอเมริกาไม่เคยเปิดเผยว่ามีระบบนี้  ก็มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ

พูดถึงการแจม ในอดีต สมัยสงครามโลกตอนท้าย ที่ฝ่ายนาซีมีจรวดร่อนนำวิถีด้วยวิทยุโจมตีเรือ ฝ่ายอเมริกาสามารถแจมจรวดดังกล่าวได้เป็นผลสำเร็จ จนถึงตอนท้ายๆพัฒนาจนสามารถบังคับจรวดฝ่ายตรงข้ามได้ เทคโอเวอร์ว่างั้น แล้วบังคับบินลงน้ำ อันนี้เรื่องจริงครับ





ความคิดเห็นที่ 1


จริงหรือครับที่ว่าของอเมริกันดี แล้วทำไมโดรนรุ่นล่าสุดของไอ้กัน ถึงได้ถูกอิหร่านสอยได้ล่ะครับ

โดยคุณ money เมื่อวันที่ 20/11/2012 11:24:01


ความคิดเห็นที่ 2


- พูดถึงเรดาร์ ไม่ได้พูดถึงประเทศ  

- easa ออกแบบมาใหม่โดยเอาประสบการณ์และปัญหาเรดาร์แบบดั้งเดิมมาเป็นโจทย์ ดีกว่าเก่าอยู่แล้ว

โดยคุณ ajaydf เมื่อวันที่ 20/11/2012 11:33:27


ความคิดเห็นที่ 3


โดรนอเมริกายังไม่เคยโดนสอยร่วงนะครับ ที่อิหร่านนั่นมีสองกรณี อันแรกคือ rq-170 อันนั้นน่าจะระบบขัดข้องมากกว่า เพราะเนื้อตัวยังเรียบร้อย ถ้าโดนยิงคงระเบิดไปแล้ว  กรณีนั่นอิหร่านอ้างว่าใช้ระบบสงครามอิเล็กโทรนิกส์ทำการเทคโอเวอร์การควบคุม ซึ่งก็คงเวอร์ตามสไตล์อิหร่าน

กรณีที่สอง อเมริกาบอกว่าอิหร่านยิงจริง แต่ไม่โดน แล้วอเมริกาหนีออกจากน่านฟ้าอิหร่านก่อน

โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่ 20/11/2012 12:49:20


ความคิดเห็นที่ 4


  First European Fighter  รายแรกที่ติด เรดาร์ AESA แล้วเข้าประจำการ น่าจะเป็น RAFALE ครับ เพราะตอนนี้ RAFALE C รหัส C137 ลำล่าสุดที่ออกจากโรงงาน ก็มาพร้อมกับ เรดาร์ AESA แล้วครับ  พร้อมจำหน่ายให้กับ อินเดีย ในมาตรฐานเดียวกันแล้วด้วย

 

   ส่วน Eurofighter Typhoon รู้สึกว่า เรดาร์ AESA จะพัฒนาเสร็จ และพร้อมส่งมอบพร้อมกับเครื่องบิน ในช่วงปี 2015 ครับ

 

   

 

 

โดยคุณ TOP SECRET เมื่อวันที่ 20/11/2012 17:25:28