ดูแล้วเจ๋งดี
ผมว่าประสิทธิภาพน่าจะใกล้เคียงกับ F-15 ที่หลายคนต้องการอยู่
ผมว่าตัวนี้มีโอกาสเกิดในประเทศเรามากกว่า F-15 นะครับ
ตอนนี้กำลังทดลองบินเพื่อประเมินประสิทธิภาพกันอยู่ คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า คงเริ่มทำตลาดได้
โหลดอาวุธได้เยอะขึ้น ถังน้ำมัน 2 ถัง สามารถโจมตีในทางลึกได้ เครื่องยนต์ตัวใหม่แรงกว่าเดิม เรดาห์ตัวใหม่ตรวจจับพวก stealth ต่างๆได้
ตำบลติดอาวุธใต้ท้องเครื่อง เพิ่มมาจากหนึ่ง เป็นสอง ผลจากการออกแบบฐานล้อนหลังใหม่
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ พลอากาศจัตวา Arne Hedén ที่ปรึกษาอาวุโสประจำผู้อำนวยการสำนักยุทโธปกรณ์ทางทหารสวีเดน เข้าเยี่ยมคำนับ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อแสดงความยินดี และให้ข้อมูลทางทหารที่เกี่ยวข้องกับโครงการ GRIPEN 39 C/D โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของ GRIPEN NG ที่สวีเดน ลงนามขายให้กับ ทอ.สวิสเซอร์แลนด์ เพื่อเป็นข้อมูลให้ ทอ.ไทย
มีแนวโน้มที่น่าสนใจใช่ไหมครับ ท่านท้าวฯ ส่วนตัวในอนาคตถ้าหากกองทัพอากาศเปลี่ยนแปลงความสนใจจาก F-35A ผมมองว่าตัวนี้น่าสนใจกว่า F-15SE มากในแง่ของค่าใช้จ่ายและความคุ้นเคยกับเครื่องชนิดนี้
ทำไมตอนนาทีที่ 2.23 ที่เห็นดาวเทียมโคจรรอบโลก ถึงได้เป็นภูมิภาคอาเซียน เห็นประเทศไทยเต็มๆ เลยหละครับ
มีนัยอะไรมั๊ยหนอ
ประสิทธิภาพน่าจะใกล้เคียง F-16 block 60 มากขึ้น แต่น่าจะยังมีความสามารถบรรทุกได้น้อยกว่า F-16 อยู่ดี แต่ก็ไปชดเชยที่ RCS ที่ต่ำกว่า F-16 เพราะเป็นเครื่อง Gen 4.5 ในขณะที่ F-16 เป็น GEN 4 และหวังว่าเรด้าร์ Raven น่าจะมีประสิทธิภาพใกล้เคียง APG-80 นะครับ ส่วนระยะปฏิบัติการนั้นไม่แน่ใจว่าจะเทียมเท่า F-16 + CFT หรือไม่ เพราะ Jas-39 NG ไม่มีถัง CFT แบบ F-16 ถ้าต้องใช้ถังเชื้อเพลิงแบบปลดทิ้งติดตั้งที่ hardpoint ที่ปีก จะทำให้เสียพื้นที่ติดตั้งระบบอาวุธไป
และสุดท้าย ราคาขาย หวังว่ามันจะถูกลงมาพอๆกับ F-16 block 60 ได้ ถ้าทำได้ก็น่าสนใจ แต่ถ้าทำไม่ได้ และราคาแพงพอๆกับ F-35A F-35A ก็น่าเล่นกว่าต่อไป
ส่วนวีดีโอ presentation น่าจะแสดงว่า SAAB พุ่งเป้ามาที่ตลาดเอเชียเป็นหลัก ถ้าแผนงานพัฒนาอุตสาหกรรมอากาศยานที่ถูกหยิบมาปัดฝุ่นใหม่และญี่ปุ่นกลับมาลงทุนต่อ งานนี้เราน่าจะสานความร่วมมือกับ SAAB มากขึ้นถึงขั้นร่วมผลิตและทำตลาดแบบที่ ทบ.ร่วมมือกับทางยูเครนนะครับ
ถ้าราคาน่าสนใจ และทำราคาได้ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญได้(พอๆกับ F-16 block60) แบบนี้ถ้าซื้อ F-35A จำนวน 2 ฝูง เราอาจจะซื้อ Jas-39 NG ได้ 3 ฝูง เออแบบนี้ค่อยน่าเล่นมากขึ้นมากครับ ถึงแม้ผมจะชอบเครื่องแบบ SU-30/34/35 หรือเครื่องอย่าง F-15se แต่ไหนๆก็ไหนๆ ถ้าจะ Jas-39 ก็ควรเป็นเครื่องแบบเดียวกันทั้งหมดไปก็ดีแบบว่า
ฝูงสกัดกั้น 3 ฝูงเป็น Jas-39 c/d
ฝูง strike fighter เป็น Jas-39 NG จำนวน 3 ฝูง
แบบนี้ดูเข้าท่า แล้วให้ทาง SAAB ย้ายการฐานการผลิตมาที่ไทยด้วย อย่างนี้จะน่าสนที่สุด
แต่จากรูป NG เล็กขนาดนี้ จะเอามาเป็น Strike fighter ไหวเหรอ...... F-16 block 60 ดูน่าจะเหมาะกว่า
และถ้าทอ.เริ่มแบบนี้ ทร.ก็อาจจะเอี่ยวด้วยเพราะ sea gripen ก็พัฒนาจาก NG เช่นกัน ทร.น่าจะต้องการอย่างน้อยก็ 1 ฝูงล่ะเพื่อทดแทน A-7 และถ้าตามแผนเก่าสิบกว่าปีก่อน ก็ต้องการ F-18 อีก 1 ฝูง ดังนั้นถ้าทร.ยังต้องการฝูงขับไล่อยู่อีกตามแผนเดิม ทร.ก็อาจจะจัดหา 2 ฝูงได้ ถ้าเสนอแบบนี้แล้วขอให้ SAAB ย้ายฐานการผลิต อย่างนี้รวมยอดความต้องการของทั้ง ไทย สวีเดน และ สวิส แบบนี้อาจจะทำให้จำนวนการผลิตมากพอที่จะทำให้ราคา gripen NG ลดลงได้พอๆกับ F-16 block 60 อย่างนี้น่าเล่นสุดขีด เพราะเราจะสามารถแสดงตนเป็นกลางได้มากขึ้นมากในสถานะการณ์ที่จีนกับอเมริกาจะมาสร้างยุคสงครามเย็นอีกครั้งหนึ่ง
เฉพาะไทย
ทอ. ต้องการ c/d อีก อย่างน้อย 40 (รวม 3 ฝูง 54 เครื่อง)
ถ้าเลือก NG แทน F-35A และเพิ่มฝูงบินขึ้นอีก 1 ฝูง ก็ต้องจัดหา NG 54 เครื่อง
ทร. เดิมต้องการ 1 ฝูงโจมตี 1 ฝูงขับไล่ ประจำเรือบรรทุกบ.เบา ก็ต้องจัดหา sea gripen จำนวน 2 ฝูง 36-40 เครื่อง
แค่ไทยก็ปาเข้าไป 54+54+36 = 144 เครื่อง! เป็น NG + sea gripen ก็ปาไป 90 ตัว
รวมยอดของ ทอ. สวิส 22 เครื่อง ยอดของสวีเดน 50-60 เครื่อง เกือบ 200 เครื่องแล้ว ราคาน่าจะลงมาอีกมากทีเดียว โดยต้องเสนอให้ย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยด้วย แต่จำนวนขนาดนี้ ทอ.ต้องวางเป็นแผนระยะยาวและต้องการความต่อเนื่องของโครงการอย่างน้อยก็ 10 ปีขึ้นไปเลย และต้องเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนจริงๆ ซึ่งซีกนี้ดูจะบ้าพลังอุตสาหกรรมอยู่
F-16 BLOCK60 ราคาประมาณ 80ล้านดอนล่าร์
F-35A ราคาประมาณ 154 ล้านดอนล่าร์
Grippen C/D ราคาประมาณ 30 ล้านดอนล่าร์
ไทยมีเครื่องบินขับไล่ 5 ฝูง
F-5 1 ฝูง , Jas C/D 1 ฝูง , F-16 3 ฝูงโดย รอMLU 1 ฝูง
โจมตี 2 ฝูง
L-39 กับ Alpha Jet
คิดซะว่า Grippen NG ราคา เท่า F-16 BLOCK 60
ตามความเห็นท่าน : neosiamese2 เราจะซื้อ Grippen C/D 40 ลำ 1,200 ล้านดอนล่าร์ 36,000 ล้านบาท อันนี้มีความน่าจะเป็นไปได้และราคาที่ซื้อนี้จะทนแทน F-5 และ F-16ได้ 1 ฝูงคราวนี้ก็จะเหลือทนแทนอีก 1 ฝูง
คราวนี้จะซื้อ Grippen NG อีก คือ3 ฝูง 54 เครื่อง 4,320 ล้านดอนล่าร์ถ้าราคาเท่ากับ F-15-60นะโดยทอ ซื้อจริง 2 ฝูงเป็นการเพิ่มเครื่องบินขับไล่จากเดิม 1 ฝูง อีก 2,160 ล้านดอนล่าร์ 64,800 ล้านบาท รวมหมดนี่ 100,800 ล้านบาท ทอ แบกรับ 10 ปี 10,080 ล้านบาท+ลบค่าอาวุธด้วยอีก 1,000ล้านบาท
ผมว่า น่าสนครับแต่มาลงทุนในประเทศเรารัฐบาลต้องช่วยค่าลงทุนภาคอุตสาหกรรมด้วยสิถ้าได้ครบเราก็จะมีเครื่องบินขับไล่ 5 ฝูง พร้อมอุปกรณ์เสริมอีรีย์อายและสถานีภาคพื้นอีกเท่านี้ก็น้ำลายไหลแล้ว แต่ NG นี้ทำภาระกิจครองอากาศกับโจมตีเชิงรุกได้ไหมครับ
ชอบตรงที่ว่าเรด้าห์ ตรวจหาพวก สเตล ต่างๆได้นี่ซิ!!!!หมัดเด็ด อย่างอื่นงั้นๆ
ผมยังไม่เคยอ่านเจอจากไหนว่าเรดาร์เรเวนตัวนี้จับเครื่องบินเสตลธ์ได้ ดีกว่าเรดาร์อื่นๆเป็นพิเศษ
ช่วยแชร์กันหน่อยก็ดีครับ ถ้ามีข้อมูลเรื่องนี้
เพราะข้อมูลเสป็คเรดาร์ตัวนี้ก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็น
ที่เคยอ่านที่ลงในหนังสือแทงโก้ ฉบับประมาณเดือน ตุลาคม หรือ พฤศจิกายน นี่ล่ะไม่แน่ใจเดี๋ยวไปค้นก่อน
เป็นคำสัมภาษของเจ้าหน้าที่บริษัทซาบ เขาบอกว่าเรดาห์ตัวนี้(ราเวน)เป็นเรดาห์แบบ EASA มีโหมดการทำงานหลายโหมด คือภาคพื้นดิน พื้นน้ำ อากาศ สร้างภาพแผนที่ความละเอียดสูง แต่ในคำสัมภาษไม่ได้บอกว่าตวจจับพวกสเตลต์ได้และก็ไม่ได้บอกว่าระยะตรวจจับเท่าไหร่แต่ก็น่าจะเกินกว่า 120 ก.ม.อยู่
ขอไปค้าดูก่อนนะครับเดี๋ยวเอามลงประมาณว่าหนังสือแทงโก้จะท่วมห้อง อิอิ
อ้อลืมบอก เดือนตุลาคม ปี 2554 นะครับ ^^
แต่ปัญหามันอยู่ที่ราคา gripen NG นี่แหล่ะครับ ราคาที่ขายให้สวิสนั้นสูงมหาศาล กว่า 4000 ล้านบาททีเดียว แพงกว่า F-35A ซะอีก ราคา 2 เท่าของ F-16 block60 ซึ่งต้องบอกว่าถ้าทำราคาให้ลงไปต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญไม่ได้ อนาคตของ gripen NG มืดมนเอาเรื่องเลยครับ จริงๆราคาควรต้องพอๆกับหรือต่ำกว่า F-16 block60 ด้วยซ้ำครับ นั่นล่ะถึงจะน่าเล่นตามที่บอกเลย จริง F-16 block 60 เหมาะจะนำมาเป็น strike fighter ได้ครับ เพราะเป็นเครื่องขนาดกลางแล้ว หนัก 10 ตัน สามารถบรรทุกอาวุธได้กว่า 8 ตัน คือ พอๆกับ SU-30 และมีกำลังขับสูงถึง 33,000 ปอนด์ ซึ่งแรงขับต่อน้ำหนักจะดีกว่า Gripen NG ด้วยซ้ำ บรรทุกอาวุธได้ดีกว่า NG มีถังเชื้อเพลิง CFT จะทำให้สามารถบรรทุกอาวุธและเชื้อเพลิงไปได้ไกลกว่า NG มาก แม้ว่าจะมี RCS สูงกว่าก็ตาม เรด้าร์ APG-80 สามารถตรวจจับได้ไกลถึง 300 กม. ซึ่งเหนือกว่า APG-68 v9 ราวๆ 25% เกือบเท่าขีดความสามารถเรด้าร์ N011M ของ SU-30 ทีเดียวครับ ถ้าทำราคาต่ำกว่า F-16 block60 ไม่ได้ ก็ไม่น่าเล่น ถ้าจะไม่เล่น F-35A ก็ไปเล่น F-16 block 60 จะดีกว่าด้วยซ้ำ
ถ้าราคายังแพงขนาดนี้ต่อไป F-35A คงเป็นคำตอบต่อไปครับ
พิมพ์ไปเยอะหายหมด
เรด้าร์ APG-80 สามารถตรวจจับได้ไกลสุดประมาณ 300 กม. สำหรับเป้าขนาดใหญ่ ถ้าเป็นเป้าขนาดเล็กแบบเครื่องบินขับไล่ ประมาณ 1 ตารางเมตรนั้น ผมไม่มีข้อมูลครับ แต่จากความสามารถการ tracking ของเรด้าร์แบบต่างๆ และตรวจจับบ.ขับไล่ของเรด้าณืชนิดอื่นๆ เดาว่า APG-80 น่าจะตรวจจับเป้าเครื่องขับไล่ได้ที่ระยะประมาณ 150-180 กม. ครับ
และด้วยเทคโนโลยีของอเมริกาด้านเรด้าร์ที่สูงกว่าทางอิตาลี เดานะครับว่า Raven น่าจะมีประสิทธิภาพพอๆกับ APG-68V9 เท่านั้น คือ ประมาณ 250 กม. สำหรับเป้าขนาดใหญ่ และน่าจะต่ำกว่า APG-80 สำหรับเป้าขนาดเล็กแค่ 1 ตารางเมตร
บอกได้คำเดียวว่า Gripen NG ไม่น่าจะดีไปกว่า F-16 block 60 แต่ประการใดๆ ถ้าจะเอามาเป็น strike fighter แล้ว F-16 ดูจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำครับ
แต่ถ้าเพื่อมุ่งหวังด้านพลังทางอุตสาหกรรมแล้ว ถึงจะน่าเล่น NG แต่ต้องราคาพอๆกับ F-16 block60 นะครับ
สำหรับผม ถ้าจะหา strike fighter สำหรับ F15SE ถึงอยากได้สหรัฐก็ไม่ขาย อย่างมากก็ F15SG เท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายมากเกินไป ดังนั้นผมมอง 2 ตัว คือ F16 block 60 , block 52 plus ติด data link อีกตัวคือ Jas39 NG โดยผมจะวิจัยติด CFT ให้ Jas39NG เพื่อให้สามารถติดอาวุธเพิ่มใต้ปีกอีก 2 จุด จำนวน 3 ฝูง บิน กระจายตามสนาบบินชั้นใน เช่น โคราช(ดูแลภาคอีสานทั้งหมดอละภาคตะวันออกบางส่วน) ตาคลี(ดูแลภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันตกตอนบน) อีกที่ผมเพิ่มเอาเองที่กำแพงแสน (ดูแลภาคตะวันตกตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบน ภาคตะวันออกที่ติดทะเล) และผมจะมีอีก 3 ฝูงอยุ่ตามสนามบินชั้นนอกเป็น Jas39CD เช่น ที่เชียงใหม่ สุราษฯ และแถวอุดรหรืออุบล ส่วน F16 MLU ก็ให้อยู่ที่ตาคลีเหมือนเดิม F16AB ก็ที่โคราชเหมือนเดิม แบบนี้ใครจะบุกเข้ามาก็คิดหนักแล้วครับ
แต่ถ้า JAS39NG แพงกว่า F16 block 60 มาก ก็ต้องเอา F16 ไว้ก่อนแต่ต้องมี data link ด้วยเท่านั้น
ในใจลึกแอบเชียร์ตัวนี้ F-16IN ที่สหรัสเสนอในโครงการ Indian MRCA คุณสมบัติเหนือกว่า F-16C/D Block 52+ เทียบเท่ากับ F-16 Block 60 อยู่ใน Gen 4.5 ถ้าสหรัฐไม่กักเทคโนโลยีก็ดีเลยทีเดียว ถ้าสหรัฐกักเทคโนโลยีไว้แถมเรื่องมาก aim 120 + data Link เข้าไปอีก ถ้าอย่างนั้นเลือก gippen NG ดีกว่า
http://www.saabgroup.com/en/About-Saab/Newsroom/Press-releases--News/2012---7/Gripen-NG-flying-with-Raven-ES-05-AESA-radar/
แนวความคิดท่าน Rayong คล้ายผมเลยครับ
แต่ถุงอย่างไรก็อยากให้ ทอ. มีเครื่องโจมตีทางลึกหรือครองอากาศแบบ 2 เครื่องยนต์อย่างน้อยสัก 1 ฝูงครับเพื่อประกันได้ว่าเราสามารถไปถึงหน้าบ้านท่านได้เหมือนกัน
แล้วถ้ามองกริฟเพ่น NG ถ้าจะเอามาป็นสไตส์ไฟเตอร์ผมดูมันเล็กเกินไปเหมาะที่จะเป็นพวกสวิงโรลตามที่ออกแบบไว้แต่แรกมากกว่า หรือเป็นพวกอินเตอร์เว็ฟเตอร์ทดแทน
ปู่ F-5 ทั้งหมด แต่ถ้าบอกว่าราคามันแพงกว่า F-16 B.60 ก็ถ้าเกิดเราอยากซื้อจริงๆแล้วเราไม่ได้ ดาต้าลิ้งค์+อัมราม มาด้วยมันจะน่าสนตรงไหน ผมยังมองกริฟเพ่นใน
มุมที่ดีในการเป็น อินเตอร์เซ็ฟเตอร์หรือสวิงโรลอยู่ เพราะอถึงจะแพงกว่าแต่เราได้มาครบทั้ง ดาต้าลิ้งค์+ ไอริส-ที เมธิออร์ แล้วลองให้ทางซาบพัฒนาถังน้ำมันแนบข้างลำตัว
เพิ่มอีกนิดมันก็น่าจะเป็นไปได้ เหมือนขับเฟอร์รารี่อย่างเท่แต่เครื่องเสียงดังง้องแง้ง เบาะหนังเทียม ประมาณนั้น
ขออภัยครับรูปอวตาลใหญ่ไปกำลังแก้ไข...^^
สวิสรับไปตกลำละเกือบ 150 ล้านเหรียญ
ผมว่าไม่เหมาะหรอก ราคาขนาดนี้ได้ SU-30 2 ลำครึ่ง
เอาส่วนต่างมาจ่ายค่าน้ำมันแพงๆ ค่าโอเวอร์ฮอล สรุป 20 ปีก็ราคาเท่ากัน
เพียงแต่ ซู จะดีกว่าเยอะ
หรืออีกช๊อย ทอร์นาโดของเยรมัน เอามาอุดช่องว่าไปก่อน
รอท่าเรือทวาย-รถไฟความเร็วสูง สร้างเสร็จ GDP คงพุ่ง ตอนนั้นค่อย ขยับไปหาอย่างอื่นดีกว่า
F-16 IN เวอร์ชั่นนี้ดุูน่าสนใจมากนะครับ จ๊าบ.....แต่เคยเห็นแบบจำลองของ IN ทางเน็ตก็หน้าตาคล้ายๆ F-16 block 60 สงสัยนี่จะเป็นรุ่น upgrade จริงของ F-16 แบบว่าแทบออกแบบใหม่เลยนะนี่ ราคาจะมิแพงลิ่วเลยหรือครับ ช่องรับอากาศยังกะ J-10 ตัว upgrade ล่าสุด แต่แผนแบบปีกดูแล้วเหมือนเครื่อง Mirage2000 ซึ่งดูจะไม่เหมาะในการโจมตีภาคพื้นดินเท่าไรครับ เพราะเครื่องจะเกิดอาการสคอลง่ายขึ้นและสั่นมากขึ้นเมื่อมีความเร็วต่ำลง ซึ่งเครื่องโจมตีมักจะใช้ความเร็วก่อนการปล่อยอาวุธไม่มากครับ ปีกลู่หลังแบบเดิมของ F-16 เหมาะสมสำหรับภาระกิจโจมตีมากกว่าครับ แจาการปรับปรุงช่องรับอากาศนั้นน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับ F-16
แต่เพื่อนๆก็กล่าวถูกเรื่องหนึ่งครับ อเมริกันนี่เรื่องมาก กั๊กสุดๆ ถ้าดีลแบบนี้ น่าจะติดต่อทั้ง SAAB และ LOCKHEED มันทั้งคู่ดีที่สุดครับ ผมว่า SAAB ทำได้แน่สำหรับถึง CFT เพราะเครื่อง Rafale ของฝรั่งเศสยังสามารถทำได้เลย แม้ว่า Jas-39 NG ดูไม่ค่อยเหมาะสำหรับภาระกิจ strike fighter นัก แต่มันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพลังทางอุตสาหกรรมและการดำเนินความเป็นกลางของประเทศ ถ้าทำแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายอาจจะเสนออะไรดีๆแบบสุดๆให้เราก็ได้ ยิ่งอเมริกาและยุโรปกำลังถังแตกแบบนี้อยู่ด้วยครับ รวมยอดกับทร.ด้วย จำนวนขนาดที่บอก ผู้ขายแทบฆ่ากันตายแน่ๆครับ
ผมว่า CFT นั้นไม่น่าจะยาก ถ้าเราพร้อมและซื้อจริงสวรเดนคงจัดสร้างให้ได้ครับ เพราะ rafale ก็ทำ typoon ก็ทำ แม้แต่ J-10 ก็ทำครับ