คือตามที่ผมเข้าใจนะครับ MK18 คือ M4A1 ที่มีขนาดลำกล้อง 10.3 เลยอยากจะถามอะครับ ว่ามันมีความสมบุกสมบัน เช่น ลุยน้ำ ลุยโคลน คลุกฝุ่น พอๆกับปืน M4A1 ไหมอะครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ส่วนตัว ไม่เคยยิง mk18 เลย
เคยยิงแต่ m4a1 รูปร่างเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าระบบการทำงานจะเหมือนกันหรือไม่ รวมทั้งวัสดุที่ใช้ทำด้วย
แต่โดยส่วนตัว ถ้าประสิทธิภาพเท่า m4a1 ก็คงไม่เท่าไหร่ ต้องดียิ่งกว่า เพราะ m4a1 ก็ jam บ่อยเหมือนกัน
แต่ดีหน่อยที่ เบาดี เพราะเป็น อลูมิเนียม อัลลอย
โดยคุณ general เมื่อวันที่
07/11/2012 17:38:52
ความคิดเห็นที่ 2
ต่างกันนิดเดียว
http://en.wikipedia.org/wiki/Close_Quarters_Battle_Receiver
โดยคุณ
Banyat เมื่อวันที่
07/11/2012 18:52:01
ความคิดเห็นที่ 3
ทั้ง Mk 18 และ M 4 A 1 มันก็คือ ปลส. ปืนเล็กสั้น หรือคาร์ไบน์ในตระกูล M 16 ทั้งคู่ ระบบปฏิบัติการเป็น แก๊สแบบพ่นโดยตรง Gas Direct impingement เหมือนกัน ชิ้นส่วนเหมือนกัน 98% ดังนั้นการใช้งานในลักษณะที่ จขกท. ตามก็คือ เหมือนกัน
ส่วนที่แตกต่างกันหลักๆคือ ความยาวลำกล้อง และแบบของการยิงครับ
Mk 18 (จริงๆมันมี 2 รุ่นใหญ่คือ Mk 18 mod 0 และ Mk 18 mod 1 ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายอย่าง แต่ขอเอาที่สำคัญๆละกันครับ) เกิดจากการความต้องการปืนเฉพาะหน่วย ลำกล้องยาว 10.3 , 10.5 นิ้ว โครงปืนส่วนล่าง lower receiver เป็นของ ปลย. M 16 A 1 ดังนั้นแบบของการยิงจึงมี 2 แบบคือกึ่งอัตโนมัติ และ อัตโนมัติเต็มตัว
M 4 A 1 ลำกล้องยาว 14.5 นิ้ว lower receiver มี 2 แบบการยิงคือ ยิงกึ่งอัตโนมัติ และ เบิร์ส 3 นัด
lower receiver ของ M 16 , M 16 A 1 และตระกูลคาร์ไบน์ กับ M 16 A 2 เป็นต้นไปและในตระกูลคาร์ไบน์ นั้นมีรูปทรงภายนอกที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อยครับ มีจุดสังเกตอยู่
สำหรับแบบการยิงอัตโนมัติ 2 แบบในตระกูล M 16 คือ อัตโนมัติเต็มตัว และ เบิร์ส 3 นัด นั้นส่วนตัวแล้วหากผู้ใช้มีทักษะการใช้ปืนที่สูงแล้วแบบอัตโนมัติเต็มตัวอ่อนตัวกว่า เพราะสามารถเลือกยิงเป็นชุดได้หลากหลาย ทั้ง 3 นัด 4 นัด 5 นัด หรือมากกว่า ขึ้นอยู่ที่ปลายนิ้วที่เหนี่ยวไก แบบ เบิร์ส 3 นัดมีข้อเสียอยู่ 1 อย่างคือ หากบิดคันบังคับการยิงไปที่ Burst แล้วเหนี่ยวไกยิงถ้าหากคืนไกก่อนที่กระสุนจะลั่นออกไปครบ 3 นัด การเหนี่ยวไกครั้งต่อไปกระสุนจะลั่นตามจำนวนที่เหลือจนครบ 3 นัดครับ เช่น เหนี่ยวไกครั้งแรกกระสุนลั่นออกไป 2 นัด แล้วคืนไกก่อน เหนี่ยวไกครั้งต่อไปกระสุนจะลั่นออกไปเพียงแค่ 1 นัด เท่านั้นแม้เราจะยังไม่คืนไก(เหนี่ยวไกค้างไว้) ต้องคืนไกก่อนจึงจะเหนี่ยวไกลั่นกระสุนต่อได้ ซึ่งตรงนี้หากผู้ยิงยังมีความคุ้นเคยต่ำ การยิงในโหมดในลักษณะดังกล่าว อาจจะสงสัยจนถึงพาลเอาได้ว่า ปืนติดขัด เพราะเหนี่ยวไกค้างไว้แต่กระสุนมันไม่ลั่นต่อ
ข้อดีอย่างหนึ่งของปืนตระกูล M 16 คือ อะไหล่ใช้งานร่วมกันได้ 99% ดังนั้นบางครั้งรายละเอียดปลีกย่อยอาจจะเป็นในลักษณะของแต่ง รวมถึงการเรียกชื่อที่ไม่เหมือนกันในบางหน่วย ดังนั้นบางครั้งการเรียกชื่ออาจสร้างความสับสนได้ เช่น CQB-R เป็นความต้องการขั้นต้นของบางหน่วยที่ต้องการปืนในรูปแบบที่เหมาะสมกับภารกิจหลักของตน เริ่มต้นเร่งด่วนจึงนำเอาโครงปืนส่วนบน upper receiver ที่มีลำกล้องยาว 10.3,10.5 นิ้ว มาประกอบเข้ากับ lower receiver ของ M 4 A 1 (ข้อดีอีกอย่างของตระกูล M 16 เช่นหากเรามี lower receiver พร้อมชุดชุดเดียวแล้วมี upper receiver พร้อมลำกล้องในแต่ละขนาด เช่น ลำกล้อง 20 นิ้ว,18 นิ้ว แมทย์เกรด,14.5 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว เราก็จะเหมือนมีปืน 4 กระบอกในแต่ละความต้องการ โดยเพียงแค่สลับ upper receiver ชุดนั้นๆ) และพัฒนาต่อจนกลายเป็น Mk 18 mod 0 และ mod 1 ตามลำดับ
เคยยิงปืนตระกูล M 16 ลำกล้องยาวขนาดต่างๆ สิ่งที่ชัดเจนคือ ยิ่งลำกล้องสั้น การระเบิดที่ปากลำกล้องยิ่งรุนแรงและเสียงดังกว่าครับ
โดยคุณ
FW190 เมื่อวันที่
08/11/2012 03:35:00
ความคิดเห็นที่ 4
โดยคุณ
Banyat เมื่อวันที่
08/11/2012 12:29:35