หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


คิดว่าไทยจะได้ แบล็กฮอว์ค 3 ลำ และ รถฮัมวี่ 1,150 คัน หรือไม่ครับ

โดยคุณ : piyabhut เมื่อวันที่ : 08/11/2012 13:07:11

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ   กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศ จัดการสัมมนาหัวข้อ “ก้าวต่อไปของไทยและภูมิภาค ภายหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ” โดยนายสุจิต บุญบงการ ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวว่า ไม่ว่าใครก็ตามจะชนะในการเลือกตั้งดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย ไม่มาก ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพราะนโยบายไม่ต่างไปจากเดิม อีกทั้งในการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพลับริกันไม่มีการเอ่ยถึงกลุ่มประเทศอาเซียน มีเพียงแต่การพูดถึงประเทศจีนในด้านเศรษฐกิจและการค้า แต่กลับไม่ค่อยมีการพูดถึงด้านความมั่นคงที่จีนหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกกำลังมีบทบาททางทหารอย่างมาก ซึ่งจะมีผลต่อการต่างประเทศ  แต่สหรัฐฯยังคงมองจีนว่าเป็นประเทศที่ต้องถูกเฝ้าจับตา โดยเฉพาะกองทัพเรือของจีน  

ด้าน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ถือว่ามีคงามใกล้ชิดกัน ที่ผ่านมา สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือทางทหารมาตลอด แม้จะมีความลุ่มๆดอนๆจากสถานการณ์ในไทยหรือในสหรัฐฯเอง หรือจากตัวผู้ช่วยทูตทหาร อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้มีบุคคลสำคัญของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น แทบทุกๆ 2 สัปดาห์ เพราะสหรัฐฯอยากให้ไทยมีบทบาทสำคัญในอาเซียน และสหรัฐฯต้องการเข้ามามาสอบถามถึงความเป็นไปในพม่า โดยให้ไทยเป็นประตูที่เชื่อมต่อไปถึงพม่า รวมถึงติดตามสถานการณ์ในบริเวณทะเลจีนใต้

พล.อ.นิพัทธ์ กล่าวอีกว่า ในการที่ปลัดกระทรวงกลาโหม และคณะผู้แทน 3 เหล่าทัพ ได้เดินทางไปหารือกับตัวแทนระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ ที่ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น เราได้บอกกับสหรัฐฯว่าเราเคยเป็นพันธมิตรนอกนาโต้ ซึ่งทำให้เรามีสิทธิ์ได้รับการแบ่งปันหรือซื้ออาวุธที่สหรัฐฯเหลือใช้ ในราคาถูก ซึ่งล่าสุดเราได้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ค 3 ลำ รถฮัมวี่ที่สหรัฐฯเตรียมไว้ให้ตามที่กองทัพบกของไทยร้องขอซื้อ 1,150 คัน และเราได้พูดถึงการฝึกคอบร้า โกลด์ รวมถึงสหรัฐฯได้ชื่นชมไทยในการส่งกำลังทหารไปร่วมกองกำลังสันติภาพที่เมืองดาฟูร์ และการส่งเรือไปร่วมหมู่เรือที่ปราบโจรสลัดในอ่าวเอเดน นอกจากนี้ ทั้งไทยและสหรัฐฯยืนยันว่าทุกประเทศต้องมีสิทธิ์เสรีในการใช้น่านน้ำและน่านฟ้าทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 พ.ย.นี้  นายลีออน พาเนตตา รมว.กลาโหมสหรัฐฯ จะเดินทางมาเยือนไทย ในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะมีการหารือข้อราชการต่างๆ ก่อนจะเดินทางไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน(เอดีเอ็มเอ็ม) ที่ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้เราจะใช้โอกาสดังกล่าว รับฟังว่าท่าทีของกองทัพสหรัฐฯจะเป็นอย่างไร.

 

ที่มา http://www.dailynews.co.th/politics/164203





ความคิดเห็นที่ 1


โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าราคาไม่แพงก็น่าสนครับ

ไม่ต้องห่วงว่ามันเก่ามันโทรม ฮัมวี่นะครับไม่ใช่มิร่า

ไครที่พอมีความชอบเรื่องรถจะเคยได้ยินเรื่องtoyota LN106คานแข็งกันบ้าง

นี่มันพ่อของLN106เลยทีเดียว1150คันแบ่งให้ทัพอื่นทัพละ200คันโอ้...มโหราน

ว่าแต่เหยี่ยวดำแค่3ลำเองน่าจะขอซัก12ครบฝูงไปเลยงบผูกพัน3-4ปี

โดยคุณ aeeclub เมื่อวันที่ 02/11/2012 16:39:47


ความคิดเห็นที่ 2


รถฮัมวี่มือสองไม่น่าเอานะครับ อาจจะไม่เหมาะต่อภารกิจภาคใต้มากนักที่ต้องเสี่ยงกับระเบิด IED 

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 02/11/2012 16:54:10


ความคิดเห็นที่ 3


เหมือนบังคับเลือกข้างในสงครามเย็นครั้งใหม่

ให้ผมเดา อีกไม่นาน จะมีโปรโมชั่นจากจีนลอยมาเหมือนกัน

โดยคุณ fulcrum37 เมื่อวันที่ 02/11/2012 17:57:21


ความคิดเห็นที่ 4


หากคิดจะซื้อ HV มือสอง ควรหันมาซื้อ Firswin ของไทยแทนดีกว่าไหม จะได้ช่วยต่อยอดอุตสาหกรรม ของไทยให้แข็งแกร่งขึ้น และภาคเอกชนก็พร้อมอยู่แล้ว

โดยคุณ Borderland เมื่อวันที่ 02/11/2012 18:13:46


ความคิดเห็นที่ 5


ถ้าเอาฮัมวี่เข้ามา แล้วรถต้นแบบเครื่องวีโก้ล่ะครับ สงสัยอาจจะต้องพับกระดานเก็บเข้ากรุ

ส่วนแบล็กฮอว์ค 3 ลำนั้น สนับสนุนเต็มที่ครับ

หน้าจะบริจาค AH-64 มาให้ด้วยนะ ^^ ขอสัก 10 ลำ เอาไปไว้บน 911

โดยคุณ spooky เมื่อวันที่ 02/11/2012 18:44:23


ความคิดเห็นที่ 6


รถฮั่มวี่ ผมไม่สนับสนุน  เพราะของคนไทยก้มีอยู่แล้ว จะซื้อมาทำไมอีกเก่าก็เก่า   แถมกินน้ำมันอีก สู้มาซื้อของคนในประเทศไทยไม่ดีกว่าเหรอ อย่างเจ้าFirst Win  

ส่วนแบล๊กฮอว์ค นั้นซื้อมาเถอะครับ กำลังขาดอยู่ ซื้อได้ผมไม่ขัด ขัดแต่รถฮัมวี่เนี้ยแหละ

โดยคุณ kok129 เมื่อวันที่ 02/11/2012 18:50:31


ความคิดเห็นที่ 7


ผมมองว่าฮัมวี่ เป็นอะไหล่ยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าเอามาประจำการคงไม่เห็นด้วย คิดว่าจะผ่านการใช้งานอย่างหนัก

ฮ.ด้องดูสภาพเป็นอย่างไรใช้งานหนัก ชำมาก ก็ไม่ไว้

โดยคุณ kus911 เมื่อวันที่ 02/11/2012 19:16:48


ความคิดเห็นที่ 8


      สำหรับรถ HV ความสามารถคงสู้พวกรถหุ้มเกราะไม่ได้แน่ ๆ ในแง่ของความคงทนต่อแรงระเบิด ถ้าได้มาจริงคงบรรจุในอัตราหน่วยปกติมากกว่าพวกรถบังคับการ รถบริการ เป็นพวกรถลาำกพวก ค.หนัก  กับใช้เป็นอะไหล่อาจจะมีการถอดซ่อมกินตัวกันก็ได้ ล็อตแรกดูเหมือนอะไหล่ยังไม่ค่อยพร้อม (ตรงนี้แค่ได้ฟังเขาพูดมาอีกที อาจไม่ถูกต้องก็ได้) ถ้าได้มาราคาไม่แพงน่าจะมีผลดีครับ ไว้ใช้เป็น "รถรบ"

โดยคุณ เด็กบ้านนอก เมื่อวันที่ 02/11/2012 19:35:36


ความคิดเห็นที่ 9


    ดูเหมือนไม่ใครเลยอยากได้ฮัมวี่   ผมเองก็ว่าไม่น่าเล่น   เล่น Firstwin ของเราเองดีกว่า   ส่วนแบล็กฮอร์คเห็นว่าราคา 1300 ล้าน   ก็ ok ถูกลง 500 ล้าน    แล้ว OHP ของป๋าจูลล่ะไม่รู้เป็นไงเลย   หัวข้อข่าวนี้ไม่เห็นกล่าวถึง

  ผมสนใจดีล  OHP  จริงๆนะนี่

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 02/11/2012 21:58:03


ความคิดเห็นที่ 10


มโหฬาร ไม่ใช่ มโหราน

่น่าจะบริจาค ไม่ใช่ หน้าจะบริจาค

เรื่องเรือ มีรุ่นน้อง(น่าจะเป็นรุ่นหลาน)สมัยเรียนมัธยมเขียนไว้ที่เว็ป http://aagth1.exteen.com/20121101/oliver-hazard-perry เรื่องความคุ้มค่า

ฮัมวี่อย่าเอามาเลย ส่วนฮ.เปลี่ยนเป็น อาปาเช่ ได้ไหม 

ด้านความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐก็เหมือนที่เขาบอกได้แต่อาวุธเหลือใช้จริงๆ ไม่ได้เทคโนโลยี หันหน้าหาจีนดีกว่าแยะเห็นหน้าเห็นหลังชัดเจนเขาไม่ไว้ใจก็บอกเราตรงๆ

เช่นเรือดำน้ำชั้นซ่ง ถ้าเราจะเอาจีนจะออกแบบให้ใหม่เพราะเราใกล้ชิดกับสหรัฐเขาก็พูดกับเราตรงๆ 

โดยคุณ yam เมื่อวันที่ 02/11/2012 22:08:32


ความคิดเห็นที่ 11


ผมสนับสนุนนะครับ ดีกว่าให้ทหาร นั่งวีโก้ที่ไม่มีแม้แต่เกาะ อย่างน้อยก็ไม่โดนกระสุน m-16แน่นอนส่วนเรื่องซ้อมผมว่าซ้อมกินตัวไปเรื่อยๆ เอามันไปใช้เฉพาะ 3 จังหวัดเท่านั้น ส่วนตัวรถที่เหลือ มาขายให้ประชาชน เน้นว่าเป็นเฉพาะ ตัวรถ ที่ไม่มีเกาะ ไม่มีปืน มีคนซื้อแน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าจะขาดทุนหรือกำลัยหรือป่าว ทาง กลาโหมน่าจะหาคำตอบเรื่องนี้ได้

 ทำไมผมถึงสนันสนุน เท่าที่ติดตามข่าวมา ทบ.แทบไม่ให้ความสนใจในตัวเสรีชัยเลย ที่ซื้อไปทดสอบมีไม่ถึง10คันเลยมั้ง (ข่าวเมือนานมาแล้วนะว่า กระทรวงมหาดไทยซื้อเสรีชัยไปเยอะที่สุด แต่จำ จำนวนไม่ได้ พร้อมกันนั้น ทบ. ซื้อไปทดสอบไม่กี่คัน แต่หลังจากข่าวนี้ก็ไม่ได้ยิน ข่าวว่าใครซื้อเสรีชัยเลย) 

 ถ้าถามว่าผมสนับสนุน เสรีชัยหรือปล่าว คำตอบคือผมสนันสนุน ล้าน% (ก็รถเกาะสันชาติไทย ใครไม่สนับสนุนก็บ้าแล้ว)

ถ้าความต้องการรถเกาะของภาคไต้เยอะจริงๆ ฮัมวี่ที่ เมกา จะขายให้ตอนนี้คือคำตอบสุดท้ายสำหรับทหารแน่นอน ชีวิตทหาร 1 ท่านมีค่าเยอะกว่าื รถฮัมวี่มือ2+ค่าน้ำมัน+ค่าซ้อมบำรุง 

ส่วนเรื่องที่ เมกา เสนอมาผมว่า มันเสนอมาเป็นแพ็ึคเกจแน่นอน ได้ฮัมวี่มาถือซะว่าเป็นของแถม แหะๆ ก็แกเล่นปล่อยแบ็คฮอคมาตั่ง3ลำ+เครื่อง เอฟ 16 มาอีก5เครื่อง เรือฟริเกตอีก สองลำผมว่าคุมค่านะ

แต่ยังก็ขอให้ ผบ.ทุกๆเหล่าทัพสนใจเสรีชัยบ้างเถอะ ซื้อของไทย ใช้ของไทย ชาติเจริญ อย่างน้อยๆ ซื้อไปลองใช้ ใน3จังหวัดให้เยอะกว่าวีโก้

โดยคุณ kapooknet200 เมื่อวันที่ 02/11/2012 22:28:52


ความคิดเห็นที่ 12


การขายให้ในครั้งนี้ เป็น โปรแกรม EDA

Excess Defense Articles (EDA) are defined in the Foreign Assistance Act (FAA) as amended, section 644(g), as:

…the quantity of defense articles (other than construction equipment, including tractors, scrapers, loaders, graders, bulldozers, dump trucks, generators, and compressors) owned by the United States Government, and not procured in anticipation of military assistance or sales requirements, or pursuant to a military assistance or sales order, which is in excess of the Approved Force Acquisition Objective and Approved Force Retention Stock of all Department of Defense Components at the time such articles are dropped from inventory by the supplying agency for delivery to countries or international organizations under this Act.

The Military Departments determine what is or is not excess, and after surveying requirements by potential recipient countries, recommend an allocation of excess assets to the EDA Coordinating Committee. The Committee, co-chaired by Defense Security Cooperation Agency and the Department of State/PM-RSAT, with representatives from the Department of Commerce and regional and functional policy offices in the Department of Defense, agree on a final allocation of the articles. Equipment which has been transferred from the Military Departments to the Defense Reutilization and Marketing Service (DRMS), is also available for transfer through the EDA program if an eligible foreign government makes known its requirements for the equipment.

EDA is offered either at reduced or no cost to eligible foreign recipients on an "as is, where is" basis. The foreign recipients, in most cases, are responsible for the costs of packing, handling, and transportation, as well as any restorative work and follow on support. Foreign recipients may purchase such services from the Department of Defense through the Foreign Military Sales (FMS) program.

The Department of Defense is authorized by law to transfer excess defense articles to foreign governments under the following authorities:

  •  
    • Section 516 of the Foreign Assistance Act of 1961, as amended, authorizes grant transfers of lethal and non-lethal EDA to countries which receipt of such articles were justified to Congress for the fiscal year in which the transfer is authorized.
    • EDA may also be sold to foreign countries under the normal FMS system authorized by the Arms Export Control Act (AECA). When EDA is sold, the price is a percentage of the original acquisition value, based on age and condition and ranges between 5% to 50% of the original acquisition. These transfers are notified under section 525 of the annual Foreign Operation and Appropriation Act and are shown as 546 transfers in the system.

All grant recipients must sign agreements pursuant to Section 505 of the FAA agreeing to end use restrictions and giving the U.S. first right to proceeds of any sale.

Information on classified transfers have been removed from this database, as has information on potential offers which have not yet been notified to Congress. Prior to notification, to Congress, the decision to provide EDA is not yet final and disclosure of potential offers is not possible.

The following information on each notified transfer is available:

  •  
    • The recipient country
    • The item(s) to be transferred and the quantity of each
    • The implementing agency for each transfer (Army, Navy, Air Force, or the Defense Logistics Agency (DLA) for transfers made through DRMS).
    • The notified acquisition value and current value of the equipment. For grants, the current value is the value at which the equipment would be sold through FMS if it was not being granted.
    • The status of the transfer (notified to Congress, notification period complete, or implementing agency authorized to transfer) and the date of the latest status change.

DSCA is currently working with the Military Departments and DLA on the process for automated uploading of information on acceptance, rejection, and delivery into this database. Information will include the quantity accepted, rejected, or delivered and the date of acceptance, rejection or delivery.

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 02/11/2012 22:47:11


ความคิดเห็นที่ 13


โดยโปรแกรม EDA นี้ จะหมายถึง อาวุธที่ สหรัฐ ตรวจสอบแล้วว่า เกินความจำเป็นในการมีประจำการของ สหรัฐ และจะขายให้กับ ประเทศนาโต้ หรือ พันธมิตร นอกนาโต้

โดยราคาที่จะขาย จะอยู่ระหว่าง 5% ถึง 50% ของราคาการได้มาของ สหรัฐ...

ซึ่งตามข่าว เหมือนกับว่า สหรัฐ จะขายให้ในราคาพิเศษ ที่ลดลงมาจากที่ คณะกรรมการตั้งราคาไว้...

ซึ่ง ฮ.แบล็คฮอร์ค นี่ ก็อาจจะเป็น ฮ.รุ่น L ที่เป็น รุ่นสุดท้ายของการผลิต ที่เหลือจากความต้องการ อาจจะขายให้ในอัตรา 50%

ส่วน ฮัมวี่ อาจจะลดได้ถึง 5% ของราคาสหรัฐ เช่น สมมติ ต้นทุนการได้มาของ รถล็อตนี้ คันละ 140,000 เหรียญสหรัฐ...(วิกี พีเดีย)

สหรัฐ อาจจะ ขายให้ในราคา 5% (อัตราต่ำสุด) ของ 140,000 เหรียญ คือ ตกคันละ 7,000 เหรียญ ก็ได้..(ประมาณ 230,000 บาท) ซึ่งอันนี้ ไม่รู้ว่าขายให้เท่าไหร่...

และถ้า เข้าใจไม่ผิด...เป็นที่ เราแจ้งความต้องการไป ครับ...

ซึ่ง ตามข่าว ที่ออก...น่าจะหมายถึง ทางฝ่ายไทย เป็นผู้ขอเสนอซื้อ...

แต่ ผู้ซื้อ จะต้องเป็นผู้จัดการ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเอง...หรือ อื่น ๆ ที่ผู้ซื้อต้องการเช่น การปรับปรุงสภาพ...

สมมติ เรือ โอลิเวอร์ ฮาซาร์ด เพอร์รี่...ต้นทุนเรือ ประมาณที่ ลำละ 70 ล้านเหรียญ...สหรัฐ อาจจะขายใน โปรแกรม EDA ในอัตรา 5% - 50% ก็จะเป็นประมาณ 3.5 ล้านเหรียญ ถึง 35 ล้านเหรียญ...( 116 ล้านบาท ถึง 1,160 ล้านบาท )

ในความเข้าใจของผม นะครับ....

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 02/11/2012 23:04:55


ความคิดเห็นที่ 14


มี F16 ,AH64 ,harrier มั้ยครับ  ผมว่าเอาพวกนี้ดีก่วา

โดยคุณ boatxp เมื่อวันที่ 02/11/2012 23:23:44


ความคิดเห็นที่ 15


ราคา ประมาณ 70 ล้านเหรียญ นี่คือราคาตัวเรือเปล่าๆ ของสหรัฐตอนรับเข้าประจำการไม่รวมระบบต่างๆ เรดาห์ และระบบอาวุธ ใช่ไหมครับ

หรือเป็นราคารวมทุกระบบแล้วไม่รวม ลูกอาวุธปล่อยกับกระสุนเฉยๆ

 

ถ้าได้มาครบทุกอย่างตอนเขาปลดประจำการหมาดๆ ลำละ 1,200 ล้านบาทไทย ก็เอามาเถอะครับ 4 ลำ 4,800 ล้าน ถ้าซื้อ 2 ลำ 2,400 ล้าน ถูกกว่าต่อ opv อีก

ใช้ต่อต้านเรือดำนำ้ ใช้ช่วงแรก 5 - 10 ปีแล้วค่อย refurbish + up grade อาวุธปล่อย

เผลอๆ เอา ของเรือพุทธ มาแกะ เอา ASROC + Harpoon + Phalanx เพิ่ม ก็จบแล้ว

 

ขอถามความเห็นท่านจูดาสว่า โอกาสที่จะไปช้อน เรือชั้น Adelaide class ของ ออสซี๋ ตอนเขาปลดระวาง เนี่ยจะเป็นไปได้ไหมและน่าสนใจไหมครับ เห็นว่าจะปลดเร็วๆนี้และเจ้านั้นเขาอัพเกรดครบแล้ว หรือผมเข้าใจผิด ลำที่อัพเกรดแล้วเขายังจะไม่ปลดหว่า

โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 02/11/2012 23:30:47


ความคิดเห็นที่ 16


สาธุ

ขอให้เรือฟรีเกต แค่ 5%

3.5ล้านพอ

โดยคุณ lfazuru เมื่อวันที่ 02/11/2012 23:33:16


ความคิดเห็นที่ 17


   อ้าวกลายเป็นว่าทางฝ่ายเราเป็นคนเสนอซื้อซะเองหรือครับนี่    ขอบคุณมากนะครับป๋าจูล    สงสัยงานนี้  OPV 3 ลำที่เหลือ คงได้รอขันหมากเก้อซะแล้วเพราะเราต้องการเรือฟรีเกตต่อต้านเรือดำน้ำก่อน

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 03/11/2012 00:17:10


ความคิดเห็นที่ 18


ความเห็นผมเป็นการเข้าใจของผมนะครับ...ไม่รับรอง ความถูกต้อง

แต่จากข่าวล่าสุด ที่ ทร.ไตหวัน ได้ OHP ในราคา ลำละ 20 ล้านเหรียญ (660 ล้านบาท)...ก็น่าจะเป็นในความหมายนี้ครับ...

ในโปรแกรม EDA ผมไม่แน่ใจว่า เหมือน FMS หรือเปล่า นะครับ...

โครงการ FMS นั้น ในการเปลี่ยนแปลงที่ผิดแผกไปจากวัตถุประสงค์เดิม ต้องได้รับความยินยอมจาก สหรัฐ ก่อนครับ..

แม้แต่ เรือรบมือสอง ที่เราจัดหามาจาก สหรัฐ ตามโครงการ FMS ที่ปลดระวางไปแล้ว...แม้จะบริจาคให้เป็น อนุสรณ์ หรือ จม ทำปะการัง...ก็ต้องส่งเรื่องให้ สหรัฐ ยินยอมเพื่อจำหน่ายทิ้ง ก่อนครับ..ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด นะครับ...มันเป็นระเบียบกฎหมายของเขา...เหมือนกับ นอกเหนือวัตถุประสงค์ จากการช่วยเหลือครับ...หรือเราอาจจะจำหน่ายขายทอดตลาดได้...แต่เมื่อได้เงิน ก็ต้องนำเงินมาจัดซื้ออาวุธในโครงการ FMS ต่อครับ...แต่ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร...

ส่วนของ ออสซี่ คงอีกนานพอสมควรครับ...เพราะต้องรอการ ปรเะจำการ ด้วย เรือป้องกันภัยทางอากาศ ชุดใหม่ ประจำการก่อนครับ..

และคาดว่า ของ ออสซี่ ก็น่าจะมาจาก โครงการ FMS ครับ...คงไม่สามารถจำหน่ายให้ ประเทศอื่นได้...ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจาก สหรัฐ (2 ลำ แรก ของ ออสซี่ ที่ปลดระวาง ก็ถูกจม เป็นปะการัง เรียบร้อยครับ)

ส่วนราคาที่ผมอ้างถึง ก็น่าจะเป็นเฉพาะมูลค่าตัวเรือ ครับ...

ดังนั้น ถ้าเราจะปรับปรุง OHP ก็คงต้องมีข้อตกลงแต่แรกครับ...เพราะอย่าง ตุรกี ก็ยังสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้...แต่เมื่อวัตถุประสงค์เปลี่ยน ราคาก็อาจจะเปลี่ยนตามได้ครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 00:21:14


ความคิดเห็นที่ 19


เป็นความเห็นส่วนตัวครับ....ท่าน neosiamese2 ไม่รับรองความถูกต้องครับ...

ตามที่อ่านจาก กูเกิ้ล แล้วใช้คำแปลภาษา...

คือ สหรัฐ เขาจะมีโปรแกรม EDA เป็นปกติอยู่แล้วครับ...น่าจะทำมาตั้งแต่ปี 1961...

เขาก็จะมี List รายการอาวุธของเขา...ซึ่งประเทศพันธมิตร ก็จะรับรู้ข้อมูล ของเขา หรือเขาอาจจะแจ้งให้ทราบ เป็นระยะ ๆ...

ซึ่ง กลุ่มประเทศนาโต้ หรือ กลุ่มประเทศพันธมิตรนาโต้ หรือ พันธมิตรเก่าแก่...ก็ต้อง ร้องขอ จัดซื้ออาวุธ ตาม List เหล่านั้น (คล้าย ๆ โครงการ FMS แหล่ะครับ...เราต้องร้องขอ)

และเขาจะมี คณะกรรมการตั้งขึ้นมา เพื่อพิจารณาและกำหนดราคา...(น่าจะเหมือนการ ขายทอดตลาด นะครับ...แต่ไม่มีการประมุล จะแตกต่างจาก โครงการ FMS ที่เป็นของผลิตใหม่โดยร่วมซื้อกับสหรัฐ เพื่อลดต้นทุุนการผลิต...สว่น EDA เป็นการขายเหลือใช้ และเกินความจำเป็น หรือ ไม่มีความต้องการใช้แล้ว)

ซึ่ง โครงการ P-3T และ A-7 ของ ทร. และ ฮ.ท.1 (EDA) ของ ทบ. ก็น่าจะมาจากในโปรแกรมนี้ครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 00:32:42


ความคิดเห็นที่ 20


ซึ่ง ถ้า ทร. จัดหา OHP มาจริง จำนวน 2 ลำ...ก็เป็นคนละโครงการกับ OPV ครับ...

เพราะวัตถุประสงค์ของ ทร. ก็น่าจะใช้การ ทดแทน เรือชั้น พุทธฯ...

คงไม่มีผลกระทบกับ โครงการเรือ OPV...

เพียงแต่ การ อัพเกรด อาจจะไม่มี...หรือ ถ้ามีการอัพเกรด ก็คงต้องใช้ บริษัทฯ ในสหรัฐ เป็นผู้ปรับปรุงครับ...

แต่ถ้าได้ในราคา ลำละ 660 - 1200 ล้านบาท แต่ได้ระบบโซนาร์ และ ระบบต่อต้านเรือดำน้ำมาครบชุด ของ เรือชุดนี้...ผมว่า ก็คุ้มแล้วครับ...

ถ้าเป้าหมาย คือ การทดแทน เรือชั้นพุทธฯ

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 00:40:57


ความคิดเห็นที่ 21


เอาเท่าที่นึกออกนะครับ
ในกองพันทหารราบมาตรฐาน(ยานยนต์)และทหารราบเบานั้น ยานพาหนะจะเป็นอจย.ของส่วนสนับสนุนการรบและส่วนสนับสนุนการช่วยรบของกองพัน แต่ทั้งหมดในที่ตั้งปกติจะฝากไว้กับ มว.ยานยนต์ทั้งหมด เพราะจะมีส่วนซ่อมบำรุงอยู่

จะกล่าวถึงเฉพาะ รยบ.(รถยนต์บรรทุก)สายสรรพาวุธ(ป้ายพื้นขาวตัวอักษรสีแดง)อย่างเดียว ส่วนพวก รยบ.สายขนส่ง(ป้ายพื้นดำตัวอักษรสีขาว เอ หรือพื้นขาวตัวอักษรสีดำหว่า ลืม :D :D:lol: :lol: ) พวก รถบัส รถกระบะ รถตู้ รถกระป๋อง ทั้งหลาย ไม่ขอพูดถึงละกันครับ(เพราะลืมแระว่ามันใช้คำว่าอะไร รู้อย่างเดียวว่า เรียกโครตยาว :lol: :lol: :lol: )

รยบ.สาย สพ. ณ ปัจจุบันในหน่วยกองพันทหารราบข้างต้นมีแบบหลักๆไล่จากเล็กไปใหญ่ดังนี้
รยบ. 1/4 ตัน ตระกูล M151 ซึ่งก็จะมีอยู่ 3 แบบหลักคือ แบบมาตรฐาน,แบบพยาบาลและ แบบที่ติดตั้ง ปรส.ขนาด 106 มม.
รยบ. 1/4 ตัน M 50/M51 (ศัพท์บ้านๆจะเรียกกันหลายแบบเช่น รถต้นแบบ,รถชัยปราการณ์,กระบะดัดแปลงภายในประเทศ แต่ที่แน่ๆ กองพลบ้านๆ เรียกว่า รถต้นแบบ ส่วนตัวเคยไปพูดให้กองพลอื่นได้ยิน โดนเหน็บมาว่า บ้านนอก เขาเรียกว่า M 50 :lol: :lol: :lol: ทุกวันนี้เลยพยายามกะแดะเรียกให้ลูกน้องติดหูว่า รถ เอ็ม ห้าศูนย์ แต่จนแล้วจนรอด เพื่อความง่ายและกัน งง ทุกวันนี้เกือบทั้งกองพลก็ยังเรียกกันว่า รถต้นแบบอยู่ดี :lol: :lol: :lol: ) ซึ่งมีแต่แบบมาตรฐาน
รยบ. 1 1/4 ตัน (U) หรือ ยูนิม็อค
รยบ. 1 1/4 ตัน (H) หรือ ฮัมวี่ ซึ่งก็มีแต่แบบมาตรฐาน
รยบ. 2 1/2 ตัน ตระกูล M 35 ทั้งหลาย ซึ่งก็มีทั้งออริจินัลตะวันตก,ตะวันออก พวงมาลัยซ้าย พวงมาลัยขวา พวงมาลัยเพาเว่อ พวงมาลัยเพาเย่อ ผสมปนเปกันอยู่ (ที่แน่ๆมันจะมีบางตัวที่ด้านท้ายรถมีคำว่า KIA Motor นี่ถ้าลูกน้องรู้ความหมายของคำว่า KIA ทางทหารละก็ ไม่รู้จะกล้านั่งกันหรือเปล่า เพราะ KIA มันคือ Killed In Action :lol: :lol: :lol: )
รยบ. 2 1/2 ตัน 4x4 อีซูสุ เอฟทีเอส (ขวัญใจช่วงน้ำท่วมนั่นเอง)

ต่อไปก็มาไล่คร่าวๆว่า รยบ.แบบต่างๆนั้น มันใช้ทำอะไรบ้าง 
มว.ลว. ใช้ ฮัมวี่ (หรือจะบอกว่าไอ้เจ้า ฮัมวี่ทั้งกองพันมันก็คือของ มว.ลว.ก็ได้ :D :D ) แรกเริ่มเดิมทีเลยคือ เอ็ม 151 ติด ปก. ซึ่งเป็นการทดแทนข้ามขนาดของรถเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยภารกิจแล้วส่วนตัวว่าเหมาะสมครับ
มว.ตถ.(ต่อสู้รถถัง) ในกองพันทหารราบเบา หรือ ตอน.ปรส. ใน กองพันทหารราบมาตรฐาน (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจุบันกำลังจะปรับเป็น มว.ป.จต.:หมวดปืนโจมตี ซึ่งฟังดูเท่ห์ดีแหะ นึกถึงเจ้า Stug III ยังไงก็ไม่รู้ :D :D ) ใช้เจ้า เอ็ม 151 รุ่นติดปรส.106
มว.สร.:เสนารักษ์ จะมี เอ็ม 151 ตัวพยาบาล
มว.ค.81 ในกองพันทหารราบเบา หรือ ตอน.ค.81 ในกองพันทหารราบมาตรฐาน จะใช้ ยูนิม็อค

ร้อย.อวบ. จริงๆไม่มี รยบ.ใน อจย. แต่ในการรบ หน่วยจะพิจารณาจัด รยบ.มาสนับสนุนจำนวน 2-3คันคือ
เจ้า เอ็ม 151 พร้อมพ่วงสัมภาระท้าย 1 คัน และ รยบ. 2 1/2 ตัน หรือบ้านๆเรียกว่า รถยีมซี,จีเอ็มซี พร้อมพ่วงเทลเล่อน้ำ 1 คัน (หรือบางหน่วยอาจจะจัด ยูนิม็อค ให้อีก 1 คัน) หน้าที่หลักๆคือ
เอ็ม 151 สำหรับใช้ในทางธุรการของกองร้อย จริงๆมันเป็นรถของ ผบ.มว.ค.60 ไม่ใช่ รถของ ผบ.ร้อย.แต่อย่างใด หลักๆที่ใช้เลยคือ ใช้สำหรับพาชุดรับคำสั่ง ไป รับคำสั่งยุทธการของกองพัน ซึ่ง ผบ.ร้อย. จะได้นั่งรถก็เฉพาะตอนนี้นี่แหละครับ ที่เหลือนั่งรถก้าวก้าว และก้าววววววว อย่างเดียว :D :D :lol: :lol: 
รถจีเอ็มซี ใช้สำหรับบรรทุกสัมภาระรบของกองร้อย ซึ่งหากรบจริงมันจะเต็มไปด้วย สป.5 ตามอัตรามูลฐานของอาวุธทั้งหมดที่มีในกองร้อย แต่ในการฝึกไม่มี สป.ดังกล่าว จึงนิยมใช้วิ่งไปรับอาหารที่ประกอบให้แล้วที่สูทกรรมกองพัน(ทหาราบเบา) สูทกรรมกองร้อย(ทหารราบมาตรฐาน) ซึ่งจริงๆมันไม่น่าจะถูกหลักการ เพราะหลักการคือ ส่วนหลังวิ่งมาจ่ายให้กับส่วนหน้าที่ตำบลเลี้ยงดูของกองร้อย เพราะตามที่กล่าวข้างต้นหากเบิก สป.5 ตามอัตรามูลฐานจริงๆ รถดังกล่าวจะอัดแน่นไปด้วย สป.5 ทั้ง กระสุนและวัตถุระเบิด พื้นที่บรรทุกไม่เหลือ แถมเป็นรถ คาร์บอมบ์ ดีๆนี่เอง จะให้ไปวิ่ง ปุเลงๆ ไปๆมาๆ ทุกวันก็ใช่ที่อยู่ (มีเรื่องขำขันเล็กๆ ในการฝึกครั้งหนึ่ง สองกองร้อยในแนวหน้า กองร้อยหนึ่ง พลขับรถจีเอ็มซี หนุ่มแน่น แต่อีกกองร้อย อาวุโสสุดๆ ก็ไม่รู้ว่าใครจ่ายรถหรือเบิกรถกันอย่างไร คนหนุ่มได้รถใหม่พวงมาลัยเพาเว่อ ส่วนคนแก่ เอ๊ย อาวุโสสุดๆ ได้รถเก่า พวงมาลัย เพาเย่อ พื้นที่ขบวนสัมภาระรบของกองร้อยต้องมีการซ่อนพรางเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนพื้นที่แคบครับ แต่ด้วยความที่ต้องเอารถไปรับข้าวพร้อมเติมน้ำทุกวัน ดังนั้นต้องออกตอนตี 4 ทุกวัน พื้นที่ก็แคบ แถมมีพ่วงเทลเล่อน้ำคันบะเร่อห้อยท้าย บวกด้วย พวงมาลัยเพาเย่ออีก มันส์ :lol: :lol: เสียงรถคนหนุ่มห่อตะบึ่งไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงรถแล้ว แต่รถของคนแก่ เอ๊ย อาวุโส สุดๆ ยังกลับรถออกไม่ได้เลยครับ นอนฟังเสียงลุ้นทุกคืน :lol: :lol: :lol: :lol: )


กล่าวมาตั้งนานสุดท้ายมาที่ความเห็นส่วนตัวของผม อันดับแรกเลย รถตระกูล เอ็ม 151 จำเป็นต้องถูกทดแทน ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวว่า เจ้ารถต้นแบบ เอ๊ย ตระกูล เอ็ม 50/51 นี่แหละ เหมาะสมครับ แต่ปัจจุบันยังเห็นเฉพาะตัวมาตรฐาน ถ้ามี ตัวติด ปรส.106 และ ตัวพยาบาลมาด้วยจะทดแทนได้ทั้งหมด ในส่วนของ รถที่สนับสนุน ร้อย.อวบ. ปัจจุบันก็เริ่มนำ เอ็ม 50 มาใช้แทน เอ็ม 151 ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยครับ เพราะพื้นที่บรรทุกมากกว่า และในการไปรับคำสั่งของชุดรับคำสั่งกองร้อย จะไปได้สบายกว่าเดิม(ชุดรับคำสั่งกองร้อย คนไม่ใช้น้อยๆ ต้องอัดเป็นปลากระป๋องไปในรถเอ็ม 151) แต่ถ้าหากเอา ฮัมวี่ มาทดแทน เอ็ม 151 ในส่วนที่กล่าวไปข้างต้น ดูจะไม่เหมาะสม โดยเฉพาะ รถสนับสนุน ร้อย.อวบ. เพราะการเข้าถึงพื้นที่หน้ากว้างน้อยๆทำได้ยากกว่า ยังไม่นับรถเฉพาะแบบ เช่น รถ ปรส. ซึ่งดัดแปลง เอ็ม 50 ให้ติดได้น่าจะง่ายกว่า ฮัมวี่ครับ จะมีทดแทนได้คือ ตัวรถพยาบาลครับ

แล้ว ฮัมวี่ จะมาทดแทนในส่วนไหนได้บ้าง ก่อนอื่นเลย เราไม่รู้ว่า ฮัมวี่ พันกว่าคันนั้น มีรุ่นไหนบ้าง ถ้ารุ่นบรรทุกน่าจะทดแทนหรือเสริมยูนิม็อคได้บ้าง และอย่าลืมครับว่า ยังมีในส่วนของ กรม อีก เช่น ร้อย.ค.หนัก ที่ต้องใช้ รยบ.ขนาด 1 1/4 ตัน และยังมีอีกหน่วยครับที่ใน อจย.มีรถฮัมวี่เยอะ คือ ทหารม้าลาดตระเวณครับ มว.ละ 5 คัน(อยากจะบอกว่าทั้งกองพันทหารราบยังมีไม่เท่า 1 มว.ม.ลว.เลยครับ) ทั้งกองพันต้องมีจำนวนไม่น้อย และเชื่อว่ายังมีหลายหน่วยขาดอัตราอยู่

สรุปส่วนตัวเชื่อว่า ฮัมวี่ มือสอง พันกว่าคัน ลำพังแค่ทดแทน ฮัมวี่ เดิมที่สูญเสีย หรือ จำหน่ายไปแล้ว และจ่ายเพิ่มให้กับหน่วยที่ขาดอัตรา ก็แถบจะไม่เหลือแล้วครับ   ส่วนตัวคิดว่าถ้าได้มาในราคาถูกกว่ารถ เอ็ม 50 มือหนึ่ง และจ่ายทดแทนกันคนละส่วนกับรถ เอ็ม 50 ตามข้อคิดเห็นส่วนตัวข้างต้นละก็ คุ้มค่าครับ

ปล. สุดท้ายสงสัยว่า เจ้า ฮัมวี่ มือสอง ผ่านสนามในอิรัค พันกว่าคันนั้นมีรุ่นไหนบ้าง และที่สำคัญคือ มาแบบ บอดี้มาตรฐาน(เหมือนที่เราใช้อยู่) หรือ มาพร้อมชุดคิทเกราะทั้งคัน

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 03/11/2012 01:39:39


ความคิดเห็นที่ 22


ส่วนเรื่องการเอารถ ฮัมวี่ มาเทียบกับรถ MRAP เฟิร์ส วิน  ส่วนตัวว่ามันคนละอย่างกันครับ  เอามาทดแทนกันไม่ได้

รถฮัมวี่ที่ใช้งานใน จชต. คือ รถตาม อจย. ของหน่วยในที่ตั้งปกติ ซึ่งจัดลงมาตาม อฉก.(อัตราการจัดเฉพาะกิจ) เพื่อใช้งานใน จชต. การจัดหา ฮัมวี่ ดังกล่าว เป็นการจัดหาเพื่อเพิ่มเติมหรือทดแทนใน อจย. เดิม ดังนั้นมันคนละส่วนกัน

แต่ถ้าจัดหา MRAP เฟิร์ส วิน เป็น อจย. ของหน่วยที่ตั้งใจให้อยู่ในพื้นที่ จชต. ในระยะยาว และนำมาจ่ายเป็น อฉก. ให้กับหน่วยที่ลงไปสมทบ ณ ปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยที่ลงไปสมทบลดปริมาณการนำรถใน อจย. ลงไปใช้มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 03/11/2012 01:48:10


ความคิดเห็นที่ 23


ถ้า เรือชั้น Oliver Hazard Perry สามารถจัดหามาได้ในราคา 3.5 ถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ( 660 - 1,300 ล้านบาท )

แล้วได้ระบบพวกนี้ ติดตั้งกับเรือมาด้วย...ผมว่า ยังมีความคุ้มค่า ครับ..

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 08:10:52


ความคิดเห็นที่ 24


แล้ว ทร. มาติดตั้งเพิ่มเติม อีก 2 ระบบ คือ ฟาลังซ์ จากเรือชั้นพุทธฯ และ ฮาร์พูน เพิ่มเติม...ซึ่ง สหรัฐ คงไม่มีปัญหาอะไร...

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 08:12:14


ความคิดเห็นที่ 25


เพราะ จุดเด่น ของเรือชั้นนี้ คือ การต่อต้านเรือดำน้ำ...ซึ่ง สามารถ รองรับกับ S-70B ของ ทร. ที่ติดตั้ง ระบบตรวจจับเรือดำน้ำ และ ติดตั้ง ตอร์ปิโด MK-46 ได้อยู่แล้ว..

บวกกับ ความเร็วเรือ...ที่สำหรับทำสงครามกับ เรือดำน้ำ...เพื่อทดแทน เรือชั้นพุทธฯ....ผมว่า ก็ยังน่าสนใจอยู่ครับ...

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 08:14:56


ความคิดเห็นที่ 26


แต่ถ้าจัดหามา ระบบอาวุธ มาเพียงเท่านี้...

คงต้อง คิดหนัก...และคงต้อง คำนวณ ค่าใช้จ่ายการใช้งาน เมื่อเทียบกับ การปรับปรุง เรือชั้นอื่น ๆ ที่มีประจำการอยู่ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ต่อต้านเรือดำน้ำ เพิ่มขึ้น...อาจจะทำให้เรือชั้นนี้ ไม่คุ้มค่่า ได้...

เช่น การปรับปรุง เรือชั้น เจ้าพระยา...ให้มีความสามารถ ต่อต้าน เรือดำน้ำ เพิ่มขึ้น...โดย อาจจะให้ Thales ช่วยดูระบบให้...ซึ่งผมคิดว่า ระบบโซนาร์ และ ระบบอำนวยการสำหรับใช้งาน ท่อยิงตอร์ปิโด ประจำเรือ นาจะสามารถแยกระบบออกจาก ระบบอำนวยการรบอื่น ได้...

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 08:36:40


ความคิดเห็นที่ 27


ลืมรูป ตรับ..

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 08:37:15


ความคิดเห็นที่ 28


ขอชื่นชม ท่าน juldas  ข้ลมูลสุดยอดมากๆ

โดยคุณ baantuer เมื่อวันที่ 03/11/2012 12:19:19


ความคิดเห็นที่ 29


ซึ่งถ้าสามารถจัดหามาได้ รวมระบบอาวุธ และ สามารถอัพเกรด ได้ด้วย...

ราคา ต่อ ลำ

สมมติ ได้ราคาเรือพร้อมระบบอาวุธที่ 40 ล้านเหรียญ ( 1,320 ล้านบาท )

อัพเกรดเรือ และติดตั้ง MK-41VLS ประมาณ 45 ล้านเหรียญ (อ้างอิงต้นทุนการปรับปรุงเรือชั้น นเรศวร) ( 1,480 ล้านบาท )

รวมราคาเรือ 2,800 ล้านบาท ต่อ ลำ รวม 2 ลำ ประมาณ 5,600 ล้านบาท...ความคิดผมว่า ราคาดังกล่าว ก็ยังดูคุ้มค่าอยู่ (ราคาเท่ากับ การจัดหา เรือชั้น นเรศวร รวม การอัพเกรด)

แต่ สมมติว่า ได้ราคาเรือพร้อมระบบอาวุธที่ 20 ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท )

อัพเกรดเรือ และติดตั้ง MK-41VLS ประมาณ 45 ล้านเหรียญ (อ้างอิงต้นทุนการปรับปรุงเรือชั้น นเรศวร) ( 1,480 ล้านบาท )

รวมราคาเรือ 2,140 ล้านบาท ต่อ ลำ รวม 2 ลำ ประมาณ 4,280 ล้านบาท...ผมว่า ก็น่าจะยิ่งคุ้มใหญ่

แต่ โครงการที่จะได้รับผลกระทบ อาจจะเป็น โครงการเรือระบายพลขนาดใหญ่ ลำที่ 2...

แต่ถ้า ทร. จะบอกว่า ใช้เงินสะสม ของ โครงการจัดหาเรือดำน้ำ Type-206A....ก็คงจะ ยิ่งน่าสนใจ ยิ่งขึ้น...เพราะคงไม่กระทบกับเรือ LPD ลำที่ 2

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 03/11/2012 12:47:30


ความคิดเห็นที่ 30


เอาหมดทุกอย่างแหละครับ เพราะเป็นของที่ต้องใช้อยู่แล้ว ดูแล้วคุ้มค่าทุกอย่าง  ยกเว้นเรือ ต้องถามผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาครับ

โดยคุณ part88 เมื่อวันที่ 03/11/2012 15:41:19


ความคิดเห็นที่ 31


   ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ  ผมว่าถ้าเรือน่าสนใจมากและคุ้มค่าสำหรับการปรับปรุงแล้ว   ทร.ต้องหาเงินมาเพื่อจัดซื้อ  ซึ่งผมยังเชื่อว่าทร.คงอาจจะโยกเงินจากโครงการ  OPV ไปจัดซื้อและปรับปรุงเรือ OHP ก่อนก็ได้ครับ   เพราะความจำเป็นสูงกว่ามาก   

  ส่วนงบสำหรับเรือ type 206A ที่เหลือลำ (ฝึก2+อะไหล่2)  ทร.อาจจะยังต้องกันเอาไว้  เพราะผมเชื่อว่าทร.คงเลือกเรือ  MEKO-D หรือ MEKO-A จากเยอรมันแน่นอน   และอาจจะแสดงความต้องการต่อเยอรมันว่ายังคงต้องการเรือ type 206A ที่เหลืออยู่  ซึ่งอาจจะจัดหามาพร้อมกันก็ได้    

  ผมเลยคิดว่าถ้าราคา OHP  รวมการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพระดับรล.นเรศวร  จะต้องใช้เงินตกลำละ 5,000-6,000 บาท 2 ลำก็ประมาณ 10,000-12,000 ล้านบาท      ทร.คงต้องยอมชะลอโครงการ OPV ไปก่อน  เพราะระดับความจำเป็นมันต่างกันมากอยู่     ยกเว้นราคา OHP 2 ลำ พร้อมการปรับปรุงราคาแค่ไม่เกิน 6000 ล้านบาทตามที่ป๋าคาดการณ์เอาไว้   แบบนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าทร.ยังคงจัดหา OPV ตามแผนต่อไปครับ

  ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการจะสูงกว่าเรือฟรีเกตทั่วไป   แต่ด้วยความจำเป็นบังคับ   ผมว่าทร.คงเลือกที่จะจัดหามาใช้งานมากกว่าครับ   และความเร็วของเรือถูกออกแบบให้สามารถติดตามเรือดำน้ำนิวเคลียร์ที่มีความเร็วสูงมากกว่า 30 น๊อตได้สบายๆ 

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 03/11/2012 17:32:05


ความคิดเห็นที่ 32


  ขอบคุณมากครับท่าน FW109 ทำให้เข้าใจเหตุผลในการจัดหาขึ้นมากครับ   ดูแล้วทบ.เองก็ขาดแคลนยานยนต์ใช้งานแบบต่างๆเยอะทีเดียว   ที่มีใช้อยู่ดูตามคำอธิบาย คือ เก่าแก่แทบหมดสภาพ  หรือ  ทดแทนของที่สูญเสียและให้หน่วยที่ยังคงขาดแคลนอยู่ 

   fidt win  ถ้าจะจัดหาจำนวนมากๆ  คงต้องวางแผนในระยะยาวในการใช้งาน  ดูแล้วคงต้องเอาฮัมวี่มาขัดตามทัพให้เพียงพอก่อน  และอาจจะได้รุ่นติดตั้งเกราะมาด้วย 

  ขอบคุณป๋าจูลมากนะครับที่อธิบายระบบ  FMS และ EDA    ไอ้ FMS นี่พอรู้มาบ้าง  แต่ EDA นี่ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ    แสดงว่าทางโน้นแจงรายการของว่าฉันมีของเกินความต้องการแบบนี้นะ (แจกให้พันธมิตรที่สำคัญทุกประเทศ)  คุณๆทั้งหลายสนใจอันไหนก็ติดต่อมา   อะไรทำนองนั้น     แสดงว่าถ้าเป็นไปตามโปรแกรมนี้   ทร.น่าจะเป็นฝ่ายส่งข้อความแสดงความสนใจไปให้ทางอเมริกา    และตอนนี้ก็คือ จะไปดูสินค้าว่ามัน  OK. หรือเปล่า   

   น่าลุ้นนะครับป๋า   ถ้าได้มาตอนนี้ 2 ลำ  จะลดจุดอ่อนลงไปทันทีได้เยอะเลย

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 03/11/2012 17:43:57


ความคิดเห็นที่ 33


ไมรู้เขาจะให้การช่วยเหลือ หรือจะขายกันแบบไหน

 

ถ้าจะให้การช่วยเหลือหรือขายให้ถูกๆ ตอนที่เรามีสักยภาพในการผลิตเองตอนนี้ละนะ

เครื่องบินเขาก็ให้ความช่วยเหลือเต็มกำลังมาแล้ว เราก็วางมือเรื่องสร้างเครื่องไปเลยแบบเหลืออยู่แค่การทดลอง  เหมือนเขาจะวางหมากเป็นสเต็ป และสเต็ปยาวหลายสิบปีด้วย

โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 03/11/2012 21:21:38


ความคิดเห็นที่ 34


ครั้งนี้ก้อยากจะให้ดูเจตนาให้ดี  เพราะรถชัยเสรีมีข่าวเริ่มขยับตัวได้ ทางนี้ก็มากันแบบนี้เลย

โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 03/11/2012 21:23:05


ความคิดเห็นที่ 35


งานนี้ไม่รู้  ไอ้กันมีเงื่อนไขอะไร ?  ที่มาต่อรองในการเจรจาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ (ไม่มีในเนื้อข่าว)

อาจจะมีเงื่อนไข  ให้ฝ่ายเราต้องปฏิบัติก่อนหรือไม่  แม้เป็นของเก่า แต่ผมว่ามันอาจจะไม่ได้ลอยมาเฉยๆ  แน่ครับ

พวกแสวงหาผลประโยชน์ เค้ามีวิธีการของเค้า "หมูไป ไก่ก็ต้องมา"  ชัวร์

แต่ยังไงก็อย่าเสียเปลี่ยบมันก็แล้วกันครับ..........ท่าน ผู้ใหญ่ที่เคารพ

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 03/11/2012 22:39:00


ความคิดเห็นที่ 36


ผมคิดว่า สหรัฐ คงไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝงมากมาย...

ก็คงแสดงเจตนา ฟื้นความสัมพันธ์ ในการทหารเท่านั้น...

ซึงโครงการแบบนี้ ไม่ได้เพิ่งจะเริ่มเกิด

รถถัง M-60 และ ฮ.ท.1 ที่ยังประจำการอยู่ในขณะนี้ ก็นาจะมาจาก โครงการ นี้ เช่นกัน...

และคงจะ ไม่ใช่ แต่ ประเทศไทย เท่านั้น ครับ...คงมีหลายประเทศที่ต้องการ ทั้งซื้อไปประจำการ และซื้อเป็นอะไหล่...แต่ประเทศไทย เป็นประเทศที่เป็น พันธมิตรนอกนาโต้...ก็เลยจะได้ สิทธิพิเศษ มากกว่า ประเทศอื่น ๆ...

โครงการ EDA มีการซื้อขาย เกือบทุกประเทศในกลุ่ม นาโต้ และกลุ่มพันธมิตรนอกนาโต้ รวมถึงกลุ่มประเทศที่เป็นมิตร...แม้แต่ เยอรมัน ก็มีการซื้ออาวุธจากสหรัฐ จากโครงการนี้ ด้วยเช่นกันครับ..

ยกตัวอย่่างครับ

Total sales of EDA offered during fiscal years 1996 and 1997, by contrast, were

smaller than the totals for grant EDA offers during the same periods and were spread

primarily among the Near East and South Asia, Europe, and East Asia and Pacific regions.

In FY1996, the Near East and South Asia region received $92 million inEDA sales offers,

(based on the items current values), Europe received $91 million, and East Asia and the

Pacific $79 million. In FY1997, East Asia and the Pacific received $57 million in EDA

sales offers, while Europe received $11 million. The principal recipients of these EDA

sales offers in FY1996 were: Egypt ($90 million), the United Kingdom ($76 million),

Australia ($28 million), Taiwan ($23 million), and New Zealand ($13 million). In FY1997,

the leading recipients of EDA sales offers were: Australia ($56 million) and Germany ($7

million). In FY1998 the Near East and South Asia region received $127 million, while the

East Asia and Pacific region received $17 million in EDA sales offers. In FY1998, the

leading recipients of EDA sales offers were: Egypt ($126 million), Taiwan ($9 million),

Australia ($7 million), Mexico ($2) million, and Spain ($1 million)

 

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 06:43:21


ความคิดเห็นที่ 37


ซึ่ง อินโดนีเซีย ที่จัดหา F-16 C/D มือสอง ก็เป็นโครงการมาจาก EDA เช่นกัน...โดยใช้การ อัพเกรดและปรับปรุงผ่าน โครงการ FMS...

ซึ่ง F-16 C/D ของ ทอ.อินโดนีเซีย ก็ต้องถูกเงื่อนไข การที่จะปรับปรุงพัฒนา ที่ผิดแผกไปจากเดิม ก็ต้องได้รับอนุมัติจาก สหรัฐ ก่อน เช่นกันครับ...

โดยข่าวสุด...สหรัฐ จะขาย F-16 C/D เพิ่มเติม ให้ในราคาถูกอีก 14 ลำ..และอยู่ระหว่าง อินโดนีเซีย กำลังพิจารณา...ซึ่งก็คงจะเป็นจากโครงการ EDA เช่นกัน...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 06:50:24


ความคิดเห็นที่ 38


         ขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่มอีกนิดนะครับ เรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน การต่อรองตรงนี้ไม่ขอพูดถึง ในกรณีของฮัมวี กับ รถของชัยเสรี มันเป็นรถต่างขนาดกันครับ ฮัมวี จะเป็นจี๊ปกลาง ชัยเสรี เป็น จี๊ปเล็ก ในอัตราบรรจุตาม อัตราการจัดปกติ จี๊ปกลางใช้ในภารกิจการรบ "รถรบ" เป็นส่วนใหญ่ เช่น รถของหมู่ ค หนัก ซึ่งจะต้องลากพ่วงบรรทุกปืน บรรทุกกำลังพลอีกเกือบ ๑๐ นาย พร้อมทั้งกระสุนในอัตรา (อยู่ในกล่อง) สัมภาระ อาวุธประจำกายพร้อมกระสุน(ใช้จริงเป็นปืนเล็กยาวทั้งหมด) ตรงนี้แรกเริ่มเลยใช้ เบนซ์ยูนิม็อก แต่มันสูงเวลาลากพ่วงปืนดูไม่ค่อยเหมาะ คือมันกระดกขึ้นมาเยอะ ถ้าใช้จ๊ปเล็กในปัจจุบัน ได้มั๊ย ถ้าจะดัดแปลงใช้จริงก็คงพอได้ได้ เพราะรถรุ่นใหม่ ๆ เครื่องมีแรงม้าสูงอยู่แล้ว แต่พื้นที่บรรทุก กับการเอาตัวรอดในภูมิประเทศจริง รวมทั้งที่บรรจุอยู่แล้ว กับราคาค่าตัวที่ได้ ตัวไหนจะเหมาะสมกว่ากันต่างหากครับ

โดยคุณ เด็กบ้านนอก เมื่อวันที่ 04/11/2012 08:02:20


ความคิดเห็นที่ 39


ตอบคำถามก่อน  คิดว่าไทยได้แบล็กฮอว์ค 3 ลำ และ รถฮัมวี่ 1,150 คันแน่นอนครับเพราะเราขอซื้อตามโปรแกรม EDA รวมไปถึงเครื่องยนต์F-16 5ตัวด้วย ส่วนเรือ OHP คิดว่าได้เกิน50เปอร์เซนต์ไปแล้ว ที่ยังไม่เต็มร้อยเพราะไม่แน่ใจว่าจะได้ลำไหนใหม่หรือเก่าเท่านั้นเอง


แต่อยากให้เพื่อนๆแยกกันให้ออกระหว่างอาวุธที่เราซื้อเค้าในโครงการนี้กับอาวุธที่อยากได้เพราะตัวเองชอบนะครับ ไม่งั้นมันคุยกันไม่จบเพราะมันอ้างอิงไปเรื่อย รวมไปถึงการเอาเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่

 

FIRST WIN ผมก็ชอบนะแต่เค้าจะต้องผ่านบททดสอบตัวเองในสนามรบจริงๆก่อนผมถึงเห็นสมควรในการที่จะให้กองทัพซื้อเข้ามาใช้งานจำนวนมาก เราไม่ควรซื้อเพราะเป็นของไทยผลิต

 

ทำไมหนะเหรอครับ เพื่อนๆเคยใช้รถกระบะดัดแปลงของไทยรุงกันบ้างไหมครับ ใช้ไป2-3ปีชิ้นส่วนต่างๆก็สั่นเคลือไปหมด สนิมถามหา น้ำรั่ว เสียงและลมรอดดังเข้า กลิ่นท่อไอเสียทะลุมาให้ดม จะเปลี่ยนอะไหล่ทีก็หายากเหลือเกินและมีราคาแพง ยิ่งเรื่องบริการหลังการขายไม่ต้องพุดถึง "ไม่มี"ครับ ไทยรุ่งเคยทำรถแวนอีซุสุขายคู่กันในโชว์รูมจอดคู่กันเลย ขายมา10ปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จนสุดท้ายอีซูสุทำรถแวนมาขายเองก็คือ มิว7 ปัญหาที่ว่าเนี่ยหายหมดเลยครับ เพราะการประกอบเหนือชั้นกว่าไทยรุ่งแบบ "มหาศาล"  โรงงานขนาดใหญ่กับโรงงานไทยประดิษฐ์มันต่างกัน

 

ผมพูดถึงรถที่ใช้งานทั่วๆไปยังมีปัญหาขนาดนี้ แล้วรถที่ใช้ทางการทหารหละครับ เอาอะไรมาบอกว่าทหารที่ขึ้นรถ first win จะปลอดภัยจะไม่เจอปัญหาที่ว่านี้ขณะออกไปทำงาน ???? ไทยรุงต้องตอบโจทยืนี้ให้ได้ก่อนถึงจะขายรถล๊อตใหญ่ให้กองทัพได้ ไม่งั้นก้เป็นได้แค่รถต้นแบบที่น่าภูมิใจแต่ไม่น่าซื้อใช้เหมือนเดิมต่อไป ซึ่งทางการไทยจะซื้อได้ก็ในส่วนที่ไม่ได้ออกสนามรบจริงๆเท่านั้น

 

วิธีแก้ไขจะทำยังไง ????  ง่ายนิดเดียวไทยรุงต้องมีเงินซัก3หมื่นล้านตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ที่ได้คุณภาพสุงตามมาตราฐาน สามารถประกอบรถต่างๆได้ปีหละ2หมื่นคัน นี่คือราคาต่ำสุดและโรงงานเล็กที่สุดที่พอจะทำได้นะครับ ซูซุกิที่เปิดโรงงานประกอบรถสวิฟก็ตั้งโรงงานขนาดนี้ แล้วไทยรุ่งจะเอาเงินจากไหนมา

 

ยังไม่รวมไปถึงการมี vender ที่ดีที่จะผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนต่างๆที่มีคุณภาพส่งมาให้ไทยรุงประกอบรถได้ตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม และจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ในปริมาณและราคาที่รับได้ โรงงานไหนจะทำให้และจะทำให้ได้ ???  ไม่มีครับผมบอกได้เลย เพราะจะต้องมีเงินอีก1-1.5หมื่นล้านมาหมุนในการจัดหาชิ้นส่วนต่างๆเข้ามาประกอบรถยนต์

 

เทียบกับฮัมวี่1,150คันที่ผ่านการรบมาโชกโชนทุกสนามรบตลอด20กว่าปีที่ผ่านมามันคนหละเรื่องกันครับ และที่จริงมันก็เป็นรถคนหละแบบกันด้วยนะ รักชาติได้นะครับแต่ควรจะรักในทางที่ถุกต้องและยืนอยู่บนความจริงของชีวิต

 

 

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 04/11/2012 08:24:38


ความคิดเห็นที่ 40


ความชอบส่วนตัวอยากได้F-16 C/D มือสองมาเพิ่มอีก1ฝุงครับ เอามาแทน f-5ที่เกำลังหมดอายุและเราคิดจะอัพเกรด เพราะคิดว่าราคาคงไม่ต่างกัน อายุใช้งานพอๆกันเมื่อหมดอายุก็ยังพอเอามายำรวมหรือเป็นอะไหล่ให้กับเครื่องที่ยังบินได้บ้างแม้จะไม่ตรงทั้งหมด

 

แต่กองทัพอากาศเรื่องที่จะไม่เอาก็ไม่เอาหละครับทำไงได้ เสียดายแต่ไม่เสียใจ

โดยคุณ superboy เมื่อวันที่ 04/11/2012 08:29:44


ความคิดเห็นที่ 41


สำหรับเรือ OHP ที่สนใจ สำหรับในขณะนี้ คือ

FFG-28 กับ FFG-29 ครับ

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 10:31:41


ความคิดเห็นที่ 42


ซึ่งเป็นเรือในสังกัด กำลังสำรอง U.S.N.R.F

ชั่วโมงการใช้งาน ผมว่ายังน้อยกว่า ที่สังกัด กองเรือต่าง ๆ

แต่ถ้าได้ FFG-37 กับ FFG-38 ก็น่าจะดีกว่า...

ซึ่งอยู่ใน List ที่กำลังจะปลดระวางในปีนี้ กับ ปีหน้า

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 10:37:34


ความคิดเห็นที่ 43


พิมพ์ตกหล่นไปครับ...

เป็นว่า FFG ที่น่าสนใจ ในขณะนี้ ครับ...ซึ่งเรือทั้ง 4 ลำ อยู่ในสังกัด United State Naval Reserve Force

และเป็นเรือที่ เพิ่งปลดระวาง และ กำลังจะปลดระวาง ครับ..

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 10:43:02


ความคิดเห็นที่ 44


คงต้องรอ อีก สิบเอ็ดวันสิน่ะครับ ถึงจะรู้ผล สำหรับ OHP 2 ลำ

ส่วน ฟริเกตใหม่ หลังงาน euro naval2012 ก็ยังไม่เลือกแบบออกมาเลย

โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 04/11/2012 12:01:58


ความคิดเห็นที่ 45


    ถ้าทร.ส่งคนไปคราวนี้น่าจะจองมันทั้ง 4 ลำเลยนะครับป๋า   มันเข้าท่ามากๆ  FFG 28   FFG 29  FFG 37  FFG 38   แหมเรือมาปลดในจังหวะดี๊ดี

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 04/11/2012 12:06:29


ความคิดเห็นที่ 46


เห็น ท่านจูดาส ไม่ได้เอา RUR-5 ASROC จากเรือพุทธมา ลองใส่ ใน diagram ของ OHP ด้วย

อยากถามว่า ด้วยเหตุใดครับ

เพราะเรื่องที่ติดตั้งจำกัด หรือว่าอุปกรณ์มันใกล้หมดอายุ หรือว่าต้องใช้ระบบความคุมที่ต่างออกไปครับ

โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 04/11/2012 12:46:46


ความคิดเห็นที่ 47


เรื่องการ Payload อาวุธนำวิถี เข้าเครื่องยิง ครับ...

ต้องทำการติดตั้งระบบ Payload เป็นพิเศษ ครับ...

งานใหญ่กว่าการติดตั้ง Mk.41 VLS มากหลายเท่าครับ...ต้องรื้อ สะพานเดินเรือ ด้านหน้าออก  ซึ่งไม่รู้ว่า ตรงตำแหน่งนั้น มีการใช้งานในเรื่องระบบของเรืออะไรบ้างครับ...

 



โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 13:18:47


ความคิดเห็นที่ 48


ซึ่งถ้าเราต้องการใช้ Torpedo Rocket ของ เรือชั้นพุทธฯ

คงต้องใช้เครื่องยิง MK-26 ครับ...ซึ่งยิงได้ทั้ง ASROC และ Harpoon...ซึ่งก็ต้องรื้อและขยายแบบจาก MK-13 ซึ่งก็ไมแน่ใจว่า พื้นที่ใต้เรือ จะเพียงพอรับระบบที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่ครับ...ซึ่ง MK-26 ก็คงไม่มีจำหน่ายแล้วครับ..


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 13:29:01


ความคิดเห็นที่ 49


ขอบคุณมากเลยครับ ท่านจูดาส เข้าใจแล้วครับ

อย่างนี้ถ้าติด VLS เพิ่มเป็นสองชุดต่อลำ จะได้ทั้งหมด 16 cell ก็จะต้องใช้งบเพิ่มจากเดิมที่ 8 cell ไปอีก ลำล่ะ 380 - 400 ล้านบาท(แล้วแต่ว่ารุ่นไหน)

จะได้เป็น VL-ASROC 8 ลูก (คิดว่าสหรัฐ น่าจะยอมขาย ลูกอาวุธให้น่าครับ) กับ ESSM 32 ลูก

ส่วน Harpoon ก็คงไม่มีปัญหาอะไร

เพราะระบบ เรดาห์และระบบชี้เป้าก็ไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรแล้วใช่ไหมครับ จะได้มีขีดความสามารถ ในการปราบเรือดำนำ้ได้เต็มที่

และจะได้ไม่ต้องวุ่นวาย กับการแปลงระบบ MK13 + MK41 เหมือน ออสเตเลีย

รวม เงิน สองลำ ก็เพิ่ม อีก 800 ล้าน สี่ลำ ก็เพิ่มอีก 1600 ล้าน น่าจะพอไหวน่ะครับ

โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 04/11/2012 13:54:33


ความคิดเห็นที่ 50


ผมว่า ก็น่าจะได้นะครับ...

แต่ไม่แน่ใจว่า ภาระกรรม หน้าเรือ มันจะมากไปรึเปล่านะครับ...เพราะดูแล้ว ถ้าติด แท่นยิง ฮาร์พูน ก็น่าจะติดที่หน้าเรือ ตามที่ท่าน FatBoy ให้ความเห็นไว้...

แต่เรือ Type 23 ก็จัดแบบเรือเป็นอย่างนี้เหมือนกัน...

ถ้า ทร. ตั้งใจให้อยู่นาน...ไม่เพียงเป็น การทดแทน เรือชั้นพุทธฯ นะครับ...ก็น่าจะเป็นอีกแนวคิดทางเลือก หนึ่งครับ...

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 14:58:35


ความคิดเห็นที่ 51


ผมว่าถอด MK13  ออกแล้วก็ทำการใส่MK41 แทนไม่ดีกว่าเหรอครับ ส่วนเจ้าMK141 ถ้าติดตรงหน้าสะพานเดินเรือได้ก็ติดครับ   แต่ผมว่ามันไม่น่าจะติดได้นะครับ

ท่าน จูดาส ครับ ถ้าเรือชุด ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปลดไปแล้วไอ่เจ้า ASROC สามารถนำไปใช้กับเรือลำต่อไปได้ไหมอ่ะครับ หรือว่าปลดไปพร้อมกับเรือชุดนี้เลยอ่ะครับ


โดยคุณ kok129 เมื่อวันที่ 04/11/2012 15:27:58


ความคิดเห็นที่ 52


ลองทำภาพ ครับ...ดู ๆ ก็น่าจะได้ครับ...

เรื่อง ASROC ตามความเห็นข้างต้น ครับ...เรื่องระบบ Load ของอาวุธครับ...เป็นปัญหาสำคัญ คงไม่ใช่แท่นยิง ครับ..

และในการดำเนินการใด ๆ ก็คงต้องได้รับ ความยินยอม จาก สหรัฐ ก่อนครับ...


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 17:04:12


ความคิดเห็นที่ 53


หรือแบบ 16 เซล เรียงกัน..ลองทำภาพดูครับ

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 17:31:22


ความคิดเห็นที่ 54


ดูๆไปแล้วก็มีความเป็นไปได้ที่ จะติดVLS 16 cell นะครับเหลือแค่ ถ้ารวมน้ำหนักของharpoon ด้วยแล้วจะเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับ MK13 +2magazine ของเก่า
โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 04/11/2012 18:31:29


ความคิดเห็นที่ 55


เอารูปมาเปรียบเทียบกัน MK13 กับ MK41

ดูจากรูป โดยส่วนตัว คิดว่า MK13 1 ระบบ กับ MK41 2 ระบบ 16 cell น้ำหนักไม่น่าจะต่างกันมาก เมื่อรวมลูกจรวดด้วย เผลอๆ จะเบากว่า

จะต่างก็ตรง ขนาด ของระบบ กว้างกับยาวเท่านั้นเอง

mk13


mk41


โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 04/11/2012 20:25:27


ความคิดเห็นที่ 56


ใช่ครับ ประเด็นคงอยู่ในเรื่อง Layout ใต้ดาดฟ้าเรือ จะเพียงพอรับหรือไม่ครับ...

คือไม่รู้ว่า การออกแบบห้องใต้ดาดฟ้า จะมีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับ 2 แท่นยิง ในบริเวณเดียวกันหรือไม่

ซึ่งเท่าที่ผมหาข้อมูล Layout หรือ Cataway ของ เรือชั้น OHP หาดูไม่ได้เลยครับ...ดูแล้ว สหรัฐ ค่อนข้างปกปิดเรือชั้นนี้ ในอดีต พอสมควรทีเดียวครับ...

ส่วนเรื่องน้ำหนัก ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาครับ...เพราะเรือชั้นนี้ ระวางเรือปกติอยู่ที่ 3.700 ตัน สามารถบรรทุกระวางสูงสุดได้ถึง 4,100 – 4,200 ตัน...ซึ่ง ทร. ออสเตรเลีย ก็ใช้แบบ Full Load คือ 4,200 ตัน สำหรับการอัพเกรด...

ซึ่งถ้า สมมติคุยกันเล่น ๆ ว่า ทร. คิดจะติดตั้ง จำนวน 2 แท่น เพื่อติดตั้งสำหรับ ESSM และ VL-ASROC อย่างละแท่น

ตามรูปที่ผมดัดแปลงรูปทื่ 1 แบบเรียงแนวยาว คงไม่มีปัญหาครับ...ผมก็คิดว่า สามารถใช้ช่องยิง MK-13 ติดตั้งได้...

ส่วนรูปที่ผมดัดแปลงรูปที่ 2 แบบแนวขวาง ก็คงติดเรื่อง ความกว้างพื้นที่ใต้ดาดฟ้าเรือ จะเพียงพอรองรับหรือไม่...

ส่วนดาดฟ้าเรือ ผมว่าสามารถรองรับแท่นยิง ฮาร์พูน ได้ครับ...เพราะขนาดเรือ PG ของ สหรัฐ ในอดีต ยังติดตั้ง ฮาร์พูน แล่นเผินน้ำได้...

ส่วนในเรื่องที่ว่า ทำไม ทร.ออสเตรเลีย และ ทร.ตุรกี จึงติดตั้ง MK-41 เพียง 1 แท่น ความเห็นผมว่า เพราะเขาใช้ MK-13 สำหรับยิง SM-2 และ Harpoon ส่วน Mk-41 ใช้ยิง ESSM จึงทำให้เรือเขามีอาวุธ ครบ...และจัดเป็น เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ของเขา...ซึ่งสำหรับ ออสเตรเลีย ก็จะมีสมรรถนะสูงกว่า เรือชั้น ANZAC ซึ่งเป็นเพียงการติดตั้ง เพื่อสำหรับยิง ESSM เท่านั้น

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 04/11/2012 21:26:11


ความคิดเห็นที่ 57


โอย คุณ Juldas  เล่นเอาผมซะเคลิ้มเลยอ่ะครับ

ถ้า ทร. (และคนที่คุณก็รู้ว่าใคร) คิดได้แบบนี้ก็น่าจะดีนะครับ

ผมว่าดูมีความหวังมากกว่าไฮเอน ฟริเกต หรือเรือดำน้ำเยอะเลย

เพียงแต่ว่าจะมีใครเห็นเหมือนที่เราเห็นรึป่าวน่ะสิครับ แม่มจ้องจะตัดแข้งตัดขากันตลอด อนาทใจแทนประเทศชาติจริงๆ

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 05/11/2012 10:45:18


ความคิดเห็นที่ 58


เพิ่มเติมนิดนึงครับ ได้ไปอ่านอีกบ้านมา(TAF)

อาจารย์ริน ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจถึงความเป็นไปได้ในการจัดหาเรือ OHP ครับ

แกมองว่าให้ดูการจัดหาของใต้หวัน ที่มีภัยคุกคามมากกว่าเรา และน่าจะใกล้ชิดกับพี่กันไม่น้อยกว่าเรา(ความเห็นผมเอง อันนี้)

ดูว่าใต้หวันจัดหา OHP แล้วได้ออพชั่นอะไรยังไง เราก็น่าจะได้ไม่มากไปกว่านั้น ประมาณนี้นะครับ

ผมเห็นด้วยนะครับ ถ้ามองในแง่ความเป้นไปได้ที่มากที่สุด

เว้นแต่เราขอได้มากกว่าใต้หวัน อาจจะเพราะพี่กันให้ใต้หวันในแบบจัดเต็มมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวจีนจะโกรธ แต่กับของเรา จีนไม่น่าจะเกี่ยวในประเด็นนี้

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 05/11/2012 10:59:12


ความคิดเห็นที่ 59


ตอนนี้ เรื่องเรือดำน้ำ ผมว่า ตัดใจ ไปพอสมควรแล้วครับ...คงต้องรอหลังปี 2563 กว่าเรือดำน้ำจะมา ก็ 2568 อย่างเร็วสุด...

ผมก็อายุ 56 แร่ะ...เกษียณอายุพวกบริษัทเอกชน..

เขาเรียกว่า รอจะหง้ำเหงือก...5 5 5 5

ตอนนี้ ทร. มีอะไร ที่ ปราบเรือดำน้ำ หรือ ต่อต้านเรือดำน้ำ ได้ ก็ต้อง กว้าไว้ก่อนครับ...ความเห็นผม...

เพราะกว่า เรือดำน้ำ เราจะมา เราก็ล้าหลังกว่า ประเทศเพื่อนบ้าน ประมาณ 15 ปี...จากที่นำหน้าประเทศเพื่อนบ้านมากว่า 50 ปี...

งบประมาณ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง จำนวน 2 ลำ คงผ่าน

ส่วน OHP มือ 2 คงต้องลุ้นต่อไปครับ...ว่า จะได้ FFG-12 กับ 14 หรือ FFG-28 กับ 29 หรือ FFG-37 กับ 38

ถ้าได้ FFG-12 กับ 14 คง Refit กัน บาน ครับ...อาจจะไม่น่าสนใจ...

แต่ถ้าได้ลำอื่น ๆ เช่น  28 กับ 29 หรือ 37 กับ 38 ก็น่าสนใจดีครับ...เป็นกำลังสำรอง ไม่ค่อยออกศึกมากเท่าไหร่...นอกนั้น จะออกศึกมาพอสมควร..

และถ้าได้อาวุธ มาไม่ต่ำกว่าปัจจุบัน โดยเฉพาะ ระบบต่อต้านเรือดำน้ำ ซึ่ง มาตรฐานเดียวกับ DDG เว้นแต่ โซนาร์ ที่จะเล็กกว่า และถ้า สหรัฐ ยินยอมให้ ปรับปรุง ได้ด้วย...ก็จะ สุดยอด มากครับ...

และ ราคา ถ้าได้ถูกมาก ๆ...ก็จะยิ่งดีมาก ๆ ขึ้น...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 12:05:49


ความคิดเห็นที่ 60


     Mk-13 นี่ใต้ดาดฟ้าเรือใหญ่ไม่ใช่เล่นนะครับ   ผมคิดเหมือนท่าน ccguy ว่าน้ำหนักรวมของ  MK-41  16 cell  อาจจะเบากว่า    ถ้าได้ถึง 16 cell  เรือจะสามารถทำหน้าที่ดีทั้งภาระกิจต่อต้านรเือดำน้ำและป้องกันภัยทางอากาเฉพาะจุด

   เรือชั้นนี้มีปัญหาเรื่องหนึ่ง คือ ความสามารถในการป้องกันระยะประชิดที่บริเวนส่วนหน้าของเรือ   เพราะมุมนั้นเป็นจุดที่ไม่มีระบบ CIWs   และเป็นจุดที่เรือ สตาร์ค ถูกยิงจนแทบจม     ผมว่าจุดอ่อนตรงนี้น่าได้รับการแก้ไขเพราะดูแล้วดาดฟ้าเรือด้านหน้าอาจจะยังมีที่ว่างพอติดตั้ง   RAM 21 นัด หรือ Searam  ที่เป็นระบบ stand alone ได้    SEARAM  ก็น้ำหนักเบาด้วย      มีความเป็นไปได้ไหมถ้าบริเวนดาดฟ้าเรือด้านหน้าต้องติดตั้งทั้ง 

   SEA RAM  ด้านหน้าสุด  (ไม่ต้องเจาะพื้นดาดฟ้าด้วย  แค่เอามาวางแป๊ะเอาไว้  เบากว่า)

  MK-41  16 cell  ตรงบริเวน  Mk-13  เดิม

  แท่นยิง Harpoon ในจุดด้านในสุด    

 ถ้าได้  CIWs  มาปิดจุดบอดตรงนี้จะน่าสนใจมากๆครับ     จากรูป  ระบบแท่นยิงอันที่สองนี่ผมไม่รู้จักชื่อแต่เคยเห็น   น่าจะบรรจุได้พอๆกับ sea ram แต่ไม่มีระบบเรด้าร์ประจำตัว    น่าจะเบาที่สุดครับ  




โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 05/11/2012 12:08:33


ความคิดเห็นที่ 61


    MK-41  16 cell   ไม่ใหญ่โตอะไรเลยครับ   รูปที่ลงให้เป็น ขนาด  32 cell   16 cell ก็ผ่าครึ่ง     ดูจากรูป Mk-13 นี่ใต้ดาดฟ้าทั้งลึกและใหญ่ทีเดียว    ดังนั้นน่าจะสามารถติดตั้ง  Mk-41  16 cell ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร 

   ถ้างบไม่พอเอา  Mk-13 ของเก่าทนใช้ไปก่อนก็ได้ครับ   เพราะยิงทั้ง harpoon  SM-2   ASROC  ได้   แต่จะไม่มี EESM  ใช้งานแต่ประการใด ( SM-2 ก็ไม่น่าจะขายให้ด้วย)


โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 05/11/2012 12:36:04


ความคิดเห็นที่ 62


ท่าน neosiamese2 ครับ...MK-13 ไม่สามารถยิง ASROC ได้ครับ...แท่นยิง ยาวไม่พอ ต้องใช้ MK-26 ครับ...ที่แท่นจะยาวปลายแหลมน่ะครับ...

ซึ่ง MK-41 VLS  ตามข้อมูลนี้ ผมเข้าใจว่า สามารถใช้ร่วมกันได้ครับ...(ตามเน้น ตัวอักษรแดง ครับ ถ้าผมเข้าใจผิด ก็ชี้แจงได้ครับ)

ซึ่ง MK-41 VLS รุ่นที่ยิง ESSM ก็สามารถยิง VL-ASROC ได้ครับ...ตามภาพประกอบ ที่แสดงถึง รุ่น MK-41 VLS

 

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 14:38:28


ความคิดเห็นที่ 63


แต่ทั้งนี้ ในการใช้งาน VL-ASROC ต้องมีระบบควบคุมการยิง ด้วยครับ...

ซึ่ง MK-116 จะเป็นระบบนั้น ครับ...และ ก็มีใน เรือชั้น OHP ด้วยครับ...

ผมถึง เชียร์ว่า ถ้าจัดหา OHP มา...ควรจะต้องมี ระบบอำนวยการต่อต้านเรือดำน้ำมาด้วยครับ...

ถ้าได้มาแต่ เฉพาะ โซนาร์ อย่างเดียว...ก็คงต้อง คิดคำนวณ ให้ดี ครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 14:41:58


ความคิดเห็นที่ 64


และผมคิดว่า ทร. คงไม่มีงบประมาณจะติดตั้ง จรวดมิสซายด์ ได้ทุก เซล ของเรือทุกลำ...

ผมจึงมีความคิดที่ว่า มีเพียง 1 แท่น จำนวน 8 เซล ก็น่าจะเพียงพอครับ...

แบ่งเป็น ESSM จำนวน 4 เซล ก็จะได้ ESSM จำนวน 16 ลูก และ ติดตั้ง VL-ASROC ก็จะได้ จำนวน 4 ลูก รวมท่อยิงตอร์ปิโด ประจำเรือ อีก 6 ท่อยิง แถมยังใช้ S-70B หิ้ว ตอร์ปิโดไปได้อีก 1 - 2 ลูก...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 14:48:07


ความคิดเห็นที่ 65


   โอ้.....ขอบคุณมากครับ   เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของผมเองครับ   

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 05/11/2012 16:28:10


ความคิดเห็นที่ 66


ข้อมูลเพิ่มเติม ครับ...

คงต้อง ขอโทษ เจ้าของกระทู้ด้วยครับ...ที่ทำกระทู้ ออกทะเล ไปจริง ๆ...อิ อิ

 


โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 16:39:32


ความคิดเห็นที่ 67


อ่านไปอ่านมาผมเริ่มเห็นด้วยกับ OHP แล้วครับ ถ้าปรับปรุงตามที่ท่าน Juldas แล้วประจำการได้สัก 20-30 ปี ก็ขอ 4 ลำเลย ก็น่าจะไม่เกิน 800 ล้าน US  ส่วน Operation cost ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะ ไม่ได้ออกเรือไปไหนบ่อย  ส่วนใหญ่ใช้เรือรุ่นเก่า ตัวเล็กออกตรวจการณ์  ส่วน OHP ไว้ใช้ออกศึกตอนสำคัญๆ คู่กับเรือจักรีฯ  และอาจไปพร้อมกันเป็นกองเรือ โดยมีเรือชุดนเรศวร  เรือชุดสุโขทัย เรือสิมิลัน เรืออ่างทอง เรือสุรินทร์ ตามไปด้วย จะเป็นภาพกองเรือไทยที่สวยมากเลยครับ  อ้อ ให้ดีในภาพ ขอให้มี เรือดำน้ำสัก 2 ลำ ด้วยจะดีที่สุด ครับ

โดยคุณ rayong เมื่อวันที่ 05/11/2012 18:26:53


ความคิดเห็นที่ 68


 

Behind the Scenes of the USS De Wert w/ Frank Fontana

โดยคุณ jirawat007 เมื่อวันที่ 05/11/2012 20:50:35


ความคิดเห็นที่ 69


 

โดยคุณ jirawat007 เมื่อวันที่ 05/11/2012 20:59:32


ความคิดเห็นที่ 70


โดยคุณ jirawat007 เมื่อวันที่ 05/11/2012 21:07:44


ความคิดเห็นที่ 71


ลืมตอบคำถาม ท่าน neosiamese2 เรื่อง จุดอ่อน การป้องกันตนเองระยะประชิดในด้านหน้า นั้น...

ปัจจุบัน OHP ได้แก้ไข โดยใช้ Nulka ทำหน้าทีครับ...

และ Nulka นี้ สำหรับแผนเรือใหม่ ๆ...ทร. สหรัฐ จะทะยอยให้ ทดแทน กับ MK-13 Phalanx ครับ...

ปัจจุบัน Nulka กำลังพัฒนา ให้ใช้ยิงจาก MK-41 ได้ครับ...ซึ่งเป็น ความต้องการของ ทร.สหรัฐ ด้วย...ปัจจุบัน Lockheed martin ได้ออกแบบให้เรียบร้อยแล้วครับ...รอการทำของจริง และ ทดสอบ...

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 05/11/2012 22:16:13


ความคิดเห็นที่ 72


Taiwan to Buy 2 Frigates From U.S.
Nov. 5, 2012 - 08:49AM
By AGENCE FRANCE-PRESSE
http://www.defensenews.com/article/20121105/DEFREG03/311050001/Taiwan-Buy-2-Frigates-From-U-S-?odyssey=tab|topnews|text|FRONTPAGE

Image

TAIPEI — Taiwan plans to buy two warships from the U.S. as part of an effort to modernize its naval force amid a perceived military threat from China, Defence Minister Kao Hua-chu said Nov. 5.

The two Oliver Hazard Perry-class frigates, now serving in the U.S. Navy, will be delivered to Taiwan by 2015, Kao said while answering questions in parliament.

“The Defence Ministry has decided to take the two Perry-class frigates. It is a good bargain,” Kao added, according to a statement released by Lin Yu-fang, the legislator who raised the question.

The two warships, estimated to cost a total of about 7 billion Taiwanese dollars ($240 million), will replace two of eight aging Knox-class frigates that Taiwan acquired in the early 1990s, Kao said.

Beijing put its first aircraft carrier into service in September amid escalating tensions over Tokyo-controlled islands in the East China Sea, which Taiwan also claims.

Ties between Taiwan and its former rival China have improved markedly since Ma Ying-jeou of the China-friendly Kuomintang party became president in 2008 on a platform of ramping up trade and tourism links. Ma was re-elected in January for a second four-year term. Despite the warmer relations, China still claims sovereignty over Taiwan, which has governed itself since 1949, and has vowed to get it back — by force if necessary — even though the island has ruled itself for more than 60 years.

 

เครดิต คุณMoonsoon TAF ครับผม

2 ลำ 240 ล้านเหรียญ *30 บาท ก็ราว 7200ล้าน

แต่เอ๊ะข้อมูลไม่ตรงกับของป๋าจู ที่ว่าแค่ 20 ล้านเอง

สงสัยจะรวมค่ารีฟิตด้วยป่าวครับ

 

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 06/11/2012 12:11:16


ความคิดเห็นที่ 73


ผมเอามาจากกระทู้ อาวุธมือสอง USA น่ะครับ

U.S. To Sell Taiwan Two Frigates: Report

Aug. 5, 2010 - 06:00AM   |  
By AGENCE FRANCE-PRESSE   |    

TAIPEI - The U.S. will arm Taiwan with two frigates to help the island boost its defense capabilities against China, according to reports Aug. 5.

The U.S. government has notified Taiwan of the sale at a price of $40 million of two Perry-class frigates about to be retired from the U.S. Navy, Taipeis Apple Daily said, citing a defense ministry source.

Taiwans navy said it had not yet received information about the reported frigate sale.

"Taiwans navy already operates a fleet of eight such frigates, but it has launched a five-year buildup beginning from 2008," naval spokesman Hsia Yu-teh said.

Taiwanese media have said the planned buildup includes eight conventional submarines, as well as an undisclosed number of frigates and guided-missile patrol boats.

Tensions across the Taiwan Strait have eased significantly since President Ma Ying-jeou of the China-friendly Kuomintang party came to power in 2008, pledging to boost trade links and allow in more Chinese tourists.

But Beijing still refuses to rule out the use of force against Taiwan should it declare formal independence, prompting the island to seek more defensive weapons.

The island has governed itself since it split from the mainland in 1949 at the end of a civil war.

China has reportedly increased its missiles aimed at Taiwan from 300 in 2001 to 1,400 in 2008.

Washington announced in January a weapons package for Taiwan that includes Patriot missiles, Black Hawk helicopters, and equipment for Taiwans F-16 fighter jets, but no submarines or new fighter aircraft.

Beijing reacted angrily to the arms deal, halting military and security contacts with the United States.

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 12:49:37


ความคิดเห็นที่ 74


อ้อครับ ข่าวเดิม Aug. 5, 2010   

The U.S. government has notified Taiwan of the sale at a price of $40 million of two Perry-class frigates about to be retired from the U.S. Navy,

 

แต่ข่าวล่าสุด Nov. 5, 2012

Taiwan plans to buy two warships from the U.S. as part of an effort to modernize its naval force amid a perceived military threat from China กับ

The Defence Ministry has decided to take the two Perry-class frigates และ

The two Oliver Hazard Perry-class frigates, now serving in the U.S. Navy, will be delivered to Taiwan by 2015

The two warships, estimated to cost a total of about 7 billion Taiwanese dollars ($240 million), will replace two of eight aging Knox-class frigates

ด้วยทักษาภาษาอังกุด ของกระผม แปลได้ว่า เดิมพี่กันถามขายให้โลละ เอ้ย ลำละ 20 ล้าน 2 ลำ 40 ล้าน

แต่ล่าสุด กลายเป็น จะได้แน่ 2 ลำในปี 2015 เบ็ดเสร็จจบที่2ลำ 240 ล้าน(ลำละ 120 ล้าน)

เทียบกับของเดิม ค่าตัวเรือ 20 ล้าน อีก 100 ก็น่าจะเป็นค่าอัพป่าวครับ

โดยคุณ delete เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:37:11


ความคิดเห็นที่ 75


ผมลองดูอัตราแลกเปลี่ยน ไตหวันดอลล่าร์ กับ ดอลล่าร์สหรัฐ คำนวณในอินเตอร์เนต

7,000 ล้านดอลล่าร์ไตหวัน จะได้ ประมาณ 187 ล้านเหรียญสหรัฐ...

เมื่อปี 2002

ทร.ตุรกี ได้จัดหา เรือ OHP มือสอง ของ สหรัฐ จำนวน 2 ลำ มุลค่า 110 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตกลำละ 55 ล้านเหรียญ)

ประกอบ

เรือ FFG-13 กับ 15

Phalanx จำนวน 2 ระบบ

ปืน 76 ม.ม. จำนวน 2 กระบอก

แท่นยิง MK-13 จำนวน 2 แท่น

SLQ-32(V)2 จำนวน 2 ระบบ

SQS-56 Sonar จำนวน 2 ระบบ

SQR-19(V)2 Sonar จำนวน 2 ระบบ

MK-92 Mod 2 Fire control system จำนวน 2 ระบบ

SPS-49(V)4 Radar จำนวน 2 ระบบ

ชุด อัพเกรด SM-1 Standard Missile จำนวน 50 ชุด

ปืน M2 จำนวน 4 กระบอก

ลูมปืน 20 ม.ม. จำนวน 10,000 นัด

โซโนบุย และอุปกรณ์อื่น ๆ

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:42:52


ความคิดเห็นที่ 76


โดยก่อนหน้านี้ ปี 2001

สหรัฐ อนุมัติขาย FFG-21 จำนวน 1 ลำ ให้กับ ตุรกี ในราคา 28 ล้านเหรียญ

โดยมีอุปกรณ์

Phalanx

ปืน 76 ม.ม.

แท่นยิง MK-13

โซโนบุย และอุปกรณ์อื่น ๆ

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:45:44


ความคิดเห็นที่ 77


และในปี 2003

โปแลนด์ จัดหา FFG จำนวน 2 ลำ ในราคา 94 ล้านเหรียญ (ตกลำละ 47 ล้านเหรียญ)

ประกอบด้วย

เรือ FFG จำนวน 2 ลำ

ฮ.SH-2G จำนวน 4 ลำ

และ SM-1 Missile จำนวนหนึ่ง...

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:48:33


ความคิดเห็นที่ 78


ผมว่า ดีล นี้ ของ ทร.ไตหวัน...

น่าจะมีการ บวก SM-2 Missile พร้อมชุดอัพเกรด แท่นยิง MK-13 สำหรับยิง SM-2 พ่วงมาด้วยจาก มาตรฐานปกติของเรือด้วยแน่...

 

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:51:06


ความคิดเห็นที่ 79


ท่าน delete....ไม่แน่...ข่าวจะพิมพ์ เลข 2 ไปหนึ่งตัวก็ได้ครับ...คือ 240 ล้านเหรียญ แต่ ตกเลข 2 ไป เลยเหลือ 40 ล้านเหรียญ... 5 5 5 5 5

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:53:54


ความคิดเห็นที่ 80


ในขณะที่ ปากีสถาน จัดหา FFG จำนวน 1 ลำ คือ FFG-8 ในราคาลำละ 78 ล้านเหรียญ...

ได้แค่ตัวเรือ 1 ลำ กับ ปืน 76 ม.ม. และระบบเรดาห์...ไม่แน่ใจว่าได้ ระบบโซนาร์ มาด้วยประมาณไหน...

งานนี้ ดูเหมือนว่า อยู่ที่ความพิศวาส ของ สหรัฐ จริง ๆ.....

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 06/11/2012 17:57:53


ความคิดเห็นที่ 81


ผมก็คิดแบบท่านจูดาสว่าของไต้หวันน่าจะเป็นราคาที่รวม mk13+upgradeให้ใช้SM-2. รวมลูกจรวดSM-2. น่าจะมาพร้อมกัน50ลูก สำหรับเรือสองลำ เหมือนของตุรกีตอนได้ลูกจรวดSM-1 สำหรับไทยผมว่าสองลำน่าจะสเปคจัดเต็ม เหมือนกันรวมrefurbishแล้ว ถ้ามาราคาน่าสองลำ 7,200 ล้านบาทรวมลูกจรวด50นัด ถ้าได้จริงก็รีบคว้ามาเถอะครับ เพราะถ้ายอมขายSM-2 ให้ไทยรอบนี้ ก็ดูจะเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ (ถ้าเป็นไปได้อ่ะน่ะ) เรือฟรีเกต สมรรถนะสูงอีกสองลำจะได้อานิสงค์ กลายเป็นเรือป้องกันภัยทางอากาศแบบareaย่อมๆทันที หรือว่าจะมาพร้อมดีล ให้ซื้อเรือmulti mission ของLockheed. 1ลำ 18,00ล้านบาทท่านจะได้ของสมนาคุณเป็น OHP 2ลำพร้อม SM-2+ VL-ASROC. ทันที. 555555 เอาใจช่วยทหารเรือไทยให้มีอาวุธดีๆ เพื่อประเทศเราครับ
โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 06/11/2012 20:15:59


ความคิดเห็นที่ 82


ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็จะกลายเป็น. วา่ ทร.มีเรือที่ใช้SM-2ได้ทั้งหมดสี่ลำคือ OHPสองลำและเรือฟรีเกตใหม่สองลำ ส่วนเรือชั้นนเรศวรไม่แน่ใจว่าใส่ mk41 รุ่นไหนมา. แต่แค่นี้ก็หรูสำหรับบ้านเราแล้วครับ. ถ้ากองเรือชะตาขาดเจอ. จรวดต่อต้านเรือผิวน้ำถึง32. ลูกพร้อมกัน ด้วยเรือฟรีเกตถึง 4 ลำผมว่าน่าจะเอาอยู่น่ะ เรือจักรีจะได้หายใจโล่งหน่อย จะสยองก็แต่เรือดำน้ำดีเซลเนี่ยล่ะปัญหาหนักอก ซึ่งประเทศศัตรูจะต้องส่งมาถล่ม high value target ship. อย่างฟรีเกตพวกที่ว่านี้ก่อนแล้วค่อยส่งเครื่องมาถล่มกองเรือซ้ำ เผลอๆแมงป่องทะเลสองลำ จะจมเรือจักรีและฟรีเกตอีกสักลำถึงสองลำโดยไม่ต้องใช้กำลังทางอากาศเลย กว่าจะจับมือใครดมได้ก็คงซักครึ่งเดือนตอนเก็บซากเรือกับซากตอปิโดว์ ขึ้นมาดูรุ่นกับserial number รอบที่แล้วไม่ได้เรื่องใต้น้ำ รอบนี้เอาเรือผิวน้ำให้มันเต็มที่ก่อน รอบหน้าไม่อนุมัติอีก ก็เพิ่มกำลังอากาศนาวีเข้าไป ไม่งั้นจากนำเขาตอนนี้ก็จะไล่เพื่อนไม่ทันแล้ว มันต้องได้ซักรอบสิน่าเรือดำน้ำ ก่อนเกษียณก็ขอจูงหลานลงไปถ่ายรูปเรือดำน้ำวันเด็กก็แล้วกัน ยี่สิบปีคงจะพอน่ะครับ
โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 06/11/2012 20:31:47


ความคิดเห็นที่ 83


   ราคาตอนแรกตก 20 ล้านเหรียญต่อลำหรือ 600 ล้านบาทต่อลำ   น่าจะเป็นราคาที่ยังไม่ได้บวก refit + ชุด upgrade   แต่เมื่อทำการ refit + upgrade แล้วราคาเพืิอมอีกลำละ 100 ล้านเหรียญ    แต่ได้  SM-2  นี่น่าสนใจมากๆเลยนะครับ   ได้มา 50 ลูกสำหรับ 2 ลำ   แท่นยิง Mk-13 นี่น่าจะบรรทุกลูกอาวุธนำวิถีรวมกันเกิน 16 ลูกต่อ 1 แท่นยิงแน่นอน  น้ำหนักรวมน่าจะมากกว่า MK-41  16 cell + ลูกอาวุธนำวิถี

   ราคารวม 2 ลำ  7200 ล้านบาท   ได้  SM-2  พร้อมระบบต่อต้านเรือดำน้ำมาครบ  เป็นอะไรที่คุ้มมากครับ   ลูกอาวุธก็ได้ตั้ง 50 ลูก    แต่บางทีทร.อาจจะเลือกต่างออกไปก็ได้นะครับ   คือ  ขอ VLS Mk-41 16 cell  พร้อมลูกอาวุธนำวิถี ESSM มาพอกัน คือ 48-64 ลูกต่อเรือ 2 ลำ   พร้อม  VL-ASROC  16-20 ลูกก็ได้   เพราะเราต้องการเรือต่อต้านเรือดำน้ำมากกว่า    ส่วนระบบเรด้าร์และระบบอื่นๆถ้าจัดหาตามแบบเรือชั้นนเรศวรอาจจะต้องจ่ายมากกว่าไต้หวันก็ได้    เพราะดูเหมือนไต้หวันจะใช้ระบบเดิมๆของอเมริกามาแทน    แต่ถ้าราคาเพิ่มมาเป็นลำละไม่เกิน 5,000 ล้านบาท   ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆครับ

   ถ้าต้องจ่ายลำละ 5,000 ล้านบาท   งานนี้ OPV อาจจะลำบากหน่อยตรงที่ต้องเลื่อนโครงการให้ช้าลงเพราะต้องนำเงินมาถมให้เรือ OHP ก่อน    ยกเว้นรัฐบาลจะใจป้ำแถมให้อีก 10,00-12,000 ล้านบาทเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็ว่าไปอย่าง  

   แต่ดูจากดีลของไต้หวัน   ผมว่าโอกาสที่เราจะได้  OHP รุ่นลำตัวยาว(รุ่นใหม่)น่าจะมีมากทีเดียว

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 07/11/2012 04:22:34


ความคิดเห็นที่ 84


ท่าน Juldas ครับ ระวัง ข้าวแลกต่อฉพาะตัวเรือนะครับ  แต่ไม่ใช่ OHP ครับ  OHP เป็นกรณีตัวเลือกเร่งด่วนหากต้องการเสริมกำลังรบเท่านั้น

โดยคุณ FatBoy เมื่อวันที่ 07/11/2012 09:06:44


ความคิดเห็นที่ 85


แปลว่า นอกจากเรือฟรีเกตใหม่สองลำแล้ว ทร.มีโครงการเรือฟรีเกตอื่นผ่านทางการบาร์เตอรเทรดใช่ไหมครับ อย่างนั้นก็คงไม่ได้OHP. แต่ประเทศที่รับบาร์เตอร์เทรดกับเรา เนี่ยต้องทายประเทศก่อนถึงจะทายรุ่นเรือได้ใช่ไหมครับเนี่ย ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง kilo classสองลำ ถูกเลขท้ายสามตัว MMC จาก Lockheed มองโลกในแง่ดี. Dw3000 หรือ ไม่ก็ visby class ชีวิตจริงformidable-class มองโลกในแง่ร้าย type054 ไม่ทราบท่านfat boy พอใบ้ประเทศคู่ค้าได้ไหมครับ อิอิขอบคุณครับ
โดยคุณ ccguy เมื่อวันที่ 07/11/2012 11:59:19


ความคิดเห็นที่ 86


ท่าน FatBoy ผมให้ความเห็นใน กระทู้ ท่าน Ronin ไว้แล้วครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 07/11/2012 12:09:52


ความคิดเห็นที่ 87


ไม่ใช่ครับ ท่าน ccguy...

อยู่ใน โครงการ เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ครับ...

โลกไม่สวยงาม เช่นนั้น ครับ...

 

โดยคุณ juldas เมื่อวันที่ 07/11/2012 12:11:22


ความคิดเห็นที่ 88


   ถ้ารัฐบาลทำเรืี่องแย่ๆแบบนั้น   ไม่นานกฌดี้ยงไปเองแน่นอน   เกมส์แห่งอำนาจจำเป็นต้องพึ่งพาระบบอาวุธที่ดีและการันตีว่าจะสามารถนำมาใช้  สร้างใหม่  ปรับปรุงได้ด้วยตนเองตลอดเวลา  

โดยคุณ neosiamese2 เมื่อวันที่ 08/11/2012 13:07:11