อิตาเลียนไทยเคลมรัฐลงขันแสนล. 60ธุรกิจรุมจองที่ดินกนอ.600ไร่ดันทวายโปรเจ็กต์ |
09 ต.ค. 2555 เวลา 17:24:43 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
อิตาเลียน ไทยโล่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ออกแรงช่วยเต็มที่ "โครงการทวาย" 1 แสนล้าน "เสี่ยเปรมชัย กรรณสูต" เผยตอนนี้เนื้อหอมจัด มีเอกชน 60 รายจองที่ดินนิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ "นิคมอมตะ" โผล่จองด้วย 600 ไร่ กระทรวงคมนาคมเร่งสร้างมอเตอร์เวย์ "บางใหญ่-กาญจนบุรี" เสริมอีกแรง
นาย เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เปิดเผยว่า เป็นที่ชัดเจนว่าโครงการลงทุนก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ทางรัฐบาลไทยจะเข้ามาช่วยหาแหล่งเงินทุนและผู้ถือหุ้นในบริษัท ทวาย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (DDC) ซึ่งเป็นบริษัทรับสัมปทานโครงการนี้ แผนลงทุนหลักจะมีการก่อสร้างถนนและท่าเรือน้ำลึก มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท จากทั้งโครงการที่ใช้เงินลงทุน 3 แสนล้านบาทโดยรัฐบาลไทยจะหาผู้ร่วมลงทุนให้ โดยตั้งเป็นรูปแบบ SPV ซึ่งเป็นนิติบุคคลหรือบริษัทจัดการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการ ระดมทุน แนวคิดจะมีทั้งรัฐวิสาหกิจ เช่น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และบริษัทรายใหญ่ในประเทศไทย เช่น บริษัทกลุ่มพลังงาน อาทิ บริษัท ปตท.สผ. เป็นต้น
สำหรับ ITD เมื่อมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามา ก็จะลดสัดส่วนถือหุ้นในบริษัท DDC ลงจาก 60% เหลือ 25% โดยมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (strategic partner) คือ องค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น
หรือไจก้า ถือหุ้นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% แลกกับเงื่อนไขทางญี่ปุ่นจะเป็นผู้ให้กู้หลักในโครงการ ในสัดส่วน 80% ของมูลค่าลงทุนรวม ที่เหลือ 20% มาจากสัดส่วนผู้ถือหุ้น
"พอมีความ ชัดเจนเรื่องถนนและท่าเรือแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญาภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากนี้ทุกอย่างจะเดินหน้าได้ ทั้งหมดก็จะไม่มีปัญหา ทั้งโรงไฟฟ้าที่ตอนนี้ทาง บมจ.ราชบุรีโฮลดิ้งจะเข้ามาถือหุ้น 30% รายอื่น ๆ กำลังเจรจา ซึ่งเราจะลดการถือหุ้นลงจากเดิม 60%"
ส่วนพื้นที่นิคม อุตสาหกรรม นายเปรมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับความสนใจสูงมาก มีผู้ประกอบการหลายรายติดต่อมาประมาณ 60 ราย ในพื้นที่กว่า 600 ไร่ รายใหญ่ ๆ เช่น นิคมอุตฯอมตะของประเทศไทย และนิคมอุตฯจากญี่ปุ่น เป็นต้น
นาย เปรมชัยกล่าวต่อว่า สำหรับ SPV ที่ตั้งขึ้นมาจะมีหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินคือ ถนน และท่าเรือน้ำลึก พร้อมกับได้สิทธิ์ในการบริหารจัดการ ทางด้านรัฐบาลพม่าจะถือหุ้นในส่วนของท่าเรือน้ำลึก และได้เจรจาให้ปรับแผนธุรกิจเร็วขึ้น โดยขอให้เปิดบริการท่าเรือน้ำลึกปลายปี 2557 จากแผนเดิมจะเปิดปลายปี 2558
นาย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการทวาย นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตั้ง 6 คณะทำงานเพื่อผลักดันให้สำเร็จ ในส่วนคมนาคมจะเข้าไปช่วยลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในฝั่งประเทศไทย
ขณะ ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวในงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นว่า อยากฝากให้รัฐวิสาหกิจไปคิดถึงการขยายบทบาทการลงทุนไปสู่สากล เช่น การลงทุนท่าเรือน้ำลึกทวาย ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งต้องถามว่าทางการท่าเรือแห่งประเทศไทย สนใจและพร้อมจะเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือไม่ รวมถึงการลงทุนสาธารณูปโภคด้านอื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงระบบคมนาคมระหว่างกัน ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก็คงจะต้องพิจารณาว่าจะเข้าไปเป็นผู้ลงทุนหรือ ผู้ร่วมลงทุนหรือไม่
เครดิตเวปลิ้งค์ตามนี้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12768467/I12768467.html
ขอบคุณข้อมูลจากท่าน wild rabit แห่งห้องสินธรนะครับ
เป็นอันว่าโครงการท่าเรือน้ำลึกสำคัญที่ทำให้ไทยเราสามารถส่งสินค้าผ่านเส้นทางๆบกที่เชื่อมสองฝากฝั่งทะเลมีความมั่นคงในโครงการมากขึ้น สิ่งนี้สำคัญต่อชาติในกรณีที่ช่องแคบมะละกาถูกปิดลงไม่ว่าด้วยเหตุผลใดครับ ไทยเราสามารถขนถ่ายและนำเข้าส่งออกสินค้าจากสองฝากทะเลได้โดยไม่ติดขัด ส่วน R-9 จะเป็นยางสำรองที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งกรณีที่ช่องแคบมะละกาถูกปิดเช่นกัน โดยทางฝ่ายไทยและญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์มหาศาลอย่างยิ่งครับ
ในสภาพที่คลองกระถูกพับโครงการไปแบบนี้ โครงการทวายและ R-9 สำคัญอย่างมากต่อประเทศ
ลงทุนน้อยกว่า แต่ มีสเถียรภาพมากกว่าการขุดคลองคลอดกระ
สาทุ อย่าล่มนะโครงการนี้
ยังไงๆซะ คลองคอดกระ มีความสำคัณกว่าเยอะ ในแง่ ความมั่นคงครับ ส่วนเรื่องเปิดให้เรือพานิชผ่านมันคือกำลัย คนส่วนใหญ่ คิดแต่เรื่องว่ามันจะคุ้มทุนหรอขุดตั่งหลายแสนล้าน
ขอโทษท่าน นีโอสยาม ด้วยนะครับที่เปลี่ยนประเด็น
ท่าน kapooknet200 กล่าวถูกต้องแล้วครับว่ายังไงซะโครงการคลองกระก็สำคัญกว่าและให้ผลประโยชน์ระยะยาวที่เหนือกว่าทั้งโครงการทวายและเส้นทาง R-9
แต่สถานะการณ์ภาคใต้ การเมืองในประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ คงจะเป็นเหตุผลที่ตอนนี้ต้องพับโครงการไปก่อน ตอนที่ทราบว่าโครงถูกพับเข้าลิ้นชักไปก่อนผมโกรธมากทีเดียว แต่พอมาคำนึงถึงเหตุการณ์ที่กล่าวมาก็เลยคิดว่าคงต้องชะลอไปก่อนจริงๆ แต่เจ็บใจจริงๆ
โครงการทวายนั้นใช้เวลาน้อยกว่า เพราะมีโครงสร้างสาธารณูปโภคทางฝั่งไทยมากโขแล้ว และมีท่าเรือมาบตาพุทที่ถูกสร้างรออยู่ มันใช้เวลาสั้นกว่า เงินน้อยกว่า ในสถานะการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจกับเพื่อนบ้านทางใต้นี่ครับ
เอาง่ายๆ ถูกปิดช่องแคบมะละกาด้วยเรือดำน้ำ ทำไง จะไปไล่ล่ากองเรือดำน้ำต้องขอผ่านน่านน้ำของคู่ปรับ ไม่ไหวแน่ๆ
ลองถ้าประเทศไทยถูกใส่ไฟไม่ให้ OPEC ส่งน้ำมันมาให้ ทำไง เสร็จสิครับ ถึงต้องอดทน อดทน อดทน และอดทน จนหน้าแดงด้วยความโกรธอยู่นี่ไง ดังนั้นพอทราบข่าวว่าเรากับเขมรใกล้ได้ข้อตกลงกันแล้วในกระทู้ข้างล่างผมถึงได้มีเฮมากๆไง ไม่รู้ว่าถ้าต้องใช้ก๊าซแทนน้ำมันทั้งหมด ต้องใช้กี่เท่าของที่บริโภคในทุกๆวันนี้ ผมตีว่า 10 เท่า อีกท่านตีว่า 40 เท่า(จึงได้ 150-170 ปี) ถ้าตีว่า 20 เท่า ก็ 300-400 ปี แต่ไงซะก็เป็นปริมาณที่เรามีไม่น้อนกว่าซาอุดิอาราเบียเลยมั๊ง ไม่ก็ใกล้เคียง
พอมีข่าวนี้มาอีกข่าวจึงต้องรีบแจ้ง เพราะทั้งสองข่าวจะทำให้เราปิดจุดบอดตัวเองที่สำคัญที่สุด 2 ข้อได้แบบสมบูรณ์ครับ
แต่เมื่อใดที่คลองกระถูกงัดมาใช้อีก มีการสร้างจริง คงทำให้โครงการทวายย่ำแย่ลงเป็นอันมากทีเดียว ส่วน R-9 ก็จะกลายเป็นจุดกระจายสินค้าที่สำคัญสำหรับภาคเหนือและอีสานทั้งหมดไปแทนเส้นทางลัดสำรอง
แต่กว่าจะถึงวันนั้น ต้องมีกองทัพเรือและกองทัพอากาศที่แข็งพอควรทีเดียว ต้องจัดการไฟใต้ให้จบ แม้มันจะต้องแลกมาด้วยการแตกหักกับเพื่อนบ้าน (ถ้ามันย่ำแย่ลงถึงขนาดนั้นและฝ่ายนั้นออกตัวแบบชัดเจนต่อประชาคมโลก) ก็ต้องทำ
คลองกระได้ขุดแน่ เพียงแต่อาจไม่ใช่ในยุคของเรา
ผมว่าเผลอๆ ทวายอาจจะเสถียรไม่เท่ามะละกาก็ได้ เพราะพม่ามีโอกาสบ้าจี้ทำอะไรแผลงๆ มากกว่าประเทศในช่องแคบ
เท่าที่ทรบข่าวมา นอกจากโครงการทวายที่เราให้ความสำคัญอย่างมากแล้ว ก็จะมีโครงการเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่ ด่านสิงขร โดยมีโครงการสร้างอาคารรองรับและตลาดใหม่ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งจะทำให้ด่านสิงขรเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่ใหญ่และน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งครับ โดยเฉพาะสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามันจากฝั่งพม่าจะสะดวกมาก จากที่ผมเคยไปตามจุดผ่านแดนไทย-พม่า อย่างแม่สอด ด่านเจดีย์สามองค์ และด่านสิงขร นั้น ด่านสิงขรมีระยะทางจากถนนหลักเพียงแค่ 11 กิโลเมตร และเส้นทางที่สะดวกและไม่อันตรายเพราะไม่มีภูเขาสูงชันหรือคดเคี้ยวครับ น่าจะเน้นไปทางท่องเทียวและจับจ่ายซื้อขายลักษณะแบบตลาดโรงเกลือ ส่วนทวายนั้นจะเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและขนถ่ายสินค้า ซึ่งพม่าก็ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆครับ และถ้าสำเร็จเราจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลในทางเศรษฐกิจครับ