|
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000121101
ที่แปลกใจคือว่าทำไมไม่ขอจีนเป็น SR-5 ไปเลยครับ มันใหม่มากไปจนจีนยังไม่ให้ หรือว่าราคามันสูงมากก็ไม่ทราบได้ครับ
http://wuxinghongqi.blogspot.com/2012/06/china-will-get-overlord-status-of.html
ผมไม่มีความรู้นะครับ แค่ลอง search หาใน google เท่านั้นว่า SR-4 เป็นอย่างไรแต่หาไม่เจอครับ
เจอแต่ SR5
รูปข้างบนที่ @kookkai01 เอามาเป็น WS-2 ครับ
ขอบคุณครับคุณ Spooky ผมเอามาจากในเว็ปครับคิดว่าเขาคงใส่รูปผิดจริงๆ พอมีรูป SR4 หน่อยได้ไหมครับผมอยากเห็นหน้าตาครับ
แต่ผมงงว่า จุดประสงค์ในการซื้อเอามาทำอะไรกัน แล้วมันไม่ใช่มือ 1 หรอครับ
หรือว่าจีนจะไม่ใช้รุ่นนี้แล้ว ก็เลยจะให้ไทย งงกับคำว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ปลดประจำการ
ผมพยายาม หารูปแล้วก็ไม่มีครับ มีแต่ Type 90 ที่มีเพื่อนสมาชิกเคยนำเสนอในบอร์ด
ล่าสุดเข้าไปเช็คใน www.sinodefence.com
ก็ไม่มีข้อมูลครับ
มีแจ้งไว้แค่นี้ครับ
Artillery Rocket
|
สมาชิกท่านใดมีข้อมูลช่วยแชร์หน่อยครับอยากทราบถึงประสิทธิภาพว่าดีกว่า BM21 หรือ type 90 ยังไงบ้างครับ
ขอบคุณครับ
ท่าน spooky ครับ ในข่าวหมายถึง สปจ.ปลดประจำการ Type81ครับ
ดูในwww.ardothailand.comในนิยสารวิจโยสารเล่ม3หน้าท้ายๆครับหน้าตาคล้ายกันแต่มีความแม้นยำกว่ามีระบบควบคุมการยิงสามารถยิงได้ต่อเนื่องไม่ต้องลำกล้องคลายความร้อนครับ
หรือดูในเวปเพื่อนบ้านTAFใน type90b ในนั้นเลยครับ
คุณ spooky ครับ
เจ้า dti-1g นี่เราพัฒนากับประเทศไหนบ้างครับ
ส่วนตัวว่าน่าจะหมายถึง SR5 อย่างที่หลายท่านว่าไว้ เพราะตัวรถรองรับได้ทั้งขนาด122-220มม. และเราก็มีแผนพัฒนาลูกจรวดต้นแบบ DTI-2 ขนาด230มม. แล้วเช่นกัน
เพราะตามข่าวสั่งมา4คันน่าจะเอามาทดสอบและเป็นต้นแบบ เพราะก่อนหน้านี้เราก็จัดหาWS1จำนวน9ระบบ จากจีนมาแกะเป็นDTI-1 เพราะกองทัพน่าจะต้องการระบบMLRSทั้งการยิงแบบยุทธวิธีและทางยุทธศาสตร์
เพราะลูกจรวด122-220มม. ยิงไกลได้ถึง70ก.ม. เรียกว่าต่อระัยะยิงปืนใหญ่ที่เรามีประจำการได้ ส่วนระยะไกลเกินกว่า100+ก.ม. ก็ใช้DTI1
ผมว่าน่าจะไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม มากนัก ครับ...
อาจจะเปลี่ยนแค่ตัวรถ กับ อุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น...
เป็น ดีล...ที่ น่า งง...และ น่าจะถูก โจมตี มากที่สุด ครับ...ไม่น่าจะใส่ใน...เอกสารลับ...
เพราะตอนอนุมัติ เป็นการคัดเลือกแบบ อาวุธ ที่ กำลังปลดประจำการ ในราคาที่สูง หรือเปล่า ?...
มัน ค้าน ด้วยเหตุ-ผล ของตัวมันเอง ครับว่า...
การแก้แบบ กลับได้ ของใหม่ ที่บอกว่า เทคโนโลยี่ ดีกว่าเดิม...ใน ราคาที่ถูกลง....?
ผม เดา นะครับว่า...จะออกมา เป็น รถที่มีใช้ สำหรับ ประเทศไทย ประเทศเดียว ครับ...จีน ก็จะไม่มีใช้ รุ่นนี้...
และยิ่งถ้าจะมีการ ถ่ายทอดเทคโนโลยี่ มาด้วย...ไม่น่าจะเป็นไปได้ครับ..ที่ว่า จะราคาถูกลง...
มีแต่จะแก้ ราคา ให้สูง ขึ้น...ด้วย เทคโนโลยี่ ที่เปลี่ยนดีขึ้น อุปกรณ์ดีขึ้น และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี่ ให้ ครับ...
ท่าน Juldas ครับ เรื่องนี้มันเป็นข่าวตั้งแต่ต้นปี 2554 แล้วครับ ประมาณมีนาคม ปัจจุบันตุลาคม 55 นับได้ประมาณ 17 - 18 เดือน ดังนั้น ณ.ตอนนั้น ทบ.อาจเลือก Type81 ( ตอนนั้นจีนก็เสนอมาให้เลือก ทั้ง Type81และ Type90 ครับ )
แต่ปัจจุบัน จีนอาจไม่ผลิต Type81 แล้ว ซึ่งระยะเวลาปีกว่าๆ เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ ) อีกทั้งมันก็เกี่ยวกับการพิจารณา ขั้นตอนเอกสารต่างๆที่ช้า เขาจึงเสนอรุ่นใหม่ให้
ก็นั่นแหล่ะครับ ท่าน Mr.Bean...ว่า ระยะเวลามันไม่นาน...ตรงนี้ ที่เป็นประเด็น น่ะครับ...
แล้วตอนที่ จีน เสนอ...จีน ไม่รู้ว่า ตัวเอง กำลังจะไม่ใช้แล้ว หรือ ?
โดยหลัก จีน ไม่น่าจะเสนอ Type-81 ครับ...น่าจะต้องเสนอ Type-90 เลย...ซึ่งจะได้ราคาที่สูง กว่า Type-81...
ซึ่งถ้าในขณะนั้น จีน เสนอ Type-90 มาด้วย ในราคาที่ ต่ำกว่า Type-81...มันก็จะเข้า ลูป เดิม ครับ...ว่า ทำไม ไปเลือกสิ่งที่ เทคโนโลยี่ ต่ำกว่า...ในราคาที่สูงกว่า ?
ความเห็นส่วนตัวผมว่า...สิ่งที่จะได้ น่าจะไม่ใช่ Type-90 ครับ...หรือถ้าเป็น Type-90 ก็อาจจะเป็น ของ มือสอง ที่มีการ Refurbished ใหม่...หรือเป็น Type-90 รุ่น ต้นแบบ แล้วนำมา Refurbished ใหม่...ซึ่ง คงมีการ Down Grade ลงจาก ระบบมาตรฐาน จีน บางส่วน...เลยเรียกว่ารุ่น SR-4...ไม่ใช้ Type-90 (ถ้าสมมติ เป็นรุ่นนี้จริง)
ท่าน juldas ผมเดาว่าเป็น SR4 น่าจะมาจากการที่ รุ่น SR5 ที่จีนผลิต เป็นจรวด 122mm ผสมกับ 300mm ส่วนทบ. จะซื้อ 122mm. สปจ. เลยจัดเป็น SR4 ให้ครับ เดาเอามันส์ๆครับ
ส่วนเรื่องราคา คงเป็นวิธีการ ให้เห็นแง่ + สำหรับขออนุมัติ การจัดหาครับ ขอสดกว่า ใหม่กว่า ราคาถูกลงครับ ( จีนขายในราคามิตรภาพครับ ) แต่ผมว่าตัวเลขจำนวนระบบน่าจะคาดเคลื่อนครับ ควรเป็น 6 ระบบ มากกว่า 4 ระบบครับ
ปล. ท่าน Juldas มีข่าวเรือฟริเกตใหม่หรือยังครับ โทรไปถามลูกพี่ลูกน้องผมใน ทร. ก็ไม่ทราบเช่นกันครับ
ถ้าเอาจากข่าวคือช่วงเรามีกรณีข้อพิพาทกับเขมร ไทยเราก็บินไปจีนซึ่งได้ของที่สนใจ2อย่้างคือเรดาห์SLC2และก็ระบบจรวดนี่ล่ะครับ
ไม่รู้ว่าตอนที่จัดหาType-81 นี่คือจัดหาเพื่อนำมาเสริมประสิทธิภาพกองทัพในช่วงนั้น(ซึ่งมีการใช้ต่างกันจากปืนใหญ่) แต่ตอนหลังก็ว่าจะเลือกType-90B มาพร้อมกับข่าวการพัฒนาจากDTI1 เป็นรุ่น2พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยี
ส่วนตัวเลยคิดว่า Type81 นี่เลือกมาตอนพิพาทเฉพาะหน้า มากกว่ารึเปล่า
ส่วนรถเท่าที่ดูจากการพัฒนาปืนใหญ่อัตราจรและจรวดDTI คงไม่พ้นวอลโว่ ล่ะครับ
ถูกลง แต่ปริมาณลดลงรึเปล่าครับ เพราะเท่าที่จำได้ตอน type-81 มีข่าวว่า 6 ระบบ แต่ SR-4 มีแค่ 4 ระบบ ???
ท่าน MIG31 ไม่น่าจะเลือก type-81 เพราะ เหตุพิพาทหรอกครับ เพราะเอกสารความต้องการจัดหา type-81 มีช่วงเดืน ม.ค. 55 ก่อนหน้า เหตุการณ์ยิง BM-21 ใส่เราอยู่นะครับ
เพิ่มนิด ครับ สำหรับประเด็น " ซึ่งถ้าในขณะนั้น จีน เสนอ Type-90 มาด้วย ในราคาที่ ต่ำกว่า Type-81...มันก็จะเข้า ลูป เดิม ครับ...ว่า ทำไม ไปเลือกสิ่งที่ เทคโนโลยี่ ต่ำกว่า...ในราคาที่สูงกว่า ? "
เดาในแง่ + นะครับ
ในช่วงนั้น ปลายปี 2553 ถึง ต้นปี 2554 ราคา Type81 1 ระบบ อาจอยู่ที่ ประมาณ 173 ล้านบาท ( อ้างจากยอดรวม 4 ระบบ 694 ล้านบาท ) ส่วน Type90 อาจอยู่ที่ 190 ล้านบาท รัฐบาลสมัยนั้น อาจให้งบจัดหาไม่เกิน 700 ล้าน หากทบ. เลือก Type90 ในตอนนั้น จะจัดหาได้ไม่ครบอัตรา จึงต้องเลือก Type81 และอีกประเด็นคือ ตอนนั้น เขมรโจมตีเรา ทบ.จึงต้องเร่งดำเนินการจัดหา แต่เกิดเหตุการร์น้ำท่วมหรืออะไรก็ตาม ทำให้โครงการต้องเลื่อนออกไป ประกอบกับการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่
แล้ว ปัจจุบัน จีนเลิกผลิต Type81 โรงงานเดิมที่เคยผลิต Type81 เปลี่ยนมาผลิต Type90 เต็มรูปแบบ ประกอบกับการที่จีน นำรุ่น Type90 เข้าประจำการจำนวนมากเพื่อทดแทน Type81 ราคาเลยอาจถูกลง หรือวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างถุกลง หรืออัตราค่าแรงเขา หรือรวมถึงค่าขนส่ง ค่าประกันระหว่างขนส่ง ถูกลงก็ได้ครับ หรืออาจเป็นเพราะ จีนมี Type90 สำรองคลังจำนวนมาก หรือ สปจ.ขายให้ไทยในราคามิตรภาพ หรือเป็นเพราะอัตราแลกเปลี่ยน ......เป็นได้หมดครับ ส่วนต่าง 2 ล้านบาท เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ อย่างน้อยผมว่าดีกว่า เรือเหาะเยอะ ครับ
เท่าที่ผมลองหาข้อมูล ระบบ SR-5 ก็คือ ระบบ SR-5 ครับ...เพียงแต่จะเลือกใช้ จรวดขนาด 122 m.m. หรือ 300 m.m.
และมีการออกงาน แสดงอาวุธ เพื่อจำหน่ายให้ประเทศที่สนใจด้วยครับ...
ภาพ SR4 ครับ จาก วิจโยสาร เล่ม 3 ครับ
ไม่ขึ้อแฮะ
ตามข่าว ไม่ใช่ เลิกผลิต นะครับ...แต่จีน..ปลดประจำการ...
The Type 90 has been promoted by NORINCO to the export market
และ type 90 เกิดมา เพื่อส่งออกโดยเฉพาะ...
ปัจจุบัน ก็มี พม่า ที่มี Type-90B ประจำการแล้ว...ซึ่ง Type-90 ไม่น่าจะใช่ของใหม่ อะไรครับ...
ก็คือ มันน่า งง...ที่ว่า Type-81 จะมาแข่งกับ Type-90 ได้ยังไง ?
หรือ จีน จะเกรงใจ พม่า ไม่ขาย Type 90 ให้ ไทย...
เลยต้อง เฉไฉ เป็น SR-4...และถึงจะใช้เหตุ-ผล เฉไฉ ให้ SR-4 คือ Type 90...มันก็ไม่สมเหตุ สมผล ที่ราคาจะถูกกว่า Type 81 ?
เว้นแต่ เป็นรุ่น ที่ไม่ใช่ Type 90...
ขอยืมรูปท่าน tow
ตกลง ที่เปลี่ยนแปลง คือ ระบบ Rocket ใช่ไหม ครับ ?
ระบบ SR4 Rocket กับ ระบบ Type-81 Rocket
ครับคุณ Juldas กำลังจะไปcopy ภาพคุณ Tow มาเลยครับ
SR4 น่าจะเป็นคนละตัวกับ Type90 ละครับ ภาพที่ผมลง ระบุเป็น Type90 ครับ
Type 90MLRS
Uploaded with ImageShack.us
โทษที่ครับ ภาพไม่ขึ้น เจ้านี่ระบุเป็น Type90MLRS ท่านJuldas ถูกแล้วครับ มันคนละตัวกับ SR4
คงน่าจะเป็นชื่อเรียกของ Rocket...ไม่รวม รูปลักษณ์ของ พาหนะ...
Mulitple Launch Rocket System แบบ Type
Multiple Launch Rocket System แบบ SR
เรียนถามท่าน juldas ครับ
แล้ว SR4 ต่างจาก bm21 และTYPE81 ยังไงครับ ผมดูแล้วงง ตามไม่ทัน
จากรูปของท่าน Mr.Bean
น่าจะเป็น SR4 หรือเปล่า ?
เมื่อดูลักษณะ ลำกล้องที่ ที่มีกรอบ SR4 และไม่มี กรอบ Type 90
แบบสังเกตุ รูปลักษณ์ ภายนอก นะครับ ท่าน trai...ส่วนเรื่อง ประสิทธิภาพ มันไม่รู้ครับ...
เอาแบบ คร่าว ๆ ก็คือ
Multiple Rocket Launch System แบบชนิด Type ต่าง ๆ...จะเป็น แบบแผงเดียว
Multiple Rocket Launch System แบบชนิด SR ต่าง ๆ...จะเป็น แบบ 2 ตอน...
แบบ SR4 จะเป็นแบบ 2 ตอน ใช้สำหรับขนาด 122 ม.ม.
แบบ SR5 จะเป็นแบบ 2 ตอน สามารถผสมใช้ สำหรับขนาด 122 ม.ม. และ 300 ม.ม. อย่างละ 1 ตอน...
ตอบ @InFerNo "เจ้า dti-1g นี่เราพัฒนากับประเทศไหนบ้างครับ"
ก็หลักๆ จีนครับ ถ้าอยากให้ลิ้งค์กับ ทอ.และ ทร.ได้ก็อาจจะมี สวีเดนมาเอี่ยวครับ
ที่ผมงงก็คือ จีนปลดแล้วเอาตัวที่ปลดมาขายให้เรา หรือว่าปลดเพราะจีนจะไม่ใช้รุ่นนี้เข้าประจำการแล้ว และมาพัฒนาให้กับเราครับ
รูปแบบ Rocket แบ่งเป็น 2 ตอน น่าจะลักษณะคล้าย ๆ กับ PR50 ของ จีน นะครับ...ในความเห็นผม...
Rocket PR50 น่าจะลักษณะเหมือนกับ SR4
Rocket แบบ BM21 และ Type-81
เรื่องระบบอาวุธของทบ.ผมไม่ค่อยถนัดจริงๆ ดูจากที่ป๋าอธิบายแล้ว และท่านอื่นแจมๆ คงจะเป็นรุ่น type 81 อับเกรดมาเพื่อประเทศไทยหรือเปล่า จากเดิมใช้ได้แต่จรวดขนาด 122 มม. มาเป็นสองกล่องชุดยิงที่สามารถใช้ผสมได้ทั้ง 122 มม. และ 300 มม. แต่ภายในลูกจรวดนี่ไม่ทราบเลยนะแบบนี้
ตกลงทบ. ไม่สน HIMAS แล้วหรือ หรือว่าอเมริกากำหนดข้อห้ามสาระพัดอีก เลยต้องไปพึ่งจีน แต่ทางโน้นก็ไม่ไว้ใจเราเต็มร้อยเหมือนกัน เล่นเกมส์เหยียบบน tiptoe เพื่อความอยู่รอดนี่ยากแฮะ ถ้าจะอยู่รอดนี่ต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ในเรื่องยุทโธปกรณ์และสิ่งจำเป็น เช่น น้ำมัน
เอาเป็นว่าซื้อมาเพื่อแกะเทคโนโลยี่ และทางนั้นยินดีปล่อยรุ่นต่ำกว่ามาให้เรา ยังไงก็เคยเห็นหน้าค่าตา DTI-2 กันแล้ว คงยิงได้ตามเป้า ที่ต้องซื้อมาคงเพื่อให้สามารถพัฒนาให้แม่นยำมากขึ้น ทั้ง DTI-2 DTI-3 เอาเป็นว่าการพึ่งพาตนเองด้านนี้ใกล้ความจริงเข้ามาอีกก้าวแล้ว
อีก 2 ปี หวังว่า DTI-1G จะสามารถยิงได้ถึง 300 -350 กิโลเมตร พร้อมกับความแม่นยำที่พึงพอใจ เพราะระยะยิงขนาดนี้ สามารถส่องเมืองหลวงเพื่อนบ้านโดยรอบได้หมด ตอนนี้อยากส่องเมืองหลวงเพื่อนบ้านทางใต้เต็มแก่ เห็นมาออกข่าวที่เวปนี้ด้วย ไม่รู้แนวร่วม ขจก.มาโพสต์หรือเปล่า ธงกลุ่มพลูโล หรามาเลย
ระมัดระวังเรื่องการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ/ADMIN
เดานะครับเรื่องระยะยิงขึ้นอยู่กับตัวจรวดเหมือน Type-90 แต่การบรรจุจากเดิมที่ทำการบรรจุทีละลูก
งวดนี้มันจะยกแผงออกไปเลยครับทั้งแผง มันเลยออกมาเป็น 2 ชุดแบบนั้น เหมือน T-122 Sakarya ของตุกรี
ภาพนี้จะเห็นหูหิ้วชัดเจนครับ ถึงว่าทำไมบรรจุเร็วแท้ 7 นาทีหร้อมยิง 40 ลูก
BM-21 บรรจุทีละลูกก็กินอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงละ *-*
อีกหน่อยของไทย เราเอาสองระบบมาถ่ายรูปคู่ คงเหมือนรูปของท่าน banyat แน่ๆ
จุดแตกต่างของระบบMLRS น่าจะเป็นแท่นยิงจรวดมากกว่าน่ะครับ อย่างที่หลายท่านว่าไว้ จีนพัฒนาระบบจรวดไว้หลายแบบมาก
อย่างWS1E จรวด122mm แท่นยิงมีจรวดพร้อมยิง50นัด WS22 มี122mm 40นัด และยังมีPR50อีก
เรียกว่าบริษัทพัฒนาในจีนมีเยอะทั้งทำตลาดและประจำการ เป็นไปได้ว่าบางแบบไม่ได้ถูกกองทัพจีนลือกก็ส่งออกแทน และจีนก็พัฒนาไปปลดไป รุ้นไหนดีกว่าก็ปลดของเดิม
ส่วนของไทย จุดต่างที่น่าสนใจคือ ทบ.จะเลือกระบบที่ใช้เครนยกซองจรวดมาแทนระบบเดิมที่ต้องใช้พลบรรจุทีล่ะนัดที่มันใช้เวลานานกว่า
เพราะใช้ระบบเครนยกซองจรวดก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยแถมยิงได้ต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องรอลำกล้องเย็นเพราะยกเปลี่ยนทั้งชุดยิง ทบ น่าจะต้องการระบบที่คล่องตัวสูงมากกว่านั้นล่ะครับ เพราะหากใช้ผสมปืนใหญ่อัตราจรที่คล่องตัวสูงมากๆ จรวดที่ใช้ยิงก็ต้องคล่องตัวสูงมากตามไปด้วยเพื่อการดำเนินกลยุทธ
เพราะจากที่ดูหลายๆระบบในจีนจุดต่างคือการบรรจุด้วยพลยิงทีล่ะนัด กับใช้เครนยกเปลี่ยนทั้งตับ
อย่างType90จะมีตับจรวดสำรองไว้1ตับ
แต่ถ้าใช้ดำเนินทางยุทธวิธีคู่ปืนใหญ่อัตราจรที่ต้องคล่องตัวสูง ก็คงมีรถลำเลียงจรวดคอยสนับสนุนเพื่อเติมกระสุนได้รวดเร็ว
นึกสภาพแนวหน้าที่โดนลูกจรวดยิงถล่มทีเดียว40นัด ทุก7นาทีคงสยองมากมาย อย่างtype90B เขาบอกใช้เวลาแค่3นาทีเพื่อเติมลูกจรวด
03 Oktober 2012
DTI 3 คาดว่า น่าจะออกมาหน้าตาแบบนี้
ส่วน DTI 4 .. คงจะประมาณนี้มั๊ง อิอิ
ตอนนออกข่าวมาตอนแรกเป็น ไทป์ 90 ไปๆมาๆไหงเป็น ไทป์ 81 ระวังจะโดนข้อครหาอีกว่าซื้อของที่เขาปลดประจำการมาใช้อีกล่ะ เพราะมีสื่อคอยจับตาอยู่โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ชอบทหาร
ขอรบกวนถามนิดนึงครับเรื่องข้อมูลอาวุธจีน ปกติก่อนหน้านั้นผมจะเข้าเว็บ sinodefence ตลอด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยอัพเดตเท่าไหร่ ไม่ทราบว่าจะหาข้อมูลอาวุธจีนล่าสุดได้จากเว็บไซต์อะไรครับ
นึกออกแล้วครับ กระทู้เรื่องนี้ท่าน Spooky เคยเอาลงมาไว้ให้พวกเราอ่าน เลยไปตามขุดมา
http://www.thaifighterclub.org/webboard.php?action=detailQuestion&questionid=12942&topic=
type 90B ดูมีประสิทธิภาพมากกว่าตรงที่บรรจุจรวดชุดใหม่ได้ด้วยชุดบรรจุสำรองบนตัวรถ น่าจะใช้เวลาน้อยกว่า 5 นาทีในการบรรจุแล้วยิงชุดถัดไป พอลำกล้องร้อนก็สามารถเปลี่ยนใช้เครนยกตับลำกล้องเดิมที่ร้อนออกไปแล้วยกตับลำกล้องใหม่มาใส่แทนได้ จึงยิงได้เร็วและต่อเนื่อง
แต่ SR-4 ไม่มีชุดเติมกระสุนแบบ type-90B แต่มีหูหิ้วเพื่อใช้เครนยกได้ในการเปลี่ยน ถ้าอย่างนั้นเดาว่าจีนคงไม่อยากขายรุ่นที่ดีมากมาให้เราสักเท่าไร แต่ระบบพวกนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ผมว่าทาง DTI คงสามารถพัฒนาเองได้ให้เทียบเท่า type90B ไม่ยากในเรื่องความรวดเร็วในการยิงชุดที่สอง สาม
เครดิตข้อมูลและภาพจากท่าน spooky ครับ
1 ประเภทรถศูนย์ควบคุม Type 90 B Command Vehicle
รถบรรทุก COMMAND
ศูนย์ควบคุมจะตั้งอยู่บนรถ North - Benz 2629 ใช้ส่งคำสั่งและศูนย์ควบคุมการยิงปืนใหญ่และใช้ในการวางแผนการยิงได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รถศูนย์ควบคุม มีหน้าที่ในการควบคุมและการประสานงานของสามหน่วย ( ศูนย์ควบคุม รถลาดตะเวน รถจรวด ) ศูนย์ควบคุมจะ คำนวณเส้นทางการเคลื่อนที่ของบุคคลและการแก้ไข, การประมวลผลข้อมูลและการจัดการของ ที่ตั้งของรถจรวดได้พร้อมกันถึง 6 คัน รถศูนย์ควบคุมมีการติดตั้งวิทยุและ intercoms สำหรับการสื่อสารและจีพีเอสเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง
2 ประเภทยานลาดตระเวน Type 90B Reconnaissance Vehicle
APC ลาดตระเวน
รถลาดตระเวนสำหรับ Type 90B ตั้งอยู่บนรถ WZ551 ยานเกราะ ล้อ รถจะอยู่ตรวจการข้างหน้าสำหรับการรวบรวมข้อมูลและการเฝ้าระวังกลุ่มเป้า หมาย ใน APC ลาดตระเวน มีอุปกรณ์ ชี้เป้าเลเซอร์แบบพกพา มีระยะชี้เป้าสูงสุด 10 กิโลเมตร ความคลาดเลื่อน + / - 5 เมตร สามารถแสดงภาพความร้อนในระยะใกล้ มีการสื่อสารทางวิทยุ ; มีระบบการประมวลผลข้อความ และ มุมมองผ่านกล้องได้ แบบพาโนรามา
3 ประเภทจรวดหลายลำกล้อง Type 90 B Multiple Rocket Launcher
รถบรรทุกจรวดตั้งอยู่บนรถ North - Benz 2629 ตัวแท่นหมุนขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามี 40 ลำกล้อง (4x10) ติดอยู่บนแท่นหมุน ลำกล้องสามารถทำองศาได้ 0 ° ถึง 55 ° และช่วง azimuth ของ -102 ° ถึง 102 ° ปรับองศาโดยใช้ระบบไฮดรอลิก
จรวดสามารถยิงแบบกึ่งอัตโนมัติ(ยิงทีละนัด)หรือโหมดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้า การยิงจรวดหลังจากกดปุ่มยิงจะใช้เวลา 0.5 วินาทีในการจุดจรวด ผู้ยิงสามารถยิงได้ในตัวรถ หรืออยู่นอกตัวรถ
เปิดตู้แร็คโหลดจรวดภายใน 3 นาที หรือ เปิดตู้แร็คพร้อมบรรจุใหม่ภายใน 3 นาที (ไม่แน่ใจนะครับ) รถบรรทุกติดตั้งไฮดรอลิกผ้าใบแบบพับเก็บได้เมื่อจะบรรจุ และผ้าใบจะปิดเมื่อรถบรรทุกวิ่งอยู่
รถจะติดตั้งเซ็นเซอร์ความลาดเอียงและลาด , ระดับความสูงและเซ็นเซอร์ azimuth รวมทั้ง GPS และระบบไฟคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิงอย่างถูกต้องสูง
รูปที่ท่าน spooky ลงเอาไว้เรื่องการใช้เครนยกเปลี่ยนชุดยิงที่สาม สี่
แต่ตระกูล SR จะแบ่งเป็นชุดกล่องยิงสองตับแบบป๋าจูลกล่าวไว้ SR-4 ตับละ 20 ลูก จำนวนสองตับ(2กล่องยิง) แต่ไม่มีระบบบรรจุบนตัวรถเลยแบบ type 90B จะเปลี่ยนชุดยิงถัดไปก็โดยการใช้เครนยกเปลี่ยน ไม่รู้ผมเข้าใจถูกไหม ดูแล้ว type 90B น่าจะยิงชุดที่สองได้เร็วกว่าจริงๆ แต่ทาง DTI น่าจะพัฒนาชุดบรรจุบนรถเลยได้ไม่ยากนะครับ เพราะดูแล้วก็ไม่น่าจะซับซ้อนอะไร
ถ้า DTI รับมาแล้วมีการพัฒนาต่อยอดให้มีชุดบรรจุจรวดบนรถมาเลย ระบบของ DTI ก็น่าจะแตกต่างกับของจีน คือ แทนที่จะบรรจุทีเดียว 1 ตับยิง 40 ลูก แบบ type 90B ก็กลายมาเป็นบรรจุตับละ 20 จำนวนสองตับแทน เวลายิงจะยิงทีละตับ 20 นัด จึงยิงต่อเนื่องได้ 4 ชุด
ได้ SR-4 มาก็ดี เพราะจะได้ออกแบบพัฒนาระบบที่คล้ายๆ SR-5 ที่สามารถติดตั้งจรวดได้ 2 ขนาด ซึ่งเหมาะสมติดตั้งผสมกันระหว่าง DTI-2 (230 mm.) DTI-3 (160mm.) ซึ่งให้ระยะยิงผสมได้ 40 - 80 กิโลเมตร ดูจากรูป SR-5 เวลาต้องโหลดจรวดชุดใหม่น่าจะต้องมีรถบรรจุจรวดแยกต่างหากอีก 1 คัน เพราะเห็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการบรรจุจรวดบนแท่นยิงอยู่ เป็นแขนยื่นออกมายาวๆ เวลาบรรจุใหม่คงต้องหันแท่นยิงไปท้ายรถ ยิ่นแขนพยุงกล่องบรรจุจรวดออกไป DTI ของเราน่าจะพัฒนาส่วนนี้ได้ไม่ยากเย็นเช่นกัน ถือว่าการซื้อชุดนี้มาเพื่อจะได้มีการพัฒนาโดยเสียเวลาในการพัฒนาและค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด จะยากก็ตรงเรื่องทำอย่างไรให้ระบบมีความแม่นยำสูง ดุแล้ว SR-5 มีระบบการบรรจุแบบนี้จะช้ากว่าระบบ type 90B แต่คงชดเชยที่ความแม่นยำที่เหนือกว่าแทน
แต่....เออ.....ถ้า DTI สามารถพัฒนาได้แบบผมว่า มันก็คงไปซ้ำหรือหน้าตาระบบจะคล้าย PR-50 อีกอยู่ดี แต่ใน PR-50 ไม่แน่ใจว่าเวลาเปลี่ยนชุดลำกล้องที่ร้อนจะใช้เครนยกเหมือนกันหรือเปล่า แต่น่าจะเป็นแบบนั้น ยิง 4 ชุด(ชุดละ 20 )เสร็จสามารถเผ่นออกจากที่ตั้งได้ทันทีรวดเร็ว จีนพัฒนา MLRS มาสาระพัดแบบจริงๆ
ขอยืมรูปที่ป๋าจูลลงเอาไว้หน่อยนะครับ
ถ้าซื้อมาพัฒนาต่อยอดผมขอชื่นชมในความคิดก้าวหน้า หวังว่าคงไม่เกิน10ปีคงได้เห็นบั้งข้าวหลามป้องโตๆ เหมือนรถดูดส้วมของรัสเซียคันนี้
ขอร่วมลงชื่อสักหน่อยช่วงนี้มีแต่กระทู้ฮอตๆ เรื่องจะจบลงเช่นไรยังไม่รู้แน่ชัด แต่ที่แน่ๆนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าไว้ใจเจ๊ก ฮ่าๆ
ตอนนี้ยังไงจีนก็ยังไม่ไว้ใจเรา 100% ครับ ตราบในที่เรายังสุงสิงกับอเมริกา หรือยังเป็นกลางอยู่ ถ้าเราจะเอาเทคโนโลยีจากจีน ร่วมวิจัยกับจีนจริงๆ เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้จีนเห็นครับว่าเทคโนโลยีที่ได้รับมาจากจีนจะไม่หลุดไปถึงอเมริกาครับ เพราะไม่งั้นก็จะกั้กกันแบบนี้
ผมคิดว่าไทยรักษาระยะห่างจีนกับสหรัฐไว้ตรงกลางเป็นการดีที่สุด แน่นอนจีนและสหรัฐย่อมไม่ไว้ใจเรา 100% อาจจะไว้จัด 70% ดังนั้นอาวุธ เทคโนโลยีทุกอย่างจะต้อง down grade ลงมาระดับนึง ทางแก้คือเราต้องหาพันธมิตรชาติเป็นกลางมากๆที่อยู่ในแต่ล่ะทวีปมาเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอาวุธ และเทคโนโลยี เช่น สวีเดน(ยุโรป) อาฟริกาใต้(อาฟริกา) บราซิล(อเมริกาใต้) ไทย(เอเชีย) เป็นต้น ส่วนการจัดซื้ออาวุธก็แบ่งสัดส่วนดังนี้ ชาติพันธมิตรเป็นกลาง: สหรัฐ: จีน = 60:20:20 ทั้งนี้เพื่อแสดงความเป็นกลางอย่างแท้จริงและเพื่อให้ไทยมีอาวุธที่ทัดเทียมไม่ล้าสมัย และเพื่อให้สามารถดำรงความเป็นกลางอยู่ได้ ครับ
เรื่อง สหรัฐ กับ ไทย หรือ จีน กับ ไทย....
ผมคิดว่า...คงเป็นเรื่อง ความเป็นกลางของไทย ที่มีลักษณะเชิง คอร์รับชั่น มากกว่าครับ...
จีน ไม่วางใจในเรื่อง เทคโนโลยี่ ทางการทหารกับ ไทย...เพราะ กลัว สหรัฐ รู้ความสามารถที่แท้จริง ของ จีน....
สหรัฐ ไม่วางใจในเรื่อง เทคโนโลยี่ ทางการทหารกับ ไทย...เพราะ กลัว จีน จะ copy ความสามารถที่แท้จริง ของ สหรัฐ....
ลอง เปรียบเทียบ กับ ปากีสถาน ครับ...
ไม่ว่า สหรัฐ หรือ จีน ก็ส่งมอบ เทคโนโลยี่ทางการทหาร ที่มากกว่า ไทย...ทั้ง ๆ ที่ เพิ่งจะเริ่มมีความสัมพันธ์ กันไม่นาน...น้อยกว่า ไทย...แน่นอน...
การ คอร์รับชั้่น ไม่ได้ หมายถึง นักการเมือง 100%...เพราะ นักการเมือง ในประเทศไทย ไม่มีอำนาจในทางการทหาร....
แต่การทหาร ประเทศไทย สามารถ คอร์รับชั่น ในด้านความสัมพันธ์ระบบ อุปถัมภ์...ที่ ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับ การเมือง...นักธุรกิจ ที่ไม่ใช่ นักการเมือง...
ก็สามารถ คอร์รับชั่น ในลักษณะ อุปถัมภ์ ได้ และมากกว่า นักการเมือง หลายเท่ามาก...
แต่โดยลักษณะ สังคมไทย...มักจะ ตัดสินใจ กับ สิ่งที่เขาอยากให้เห็น กับ สิ่งที่เขาอยากให้ได้ยิน...มากกว่า วิเคราะห์จาก สิ่งที่เขาอยากให้เห็น กับ สิ่งที่เขาอยากให้ได้ยิน แล้วมาวิเคราะห์หา เหตุผล...
ระบบ อุปถัมภ์ จึงเป็นระบบ คอร์รับชั่น เชิง จริยธรรม...หรือ ทฤษฎี ล่าแม่มด...คงไม่แตกต่างกัน...
เราถึงได้เห็น เรือเหาะ หรือ GT-200 ที่น่าเคลือบแคลงสงสัย...ในขณะเดียวกัน เรายังได้เห็น การขอรับ บริจาค เสื้อเกราะ ชุดป้องกันระเบิด มอเตอร์ไซด์ อุปกรณ์ช่วยรบ...ในราคา หลักหมื่น หลักแสน...ซึ่งมูลค่าน้อยกว่า เรือเหาะ หรือ GT-200 หลายสิบ หลายร้อย เท่า ที่ไม่น่าจะมีความเคลือบแคลงสงสัย ถ้าจะจัดหามาสัก หมืน หรือ แสน ชุด...มีนเลยเป็นสิ่งที่ขัดแย้ง ด้วยตัวของมันเอง...
แล้วความเห็นข้างต้น เกี่ยวอะไรกับ หัวข้อกระทู้นี้...
ก็คือว่า
จัดหา Type 81 แต่ได้ SR-4 ในราคาที่ถูกกว่า...โดยใช้การอนุมัติ แบบ ลับ โครต...มาก....ในมูลค่าโครงการ 600 กว่าล้านบาท...ข้อมูล สับสน และ น่า งง...โครต..มาก... จนน่าจะเรียกว่า อนุม้ัติแบบ Levi 501 (ริมแดง)...5 5 5 5 5
ถ้า ทร. รู้งี้...ทำกับ U-206A ซะ ก็จบแร่ะ...ของ อนุมัติ เรือดำน้ำ แบบ ริมแดง...หุ หุ หุ หุ....
กร๊ากกกก......5555555........เพิ่งเคยเห็นป๋าจูลวีนแตกก็วันนี้อ่ะครับ และมาฮา...รอบสองด้วยที่ว่า ถ้าทร.รู้งี้ทำกะ type 206A ซะก็จบแร๊ะ.......55555555.............เจ็บจริงๆอ่ะ.........