ข่าวจาก Defensenews
http://www.defensenews.com/article/20120930/DEFREG01/309300001/Will-Exit-Clause-Doom-8216-Super-8217-Gripen-?odyssey=tab|topnews|text|FRONTPAGE
แปลแบบ งูๆปลาๆ อาจจะผิดก็ได้
ก็ประมาณว่า ถ้า สวิตเซอร์แลนด์ เปลี่ยนใจจาก Gripen ไปเป็น RAFALE จากบริษัท Dassault ทางสวีเดน ก็จะเลิกพัฒนา Gripen E/F
อีกทั้ง Dassault (ดัสโซลต์) ยื่นข้อเสนอ มาล่อตา ล่อใจ อีกทั้งยังเป็นเครื่องที่คะแนนรวม มาอันดับ 1 จากผลการทดสอบโดย ทอ.สวิตเซอร์แลนด์
Dassault’s revised offer comprises four price-of-delivery options:
• 22 Rafales for $3.3 billion.
• 18 aircraft for $3.1 billion, including all capabilities requested by Switzerland.
• 18 Rafales, excluding air-ground and reconnaissance capability, and simulators.
• 12 aircraft for $2.34 billion, offering full capabilities and simulators with an operational efficiency that Dassault claims is comparable to 22 Gripen aircraft.
วิเคราะห์โดยความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า ไม่รู้ว่าทาง สวีเดน เขาเรียกค่าลงขัน ในการวิจัยและพัฒนา GRIPEN E/F ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีการเรียกร้องด้วย เมื่อรวมกับราคาเครื่องบิน ก็อาจจะมีราคาที่แพงกว่าไปซื้อ RAFALE ของฝรั่งเศส ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าพัฒนาเครื่องเพิ่ม
ก็ต้องดูกันต่อไปครับ อนาคตของ Gripen จะเป็นยังไง
ถ้าไม่พัฒนา GRIPEN E/F แล้ว SAAB อาจจะหันไปพัฒนา SAAB FS2020 เลยก็ได้นะครับ อาจจะเป็นการดี ที่เครื่องบินรบ ยุคที่ 5 ของไทย จะได้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นแบบไม่กั๊ก เทคโนโลยี่ (แต่จะมีปัญหาในเรื่องเงินที่ใช้ในการพัฒนาหรือเปล่านี่สิ เพราะเครื่องยุคที่ 5 อย่าง F-35 ก็ลงขันกันหลายประเทศ โครงการ KFX ของเกาหลีใต้ ก็ส่อแววพับโครงการ เพราะรัฐบาลเกาหลีใต้ แบกรับค่าใช้จ่ายสูงถึง 80% อินโดนีเซีย 20%)
สวิสตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่หรอครับ หรือยังไง หรือเขายัง ไม่ซื้อ งง เบย*-*
ผมว่าเพียงแค่การที่สวิสถอนตัวออกไม่น่าจะส่งผลให้โครงการล้มหรอกครับ นอกเสียจากประเทศสวีเดนจะเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะดีลของสวิสนั้นเครื่องแค่ 22 ลำ ขณะที่สวีเดนจะซื้อ 60-80 ลำ และ 80 ลำคือจำนวนขั้นต่ำในการคืนทุน ดังนั้นผมจึงมองว่าถ้าหากสวิสไม่ถอนตัวสวีเดนจะซื้อ 60 ลำขั้นต้นก่อน แต่ถ้าหากสวิสถอนตัวสวีเดนก็จะซื้ออย่างน้อย 80 ลำ
ผมเห็นด้วยตามที่ Ulf Frings แกบอกในบทความ คือการพัฒนาจ๊าสของสวีเดนเป็นเรื่องของอุตสาหกกรมมากกว่าการเมืองหรือการป้องกันประเทศ (กล่าวคือ ถ้ารัฐบาลอยากประหยัดเงิน ก็ไปซื้อเครื่องคนอื่นมาใช้ก็ได้ ถูกกว่าพัฒนาเองอยู่แล้ว)
ส่วน fs 2020 ผมว่าเกิดยากกว่าจ๊าส EF มาก เพราะ EF มันแทบจะเสร็จแล้ว ส่วน FS2020 ยังไม่ถึงไหนเลย
ด้านราคาของดัสซัลท์ก็ออกมาได้เวิร์กจริง แต่ต้องอย่าลืมว่า สวิตเซอร์แลนด์เลือกจ๊าสเป็นผู้ชนะโดย base บนความประหนัดไม่ใช่สมรรถภาพ ดังนั้นการที่เครื่องราคาถูกกว่าไม่มากก็อาจไม่สามารถโน้มน้าวรบ.สวิสได้
ผมเห็นด้วยว่าถึงไม่มีสวิสฯ โครงการ JAS39E/F ก็คงต้องดำเนินต่อไปแน่นอนเพราะเป็นรุ่นที่แค่พัฒนาต่อยอดจากเดิมไม่ใช่ของใหม่ทั้งหมด และถ้าสวีเดนผลิตจริง 80 ลำ ราคาก็คงไม่เกิน 100 ล้าน US ซึ่งราคานี้ถ้าไม่มีการเมืองระหว่างประเทศมาแทรกก็น่าจะขายได้พอสมควร และต้องอย่าลืมว่าอุปกรณ์ที่พัฒนาในรุ่น E/F อนาคตอาจจะนำมาติดตั่งในรุ่น C/D ด้วยหากลูกค้าต้องการ และสวีเดนยังต้องทำต่อไปเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของลูกค้าเดิมที่ใช้รุ่น C/D ผมมองว่าสวีเดนคงจะแก้ทางโดยออกรุ่น C/D mini plus ออกมาเพื่อให้ราคาต่ำลงมาอีกและเพื่อสนองความต้องการลูกค้าเป็นรายๆไป ครับ
รัฐบาลสวิสยืนยันการสั่งซื้อ Gripen แม้ต้องเผชิญความเสี่ยง/สวิสเซอร์แลนด์ – เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมารัฐสภาสวิสเซอร์แลนด์ได้ลงมติเห็นชอบการจัดซื้อเครื่องบินเอนกประสงค์แบบ JAS 39 Gripen E/F จำนวน 22 ลำ หลังจากคณะกรรมาธิการจัดหาได้ยื่นเรื่องต่อรัฐสภาแม้ว่าจะมีเสียงออกมาให้ระงับการจัดซื้อไว้ก่อน เนื่องจากมีรายงานออกมาก่อนหน้านี้โดยคณะกรรมาธิการถึงข้อกังวลด้านเทคนิค การเงิน และความเสี่ยงในเรื่องของการล่าช้าในการส่งมอบสินค้า โดยก่อนหน้านี้ทางสวิสเซอร์แลนด์ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Dassault Rafale ของฝรั่งเศสและ Typhoon ของบริษัท Eurofighter ซึ่งก่อให้เกิดข้อถกเถียงในวงกว้าง อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีกลาโหมของสวิสเซอร์แลนด์ นาย Ueli Maurer ได้ออกมายืนยันว่าการจัดซื้อครั้งนี้ได้ผ่านการศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบพร้อมกับกล่าวตำหนิรายงานที่ออกมาก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เลยเพราะรายงานนั้นออกมาล่าช้าในขณะที่การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับบริษัท Saab นั้นแทบจะได้ข้อสรุปแล้ว ทั้งนี้รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์นั้นต้องการเร่งจัดซื้อเครื่องบิน Gripen เพื่อเข้ามาประจำการแทนเครื่องบินรบแบบ Northrop F-5 Tiger II ที่ใกล้ปลดประจำการ- Janes
อัตราค่าใช้จ่ายในการฝึกเทียบรุ่นต่อรุ่น
แก้ไขภาพ
Flight hour cost
ขอบคุณมากครับน้องท๊อป
Jas-39 เป็นเครื่องที่ดีตัวหนึ่ง แต่สเกลการผลิตไม่เวิอร์ค กำลังทางการเงินของบริษัทไม่ค่อยดี ดังนั้นการตลาดจึงอ่อน ดีลนี้เป๊นดีลที่สองแล้วที่แพ้ rafale มีแนวโน้มสูงที่จะแพ้ในดีลของบราซิลด้วยถ้าเป็นแบบนี้ SAAB ขาดแคลนเงินในการพัฒนาเครื่องเป็นอย่างมาก รัฐบาลสวีเดนก็พยายามอุ้ม SAAB จนถึงที่สุด งานนี้ทางทอ.สวีเดนคงต้องปลด jas-39 c/d ไปเป็นเครื่องสำรองประจำการเร็วขึ้นตามคาด เพื่อเปิดทางให้ซื้อรุ่น E/F แต่รัฐบาลคงถูกโจมตีอย่างหนักแน่ๆ เพราะปัจจุบันก็เอารุ่น A/B มาใช้ในการฝึก เป็นการอุ้มบริษัทเป็นอย่างมาก
ข่าวแบบนี้ไม่ค่อยน่ายินดีกับผู้ใช้ Jas-39 เลย แต่ถ้ามองในแง่อุตสาหกรรมและการค้า ก็เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเข้าร่วมทุนกับ SAAB แต่โครงการผลิตอากาศยานภาคเอกชนของเราเองตอนนี้ก็ยังไม่มีการไฟเขียวให้ญี่ปุ่น ก็เลยยังทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และคงต้องใช้เงินมหาศาลด้วยในการร่วมทุนเพื่อดูดเทคโนโลยี ซึ่งเสี่ยงในด้านที่จะถูกโจมตีทางการเมืองเช่นกัน ยิ่งการเมืองภายในของเราเองยังไม่สงบอยู่ด้วย
ถ้าทอ.ยังรักชอบ SAAB ต่อไป ต้องรีบจัดหาเฟส 3 แล้วนะครับ ดีลที่เสนอ คือ ซื้อเฟส 3 พร้อมเช่าซื้อ jas-39 c/d อีก 1 ฝูง (แนะนำให้เอาฝูงที่เตรียมจะปลดของทอ.สวีเดนเพราะอายุโครงอากาศยานยังอีกมาก) พร้อมทั้งคิดเผื่อเรื่องอะไหล่ไว้ให้มากๆด้วย เพราะแววการเงินของ SAAB ดูไม่ดีเลย รัฐบาลสวีเดนจะอุ้ม SAAB ไปได้อีกนานเท่าไรไม่รู้
แต่คุณ neosiamese 2 ครับ จากทางข่าว web DTI ที่แปลจาก jane อีกที
บอกว่ารัฐสภาสวิสอนุมัติให้ซื้อ jas -39 แล้วนี้ครับ คือสงสัยว่าเค้าเปลี่ยนมติสภากันกลางอากาศแบบนี้ได้ด้วยหรือครับ
เรื่อง gripen C/D plus ตามที่คุณ rayong ว่าก็เป็นไปได้นะครับ เพราะอย่างที่ซ้าบเสนอไปให้บราซิลก็ระบุว่าถ้าต้องการเครื่องภายในปี 2014 ก็จะได้รุ่น C/D แต่มีอัพเกรดเช่นเรดาร์ aesa สำหรับ E/F แต่หากอยากได้รุ่น E/F แท้ๆ ก็รอปี 2018
สำหรับ Gripen ผมว่าได้ดีลสวิส คงน่าจะพอไปได้นะครับ แต่อย่างที่คุณ neosiamnese บอกว่า อยากให้ ทอ. จัดหาเฟส 3 คงเป็นไปได้ยากนะครับ ภายใน 3 ปีนี้ ถ้าเกินกว่านี้คงรอดูกันยาวๆ อีกที ถ้า Saab เลิกทำก่อนก็คงจนใจแหล่ะครับ เราไมไ่ด้มีเงิืนขนาดนั้นจะไปสั่งได้
อีกอย่างเรื่องอะไหล่ ถ้าเขาเลิกทำเครื่องบินจริงๆ ก็คงมีอะไหล่สนับสนุนแหล่ะครับ เพราะสวีเดนก็ใช้อยู่ คงไมไ่ด้เป็นเรื่อหนักหนามาก ขนาดขาดอะไหล่รุนแรง แต่ถ้าประจำการเกิน 15 ปี อันนี้ต้องดูกันยาวๆ ครับ เพราะประเทศอื่น อาจจะปลดไปหา บ. อื่นทดแทนแล้ว ส่วนการลงทุนโครงการด้านการบิน ไม่ว่าจะสวีเดน เกาหลี หรืออื่น ผมมองว่าคงยังเป็นไปไม่ได้ในระยะเวลอันใกล้นี้ครับ ถ้าจะเอาถึงเป็นหุ้นส่วนหลักที่ อย่างของเกาหลี อินโด ต่อให้ไทยไปร่วมก็จ่ายอ่วมอยู่ดี ถ้าเป็นเสวีเดนแค่หารสองกันทำ หาคนอื่นร่วมไม่ได้ นึกไม่ออกครับว่าจะเอาเงินขนาดนั้นมาจากไหน ที่ไม่โดนฝ่ายการเมืองมาหักคอเอา ยกเว้นว่าเรามี GDP ที่โตมากๆ มีเงินเยอะ มีงบป้องกันประเทศมากขึ้นเยอะ ก็คงเป็นไปได้ครับ
สภาอนุมัติแล้ว ประกาศเลือกแบบแล้ว แต่ยังไม่จรดปากปกาเซ็น ลมนามสั่งซื้อ ก็ล้ม DEAL ได้ครับ เพราะรู้สึกว่า Deal Rafale ที่ อินเดีย ก็ยังไม่ได้เซ็นครับ ทางบริษัท Dassault เขาลุ้นให้เซ็น อยู่ ก็เพราะกลัวเป็นแบบนี้แหล่ะครับ
India to ink $11 billion MMRCA deal with Rafale by next month: Indian Air Force official
http://articles.economictimes.indiatimes.com/2012-09-08/news/33696640_1_eurofighter-typhoon-french-rafale-mmrca-tender
ก่อนหน้าหนี ก็มีการเล่นข่าว ให้อินเดีย ไปเซ็นกับ Typhoon แทนอีกด้วย ก็ตราบใดที่ยังไม่ จรดปากกาเซ็น ก็ยังเปลี่ยนใจทัน ก็เหมือนทาง สวิตเซอร์แลนด์ ถ้ายังไม่จรดปากกา เซ็นสัญญา ซื้อขาย Gripen กับ สวีเดน ก็ยังมีโอกาสเปลี่ยนแบบได้ครับ
jas-39 ถ้าว่ากันตามคุณภาพก็เหนือกว่าเครื่องขับไล่เบารุ่นใหม่ที่กำลังปล่อยลงสู่ตลาด เช่น F/A-50 Yak-133 แต่ว่าด้วยราคาของ E/F ที่แพงไม่น้อยไปกว่า F-35 การจะจัดหา E/F ดูแล้วทอ.ไทยแทบสิ้นหวัง ดังนั้นถ้าจะหวังจัดหาเครื่องบินขับไล่สกัดกั้นมาแทน F-5T และ F-16 ADF งานนี้ถ้ายังรักชื่นชอบ Jas-39 ก็ต้องเครียมตัวกันไว้ให้ดีๆก่อน เพราะยังไงดูแล้วรัฐบาลสวีเดนคงต้องอุ้มกันถึงที่สุดล่ะ แต่อย่าลืมว่ารัฐบาลในชาติยุโรปทยอยกันถังแตกกันทีละประเทศและกำลังลามไปเรื่อยๆ ผมก็เลยไม่แน่ใจว่ารัฐบาลสวีเดนจะจัดการเรื่องนี้ยังไงในอนาคต
แต่ยังไงซะ เครื่อง Jas-39 c/d block เก่าก็ยังมีอยู่ และJas-39 block เดียวกันกับที่เราใช้งานนั้นทางสวีเดนก็ต้องรีบปลดอยู่แล้วเพื่ออุ้ม E/F ดังนั้นไม่ใช่ว่าทอ.ไทยจะหมดหวังใช้ jas-39 แต่คงต้องเป็นมือสองซึ่งเหลืออายุการใช้งานอีกมาก ซึ่งยังมีให้เลือกซื้อได้อยู่ แต่ต้องวางแผนด้านอะไหล่มาให้ดี เหมือนกับที่ทร.ไทยเคยเราสนใจ Harrier 2+ ถ้าทร.กลับมาสนใจจัดซื้ออีกก็ต้องวางแผนด้านอะไหล่กันพอดู เพราะเขาเลิกสายการผลิตแล้ว ดังนั้นถ้าจะจัดหา Jas-39 ให้ครบ 3 ฝูง ดังหวัง คงต้องวางแผนโดยให้คิดว่าถ้าทางสวีเดนเลิกสายการผลิต เราจะทำอย่างไรในเรื่องอะไหล่ระยะยาว เพราะถ้าซื้อมาใช้ยังไงก็ต้องใช้กัน 25-30 ปีล่ะครับ
แล้วอีกอย่างคือ jas-39 มันยังสามารถทำ MLU ได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้มันมีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่า F/A-50 c/d ในรุ่นถัดไปแน่นอน( F/A-50 รุ่นถัดไปจากรุ่นนี้จะเปลี่ยนเครื่องยนต์กำลังสูงกว่า เรด้าร์ AESA ระบบต่างๆรุ่นใหม่) แต่ราคาของ F/A-50 ทั้งรุ่น a/b(ปัจจุบัน) c/d(อนาคต) ก็คงจะถูกกว่า jas-39 c/d พอควร
ส่วนเงินที่ใครๆว่าเราจน ผมไม่แน่ใจนะ ผมว่าประเทศเราอยู่ในฐานะปานกลาง ไม่ได้จนไม่ได้รวย เพราะดูจากโครงการภาครัฐที่วางแผนลงทุนใน infrastruction นั้นมีมูลละค่าหลายล้านๆบาท ซึ่งสามารถจะจัดหา jas-39 เป็นพันเครื่องเลย แต่ยังไงการพัฒนาด้านสาธาระณูปโภคจะไปสร้างความเจริญและอยู่ดรกินดี รวมทั้งไปมีผลต่อพลังทางอุตสาหกรรมด้วย ก็ย่อมดีต่อประเทศในระยะยาวมากกว่า
ดังนั้นมันอยู่มราทางกองทัพจะพูดให้ฝ่ายการเมืองเข้าใจได้ชัดเจนอย่างไรต่างหากว่า รวยขึ้นแล้วก็ต้องสามารถปกป้องผลประโยชน์ที่ตนเองมีอยู่ได้ด้วย
โครงการทางอุตสาหกรรมการบินนั้น จะเห็นว่าถ้าไม่มีตลาดเอกชนรองรับ มุ่งแต่ด้านการทหารเพื่อความมั่นคงเท่านั้นแบบเพื่อนๆหลายคนพูดว่ามันคุ้ม ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นภาระให้แก่รัฐบาลสวีเดนที่ต้องโอบอุ้มกิจการเอาไว้ให้ได้ด้วยเงินมหาศาล และกำลังตัดทอนให้พลังทางเศรษฐกิจของสวีเดนถดถอยไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกต่ำทั้งทวีปยุโรป เหมือนๆกับที่อินโดนีเซียเคยเจอมาจังๆ ควรเอามาเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เราในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเครื่องบิน ผมถึงสนับสนุนให้เราเป็นฐานการผลิตเครื่องบินของญี่ปุ่นเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้านภาคการผลิตเครื่องบินทหารจะได้ไม่ต้องมาลำบากในเรื่องต้นทุนต่างๆ
ถ้าทำได้ ยังไงก็เหนือกว่าทางเกาหลีใต้ เพราะ KAI นั้นส่วนแบ่งตลาดเครื่องบินเอกชนในตลาดโลกนั้นน้อยมากๆ แต่ที่สามารถทำราคาได้ขนาดนี้เพราะต้นทุนต่ำกว่ายุโรปและยังมีบริษัทอเมริกันยักษ์ใหญ่หนุนหลังอยู่ หวังได้มากในเรื่องทีอเมริกาจะใช้เครื่องรุ่นนี้เป็นเครื่องฝึกหลักของตน
ผมไม่เคยคิดว่าประเทศเราจนครับ แต่ที่บอกว่าเป็นไปได้ยากคือ ฝ่ายการเมืองกับการทหารมีการเปลี่ยนท่าทีตลอดเวลาครับ และฝ่ายค้านแต่ละกลุ่ม รวมถึงอื่นๆ คอยค้านค่อนข้างเยอะครับ และไม่มองว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่งที่ต้องส่งเสริม แถมกฎหมาย นโยบายส่งเสริมการลงทุนก็แย่ครับ ถ้าเราสามารถเปิดตลาดผลิตอากาศยานได้ อย่างที่ประเทศอื่นๆ ทำ ก็จะดีมากครับ อย่างน้อยอาจจะซื้อเครื่องไม่กี่ลำ ที่เหลือประกอบผลิตในประเืทศไทยแทนน่าจะดีครับ เสมือนที่มีโรงงานทั่วไป ไปตั้งในนิคม แล้วถ้าประชาชนไทยเข้าใจด้วย ซึ่งเกินกว่าครึ่งไม่ได้ใช้เหตผลหรือข้อมูลที่ดีพอ ติกันอย่างเดียว ถ้าอะไรเป็นทหาร นี่คือสิ่งที่ผมว่าเกิดยากครับ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยเราก็มีงบประมาณโอเค แต่ไม่สามารถแปรงบ หรือผันงบลงไปในจุดที่ขาดได้ ทำให้เสียโอกาสไปมากทีเดียว นั่นทำให้ผมคิดว่าการจะสั่งเครื่องบิน เรือรบ อะไรก็แล้วแต่ที่มียอดสูงระดับหมื่นล้านบาท คงเป็นสิ่งที่มีแรงเสียดทานเยอะพอควรทีเดียวครับ อาจจะทำได้ แต่อาจจะตัดโน่นตัดนี่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เงินมี แต่ฝ่ายเกี่ยวข้องไม่เข้าใจ
เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆละครับ ทุกอย่างมันสามารถเกิดได้เพียงเราคิดแค่1ก้าวแทนที่จะคิด2หรือ3ก้าว หลายสิ่งหลายอย่างที่เราจะเริ่มต้นยังไม่ไปไหนก็โดนเตะตัดขาเรื่อยจากผู้ที่อยู่ในมุมมืดและส่ว่างทั้งหลาย เห็นมากมายตามเว๊ปต่างๆที่ถามว่าทำไมเราไม่ทำโน่นทำนี่ ทำไมสิงคโปรืเขาถึงต่อเรือเก่งกว่าเรา ผลิตรถหุ้มเกราะ ผลิตปืนได้ มีบริทรับจ้างปรับปรุงเครื่องบิน อื่นๆอีกมากมาย........ตอบได้อย่างเดียวว่าก็คนของเรายังมองภาพของทหารและอาวุธเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก
คุณ rayong กับคุณ tongwarit คิดตรงกับใจผมเลย ว่าถ้าหาก JAS-39 E/F ล่มนั้น โอกาสที่จะเป็น JAS-39C/D+ ก็เป็นไปได้เหมือนกัน โดยอาจจะมีการอัพระบบเซ็นเซอร์ที่ทันสมัยขึ้น เช่น เราดาร์แบบ AESA และอาวุธที่ทันสมัยกว่าเดิม หรืออาจะจะพัฒนาถังเชื้อเพลิงแบบ CFT ขึ้นมาเพื่อให้ JAS-39C/D มีพิสัยการบินที่ไกลขึ้นกว่าเดิมก็ได้ครับ หาก JAS-39C/D ยังมีลูกค้าที่สนใจ แต่ส่วนตัวก็ยังเชื่อว่า JAS-39E/F ไม่ล่มแน่ครับ เพราะยังไงกองทัพอากาศสวีเดนก็ต้องคงรักษาการผลิตเครื่องบินรุ่นใหม่ไว้ และหากมีกองทัพอากาศใดสนใจ JAS-39E/F ก็เกิดขึ้นได้เสมอเพราะมันมีการพัฒนามาแล้วและแผนแบบก็มาจากรุ่นเดิมทำให้การพัฒนาไม่ต้องเริ่มต้นอะไรมากครับ ที่แน่นอนคือความประหยัดในการขึ้นปฏบัติภารกิจเป็นจุดเด่นของ JAS-39 ที่ใครๆก็ไม่มองข้าม