ถ้าไทยสั่งต่อรือประจัญบานขนาดเล็กขึ้นมาใช้ล่ะครับ จะเป็นยังไง
เเบบว่าขนาดใหญ่พอๆกับเรือฟริเกตที่ไทยใช้อยู่ มีปืนใหญ่5นิ้ว3ป้อม ป้อมละ2กระบอก มีเครื่องปล่อยจรวดc-802จำนวน2เครื่อง มีปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานเเละจรวด มีปืนกล.50รอบเรือ4กระบอก
จะดีไหมครับ
ยุคนี้ไม่น่าจะมีคำว่าเรือประจัญบาน (Battleship) ในการเรียกชั้นเรือรบในยุคปัจจุบันเเล้วนะครับ
จากสเป็กที่ให้มา น่าจะจัดเทียบชั้นเป็นเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ (Missile Cruiser) เเบบเรือชั้นโซเรเมนนีของกองทัพรัสเซียน่าจะใกล้เคียง มีป้อมปืนใหญ่เเท่นคู่เหมือนกัน
ดีครับเป็นตัวของตัวเองดีไม่เหมือนใคร
ขนาดอาวุธที่ท่านบอกมาวางบนเรือที่มีขนาดเท่าเรือฟรีเกตคงเอาไม่อยู่ สเปคที่ท่านบอกไว้มันโบร๊านโบราณไปไหมต่อเรือทั้งทีเอามันที่ทันสมัยจะดีกว่ามั้ง
งั้นถ้าขยายตัวเรือให้ใหญ่ขึ้นล่ะครับ ก็น่าจะพอๆกลับเรือฮู้ดนะครับ เจ๋งดี ผมอยากเห็นรูปเรือรัสเซียที่คุณAkulaพูดอ่ะครับ เเต่ว่าไอ้รูปข้างบนนั่นมันไม่ตรงกับสเปคที่ตั้งไว้เลยนะครับ เก่าซะขนาดนั้นคงไม่ไหว
ขอโทษครับคืออยากเห็นรูปของเรือรัสเซียที่คุณ tiger2 พูดถึงอ่ะครับ
เรือประจัญบานถึงจะเก่าเเต่ไม่กระจอกนะครับ ภารกิจของเรือมิสซูรี่ในสงครามอ่าวตอนปี91ก็เห็นกันเเล้วนี่ครับว่า ถึงจะล้าสมัยเเต่ไม่กระจอก
เล็กแบบที่ท่านว่าคงเป็นเรือประจัญบานไม่ได้หรอกครับ เรือประจัญบานมันต้องใหญ่ซึ่งมันเกินความจำเป็น ส่วนเรือโซเวรเมนนีนั่นมันเรือพิฆาต เรือรบปัจจุบันไม่ค่อยติดปืนเยอะนัก 120มม.กระบอกเดียวก็พอแต่ถ้าจะเอาแบบบ้าพลังแบบของรัสเซียมันก็ไม่ไหวใหญ่เกินความจำเป็นครับ
ของไทยตอนนี้เรามองไปที่เรือฟริเกตสมรรถนะสูงอย่างเดียว ถ้าจะไปเอาเรือพิฆาตผมว่าแพงมากสำหรับทร.ในอาเซียนก็ไม่มีใครมีเรือพิฆาตซักลำแค่เพียงเรือฟริเกตก็พอเพียงแล้ว อีกอย่างเรือประจัญบานคงไม่มีใครต่ออีกแล้วล่ะครับ
ภัยคุกคามทางเรือในปัจจุบันส่วนมากก็เป็นเรือดำน้ำกับอากาศยานเป็นส่วนมากครับ ที่น่ากลัวจริงๆก็คือเรือดำน้ำ ที่สามารถทำลายเรือที่มีความสำคัญด้านยุทธศาสตร์
ช่ายๆๆๆ เรือดำน้ำ เป็นภัยคุกคามต่อเรือผิวน้ำมากที่สุด
อย่าง เรือรบเกาหลีใต้ เพิ่งโดนเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือ
ยิงจมมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
ขอซื้อ สหรัฐ มา แล้วเอามา Mod ดีป่าว...อิ อิ อิ
เอาเรือฟริเกต 2 ลำให้รอดก่อนเถอะ....เฮ้อ....
ป้าจู เล่นผมตกใจแต่เช้าเลย เห็นภาพแรกไม่เท่าไร ภาพ 2 เฮ้ย แต่ผมว่าน่าสนใจในเรื่อง Mod ginvgikot
55+ ท่าน จูลดัส อารมณ์ดีนะครับเล่นเอาเรือมิสซูรี่(ไม่แน่ใจใช่ไหมเพราะมันมีหลายลำ)มาโมซะเทพเลย
....
เป็น โมเดล ของ ตปท. เขานะครับ...ไปดูด เขามา...เขาเอา มิสซูรี่ มา โมดิฟายด์ ใหม่ ครับ...
อ่านแล้วฮา
ส่วนความเห็นของผม ถ้าเรือเล็กก็คงไม่ใช่ battelship แล้วมั้งครับ เรือใหญ่ขนาดนั้นดูแลไม่ไหวมั้งครับ
เอา 099 มาชนกับป๋าจูหน่อน
ที่มีอยู่ปัจจุบันงบฯซ่อมบำรุงก็ต้องข้ามปีอยู่แล้ว เรือฟริเกตที่รบได้ 3 มิติ ฝั่งอันดามัน กับอ่าวไทย ฝั่งละลำ โดนฝูงบินถล่มรอดยาก แถมเผลอๆพม่าซื้อเรือดำน้ำก่อนไทยอีก
สนใจรุ่นนี้ไหมครับเรือเร็วโจมตี5555
เมดอินโซมาเลีย
รอเอ เลี่ยนบุกโลกก่อน ค่อยสร้าง ฮาๆๆๆ จริงๆผมเห็นต่างจากท่านอื่นๆนะครับ(ที่คาดว่าเรือรบใหญ่ๆมีปืนเรือเยอะๆแบบ เรือประจัญบาน จะหมดไปจากระบบอาวุธตลอดกาล และเรือดำน้ำจะขึ้นแท่นเทพสงครามทางเรือแทน) ผมว่าเรือแบบเรือประจัญบาน อีกไม่นานก็จะกลับมาแล้วครับ และเรือดำน้ำจะเริ่มด้อยคุณค่าลงไป มาดูความเป็นไปได้ของการกลับมาอีกครั้งของเรือประจัญบานก่อน ด้วยเทคโนโลยี กระสุนปืนนำวิถีระยะไกล LRLAP ระยะยิงสูงสุดได้ประมาณ 200 กิโลเมตรหละมั่ง และ เทคโน ปืนแม่เหล็กไฟฟ้า โดนหวังว่า จะทำความเร็วต้นที่ปลายกระบอกได้สูงกว่าการใช้ดินส่งหลายเท่าตัว(จริงๆมัน ไม่ได้วิเศษแบบนั้นในหนังหลอกเด๋วผมโดนว่าๆดูหนังมากไปอีก แต่จุดเด่นจริงของ 2 อันนี้ คือ ความประหยัด และราคาถูก) ส่วนที่ว่าเรือดำน้ำจะเริ่มด้อยคุณค่าลงไปก็เพราะเทคโนโลยีระบบป้องกันภัย ใต้น้ำ ที่เริ่มพัฒนาอย่างไม่ลับๆ เช่น ตอร์ต่อต้านตอร์(อันนี้มีมานานหละ) เป้าลวง(มีมานานมาก) ปืนคลื่นน้ำ ปืนใต้น้ำ(ประมาณ CIWS ที่ใช้ในการยิงตอร์นั้นแหละ แต่ตอร์มันช้ามากยิงยังไงก็โดนหละนะ ถ้าเทคโนโลยีตัวกระสุนมันสำเร็จอะ) ก็ประมาณนี้หละนะ
ว่าจะตอบเชียว ว่า ถ้าจะติดปืนเยอะ ๆ ขอ แบบ Rail Gun แทน ได้ไหม ^^
แค่คำว่าเรือประจัญบานขนาดเล็กก็คงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะเรือชั้นนี้ต้องใหญ่ถึงจะเรียกว่าเรือประจัญบาน ยิ่งกว่าเรือพิฆาต
และมีสนธิสัญา(อะไรสักอย่าง)ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้ามต่อเรือประัจัญบานแล้วครับ ปัจจุบันเลยไม่มีใครต่อครับ
มันใช้ในสงครามบุคนี้ไม่ได้แล้วน่ะสิ ยุคนี้ ยิงจรวดกันตั้งแต่ไม่เห็นตัว ไอครั้นจะเอาเรือไปจ่อ ยิงปืนใหญ่ใส่กันเหมือในสงครามโลกคงไม่มีแล้ว
มีคำถามอีกคำถามนึงครับ ขี้เกียจตั้งกระทู้ใหม่ จะเป็นการรบกวนมากไป ไม่เกี่ยวกับ เรื่องในบอร์ดนี้เลยคือ พระชุดเบญจบาคี ของปลอม เอาแบบไม่ต้องเนียนก็ได้ถูกๆ เท่าไรครับ คืออยากใส่ไว้ดูโก้ๆน่ะครับ 5555+
หลังจากมีมิสไซล์ อาวุธปืนเรือหน้าที่หลักก็กลายเป็นยิงระดมฝั่ง ยิงสนับสนุน ไม่ใช่ยิงต่อต้านเรือเหมือนก่อนแล้ว ส่วนเรลกันที่ยิงใกลๆนั้น อีกนานกว่าจะได้เกิดครับ ภายในยี่สิบปีนี้ยังคงไม่ได้ประจำบนเรือจริงๆ อย่างมากก็เป็นต้นแบบ
แต่ถึงเรือจะมีปืนเรลกันก็ทำอะไรเรือดำน้ำไม่ได้ดีกว่าเดิมครับ
ต้องปรับปรุงเรือ ให้ตรวจจับเรือดำน้ำโดยไม่ใช้เรดาร์ ตรวจสอบการกระเพี่ยมของน้ำโดยใช้ทุ่นใต้น้ำ ปรับปรุงให้ทุ่นมันเคลื่อนที่ตามที่เราบังคับได้ ให้มันคอยระวังภัยให้เรือให้กว้าง เเล้วพอเรือเคลื่อนที่ก็ให้มันเคลื่อนที่ตามเรือ
ปกติเรือก็ไม่ได้ค้นหาเรือดำนำ้ด้วยเรดาร์อยู่แล้วครับ แต่ใช้โซนาร์ตรวจจับคลื่นความสั่น มีทั้งแบบพาสซีฟกับแอ็คทีฟ แบบพาสซีฟก็ทำงานคล้ายกับทุ่นที่คุณ f8 หมายถึง แต่ความกระเพื่อมของน้ำหยาบกว่าคลื่นเสียงเยอะมากๆๆๆๆๆครับ ลองไปค้นข้อมูลดูนะครับ
ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าเรือดำน้ำจอดกบดานนิ่งๆก็ไม่ต้องหากันพอดี
แนวทางที่มีการคิดกันสำหรับอเมริกก็คือให้มีเรือดำน้ำขนาดมินิ หลายๆลำ ทำหน้าที่เหมือนโดรนตรวจการณ์เปิดโซนาร์แอ็คทีฟติดอาวุธล่วงงหน่าเรือแม่ไปรุมกินโต๊ะพลีชีพ (กรณีตรวจพบเรือดำนำ้ข้าศึก)เพื่อให้เรือแม่รอดจากเรือดำน้ำ
ผมขอขยายความเรื่อง เรือประจัญบานในอนาคต ต่อสักนิดนะครับ ขอว่าในด้านการโจมตีเรือผิวน้ำนะครับ(ส่วนโจมตีภาคพื้นดินคิดว่าคงไม่ต้อง อธิบาย) หลักนิยมในการสร้างเรือ(ระดับลาดตระเวนขึ้นไป) มันจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยอะครับ สมัยสงครามโลก ก็จะเน้น เรือใหญ่ ปืนใหญ่ๆ(แต่มันยิงได้ไม่ไกลและไม่แม่นยำเท่าไร) เกราะหนาๆ(เกราะหนาเป็นระบบป้องกันเรือนั้นเอง) สมัยปัจจุบัน ก็จะเน้นไปที่ เรือเล็ก(ไม่เกินหมื่นตัน) ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี(รวดเร็ว รุนแรง แม่นยำ) ไม่มีเกราะแต่มีระบบป้องกันตัวต่างๆทดแทน(ตัวเรือบางเท่าเรือโดยสารอะ) ก็ต้องบอกว่าเรือสมัยสงครามโลกคงสู้เรือปัจจุบันไม่ได้อยู่แล้วก็ตรงที่ ระบบอาวุธ และ ระบบป้องกันตัว ทำให้มีแนวคิดที่ว่าในอนาคตน่าจะสร้างเรือที่มีข้อดีของทั้ง 2 สมัยนี้ คือ เรือประจัญบานสมัยใหม่(โดยมีหลักคิดที่ ว่า ใช้ปริมาณในการโจมตีเหนือกว่าปริมาณการป้องกัน) โดยมีระบบ "ปืนยิงกระสุนนำวิถีระยะไกล" รูปแบบประมาณ LRLAP(ระยะยิงประมาณ 200 ก.ม. มันไกลกว่าเจ้า Harpoon หรืออาวุธปล่อยค่ายอื่นๆในรุ่นเดียวกันอีกนะ แต่ราคาต่อลูกมันถูกกว่ามากอะครับ เพราะอาวุธปล่อยจะมี ส่วนหัวรบ ส่วนขับเคลื่อนที่มีมูลค่าสูง และส่วนนำวิถีที่ซับซ่อนมีมูลค่าสูง แต่กระสุนนำวิถีระยะไกล มีแค่ ส่วนหัวรบ กับส่วนนำวิถีที่ไม่ซับซ่อนมีมูลค่าน้อยครับถ้าวิจัยสำเร็จอะนะ) เรือประจัญบานสมัยใหม่นี้ สามารถระดมยิงกระสุนปืนนำวิถีระยะไกลใส่เรือรบเป้าหมายได้ในอัตราที่สูงครับ(เพราะมันราคาถูกมากเมื่อเทียบกันอาวุธปล่อยนำวิถี 1 ลูก เท่ากับกระสุน 40 ลูกเลยที่เดียว ถ้าวิจัยได้สำเร็จอะนะ) จนระบบป้องกันเรือข้าศึกตอบโต้ไม่ทันหรือหมดกระสุนไปเอง
ยกตัวอย่างจะเห็นภาพกว่า สมมุติ มีเรือชั้นเดียวกับ USS John Paul Jones(90 cell) แล้วกัน อยู่ 2 ลำ ลำที่หนึ่งแบบต้นตำรับเลยครับ(90 cell ให้ติดตั้ง ESSM 360 ลูกเลย มี harpoon 8 ลูก) ลำที่สอง ดัดแปลงติดปืนเรือใช้กระสุนปืนนำวิถีระยะไกล 8 กระบอก(กระสุนนำวิถีระยะไกลขนาดประมาณลูกปืนใหญ่ 155 ได้อะคิดว่าเก็บบนเรือได้หลายพันนัด) ใช้พื้นที่จนเหลือ (40 cell ติด ESSM 40 ลูกพอ ที่เหลือจิปาถะ) ถ้าเข้ามาในระยะยิงของทั้งคู่แล้วยิงใส่กันแบบหมดหน้าตัก จะได้ว่าลำแรกยิง harpoon 8 ลูก มาที่ ลำสอง ที่มี ESSM 40 ลูก โอกาสป้องกันได้มีสูงมากๆ ในขณะเดียวกัน ลำสอง ยิงกระสุนปืนนำวิถีระยะไกลในอัตรา 120 ลูกต่อนาที(จริงๆยิงแค่ครึ่งนาที ระบบเอจิสก็ล็อคเป้าหมายไม่หมดแล้ว แต่ต่อให้แล้วกัน ว่าสามารถล็อคเป้าได้ไม่จำกัดจำนวน) ยิงติดต่อกัน 3 นาที มาที่ ลำหนึ่ง ที่มี ESSM 360 ลูก ถ้าลำหนึ่งจะป้องกันได้ก็ต้องใช้ ESSM ทั้งหมดที่มี แต่ถ้า ลำสองยิงเกิน 3 นาที จะต้องเป็นหน้าที่ของ CIWS 2 กระบอกรับหน้าที่ต่อ คิดว่าไม่มีทางป้องกันได้(กระสุนนำวิถีระยะไกลอาจมีการเพิ่มความเร็วในช่วงสุดท้ายก็ได้ครับ รูปแบบประมาณ LRLAP คล้ายๆอาวุธปล่อยนำวิถีด้วย บวกกับแรงดึงดูดโลกเพราะเป็นการยิงแบบวิถีโค้ง ความเร็วเข้าปะทะอาจสูงมากขนาดไม่จำเป็นต้องมีหัวรบด้วยซ้ำ) ก็เป็นอันจมแน่นอนครับถ้าลำสองยิงเกิน 3 นาที นี้คือความได้เปรียบของ เรือประจัญบานในอนาคตครับ ซึ่งเป็นความคิดต่อยอดมาจาก กระสุนปืนใหญ่นำวิถี ที่หลายๆประเทศใช้กันอยู่ในปัจจุบันกับปืนใหญ่สนามและปืนใหญ่อัตาจร สุดท้ายก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าใครจะเป็นคนเริ่มพัฒนา เรือประจัญบานสมัยใหม่ ก่อนกัน(ถ้ากระสุนนำวิถีระยะไกล รวม กับปืนแม่เหล็กไฟฟ้า คิดว่า ระยะยิงน่าจะไกลถึง 500 ก.ม. เลยที่เดียวถ้าวิจัยกันสำเร็จอะนะ)
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
271 metres |
Beam: |
33 metres |
Draught: |
11 metres |
Displacement: |
58000 tonnes full load |
Propulsion: |
4 screws; geared turbines; 8 Babcock & Wilcox Boilers; G.E. (BB-61;BB-63); West. (BB-62; BB-64; BB-66); 212,000 shp (158,000 kW) |
Complement: |
1800 men |
Armament: |
Cold War/Gulf War: 9 × 16-inch / 50 cal. Mark 7 guns |
Speed: |
30.3 kn (56 km/h) |
Armour: |
Belt: 12.1 in (310 mm) |
Aircraft: |
Cold War/Gulf War: |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
183 metres |
Beam: |
24.1 metres |
Draft: |
8.4 metres |
Displacement: |
14564 tonnes full load |
Propulsion: |
2 Rolls-Royce Marine Trent-30 gas turbines and emergency diesel generators, 78 MW |
Complement: |
140 men |
Armament: |
20 × MK 57 VLS modules, comprising a total of 80 missiles |
Speed: |
30.3 kn (56 km/h) |
Armour: |
limited Kevlar splinter protection in critical areas |
Aircraft: |
2 SH-60 LAMPS helicopters or 1 MH-60R helicopter |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
173 metres |
Beam: |
17 metres |
Draft: |
9.5 metres |
Displacement: |
9500 tonnes full load |
Propulsion: |
4 × General Electric LM2500 gas turbines, 2 shafts, 80,000 shp |
Complement: |
360 men |
Armament: |
2 x Mk 26 Guided Missile Launching System (CG-47 through -51) |
Speed: |
32+ knots (exact maximum classified) |
Armour: |
limited Kevlar splinter protection in critical areas |
Aircraft: |
2 x SH-60B Seahawk LAMPS III helicopters |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
138 metres |
Beam: |
17.3 metres |
Draft: |
6.7 metres |
Displacement: |
4200 tonnes full load |
Propulsion: |
2 × General Electric LM2500 gas turbines; 1 shaft; 41,000 shaft horsepower (31 MW); 2 x Auxiliary Propulsion Units, 350 hp (.25 MW) retractable electric azipods for maneuvering and docking. |
Complement: |
176 men |
Armament: |
1 × single-arm Mk 13 Missile Launcher with a 40-round magazine that can handle SM-1MR anti-air/ship missiles and Harpoon anti-ship missiles. Removed from U.S. ships starting in 2003, due to retirement of the SM-1 missile |
Speed: |
30 knots (35 mph or 56 km/h) |
Sensors: |
Radar: AN/SPS-49, AN/SPS-55, Mk 92 fire control system |
Aircraft: |
1 or 2 × anti-ship and -sub helicopters (the SH-2 Seasprite on short-hulls, the SH-60 Seahawk LAMPS III on long-hulls) |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
47.5 metres |
Beam: |
13.5 metres |
Draft: |
1.0 metres |
Displacement: |
274 tonnes full load |
Propulsion: |
Loiter diesel engine |
Complement: |
16 men |
Armament: |
8 Naval Strike Missile SSMs (when available) kept in an internal weapons bay |
Speed: |
In rough sea: |
Sensors: |
Thales MRR-3D-NG air/surface radar |
Soft kill: |
MASS decoy (32) |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
175 metres |
Beam: |
23 metres |
Draft: |
12 metres |
Displacement: |
Surfaced: |
Propulsion: |
2×OK-650 pressurized-water nuclear reactors |
Complement: |
163 men |
Armament: |
1×9K38 Igla SAM |
Speed: |
Surfaced: 12 knots |
Maximum depth: |
400 metres |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
360 ft (110 m) |
Beam: |
33 ft (10 m) |
Draft: |
32 ft (9.7 m) |
Displacement: |
6,927 tons submerged |
Propulsion: |
S6G reactor |
Complement: |
140 men |
Armament: |
4 × 21 in (533 mm) forward torpedo tubes |
Speed: |
25+ knots (46 km/h) submerged |
Maximum depth: |
greater than 800 ft (240 m) |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
108.0 - 111.7 m (sources vary) |
Beam: |
13.5 m |
Draft: |
9.6 m |
Displacement: |
6,927 tons submerged |
Propulsion and Power: |
1 190 MW OK-650B pressurized water nuclear reactor |
Complement: |
25 Officers, 26 Enlisted |
Armament: |
four 533 mm torpedo tubes (plus six external 533 mm tubes on Improved Akulas and Akula II?s) |
Speed: |
20 knots (37 km/h) surfaced |
Maximum depth: |
450 m test depth |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
56 m (183.7 feet) |
Beam: |
7 m (22.96 feet) |
Draft: |
6 m (19.68 feet) |
Displacement: |
1450 tonnes surfaced |
Propulsion: |
1 MTU 16V 396 diesel-engine[1] |
Complement: |
23-27(incl. 5 officers) |
Armament: |
6 x 533 mm torpedo tubes (in 2 foward-pointing groups of 3) with 12 torpedoes |
Speed: |
20 knots (37 km/h) submerged |
Maximum depth: |
over 700 m (2,296 feet) |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
Guided missile destroyer |
Class Name |
In honor of Admiral Arleigh ?31 knot? Burke |
Preceded By |
Spruance-class destroyer |
Succeeded By |
Zumwalt-class guided missile destroyer |
General characteristics | |
Cost: |
~US$800 million |
Displacement: |
8315 tons full load (Flight I) |
Length: |
505 ft (154 m) (Flights I and II) |
Beam: |
59 ft (18 m) |
Draft: |
30.5 ft (9.3 m) |
Propulsion: |
4 General Electric LM2500-30 gas turbines; |
Speed: |
30+ knots (56+ km/h) |
Range: |
4,400 nautical miles at 20 knots |
Complement: |
23 officers, 300 enlisted |
Armament: |
90 cells Mk 41 vertical launch systems |
Aircraft: |
None, but LAMPS III electronics installed on landing deck for coordinated DDG-51/helo ASW operations (Flights I and II) |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
Guided missile destroyer |
Class Name |
Type 42 class |
Builders |
Several different |
In service |
1975 |
General characteristics | |
Cost: |
unknown |
Displacement: |
Batch 1 & 2: 4,350 tons full load |
Length: |
Batch 1 & 2: 125 m (413 feet) |
Beam: |
Batch 1 & 2: 14 m (46 feet) |
Draught: |
5.8 m (19 feet) |
Propulsion: |
2 shafts COGOG |
Speed: |
30 knots (Olympus) |
Range: |
4,400 nautical miles at 20 knots |
Complement: |
312 |
Armament: |
Twin launcher for GWS-30 Sea Dart missiles, |
Aircraft: |
1 x Westland Lynx HAS / HMA |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
Guided missile corvette |
Class Name |
- |
Builders |
Kockums in Karlskrona |
In service |
2000 |
General characteristics | |
Cost: |
unknown |
Displacement: |
650 tonnes |
Length: |
72 m |
Beam: |
10.4 m |
Draught: |
2.5 m |
Propulsion: |
2 KaMeWa Waterjets, powered by: |
Speed: |
35+ knots |
Range: |
- |
Complement: |
43 |
Armament: |
Bofors 57 mm/70 SAK Mk3 |
Aircraft: |
navy helicopters Hkp15B (Agusta A109) |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
Guided missile corvette |
Class Name |
- |
Builders |
Karlskrona |
In service |
1984 |
General characteristics | |
Cost: |
unknown |
Displacement: |
330 tons |
Length: |
50 m |
Beam: |
7,5 m |
Draught: |
3,3 m |
Propulsion: |
2 squeegie engines MTU 396 TB94 (2850 hp) |
Speed: |
30 knots |
Range: |
- |
Complement: |
19 officers, 14 enlisted |
Armament: |
Sea Dart missiles 6xRBS-15 Mk2 |
Aircraft: |
none |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
Guided missile patrol boat |
Class Name |
- |
Builders |
- |
In service |
- |
General characteristics | |
Cost: |
unknown |
Displacement: |
150 tons |
Length: |
36.5 m (119.75 ft) |
Beam: |
6.2 m (20.34 ft) |
Draft: |
1.50 m |
Propulsion: |
Twin MTU 16V 3600 hp diesels (Total 7200 hp) |
Speed: |
32 knots (59 km/h) |
Range: |
- |
Complement: |
24 men |
Armament: |
6 MK 2 Penguin missile SSMs |
Aircraft: |
none |
Class Overview | |
---|---|
Class Type |
patrol boat |
Class Name |
- |
Builders |
- |
In service |
- |
General characteristics | |
Cost: |
unknown |
Displacement: |
56 tons (full load) |
Length: |
80 feet (24.4 m) overall |
Beam: |
20 ft 8 in (6.3 m) |
Draft: |
3 ft 6 in (1.06 m) maximum (aft) |
Propulsion: |
three 12-cylinder Packard gasoline engines 1500 hp each; three shafts |
Speed: |
41knots (76 km/h) maximum (trials) |
Range: |
- |
Complement: |
3 Officers, 14 Enlisted Men |
Armament: |
two 12,7 cal. MG`s |
Number Built: |
326 |
General Characteristics | |
---|---|
Length: |
26,4 m |
Beam: |
14,3 m |
Draft: |
- |
Displacement: |
200 tons full load |
Propulsion: |
4 Avco-Lycoming
โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่
25/09/2012 14:43:14
ความคิดเห็นที่ 29
ที่คุณpotmonพูดถึงคงไม่ใช่ประจัญบานเเล้วล่ะ น่าจะเป็นเรือปืนพิสัยไกลมากกว่า
โดยคุณ F-8_crusader เมื่อวันที่
26/09/2012 17:58:03
ความคิดเห็นที่ 30
แล้วมันต่างกันตรงไหนอะครับ เรือปืนพิสัยไกล กับ เรือประจัญบาน
โดยคุณ potmon เมื่อวันที่
27/09/2012 01:47:48
ความคิดเห็นที่ 31
คุณ potmon ครับ ddg 1000 มีกระสุนปืนใหญ่เฉียดๆ พันนัด ไม่ใช่หลายพัน (ddg 1000 ระวางขับน้ำมากกว่าArleugh Burke Class เกือบเท่า) กระสุน LRLAP ย่อมาจาก Long-Range Land Attck Projectile ดังนั้นคิดค้นมาถล่มฝั่งอย่างแน่นอน ยิงได้ไม่ถึง 200 km หรอกครับ ข้อมูลสองแหล่งระบุว่าระยะยิงเท่ากับ 100, 140 km ครับ (ดูหน้าวิกิภาษาอังกฤษ Long Range Land Attack Projectile) ดังนั้นระยะยังสู้จรวดต่อต้านเรือใหม่ๆ เช่น exocet block 3 (180 km) หรือ harpoon ที่อ้างมา(ฮาร์พูน RGM 84L ระยะ 280 km.)ไม่ได้ ข้อเสียเปรียบของ LRLAP อีกอย่างก็คือมวลน้อยกว่ามิสไซล์ สาเหตุหนึ่งที่สหรัฐ scale-back โปรดักชั่นของ DDG 1000 เพราะว่าหลายๆ ประเทศมีระบบรักษาฝั่งที่พัฒนาขี้นมา ดังนั้นเรือ zumwalt จะบุกไม่ถึงฝั่ง นอกเสียจากจะไปกระทืบประเทศที่ยังล้าหลังดัานระบบร้กษาฝั่ง สหรัฐฯ ตอนนี้เลยเปลี่ยนยุทธศาสตร์ ย้ายสมรภูมิจากน้ำตื้นมาเป็นการตีกันกลางทะเลกับจีน และเพิ่มการผลิต DDG ธรรมดาไปก่อนแต่อัพเกรดระบบ ดังนั้นผมเชื่อว่า อนาคต เรือดำน้ำกับมิสไซล์จะยังเป็นศัตรูของเรือรบต่อไป ไม่น่าจะเปลี่ยนไปเป็นปืนใหญ่ ขอแนะนำบทความวิเคราะห์ ว่าด้วย USS Zumwalt โดย popularsciene เป็นบทความที่น่าสนใจ เกี่ยวกับอนาคตของเรือรบสไตล์ battelship อย่าง DDG 1000 http://www.popsci.com/technology/article/2012-08/ocean-power?page=
ปล. เรือ uss John Paul Jones น่าจะเรียกว่าเรือชั้น Arleigh Burke มากกว่า เดี๋ยวคนงงว่าเรือลำไหน เพราะเรือที่ชื่อ john paul jones, paul jones, มีหลายลำ เดี๋ยวอย่างผมเงี้ยไม่ได้ดูหนัง battelship ก็จะงง (ขอติภาพที่คุณ pop04 เล็กน้อยครับ ภาพที่เอามาแปะมันสะเปะสะปะไปหน่อย อ่านยากมากครับ)
โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่
27/09/2012 04:43:12
ความคิดเห็นที่ 32
ตอบท่าน tongwarit คือ ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า "กระสุนปืนนำวิถีระยะไกล" ผมไม่ได้หมายถึง LRLAP นะครับ(ไม่งั้นผมก็เขียน ย่อๆว่า LRLAP ตลอดไม่ง่ายกว่าเหรอครับ จริงๆกระสุนนำวิถีระยะไกลของเรือมันยังไม่มีชื่อเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ(เพราะมันยังไม่ได้เริ่มโครงการ) เลยต้องเขียน กระสุนนำวิถีระยะไกล ตลอด) จริงๆสไตล์การเขียนของผม คือ ถ้าจะอธิบายข้อความข้างต้นผมจะเขียนไว้ในวงเล็บอะครับ แต่ถ้าเว้นวรรคก็แสดงว่าแยกความหมายกันอะครับ อีกอันคือที่ผมไม่ได้ยกตัวอย่างเรือ zumwalt เลย เพราะมันไม่คล้ายจะใกล้เคียงนิยามเรือประจัญบานของผมเท่าไรอะครับ แถมกลัวคนอ่านจะไปดูรูปแบบของมันเข้า เลยไม่ได้กล่าวถึงเลย(จริงๆคอนเซ็ปต์การออกแบบเรือตระกูล DD(X) หรือเรือสเตลท์เต็มรูปแบบ มันไม่ค่อยจะเหมือน เรือประจัญบาน ที่ทั้งใหญ่ ทั้งช้า ตรวจจับง่าย อำนาจการยิงสูง อยู่แล้วอะครับ) เพราะ zumwalt เป็นเรือที่เน้นการตรวจการณ์(สอดแนม) และโจมตีชายฝั่ง(ขนาดแท่น Harpoon ยังไม่มีติดเลย) จึงมี VLS 80 cell ปืน 2 กระบอกกับกระสุนไม่มาก ก็เป็นปกติอะครับ จะไปเทียบกับเรือประจัญบานมันก็แปลกๆอยู่อะนะครับ แต่ที่เรือมันหนัก เพราะไปลงกับการสเตลท์กับการออกแบบแปลกๆ(ไม่รู้ว่าโบราณหรือไฮเทคกัน แน่)นั้นแหละ จริงๆขนาดกว้างยาวก็ใกล้ๆกับ USS John Paul Jones หละนะ อีกอันคือ ที่ไม่ยกตัวอย่างเป็น "เรือชั้น Arleugh Burke" ก็เพราะในชั้นเดียวกันมีหลายรุ่นอะครับ รุ่นเดียวกันติดอาวุธยังไม่เหมือนกันเลย แถมมีใช้หลายประเทศใช้อีกก็ไม่เหมือนกันเลย เลยยกตัวอย่างเป็นตัวเรือเลยจะดูเข้าใจกว่าอะครับ อีกอันคือ ผมไม่ได้จะบอกนะครับว่า อาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีเรือแบบต่างๆจะหมดความหมายไปอะครับ เพราะอาวุธใดๆก็มีข้อดีข้อเสียของมัน ข้อได้เปรียบของอาวุธปล่อยนำวิถีก็มี อย่าง ระยะยิง(แค่ระยะก็ชนะขาดอยู่แล้วอะครับถ้าได้ชื่อเป็นจรวด เพราะมันมีระบบขับเคลื่อนภายในนี้ครับ) การติดตั้ง(ติดตั้งง่าย และได้ในหลายๆพาหนะ) ความแม่นยำ(แน่อยู่แล้วไม่งั้นจะแพงเหรอ) แต่ก็มีข้อเสียเปรียบอยู่นะครับ คือ จำนวนบรรทุกกับราคาที่สูงของมัน(คิดง่ายๆเลย จรวดระยะยิง 500 กม. อย่าง C-805 กับ จรวดระยะยิง 40 กม. อย่าง C-801 หรือ กระสุนปืนใหญ่ 1 ลูก โอกาสป้องกันได้ ก็พอๆกันครับถ้าเรือมีระบบป้องกันตัว ก็ต้องเสียจรวดป้องกัน 1 ลูก โอกาสโดนเท่ากัน(ยิงกี่ทีก็ว่ากันไป) แต่ราคาของแต่ละอันนี้คนละเรื่องกันเลยอะนะ และจำนวนบรรทุกก็ต่างกันอีก) อันสุดท้าย เรือประจัญบานในความคิดผม คือ เรือที่สามารถทำลายแนวป้องกันของกองเรือเป้าหมายได้อะครับ(งั้นจะมีชื่อว่า ประจัญบานไหวทำไม) ซึ่ง กองเรือรูปแบบปัจจัยที่มีเรือป้องกันภัยทางอากาศประสิทธิภาพสูง มีโอกาสน้อยครับที่จะโจมตีทำลายแนวป้องกันของกองเรือได้สำเร็จในระหว่างกองเรือที่มีประสิทธิภาพเท่าๆกัน ด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีแบบในปัจุบันอะ
ปล.โลก เราทุกวันนี้ ระบบตรวจการณ์ต่างๆมันดีขึ้นทุกๆวันครับ เรือดำน้ำมีจุดเด่นอยู่ที่การอำพรางตัวก็จะด้อยคุณค่าลงไปทุกๆวันครับ แต่ก็ใช้ว่าเรือดำน้ำจะมีคุณค่าอยู่ในแง่เดียว กับหลักคิดที่ว่า ใช้ปริมาณในการโจมตีเหนือกว่าปริมาณการป้องกัน อีกไม่นานคงได้เห็นรูปแบบกันว่าจะไปในทิศทางใด
โดยคุณ potmon เมื่อวันที่
27/09/2012 12:44:33
ความคิดเห็นที่ 33
ตอบคุณ potmon ครับ เราสองมีความเห็นในเรื่องนี้ต่างกัน คนละยุทธศาสตร์ ที่ผมเข้าเรื่อง LRLAP ก็เพราะคุณพูดถึงครับ และก็พอดีมีเรือชนิดเดียวที่ใช้กระสุนชนิดนี้ผมเลยอ้างถึงเรือชั้น zumwalt นอกจากนี้เรือชั้น zumwalt ยังถูกวางไว้ให้ทำหน้าที่ยิงสนับสนุนแทนเรือประจัญบาน ดังนั้นผมจึงยกมา ก็เป็นความเข้าใจผิดของผม ส่วนตัวผมคิดว่าเรือ zumwalt นี่ใกล้เคียงเรือประจัญบานที่สุดแล้วครับในปัจจุบ้นนี้ เรื่องความสเตลธ์ก็เป็นวิวัฒนาการของเรือรบทุกชนิด ไม่ได้ขึ้นกับว่าเป็นเรือระดับไหน เรื่องความใหญ่ ตรวจจับง่าย ของเรือประจัญบานไม่น่าเรียกว่าเป็นคอมเซปท์ น่าจะเรียกว่าข้อด้อยหรือลักษณะมากกว่า (แต่ตอนนี้ผมเคลียร์แล้วว่าคุณหมายถึง "คอนเซปต์เรือประจัญบานของคุณ") ขอแย้งเล็กน้อยครับ ผมคิดว่าเรือประจัญบานแต่ละลำเร็วๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ นอกจากนี้เรือ zumwalt ไม่ได้ออกแบบไว้สอดแนมชายฝั่งครับ ความยาวของเรือที่แตกต่างกัน 20% ผมว่าไม่น้อยทีเดียว ส่วนเรื่องเรือหนักอะไรนั่นผมว่าไม่เกี่ยวกับสเตลธ์หรอกครับ ปล. การเรียกชื่อเรือ ถ้าคุณต้องการเรียกให้เฉพาะเจาะจงในคลาส ซึ่งในกรณีนี้คือ USS John Paul Jones ชั้น Arleigh Burke ควรจะเรียกว่า DDG-53 ครับ
โดยคุณ tongwarit เมื่อวันที่
27/09/2012 15:42:28
ความคิดเห็นที่ 34
อาวุธนำวิถีโจมตีเรือป้องกันยากกว่าลูกกระสุนปืนใหญ่แน่นอน เพราะนอกจากวิ่งเรียดน้ำยังสามารถกำหนดคอร์สให้เลี้ยวไปมาหลบหลีกการตรวจจับของข้าศึก ส่วนใหญ่อาวุธปืนใหญ่โครงการต่างๆ อย่างของทัพเรืออเมริกาที่จะทำปืนไฟฟ้า เรลกัน เอามาแทนจรวดโจมตีฝั่งครับ ไม่ได้มาแทนจรวดโจมตีเรือ
ถ้าดวลกัน เรือลำนึงมีปืนใหญ่ยิงได้มากมายระดมเป็นตับๆ กับอีกฝ่ายมีจรวดโจมตีเรือ จำนวนอาวุธน้อยกว่าแต่ระยะไกลกว่ามาก ก็เหมือนเอาปืนลูกซองมาดวลกันกับไสนเปอร์ ในที่โล่ง (ทะเลโล่งอยู่แล้ว ไม่มีรบระยะประชิด)
บทบาทของปืนใหญ่เรือในอนาคตคงยังยากที่จะกลับมาเป็นอาวุธต่อต้านเรือหลัก
แต่หลักนิยมการรบสมัยใหม่ก็ส่วนใหญ่เน้นป้องกันตัวบ้าเลือดเหมือนกัน อาวุธโจมตีเรือสิหกลูก อาวุธป้องกันตัว ร้อยลูก ลองเปลี่ยนเป็นโจมตีเรือซักห้าสิบลูก เรือประจันบาญกระสุนพันนัดคงแหลกเหมือนกัน
โดยคุณ toeytei เมื่อวันที่
27/09/2012 17:44:43
ความคิดเห็นที่ 35
ตอบคุณ tongwarit
อัน แรกเลยนะครับ "เรือประจัญบาน ที่ทั้งใหญ่ ทั้งช้า ตรวจจับง่าย อำนาจการยิงสูง" ผมไม่ได้บอกนะครับว่าคำพวกนี้เป็นคอนเซ็ปต์ของเรือประจัญบาน(แต่ตอนนี้ผมไม่ ค่อยเคลียร์แล้วว่าคุณตั้งใจจะคุยกันดีๆกับผมหรือเปล่า) ส่วนความเข้าใจในตัวผมแบบแปลกๆของคุณ ก็สุดแล้วแต่สติปัญญาของคุณจะรับรู้ได้อะครับ ส่วนนิยามเรือ ประจัญบานของผม ก็เขียนไปแล้วอะนะ
เสริมอีกนิดเรื่อง เรือรบสเตลท์เต็มรูปแบบ กับเรือรบกึ่งสเตลท์(ที่คุณเข้าใจว่าเป็นวิวัฒนาการของเรือรบทุกชนิด ไม่ได้ขึ้นกับว่าเป็นเรือระดับไหน) ตามความเข้าใจของผม เรือสเตลท์เต็มรูปแบบ อย่าง VisbyClass SeaShadow Zumwalt คือ เรือที่ออกแบบมาในวัตถุประสงค์การอำพรางตัวเป็นหลักครับ คอนเซ็ปต์ คือ ออกแบบคุณลักษณะทั้งหมดให้สอดคล้องกับการอำพรางตัวเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น เรือ zumwalt ครับ ดูภายนอกก่อนแล้วกัน จะเห็นว่าไม่มีอุปกรณ์มาตรฐานไหนของ เรือ เรือรบ ที่ไม่มีคุณสมบัติการอำพราง หรืออยู่ภายนอกตัวเรือ เช่น สมอ เครื่องชูชีพต่างๆ ตัวอาวุธประจำเรือ เครื่องตรวจการณ์ และสื่อสาร อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ มาดูโครงสร้างบ้าง ตัวเรือถูกออกแบบให้มีความสามารถอำพรางตัว เช่น สร้างรูปทรงเรือ หรือสร้างเฟรมคุมอุปกรณ์ เพื่อหักเหคลื่นเรดาห์ รูปทรงเรือแบบ Tumblehome ลดการเกิดเสียงจากการลอยลำและการเคลื่อนที่(Tumblehome ไม่ได้เป็นเทคโนใหม่อะไรครับ มันไม่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ WWI เพราะปัญหาการใช้งาน รูปแบบก็คือ ความกว้างตัวเรือที่เส้นแนวน้ำมากกว่าความกว้างตัวเรือที่ชั้นดาดฟ้าและใน ทุกๆส่วน ฉนั้น พื้นที่ชั้นดาดฟ้าของ zumwalt มันก็ใกล้ๆกับ John Paul Jones นั้นแหละ ที่เห็นต่างกัน 20%(เปล่าหว่า)นั้นมันคือความกว้างยาวสูงสุดที่อยู่ใต้เส้นแนวน้ำด้วยครับ ไม่ได้มีผลต่อพื้นที่ใช้งานบนลำเรือที่สามารถติดอาวุธได้) ตัวผิวสะพานเดินเรือทำจากวัสดุพิเศษลดการสะท้อนคลื่นเรดาห์ มีระบบขับเคลื่อนใบจักรด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าลดการเกิดเสียง และมีอีกหลายอัน จัดไปกับการอำพรางตัว นี้แหละครับเรือตระกูล DD(X) หรือเรือสเตลท์เต็มรูปแบบ(เรือสเตลท์เต็มรูปแบบ อย่าง zumwalt น้ำหนักมากกว่า เรือปกติหรือกึ่งสเตลท์ที่ ประสิทธิภาพเดียวกันแน่นอนครับ เพราะพวกเฟรมสะท้อนคลื่น วัสดุลดการสะท้อน อุปกรณ์ลดและป้องกันเสียง มันมีน้ำหนักนะครับ แล้วไหนจะการออกแบบให้มีคุณสมบัติการอำพรางตัวที่ดีอีก ทำให้พื้นใช้งานน้อยลงและนำไปสู่การเพิ่มขนาดและอุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างแน่ นอนครับ) มาดูในส่วนของเรือรบกึ่งสเตลท์กันบ้าง คือ เรือ ที่ออกแบบมาตามวัตถุประสงค์การใช้งานในลักษณะต่างๆตามความต้องการเป็นหลัก ครับ คอนเซ็ปต์ คือ ออกแบบคุณลักษณะการอำพรางตัวบางส่วนให้ไม่เกิดผลกระทบต่อการทำงานและสอด คล้องกับคุณลักษณะการให้งานทั้งหมดครับ ตัวอย่างก็คงเป็นเรือรบทั่วไปที่ต่อหลังยุค 90 นั้นแหละ บ้านเราก็ ชั้น กระบี่ นเรศวร ปัตตานี ก็แล้วแต่ว่าเรือรุ่นไหนๆจะให้ความสำคัญในการอำพรางตัวมากน้อยกว่ากัน ขอ อธิบายเป็นเรือ กระบี่ ก็แล้วกัน ตัวเรือออกแบบให้หักเหคลื่นเรดาห์ได้ในบ้างส่วนของตัวเรือครับ แต่อุปกรณ์บนลำเรือไม่ได้หักเหหรือลดการสะท้อน และไม่มีผิวเรือที่ลดการสะท้อนเรดาห์ด้วย เรื่องเสียงไม่มีการออกแบบให้ลดแต่อย่างได้(จริงๆหัวเรือเอียงหน่อย ข้างเรือเอียงนิด ก็เคลมกันได้แล้วว่ามีสมบัติสเตลท์ ส่วนตัวคิดว่าต่างกันเยอะมากครับระหว่างเรือรบกึ่งสเตลท์กับเรือรบสเตลท์เต็มรูปแบบ) สรุป ผมไม่คิดว่า เรือรบแบบพวก เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือส่งกำลังบำรุง เรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบก หรือเรือช่วยรบแบบอื่นๆ จะถูกออกแบบมาให้เป็นเรือสเตลท์เต็มรูปแบบได้หลอกนะครับ
อีก อันก็ เรื่องความเร็วของเรือประจัญบาน(BB ส่วนใหญ่อยู่ประมาณ 25 น็อต) ถ้าเทียบกันเรือในยุคปัจจุบันก็ถือว่าเร็วครับ แต่ถ้าเทียบในยุคของมันกับเรือ CA CL DD(ประมาณ 35-40 น็อต) แล้วหละก็ช้าสุดในบรรดาทั้งหมดเลยหละนะ
อีกอัน คือ เรื่องชื่อเรืออะครับ ต้องขอโทษด้วยที่เขียนเต็มไม่ได้อะเพราะมันยาว จะก๊อบมาก็ต้องก๊อบหลายที่ แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ยกตัวอย่าง หรืออธิบายอะไรให้มันเข้าใจยาก หรือกับสิ่งไกลตัว ที่ไม่เป็นที่รู้จะอยู่เลยอะครับ(จริงๆ uss john paul jones มันดังมากเลยนะ) จะให้เขียนเป็น รหัสเรือเลยแบบ DDG-53 ใครจะไปนึกออกอะครับ(ไม่มี google จะมีใครนึกออกบ้างอะ ต้องลำบากไปหาข้อมูลอีก) แต่เขียน uss john paul jones ผมว่าคนส่วนใหญ่เค้านึกออกกันในทันทีเลยอะครับ
อีกอันนะ ครับ ส่วนตัวผมไม่คิดว่า เรือ Zumwalt ที่ลงทุนไปกับระบบอำพรางตัวขนาดนี้จะมี บทบาทอยู่แค่เป็นเรือลาดตระเวน และโจมตีชายฝั่งหลอกนะครับ(ยิงปืนใหญ่โจมตีชายฝั่ง ก็เสมือนเปิดตำแหน่งให้ข้าศึกรู้อยู่แล้ว มันไม่ค่อยจะเข้ากันการเป็นเรือสเตลท์เต็มรูปแบบเท่าไรจริงไหมครับ) ถ้าเอาตามโปรโมทของ ทร.เมกา มันไม่ได้ออกแบบมาให้เน้นด้านการสอดแนม ถ้าเชื่อทันทีเลยตามนั้นครับ แต่ความรู้ก็จะหยุดอยู่แค่นั้นด้วยนะครับ(ผมคิดไปเองเปล่าหว่า)
ปล. เรื่อง เรือประจัญบานในอนาคต ผมก็อธิบายแนวคิดของผมที่ได้อ่านๆมา ไปหมดแล้วนะครับ ส่วนความเป็นไปได้หรือหลักคิดของเรือประจัญบานในอนาคต ท่านๆอื่นจะเห็นเป็นเช่นไร ก็สุดแล้วแต่มุมมองของแต่ละท่านอะครับ สุดท้ายขอบคุณครับที่มาแบ่งปั้นความรู้กัน
โดยคุณ potmon เมื่อวันที่
28/09/2012 17:44:21
|