เมื่อเวลา 13.30 น. ถ.วิภาวดีรังสิต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมรับฟังและแสดงข้อคิดเห็นในการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและ ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2556-2560 ของนักศึกวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รักษาการปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนจาก 3 เหล่าทัพ และนายทหารระดับสูงเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับยุทธศาสตร์ชาติที่นักศึกษาวปอ. ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้เป็นการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ.2556-2560 เพื่อเป็นการวางรากฐานให้กับประเทศนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยนักศึกษาหลักสูตรวปอ.ได้เสนอใน 4 ยุทธศาสตร์ชาติได้แก่1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของชาติสู่การ เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยใช้ความได้เปรียบตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ รอบทิศ โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านทั้งถนน ระบบรางทางน้ำ ทางอากาศ และทางท่อ รวมถึงการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อระดมทุนจากทั้งในและต่าง ประเทศ 2.ยุทธศาสตร์การปฏิรูป การศึกษาเพื่อความมั่นคงของชาติด้วยการยกระดับการปฏิรูปการศึกษาให้เป็นวาระ แห่งชาติ และจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อปฏิรูปการศึกษาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งการพัฒนาครู ปรับการเรียนการสอน หลักสูตรการศึกษาระบบการรับนักเรียนเข้าระดับอุดมศึกษา ส่งเสริมให้มีศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต จัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัด นอกจากนี้จะต้องมีการปฏิรูปการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความ มั่นคงให้ประชาชนมีการทำ เพื่อเยาวชนและศาสนา
3.ยุทธศาสตร์การป้องการและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบเพื่อส่งเสริมและ สนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนมีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ปลูกจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริตแก่ประชาชน การปฏิรูปการศึกษาเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การสร้างกลไกควบคุมและตรวจสอบภาคธุรกิจ รวมทั้งมาตรการป้องกันและปราบปรามที่มีประสิทธิผล ทั้งนี้การยุติความรุนแรงจะต้องดำเนินการ คือ ทำลายกระบวนการปลุกระดมบ่มเพาะ สลายองค์กรการต่อสู้ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ การแย่งชิงมวลชนในพื้นที่กลับมาอยู่ฝ่ายรัฐและทำลายความชอบธรรมของกลุ่มผู้ ก่อความไม่สงบทั้งในพื้นที่ และประชาคมระหว่างประเทศ
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า นโยบายยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์และตรงกับสิ่งที่รัฐบาล กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะนโยบายการกระจายโอกาสด้านการศึกษาและการพัฒนาครูถือเป็นสิ่งที่ รัฐบาลได้เน้นย้ำมาโดยตลอด ส่วนความคืบหน้าของท่าเรือทวายนั้นขณะนี้มีการทำเอ็มโอยู เพื่อเชื่อมไปยังท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อประสานงานเชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาลงทุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต้องการ พัฒนาเป็นศูนย์กลางให้เป็นระบบโลจิสติกส์ เพราะไทยเป็นจุดศูนย์กลางถือว่าเป็นพื้นที่ที่ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ ส่วนยุทธศาสตร์ในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น รัฐบาลถือเป็นนโยบายเร่งด่วนและเห็นด้วยที่เราจะทำอย่างไรให้ปราศจากสิ่ง เหล่านี้ นักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจต้องร่วมมือกันไม่ให้วงจรเหล่านี้กลับมาโดยเฉพาะแหล่งกำเนิดแรก คือการจ่ายเงินใต้โต๊ะ และการซื้อขายตำแหน่งที่จะต้องมีการปลูกจิตสำนึก และอย่าเห็นว่าเป็น norm (นอม) หรือธรรมเนียม ที่สังคมยอมรับ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลเห็นตรงกันคือ ในส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่นอกจากดูแลความสงบในพื้นที่แล้วต้องให้น้ำหนักด้านการพัฒนาด้วย ทั้งด้านการศึกษาและอาชีพ ซึ่งการทำงานมีกฎหมายสองฉบับโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มีกฎหมายคนละฉบับดังนั้นต้องบูรณาการและสร้างเอกภาพในการทำงาน อย่างไรก็ตามตนจะนำแนวทางที่ให้มาวันนี้ให้คณะทำงานของรัฐบาลนำไปพิจารณา สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะนำไปปฏิบัติ ในส่วนของยุทธศาสตร์ด้านการทหารนั้น ตนก็เห็นใจเหล่าทัพ หลายคนอาจไม่เห็นความสำคัญในภาวะสถานการณ์ปกติ แต่เราต้องเตรียมความพร้อม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทุกด้าน แต่ต้องช่วยกันจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณที่เป็นภาษีอากรของประชาชน ให้โปร่งใสและคุ้มค่าที่สุด
สรุปคือ ไม่มีใครกล้าให้เราเป็นศูนย์กลางขนส่งทางทะเล นั่นหมายถึงคลองกระถูกพับเก็บเข้าลิ้นชัก กลัวกันขนาดนี้เลยหรือ ....................
ลืม.....เครดิตข่าวจาก เนชั่นออนไลน์
คลองกระนี้คลองเดียว แค่ภาคใต้ของเราก็สามารถสร้างเงินรายได้และพลังทางอุตสาหกรรมได้มากกว่าประเทศสิงคโปร์ทั้งประเทศเลย จะเอาท่าเรือ ทวาย-มาบตะพุท มาทดแทน.....มันเทียบกันไม่ได้เลยครับ
ถ้ากลัวว่าชาติมหาอำนาจจะแทรกแซง แค่เป็นศูนย์กลางการบิน การเดินทางทางบก (รถไฟ รถยนต์) ระบบขนส่งทางท่อ แค่นี้ก็มีคุณค่าสูงมากที่ถ้าเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจขึ้นมาอีก เราก็ต้องโดนอัดก่อนเป็นประเทศแรกๆของโลกอยู่ดี ไม่ว่าจะตัดหรือไม่ตัดคลองกระ ยังไงทำเลประเทศของเรามันดีเกินไป ยังไงๆก็โดนก่อนอยู่ดี จะกลัวอะไรกันนักกันหนานัก ถ้ากลัวมากขนาดนี้ก็ต่อเรือบรรทุกบ.ไปสัก 3-4 ลำเพื่อควบคุมคลองไปเลยถ้างั้น หรือจะเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปด้วยเลยรึเปล่า เฮ้อ........
ท่านนีโอสยาม ผมว่ามาทำกระทู้เกี่ยวกัย คลองคอดกระด้วยกันปะครับผมก็เป็นผูุ้สนันสนุน โปรเจ๊กนี้คนนึง โดยใช้ชื่อกระทู้ว่า คลองคอดกระกับความมั่นคง มันคงจะเข้าท่านะผมว่า
ผมว่าเกือบเท่าแหละ ถึงไม่ได้เป็นเจ้าของโดยตรง
แต่การหาร 3 บริหาร ผมมองเป็น ความมั่นคง x3นะ
โดยมีพี่บิ๊กหนุนหลัง โดยให้เราเป็นทางผ่านหลัก
อาจผลักดันเป็นจุดสต๊อคสินค้าได้ด้วยแค่นั้นสิงคโปก็เจ๊งแล้ว
แล้วคลองคลอด ก้ไม่มีความจำเป็นอะไรยังงั้นด้วย โรงไฟฟ้านิวเคลียยังดูดีมีราศีกว่าเยอะ
ตอนนี้เขากำลังเร่งทำท่าเรือทวายกันอยู่แล้วครับรวมถึงทางรถไฟและถนนไปเชื่่อมต่อกับท่าเรือเวียดนามหรือท่าเหลือแหลมฉบังได้
น่าสนใจนะครับท่าน Kapooknet200 อยากให้กลายเป็นกระทู้ปักหมุนคู่กับกระทู้เรื่องท่าเรือน้ำลึกทวาย
เครดิตให้ท่านจั่วหัวเรื่องเลยครับ ผมจะพยายามเก็บข้อมูลมาเสริม งานนี้ต้องพึ่งพาสมาชิกหลายๆที่จะให้ข้อมูลครับ แม้แต่นักการเมือง นักข่าวก็อยากให้เข้ามาแสดงความเห็นนำเสนอข้อมูลด้วยกันครับ
พูดตรงๆครับเรื่องนี้กระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยและคุณภาพชีวิตคนไทยในระดับสูงถึงสูงมาก แต่ก็กระทบต่อมหาอำนาจต่างๆสูงมาก กระทบต่อเพื่อนบ้านสูงมากเช่นกันครับ กระทบทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคงแบบจังเบอร์สุดๆครับ
อย่างที่ท่านว่าละครับ จริงๆก็อยากทำมานานเเล้วเหมือนกันเเต่ติดตรงที่ผม ไม่มีค่อยมีเวลาหาข้อมูุลเลยครับ คงต้องหาข้อมูลให้พร้อมซะก่อนถึงจะกล้าเปิดหัวเรื่อง
คงต้อให้หลา่ยๆท่านในบอร์ดนี้ช่วยด้วยอีกเเรง
อย่างน้อยถ้าคนที่ หหาข้อของ คลองคอดกระ ข้อให้มาเจอกระทูุ้ของเวปนี้
ค่าใช้จ่ายในการขุดคลองนี่ ประมาณเท่าไหร่ครับ
เรื่อง คลองกระ ยิ่งปล่อยไปนานวัน ก็ยิ่งทำยากขึ้น
นับวัน กลุ่ม NGO เข้าไปครองพื้นที่เกือบเต็มแล้ว
พวกนี้ เข้าไปปลูกฝังแนวคิดต่อต้านคลองกระให้กับชาวบ้านแถบๆนั้นหมดแล้ว
เอาง่ายๆ แค่จะสร้างท่าเรือน้ำลึกที่สตูล ชาวบ้าน โดน NGO กล่อมให้ออกมาต่อต้าน
จนยกเลิกไปแล้วมั๊ง ใหนจะต่อต้านเรื่องท่อก๊าช ไทย มาเลย์ อีก
ผมว่า การประชาสัมพันธ์ของ NGO เหนือชั้นกว่า ทหารไทยน่ะครับ จะเห็นได้จาก
คนในพื้นที่ ต่อต้าน มากกว่า เห็นด้วย เกี่ยวกับ ท่าเรือน้ำลึก และ คลองกระ
ความเห็นผมนะครับ
การเมืองไทยเป็นแบบนี้ เศษฐกิจสิคโปร รายได้ของเขาเป็นแบบนั้น เพื่อรักษารายได้ของเขา
เขาทำแค่ จ่ายเงินให้ คนบางคนในประเทศไทย ที่มีส่วนในการตัดสินใจโครงการนี้ เพื่อแลกกับการ ทำตัวแบบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แค่นั้้น
ก็พอที่จะรักษาผลประโยชน์ของเขาไว้ได้แล้ว มันจะเสียหายมากกว่านี้ ถ้าไม่ยอมทำอะไร ปล่อยให้ทำโครงการนี้
และยังจะมีมาตรการกดดันอะไรตามมาอีกมากมาย มาจ้างคนในประเทศขัดขวางกันเอง จ้างประท้วง สารพัด เขาก็ทำได้
อย่าพูดเลยครับ ผมเจ็บใจกับเรื่องนี้ ด้วยซ่ำ เอาเงินไปอุดหนุนสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เเต่ไม่มีปัญญามาทำคลองสร้างความเจริญให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ใครก็ชั่งมันครับ เรามีจีนหนุนหลัง เชื่อว่า ไม่มี มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด เราก็อยู่ได้ ทุกคนรุ้ว่าถ้าทำต้องเจอปัญหามากมาย เเต่มันก็ต้องเกิดขึ้น ผมเชื่อว่า ถ้าคุณทำ หรือรัฐบาลพรรคไหนทำ คุณจะได้ใจประชาชนไปตลอดกาล เเละเราจะเป้นเสือของเอเชียในทันที
ตอนเด็กๆเคยได้ยินคุณครูเล่าว่าประเทศไทยเราเป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นเป็นเสือตัวที่ 5 ในเอเชีย แต่โดนมาเลเซียแซงไปก่อน เวลาผ่านไปจะ 20 ปีแล้วเราก็ยังไม่มีวี่แววจะได้เป็นเสือเสียที
ปล. คุณครูบอกว่าอย่าเสียใจเลยแค่เสือตัวที่ 5 ไทยเราเป็นเสือมากกว่านั้นอีก เสือ 11 ตัวไง (มุขนี้ยังจำไม่เคยลืม)