จากกระทู้ฝันหวานๆของท่านกบข้างนี้ และกระทู้เรื่องเรือฟรีเกตป้องกันภัยทางอากาศในเวปของ TAF และข้อคิดเห็นของอาจารย์รินในเรื่องเรด้าร์ของ Thales I-MAST ซีรี่ย์ ซึ่งติดตั้งใน DW-3000H ท่านอาจารย์รินบอกว่าสเปกแต่เดิมของทร.ต้องการเรือฟรีเกตป้องกันภัยทางอากาศที่ DW-3000H เสนอแบบมาตรงตามต้องการเป๊ะนั้น อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะทร.คิดว่าตนเองน่าจะได้เรือดำน้ำ มาถึงตรงนี้ก็ยังไม่มีวี่แววเรือดำน้ำแต่ประการใด ดังนั้นสเปกเรืออาจจะต้องเปลี่ยนแปลงได้ เอาเป็นว่าถ้า DW-3000H ได้ใจกรรมการมากกว่าและอาจจะต้องขยายแบบ เราต้องมารู้จักระบบเรด้าร์ของ Thales ชุดนี้กันหน่อยครับ
วันนี้มาลองทำหน้าที่เป็นเซลแมนจำเป็นของ Thales ดูบ้าง
ส่วนมากที่ขุดมาได้จะเป็น IM-400 ซะมากกว่าครับ จริงๆระบบ IM คือ การเอาอุปกรณ์ระบบตรวจจับที่ขายดีและเชื่อถือได้สูงมาทำการอินติกรัลระบบรวมเป็นชุดเดียวกันภายใต้โดมอันเดียวกัน แล้วจัดการทำงานร่วมกันอย่างมีระบบ มันจึงคล้ายเรด้าร์แบบ SPY-1K/F APAR แต่พวกนั้นเป็นเรด้าร์ชิ้นเดียวทำงานทุกอย่างได้หมดครับ
จากรูปภาพ IM-400 จะเห็นแผ่นเรด้าร์เฟสอะเรย์ยาวๆใต้โดมทรงกลม เป็นเรด้าร์ Sea watcher 100 ซึ่งเป็นเรด้าร์ตรวจการณ์พื้นน้ำความถี่ X-band เป็นเรด้าร์ 2D สามารถตรวจจับเป้าหมายผิวน้ำที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนที่ช้ามากๆได้(ทำให้ใช้เทคนิตดรอปเปอร์ในการวัดระยะได้ยากมากด้วย) โดยสามารถตรวจจับได้ไกล 40 กิโลเมตรขึ้นไป สามารถตรวจจับ ทุ่นระเบิดแบบลอยผิวน้ำ คนว่ายน้ำ เจ็ตสกี เรือขนาดเล็ก อาวุธนำวิถึบินเรี่ยผิวน้ำ ระยะเท่านี้เป็นระยะจากเรือไปสุดเส้นขอบฟ้าเลยทีเดียวครับ เมื่อเอาแผ่นเรด้าร์ 4 แผ่นมาติดตั้ง จึงทำให้สามารถส่งสัญญานเรด้าร์ไปยังเป้าหมายได้ต่อเนื่องตลอดเวลา คล้ายการทำงานของเรด้าร์ชี้เป้า หรือ Interrupted Continuous Wave Illumination (ICWI) technique ดังนั้นผมจึงเชื่อว่เรด้าร์ตัวสามารถทำตัวเป็นเรด้าร์ชี้เป้าพื้นน้ำที่ดีมากได้ แต่ไม่แน่ใจว่ามันจะชี้เป้าอาวุธนำวิถีเรี่ยน้ำได้หรือเปล่า เพราะกรณีนั้นควรต้องเป็นเรด้าร์ 3D ถ้าทำได้มันก็จะสามารถส่งข้อมูลเป้าไปให้ระบบป้องกันระยะประชิด CIWs และจรวด semi-activeแบบต่างๆได้เลย แต่ถ้าระบบ CIWs เป็น stand alone อยู่แล้วก็ง่ายแค่ส่งข้อมมูลไปยัง CIWs แล้ว CIWs รับช่วงต่อไปเอง
ลิ้งค์ใน youtube ของ thales นำเสนอระบบ I-Mast จะมีภาพอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ
http://www.youtube.com/watch?v=8sMgEsHC1Lc
http://www.youtube.com/watch?v=5YgxCTd1pyo&feature=related
ล่างลงมาจากโดม เรด้าร์ sae master 400 เป็นแผ่นเรด้าร์แผ่นใหญ่ที่สุดของโดม เรด้าร์ ชนิดนี้พัฒนามาจาก smart-s mk2 ที่โด่งดัง เป็นเรด้าร์เฟสอะเรย์ 3D ที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งของโลกครับ ระยะตรวจจับ 250 กิโลเมตร IM-400 เอาเรด้าร์ชนิดนี้มาติดตั้งโดยใช้แผ่นสายอากาศ 4 แผ่นติดตั้งโดยรอบ ทำให้ไม่จำเป็นต้องหมุนจานเรด้าร์อีก (แต่เปลืองแผ่นสายอากาศและทำให้ราคาสูงขึ้น) แต่มันก็มีข้อดีนะครับ คือ จะสามารถทำให้เรด้าร์นี้ใช้เทคนิค ยิงสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปยังเป้าได้ต่อเนื่องตลอดไม่มีช่วงขาดหายเพราะเนื่องจากการหมุนจานเรด้าร์ หรือ Interrupted Continuous Wave Illumination (ICWI) technique ซึ่งหมายถึงว่าจะทำให้มันทำงานในโหมดแบบเดียวกับเรด้าร์ชี้เป้าไปด้วยในตัว ดังนั้น มันจึงทำหน้าที่ทั้ง ตรวจการณ์อากาศ ติดตามเป้าหมาย และล็อคออนเป้าหมายได้พร้อมกัน ซึ่งแตกต่างจาก Smart-s ที่ใช้แค่ตรวจการและติดตามเป้าหมาย ถ้าจะล็อคเป้าแล้วอับโหลดข้อมูลให้ลูกจรวด ก็ต้องมีเรด้าร์ชึ้เป้าอีกอย่างน้อย 1-2 แท่น (ของ Thales ก็ STIR รุ่นต่างๆไงครับ)
ส่วน IM-500 ผมเดาว่าเรด้าร์ในส่วนตรวจการณ์พื้นน้ำนั้น “อาจจะ” ไม่ใช่ sea watcher 100 ที่เป็น 2D น่าจะเป็นระบบเรด้าร์ 3D ซึ่งจะสามารถตรวจจับและชี้เป้าอาวุธบินเรี่ยน้ำให้แก่ระบบป้องกันระยะประชิดและจรวดที่ไม่ใช่ semi-active ที่ต้องพึ่งการชี้เป้าตลอดเวลาให้แก่ลูกอาวุธนำวิถี หรือพวกปืนใหญ่ประจำเรือเป็นต้น เหมาะกับ 76 มม. super rapid จังเลย
หรือไม่ก็ใช้แผ่นสายอากาศแผ่นเดียวทำหน้าที่ทั้งหมดเหมือนพวก APAR SPY-1 ไปเลย เพราะจากรูปภาพ IM-500 ผมเห็นแต่สายอากาศอันใหญ่เพียงอันเดียวและมีขนาดใหญ่กว่า sea master-400 ด้วย อาจะเป็นรุ่นใหญ่กว่าก็ได้ ดังนั้นน่าจะมีระยะตรวจจับมากกว่าเช่นกันและทำงานทั้งในการตรวจการณ์พื้นน้ำและตรวจการณ์อากาศ ติดตาม ล็อคออนชี้เป้าทุกขั้นตอนในเรด้าร์ตัวเดียวกันเลย
อธิบายภาพในกระทู้
ภาพแรก DW-3000H และชุดเรด้าร์ IM-400
ภาพสอง IM-100
ภาพที่สาม Sea watcher-100 เรด้าร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ
การอินตีกรัลระบบเรด้าร์ที่มีอยู่แล้วและขายดีน่าเชื่อถือในตลาดโลกแบบ IM-400 ทำให้ระบบสมบูณณ์แบบคล้ายๆ APAR EMPAR SPY-1 เพียงแต่มันต้องใช้เรด้าร์หลายตัวมาเชื่อมระบบการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แผ่นเดียวจบ แต่ผมว่าราคาน่าจะถูกกว่าระบบข้างบน เพราะมีจำนวนการผลิตในปริมาณที่มากกว่ามากมายนัก และการที่มีเรด้าร์หลายแบบอย่างนี้ทำให้การทำงานในแต่ละส่วนลดภาระลงไป เช่น sea master พบเป้าหมายเครื่องบินข้าศึกสัก 12 เป้าหมาย ทำการติดตามและล็อคออนเป้า แล้วยิง SM-2 ออกไป ระบบทำการอับโหลดข้อมูลให้ลูกจรวด SM-2 อยู่ แต่จรวดระลอกแรกยังไม่ทันถึงเป้าหมาย เครื่องบินข้าศึกยิงจรวดต่อต้านเรือรบออกมาเครื่องละ 4 ลูก จึงปรากฏเป้าหมายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 48 เป้าหมาย เช่นนี้ ระบบ sea master ก็อยู่ในสภาพ over load ไปเลย ทำให้อาวุธต่อต้านเรือรบเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่เมื่อเข้ามาระยะต่ำกว่า 40 กม. ระบบเรด้าร์ sea watcher ก็จะสามารถทำการติดตามเป้าหมายและล็อคออนให้ได้แทน sea master ที่อยู่ในสภาพ over load แล้ว และส่งข้อมูลให้ ESSM หรือ CIWS ทำหน้าที่เข้าสกัดต่อไปได้ (ถ้ามันทำได้)
ส่วนโดมด้านบนเป็นระบบสื่อสารดาวเทียม ต่ำลงมาเป็นวงแหวนนั้นคือ ระบบ IFF ต่ำลงมากอีกเป็น sea watcher และต่ำลงมาอีก เป็นระบบสื่อสารข้อมูลต่างและ ESM ด้านเหลี่ยมตรงสันข้างๆทั้งสี่ เป็นระบบ E/O แบบ gate keeper ผมบอกเลยว่า I-MAST ซีรี่ย์นี่น่าสนใจมากๆครับ
การทำการติดตั้งในเรือที่ทำหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศนั้น แม้ว่าจะสามารถติดตั้ง IM-400/500 เพียงโดมเดียวก็เพียงพอ แต่เพื่อความชัวร์ ควรต้องมีระบบรองด้วย เช่น ใช้ Smart-s mk2 ในการตรวจการณ์อากาศ และมี STIR 2.4 เป็นเรด้าร์ชี้เป้าสำรองสัก 2 ชุดหน้าหลัง แล้วให้ IM-400/500 เป็นแรด้าร์อำนวยการรบแทน ดังเช่นในเรือพิฆาตชั้น DE Zeven ของดัชท์เองยังต้องติดตั้ง Smart-L mk2 เลย ซึ่ง Smart-L สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกล 400-480 กิโลเมตรทีเดียว แต่ APAR มีระยะตรวจจับต่ำกว่านั้น น่าจะน้อยกว่า Smart-s เสียด้วยซ้ำครับ
แปลกใจอยู่อย่างหนึ่งครับ ในเรือของยุโรปนั้น จะเห็นระบบ Smart-L เป็นระบบตรวจการอากาศและเป็นระบบรอง ในเรือป้องกันภัยทางอากาศ แต่ก็ยังสามารถใช้ ASTER-30 ได้ แม้ว่าระบบเรด้าร์อำนวยการรบหลักจะเป็น EMPAR ที่รองรับ ASTER อยู่แล้ว แสดงว่าระบบ SMART-L และ SMART-S น่าจะรองรับ ASTER-15/30 ได้นะครับ นอกจากนี้ Thales ยังทำให้มันรองรับระบบ K-VLS ของเกาหลีได้ด้วย น่าจะมีการพัฒนาซอฟแวร์และอินเตอร์เฟสรองรับอยู่ ผมว่ามันน่าสนใจกว่า Aegis + SPY-1K/F ด้วยซ้ำเพราะ SPY-1 ซีรี่ย์เป็นเรด้าร์ PESA ไม่ใช่ AESA และราคาก็น่าจะถูกกว่าด้วย
ดังนั้นผมคิดว่าเรือ DW-3000H ถ้าทร.ต้องการแบบที่ใหญ่กว่าและติดตั้งระบบที่ดีกว่า มันจะน่าสนใจมากๆครับ เพราะรองรับระบบของอเมริกา เกาหลี และน่าจะหรืออาจจะรองรับของยุโรปได้
ส่วนระบบโซน่าร์คงต้องขอผู้เชี่ยวชาญมานำเสนอครับ ถ้าต้องไล่ล่าแมงป่องทะเล เพราะดีลของทร.ไทยต้องการเรือที่จะมาไล่ล่ามัน ซึ่งต้องการโซน่าร์หัวเรือ หรือไม่ก็ต้องหรูเอาโซน่าร์ข้างตัวเรือไปเลย รวมถึงโซน่าร์ลากท้ายด้วย
อธิบายรูปในคอมเมนท์นี้
รูปแรก Smart-S mk2
รูปสอง Smart-L
รูปสาม เรือ OPC ที่ทาง Thales และอู่ต่อเรือของดัชท์เสนอแก่หน่วยตรวจการชายฝั่งอเมริกา จะติดตั้งด้วย I-Mast-400
อ้าวภาพ Smart-s ไม่มา ลองอีกที
จากการพัฒนาระบบเรด้าร์ IM series ของ Thales ชุดนี้ ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นในเรือป้องกันภัยทางอากาศครับ เพราะราคาน่าจะถูกกว่าการจัดหาระบบแพงๆมากอย่าง SPY-1K/F+Aegis หรือ APAR จากรูปภาพร่างลายเส้นของเวปนี้
http://z11.invisionfree.com/shipbucket/ar/t2654.htm
จะเห็นว่าระบบนี้ใช้คู่กับ Smart-L mk2 เหมือนที่เรือ FM-400 ของ DCN ใช้ระบบเรด้าร์ Heracle และมีระบบ Smart-L mk2 เป็นระบบรอง (ที่สร้างข้อกังขาให้ผมมานานว่าตกลงระบบของ Thales สามารถใช้กับ Slyver VLS และ ASTER-15/30 ได้หรือเปล่า) แต่เราอาจจะลดสเปกลงไปใช้ smart-s mk2 เป็นระบบรองแทนแล้วระวางขับน้ำก็อยู่ในช่วง 4000-5000 ตัน
เอ้ยผิดอีกแล้ว ต้องเรือชั้น Horizon สิที่ใช้ EMPAR + Smart-L แล้วทำให้สับสนไม่แน่ใจว่าระบบของ Thales รองรับ slyver VLS กับ ASTER 15/30 หรือเปล่า
รวมรูปเรือป้องกันภัยทางอากาศราคาหย่อนกว่าโคตรเอจีสชุดใหญ่
รูปแรก MEKO A-200 Aegis ที่ทร.ไทยเกือบจะได้มาสองลำหลังพลาด KDX-2 ราคาที่เสนอเกือบ สองหมื่นล้าน โดยแลกกับข้าว กว่า 3 ล้านตัน
รูปสอง De zeven ใช้ APAR + Smart-L
รูปสาม F-124 ใช้ APAR+ Smart-L
รูปสี่ horizon ใช้ EMPAR+Smart-L
ตอนนี้ขอแค่ 4000-5000 ตัน แล้วเป็น IM-500 + smart-L ก็ได้ครับ ไม่ต้อง Aegis ก็ได้ครับ ระบบอำนวยการรบของ Thales ก็พอแล้ว
เรือพิฆาต เจ้าสมุทร Sejong นำเสนอจากเกาหลีใต้คับ ไม่รู้เป็นไรจะตั้งหรือตอบกระทู้ ส่งคลิปไม่ได้
ลักษณะกดที่ Insert ส่งคลิป ไม่เปิดหน้าให้วางคลิป ท่านใดทราบปัญหานี้กรุณาด้วย
เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับ I-Mast-100 นะครับ
เรด้าร์ตรวจการณ์พื้นน้ำก็ยังคงเป็น sea watcher-100 เช่น IM-400 แต่เรด้าร์ตรวจการอากาศนั้นน่าจะเป็น Variant ซึ่งเป็นเรด้าร์เฟสอะเรย์แบบ 2D ดังนั้นน่าจะต้องพึ่งพาเรด้าร์ควบคุมการยิงอยู่ดี (สังเกตว่าเรด้าร์ 2D มักจะยาวๆแคบๆ แต่เรด้าร์ 3D มักเป็นแผ่นใหญ่ๆเกือบจตุรัส เพราะต้องกวาดทั้งสามแกน) ก็เหมาะกับเรือตรวจการณ์และคอร์เวตหรือ OPV ครับ
เรือ DW-3000H ใช้เรด้าร์ควบคุมการยิง STIR 1.2 เพื่อควบคุมการยิงปืน 76 มม. super rapid อีกทีเอาชัวร์
"IM คือ การเอาอุปกรณ์ระบบตรวจจับที่ขายดีและเชื่อถือได้สูงมาทำการ อินติกรัล ระบบรวมเป็นชุดเดียวกันภายใต้โดมอันเดียวกัน"
อินตักรัล คืออะไรครับ
อินทิกรัล ในภาษาไทยเรียกว่า บูรณาการ ครับ แต่ผมว่าฟังแล้วทะแม่งๆยังไงไม่รู้ เอาเป็นว่าเป็นเหมือนการรวมระบบเข้าไว้ด้วยกัน(all in one) เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและการจัดการ
กรณีที่ถ้าทร.ต้องการประหยัดเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเรือในภาระกิจต่อต้านเรือดำน้ำ ก็อาจจะเลือกใช้ IM-400 และใชั Smart-s mk2 + STIR 2.4 HP เป็นระบบรองก็ได้ ราคาน่าจะถูกลง ส่วนระบบ VLS ให้เผื่อพื้นที่สำหรับ 32 cell ไว้ เพราะถ้าอเมริกันยอมขายจรวดให้เราแค่ ESSM ASROC แต่ไม่ยอมขาย SM-2 ให้ วันข้างหน้าถ้า Thales ยืนยันว่าสามารถปรับระบบให้ใช้กับ Aster30 ได้ ก็ค่อยอับเกรดทีหลัง หรือถ้าเกาหลีใต้พัฒนาจรวด Cheongung /Cheolmae-2 ให้มีระยะยิงถึง 150 กฺโลเมตรได้และพร้อมใช้กับ K-VLS เราก็สามารถปรับปรุงเรือให้สามารถใช้จรวดต่อต้านอากาศยานพิสับไกลได้ทีหลังครับ
รูปแสดงระบบ Cheolmae-2 ทั้งที่ติดตั้งบนบกและในเรือ KDX-2A ระบบจรวตนี้ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากรัสเซีย ตอนนี้ประสิทธิภาพยังแค่ใกล้เคียง ESSM เกาหลีตั้งเป้าว่าจะลดหน้ำหนักระบบลงมารวมถึงระยะยิงที่ไกลขึ้นไปถึง 150 กม.ให้ได้ เพื่อจะได้ไม่พึ่งพาอเมริกันมากเกินไปและเพื่อหวังผลการส่งออกครับ