ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ อีกไม่นาน รัสเซียก็จะส่งมอบเครื่องบินรบ Su-30KN ให้เวียดนามอีก 18 ลำ ซึ่งเป็นล็อตที่ซื้อใหม่ๆ หมาดๆ ในราคาพิเศษสุด การเซ็นความตกลงซื้อขายมีขึ้นระหว่างประธานาธิบดีเวียดนาม นายเจืองเติ๋นชาง (Truong Tan Sang) ไปเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการสัปดาห์ปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามรายงานในวันเสาร์ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างการเยือนดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม พล.ท.อาวุโสเจืองกวางแคง (Truong Quang Khan) ได้พบเจาจาเรื่องนี้กับ นายอนาโตลีเซิร์ดูย์ค้อฟ (Anatoly Serdyukov) รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียในวันที่ 28 ก.ค.2555 นอกจากการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับกองทัพประชาชนเวียดนามแล้ว สองฝ่ายยังหารือเกี่ยวกับความร่วมมืออื่นๆ อีกหลายประการ รวมทั้งการฝึกอบรมทหาร และเจ้าหน้าที่กลาโหมเวียดนามในสถาบันป้องกันประเทศรัสเซียอีกด้วย เว็บไซต์ข่าวการศึกษาเวียดนาม GDVN รายงาน หลายฝ่ายกล่าวว่า การส่งมอบเครื่องบินรบล็อตใหม่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้กองทัพเวียดนามมีเครื่องบิน Su-30 เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 40 ลำ เท่าที่มีการเปิดเผย รวมทั้ง Su-30 MK2 กับ Su-30MK2V จำนวน 19 ลำที่ส่งมอบเรียบร้อยแล้ว กับอีก 1 ลำที่เสียหาย เนื่องจากเครื่องบินขนส่งลำเลียงประสบอุบัติเหตุ และรัสเซียจะต้องชดเชยให้แก่เวียดนาม ข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า การ “เปลี่ยนรุ่น” (Sub-Type) เครื่องบิน Su-30 ของเวียดนามมีขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน จากเดิมที่มีแผนจัดซื้อ Su-30MK2 กว่า 40 ลำ หรือ จำนวน “3 ฝูง ++” แล้ว Su-30KN คืออะไร? มาจากไหน? เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมื่อปี 2546 กองทัพอากาศอินเดียได้รับมอบ Su-30K จำนวน 18 ลำจากรัสเซีย ในแผนการจัดซื้อเครื่องบินตระกูล Su27/Su-30 จำนวน 40 ลำ ซึ่งเริ่มกว่า 10 ปีก่อนหน้านั้น ต่อมา อินเดียประสงค์จะเปลี่ยนเป็น Su-30MKI ทั้งหมด จึงขอส่งคืน Su-30K ซึ่งรัสเซียดำเนินการให้ตามความประสงค์ ตามรายงานของสื่อรัสเซีย หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต กองทัพไม่มีงบประมาณพอจัดซื้อเครื่องบินรบประสิทธิภาพสูงแบบ Su-35 หรือ Su-30MK เช่นในปัจจุบันให้กองทัพอากาศได้ จึงสั่งผลิต Su-30 รุ่นราคาต่ำออกมา ซึ่งก็คือ Su-30K ดังกล่าว แต่ในปัจจุบัน กองทัพอากาศรัสเซียได้อัปเกรดขึ้นทั้งหมดแล้ว . |
||||
ในปลายปี 2554 รัสเซียส่ง Su-30K ที่รับคืนจากอินเดียทั้ง 18 ลำ ไปอัปเกรดโดยโรงงานในเบลารุส เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ปรับอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ รวมทั้งระบบควบคุมการบิน ระบบนำร่อง ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ ในห้องนักบินขึ้นให้มีประสิทธิภาพเท่ากับ MK2 หรือ MKI ตามรายงานของสำนักข่าวโนวอสติก่อนหน้านี้ รัสเซียประกาศขายเครื่องบิน Su-30KN ทั้ง 18 ลำ ในกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากหลายประเทศ รวมทั้งเวียดนาม และเบลารุสเองด้วย คณะกระทรวงกลาโหมเวียดนามได้เดินทางไปเยือนเบลารุสสัปดาห์ปลายเดือน มิ.ย. ซึ่งสื่อในรัสเซียรายงานว่า ฝ่ายเวียดนามได้เจรจาซื้อระบบเรดาร์ล้ำยุค ที่สามารถตรวจจับเครื่องบินรบเทคโนโลยีล่องหนได้ เพิ่มเติมจากที่มีใช้อยู่แล้วจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีการกล่าวถึงการเจรจาซื้อขายเครื่องบินรบทั้ง 18 ลำดังกล่าว ค่ายยุโรปตะวันตกกล่าวว่า Su-30KN เทียบได้กับ F-15E “สไตรค์อีเกิ้ล” หรือ F-16 “ไฟติ้งฟัลคอน” บล็อกแรกๆ เท่านั้น แต่รัสเซียยืนยันว่า เครื่องบินตระกูล “ซู” ล้ำหน้ากว่านั้นมาก ทั้งในเรื่องความเร็ว ความคล่องแคล่ว มีเพย์โหลดสูงกว่า บรรทุกอาวุธต่างๆ มากกว่าเครื่องบินทั้งสองรุ่นของค่ายสหรัฐฯ รวมทั้งขีดความสามารถในการบรรทุกอาวุธหนักจรวดร่อนยาโค้นต์ (Yakont) ปราบเรือรบอีกด้วย สำหรับเวียดนาม นอกจากคุณภาพแล้ว ราคาของ Su-30KN ล็อตนี้น่าสนใจไม่แพ้กัน สำนักข่าวการศึกษา GDVN รายงานว่า รัสเซียประกาศขายทั้งล็อตรวมมูลค่า 270 ล้านดอลลาร์เท่านั้น (หรือลำละ 15 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับ 1,000 ล้านดอลลาร์สำหรับ Su-30MK2V จำนวน 12 ลำ ที่เวียดนามซื้อก่อนหน้านี้. เขี้ยวเล็บเวียดนาม PhuNuToday |
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
||||
|
-ขอบคุณ เว็บไซต์ manager.co.th มา ณ ที่นี้ด้วยครับ -
---ผมว่าเขาจะไปไกลแล้วนะครับ ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ เรื่องนี้
ถ้าซ้ำหรือข่าวเก่าแล้ว ขออภัยด้วยครับ
^_^
แบบว่าผมเตรียมพร้อมไว้เผื่อมีเรื่องกับจีนแต่สะเทือนถึงไทย
ความขัดแย้งกับหมู่เกาะแสป๊ซลี่นี่ ระหว่างเวียดนาม กับ ฟิลิปปินส์ ใครหนักกว่ากันครับ ทำไมพี่เวียดนามจัดหนักจัง ทำอย่างกับว่าจีนแหยมมากรูเอาแน่
หรืออยากจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ในอาเซียน เห็นเพื่อนบ้านทางใต้ก็รีบกักตุนอาวุธจังมันจะอยากใหญ่อะไรกันนักหนาอ่ะ
การเตรียมอาวุธของเวียดนามเป็นลักษณะเชิงรุกและรุกหนักมากๆจนผมว่าเกินกำลังเศรษฐกิจ ทังอากาศทังกองเรือเมื่อเทียบปัจัยทางเศรษฐกิจของประเทศผมว่าน่าจะ overheatไปแล้ว เวียดนามอย่าเอาไปเทียบกับฟิลิบปินครับมันคนละเรื่องกัน ตามประวัติศาสตรเวียดนามปะทะกับจีนมาตลอดและล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้จีนก็เล่นเอาไว้เยอะ ประกอบกับช่วงนี้จีนปรับปรุงกองทัพแบบก้าวกระโดดเป็นการบีบให้เวียดนามต้องเพิ่มกำลังรบ ผมว่าเราคอยดูดีกว่าครับอีกไม่นานจีนต้องยึดหมู่เกาะสแปตรีย์เต็มรูปแบบแน่ เวียดนามคงไม่ยอม การปะทะคงต้องเกิด เรานั่งดูไปเรื่อยๆ หากรีเพนอีกซัก๒ฝูง ปรับปรุง F5Eที่มีอยู่ ให้สามารถติดจรวดระยะไกลได้ พรอมจัดหาจรวดร่อนซัก ๑๐๐ลูก เพื่อเสริมการรุกของกรีเพน เท่านี้ผมว่า okแล้วครับ ไม่ต้องไปหาเครื่องบินหนักแบบ su เปลืองเงินเปล่าๆครับ
หมู่เกาะสแปตรีย์ถ้าจีนคิดรุกจริงๆนะไม่น่ารอให้เวียดนามเสริมกำลังขนาดนี้นะครับตามความเห็นผมเพราะถ้าจะต้องปะทะคงเสร็จกันไปแล้วรอให้เวียดนามเสริมกำลังขนาดนี้เกิดปะทะมาจริงคงจะเพิ่มความเสียหายให้จีนเปล่าๆ เวียดนามนี่ก็ใจเกินร้อยจังเลยจัดสรรเงินไปซื้ออาวุธซะดูแล้วอาเซียนผมให้เขาเลยนะ เวียดนาม
สุดท้าย ถ้าอาเซียนรวมกันเป็นหนึ่งจริงกองทัพสหภาพอาเซียนคงจะดูสุดยอดมากเลยนะลองคิดดูแล้วมีอาวุธทุกเกือบทุกค่ายเลยเหอะๆ(ฝันๆ)
ขำ ๆ เท่านั้น ไม่น่า มีอะไรมาก...
เห็นลงข่าวจังว่าเดี๋ยวสั่งซื้อเดี๋ยวรับมอบ ผมว่าออกแนวๆสั่งซื้อแล้วรอการผลิตส่งมอบไม่ไหวเลยตัดใจเอาของเก่าเก็บของรัสเซียมาอับเกรดขายราคาถูกๆไปแทนก่อนจะมากกว่า เพราะราคาน่าสนใจประสิทธิภาพ OK. แต่แบบนี้เศรษฐกิจเวียตนามจะไหวหรือเปล่านี่สิครับ เป็นแค่อึ่งอ่าง แต่พยายามเบ่งตัวให้เท่าวัว(กระทิง)เดี๋ยวก็เดี้ยงเอง เวียตนามนั้นเดิมเป็นเมืองขึ้นจีนเกือบตลอดประวัติศาสตร์ ดังนั้นจีนขยับแบบอลังการแบบนี้ย่อมแน่นอนว่าประสาทแดรกแน่ๆ แต่ก็เว่อร์เกิน แบบนี้อีกไม่นานเศรษฐกิจจะรับไม่ไหวเอา ยังต้องนำเจ้าน้ำมันสำเร็จรูปแทบจะ 100% เอามาใช้กับเครื่องบินที่แดรกน้ำมันแบบ SU-30 เฮอะๆๆๆคิดแล้วหยองครับ
เห็น Tango ฉบับเดือน สิงหาคมลงว่า ทอ.ต้องการกริฟเป่น 40 เครื่อง! อายยะ....เข้าท่านะ แสดงว่าต้องการ 2 ฝูง + แล้ว F-5T ที่จะทำการอับเกรดล่ะ จะเอาไปไหน หรือว่าจะเพิ่มอีกหนึ่งฝูงสำหรับเครื่องสกัดกั้น (รวม 3 ฝูง?) แล้ว F-16 ทั้งสามฝูงเป็นเครื่องโจมตีหลัก?
แต่ถ้าทอ.จัดหากรฟเป่นเป็น 40 เครื่องจริง เราคงได้ ERICEYE 2000 แน่ๆ เวอร์ชั่นหลังๆน่าจะเป็น NG หรือ E/F
ถ้าจะจัดหา JAS39 จำนวน 40 ลำ ( 2 ฝูง 36 เครื่องประจำ กองบิน 1 และ 21 ที่เหลือเศษ 4 ลำเอาไปลงกองบิน 7 ) ในระยะ 5 ปี ถ้าดูจากงบประมาณในแต่ล่ะปี บวกกับภาระรายจ่ายของโครงการที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว เช่น การ MLU F16 18 ลำ , การจัดซื้อ ฮ. ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลใจดีเพิ่มงบให้พิเศษสักหมื่นล้านบาทต่อปี ใน 5 ปี รูปการที่น่าจะเป็นคือ JAS39 A/B ที่ upgrade เป็นรุ่น C/D 40 ลำ พร้อม Ericeye อาวุธ และระบบสนับสนุนที่จำเป็น มากกว่า ครับ
ส่วนการ upgrade F5 ฝูง 211 คงไม่มีความจำเป็นแล้ว ใช้จนหมดอายุ
ส่วน F16 ADF ก็อาจย้ายไปเชียงใหม่ หรือใช้จนปลดประจำการที่ โคราช
ส่วน F16 A/B ที่ไม่ได้ทำ MLU ตอนนี้ไม่แน่ใจอยู่กองบินไหน ถ้าอยู่โคราช ก็ใช้จนปลดประจำการแล้วแทนด้วย F35 หรือ JAS39E/F )
ที่ผมกล่าวมานี้ใช้ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆน่ะครับ
เห็นหลายๆคนเป็นห่วงกองทัพเวียดนามว่ากระตังจะไม่พอใช้กัน แต่ก็ไม่เห็นพี่แกจะเป็นอะไรซักทีนี้ครับ ดีวันดีคืนกว่าเราอีกอะนะ(หนี้ก็ไม่เยอะเท่าเราอะ) ไม่รู้ว่าการเอาเงินไปจมกับอาวุธ(ดูเหมือนไม่ใช้หัวคิดอะนะ) กับการเอาเงินไปจมกับข้าว ของ น้ำมัน(ดูเหมือนใช้หัวคิดอะนะ) ไม่รู้อย่างไหนมันดีกว่าการหว่า อีกไม่นานพี่ใหญ่อาเซียนที่ได้แรงหนุนจากเมกาคงเริ่มเห็นตัวชัดเจนแล้วหละ(ไทยไม่ทันแล้วอะนะเพราะเราช้าตลอด)
ผมคิดเหมือนกันท่าน rayong นะถ้าเกิดซื้อจริงๆ คงเอา กริฟเฟน มาเเทน F-5 ฝูง 211 เเล้วละครับซ์้อมาล็อตใหญ่ขนาดนั้นคงหมดความจำเป็นที่จะอัพเกรด F-5
เเต่คงต้องฝันกันต่อไป ฮ่าๆๆ
เวียดนามจำเป็นต้องเสริมศักยภาพของกองทัพ ในเมื่อข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะกับจีนซึ่งเมื่อเทียบศักยภาพต่าง ๆ ไม่น่าที่เวียดนามจะต้านทานได้ แต่อย่างน้อยจำเป็นต้องมี เพราะถ้าเกิดการสู้รบกัน ถ้าเป็นอย่างจำกัดไม่ขยายใหญ่โต ก้เพื่อให้จีนเกิดความเกรงขามขึ้นมาบ้าง ประเภทว่าคุณก็ต้องสูญเสียเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดการสู้รบแบบขยายใหญ่โต ก็เพื่อรอให้ประเทศเมกามาช่วยเสริม นอกจากนี้ในระยะหลังจะเห็นเวียดนามประโคมข่าวความขัดแย้งให้ใหญ่โตเข้าไว้ เพื่อจะดึงความสนใจของชาติต่าง ๆ ให้มาช่วยคานอำนาจทางทหารของจีน สำหรับท่าทีของไทยควรจะเป็นอย่างไร ทั้งในฐานะประเทศเดี่ยว ๆ และในฐานะชาติสมาชิกอาเซียน
ก็ดูแล้ว เวียดนาม เตรียมรับมือภัยคุกคามทางอากาศ ในทุกด้าน...
มีโอกาสไหมที่เราจะร่วมกันกับสวีเดนผลิต โดยมาตั้งโรงงานในไทยครับ เอารุ่นร่องหนถ้าจะดีครับ