ถ้าฮิตเลอร์ ไม่สั่งหยุดโจมตีที่ดันเคิร์ก ทหารสี่แสนนายของอังกฤษเสียชีวิตไม่มีรอดกลับเกาะสักคนเดียว แล้วตาม บุกไปถึงเกาะอังกฤษทันที ไม่มีหยุดพัก คิดว่าจะเอาชนะเกาะอังกฤษได้หรือไม่ครับ เพราะตอนนั้นอังกฤษทหารน่าจะไม่มีประจำการบนเกาะแล้ว หรือมีก้เพียงน้อยนิด แล้วถ้าอังกฤษแพ้ โซเวียตสงบศึกกับเยอรมัน อเมริกากล้าวัดตรงๆกับเยอรมันไหมครับ (ไม่มีเกาะอังกฤษเปนฐานในการบุกหาด) ถ้าอังกฤษแพ้ เครือจักรภพก้ต้องตกเปนของเยอรมันถุกไหม
เคยดุสารคดี เยอรมันสร้างรถถังที่ใหญ่ที่สุด (ใหญ่เว่อร์มากๆ) ฮิตเลอร์โง่ถ้าเปนผมผมจะทุ่มกำลังยึดอังกฤษให้ได้เลย โดยการส่งกองกำลังไปโอบตีจากสกอตแลนด์แล้วก้ ไล่ต้อนอังกฤษที่ดันเคิร์ก กระจุยกระจาย บุกเข้าทุกทาง อังกฤษเดี้ยงแน่ ขึ้นไปได้เมื่อไรส่งแพนเซอร์ไปบนบก ไล่ยิง หอบิกเบนให้พังไปเลย
แต่ฮิตเลอร์ก้ดีอย่างนะครับ คือ รีบประกาศทำสงคราม ทำให้ เราเสียดินแดนหยุดไว้ที่14ครั้ง ถ้าฝรั่งเศษไม่โดนเยอรมันเล่นก่อน อาจจะเขมือบเราไปมากกว่านี้ก้ได้
ที่เยอรมันไปไม่ถึงเกาะอังกฤษเพราะว่าโจมตีทางอากาศไม่ได้ครับ
คือว่าแผนของเยอรมันในยุทธการบริเตน ก็คือการใช้กองบินขนาดใหญ่บินเขาไปปูพรมที่หัวหาด ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และทำการครองนานฟ้าให้ได้ก่อนแล้วจึงค่อยส่งหน่วยภาคพื้นไปบุกครับ แต่กองบินของเยอรมันดันไปเจอตอเข้าหยั่งจังก็คือ เครื่องบินขับไล่สปิตไฟร์ของอังกฤษครับ สอยเยอรมันร่วงไปเยอะจนต้องทำให้ การบุกภาคพื้นเป็นอันต้องยกเลิกไปครับ ไม่ใช่ว่าเยอรมันไม่อยากบุกแต่บุกไม่ได้ตะหากจร้าาา แต่เยอรมันก็ยังมีดีตรงที่มีเรืออูเอาไว้ป่วนแถวมหาสมุทรแอตแลนติกได้เป็นอย่างดี
spitfire นี่มันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอครับ ขนาด FW190 เอาไม่อยู่เลยเหรอ Mustang FW190 ผมยังพอรู้จัก spitfire นี่ก็รู้จักแต่ชื่อ แต่ดูทรงภายนอกแล้ว เหมือนเครื่องบินที่มีไว้แค่มีอย่างนั้นแหละ ดูไม่มีพิษสงเลย หรือผมเข้าใจไรผิดไป -.-
เรืออูตอนหลังๆก็ไม่เป็นประโยชน์แล้วครับ
เพราะสูญเสียเยอะมาก กล่าวคือ สู้กับหน่วยต่อต้านเรือดำน้ำไม่ได้ โดนสอยฝ่ายเดียว
มีประโยชน์เฉพาะไล่สอยเรือสินค้าที่ไม่มีขบวนคุ้มกันเท่านั้น
เรียกว่าตายกันจนยกเลิกการปฏิบัติการณ์ แทบยุบทัพเรือดำน้ำเลยทีเดียว
ยุทธศาตร์สำคัญคือข้ามทะเลครับ ที่เยอรมันบุกอังกฤษไม่ได้ เพราะการขึ้นจากทะเล นักยุทธศาตร์ตั้งแต่โบราณก็ให้ดักโจมตีศัตรูที่กำลังขึ้นจากน้ำเพราะการเคลื่อนที่ลำบาก เป็นเป้าหมาย แถมหนีลงน้ำก็มีแต่ตาย ดูอย่างที่นอร์มังดี เป็นสมรภูมิท่มีการสูญเสียหลายหมื่น ใช้กำลังพลชนิดที่ว่าไม่มีสงครามยกพลขึ้นบกครั้งใดในโลกจะมากเท่า แต่ถ้าโลกในอดีตก็สงครามกรุงทอย เยอร์มันจึงทำได้เพียงส่งกำลังทางอาการเข้าโจมตี และเรืออูก่อกวนในน้ำ เพื่อสร้างความบอบช้ำเพื่อรอโอกาส เมื่อบุกตะวันตกไม่ได้ก็บุกไปตะวันออก และแอพริกา ซึ่งตะวันตกรัสเซียก็ติดไปต่อไม่ได้ เพราะสภาพอากาส แอพริกาก็เจออเมริกาที่เร่มเข้าสู่สงครามยันและตีจนเละ
แต่ที่แน่คือที่ตีอังกฤษไม่ได้เพราะทะเลทำให้ไปต่อไม่ได้ ซึ่งก็ชัยภูมิที่อังกฤษเคยใช้รบกับฝรั่งเศษไดพ้ผลทุกครั้งด้วยครับ
แก้ครับ แอฟริกา
และอีกเหตุผลที่เยอรมันต้องตีตะวันตกกับแอฟริกา ก็เพื่อน้ำมัน เพราะแม้รถถังเยอรมันจะใหญ่ จะแข็งถ้าวิ่งไม่ได้ก็จบ ซึ่งรัสเซียเองก็รู้ว่าต้องยันที่สตาลินกราดจึงทุ่มหมดตัว และอเมริกาก็ยันเยอรมันไว้ที่แอฟริกา ก่อนที่จะคิดยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี คือฝ่ายเสนาธิการเข้าทันกันครับ อย่าใช้ความรู้สึกครับเพราะถ้าบุกอย่างท่านเจ้าของกระทู้ว่า คงติดแหงะอยู่เมืองใดเมือหนึ่ง เพราะการส่งกำลังบำรุงข้ามน้ำข้ามทะเลลำบาก โดยเฉพาะน่านน้ำก็ยังไม่เป็นของเยอรมันอย่งเด็ดขาดด้วย แม้จะมีเรือดำน้ำที่เยี่ยมแต่กองเรือ ที่จะส่งกำลังบำรุง และคุ้มกันส่งเสบียงดูเยอรมันไม่มีกำลังทางด้านนี้เลย ส่วนที่ตีได้ช่วงแรกเพราะกำลังทางอากาศและรถถังที่เคลื่อนที่ได้เร็วเท่านั้น และถ้าเยอรมันยกพลขึ้นบกที่เกาะอังกฤษคงจะถูกตีจนตกเกาะองักฤษเป็นแน่
เเหม spitfire ไม่ใช่ธรรมดานะครับเเถมเยอรมันคาดการจำนวนเครื่องบินของอักฤษต่ำไปเพราะอังกฤษยังมีความสามารถในการผลิตเหลืออยู่มากเเถมเล่นในบ้านตัวเองด้วยสมมตินักบินอังกฤษโดนยิงตกถ้ารอดก็กลับไปบินใหม่เเต่ถ้าเครื่องของเยอรมันตกก็ตกลงเเดนข้าศึกกลายเป็นเฉลยไปทำให้เยอรมันสูญเสียอย่างมาก
สิ่งที่อังกฤษได้เปรียบอีกอย่างคือ บินในประเทศ เครื่องสามารถลงมาเติมน้ำมันและโหลดอาวุธขึ้นไปต่อสู้ต่อไป เครื่องขัดข้องถ้าลงพื้นได้สามารถเอามาซ่อมได้อีก ขนาดที่เยอรมันไม่เน้นเรื่องเครื่องบินโจมตีพิสัยไกล ที่บินมาโจมตีลอนดอนนั้นจะมีปัญหาคือบินได้ไม่นาน บางทีรอดจากการต่อสู้เหนือน่านฟ้าลอนดอน แต่ขากลับไปไม่ถึงฝรั่งเศสมักจะร่อนลงทะเลซะส่วนมาก เพราะน้ำมันหมดครับ นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่เยอรมันไม่ประสบผลสำเร็จ ในการโจมตีอังกฤษครับ
spitfire ใช้เครื่อง V-12 อัตราเร่งดีกว่า เครื่องยนต์ลูกสูบดาวของ FW-190 มากครับ อัตราการใต่ก็ก็ดีกว่า
สิ่งที่หยุด เยอรมันไม่ให้ข้ามไปได้ คงเป็น สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า .... เรด้า เครือข่าย ระบบ network radar ที่ดีที่สุดของโลก(ยุคนั้น) สามารถสกัด เครื่องบินของ เยอรมันที่มีเยอะกว่าได้ เพราะอะไร ?
เครื่อง สปริตไฟร์ จำนวน จริง ๆ ไม่มากเท่าไหร่ จัดว่าน้อยกว่า เครื่องของ ลุฟวาลเฟ เยอะ แต่ นักยุทธศาสตร์ ใช้ระบบ โรเทชั่น คือ ใช้เครื่องบิน หมุนวน ไปเรื่อย ๆ วันนี้อยู่ที่นึง พรุ่งนี้ ไปอีกทีนึง (แอบบินไปเปลี่ยนตอนกลางคืน)
แต่ ระบบ โรเทชั่นของอังกฤษจะไร้ประโยชน์ทันที ถ้าไม่มี ระบบ network radar ที่สามารถตรวจจับ เครื่องบิน เยอรมันได้ ตั้งแต่ระยะไกล เวลาเยอรมันบินเข้ามา ทางลอนดอนจะ รู้ว่ามันมาทางไหน ก็จะ จัด ส่ง เครื่องบินไป ต้อนรับ ทำให้ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องบิน มากมาย เรียกว่าใช้ประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่
กลยุทธ ที่ใช้ มีหลายแบบ ตั้งแต่ ทาหมายเลขเครื่อง ซ้ำ ๆ กัน กับเครื่องที่ตก ทำให้ เยอรมันคาดการณ์ผิดว่า เครื่องบิน เหลือเยอะ ที่จริงแล้ว เหลือแค่หลักร้อย เองมั้งครับ
กลับมาเรื่องสปริตไฟร์ รู้สึกว่า เป็น เครื่องบินที่ดีมากของ ฝ่าย สัมพันธมิตร ถ้าเทียบแล้วคงเป็นรองแค่ P51 รู้สึกว่า เราก็เคยมี สปริตไฟร์ นะ (คุ่้นๆ)
ต่อให้จบที่ดังเคิร์กอย่างสวยงาม และต่อให้กองทัพอากาศเยอรมันเป็นต่อ
ก็ไม่สามารถบุกขึ้นอังกฤษได้อยู่ดี
เยอรมันไม่มีกองทัพเรือที่แข็งแกร่งพอที่จะคุ้มกันทหารขณะลำเลียงพลข้ามไปยังเกาะอังกฤษ
เพราะมีแต่จะถูกกองเรือ อังกฤษยิงทิ้งกลางทะเล
สรปิตไฟร์ก็ไม่ได้ดีเทพอะไรมากมายหรอกครับ แต่ปัญหาคือความไม่พร้อมของท.อ.นาซี ลองไล่ดูนะครับว่าเครื่องบินคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิิดของเยอรมันมีกี่รุ่นที่ไปถึงลอนดอน BF-109 ตัดทิ้งไปได้เลย ระยะบินสั้นแทบจะอยู่คุ้มกันไม่ได้บินแถวๆชายฝั่งแถมนักบินฝีมือๆส่วนใหญ่ก็ใช้Bf-109กันหมด BF-110 นี่ไม่ต้องพูดถึงไร้ความสามารถในการขับไล่จนต้องไปอยู่หน่วยลาดตระเวณและโจมตีในตอนกลางสงคราม แทบจะเหลือแต่เครื่องบินทิ้งระเบิดเท่านั้นที่บินเข้าไปลำพังและโดนต้อนรับจากปตอ. แถมอังกฤษมีเครื่องบินขับไล่ทั้งหลายรุนที่พอจะสลับกันขึ้นบินเข้าตีเยอรมันที่ไร้การคุ้มกันได้สบายๆแถมมีฐานบินที่พอต่อระยะบินด้วยล่ะครับ
ยิ่งนาซีบินลึกเข้าไปมากเท่าไรก็ไร้การคุ้มกันจากเครื่องบินขับไล่มากเท่านั้น
สรุปที่ยึดเกาะอังกฤษไม่ได้ก็เพราะเยอรมันใช้เครื่องบินถล่มอังกฤษไม่สำเร็จครับ ช่วงหลังรู้ึสึกว่าจะเปลี่ยนมาใช้จรวด V1 แทนนะครับ ซึ่งเป็นจรวดที่นำร่องเองอันดับแรกของโลกเลยก็ว่าได้ นำร่องด้วยเชื้อเพลิง เชื้อเพลิงหมดตรงไหนก็ตกตรงนั้นแหละ ฮ่าาาา
spitfire ไม่ได้เจ๋งอะไรมาหรอกครับ พระเอกของงานนี้คือระบบ home chain นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ robert watson-watt สามารถคิดค้น Pulsed radar ได้สำเร็จและในปี ค.ศ. 1938 home chain เป็นเครือข่ายเรด้าที่วางตลอดแนวชายฝั่งอังกฤษ ทำให้เครื่องบินอังกฤษสามารถรู้ตำแหน่งที่เยอรมันจะบุกได้