สำหรับผมคิดว่าอันไหนก็ได้ครับขอให้มีการฝึกซ้อมบ่อยๆ (travo ระยะหวังผลไกลกว่า m16a4 ครับ)
ผมว่า ทราโว่ ไม่ค่อยมีความคล่องตัวเท่าไรนะ โดยเฉพาะการสับเปลี่ยนซองกระสุน ในเวลาที่กระชั้นชิด บางครั้งมันเสียเวลาในการเปลี่ยนซองกระสุนนะผมว่า ขนาดทหารตะวันตก ที่ว่าใช้กันแหลก ชำนาญ ตอนเปลี่ยนกระสุน ยังต้องหาที่หลบเพื่อเปลี่ยนซองกระสุน
ส่วน M16A4 คนที่ใช้ชำนาญ การสับเปลี่ยนซองกระสุน บางทีไม่ต้องก้มมองด้วยซ้ำ มองแค่สูญเล็งอย่างเดียว แต่ผมก็คิดว่า ปืนมันใหญ่เกินไปนะ สำหรับทหารบ้านเรา แต่ก็เหมาะสำหรับบางคน ที่มีรูปร่างใหญ่โต
ทหารไทย ส่วนมาก สัดส่วน รูปร่างเล็ก ผมว่า ปืนที่จะเหมาะที่สุด น่าจะเป็นพวก Sig516 กะ HK-416 ไม่อยากให้ประจำการแค่หน่อยพิเศษเท่านั้น อยากให้เป็นแบบซื้อสิทธิบัตรมาผลิตเองเลยดีกว่า
เรื่องนี้ .. ผมคิดว่าควรเอาทหารทุกหน่วย มาร่วมประชุมกันมากกว่า แล้วส่งตัวแทนมาโหวตกันว่าจะเอาปืนเล็กยาวรุ่นใหน
แล้วก็ก็ทำแบบนี้ ทุกเหล่าทัพ เพราะลักษณะการใช้งานไม่เหมือนกัน เช่น ทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ ตชด. ทหารพราน
แต่ละหน่วยงาน ควรใช้ปืนคนละรุ่น ( แต่ กระสุนควรเป็นรุ่นเดียวกันหมด )
ข้อดีคือ จะได้หมดปัญหาเรื่อง ผู้สั่งไม่ได้ใช้ ผู้ใช้ไม่ได้สั่ง .. แล้วเรื่องที่แต่ละหน่วยใช้คนรุ่น เพื่อ เวลาซ่อมบำรุง จะได้รู้ว่า
รุ่นใหนเสียบ่อย
.. ทราโว่ อาจจะไม่ชินมั๊ง เพราะตั้งแต่เกิด ก็เจอแต่ซองกระสุนอยู่ข้างหน้า พอมาเจออยู่ข้างหลัง ก็ยังปรับตัวไม่ได้ และคงยังอีกนาน
เปรียบเหมือน เราท่อง ก - ฮ มาตั้งแต่เด็กๆ พอให้ท่องกลับหลัง จาก ฮ - ก ไม่มีใครท่องได้ทันที ต้องฝึกกันอีกนานเชียวละ
ทราโว่ออกแบบมาสำหรับสงครามสมัยใหม่ที่รบในเมืองเป็นหลักครับ เน้นคล่องตัว แล้วทหารตะวันตกก็ใช้งานปืนแบบbullpub เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศษเป็นต้น แต่ยังคงประจำการในหน่วยรบปรกติ ทหารรบพิเศษจะใช้ปืนไรเฟิลแบบธรรมดาพวกM4 Sig552 G36 ซึ่งผมเองเข้าใจว่าทหารรบพิเศษต้องการปืนที่ใช้งานในท่ายิงต่างๆได่ง่ายกว่า เปลี่ยนซองกระสุนเร็วกว่า ดูแลง่ายกว่า เป็นต้นครับ
travoหรือM16 ไม่ว่าอะไรก็อยากจะให้เลือกซักแบบนึงครับ ทหารจะได้ฝึกแบบมาตฐานเดียวกัน ทุกวันนี้ บางค่ายบางหน่วยฝึกปืน3รุ่นเลย HK33 M16 TRAVO โดยเฉพาะtravoนี่ท่าบุคคลพร้อมอาวุธต้องเปลี่ยนใหม่เลย ส่วนm16a4ถ้าได้มาแบบเดิมๆ ก็ไ่ม่ต่างจากa2หรอกครับ อย่างน้อยก็น่าจะเพิ่มอุปกรณ์ช่วยเล็งบ้าง
ถ้าได้ Sig 516 ประจำการทุกเหล่าทัพ นี่คงจะหล่อเกินเพื่อนบ้านเลย อิอิ
ส่วนตัวผมคิดว่า m16 นั่นแหละครับ จ๊าบแล้วว ใช้กันมาตั้งแต่ 40ปี ที่แล้วว คงคุ้นเคยกันมิใช่น้อยย อิอิ ยิ่ง a4 ถ้ามีเครื่องช่วยเล็ง พวก
ACOG EOtech นี่คงแหล่มแต่บ้านเรามันป่าเขา คงไม่ค่อยได้ใช้
ส่วนตัวผมคิืดว่า Tarvor มันเป็นปืนที่มีความคล่องตัวสูง ไม่เกะกะ เหมาะสำหรับการรบสมัยใหม่ที่ไม่ได้รบกันแบบยิงกันระยะไกลๆเหมือนในอดีต มันเหมาะสมกับการรบที่ต้องการความคล่องตัว ในพื้นที่หลบหลีกอันจำกัด ไม่เกะกะ พวกปืนจำพวกรูปทรงเดิมๆคือมีซองกระสุนอยู่หน้าไกปืนอย่างเช่นปืน M16 Hk416 มันมีข้อเสียตรงที่เวลาวาดปืนขึ้นประทับบ่า ต้องใช้พื้นที่เกะกะ เวลาที่ต้องการยิงเร็วๆ ทำให้ไม่คล่องตัว ปัญหานี้ถ้าใครเล่น BB GUN คงจะรู้ ส่วนตัวคิดว่า ท.บ.มาถูกทางแล้วที่เลือกใช้ TARVOR แต่อยากให้เปลี่ยนศูนย์เล็งใหม่ซะหน่อยเพราะได้ข่าวว่า ดอท เดิมมันไม่ค่อยชัด เดี๋ยวค่อยๆฝึกมันก็คล่องตัว ปืน Tarvor เหมาะสำหรับพวก ทหารม้า ด้วยเพราะการขึ้นลงรถถังหรือการยิงออกมาจากรถเกราะ มันมืพี้นที่แคบ ถ้าใ้ช้ปืนที่หน้าสั้นลงน่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการแกะกะไปได้ ส่วนปืนจำพวก ซองกระสุนอยู่ข้างหน้า อย่าง M16 AK 47 M4 SIG516 เหมาะสำหรับการรบที่ยิงกันในระยะไกลๆ เช่นการรบกันในสนามรบ ประจันหน้ากัน เพราะว่าด้วยลำกล้องทีี่่ยาว จะทำให้การยิงมีความแม่นยำขึ้น ในป่าไม่จำเป็นต้องใช้ความคล่องตัวเพราะมีเวลาให้เตรียมตัวเยอะกว่ารบในเมือง หรือสงครามสมัยใหม่ มันดีคนละด้านกันครับ แต่ส่วนตัวผมชอบปืน Tarvor มากกว่าเพราะภ้าอยากให้กองทัพเข้าสุ่ยุคใหม่ของการรบครับ
M16A4 อุปกรณ์เสริมมันเยอะกว่า สามารถเปลี่ยนเป็น sniper ได้ (แต่แพงมาก)
M16 ไม่ว่ารุ่นไหนก็ตาม เหมาะกับการรบในพื้นที่โล่ง หรือซุ่มยิงครับ มันยาวไปสำหรับการรบแบบ CQB แต่ความแม่นนี้เชื่อถือได้เลย แต่อย่าใส่อุปกรณ์เสริมติดมากมายครับมันจะทำให้เราล้าเวลายืนเล็งยิงนานๆครับ
HK 416 หนักมากกกกกกกกกกกก ถือยืนเล็งแปบเดียวก็ล้าแล้ว ยิ่งล้ามากความแม่นก็หดหายตามไปด้วย
HK-33 ไม่ประทับใจเท่าไรครับ หนักพอประมาณ ยืนยิงระยะ 100 เมตร พอเอาอยู่ เกินกว่านั้นแล้วแต่ดวงเลยละกันครับ แต่ถ้านอนยิงนี่คนละเรื่องเลยครับ ถ้ามีขาตั้ง ศูนย์เล็งดีกว่านี่หน่อย หรือมีรางจับใส่ดอทได้แจ่มเลยครับ น้ำหนักกำลังดีสำหรับนอนยิงมาก
Sig 516 14.5 นิ้ว กับ M4A1 ผมว่ากำลังพอเหมาะกับคนไทยดีครับ ไม่เล็กไปไม่ยาวไป ความคล่องอยู่อยู่ในระดับพอดีทีเดียว น้ำหนักเบา แม่นน้อยกว่า M16 เสียงดังกว่า M16 สำหรับ M4A1 ขัดลำกล้องพอๆกับ M16
ประมาณนี้ครับสำหรับที่เคยไปจับมา ส่วน Travo ยังไม่เคยลองครับ
จริงๆถ้าอยากได้แบบไม่เกะกะ คล่องตัว เหมาะสำหรับการรบสมัยใหม่(รบในเมืองว่างั้น) เปลี่ยนซองกระสุนง่าย ก็เอาแบบ hk mp-5 หรือ uzi ก็ได้นี้ครับกระสุน 9 mm. ยิงกันใกล้ๆ เบียดๆแบบในเมืองในตึกแค่นี้ก็ถ่มไปแล้ว ยิงมือเดียวยังได้เลย ถือสองมือก็ได้(2 กระบอกแบบในหนังอะ) เปลี่ยนซองกระสุนง่าย ใช้งานง่าย(เด็กแว๊นยังใช้ได้เลย) ส่วนพื้นที่ป่า(ทหารที่ใช้งานปกติแบบภูมิประเทศแบบไทยๆ แบบ 3 จ.ใต้) ก็จัดยาวๆ นิ่งๆ ชินๆ ทดมือทดเท้า น่าจะดีกว่าอะครับ แต่ที่ดีกว่าแน่ๆนอนๆคือทำเองอะครับ ซื้อมาใช้เลย มันก็ง่ายๆ ดีๆ กับคนที่ซื้อมาอยู่หลอกนะ แต่คนใช้ก็ใช้กันไปตามยถากรรม เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วอะครับ แต่ถ้าอยากลำบากก็น่าจะจัดทำขึ้นมาเองเลย(จำไม่ผิดมีศูนย์วิจัยที่ จปร. เค้าพร้อมออกแบบอยู่แล้วนิครับ) และเรื่องซื้อลิขสิทธิ์ก็น่าจะได้แนวคิด(บทเรียนหละมั่ง)จากมา HK-33 มาแล้วนี้ครับ ส่วนเรื่อง travor กับ m16a4 ถ้าจะมาเน้นรบแบบในเมือง m16a4 (หาร 4 ทั้งสมการ ด้วยนะ) น่าจะดีกว่านะครับ เพราะชินมือ จับถนัด คล่องตัวก็พอๆกัน แต่ระยะยิงสั้นกว่าก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี้ครับก็ไหนๆจะยิงกันในซอกในซอยตามมุมตามหลืบใกล้ๆอยู่แล้ว ส่วน travor ถึงจะสั้นก็จริง แต่มันดันไปสั้นข้างหน้าตรงที่มือซ้ายจับถึงมือขวาที่ไกปืน ฟิวประมาณจับปืน uzi อะ แต่ดันไปยาวข้างหลัง ช่วงไกถึงประทับบ่า ทำให้ต้องยืดแขนทั้งสองข้างออกไกลจากลำตัว พานท้ายก็ปรับไม่ได้ด้วย(รวมกันได้จับงอกแงก) แถมทหารจะได้ไม่งงกับรูปแบบของปืนด้วยไงครับ ส่วนพื้นที่ป่าหรือชนบทก็ m16a4 อีกตามเคย(ไม่รู้ว่าระยะหวังผลอันไหนมันดีกว่ากัน สมมุติว่ามันพอๆกันอะนะ แต่ลำกล้อง M16 มันยาวกว่าไม่ใช่เหรอ) เพราะชินมือกว่ากันอะครับ ของออฟชันก็เยอะกว่า จับถนัดกว่า เป็นมาตรฐานกว่า ติด M203 สวยกว่า แถมแพงกว่าเยอะด้วย
ปล.ผมไม่เคยจับ travor ของจริงๆหลอกนะครับ แต่เคยจับ BB gun รูปทรงน่าจะใกล้ๆกันนะ
อยากให้ลองพิจารณาเรื่องการซ่อมบำรุงระดับสนามด้วยครับ
ถ้าทหารผู้ใช้ดูแลบำรุงรักษาให้ใช้งานเองไม่ได้ ปืนให้ดีเลิศแค่ไหนก็ไม่ต่างกับไม้ท่อน
คุณpotmonครับ กระสุน5.56กับ9มม.อนุภาพมันต่างกันเยอะนะครับ สมมติว่าอีกฝ่ายมันใส่เกราะกันกระสุน9มม.อาจเจาะไม่เข้านะครับ แล้วที่ภาคใต้โจรมีอาก้ามีm16นะครับผม ("W")
ถ้าว่ากันตามหลัก เออกอนอหมิค................งปืน บูลปัพ จะใช้ได้ดีแค่การยิงประทับบ่า............................ ลองนึกถึงสนามรบจริง ซึ่งอาจต้องมีท่าทางพลิกแพลงต่อไปนี้............. ถูกยิงกดดัน คู้เข่าหมอบอยู่ในคูเหลต โผล่หัวขึ้นมาไม่ได้ ท่ายิงที่ใช้ได้ท่าเดียวคือ ชูปืนขึ้นข้างบนแล้วกราดออกไปข้างหน้าแบบไม่โผล่หัว บูลปัพ แทบจะทำไม่ได้เลย ด้ามจับอยู่ด้านหน้า ไม่มีความเป็นซิมเมตตรี้ งานนี้หงอยจ๋อยหด............................... ทีนี้ลองนึกถึงเวลาชาร์ตเร็ว โผจากต้นโพธิ์ไปต้นไทร โกยแน่บวิ่งเกียร์หมา ระหว่างวิ่งต้องจ่อส่ายปากกระบอกไปข้างหน้า งานนี้ พานท้ายปืนอาจจะต้องอยู่ที่ท้อง ท้องน้อย สบัก หรือบั้นเอว (จินตนาการตอนใส่เกียร์หมาแล้ววิ่งไปยิงไป) บูลปั๊พ หมดสิทธิ์อีกแย้ว...................... ง่า นึกง่ายๆ ไอ้กันจ้าววรยุธ มันยังไม่ทำบูลปัพมาใช้ เล้ยยยยย..........................
เอาอีกหน่อย..................... ผมชอบแนวคลาสสิค......................ถึงเวลาต้องตะลุมบอน ..................คำสั่งติดดาบปลายปืน ......................... ตายห่ะหล่ะวา................ปืนติดดาบตูสั้นกว่าเขาแหน่ะ......................... บางครั้งขนาดและความยาวก็สร้างความเร้าอารมณ์ได้เหมือนกันนะขอบอก.........................
แก้ไขหน่อยครับ คือพอดีไม่มีแฟนเป็นแพทย์ เลยไม่รู้ว่า สบักมันอยู่ตรงใหน เอาว่าแก้เป็น เชิงกรานก็แล้วกันครับ...............
ผมคิดว่าความยาวความสั้นของพานท้ายมันไม่ใช่ปัญหานะครับ เพราะความย่าวพานท้ายปืนระหว่าง tar21 กับ m16 ผมว่ามันก็พอๆกันนะ ดังนั้นเวลายิงระดับเอว คงไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะสามารถใช้แขนบีบแนบกับลำตัวได้ ส่วนท่ายิงเหนือระดับหัว หรือยิงมั่ว ไม่ว่าปืนอะไรมันก็ยิงไม่ถนัดเหมือนกันแหละครับ แม้แต่m16 เพราะยังไงแขนก็ไม่ได้หนีบพานท้ายไว้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าปืนอะไร ถ้ายิงเหนือระดับหัว ก็หวังผลไม่ได้เหมือนกัน ส่วนการตะลุมบอน ปัจจุบันนี้ผมว่าคงแทบจะไม่มีโอกาสได้ตะลุมบอนกันแล้ว เพราะปืนสมัยนี้มันไม่ค่อยติดขัดเหมือนปืนสมัยก่อน ผมเป็นศัตรู ผมก็ไม่เสี่ยงเข้าตะลุมบอนเหมือนกัน tar21 ก็สามารถติดดาบปลายปืนได้ การจับถึงจะให้ความรู้สึกเหมือนสั้นกว่า แต่ถ้ากำลังใจดีแล้ว ไม่ว่าสั้นหรือยาวกว่าถ้ากำลังใจดีก็สามารถฆ่าศัตรูให้ตายได้เหมือนกัน แล้วแต่คนคิดครับ แต่ผมสนับสนุนกองทัพครับ และเห็นว่ามันดี เป็นปืนยุคใหม่ เพื่อให้กองทัพทัดเทียบกับชาติที่เจริญแล้วชาติอื่นครับ ถ้ามันไม่ดี พวกยุโรป หรือประเทศอื่นเค้าคงไม่ผลิตปืนทรงนี้มาใช้กันหรอกครับ
อันนี้ต้องลองครับ พูดด้วยปากไม่เห็นภาพ.......................รบกวนท่านที่สงสัยลอง ไปหยิบไม้กวาดหลังห้อวมา..............................งชูมันขึ้นเหนือศรีษะ..........(โปรดระวังก้อนขี้หมา กับเศษข้าวสุกตกลงหัว)..................................นั่งยองๆ แล้วเอาสันไม้กวาดอยู่ในร่องระหว่างนิ้วชี้กะนิ้วโป้......................... ครั้งแรกจับตรงจุดกึ่งกลางหรือจุดซีจี ชูขึ้น จะเห็นว่า ไม้กวาดไม่เอนเอีงคงบาล๊านซ์(ไม่เหมือนบางศาล) สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ สามารถนั่งยองๆโดยชูไม้กวาดขึ้นได้ด้วยมือเดียว......................... เอาหล่ะทีนี้ลองเปลี่ยน......................... คลิปในลักษณะเดียวกัน แต่เยื้องไปด้านหน้ามากๆ..................จะเห็นว่าไม้กวาดไม่ดุล ปลายจะตกลงกระบาน การจะให้สันอยู่ระบาบต้องออกแรงคีบแรง ถ้าเป็นปืนจริง นน.ราวสี่โล จะทำได้ข้อมือต้องโคตรแข็ง............................งสิ่งที่ตามมาคือรัย?????? ถูกต้อง ต้องชูสองมือ อยู่ปลายคนละด้าน ของจริงคือ มือนึงอยู่ด้ามจับ อีกมือต้องชูประคองที่พานท้าย.......................โอกาสเป็นคนพิการสองมือย่อมมากกว่าชูมือเดียว......................มีต่อ.......................
ทีนี้มาเรื่องวิ่งยิง.................... บูลบัฟ ลดความยาวลงโดยการใช้ส่วนลูกเลื่อนทำหน้าที่พานท้าย...................ลักษณะที่แตกต่างอย่างเด่นชัดอีกอย่างคือ ด้ามจับและโก่งไกจะย้ายไปอยู่ด้านหน้าห่างจากพานท้ายไปมาก........................การใช้พานท้ายประทับหน้าท้อง เชิงกราน หรือบั้นเอวแทบทำไม่ได้ ทหารที่จะทำเช่นนี้ได้ต้องพิเศษคือ มีมือและแขนที่ยาวเหมือนลิง หรือไม่งั้นก็ต้องงอตัวเป็นขี้กล้อง เพื่อให้ระยะวงแขนอยู่ในตำแหน่งยิงถนัด (นึกภาพตลกดี)................................. ทีนี้มาเรื่องการหนีบ.................... เนื่องจากด้ามจับถูกย้ายไปอยู่ด้านหน้า ปลายกระบอกอยู่ห่างโกร่งไกไม่ถึงฟุต..........................การหนีบกระเตงไม่ว่าที่รักแร้ หรือตรงบั้นเอว ขณะวิ่ง โอกาสจะลั่นไกโดนมือหรือแขนอีกข้างหนึ่งของตัวเอง หรือแม้ใต้กระโดงคางทะลุหลังคากระหม่อมมีโอกาสสูงมากๆ..................เนื่องจากปลายกระบอกจะอยู่ใกล้ตัวมาก และการไม่ซิมเมตทรี่ ทำให้ปลายกระบอกมีแนวโน้มจะเชิดกระดกมาเล็งกระโดงคางตัวเองสูง..................................ลองดูครับ ลองดู
นั่น..................ดูไอ้ตัวเล็ก อวตาลผมสิ ....................... มันก็พก บูลปั๊ฟ เหมือนกัน เเห็นม๊ะ กระบอกมันสั้น ปลายเล็งกระโดงคางตัวเองเลย................55555
ข้อนี้จะเห็นชัดเจนว่า...................หน่วยคอมมานโด หรือพวกรบพิเศษ ลว. และพวก ซี้ว โดยส่วนใหญ่จะไม่ใช้บูลปั๊บ ............ ถ้าเป็นคอมมานโดซอกตึก จะนิยมปืนกลมือ ขนาดเก้ามิล ส่วนพวกรบพิเศษ หรือ ลว. พวกนี้จะแรงขึ้นไป โดยจะเป็นคาร์ไบน์ หรือไรเฟิ้ลตัดสั้น................... เค้าคงกลัวยิงโดนมือตัวเองม๊างงงงง.......................
ผมว่า เอาเรื่องปืนว่ารุ่นใหนดีกว่า มาเถียงกัน .. คงไม่จบง่ายๆหรอก
เหมือน เอารถ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน ซูซุกิ ในรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกัน
ความเห็นแต่ละคน ก็คงไม่เหมือนกัน
.. ในสามชายแดนใต้ มีปืนเกือบทุกชนิด แต่ เวลาโดนลอบโจมตีแล้วยิงตอบโต้กัน
ผมเห็นฝ่ายเราที่เป็นฝ่ายเสียหายเป็นส่วนมาก ทั้งๆที่อาวุธเราดีกว่า ใหม่กว่า แพงกว่า ทุกอย่าง
.. เรื่อง ทราโว่ ผมว่า ถึงมันจะดี หรือ ไม่ดี ทหารคงต้องยอมก้มหน้ายอมรับให้ได้
เพราะทางผู้ใหญ่ เค้าประกาศแล้ว ว่าทราโว่ จะเข้ามาประจำการแทน M16 ที่ใช้มา 40 ปี
พูดง่ายๆ .. หลังจาก M16 ปลดประจำการ .. ถึงไม่ชอบ ก็ต้องใช้ทราโว่อยู่ดี
ผมว่าk11ของเกาหลีก็น่าสนใจนะครับ
ท่าน กบ เขียนได้ซะผมเห็นภาพเลย ว่าการทรงตัวในท่ายิงต่างๆของตัวปืนมันทำได้ยากกว่า แล้วยังน้ำหนักที่เทไปด้านหลังอีก(ผมจับ BB มันเบาเลยไม่ค่อยรู้สึก แต่ปืนจริงมันหนัก น่าจะเทไปด้านหลังเกือบทั้งหมดแน่) ดูแล้วคงมีทหารไทยในอนาคตคงนิ้วขาด นิ้วไหม้เพราะปืน Travor นี้ไม่น้อยอะครับ เพราะมันสั้นจริงตรงที่จับกับปากกระบอก แล้วท่าจับแบบตีวอลเลย์บอลยิ่งจับงอกแงกเข้าไปใหญ่อะ
ปล. คุณ champ thai army ครับมันยาวกว่าจริงๆอะครับ(แถมหนักกว่าเยอะด้วยตรงพานท้าน) คนตัวใหญ่ๆคงไม่มีปัญหาอะไร แต่คนตัวเล็กๆแบบคนไทยน่าจะมีปัญหานะครับ ดูได้จากคลิปที่ผมติดไว้อันก่อนนะครับ ฝรั่งคนแรกตัวใหญ่ๆลอง Travor ท่ายืน ดูข้อศอกเค้าอะครับดิ่งลงข้างลำตัวจะออกเป็นมุมป้านใช้ไหมอะครับ แล้วมาดูอีกคน(จะเปลี่ยนคนทำไมวะ Travor แอบฉลาดนะนี้) แล้วมาดูคนที่สองตัวเล็กๆแบบเอเชีย(ไม่ก็อาหรับเพราะมันดำซะ)ลองปืนอาก้าท่า นั่ง จะเห็นได้ว่าข้อศอกกางขึ้น(จริงๆศอกยิ่งกางขึ้นมุมมองของเราจะเห็นมุมยิ่ง กางออกเป็นมุมป้าน) เป็นมุมแหลมใช่ไหมอะครับ แล้วเรื่องมุมข้อศอกเกี่ยวอะไรกับการยิงปืน การเล็ง การทรงตัว การตั้งท่ายิง ตามแต่ระยะเวลา ก็รอให้ผู้ที่ยิงปืนบ่อยๆมาบอกก็แล้วกัน แต่ถ้าไม่อยากรอก็ลองยืดแขนออกไปตั้งฉากกับลำตัวซัก 5 นาที กางข้อศอกมากๆ กับกางศอกน้อยๆ อันไหนเมื่อยกว่ากันอะครับ
ตอบ คุณ pc1 นะครับ ผมบอกกรณีรบในเมืองในตึกนะครับ 9 mm.อะ แล้วเสื้อกันกระสุนก็ไม่ได้มีกันอยู่ขนาด 9 mm.นะครับ
ตอบคุณ potmon ขอโทษด้วยครับผมอ่านไม่รอบครอบเอง แฮ่ๆๆ
ส่วนเรื่องปืนผมเองก็ชอบแนวธรรมดาครับ ง่ายๆดี อย่างที่พิมไปก่อนหน้านี้ว่าหน่วยรบพิเศษของประเทศที่ใช้ปืนbullpupประจำการยังเลือกใช้ปืนแบบปรกติ ด้วยท่าทางการยิงต่างๆที่จำกัดของbullpup ส่วนตัวผมอยากให้ทหารเราใช้M16ต่อไปครับ ถ้าจะเลือกรุ่นA4ก็น่าจะจัดหาอุปกร์ช่วยเล็งหน่อย อย่างacogนี่น่าจะเหมาะกับยุธวิธีทหารไทย ท่านใดเคยเห็นปืนทหารแคนาดาบ้างครับ ผมชอบแบบนั้นแหละ
ขอออกความคิดเห็นด้วยนะครับติดตามเวปนี้มาได้ประมานปีหนึ่งแล้วรับสนุกดีครับ ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ คือปืนที่มีรังเพลิงและแมกอยู่ขางหน้าไกปืนจะไม่เกิดอาการหนักข้างหน้าหรือครับ แล้วมือที่ใช้จับกระโจมมืออาจจะต้องทำหน้าที่สองอย่างด้วยหรือปล่าวรับน้ำหนักปืนและคุมปลายกระบอกปืน ส่วนปืนทีมีรังเพลิงและแมกอยู่ด้านหลังผมมองว่าน้ำหนักปืนส่วนใหญ่จะถูกเทลงไปที่ไหล่โดยตรงมือที่จับกระโจมมือจะทำหน้าที่แค่บังคับปลายกระบอกปืนอย่างเดียวอาจจะถือได้นานขึ้นก็ได้ครับ(ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับผิดถูกก็ขออภัยจากใจจริงครับขอบคุณครับ)
ท่ายิงเท่าที่เห็นไม่นาจะมีปัญหาเท่าไร คือสามารถสร้างความคุ้นเคยได้ ขอดีของตำแหน่งซองกระสุนอยู่ด้านหลังโกร่งไก น่าจะทำให้สามารถทำการยิงในมุมลงต่ำได้สะดวก แต่ปัญหาหลัก คือ คนถนัดซ้ายครับ หรือเขาทำรุ่นสำหรับคนถนัดซ้ายด้วย
bullpub ปัญหาคือ ช่องคายกระสุน เวลารบในเมือง ถือปืนมือขวา ช่่องคายกระสุนออกทางขวา ที่กำบังมุมตึกซ้าย(ของเรา)ก็ ok แต่ถ้าจะต้องเข้าที่กำบังด้านขวาของเราจำเป็นจะต้องถือปืนด้วยมือซ้ายคราวนี้ช่องคายกระสุนจะดีดปลอกเข้าหน้าเรา ทราโว่สามารถเปลี่ยนด้านคายปลอกกระสุนได้แต่ไม่ทราบว่าต้องใช้เครื่องมือหรือเวลานานแค่ไหนยิ่งถ้าอยู่ในการปะทะ ทุกวินาทีชี้ชะตาชีวิตเลย รอผู้รู้มาเฉลยเป็นความรู้ครับ
ส่วนตัวมองว่าเป็น M16A4 มีความง่ายในการบำรุงรักษามากกว่า ทราโว่ ตามธรรมชาติแล้วปืนที่สั้นลงทำให้ศูนย์เล็งหน้าและหลังมีระยะใกล้กันซึ่งทำให้การเล็งยิงมีโอกาสคลาดเคลื่อนกว่าศูนย์เล็งของ ปลย.แบบทั่วไป ทำให้ปืนทรงบุลพัพนิยมที่จะติดกล้องเล็ง ซึ่งทำให้การบุรังรักษาและความระมัดระวังสูงขึ้นกว่าเดิม และทรงบุลพัพนั้นด้านท้ายค่อนข้างหนักทำให้การชูปืนขึ้นยิงอย่างที่ คุณกบ กล่าวมานั้นลำบากกว่าปืนทรงทั่วไป ตามลักษณะนั้น ปืนทรงบุลพัพ ออกแบบมาเพื่อลดความยาวของปืนแต่ยังคงความยาวของลำกล้องไว้เท่ากับปืนทรงทั่วไปเพื่อให้มีระยะหวังผลที่ไกลพอๆกับปืนทรงทั่วไป( ที่บอกว่าปืนทรงบุลพัพระยะยิงใกล้กว่าเป้นความเข้าใจที่ผิดครับ) ทำให้ชุดลูกเลื่อนต้องมาอยู่ตรงพานท้าย นั่นมีส่วนทำให้ชุดลั่นไกมีความซับซ้อนมากขึ้นเพราะไกปืนอยูด้านหน้าแต่ลูกลื่อนอยู่ท้าย ในส่วนตัวมองว่า ปืนทรงบุลพัพอาจจะเกมาะกับชุดเคลื่อนที่เร็วที่ต้างเคลื่อนที่ด้วยยานพหนะครับ แต่ไม่เหมาะกับการรบทั่วในป่าหรือในบังเกอรร์ที่สมบุกสมบัน แม้รบในเมืองถ้าเป็นผมผมก็เลือก M4 มากกว่าเพราะไม่ได้เน้นระยะยิงไกลอะไรด้วย แต่เคยขับรถใน พล.ร.9 ผ่านหน้าป้อม ทหารเวรที่อยู่ตรงประตูถือ ทราโว่ ทำความเคารพทีไร เสียวหัวทุกทีนั่งคิดไปว่า ตกลงเขาทำความเคารพเราหรือเตรียมยกปืนขึ้นเล็งหว่า ฮ่าๆๆๆ
ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมเป็นประชาชนทั่วไปไม่เคยใช้ M16 , Travor เคยแค่ยิง HK33 ตอนเรียน รด. เมื่อตอนเด็กๆ ส่วนตัวเห็นว่าทั้ง 2 แบบ มีข้อดีข้อด่อยต่างกันแต่ถ้าใช้ร่วมกันก็จะเสริมกันและกันได้ ความหมายคือ ปกติ 1 หมู่ปืนเล็กจะประกอบด้วย ทหาร 11 นาย แบ่งเป็น 2 ชุดยิง กับ 1 หัวหน้าหมู่ ทีนี้ใน 1 ชุดยิงจะมี 1 หัวหน้าชุดยิงใช้ M16 ,1 พลยิงM203 , 1 พลยิงปืนกล , 2 พลปืนเล็ก M16 ถ้าเราจัดใหม่ให้ พลปืนเล็ก ใช้ M16 1 คน และใช้ Travor 1 คน ส่วนหัวหน้าหมู่ต้องอาศัยความคล่องแคล่วก็ให้ใช้ Travor แบบนี้ก็น่าจะบรรเทาปัญหาไปได้ระดับหนึ่งและหน่วยรบก็จะมีความยืดหยุ่นขึ้น แต่มีข้อแม้ว่า ทั้ง M16 , Travor ต้องสามารถใช้กระสุนและซองกระสุนร่วมกันได้ ( ตรงนี้ไม่รุ้ว่าใช้ร่วมกันได้หรือเปล่า)
สรุปคือ 1 หมู่จะมี 3Travor , 2 M16 ติด M203 , 4 M16 , 2 ปืนกล (M60 , Minimi ฯลฯ) จริงๆในใจอยากให้มีพลยิงปืนลูกซองอัตโนมัติชุดยิงล่ะ 1 คนไว้ใช้ยิงสาดในระยะประชิดด้วย ซึ่งจะเห็นผลมากถ้าใช้กับการรบแบบกองโจรที่มองไม่เห็นตัวข้าศึกแบบในภาคใต้
1) ปืนสั้นเกินไป ติดดาบปลายปืนแล้วเสียเปรียบ
สถิติการสังหารด้วยดาบปลายปืนในช่วงหลังๆเกิดจากปืนแบบ Bullpup เป็นส่วนใหญ่ครับ
2) ช่องคายกระสุนขวา ยิงด้านซ้ายแล้วปลอกกระสุนดีดเข้าหน้า
อัน นี้จริงที่ Tavor เปลี่ยนช่องคายกระสุนได้ยาก ต้องมีการถอดเปลี่ยนลูกเลื่อนและสลับตัวปิดช่องคายปลอก แต่ปัญหาปลอกกระสุนเข้าหน้าแก้ได้ด้วยการปรับท่ายิงเล็กน้อย อาจทำให้ความรู็สึกแปลกๆไปบ้างแต่ยิงได้แน่นอน
3) ปืนตูดหนัก ยิงไม่ถนัด
ความถนัดอยู่ที่การฝึกฝน ปืน M16 ก็หนักหน้า มี CG ที่บริเวณบ่อแม็ก เราก็ยังฝึกจนชำนาญได้ผมจึงมองว่าไม่เป็นปัญหา
4)การยิงจากท่าวิ่งหรือประทับเอวยิงทำได้ลำบาก
อันนี้ผมเห็นด้วย เพราะ Tavor โดนออกแบบมาให้ยิงก้วยการประทับบ่าเป็นหลัก แต่ทั้งนี้คงต้องมองว่าทำไมต้องยิงจากท่าที่เล็งไม่ได้ ในขณะที่เราสามารถใช้สูนย์เล็งจุดแดงเล็งยิงแบบฉับพลันได้แม่นยำกว่ามากแต่ เร็วไม่ต่างกันเท่าไร
5) Bullpup ซับซ้อน พังง่าย
ผมไม่ได้จับปืน bullpup แบบอื่นมากนัด แต่เท่าที่ทราบ ชิ้นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาก็เพียงแท่งเหล็กที่เป็นสะพานไกเท่านั้น ซึ่งก็มีในปืนพกออโต้เกือบทุกแบบมาเป็นร้อยปีแล้ว
6) เอาปืนกลมือขนาด 9 mm ไปใช้ในการรบในเมืองแทนดีกว่า
ปืนกลมือระยะหวังผลประมาณ 70-100 ม. ในแง่การเคลียร์ห้องต่อห้องนั้ดีเกินพอ แต่การรบในเมืองเป็นสถานการณ์ที่เราอาจต้องยิงเป้าระยะ 10 ม. ในอาคาร และ 150 ม. ระหว่างตึกหรือข้ามถนนในเวลาเกือบติดกัน การที่มีปืนเล็กยาวที่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างโดยไม่เสียความสามารถในการทะลุทะลวงและความแม่นยำจึงน่าจะเหมาะกว่าการ ใช้ปืนกลมือที่ไม่อ่อนตัวในสถาณการณ์ดังกล่าว
โดยส่วนตัวเชียร์ปืน bullpup ครับ คิดว่ากองทัพมาถูกทางแล้ว ปืนแบบธรรมดาก็ไม่ได้ห่วยกว่าหรืออะไรนะครับ แต่สถาณการณ์การรบมันเปลี่ยนไปมากก็เท่านั้น ตอนที่ ทบ. เปลี่ยนจาก ปลย.88 มาเป็น ปลย.11 กีบ ปลย.M16 คนก็บ่นว่าลูกเล็ก กระจอก ปืนพลาสติกบ้างอะไรบ้าง แต่สุดท้ายเราก็ใช้มาเกือบ 40 ปีไม่ใช่เหรอครับ ลองคิดดู
ขอข้อมูลสนับสนุน และ ขอคัดค้าน บางข้อครับ................
1) ปืนสั้นเกินไป ติดดาบปลายปืนแล้วเสียเปรียบ
สถิติการสังหารด้วยดาบปลายปืนในช่วงหลังๆเกิดจากปืนแบบ Bullpup เป็นส่วนใหญ่ครับ
ขอข้อมูลทางสถิติที่สัมพันธ์กับหัวข้อนี้มายืนยันด้วยครับ......................
3) ปืนตูดหนัก ยิงไม่ถนัด
ความถนัดอยู่ที่การฝึกฝน ปืน M16 ก็หนักหน้า มี CG ที่บริเวณบ่อแม็ก เราก็ยังฝึกจนชำนาญได้ผมจึงมองว่าไม่เป็นปัญหา
เอ็มสิบหก ซีจีอยู่บ่อแม็กซ์ ห่างจากโกร่งไก ราวสิบเซนติเมตร ขณะที่บูลบัพ ซีจีแอยู่ด้านหลังห่างโกร่งไกไปราวสี่สิบเซนติเมตร ถ้าเทคโมเมนต์ตามหลักวิศวกรรม ค่าแรงที่จะทำให้เกิดโมเมนต์ต้านมันคนละเรืองกันเลยนะขอรับ .......... อันนี้ฟังเลื่อนดี แต่เวลาคิดตามมันตุแหม่งๆ(เหมือนสไตล์หล่อใหญ่)
ก็ในเมื่อของมีให้ทำง่ายๆ ไหงจะต้องไปฝึกให้มันยากหล่ะครับ.....................เดชไอ้ด้วนมันหมั่นฝึกซ้อมเพลงดาบด้วยมานะอย่างลำบากหลายปี ก็ เพราะมันจำเป็นครับ มันแขนด้วนข้างหนึ่ง ก็แล้วแขนดีๆ จะไปตัดแขนตัวเองให้มันลำบากทำมัยอ่ะคัฟ.................
ตอบ คุณ pc1
ผมก็คิดเหมือนกันนะครับว่าปืนแบบธรรมดาเหมาะกับทหารไทยมากกว่า(จริงๆไม่ต้อง m16 ก็ได้นะ) อาวุธหลายอย่างเราซื้อของดีๆแพงๆใช้กันยังได้เลย ปืนประเภท m16 ที่ใช้กันเป็นอาวุธหลักของทหารดันเอาราคาเป็นตัวกำหนด หรือเหตุผลแปลกๆมาเป็นตัวเลือก ผมว่ามันแปลกมากๆเลยประเทศเรานี้อะ หรือเพราะคนที่ใช้มันไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตหว่า
ตอบ คุณ ZaddMan นะครับ ไม่ต้องกลัวผิดถูกมากหลอกครับ ถึงจะผิดเด๋วก็มีสมาชิกบอร์ดช่วยคอมเม้นให้เองอะครับ เราจะได้รู้ด้วยไงว่าเราเข้าใจถูกเปล่า
ปืนที่มีรังเพลิงและซองกระสุนอยู่ข้างหน้าไกปืน(ปืนปกติ)ก็จะมีน้ำหนักเท่ไปข้างหน้ามากกว่าอยู่แล้วอะครับ(เอาด้ามปืนเป็นจุดเทียบนะ) จึงมีที่จับของมือซ้ายอยู่บริเวณด้านหน้าของปืนไงครับ(ยิ่งมือจับไกลกันยิ่งควบคุมปืนได้ง่ายด้วยนะ) เมื่อถือด้วยมือทั้งสองข้างก็จะบาลานซ์น้ำหนักกันพอดีโดยไม่ต้องประทับบ่า หรือไม่จำเป็นต้องใช้บ่าในการรับน้ำหนักของตัวปืน(จริงๆพานท้ายเค้าไว้รับแรงถีบของปืนเป็นหลักอะนะ) ดูได้จากพวกปืนอาก้าที่ไม่มีพานท้ายอะเค้าก็ถือยิงกันได้นี้ครับ แต่ถ้าเป็นพวกบูลปั๊บแล้วไม่ได้ยิงแบบประทับบ่าจะเอาอะไรไปรับน้ำหนักด้านหลังที่เป็นน้ำหนักเกือบทั้งหมดของปืนอะครับ ก็ในเมื่อมือทั้งสองข้างไปอยู่ด้านหน้าแล้ว(จะใช้หัวหนุนแทนบ่าก็แปลกๆอะนะ) กรณียิงแบบประทับบ่า ปืนปกติเค้าก็ใช้มือสองข้างรับน้ำหนักทั้งหมดอยู่แล้วอะครับการประทับบ่าช่วยในการควบคุมปืนขณะยิงเท่านั้นเอง ส่วนปืนบูลปั๊บถ้าคิดจะให้พานท้ายปืนเป็นตัวรับน้ำหนักปืนแทนมือสองข้างก็ผิดแล้วอะครับ ถึงจะดุ่ยๆทำไปได้ ผู้ยิงก็ต้องออกแรงกดตัวปืนให้พานท้ายกดเข้าไปบริเวณบ่าเพื่อให้บ่ารับน้ำหนักปืนแทนมือสองข้าง ถ้าเกิดเหตุการณ์วิกฤตหรือประมาทไม่กดพานท้ายเข้าบ่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่าน กบ ก็อธิบายไปแล้วนะครับอ่านดูนะ ส่วนความนานในการถือของเบาแต่ไกลตัวกับของหนักแต่ใกล้ตัว ก็คงเป็นของแต่ละบุคคล(จริงๆน้ำหนักปืนก็ไม่ได้หายไปไหนนี้ครับแต่มันไปอยู่ที่บ่าแทน และถ้าเราถือปืนที่ปลายกระบอกปืนเบาเหมือนกระดาษ ยิงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอะครับ ถ้าต้องกลับมาเล็งยิงอีกครั้ง น้ำหนักที่ด้านหน้าของไกหรือปลายกระบอกปืนก็มีประโยชน์นะครับในการกลับมาเล็งยิงใหม่หลังการยิง ใครยิงปืนสั้นบ่อยๆคงรู้) แต่อย่าลืมแรงที่ต้องกดมาที่บ่าด้วยนะครับ เป็นผมปืนปกติคงเมื่อยน้อยกว่าอะครับ ส่วนเรื่องการยิงเหนือศีรษะหรือยิงมือเดียวแบบเด็กแว๊น(เรียกแบบนี้เปล่าหว่า) ปืนปกติที่มีน้ำหนักเท่ไปด้านหน้าสามารถใช้บริเวณที่มือซ้ายจับบริเวณด้านหน้าของปืนตั้ง(แทนขาทรายได้เลย)กับที่กำบังเป็นจุดรับน้ำหนักและจุดหมุน ก็สามารถยิงด้วยมือข้างเดียวได้โดยสะดวกครับ(คิดว่าแม่นพอสมควรหละครับ คนตายมานักต่อนักกับท่ายิงแบบนี้อะ) ต่างจากปืนบูลปั๊บที่น้ำหนักเท่ไปด้านหลังจึงไม่สามารถเอาที่กำบังตั้งเป็นจุดรับน้ำหนักและจุดหมุนของตัวปืนได้(แต่ถ้าใช้หัวของผู้ยิงเองเป็นจุดรับน้ำหนักกับจุดหมุนก็คงได้อะนะ) ยิงมือเดียวยังไงก็ลำบากแน่นอนครับ ส่วนท่าทางการยิงๆอื่นๆ ท่าน กบ ก็อธิบายไปหมดแล้วอะ
ตอบ คุณ เด็กบ้านนอก นะครับ
คิดว่าหลายๆท่าทางในการยิงปืน ฝึกยังไงก็ไม่ได้หลอกครับถ้าลักษณะปืนมันไม่อำนวย และบูลปั๊บยิงในมุมต่ำสะดวกยังไงอะครับผมนึกไม่ออกอะครับ
หลากหลายลีลา ที่พานท้ายไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ซอกไหล่................
เอ้า .. ท่านกบ เค้ามีคลิป ท่ายิงเหนือหัวมาให้ดูแล้ว
คนที่คิดว่า บูลปั๊บ ทำได้ก็ลองทำคลิปมาให้ดูบ้างสิ ว่าทำได้ป่าว
รวมทั้ง ท่าวิ่งไปยิงไป ในระดับเอวด้วย
ผมขออยู่ตรงกลางน่ะครับ ชอบเหตผลที่แต่ละคนมาคัดคานกัน
.. ตอนนี้ ผมเอียงไปทางท่านกบ เพราะมีหลักฐาน เป็นคลิป
ถ้าทหารคนใหนใช้ ทราโว่อยู่ จัดท่ายิงเหนือหัว กับ แนบเอว มาคัดค้านได้น่ะ อิอิ
ตอบคุณ BlindShooter นะครับ
1. " สถิติการสังหารด้วยดาบปลายปืนในช่วงหลังๆเกิดจากปืนแบบ Bullpup เป็นส่วนใหญ่ครับ " ปืนมันขัดลำบ่อย หรือ ทหารเค้าเปลี่ยนซองกระสุนไม่ได้ในขณะรบอะครับ มากจนขนาดใช้ดาบปลายปืนแทนจนได้ครองสถิติแทนปืนอื่นๆเลยหรือครับ น่ากลัวมากอะบูลปั๊บนี้ ผมก็คิดว่าข้อดีของบูลปั๊บมันมีอยู่ข้อเดียวซะอีก คือมันสั้นกว่าปืนปกติเลยทำให้คล่องตัวในพื้นที่แคบๆ เช่น ในตึก ไง่ได้สถิติสังหารด้วยดาบปลายปืนไปได้หว่า ไหนว่าคล่องตัวกว่าปืนปกติ ระยะประชิดน่าจะยิงได้ดีกว่าจริงไหมครับ ไม่น่าเหลือมาถึงดาบปลายปืน
3. ผมเขียน ตอบ คุณ ZaddMan ไปแล้วก็ประมาณนั้นแหละครับ คิดว่าหลายๆท่าทางในการยิงปืน ฝึกยังไงก็ไม่ได้หลอกครับถ้าลักษณะปืนมันไม่อำนวย
4. "ทำไมต้องยิงจากท่าที่เล็งไม่ได้" ข้อนี้ต้องจินตนาการถึง ตชด.อะครับ ลาดตะเวนในป่าไม่มีใครเค้าเอาปืนมาประทับบ่าได้ตลอดหลอกครับ กรณีที่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาแบบนั้น ปืนเค้าก็ประทับไว้ที่บนเอว มือก็เปลี่ยนจากถือมาเป็นประคองปืนแทน เตรียมยิงในลักษณะกาดยิง เพราะอาจโดนสุ่มหรือไม่เห็นเป้าหมายแน่ชัดก็ประเทศเรามันเป็นป่าเยอะนี้ครับ (ผมไม่เคยเห็นใครใช่ศูนย์เล็ง เล็งเป้าในการกาดยิงเลยอะครับ เพราะผู้ยิงต้องมองในมุมกว้างเพื่อกวาดยิงบริเวณพื้นที่เป้าหมายอะ ท่าก็ประมาณแรมโบ้ถือ M-60 กาดยิงอะนะ) มีประสิทธิพอๆกันแต่เมื่อยน้อยกว่าเยอะ ผมคิดว่าท่าที่ยิงโดยไม่ใช่ศูนย์เล็งหรือที่ต้องประทับบ่ามีออกเยอะแยะไป จะคิดกันน้อยไปไหมอะครับ ถ้าจะพึ่งแต่ท่ายิงมาตรฐาน ยืน นั่ง นอน ถ้าไม่คิดตรงนี้ด้วย ทหารไทยคงลำบากเป็นแน่แท้
5. "Bullpup ซับซ้อน พังง่าย" อาจเพราะมันซับซ้อนยุ่งยากในการใช้งานก็ได้นะครับ เลยทำให้ผู้ใช้พังมันง่ายๆ ข้อนี้ฮาๆไป
6. ถ้าจะเอาอเนกประสงค์แบบบุกไปหน่วยเดียวราบเป็นหน้ากองแบบในหนัง ปืนกลมือ 9 mm. คงเอาไม่อยู่จริงๆนั้นแหละครับ แต่จริงๆการควบคุมพื้นที่นอกตัวอาคารหรือระยะไกลๆเกินเห็นหน้ากันได้(ประมาณ 100 เมตรขึ้นไป) เค้าก็ยกหน้าที่ให้พวกยิงสนับสนุนอยู่แล้วอะครับ ไม่ว่าจะเป็นพวกปืนกลหนัก หรือสไนเปอร์ ชุดจุ่โจมเค้าไม่นิยมยิงกันเองอยู่แล้วอะในระยะไกลๆเพราะมีปัญหาหลายอย่าง เช่น การพิสูจน์ทราบฝ่าย จริงๆอัน 9 mm.ผมก็เขียนกัดไปอย่างนั้นเองอะครับ เห็นคนชอบความคล่องตัวในการยิงในพื้นที่แคบๆเลยจัดให้โดยส่วนตัวเชียร์ปืนปกติอะครับ(ไม่ต้องเป็น m16 ก็ได้อะ) คิดว่ากองทัพมาผิดทางแล้ว บูลปั๊บมันมีข้อดีอยู่ข้อเดียวจริงๆ คือมันสั้นกว่าปืนปกติเลยทำให้คล่องตัวในพื้นที่แคบๆ เช่น ในตึก ในรถ ในเรือ(ออกมากากทันที) ส่วนคุณสมบัติอย่างอื่นของปืนมันสู้ปืนปกติไม่ได้เลย จะเอาข้อดีเล็กๆไปแลกกับคุณสมบัติที่ดีทั้งหมดของปืน แปลกๆจริง หลายคนบอกไม่ดีจริงเค้าไม่ผลิตออกมาขายหลอกก็ซื้อไปเถอะ ต้องเข้าใจว่าประเทศที่เค้าพัฒนาแล้ว ในเรื่องความมั่นคงเค้าจะพยายามพึ่งตัวเองทั้งหมดจากพื้นฐานขึ้นไป เพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบยามสงคราม(ของดีไม่ดีตรูผลิตมาใช้ไปก่อน ค่อยๆพัฒนาให้มันดีให้มันเหมาะกับคนในประเทศไป ประเทศพัฒนาแล้วเค้าคิดกันแบบนี้อะครับ ไม่ใช่ว่ารอบุญรอกรรมให้คิดปืนเทพที่ดีที่สุดในโลกออกมาในกระดาษได้ก่อนแล้วถึงจะทำนะ) จะมาคิดว่ามันดีเพราะเค้าผลิตออกมาขาย ก็แปลกๆอะนะ
ตอบคุณ potmon
ปืนที่ซองกระสุนอยู่ด้านหลังโกร่งไกจะสามารถทำการยิงในมุมลงต่ำได้ดีเพราะ อย่างเช่นกรณีนอนยิงเป้าหมายที่อยู่ต่ำมาก ๆ ซองกระสุนจะไม่ค้ำพื้น สามารถยุบข้อศอกของแขนด้านที่จับประกับลำกล้องได้เลย ทำให้ไม่ยกไหล่และเงยหัวตามไปด้วย
ปืนเกือบทุกแบบ ผู้ออกแบบก็มีจุดประสงค์ให้เหมาะสมกับการใช้ที่แตกต่างกันไป ถ้าถามทหารที่เคยใช้ปืนแบบเก่ากับบูลพัพ ก็เลือกแบบเก่ากันเกือบหมด ยกเว้นบางคนที่ต้องทนใช้ เอชเค 33 ที่ทั้งฝืดทั้งคลอน แม้แต่หน่วยใช้ร่มที่ต้องโดดร่มพร้อมอาวุธ ส่วนใหญ่ก็น่าจะเลือก เอ็ม 16 เพราะคุ้นเคยรู้จักปืนเหล่านี้มาในเวลาใกล้เคียงกับเครื่องแบบทหาร
กับท่ายิงปืนประทับเอว จุดมุ่งหมายหลักของท่านี้คือ การยิงเป็นชุด กับปืนแบบเก่าเนื่องจากจะสามารถใช้มือที่ไม่ถนัดกดลำกล้องเอาไว้ เพื่อไม่ให้ลำกล้องกระดกขั้นฟ้า ตอนฝึกครูฝึกต้องคอยประคองหลังเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียการทรงตัว(ในทางปฏิบัติจริงไม่นิยมเพราะอัตราการยิงถูกกับกระสุนมันห่างกันมากยกเว้นปืนเล็กกลที่ต้อองการอำนาจการยิงข่ม) แต่กับปืนบูลพัพตรงนี้จะสามารถควบคุมการยิงได้ง่ายกว่า แม้กับการประทับบ่า แม้แต่ปืนแบบเก่าก็มีการฝึกในหลาย ๆ แบบ ที่ไม่ได้ประทับเอวหรือบ่า ในการยิงแบบฉับพลันหรือการเคลื่อนที่ครับ
ในการเลือกแบบปืน ทุกครั้ง ทบ.จะต้องส่งให้ ศร.เป็นผู้ทดสอบในหลาย ๆ ลักษณะ และหน่วย ศร.นี้ที่เป็นผู้แต่งตำราการเรียนการฝึกเกี่ยวกับบุคลและอาวุธประจำกาย ในหลาย ๆ ครั้งจะมีการส่งไปให้หน่วยที่จะต้องในลำดับแรกทดสอบด้วย
ถ้าเทียบกันนะเวลานี้ หน่วยที่ใช้บูลพัพแทนปืนแบบเก่า(ปืนกระบอกเก่า) กับเครื่องช่วยต่าง ๆ ที่ติดมา ทำให้คนที่ไม่มีรู้ความชำนาญในการยิงปืนเลย สามารถทำการยิงได้แม่นง่ายกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่อย่างว่ายิ่งมีอุปกรณ์ ส่วนประกอบมากปัญหาจุกจิกและการดูแลรักษาน่าจะมากตามไปด้วย
ข้อมูลจากผู้ใช้งานจริงในสาม จชต.
การขัดลำ พอๆ กันทั้งทาวโว่และ เอ็ม-สิบหก / เอ็ม-สี่
ความแม่นยำ ระยะยิงเฉลี่ยไม่เกิน 50 เมตร เอ็ม-สี่ ทั้งเหมาะทั้งแม่นที่สุด
การบำรุงรักษา เอ็มสิบหก / เอ็ม-สี่ ผู้ใช้สามารถดูแลบำรุงรักษาเองได้ด้วยเครื่องมือพื้นฐาน
ทาวโว่ แปวววว... ทหารผู้ใช้ทำเองได้ขนาดไหน ?
และถ้าเลือกได้ ระหว่างทาวโว่ กับ เอ็ม-สิบหก / เอ็ม-สี่ ทหารส่วนใหญ่จะชี้ไปที่ไหน ?
ลองสอบถามหาข้อมูลกันดูนะครับ
ในความคิดส่วนตัวผมนะ ผมว่า SIG-516 กะ M16A4 เหมาะกะทหารไทยแบบเรามากกว่านะ เพราะทหารเราก็คุ้นเคยกะระบบแบบนี้มานาน
โดยเฉพาะ สายการบำรุงรักษา ทั้งที่เป็นระบบหลากหลายและง่าย ทั้งที่ตัวทหารเอง ก็สามารถถอดและประกอบเข้าเอง เช็ดถู+ทำความสะอาด+หยอดน้ำมัน ที่สามารถทำได้โดยตัวทหารเองโดยง่าย (อันนี้ ผมว่า สำคัญมากนะ)
อาวุธทั้งสองแบบ ก็สามารถทำการรบในเมืองได้ไม่แพ้กันหรอกครับ ยิ่งรบในป่าเขาลำเนาไพร นี่ก็ไม่ธรรมดาแหล่ะ
อาวุธแบบเดิม ที่ทหารมีความเคยชินอยู่แล้ว แต่เป็นอาวุธที่ดีขึ้นมากกว่าเก่า แถมระบบแต่งปืน-ก็หลากหลาย ทั้ง SIG-516 และ M16A4 การซ่อมบำรุง ไม่ต้องห่วงเลย
ผม ชอบคลิปนี้นะ มันมีความคล่องตัวดี
ตอบ คุณ เด็กบ้านนอก นะครับ
อ่อ ผมพอจะนึกออกแล้วอะครับ เช่น ไปยิงบน ตึกหัวโล้น อะไรประมาณนี้อะเปล่า(ตึกแบบพวกอาหรับที่ทำจากดินอะ) หรือตึกใหญ่แบบในหนังที่มีลาดจอด ฮ. ประมาณนี้อะเปล่าอะครับ คือที่แรกเลยนึกถึงในบ้านเราอะว่า บนดาดฟ้าตึกทุกๆที่ จะมีขอบเป็นกำแพงสูง 50-60 ซม.ทุกตึกอะไม่ว่าจะสูงจะต่ำ ตามหน้าต่างก็มีขอบอีกเลยนึกไม่ถึงจริงๆอะครับว่ามันมีประโยชน์ในที่อื่นๆของโลกด้วยอะ
สรุปนะครับ ว่า ทราโว่ ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ไป ผู้ใช้จะพอใจหรือไม่พอใจ อย่างน้อยมันก็ใช้ได้จริง ยิงได้ ฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ และก็ยังดีกว่า GT200ที่...... ทีนี้เมื่อเอามาใช้ก็อย่ามองที่ข้อเสียอย่างเดียว มองทั้งสองด้านแล้วเอามาปรับมาวิเคราะห์เพื่อที่จะใช้ต่อไปหรือล็อตหลังๆจะไปจัดหาอะไร จะใช้แบบไหนถึงจะให้ปืนนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือจะโยกไปใช้หน่วยไหน แต่ส่วนตัวมองว่าปืน ทราโว่ น่าจะจัดลงไปที่หน่วยเคลื่อนที่เร็ว หน่วยที่ต้องใช้รถหุ้มเกราะหรือเฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะน่าจะดีครับ ส่วนตามป่าเขา ทหารประจำการ อย่างพลทหารหรือที่อยู่ตามฐานตามป่าเขาน่าจะเป็นทรงทั่วไปและดูแลง่ายจะดีกว่าครับ ส่วนปืนปืนทรงบุลพัพมันไม่มีดีบ้างคงไม่มีคนนิยมเอามาใช้กัน แต่ใช้รบในลักษณะใด
ผมว่าการจัดหา ทราโว่ น่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทัพบกมากกว่าครับ เพราะดูจากหน่วยที่ใช้แล้ว มีแต่ทัพภาค 1 ทั้งพล.1 พล.ร 2 ยานเกราะ พล.9 และก็ ร.31 ทั้ง 3 กองพลนี้ส่วนมากก้มีพื้นที่รับผิดชอบในเขตเมืองซะส่วนใหญ่ นอกนั้นยังคงใช้ M 16 อยู่ครับ น่าจะเป็นแผนของกองทัพบกนะครับ
แน่ใจนะครับว่า พื้นที่รับผิดชอบส่วนใหญ่ของ พล.ร.9 เป็นเขตเมืองนะครับ
ตามแผนการปรับการจ่ายฯแล้ว ตระกูล ทาวอร์ จะจ่ายให้หน่วย ยานเกราะ และ รพศ. ตระกูล M 16 จะจ่ายให้หน่วย เดินเท้า เป็นหลัก ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวแล้วก็เห็นด้วย เพราะมันซื้อมาแล้ว ที่เหลือก็คือ การวางแผนการใช้ให้เหมาะสมที่สุด
ปืนหนักหน้ามีข้อดีตรง ช่วยลดอาการสบัดได้ในระดับหนึ่ง ปืน M 4 Custom ผม น้ำหนักมากกว่า M 16 A 2/4 เสียอีก แต่ยิงสบัดน้อยกว่า(อันนี้จากปากผู้ที่ไม่เคยยิงแล้วมาลองยิงดู) ข้อเสียอย่างหนึ่งของปืนลำกล้องสั้นกว่าคือ เสียงและแสงที่ปากลำกล้องจะรุนแรงกว่าลำกล้องยาวครับ เพื่อนผมใช้ลำกล้อง 10.5 นิ้ว แถมติดมัซเซิลเบรคเข้าไปอีก ยิงทีหูแทบดับ สุดท้ายทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนกลับมาใช้ปลอกลดแสงธรรมดาแทน
ถ้าถามส่วนตัวผมละก็ ผมไม่ชอบปืนตระกูล ทาวอร์
คุณ FW190 ผมดูจากแผนตอนปราบม็อบอะครับ ผมเข้าใจว่า พล.9 อยู่ติดชายแดน พล.9 เองก็ใช้ทั้ง 2 อย่างทั้งทราโว่และM 16 สรุปคือแจกแต่ทัพภาค 1
เห็นหลายๆคนบอกว่า(อ่านในข่าวก็ประมาณนี้ด้วย) ผู้ใหญ่เค้าตัดสินใจจะทดแทน M16 ที่จะปลดด้วย Travor อยู่แล้วนี้ครับ แบบนี้ก็ต้องใช้กันทุกที่ ทั้งกองทัพอะดิครับ โอกาสไปเลือกปืนอื่นๆนอกจาก Travor แทน M16 ปลดยังมีอีกหรือ
ดูในเวป TAF แล้วเห็นทหารไทยมีอาวุทธของหลายๆค้ายเลยนะครับ ถ้างั้นในแต่ละหน่วยก็สามารถเลือกใช้ปืนแบบไดก็ได้ตามความเหมาะสมสิครับ
ตอนนี้หน่วยผมเตรียมส่งคืนทั้ง ทาวอร์ และ M16A2 ครับ และเตรียมรับ M16A4
ส่วนตัวไม่แน่ใจในเรื่องปริมาณการจัดซื้อ M16A4 แต่เชื่อว่าในอนาคต ปลย.หลักสำหรับหน่วยดำเนินกลยุทธคงมี 2 แบบใหญ่คือ ทาวอร์และ M16A2,4 โดยหน่วยบรรทุกยานเกราะ,ใช้ร่ม จะใช้ ทาวอร์ หน่วยเดินเท้าใช้ M16A2,4 ครับ ส่วนหน่วยไหนจะได้ก่อนหลังก็ตามแต่ความเร่งด่วนของหน่วยนั้นๆครับ
ซองกระสุนที่มากับ ทาวอร์ เป็นซองฯเหล็ก เมื่อรมดำหลุด เป็นสนิมง่าย ครับ
ส่วนแบบของปืนนั้นก็แล้วแต่หน่วยครับว่าได้รับแจกตามอจย. สป.2-4 แบบใดบ้าง ถ้าได้รับแจกก็สามารถเลือกได้ตามของที่มีครับ
เท่าที่ทราบข่าว ปืนรุ่นใหม่ ที่จะเอามาแทน M16A1 .. ก็จะสั่งซื้อของอเมริกาเหมืนเดิม
อาจจะเป็นรุ่น M16A2,4 หรือ M4A1 .. แต่ อเมริกาเล่นแง่ ประมาณว่า จะขายรุ่นเดิม
หรือ โขกราคารุ่นใหม่แพงเกินไป .. ฝ่ายจัดหาเลยเบนเป้าไปที่ ทราโว่ ของอิสราเอล
.. สาเหตุ ที่เลือกของอิสราเอล คงจะอ่านใจไอ่กันแล้ว ว่าคงไม่งอนแน่ๆ เพราะอิสราเอล
กับอเมริกาเป็นยิ่งกว่าพันธมิตร .. งานนี้ ทราโว่ เลยโชคดี เต็มๆ
.. โดยส่วนตัว ผมคิดว่า M16 ของอเมริกาที่ใช้มาถึง 40 ปี มันสุดยอดมากๆที่ใช้งานได้นานขนาดนั้น
แต่ละกระบอก คงใช้สังหารข้าศึกมาแล้วนับไม่ถ้วน ข้อดีของปืนรุ่นเก่า คือ สามารถใช้พานท้ายปืน
กระแทกหน้าข้าศึกได้ .. แต่ การรบในปัจจุบันคงไม่มีแล้วที่จะประจันหน้ากันแบบนั้น เพราะ พกปืนสั้น
เป็นอาวุธสำรอง กันทุกคน ..
.. ส่วน ทราโว่ เพิ่งใช้ได้ปีเดียว ทำท่าจะมีปัญหา เพราะมันไม่สมบุกสมบันเหมือน M16
กองทัพ ออเดอร์ไปประมาณ 1 แสนกระบอก ตอนนี้ส่งมาแล้ว 5 หมื่นกระบอก .. ผมคิดว่าให้แจ้งอิสราเอล
ให้หยุดผลิตก่อนอีก 5 หมื่นกระบอก รอให้ทหารใช้ไปอีกซัก 5 ปี ดูข้อด้อยต่างๆ แล้วให้เอาไปผลิต
ปรับปรุงอีก 5 หมื่นกระบอกที่เหลือ .. ถ้าอิสราเอลไม่ยอม หวังว่า คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะซื้อของอิสราเอล
..ปล .. ผมชอบ M4A1 มากที่สุด ..( มองในแง่ ความทนทาน เป็นอันดับแรก )
ผมว่าไม่ M16A1.2,4 , M4A1 Travor หรือ AK-47 ก็มีจุดเด่นจุด้อยเป็นของตัวเองนะครับ ข้อสำคัญอย่ามาขัดตอนเข้าด้ายเข้าเข็มก็แล้วกัน
ส่วนตัวแล้วถ้าพูดในฐานะผู้ใช้,หน่วยใช้แล้ว ปัญหาหลักๆของทาวอร์คือ สายการซ่อมฯของเราไม่เหมือนกับประเทศผู้ผลิต
การถอดประกอบทาวอร์สำหรับขั้นผู้ใช้,หน่วยใช้นั้น มีสิทธิ์ถอดชิ้นส่วนได้น้อยมาก ตรงนี้อาจะเป็นวัตถุประสงค์ของผู้ผลิตที่ต้องการลดภาระให้กับผู้ใช้,หน่วยใช้
แต่เมื่อมาเจอสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา การถอดประกอบที่น้อยชิ้น กลับสร้างปัญหาในการปรนนิบัติบำรุง เพราะทำความสะอาดตามซอกได้ยาก
การถอดประกอบทาวอร์ในชิ้นส่วนที่เกินขั้นผู้ใช้,หน่วยใช้ จำเป็นต้องใช้เครื่องมือควบซึ่งเป็นเครื่องมือเฉพาะ ตรงนี้ทำให้ข้อดีของทาวอร์ที่สามารถสลับชิ้นส่วนเพื่อคนถนัดขวา,ซ้ายได้นั้นไม่ดีเท่าที่ควร เพราะผู้ใช้,หน่วยใช้ไม่มีเครื่องมือสำหรับสลับชิ้นส่วนดังกล่าว
ถ้าติดขัดตอนเข้าด้ายเข้าเข็มละก็ ตระกูล M16 แก้ไขได้เร็วกว่า เมื่อคิดว่าผู้ใช้มีขีดความสามารถเท่ากัน
มีคำถามจะถามท่านสมาชิกในกระทู้นี้หน่อยครับผม
ปกติแล้ว ทหารเกณฑ์ที่อยู่ในพื้นที่ เช่น 3 จชต. หรือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อาจมีการปะทะกันนั้น
ได้รับแจกปืนพกกันรึเปล่าครับ หรือมีแต่ ปลย.คนละ 1 กระบอกเท่า่นั้น
เพราะเท่าที่เห้นรูป ไม่มีกันซักคนเลยอ่ะครับ
จริงๆแล้วสำหรับ ปพ.๘๖ นั้นสำหรับหน่วย ร. ใน อจย. นั้นถ้าเอากันตามจริงแล้วแม้แต่ตำแหน่ง ผบ.ร้อย.อวบ. ก็ใช้ ปลย. เป็นอาวุธประจำกายครับ ไม่มี ปพ. ในอัตราครับ
ปพ. เป็นอัตราของ พลยิงอาวุธประจำหน่วย เช่น พลยิง ปก. หรือบางอาวุธก็รวมถึงพลยิงผู้ช่วยด้วยครับ
แต่สำหรับการปฏิบัติงานสนาม เช่น จชต. หรือ กกล. นั้นจะเป็นการจัดในลักษณะ อฉก.(อัตราการจัดเฉพาะกิจ) บางครั้งอาวุธประจำหน่วยบางแบบไม่ได้ถูกบรรจุใน อฉก. ดังกล่าว ในทางปฏิบัติบางครั้ง ผบ.หน่วยจะพิจารณาจ่ายอาวุธใน อจย. บางแบบ(ส่วนที่มีเหลือ) ให้กับ บางตำแหน่งครับ
สรุป คือ ปัจจุบันเชื่อว่าไม่มีหน่วยไหนจ่าย ปพ.๘๖ ให้กับทหารกองประจำการ หรือ พลทหาร ครับ
มีทั้งสองแบบดีที่สุดครับเพราะ m16 ให้ทหารที่อยู่ในป่าเขา เฝ้าฐานใช้ travor ใช้ในหน่วยยานยนต์ ยานเกราะ ก็ว่ากันไป
ทราโว่มันเหมาะที่จะเอาไว้รบในเมืองมากกว่าในป่าครับ ถ้ารบในป่า m-16 น่าจะดีกว่า