ข่าวประชาสัมพันธ์ครับ
ทร.ปลุกจิตสำนึกรักชาติ 119ปีเหตุการณ์ร.ศ.112 : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง
กองทัพเรือเตรียมจัดงานรำลึก "119 ปี เหตุการณ์ ร.ศ.112" ในระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคมนี้ ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เพื่อปลุกจิตสำนึกรักชาติของคนไทย
โดย พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานคณะเตรียมการจัดงาน ณ "ป้อมพระจุลจอมเกล้า" ซึ่งเป็นป้อมปืนที่ใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤติการณ์ ร.ศ.112 ที่ไทยได้เสียดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส 5 ครั้ง รวมพื้นที่กว่า 481,600 ตารางกิโลเมตร
เหตุการณ์ ร.ศ.112 เกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาติตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลทางแถบเอเชียเพื่อล่าอาณานิคม โดยรัฐต่างๆ รอบสยาม เช่น ญวน เขมร ลาว ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ส่วนพม่า และมลายู ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ในปี พ.ศ. 2436 หรือ ร.ศ.112 ฝรั่งเศสได้ส่งเรือปืนลูแตงเข้ามายังกรุงเทพฯ โดยอ้างว่าเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของฝรั่งเศสที่มีอยู่ในไทย ซึ่งไทยจำต้องยินยอม ต่อมาฝรั่งเศสได้ขออนุญาตไทยขอนำเรือปืนอีก 2 ลำ คือเรือแองคองสตังค์ และเรือโคแมตเข้ามาอีก แต่ไทยได้ตอบปฏิเสธ
กระทั่งวันที่ 13 กรกฎาคม 2436 เรือรบฝรั่งเศส 2 ลำ คือเรือสลุปแองคองสตังค์ และเรือปืนโคแมต ได้รุกล้ำสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามายังกรุงเทพฯ และปะทะกับฝ่ายไทย โดยหมู่ปืนที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า และเรือรบไทย 9 ลำ ที่จอดอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ผลปรากฏว่า เรือแองคองสตังค์ และเรือโคแมต ที่ได้รับความเสียหายบางส่วน แต่สามารถตีฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้จนถึงกรุงเทพฯ เทียบท่าที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส โดยมีทหารประจำเรือเสียชีวิต 3 นาย และเรือนำร่องถูกยิงเกยตื้นอยู่ริมฝั่ง
ส่วนฝ่ายไทยมีเรือรบได้รับความเสียหาย 4 ลำ คือเรือมกุฎราชกุมาร, เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์, เรือหาญหักศัตรู และเรือทูลกระหม่อม ภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ไทยกับฝรั่งเศสได้ยุติการสู้รบกัน แต่ก็ต้องแลกกับดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกราช และอธิปไตยของชาติ
เหตุการณ์ ร.ศ.112 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจ็บช้ำพระทัยเป็นอันมาก ทรงพิจารณาเห็นว่าการว่าจ้างชาวต่างประเทศทำหน้าที่แทนคนไทย ไม่สามารถที่จะเป็นหลักประกันพอที่จะรักษาประเทศได้
พระองค์จึงทรงส่งพระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ออกไปศึกษาวิชาการทั้งด้านการปกครอง การทหารบก ทหารเรือ และอื่นๆ ในทวีปยุโรป รวมทั้งได้ทำการฝึก "นายทหารเรือไทย" เพื่อปฏิบัติงานแทนชาวต่างประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะเป็นประธานคณะเตรียมการจัดงาน ระบุว่า การจัดงาน 119 ปี เพื่อเป็นการรำลึกเหตุการณ์ ร.ศ.112 เป็นการปลุกจิตสำนึกให้คนไทยตระหนักในความสำคัญของประวัติศาสตร์ หวงแหนอธิปไตยของชาติ รักแผ่นดิน เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ
“ผมอยากให้คนไทยหันมาสนใจประวัติศาสตร์ของชาติ มีความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษที่ได้เสียสละเลือดเนื้อชีวิตรักษาบ้านเมือง อยากเห็นสถาบันการศึกษาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติไม่น้อยไปกว่าประวัติศาสตร์โลก เพื่อให้คนไทยตื่นตัว สนใจเรื่องที่เป็นรากเหง้าความเป็นไทยให้มากขึ้น” พล.ร.อ.อมรเทพกล่าว
พล.ร.อ.อมรเทพ กล่าวอีกว่า ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้ามีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ประกอบด้วย ป้อมพระจุลจอมเกล้า และ "ปืนเสือหมอบ" ที่ใช้ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทหารเรือ พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ เรือหลวงแม่กลอง ซึ่งเป็นเรือรบที่เคยจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่งในหลายโอกาส
ภายใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ยังจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า และเหตุการณ์ ร.ศ.112 รวมทั้ง พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ซึ่งเป็นเรือรบประจำการมีอายุการใช้งานนานที่สุดในกองทัพเรือเป็นเวลากว่า 60 ปี ซึ่งทหารเรือต่างขนานนามว่าเป็น "เรือครู" และได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังมี อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2545 ประกอบด้วย อาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพความเสียหายจากการรบ และการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์กลางแจ้ง
กิจกรรมวันที่ 13 กรกฎาคม งานเริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ประกอบด้วย พิธีสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ การเสวนาวิกฤติ ร.ศ.112 พิธีถวายพานพุ่ม พระบรมราชานุสาวรีย์ พิธีสดุดีวีรชนในเหตุการณ์ ร.ศ.112 การแสดงดนตรี โดยดุริยางค์ทหารเรือ การแสดงท่าอาวุธประกอบดนตรี การแสดงประวัติธงชาติและธงราชนาวี และพิธีย่ำพระสุริย์ ส่วนวันที่ 14 กรกฎาคม งานเริ่มเวลา 10.00-18.00 น. ประกอบด้วย นิทรรศการจากหน่วยต่างๆ การจำหน่ายสินค้าโอท็อป การแสดงดนตรีจากดุริยางค์ทหารเรือ การแสดงยานบินไร้คนขับ (ยูเอวี) ที่วิจัยโดยสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.) การแสดงตีธงสัญญาณของนักเรียนจ่าทหารเรือเหล่าสื่อสาร โดยงานดังกล่าวผู้สนใจเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
..........
(หมายเหตุ : ทร.ปลุกจิตสำนึกรักชาติ 119ปีเหตุการณ์ร.ศ.112 : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง)
http://www.komchadluek.net/detail/20120709/134705/ทร.ปลุกจิตสำนึกรักชาติ119ปีเหตุการณ์ร.ศ.112.html
ผมไม่เคยลืมเลยที่เขาทำกับเราไว้ แต่ก็ไม่ผูกใจเจ็บ แต่เมื่อวัตถุดิบในประเทศหมด มันก้จะป็นเหมือนเดิม เราต้องเข้มแข็ง และต้องสู้ให้เขาเห็นว่าเราแข็งแก่รงขนาดใหน
ถ้าเป็นประเทศอื่นที่คนมีคุณภาพสูงอย่างญี่ปุ่น จีน เจอบทเรียนเจ็บปวดขนาดนี้ ย่อมต้องตระเตรียมกำลังทางทะเลมหาศาลไว้รองรับเหตการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกและต้องหวาดระแวงชาติมหาอำนาจตะวันตกจะเข้ามาฉกฉวย
แต่ผ่านมา 119 ปี ไหงกองทัพเรือที่เอาไว้ต่อต้านอำนาจกองเรือต่างชาติที่แสวงหาผลประโยชน์กับเรากลับยังม่อยกระรอกอยู่ เพียงเพราะหวาดระแวงกันเอง มองผลทางการเมืองภายในตนเองเป็นที่ตั้ง แปลก ในความเป็นจริงเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนั้น ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเราก็ควรจะต้องประจำการด้วยเรือประจันบาญสักสองสามลำ เรือบรรทุกบ.ขนาดสองหมื่นตันสักสองลำไปนานแล้วรอรับสงครามโลกครั้งที่สอง
มาจนปัจจุบันก็ยังคงเหมือนก่อนหน้าร.ศ. 112 อยู่ ทร.ควรต้องมีเรือบรรทุกบ.เบา 2 ลำเฝ้ารักษาผลประโยชน์ประเทศ มีกองเรือดำน้ำสองกอง งบควรจะใกล้เคียง ทบ.(ถ้าได้งบแต่ละปีพอๆกับทบ.มีได้แน่นอนไอ้กองเรือบรรทุกบ. และกองเรือดำน้ำสองฟากฝั่งทะเล) แต่ไหงกลับกลายเป็นอย่างนี้ เพียงเพราะคนไทยบางกลุ่มยังหวาดระะแวงคนไทยกันเองอยู่ แทนที่จะกลัวต่างชาติ
บทเรียนในอดีตไม่มีค่าและความหมายเลยหรือ
ทัศนคติ เปลี่ยนได้ เริ่ม ที่ตัวเรา...
อดีตที่ควรจกจำและนำมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในปัจจุนับและอนาคต บางคนบอกว่าอย่ายึดติดกับอดีตแต่บางคนก็บอกว่าอดีตคือสิ่งที่ควรจดจำ
แต่อดีตมันก็คือบทเรียนที่เราไม่ควรมองข้ามอย่าหวังพึ่งใครมากเกินไป ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มันยังใช้ได้เสมอ เลิกกันเสียทีกับการหวาดระแวงกันเอง ดักดาน
เป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีอยู่ได้ ไม่ได้อยากจะว่าแต่อยากเตือนสติ จากประชาชนคนเดินดินหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปรงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าให้
อนาคตของประเทศมีแต่ เครื่องหมาย ?????????????????????????????? อย่าให้บรรพบุรุษที่เอาเลือด เอาเนื้อ ปกป้องแผ่นดินไว้ต้องร้องไห้ อย่า
ให้ลูกหลานในอนาคตก่นด่าเอา.....ขอบคุณ
ขอนอกเรื่องนิดนะครับ ที่ว่างบแต่ละเหล่าทัพได้ไม่เท่ากันมีไครพอจะบอกได้ไหมว่าต่างกันเท่าไหร่ ถ้าหักลบเงินเดือน-สวัสติการที่ต้องจ่ายออกไปครับ