ความสัมพันธ์ไทย กับ อเมริกา อยากทราบว่า ในภูมิภาคเอเชีย อเมริกานั้นได้มีการทำสัญญาเป็นพันธมิตรก็ด้วยหรอครับ เห็นว่ามี 5 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย เค้าไปเซ็นต์สัญญากันตอนไหน
ผมรู้แต่ว่า ตอนนี้ เมกา กำลังหาเหาใส่หัวเราอย่างเต็มๆ
จีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทั้งทางทหารและเศษฐกิจ และกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
อเมริกา ซึ่งตอนนี้ มีแต่ขาลง แต่ก็มีนิสัยคิดขัดขวางจีน ทั้งการทหารและเศษฐกิจ เมกา กลัวการรวมตัวกันของ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มอาเซียน และ กลุ่มตะวันออกกลาง
มาดูบทบาทที่เมกาจะเข้ามาขัดขวางทางด้านการรวมเศษฐกิจอาเซียน
อเมริกา - กลัวการรวมตัวของอาเซียน โดยเฉพาะ อาเซียน+3 ที่มีอาเซียนของเราทั้ง 10 ประเทศ บวกจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอน ถ้าอาเซียน+3 สำเร็จเมื่อไร จีน จะเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเมกากลัวมากในเรื่องนี้ เพราะมันจะทำให้เมกาลำบาก เพราะถ้าสำเร็จเมื่อไร มันจะเป็นสิ่งท้าทายอำนาจของเมกาและความเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ทั้งด้านการทหารและเศษฐกิจ และสุดท้ายก็คือ จะเป็นผลด้านลบต่อผลประโยชน์ของเมกา - เพราะการวมตัวกันของอาเซียน+3 เมกา อยู่วงนอก
เมกา จึงตั้งกลุ่มใหม่ขึ้น ชื่อ TPP ที่รวบรวมกลุ่มประเทศที่มีปัญหากะจีน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน เป็นต้น และพันธมิตรแถบนี้ และพยายามไล่ล็อบบี้รัฐบาลแต่ละประเทศแถบนี้ ให้เข้ามาอยู่กลุ่มนี้ และขัดขวางเตะจีนออกไปซะ การรวมตัวกันของกลุ่มอาเซียน คงจะยากหละตานี้ ถึงขนาดระดับเมกา ลงมาเล่นเอง
มาดูตอนนี้ ถ้าประเทศไหน มีเจตนาขัดขวางต่อจีน ทั้งด้านการทหารและเศษฐกิจ ประเทศนั้น จีน ถือว่า เป็นศัตรู และจีน อีกไม่นาน ซึ่งกำลังจะขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก มีกำลังทั้งทางหารและเศษฐกิจที่แข็งแกร่ง เศษฐกิจของจีน แทรกเข้าไปทุกตรอกซอกมุมของโลก และผลที่ตามมาของประเทศที่เป็นศัตรูของมหาอำนาจจีน จะเป็นเช่นไร
เมกา แม้แต่ตัวเอง ยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอด เป็นดาวที่กำลังดับแสง สังเกตุได้จากผู้นำเมกา ช่วงนี้ ไปยืนประเทศไหนๆ ก็ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่าไร ซึ่งต่างจากผู้นำจีน ที่ไปเยือนประเทศไหนๆ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี เอาแค่กลุ่มประเทศยุโรป ที่ตอนนี้ เห็นจีนยังกะพ่อพระแม่พระ มาโปรดเสียอีก
ว่าแต่ไทย บอกว่า เป็นกลาง แต่กลับให้เมกามาเช่าอู่ตะเภา แล้วจะให้จีน คิดยังไง เด็กก็ดูออก เพราะเมกา ต้องการเข้ามามีบทบาทขัดขวางจีน ทั้งด้านการทหารและเศษฐกิจ ในการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศอาเซียน งานนี้ ไทย คงจะเจอศึกหนักแน่
ดูผลงานของเมกา ที่ทำให้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางรวมตัวกันไม่ติดก็ได้ โดยการเอาอิสราเอล เข้าไปแทรกอยู่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ทำให้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางรวมตัวกันไม่ติด เมกากลัวตรงนี้ เพราะถ้ารวมตัวกันได้เมื่อไร เมกาและกลุ่มประเทศตะวันตก ก็ลำบาก เอาแค่ไม่ขายน้ำมันให้แค่นี้ ก็เดี้ยงกันหมดแล้ว
การรวมตัวกันของกลุ่มอาเซียน และความต้องการขัดขวางดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างจีนของเมกา ซึ่งมันเป็นการท้าทายอำนาจและความเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ของเมกา
จีน ดาวรุ่งพุ่งแรง คงไม่ยอมแน่
เพื่อนบ้าน รอบๆ บ้านเรา ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์โดนมหาอำนาจบีบกันทั้งนั้น รู้วิธีเอาตัวรอด และรู้ทันเล่เหลี่ยมของชาติมหาอำนาจ สงสัย นี่คงเป็นชตากรรมทีของเราบ้างมั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำหรับทุกประเทศในโลกนี้ต้องดำเนินต่อไปครับ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างประเทศใดกับประเทศใดก็ตาม
การไม่คบหากันเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องฉลาดเลือกคบ ฉลาดเลือกวิธีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ฉลาดแยกแยะประเทศแต่ละประเทศ ไม่ให้เสียเปรียบหรือเอาเปรียบกันมากเกินไป
บางประเทศชอบใช้อำนาจกดดัน คิดเองเออเอง บางประเทศนอบน้อมถ่อมตน บางประเทศสุภาพเรียบร้อย
บางประเทศก็พอคบได้ในบางด้าน สรุปว่าเราเอง นั่นละครับ จะต้องเป็นผู้พิจารณาให้คำตอบสำหรับตนเอง
ส่วนสนธิสัญญาต่างๆ ในทางปฏิบัตินั้น ถ้าปฏิบัติได้ ทุกประเทศจะปฏิบัติตามสัญญาแน่นอน....
แต่ถ้าปฏิบัติไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ผลก็คือมันก็ทำไม่ได้อยู่ดี ทุกอย่างต้องพึ่งตนเองครับ
ประเทศเวียตนามใต้ ก็มีสัญญาร่วมป้องกันประเทศกับต่างประเทศนะครับ แต่...แต่...แต่ และ ...แต่
เอ่อ...แค่ให้นาซ่าใช้อู่ตะเภาแค่นี้ จะกลัวว่าจีนคิดว่าเราเข้าข้างเมกาขนาดนี้ แล้วที่ปีๆหนึ่ง เราให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าเทียบท่า หรือฝึกร่วมกับทหารอเมกากว่าหมื่นนาย แถมชาติพันธมิตรอเมกาอย่าง เกาหลี หรือ ญี่ปุ่นอีกไม่กลัวบ้างหรือครับ ??? ทั้งๆที่ฝึกทีใช้เครื่องบินรบเป็นสิบๆลำ เรือรบเป็นกองๆเรือ มากกว่าเครื่องบินที่นาซ่าจะเอามาตั้งไม่รู้กี่เท่า ฝึกมาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้วด้วยครับ แต่ก็ไม่เห็นจีนจะมาโวยวายอะไรเลยนี่ครับ จรงไหม และอีกอย่าง อย่างเราร่วมพัฒนาจรวดกับจีนเนี่ยไม่เห็นมีใครมากลัวว่าเราจะเข้าข้างจีนมั่งเลยหรือครับ จริงไหม
คิดเล่นๆนะครับ ทำไมไม่ให้อเมริกา เค้าไปตกลงกับจีนล่ะครับว่า มาวิจัยอากาศเฉยๆไม่ต้องกัวล ไปห่วงเวียดนามดีกว่าไหม อเมริกาเค้าอยากมาลองเรดาห์เวียดนามเหมือนกัน อิอิ อู่ตะเภาเรานี่เนื้อหอมเหมือนกันนะ เปิดเป็น ศูนย์ความร่วมมือภัยพิบัตินานาชาติไปเลยดีไหม จะไดเลิกกังวลกันสักที เวลามีเหตุการ์ณอะไรก็ใช้ที่นี้เป็นจุดรับ-ส่งความช่วยเหลือไปเลย เอาตัวแทนของแต่ละประเทศเข้ามานั่งวิจัยร่วมกันไปเลยประเทศเราจะได้มีการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้นไงครับ
ผมคิดว่าที่ผ่านมาเราเองก็พยายามแทงกั๊ก รักษาความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจต่างๆไว้ได้พอตัว
สัมภาษณ์ คุณคริสตี เคนนี เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้ข้อคิดหลายๆ อย่างครับ
ที่จริงอยากให้ดูการสัมภาษณ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เดี๋ยวมาโพสเพิ่มครับ
เรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศนี้ก็ไม่มีความรู้หรอกครับ แต่ ถ้าเราต้องรักษาน้ำใจทั้ง 2 ฝ่ายเราก็ต้องรอบคอบมากๆ ทั้งด้านข้อตกลง ข้อปฏิบ้ติ เรื่องความมั่นคง
การกดดันมันมีอยู่แล้วล่ะเพราะเขามีอำนาจ ทางหทาร และเศรษฐกิจ ผลประโยชน์อะไรที่เขามีที่เกี่ยวกับเรา ผลประโยชน์อะไรที่เรามีกับเขา บางครั้งเรื่องเล็กๆอาจ
ทำให้คนที่คิดจะเอาเปรียบเรายอมถอยให้เราสักก้าวก็ได้ แต่ก็นั่นแหละครับขึ้นอยู่กับฝ่ายการเมืองว่าจะทันเกมส์เขาหรือเปล่า
ส่วนเรื่องทูตของ ไอ้กัน คนนี้ผมว่าเป็นพวกสายเหยี่ยวแน่นอนดูจากการกระทำหลายๆอย่างที่ผ่านมา แตกต่างจากนาย ราฟ อัลบอยซ์ ทั้งการพูดและวิธีการ
เรื่องนี้ผมคิดว่าก็ตามที่ท่านทูตสหรัฐบอกหละครับ เรื่องตรวจอากาศกับเรื่องตั้งฐานมันคนละเรื่องกัน(แต่ทำไมต้องเน้นว่ารัฐบาลเป็นคนร้องขอซะขนาดนั้น) เรื่องตรวจอากาศผมว่าเค้าก็ตรวจจริงๆนั้นแหละ เต็มที่ก็แค่แอบจับช่องโหว่เรดาห์เจ๊ๆเพื่อนบ้านเราเท่านั้น คิดว่าเราถึงไม่ได้ก็ไม่เสีย ก็ปล่อยๆเค้าไปเหอะ
ถ้าเพื่อนกันจริง....ต้องไม่บีบคั้นเพื่อน
ไปๆมาๆ ตกลงก็ยังไม่มีคำชี้แจงอีกครับ...จากฝ่ายบริหาร