ผมเล่นเว็บนี้มาหลายปี วันนี้ผมต้องใช้ความกล้ามากที่สุดในการตั้งกระทู้ครับ ผมว่าเว็บนี้เหมาะที่สุดแล้วถ้าดูจากชื่อเว็บ ผมบอกไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ได้เรียนช่างกลมา แต่ก็รับรู้ความเป็นไปของปัญหาต่างๆมาพอสมควร ทั้งเพื่อนๆ หรือตามสื่อต่างๆ ผมก็เห็นว่าเราพยายามแก้กันมาหลายปี จับเข้าค่ายดัดนิสัยก็หลายครั้ง จัดงานเชื่อมความสัมพัมพันธ์ระหว่างสถาบันก็หลายหน แต่ก็แก้ไม่ได้สักที ผมเข้าใจว่าปัญหานี้มันยาวนานมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นลุง แต่ผมเชื่อว่าสักวันต้องแก้ปัญหาได้ ผมขอเสนอวิธีแก้ปัญหาช่างกลตีกันนะครับ ผมจะไม่บอกให้แก้กฎหมายต่างๆนานาๆ เพราะมันคงไม่ได้ผล ส่วนวิธีของผมมันอาจจะเป็นวิธีปัญญาอ่อน หรือมันอาจจะได้ผลบ้างไหมก็วิจารณ์ได้ครับ
1. ให้สถาบันช่างกลทั้งเอกชน รัฐบาล ยกเลิกการใส่เครื่องแบบ ห้ามใส่ชุดที่บ่งบอกถึงสถาบันหรือสาขาที่เรียน อนุญาตให้เด็กนักเรียนแต่งตัวอย่างไรมาเรียนก็ได้ เพื่อขจัดความมีอัตตา ตัวกรู พวกกรูออกไป ทำให้เด็กไม่ต้องลำบากเอาชุดมาเปลี่ยน รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กอีกด้วย เพราะเท่าที่เห็นมาการใส่เครื่องแบบช่างกลจะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะเด็กช่างกลจะชอบเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ทำให้ง่ายต่อการโดนซุ่มโจมตีและเกิดการปะทะ
แต่ถ้าใครยังห้าวไปสกรีนเสื้อแก็งค์มาใส่แล้วโดนไล่ตีมาก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมมันเถิด
2.จัดทำฐานข้อมูลและให้นักเรียนทุกคนมีID Card เอาไว้รูดตอนเข้า ออก สถาบัน และเช็คพฤติกรรมการเข้าเรียนของแต่ละคน ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใครไม่มีบัตรห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ใครโดนไล่ออกแล้วก็ห้ามเข้า ใครเรียนจบไปแล้วไม่มีกิจอันควรก็ห้ามเข้า ใครลืมนำบัตรมามา ก็กลับบ้านไปเอามาใหม่ เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเด็กนักเรียน และทำฐานข้อมูลให้มีประวัตินักเรียนที่ทันสมัยอยู่เสมอ
3.จากหน่วยรักษาความปลอดภัยและติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสถาบันหลายๆจุด โดยออนไลน์เข้ามาในห้องรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดูเหตุการณ์จากที่ต่างๆในสถาบันได้ Real Time ตลอดเวลา ถ้ากล้องตัวไหนดับหรือเสียกระทันหัน ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจบริเวณนั้นและซ่อมให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการทำลายกล้องจากเด็กนักเรียนเอง และป้องกันการมั่วสุมภายในสถาบัน
4. ติดตั้งเครื่องX Ray ตรวจอาวุธเหมือนในสนามบิน ตรวจหาอาวุธก่อนนักเรียนจะเข้ามาในสถาบันทุกๆวัน เพื่อป้องกันการใช้สถาบันเป็นแหล่งซ่องสุมอาวุธ อาจจะมีการสุ่มตรวจตามอาคารต่างๆบ้าง แล้วแต่สถาบันจะสะดวก
5. ทำรั้วให้ดี และสร้างจุดตรวจภายในสถาบัน ไม่ให้คนนอกปีนหรือโยนอาวุธเข้ามาได้ ถ้าทำไม่ได้อาจจะต้องใช้วิธีข้อ3มาช่วย คือติดกล้องตามจุดเสี่ยงต่างๆ
6.ยกเลิกการรับน้อง(จริงๆ) หนังสือเรียนแจกฟรี จะได้ไม่ต้องไปยืมรุ่นพี่ และให้รุ่นพี่ไปออกค่ายบำเพ็ญประโยชน์แทนในช่วงรับน้อง แต่ละชั้นปีจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เด็กใหม่ก็เรียนไปก่อน ส่วนรุ่นพี่ก็ให้ออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับสถาบันอื่นบ่อยๆ ทำควบคู่กับการเรียน (กิจกรรมบังคับ ทุกคนต้องทำ)เพื่อขัดเกลาและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป
7.สุ่มตรวจปัสสาวะในกลุ่มเสี่ยงบ่อยๆ เพราะยาเสพติดนำปัญหาต่างๆเข้ามามากมาย จับได้ครั้งแรกให้รีบไปบำบัด แล้วกลับมาเรียนใหม่ ถ้ารอบต่อไปยังเจอสีม่วงอีกก็แล้วแต่สถาบันจะพิจารณา
8.ถ้ายังแก้ไม่ได้ก็เปลี่ยนชื่อโรงเรียนแต่ละแห่งให้เหมือนกันให้หมด เช่น สถาบันเทคนิคช่างกลกทม สาขา 1 , สถาบันเทคนิคช่างกลกทม สาขา2 3 4 5 6 ไปเลย
นิสัยคนพวกนี้ฝึกยากมาก ผมเห็นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลให้ทหารนำเด็กที่มีปัญหากันจาก2สถาบัน มาเข้าค่ายดัดนิสัย ข่าวดังมาก ตอนเข้าค่ายก็ดูดีเหมือนว่าทุกอย่างจะจบ ทุกคนต่างเป็นมิตรต่อกัน แต่พอวันสุดท้าย ตอนที่กล่าวพิธีปิดค่าย ก็ตีกันจนได้
ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าวิธีของผมเคยมีใครนำไปใช้หรือยัง ถ้าใครอยากจะชี้แนะอะไรผมก็อยากให้กระทู้นี้พวกเรามาช่วยกันเถอะครับ เผื่อว่าคนที่มีอำนาจในเรื่องนี้ ที่เขายังหาหนการแก้ปัญหาไม่เจอ ได้มาอ่านเจอแล้วเอาไปพิจารณาบ้าง
สุดท้ายนี้ผมไม่อยากได้ยินคำว่า ส่งตัวปัญหาลงใต้ให้หมด คือว่า ทำไมต้องลงใต้?? ไปที่อื่นไม่ได้หรือ?? ท่านอยากให้ส่งคนพวกนี้ไปก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านต่ออีกหรือครับ ผมไปอ่านที่เว็บๆไหน ก็มีแต่คำสาปแช่ง ไม่ก็ปิดสถาบันมันไปเลย หรือไม่ก็ ส่งลงใต้ให้หมด วนๆอยู่ประมาณนี้แหละครับ แต่ไม่มีใครช่วยบอกวิธีแก้ปัญหาเลยซะงั้นไป
เออ ขออะไรนิดนึงนะครับ ช่วยเปลี่ยนความคิดตรงที่บอกว่า เทคนิคช่างกลได้ไหมครับคือมันเหมือนกับอะไรก็มาลงที่ช่างกลทุกอย่าง เพราะถ้าอ่านข่าวดีๆนะครับ ผมเห็นแต่เด็กช่างไฟ ช่างยนต์ ช่างก่อสร้าง หรือแม้กระทั่ง เด็กศิลป์ ก็ถูกรวมเป็นช่างกลไปหมด ซึ่ง ถ้าจะให้จริงแล้ว แทบจะไม่มีเลยที่เด็กช่างกล ออกมาตีกัน ทุกอย่างถูกเหมารวมเป็นช่างกลไปหมด แล้วเด็กช่างกลที่ประเทศไทยมีเปิดแค่ไม่กี่แห่ง ประมาณ ไม่เกิน 15 แห่งทั่วประเทศ กลายเป็น จำเลยสังคมตลอดเวลา ผมขอเถอะครับ เลิกสักที ช่างกลโหด ช่างกลเถื่อน ส่งช่างกลลงใต้ ช่างกลยกพวกตีกัน ผมขอนะครับช่วยเปลี่ยนความคิดเหมารวมว่าทุกอย่างที่ไม่ดีมาลงที่ เด็กช่างกล ผมไม่โกรธ ครับแค่อยากให้ความจริงบ้างครับ ทีตำรวจเรายังไม่เหมารวมว่าไม่ดีทั้งหมด นะครับ คนดีเค้าก็มี นะครับ ช่างกลไม่เคยไปตีกับใคร อย่ามาลงที่ช่างกลเลยครับ สงสารน้องๆที่เค้าเรียนช่างกลแต่ไม่รู้เรื่องต้อง ถูกเหมาว่า เป็นนักเลงไปด้วยเลยครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณคุณ thember09 ครับ ทุกวันนี้ดูข่าวก็เห็นนักข่าวรายงานข่าวประเภทนี้ทีไรก็ใช้คำว่าช่างกลมาก่อนตลอด รวมถึงผมด้วยที่ใช้คำว่าช่างกลแทนเด็กๆเหล่านี้
ผมก็ไม่ทราบที่มาที่ไปเหมือนกันว่าทำไมไม่ใช้คำอื่นๆบ้าง พอลองเปลี่ยนดูก็ฟังแปลกๆ ช่างไฟตีกัน, ช่างยนต์สถาบันนี้ปะทะช่างก่อสถาบันนู้น คือผมเห็นด้วยครับว่าเราใช้คำว่าช่างกลพร่ำเพรื่อไป เลยดูเป็นการเจอะจง
จริงๆแล้วผมคิดว่านักข่าวหรือแม้แต่ตัวผมเองไม่ได้มีเจตนาครับ
แต่ถูกอย่างที่คุณ thember09 พูดครับ ตอนนี้คำว่าช่างกลถูกมองเหมารวมให้เป็นตัวแทนของเด็กช่างทุกๆสาขาไปแล้ว
1. ให้สถาบันช่างกลทั้งเอกชน รัฐบาล ยกเลิกการใส่เครื่องแบบ ห้าม ใส่ชุดที่บ่งบอกถึงสถาบันหรือสาขาที่เรียน อนุญาตให้เด็กนักเรียนแต่งตัวอย่างไรมาเรียนก็ได้ เพื่อขจัดความมีอัตตา ตัวกรู พวกกรูออกไป ทำให้เด็กไม่ต้องลำบากเอาชุดมาเปลี่ยน รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับเด็กอีกด้วย เพราะเท่าที่เห็นมาการใส่เครื่องแบบช่างกลจะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะเด็กช่างกลจะชอบเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ทำให้ง่ายต่อการโดนซุ่มโจมตีและเกิดการปะทะ
แต่ถ้าใครยังห้าวไปสกรีนเสื้อแก็งค์มาใส่แล้วโดนไล่ตีมาก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมมันเถิด
-ถ้าแบบชุดบ้านมาเรียน รับรองได้ตีกันชนิดหาฝ่ายไม่เจอเลยครับ แถมแยกไม่ออกด้วยเวลาพวกนี้ไปรวมกันที่ป้ายรถเมล์ เพราะหากชุดเดียวกันข้อดีชัดๆคือรวมกันบนรถหรือตามป้าย สามารถหมายหัวไว้เลยว่ามันรอตีแน่นอน ค้นก็ง่ายเวลาหนีก็แยกออก ชุดนอก(เครื่องแบบ)คือภาคค่ำครับ แค่ภาคเช้าชุดเครื่องแบบยังจัดการไม่ได้เลยเจอภาคค่ำชุดนอกนี่จะแย่หนักครับ
2.จัดทำฐานข้อมูลและให้นักเรียนทุกคนมีID Card เอาไว้รูดตอนเข้า ออก สถาบัน และเช็คพฤติกรรมการเข้าเรียนของแต่ละคน ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใครไม่มีบัตรห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ใครโดนไล่ออกแล้วก็ห้ามเข้า ใครเรียนจบไปแล้วไม่มีกิจอันควรก็ห้ามเข้า ใครลืมนำบัตรมามา ก็กลับบ้านไปเอามาใหม่ เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ เด็กนักเรียน และทำฐานข้อมูลให้มีประวัตินักเรียนที่ทันสมัยอยู่เสมอ
-หลายสถาบันมีบัตรแบบรูดแล้ว แต่เวลาตีกันคือตอนเช้าช่วงรอไปเรียนและตอนเลิกเรียนรอกลับบ้าน
3.จากหน่วยรักษาความปลอดภัยและติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในสถาบันหลายๆจุด โดยออนไลน์เข้ามาในห้องรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดูเหตุการณ์จากที่ต่างๆในสถาบันได้ Real Time ตลอดเวลา ถ้ากล้องตัวไหนดับหรือเสียกระทันหัน ให้รีบส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจบริเวณนั้นและซ่อมให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการทำลายกล้องจากเด็กนักเรียนเอง และป้องกันการมั่วสุมภายในสถาบัน
-ในสถาบันดูได้ก็แต่เด็กดูดบุหรี่ครับ ส่วนไอ้มั่วสุมที่ว่าคือคุยกันในห้องเรียนและโรงอาหาร
4. ติดตั้งเครื่องX Ray ตรวจอาวุธเหมือนในสนามบิน ตรวจหาอาวุธก่อนนักเรียนจะเข้ามาในสถาบันทุกๆวัน เพื่อป้องกันการใช้สถาบันเป็นแหล่งซ่องสุมอาวุธ อาจจะมีการสุ่มตรวจตามอาคารต่างๆบ้าง แล้วแต่สถาบันจะสะดวก
-อาวุธพกมาแต่ไว้นอกรั่วสถาบันครับ ในรถมอไซเป็นต้น หลังรถเมล์ที่โดยสารประจำฝากไว้จากอู่เลยก็มี
5. ทำรั้วให้ดี และสร้างจุดตรวจภายในสถาบัน ไม่ให้คนนอกปีนหรือโยนอาวุธเข้ามาได้ ถ้าทำไม่ได้อาจจะต้องใช้วิธีข้อ3มาช่วย คือติดกล้องตามจุดเสี่ยงต่างๆ
-คนที่เข้ามาคือนักเรียนภาคค่ำหรือนักเรียนที่มาเรียน(แต่ไม่เข้าเรียน)
6.ยกเลิกการรับน้อง(จริงๆ) หนังสือเรียนแจกฟรี จะได้ไม่ต้องไปยืมรุ่นพี่ และให้รุ่นพี่ไปออกค่ายบำเพ็ญประโยชน์แทนในช่วงรับน้อง แต่ละชั้นปีจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เด็กใหม่ก็เรียนไปก่อน ส่วนรุ่นพี่ก็ให้ออกไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับสถาบันอื่นบ่อยๆ ทำควบคู่กับการเรียน (กิจกรรมบังคับ ทุกคนต้องทำ)เพื่อขัดเกลาและสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมต่อไป
-ปวช.และปวส. น้อยที่จริงๆจะรับน้องครับไม่ใช่มหาลัยนะ พวกที่สอนแค่วุติปวช. ปวส. ส่วนใหญ่ไปรับกันเองนอกเวลาเช่น ชะอำ เป็นต้น ใครไปชะอำลองดูที่พ่นๆไว้ชื่อสถาบันกทม.ทั้งนั้น
7.สุ่มตรวจปัสสาวะในกลุ่มเสี่ยงบ่อยๆ เพราะยาเสพติดนำปัญหาต่างๆเข้ามามากมาย จับได้ครั้งแรกให้รีบไปบำบัด แล้วกลับมาเรียนใหม่ ถ้ารอบต่อไปยังเจอสีม่วงอีกก็แล้วแต่สถาบันจะพิจารณา
-ติดยาไม่ติดยา ไม่ได้เกี่ยวกับเด็กตีไม่ตีครับ ไม่ติดยาตีก็เยอะ ขนาดไม่สักยันต์ทั่วตัว ถือมีดไล่ตีเด็กสักยนต์ก็มี
8.ถ้ายังแก้ไม่ได้ก็เปลี่ยนชื่อโรงเรียนแต่ละแห่งให้เหมือนกันให้หมด เช่น สถาบันเทคนิคช่างกลกทม สาขา 1 , สถาบันเทคนิคช่างกลกทม สาขา2 3 4 5 6 ไปเลย
-ถ้าได้แบบเทคนิคต่างจังหวัดก็ดีครับ แต่กทม.การลงทุนมันสูงหลายสถาบันเป็นของเอกชน ไม่สนรัฐมีเอกลักษณ์เช่น ชื่อ การแต่งตัวเป็นของตัวเอง เป็นต้น
นิสัยคนพวกนี้ฝึกยากมาก ผมเห็นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลให้ทหารนำเด็กที่มีปัญหากันจาก2สถาบัน มาเข้าค่ายดัดนิสัย ข่าวดังมาก ตอนเข้าค่ายก็ดูดีเหมือนว่าทุกอย่างจะจบ ทุกคนต่างเป็นมิตรต่อกัน แต่พอวันสุดท้าย ตอนที่กล่าวพิธีปิดค่าย ก็ตีกันจนได้
-เด็กที่นำไปคือเด็กที่ไม่ใช่แกนนำครับ เด็กดีไร้ประวัติซะมาก ส่วนพวกดีๆถ้าไม่เข้าคุกก็โดนพักการเรียนไปก่อนแล้ว
ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าวิธีของผมเคยมีใครนำไปใช้หรือยัง ถ้าใครอยากจะชี้แนะอะไรผมก็อยากให้กระทู้นี้พวกเรามาช่วยกันเถอะครับ เผื่อว่าคนที่มีอำนาจในเรื่องนี้ ที่เขายังหาหนการแก้ปัญหาไม่เจอ ได้มาอ่านเจอแล้วเอาไปพิจารณาบ้าง
สุดท้ายนี้ผมไม่อยากได้ยินคำว่า ส่งตัวปัญหาลงใต้ให้หมด คือ ว่า ทำไมต้องลงใต้?? ไปที่อื่นไม่ได้หรือ?? ท่านอยากให้ส่งคนพวกนี้ไปก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้านต่ออีกหรือครับ ผมไปอ่านที่เว็บๆไหน ก็มีแต่คำสาปแช่ง ไม่ก็ปิดสถาบันมันไปเลย หรือไม่ก็ ส่งลงใต้ให้หมด วนๆอยู่ประมาณนี้แหละครับ แต่ไม่มีใครช่วยบอกวิธีแก้ปัญหาเลยซะงั้นไป
ตราบใดที่ตลาดยังต้องการแรงงานปวช.และปวส. และเป็นทางเลือกให้เด็กที่ไม่เรียน มปลาย สถาบันยังพุดขึ้นเรื่อยๆครับ หลายสถาบันโดนปิดไปแล้วแต่ก็เกิดขึ้นมาใหม่ ถ้าใครมาเพื่อนรุ่นพี่และน้าราวๆ30ต้นๆลองถามดูว่ามีสถาบันชื่อ เลิศบุญ พาณิชย์เพรชเกษ มั้ย กนก มีมั้ย ไทยสุริยะ มีมั้ย พระราม6ยังอยู่มั้ย เทคนิคสายลม ช่างกลบางซ่อน แค่นี้ก่อนพอ แล้วจะได้รับคำตอบว่าเด็กที่ไม่ได้เป็นช่างแต่เรียนบริหาร ศิลป์ ก็ไล่ตีเด็กช่างมานักต่อนักแล้ว
แล้วมองดีๆจะถามนิดนึงว่าทำไม ตำรวจตั้งด่านแจกใบสั่งได้แต่ค้นรถเมล์ที่วิ่งผ่านไม่ได้ นักเีีรียนรอเต็มผ้ายรถเมล์ทำไมสายตรวจไม่โผล่มาให้เห็น และมันตีกันเยอะมากแต่ไม่เป็นข่าวน่ะจริงมั้ยและกฏหมายทำอะไรได้แค่ลงชื่อ พ่อแม่มารับ เสียค่าปรับ และปล่อยตัว ทำได้แค่นี้เหรอ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=imruksa&date=03-09-2010&group=29&gblog=7 ฝากไว้อ่านกัึนนะครับ
เดียวผมขอตอบพี่ให้ในฐานะผมเคยเรียนช่างมานะครับ ตอบเป็นข้อๆไป
ข้อ1.เครื่องแบบ: แก้เครื่องแบบไม่ช่วยอะไรครับ เพราะเลิกเรียนเดียวมันก็เอาเสื้อพลัง(เสื้อสกรันหรือเสื้อปักสถาบัน)มาใส่กันอยู่ดี ต่อให้ชุดเหมือนกันหมดมันก็ตีกันอยู่ดีครับไม่ได้ตีกันเพราะชุด ไอตบของตบเสื้อก็นิดหน่อยครับ
ข้อ2.เช็คเวลาเรียน: คือที่ตีๆกันเนี้ยเขาไม่ได้โดดเรียนไปตีกันนะครับ เขาตีกันตามเวลาเลิกเรียนแล้วนั่งรถไปเจอกัน ก็เล่นกัน ไอห้ามคนนอกเข้าศิษย์เก่าเข้าผมว่าไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เด็กตีกันนะเพราะผมเวลากลับไปโรงเรียนผมไปหารุ่นน้องผมก็ไม่เคยจะไปสอนมันให้ไปตีกะใครนะ
ข้อ3.มั่วสุมในโรงเรียน: ป้องกันไม่ให้อยู่ในโรงเรียนนี่ผมว่าจะหนักกว่าเดิมครับ เพราะถ้าเขาอยู่ในโรงเรียนไม่ได้เขาจะมาอยู่ข้างนอกแทนทีนี้ยิ่งทำอะไรไม่ได้ใหญ่เลย อยู่ในโรงเรียนมันยังพอดูได้ว่าเขาทำไรอยู่
ข้อ4.ตรวจอาวุธ: ถ้าโรงเรียนเป็นระดับ ปวช ปวส ธรรมดานี่ส่วนใหญ่เขาตรวจอาวุธอยู่แล้วครับเด็กจะเอาของ(ของ=อาวุธต่างๆ)ไปฝากไปเก็บไว้แล้วเข้าโรงเรียนครับ ไม่ให้ อ. มาจับหรอก ที่จับๆอาวุธในโรงเรียนได้ส่วนใหญ่จะเป็นที่เป็นระดับ มหาลัยแล้วครับ
ข้อ5.รั้ว: อย่างที่บอกละครับมันอยู่ในโรงเรียนมันไม่มีอาวุธหรอก ในโรงเรียนมันปลอดภัยไม่รู้จะเอาไปตีกับใคร แถมมียามมีตำรวจมาคุ้มกันด้วยสบาย ไม่มีเหตุผลในการเอาของเข้าโรงเรียนครับ
ข้อ6.รับน้อง: โดยส่วนตัวนะครับอันนี้ ผมว่ารับน้องเป็นสิ่งที่ดีนะ ผมได้เรียนในโรงดรียนช่างกลที่การรับน้องไม่มีการเตะต่อยกระทืบน้องไม่มีทิ้งดิ้ง เลยไม่ค่อยเกิดเหตุร้ายแรงเท่าไร โรงเรียนผมเนี้ยเหนื่อยซ่อมๆๆๆๆๆๆๆแล้วหนักๆหน่อยจะมีไฟครับ แต่รุ่นพี่คนที่จะเล่นไฟได้ต้องโปรครับจะไม่ค่อยมีบาดแผลมากมาย รับน้องผมว่าดีมากเป็นระบบที่ทำให้น้องกับพี่ผูกผันกันมาก ตอนผมเรียนผมกล้าพูดเลยนะผมรักรุ่นน้องผมแบบว่าตายแทนได้เลยเลนสนิทกันสุดโดยเฉพาะคนที่รับน้อง ผมเลยไม่ค่อยเห็นข้อเสีย
ข้อ7.ยาเสพติด:อันนี้ผมเห็นด้วยครับ เพราะผมไม่ชอบเรื่องยากเสพติดผมกินแต่เหล้ากับสูบบุหรี่ แต่ยาเสพติดไม่ได้ทำให้คนตีกันนะ -*-
ข้อ8.เปลี่ยนชื่อโรงเรียน: ก็ยังตีกันเหมือนเดิมเชื่อเถอะมันจะยังใช้ชื่อโรงเรียนเดิมตีกันอยู่ดี อันนี้โรงเรียนใครๆก้รักนะคงไม่อยากให้โรงเรียนตัวเองต้องเปลี่ยนชื่อหรอก
ข้อเสนอแนะ ผมว่าวิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัดครับแล้วตำรวจต้องพยายามตามจับผู้กระทำผิดให้ได้ทุกครั้งไม่ว่าคดีจะเล็กใหญ่แค่ไหน ถ้าตำรวจจับได้ทุกครังเดียวเด็กมันก็เลิกเอาคืนกันไปเอง ผมมองว่าสาเหตุทุกวันนี้ที่ตีกันคือเอาคืนกันครับไม่ต้องถามหาจุดเริ่มต้นหรอกครับว่าตีเพราะอะไรแค่ความรู้สึกว่าเพื่อนถูกกระทำแล้วตำรวจไม่ทำงานตามจับฝ่ายผิดไม่ได้ เมื่อหฏหมายไม่ทำงานกฏของพวกเขาก็ต้องทำงานครับ
อ้อแล้วก็ที่บอกว่าจะส่งเด็กไปค่ายทหาร ไปฟังพระแล้วจะแก้ให้ได้ภายใน3เดือนแบบที่ รมต เขาบอกอ่ะนะ ถ้าทำได้ผมยินดีไปกราบเท้าเลย กล้าท้าเลยว่าทำไม่ได้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่งอแก้ง่ายๆครับต้องใช้เวลา
ผมว่านะจะแก้ปัญหานะ ถ้าเป็นเด็กช่างจริงจะรู้นะครับว่าแค่เรื่องตัดผม ยังทำกันไม่ได้เลย ประสาอะไรกับเปลี่ยนเครื่องแบบครับ
อีกอย่างนะครับ ผมว่ามันเริ่มตั้งแต่วิธีการคิดของเด็กที่จะมาเรียนช่างแล้วครับ เริ่มตั้งแต่ที่คิดว่า เด็กช่างจบไปเป็นแรงงานนะครับ อันนี้ถูกนะครับเป็นแรงงานจริง แต่ถ้าเป็นการทำงานของต่างประเทศนะครับ ปวส หรือ Diploma นี่คือ วิศวะนะครับ ไม่ใช่เด็กเรียนจบ ป ตรี แล้วได้ ใบ กว มาแล้วบอกว่าเป็นวิศวะ อันนี้จริงๆแล้วเข้าใจผิดนะครับ เราไปอิงแบบ อเมริกาครับ แต่ อเมริกา ใบ กว ของปตรี นี่ยังไม่มีความเชื่อถือนะครับ ถ้าเป็นระบบการศึกษาของฝั่งยุโรป ซึ่งเราเอา มาใช้สอน วิศวะ บ้านเรา เค้าไม่มี ปตรี ครับเค้าเริ่มที่ ป โท ครับ โดยส่วนตัว ผม จบ ปวช ปวส เคยทำงานกับทั้งวิศวะกรไทยและต่างชาติ วิศวะกรไทย ผมไม่ขอบอกนะครับว่า ที่ไหน เค้ามองผมเป็นแรงงานเหมือนชนชั้นสองในระบบงานวิศวะ แต่กับวิศวะต่างชาติ ( เยอรมัน รัสเซีย ฟิลิปปินส์ ) เค้ามองผมเป็นระดับเดียวกันครับ ไม่มีแบ่งแยกว่าผมแค่ ปวส หรือคนต่างชาติ มีอะไรเราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดได้ตลอด แต่กับคนไทยด้วยกัน ผมไม่ขอพูดนะครับ ผมขอถามคำเดียวครับ เด็ก จบ ม.6 สายวิทย์ คณิต เอ็นเข้าเรียน วิศวะมีคะแนนช่วย แล้วเด็กจบ ปวช หรือ ปวส ซึ่งเป็นสายตรงทางด้าน วิศวะ มีกี่เปอร์เซ็นครับที่ จะไปสอบแข่งกับเด็ก สายวิทย์คณิตได้ครับ สุดท้าย วิศวะบ้านเราก็?
กำลังนึกถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดีเลยครับ
เรื่องนักเรียนตีกัน(ผมจะขอเหมารวมกับพวกอันธพาลตีกันในผับ งานวัด หรือแม้แต่เทศการต่างๆ) ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีแค่ประเทศไทยอย่างเดียวหรอกครับที่หนักใจกับปัญหานี้ ผมคิดว่าหลายๆประเทศส่วนใหญ่ก็มีกัน ที่มันเป็นปัญหาใหญ่ เพราะผู้บริสุทธิ์โดนลูกหลง บาดเจ็บ-เสียชีวิตไม่น้อย
คนระดับแค่ผม หรือเราๆ ท่านๆ ก็พยายามช่วยคิดหาทางออกได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วทำไม ผู้ใหญ่ระดับ รมต.ศึกษาธิการ จะคิดหาทางออกไม่ได้
ปัญหาจริงๆผมคิดว่าน่าจะเป็นตรงที่ "ผู้ใหญ่" คิดจะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังหรือเปล่า?
ถ้าคิดจะแก้ไขปัญหาจริงๆก็ควรจะ ควบคุม กำกับ ดูแล รายละเอียดในแต่ละสเกล
ไม่ใช่ดีแต่ "สั่ง" ลงมา
(ต้องใส่อารมณ์ เพราะรู้สึกแย่ๆที่ระบบงานส่วนใหญ่เป็นแบบนี้)
ผมก็จบโรงเรียนที่มีคำว่าช่างกลอยู่ในชื่องโรงเรียนมา...ผมอยากบอกเพียงเพื่อนรักเพื่อนไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะเป็นเด็กเรื่องไม่เคยคุยกับใครเลยแต่ถ้าเพื่อนมีปัญหาเพื่อนจะช่วยเพื่อน...แต่จะช่วยแบบไหนนั้น ไม่ว่าจะเอาคืนหรือวิธีการอื่นมันก็อยู่ที่การอบรมสั่งสอนและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กมันจะส่งผลถึงปัจจุบัน ผมเองเรียนมา5ปีตั้งแต่ ปวช.ปวส.ก็ไม่เคยมีปัญหา มีแต่เกือบจะแต่ไม่มี และเด็กที่โดนตีส่วนใหญ่มักจะเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร...ถามบอกว่าส่งลงใต้ซิ...ครับแล้วครับ...ตาย...เพราะเขาไม่ได้ฝึกรบแบบทหารไม่ได้มีการฝึกทางยุทธวิธีรบแต่ที่มีปัญหากันทุกวันนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกว่าเพราะอะไรเพราะมีมีหลายสาเหตุมากโขอยู่...แต่เพื่อนรักเพื่อนเสมอครับ...อ่ออีกอย่างตอนเรียนครูฝึกท่านจะบอกน้ำเสมอว่า ปลาตายตัวเดียวมันเหม็นทั้งข้อง ทั้งข้องไม่ได้หมายความถึงแค่โรงเรียนตนเองแต่หมายความถึงทุกโรงเรียนในสายอาชีวะ เวลาโดนซ่อมกันทีไหร่ก็จะเจอคำนี้ตลอด ซ่อมที่ก็ยังคิดว่าเรียนอยู่ในโรงเรียนหรือเป็นทหารกันแน่ โรงเรียนที่ผมจบมาขอไม่เอ่ยเพราะผมเองก็ไม่ได้ดีอะไรกลัวจะทำให้ทางโรงเรียนเสียแต่ครูบาอาจารย์ท่านจะสอนเสมอว่า...พวกเอ็งเป็นเพื่อนกันมีอะไรต้องโดนด้วยกันรับด้วยกันต้องสามัคคีกันจะดีคนดีไม่ได้จะโดนคนเดียวไม่ได้ ปลาเน่าตัวเดียวมันเหม็นทั้งข้อง...ทุกวันนี้ก็ยังอยากจะกลับไปเรียนอยุ่เลยครับไม่ใช่อยากมีเรื่องแต่อยากจะเชื่อคำครูกว่านี้ตั้งใจเรียนเกรดจะได้สูงๆT^T...ถ้าผิดพลาดประการใดผมขออภัยพวกพี่ๆไว้นะที่นี้เดียวเพิ่งสมัครสมาชิกครั้งแรกหลังจากที่ติดตามเว็บนี้มานาน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ
ขอถก กับท่าน thember09 หน่อยนะครับ
ผมเองก็จบปวช. มาเหมือนกัน
เพื่อนๆหลายคนที่จบปวช. แล้วไปต่อป.ตรีที่ ม.เอกชน ส่วนใหญ่เค้าเรียนไม่ไหว(ต้องกลับมาต่อปวส.ที่เดิม)
เพราะการศึกษาของปวช.(ขอเหมารวมถึงปวส.) คือจบแล้วทำงานทันที
แตกต่างจาก เด็กสายวิทย์ ที่การศึกษาของพวกเขาต้องต่อยอดต่อไป และระดับความยากก็สูงกว่า
อาจจะต้องโทษที่ระบบการศึกษาของประเทศเราที่ทำให้เป็นแบบนี้
(เพราะแฟนผมเรียนวิศวะ ผมจึงกล้าพูดได้ว่าต่างกันแค่ไหน)
เอ่อ ที่ผมเหมารวม หมายถึง เหมารวมว่า ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องโดนลูกหลงเลยกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนออกสื่อ
ไม่ได้มีเจตนาเหมารวมว่าเป็นอันธพาลทั้งหมด100% อะไรแบบนี้ครับ
ผมอยากแก้ปัญหาง่าย ๆ ก่อน คือ สลับชื่อโรงเรียนครับ....
อย่างกรณีล่าสุด เป็น กรณีขั้นร้ายแรง โทษเบื้องต้น คือ เทคนิคดอนเมือง เปลี่ยนชื่อเป็น ไทยวิจิตรศิลป์...ส่วน ไทยวิจิตรศิลป์ เปลี่ยนชื่อเป็น เทคนิคดอนเมือง....
นักเรียนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง คงไม่ต้องสนใจ เรื่องชื่อสถาบัน...เพราะ เป้าหมาย คือ การประสบความสำเร็จในการศึกษา วิชาชีพ ที่เรียนอยู่ เท่านั้น...
ชีวิต คนบริสุทธิ์ จำนวน 1 ชีวิต กับ ชีวิต นศ. ไทยวิจิตรศิลป์ จำนวน 1 ชีวิต....ผมว่ามี ค่า มากกกว่า คำว่า สถาบัน...เพราะ เหตุที่เกิดขึ้น มาจาก คำว่า สถาบัน...
ก็น่าจะกำจัดที่ ต้นเหตุ ไป...
แล้ว เวลา ไปมีเรื่องมีเหตุขั้นร้ายแรงขึ้นอีก กับ สถาบันอื่น ก็ สลับชื่อ โรงเรียนอีก...
ทำให้ รุ่นพี่ผู้ที่จบการศึกษา ในปีนั้น ๆ...จะจบจากชื่อ สถาบันที่ แตกต่าง กันไป...แม้จะเป็น โรงเรียนเดียวกัน ก็ตาม...
ไม้เว้น แม้แต่ สถาบันที่เป็นของ รัฐบาล...ก็คงต้อง ต่อสู้ กับ สมาคมศิษย์เก่า...
เหตุท่ี่เกิด ก็มีจุดเชื้อมาจาก รุ่นพี่ ก็คงต้องเป็นเรื่องของ สมาคมศิษย์เก่า ต้องป้องกันตัวเอง ถ้าไม่อยากให้เปลี่ยนชื่อ สถาบัน...
หลายท่านที่เคยเดินเที่ยวมาบุญครองน่าจะเคยเห็น2สถาบันชื่อดังย่านปทุมวัน(เรียกว่ารุ่นใหญ่)ตีกันแถวนี้มานานนน จนถึงท่าน้ำสี่พระยา มีทั้งไล่ตีกัน จนถึงไล่ยิงแบบมือปืนเลยก็มี ทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าว แต่ก็ไม่เห็นโดนปิดหรือมีอะไรมาแก้ไข
อีกอย่าง อาวุธปืนหาง่ายมากน่าดู ทำให้ความรุนแรงมันมากขึ้น ลองดูข่าวจะพบว่ากรณีทะเลาะใช้ปืนยิงกันในผับก็ตาม แว๊นซ์ตามถนนก็ตาม มีปืนยิงลูกหลงก็เยอะนะครับ แต่เรื่องของเรื่องคือกฏหมายมันใช้ได้จริงแค่ไหนกัน หรือรอให้คนบริสุทธิ์1คนตายถึงจะบังคับใช้กฏหมายทีนึง
คุณ maceus ครับ อืม ผมถึงบอกครับว่า น่าจะมีการทำความเข้าใจหรืออธิบายเด็กที่จะมาเรียนหรือสนใจการเรียนสายช่าง นะครับว่าไม่ใช่เรียนเท่ห์ ๆ จริงๆสาย ช่างเราคือ ต้นสายของ วิศวะ ถูกไหมครับ ผมต้องการสื่อว่า ทำไมไม่แนะนำเด็กที่อยากเป็นวิศวะ มาเรียนสายช่างตั้งแต่แรกมากกว่านะครับ แค่นั้นเอง ครับ
เอ่อ ขำๆนะ อาจจะเหมือนกับผมนะ ที่จบแล้วไปเรียนต่อ ม ไม่ไหวนี่ติดเที่ยวกับกินเหล้าป่าวครับ ขำขำนะ ผมเองก็เหมือนกัน ติดกินเหล้ามากไปหน่อย เรียน ปตรีสำหรับผมมันง่ายเพราะจบมาแล้วแต่ เพื่อนผมที่เก่งๆ ไม่จบเพราะ เมานี่แหบะครับ ฮ่าฮ่า
- ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ thember09 ครับ ที่เวลามีเรื่องอะไรเด็กช่างตีกันที่ไหนก็บอกว่า "เด็กช่างกลตีกัน" เรื่องนี้ต้องทำใจครับเพราะว่าชาวบ้าน หรือคนที่เขาไม่ได้อยู่ในแวดวงเด็กช่าง เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กนักเรียนที่ยกพวกตีกันเรียนช่างอะไรกัน เท่าที่เขารู้คือเด็กช่างกลตีกัน ทั้งที่จริงแล้วอาจเป็นช่างก่อสร้างตีกับช่างศิลป์ ก็เป็นได้ ความคิดของผมคือช่างกลอาจเป็นช่างที่มีมาตั้งแต่ช่วงแรกครับ ชาวบ้านจึงเรียกต่อๆกันมา เพราะคำว่า "เด็กช่างกล" มันกลายเป็น Image หรือภาพลักษณ์ ของเด็กช่างอื่นๆไปหมดแล้วครับ. (ยกตัวอย่างผงซักฟอก "แฟ้บ" เป็นแค่ผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เวลามีคนถามว่าไปซื้ออะไร บางคนตอบว่าไปซื้อแฟ้บซักผ้ามา แต่ที่จริงแล้เขาอาจไปซื้อผงซักฟอกยี่ห้อ บรีส, โอโม, แอทแทค หรือเปาก็ได้) สรุปเรื่องนี้คือทำใจครับ ไม่ว่าเด็กช่างอะไรจะตีกัน เขาก็เรียกว่า "เด็กช่างกลตีกัน" ครับ.
ผมสนับสนุน ข้อ 1 คือติดกล้อง VDO วงจรปิด ทั้งบนรถเมล์ และ ที่หน้าสถาบันครับ ตร.ตรวจอาวุธทุกครั้งที่มีการรวมกลุ่มกันบนรถเมล์ และทางรถเมล์สามารถแจ้ง
2. เพิ่มโทษของผู้ที่กระทำความผิดครับ
อ่านมานาน ขอออกความเห็นบ้าง ในฐานะที่จบสายนี้มาและก็ควบคุมบัญชาคนสายงานด้านนี้โดยตรง
เรื่องที่ว่าข่าวมักจะออกมาว่า "ช่างกลตีกัน" ก็คงเป็นตามแบบที่คณnawan กล่าวมาครับ แต่ปัญหาคือ..ทำไมข่าวเด็กนักเรียนที่ตีกันส่วนใหญ่จะเป็นเด็กสายอาชีวะมากกว่าเด็กนักเรียนสายสามัญ อันนี้มันอยู่ที่การปลุกฝังจากสถาบันด้วย ทำไมบางสถาบันเป็นสายอาชีวะแต่ไม่มีเหตุการณ์เด็กตีกับที่โน่นที่นี่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กสถาบันเดิมๆ คู่กรณ๊เดิมๆ อันนี้สถาบันต้องออกมาดูว่าการปลูกฝักการสอนภายในห้องเรียน การเข้าข้างลูกศิษย์ยามเกิดปัญหามีมั้ย และส่วนใหญ่การปลูกฝังอย่างหนึ่งนั้นเป้นเรื่องดี เช่น การเป็นทีม อันนี้ถือเป็นหัวใจหลักของงานด้านวิศวกรรม แต่ในห้องเรียนกลับมีเด็กเกเรไม่กี่คนที่ไปก่อเรื่อง มาตามพรรคพวกด้วยเป้นทีม คนไม่อยากมีเรื่องก็ต้องจำใจตาม มีพวกมากเฮโลเล่นงานเขาอย่างสะใจ แต่ดันลืมไปว่าหลังจากนั้นก็ต้องแยกย้ายกัน ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง คราวนี้โดนคู่กรณ๊ตามเช็คบิล สถาบันที่เด็กเกเรมาเรียนชื่อเสียงดีๆก็มาเสีย สถาบันที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงยิ่งไม่มีใครอยากให้ลูกหลานมาเรียนจะดีเหรอ ทางออกของสถาบันคือ เนื้อไหนร้ายตัดเนื้อนั้นทิ้งไป สองสถาบันนักเรียนไม่ถูกกันแล้วไง บางคนจบไปเคยยกพวกตีกันตอนเรียนกลับไปเจอกันในที่ทำงาน แล้วไง จะตีกันมั้ย ตอบว่าไม่ ตีกันก็ออกงาน ไม่ทำงานงานด้วยกันก็ไม่ได้งานโดนตำหนิและถึงขั้นแป็ก หนักๆถึงออกงานเพราะสายงานนี้ต้องทำงานเป็นทีม สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันบางคนสนิทกันมากซะด้วย
สรุปคือสถาบันต้องมาคุยกันหาทางออกกันครับ เพราะผู้ที่รู้ดีในเรื่องนี้คือสถาบันการศึกษานั้นๆไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือ พ่อค้าแม่ขาย
แก้เนื้อเพลงบัวลอยดิครับ ฮาๆไป
ผมว่าต้องแก้กันตั้งแต่ก่อนไปเรียนอาชีวะแล้ว...ครับ ควรสกรีนเด็ก และทำประวัติกันตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยครับ
ช่วง ม. ๑ ถึง ม. ๓ นี่มันแสดงอาการออกมาแล้วครับ ว่าใครเป็นใคร เป็นพวกดีเดือนกล้าตายมันแสดงออกมาชัดเจน
ในช่วงนี้ครับ ช่วงวัยรุ่นผมเรียนที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร เห็นชัดครับ รู้เลยว่าอนาคตของพวกนี้มันเกิดมาเพื่อต่อสู้จริงๆ
พกปืนจริงมาโรงเรียน มีทั้งปืนไทยประดิษฐ์ ปืนปากกา ระเบิดขวด มันก็พกนั่งเรียนกับพวกเรานั่นแหละ เอาออกมาโชว์บ้างไม่โชว์บ้าง
เรื่องสนับมือ เรื่องมีด เรื่องขวาน มีพร้อม แต่ยังถือว่าเด็กๆครับ ที่ผมกลัวเสียวสันหลังมาจนทุกวันนี้ก็ระเบิดขวดนี่แหละ
วันไม่ดี วันร้อย ก็ไปยิงโรงเรียนอื่นตาย หน้าตาเฉย ทั้งที่คุยกันก็ไม่เห็นว่าจะเป็นคนใจคอโหดร้ายอะไรเลย
ฐานะทางบ้านก็ดี อุปนิสัยใจคอก็ดี แต่กล้าหาญผิดที่ผิดทาง (ไอ้ประเภทน่าตาโหดก็มีนะครับ) แต่มันก็เพื่อนเราทั้งนั้น
จะฟ้องครูเรื่องพกอาวุธ มันก็ทำไม่ได้ รุ่นหนึ่งๆ ก็มีอย่างน้อยๆ 5-10 คน ต่อชั้นเรียน (เดียวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่าไม่รู้)
อย่าเข้าใจว่าพวกนี้เรียนไม่เก่งนะ เรียนอยู่ห้อง k ก็มี (เรียนเก่งกว่าตู...อีก) เรื่องวิธีแก้ต้องค่อยๆ คิด ครับ
คุณ thember09 เรื่องเหล้านี่รู้ๆกันอยู่ครับ 555(เผลอๆเด็กวิศวะ-สายสามมัญวิทย์ จะคอแข็งกว่าเด็กอาชีวะซะอีก 555)
ว่ากันที่ปัญหาต่อ นอกจากเรื่อง"เพื่อน"แล้วมีอะไรอีก...
ผมลองคิดๆดู ตอนที่ผมอายุเท่าเด็กพวกนั้น (ก็รู้สึกสนุกดี เวลารวมกลุ่ม)
อาจจะเป็นที่วัย ซึ่งช่วงวัยรุ่นมีความต่างจากวัยทำงานหลายๆอย่าง
พ่อแม่ทำงานหาเงินให้ใช้ รับผิดชอบแค่ชีวิตตัวเอง ส่วนใหญ่ไม่มีภาระครอบครัวให้มารับผิดชอบ
คุณสมบัติครบถ้วน เป็น"หน่วยกล้าตาย"ได้ทันที (เหอ...)
สิ่งเดียวที่อาจจะปลูกฝังเด็กพวกนี้ได้ก็ต้องเี่กี่ยวกับพ่อแม่มั้งครับ...
ปลูกฝังจี้จุดให้มากๆเข้าในทำนองที่ว่า "เอ็งโดนทำร้ายพ่อแม่เอ็งก็เสียใจ เอ็งไปทำร้ายเขาพ่อแม่เขาก็เสียใจ"
ปัญหาหนึ่งของสังคม ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไม่น้อย ถ้าไม่ตั้งใจแก้ ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่มีทางหมดไปอย่างแน่นอน
ผมจบจากโรงเรียนช่างกลมานานหลายสิบปีแล้วรับใช้ประเทศชาติมานานด้วยความรู้ที่ได้รับมาจากโรงเรียนช่างกล ไม่เคยทำร้ายประเทศชาติหรือใครเลย เมื่อเวลารับฟังข่าวจากสื่อทุกครั้ง(ขออนุญาต)มันจะขึ้นหัวข้อว่าช่างกลตีกันแต่ในเนื้อข่าวเกือบทุกครั้งจะเป็นโรงเรียนอาชีวะสารพัดที่ไม่ไช่ช่างกลเลยไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมันถึงต้องใส่ร้ายโรงเรียนช่างกลด้วย ส่วนเรื่องการตีกันของนักเรียนอาชีวะนั้นผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆเพียงแต่ผู้มีอำนาจไม่เคยสนใจคิดจะแก้อย่างจริงจัง พอได้อำนาจมาก็คิดแต่ผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องปัญหาของประเทศชาติไม่มีใครสนใจ อย่างนี้พวกนี้ก็คงต้องตีกันไปตลอดชาติ
ในฐานะที่ผมก็เรียนช่าง .. ขอบอกเลยว่า ปัญหา มันอยู่ที่ตัวกฏหมายครับ
ตราบใด ที่ อายุ 17 ยังเป็นเยาวชน .. ตราบนั้น อาชญากรเยาวชนก็จะไม่หมดไป
และ มีแต่จะเพิ่มขึ้นๆๆๆๆ ความโหดเหี้ยม ก็จะพัฒนาการตามขึ้นไปทุกปีๆ
จากที่เมื่อสมัยก่อน ไล่ตีกับไม้ T ต่อมา ก็ เป็นไม้บ้าง ท่อนเหล็กบ้าง
ต่อมาก็เป็น มีด ดาบ ผสมด้วย ระเบิดปิงปอง .. ปัจจุบัน ใช้อาวุธปืนยิงกันแล้ว
คาดว่า ในอนาคต คงจะพัฒนาไปสู่อาวุธสงคราม ไล่ถล่มกัน..
.. อ้อ ลืมไปอีกอย่าง กฏระเบียบของทางโรงเรียน ก็มีส่วน ถ้ากฏหย่อนยาน
นักเรียนก็ไม่กลัว .. อย่างโรงเรียนช่างที่ผมเคยเรียน กฏรุนแรงมาก หากพกอาวุธ
หรือ โดนจับได้ว่าไปมีเรื่อง โทษ .. ไล่ออกสถานเดียว ไม่มีฑันบน
.. โรงเรียนช่างที่ผมเรียน เค้าออกกฏ ห้ามรับน้อง ในทุกกรณี หากรุ่นพี่คนใดฝ่าฝืน
โทษไล่ออกสถานเดียว .. ไม่มีรุ่นพี่คนใหนกล้ารับน้องมาหลายปีแล้ว
ส่วนเวลาเจอรุ่นพี่ รุ่นน้องทุกคน ก็ไหว้รุ่นพี่ตามปกติ ดังนั้นเรื่องรับน้องไม่เกี่ยว
ตอบคุณ galen ครับ: ช่วงนี้เขาใกล้วันสถาปนาของฝั่งช่างกลปทุมวันแล้วครับ มันเหมือนการเปิดฤดูการล่าอ่ะ เหอๆ-*-ต่างฝ่ายต่างต้องระวังตัว
แต่2โรงเรียนนี้เล่นกันไม่ค่อยมีคนนอกโดนด้วยเท่าไรหรอกครับ นานๆทีจะมียกพวกเล่นกันสักที ส่วนมากจะใช้วิธีตามเก็บเอามากกว่า