เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมามีการซ้อมรบระหว่างหน่วยรบพิเศษอินโดนีเซียกับหน่วยรบพิเศษออสเตรเลีย โดยเป็นการซ้อมเพื่อช่วยเหลือตัวประกันหลังจากการล้มเหลวของการช่วยเหลือตัวประกันในฟิลิปปินส์ ยิ่งกว่านั้นเป็นการซ้อมรบระหว่างหน่วยเอสเอเอส (Special Air Service) ของออสเตรเลียที่ได้ชื่อว่าเป็นหน่วยรบพิเศษที่ดีที่สุดและมีมาตรฐานการปฏิบัติการสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กับหน่วยโคพะสุ (Kopassus ย่อมาจาก Komando Pasukan Khusus) ของอินโดนีเซียที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งเช่นกัน แต่บกพร่องเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมถึงขนาดถูกองค์กรมนุษยชนทั่วโลกขึ้นบัญชีดำ

ก่อนหน้านั้นมีข่าวว่าหน่วยโคพะสุจะซ้อมรบกับหน่วยรบพิเศษหน่วยใดหน่วยหนึ่งของสหรัฐอเมริกา หลังการไปเยือนกรุงจาการ์ตาของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเมื่อเดือนกรกฎาคม และมีการประกาศว่าสหรัฐจะยกเลิกการห้ามไม่ให้ความช่วยเหลือแก่กองทัพอินโดนีเซียที่มีมาตั้งแต่ 11 ปีก่อน

แต่การประกาศไม่มีผล เนื่องจากถูกสมาชิกสภาคองเกรสท้วงติง โดยอ้างว่ากองทัพอินโดนีเซียยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีการปฏิรูป โดยเฉพาะหน่วยโคพะสุที่เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์จลาจลในกรุงจาการ์ตาปี 2541 และมีการบุกเข้าไปในบ้านและร้านค้าคนจีนเพื่อปล้นทรัพย์สินและข่มขืนผู้หญิง

โคพะสุเป็นหน่วยรบพิเศษที่มีกิตติศัพท์ว่ามีทหารที่เป็นนักรบมือเปล่าเก่งกาจ ไม่ต้องพึ่งอาวุธชั้นสูงและอุปกรณ์ทันสมัยก็ทำงานได้ และทำได้นานโดยไม่ต้องรบกวนการส่งเสบียง แต่ที่สำคัญเป็นนักรบที่รู้จักผูกมิตร ขณะเดียวกันยังรู้จักสร้างมิตรของศัตรูให้เป็นศัตรูของศัตรู ความสามารถเช่นนี้มาจากการเป็นหน่วยรบพิเศษที่ได้รับอิทธิพลจากหน่วยรบพิเศษเคเอสที (Korps Speciale Troepen) ของเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 58 ปีที่แล้ว

ตอนนั้นกองทัพอินโดนีเซียที่เพิ่งออกรบต้องรบกับกองกำลังกู้อิสรภาพเกาะโมลุคคัสใต้ ซึ่งมีทหารหน่วยเคเอสทีให้การสนับสนุน ปรากฏว่ากองกำลังได้แสดงฝีมือการรบนอกแบบจนกองทัพต้องเรียกอดีตนายทหารหน่วยเคเอสทีคนหนึ่งที่โอนสัญชาติให้ไปช่วยก่อตั้งหน่วยรบแบบเดียวกัน

ทุกวันนี้ทหารหน่วยโคพะสุยังคงสวมหมวกสีแดงปนส้มแบบเดียวกับหน่วยเคเอสทีเพื่อแสดงความชื่นชมหน่วยรบที่เป็นต้นแบบ โดยเฉพาะวิธีรับสมัครและฝึกที่เริ่มด้วยการคัดเลือกทหารที่ดีเลิศของกองทัพ หลังจากนั้นให้ทดสอบด้วยการเดินทางไกล 380 กิโลเมตรโดยมีเสบียงติดตัวน้อยที่สุด ใครสอบไม่ผ่านจะถูกคัดออก ตามด้วยการเล่นซ่อนหานาน 1 สัปดาห์ ใครซ่อนไม่เก่งจะถูกคัดออกเช่นกัน

จบขั้นตอนนี้จึงมีการฝึกจริงนาน 9 เดือน เพื่อให้เป็นทหารหน่วยรบพิเศษเต็มตัว หลังจากเป็นทหารระยะหนึ่งจะมีการประเมินว่าใครจะได้ไปอบรมเพื่อเป็นฝ่ายหาข่าวและฝ่ายรบ

ฝ่ายหาข่าวจะเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ด้วยถือว่าการที่จะรบชนะต้องอาศัยข่าวกรองที่แม่นยำและทันท่วงที การอบรมที่เด่นคือการหาข่าวหลังแนวรบที่รวมทั้งการโฆษณาชวนเชื่อและการสร้างสถานการณ์ เพราะโคพะสุเก่งเรื่องนี้จึงได้เข้าร่วมอบรมกับหน่วยข่าวกรองมีชื่อของโลกอย่างมอสสาดของอิสราเอล ถึงแม้อิสราเอลจะไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับอินโดนีเซีย และเอ็มไอ 6 ของอังกฤษ ถึงแม้อังกฤษจะเป็นประเทศที่สูงส่งเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม

โคพะสุมีความเกี่ยวพันกับไทยในแง่เป็นผู้ฝึกหน่วยรบพิเศษของกัมพูชา สาเหตุที่วงการทูตไม่ค่อยเชื่อว่าไทยกับกัมพูชาจะรบกันมาจากสาเหตุนี้ เพราะถึงอย่างไรไทยยังเป็นมิตรที่ดีของอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันหน่วยรบที่ดีที่สุดของกัมพูชายังต้องพึ่งหน่วยรบพิเศษของประเทศนี้

ตอนต่อไปจะเขียนถึงอันดับหน่วยรบพิเศษในโลก เพราะยุคนี้หน่วยรบพิเศษกำลังมีบทบาทสูงมากในโลก

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 11 ฉบับที่ 2909 ประจำวันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2553 คอลัมน์ โลกไม่หยุดนิ่ง โดย ณ สันมหาพล