คิดยังงัยกับการเเปลสภาพ สนามบินของ กองพลททหารราบที่ 9 เป็นสนามบินพาณิชย์ เพื่อรองรับโครงการท่าเรือนำลึกทวายของพม่าเเละกาญจนบุรี พอดีเเวะไปได้กินข้าวข้างสวนสัตว์กองพล 9 ได้ยินกลุ่มทหารเข้าพูดกันครับ ไอ้เราคนเมื่องกาญฯ เเท้ๆยังไม่รู้เลยครับ
ลองใหม่ครับรูปไม่ขึ้น ( ไม่ลับครับใครไปกองถ่าย สายลาดหญ้า - บ่อพล่อย ยังงัยต้องผ่านครับ )
ผมว่าข่าวดีครับ ดีกว่าปล่อยไว้เฉย ๆ แถวบ้านผมที่สระแก้วนาน ๆ จะมีมาลงที
เป็นข่าวดีครับ .. ผมเห็นด้วยกับความคิดของทหารในครั้งนี้ด้วย
หลังจากทำเป็นสนามบินพาณิชย์เสร็จ ยังไงๆ ก็ต้องสร้างสนามบินของทหารราบที่9 ใหม่อยู่แล้ว
นอกจาก ไม่ต้องปล่อยให้สนามบินเก่าร้าง ได้ทำประโยชน์สูงสุด แถม ทหารก็ได้สนามบินใหม่ อาคารใหม่ทั้งหมด
ความทันสมัยก็มากขึ้น งานนี้ ทุกฝ่าย มีแต่ ได้กับได้ ยินดีด้วยกับ ราบ9 ด้วยครับ อิอิ
ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจก็เห็นด้วย แต่มันควรจะเป็นที่ไหนสักแห่งในเมืองกาญฯที่ไม่ใช่สนามบินของ พล.ร.9 ครับ
จ.กาญจนบุรี มีพื้นที่ว่างเปล่า ที่เหมาะจะสร้างสนามบินใหม่ ของทหารเยอะแยะเลยครับ พูดง่ายๆ ให้ราบ 9 ไปเดินเลือกที่เหมาะๆตามสบาย
จะสร้างใหม่ทั้งที ผมอยากให้ ราบ9 หาที่ใกล้ๆภูเขา สร้างเป็นคลังเก็บพวกลูกปืนใหญ่แบบที่โคราชด้วย
ถ้าให้ผมแนะนำ ควรสร้างบริเวณ เหนือเขื่อน หากเกิเหตุแผ่นดินไหว เขื่อนแตก จะได้ไม่เป็นอันตรายกับกองทัพ
สำหรับสนามบินทหารหลาย ๆ แห่ง คงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ทางการพาณิชย์แบบถาวรครับ เพราะสภาพจะเปลี่ยนไปค่อนข้างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบต่าง ๆ จะสร้างขึ้นมารองรับและอำนวยความสะดวกอีก ยิ่ง พล.ร.๙ ไม่น่าที่จะเหมาะอย่างยิ่ง เพราะสนามบินอยู่ตรงกลางเลย น่าจะปล่อยข่าวเพื่อปั่นราคาที่ดินกันหรือเปล่าครับ สำหรับการย้ายสนามบินของทหาร ซึ่งสร้างมาเพื่อภาระกิจทางการทหารคงไม่ง่าย เหมือนย้ายสนามฟุตบอลนะครับ แม้สนามฟุตบอลหรือสนามกีฬาบางแห่งที่ชอบย้ายไปสร้างในที่ห่างชุมชนเราคงเห็นว่า มีหลายแห่งกลายเป็นที่เลี้ยงวัวชาวบ้านไป
ปัจจุบันนี้ สนามบินทหารหลายแห่งในประเทศไทย ก็เข้าสู่ระบบ กึ่งพาณิชย์ มานานแล้วครับ.....
ในแง่จังหวัดและประชาชนที่จะได้รับ
จะมีเครื่องบินพานิชย์มาลงที่จังหวัดนั้น นักท่องเที่ยวมากขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น
ในแง่ทหารเจ้าของพื้นที่
จะมีการปรับปรุง....พื้นที่...มีระบบอุปกรณ์การนำร่อง เรดาร์....ทางวิ่ง....อาคารสถานที่....การสร้างรั้วรักษาความปลอดภัย....กล้องวงจรปิด...ความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย.....ฯลฯ มากขึ้น...โดยกรมการบินพาณิชย์ เป็นผู้ลงทุน....
เห็นด้วยกับท่าน SODA77 กับ ท่าน ท้าวทองไหลครับ ถ้าสนามบินมีขีดความสามารถสูงเพื่อรองรับเครื่องบินพานิชย์ขนาดใหญ่ได้ ในยามสงครามก็สามารถวางกำลังเครื่องบินรบและเครื่องลำเลียงขนาดใหญ่ได้ เป็นสนามบินหน้าที่สำคัญ
กองเรือพม่ามันจะไปไหนรอด...................
อาจจะปรับปรุงเป็นสนามบินพานิชย์สำหรับเครื่องบินขนาดเล็กถึงขนาดกลางก็เป็นได้ครับ ซึ่งอาจจะเป็นไปในลักษณะของเครื่องบินเช่าเหมาลำหรือบินมาลงสัปดาห์ละเที่ยว เพราะจะว่าไปเมืองกาญจน์ก็ไม่ได้ห่างจากกรุงเทพเท่าไหร่อีกทั้งยังมีโครงการมอเตอร์เวย์จากกรุงเทพมาเมืองกาญจน์ด้วยซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากว่าจะมีสนามบินพานิชย์แบบเต็มรูปแบบระดับประเทศ ส่วนตัวคิดว่าหาที่อื่นสร้างใหม่ดีกว่าครับ เอาที่เลย พล.ร.9ไปทางบ่อพลอยนั้นที่ราบเหมาะสำหรับสร้างสนามบินมีมากมาย
ส่วนตัวมองว่าในส่วนสนามบินภายในค่ายของ ทบ. นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้หน่วยงานอื่นมาลงทุนเพื่อการพาณิชย์ อากาศยานของ ทบ. ในแง่ของ ทบ.ไม่ใช่ยุทโธปกรณ์หลักที่ใช้เข้าทำการรบโดยตรง และสนามบินภายในค่ายก็เป็นเพียงสนามทางยุทธวิธี ไม่ใช่สนามหลักจึงไม่มีความจำเป็นสำหรับระบบหรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนัก
หากคิดในผลดี ผลเสีย ที่จะได้(ในด้านทหาร) แล้วเชื่อว่าไม่น่าจะคุ้มสำหรับการปรับสนามบิน พล.ร.9 ให้เป็นกึ่งพาณิชย์ ต้องมีการปรับขยายหลายส่วนทั้ง ทางขับ ทางวิ่ง อาคารต่างๆ ทำให้หน่วยต้องเสียพื้นที่ส่วนอื่นเพิ่ม รวมถึงความคุ้มค่าในด้านพาณิชย์ว่าหากลงทุนไปแล้ว ต้องมีเที่ยวบินกี่เที่ยวต่อวันหรือต่อสัปดาห์ ยิ่งมีเที่ยวบินมากก็จะยิ่งส่งผลต่อหน่วยในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สนามบิน
พล.ร.9 ทั้งกองพลมีที่ตั้งหน่วยปกติอยู่ในบริเวณเดียวกัน หน่วยมีภารกิจในการเตรียมความพร้อมของหน่วยในระดับหน่วยขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่สุดก็คือ ระดับ กองพล หน่วยมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ของสนามบิน และไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้นานว่าเมื่อไหร่ ตรงนี้ส่งผลกระทบทั้ง สายการบินพาณิชย์และกับหน่วย หากห้วงเวลาที่ต้องใช้พื้นที่สนามบินทับซ้อนกัน ใครจะมีความเร่งด่วนลำดับแรก หากหน่วยต้องใช้พื้นที่ทางขับ ทางวิ่งสำหรับตรวจความพร้อมรบระดับ กรมผสม เที่ยวบินจะยอมเลื่อนวันให้หรือไม่เพราะจะส่งผลเสียต่อธุรกิจโดยตรง หรือหน่วยต้องเป็นฝ่ายเลื่อน
สนามบินของ ทอ.เองบางสนามที่ใช้ร่วมกับอากาศยานพาณิชย์ เชื่อว่าในช่วงความคับคั้งของการจราจรทางอากาศสูงนั้นเครื่องของ ทอ.น่าจะถูกกำหนดลำดับความเร่งด่วนในการวิ่งขึ้นหรือร่อนลงหลังสายการบินพาณิชย์ ยิ่งโดยเฉพาะในการร่อนลงต้องบินวนคอย ต้องเผาผลาญเชื้อเพลิงเพิ่ม เสียงบประมาณโดยไม่จำเป็น(ในทางตรงกันข้ามหากสายการบินฯเป็นฝ่ายบินวนคอยก็จะส่งผลถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่ม กระทบต่อธุรกิจ)
ในเรื่องของการ รปภ. ส่วนตัวไม่เชื่อว่าหน่วยจะปล่อยให้ จนท.รปภ.เอกชนทำงานโดยลำพัง หน่วยต้องจัดกำลังสมทบเพิ่ม ทำให้มีภารกิจเพิ่มโดยไม่จำเป็น
หากมองในด้านสนามบินส่วนหน้าสำหรับการดีพลอยกำลังอากาศยานรบของ ทอ. นั้น อย่าลืมสนามบินกำแพงแสนครับ อยู่ห่างไม่มาก มีความพร้อมกว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม
ไม่คุ้มคุ้มค่าทางยุทธสาศตร์ครับ
สนามบินพลเรือน มีอยู่ดีๆ ก็เลิกใช้ เช่น ท่าอากาศยานสกลนคร กลายเป็น มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกล
ทำไมไม่รักษาทนุบำรุงให้ดีๆ ไว้ใช้งานในอนาคตก็ไม่รู้ แล้วหันไปใช้สนามบินทหาร ในค่ายกองทัพภาค 2 ส่วนหน้าแทน
สนามบินควรกันไว้ใช้เกี่ยวกับการบิน มหาวิทยาลัยเอาที่ที่ไหนก็ได้ ที่ว่างๆ เยอะไป จะประหยัดไปถึงไหน..ไม่ลงทุนเลย
สนามบินนะ หาพื้นที่สร้างยากกว่าเยอะ......คนที่คิดนี่นะ (ฉลาดติดลบ ทำลายอย่างหนึ่งเพื่อเอาอีกสิ่งหนึ่ง)
(ประเภทเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วทิ้งอีกอย่างไปอย่างน่าเสียดาย เราสามารถที่จะเลือเอา ทั้ง 2 อย่างได้ ครับ)
แล้วไง...ผมจะไปเที่ยว "เมืองทวาย"..นี่ ผมต้องไป ขึ้นเครื่องถึง เมืองกาญจ...เลยหรือเปล่าครับ ?
หอการค้าเมืองกาญ เอาอะไรมาคิด...
เมืองกาญจ นะ จริงๆ แล้ว มีพื้นที่ของมหาดไทยที่กันไว้เป็นสนามบิน ในสมัยสงครามโลกอยู่อีกนา..
ไม่รู้กลายเป็นที่ดิน หรือรีสอร์ท ของใครไปแล้ว.. เช็ดดูดีๆ ซิ..มีแน่ๆ ห่างตัวเมืองไม่มากหรอก
ถามคนเก่าๆ ในพื้นที่ก็ได้.....แล้วสนามบินเก่าของญี่ปุ่นอีกละ...หาดีๆ ได้หลายแห่งเลย
ในแง่ควมคิดผมนั้น การเดินทางจากกรุงเทพไปมาเมืองกาญจน์ไม่ได้ไกลหรือลำบากแต่อย่างใด แถมไปได้หลายทาง อีกทั้งมีโครงการมอเตอร์เวย์จากกรุงเทพมาเมืองกาญจน์ และอาจจะมีการสร้างระบบรางรถไฟมาเมืองกาญจน์อีก ย่อมทำให้การไปมาสะดวกขึ้น การมีสนามบินพาณิชย์นั้นอาจจะไม่ช่วยอะไรมากนักในเรื่องของการเดินทาง ไปๆมาๆคนอาจจะนิยมใช้ทางบกมากกว่า ดังนั้นกระแสแนวคิดเรื่องของสนามบินในเมืองกาญจน์ดูยังห่างไกล เว้นเสียแต่ว่า เอาสนามบิน พล.ร.9 มาใช้สำหรับธุรกิจเช่าเหมาลำเครื่องบินขนาดเล็กหรือขนาดกลางมาลงเป็นครั้งคราว
ที่สกลนคร...เค้าย้ายท่าอากาศยานสกลนคร ไปยังที่ตั้งปัจจุบันนานแล้วครับ...อยู่ในพื้นที่ของกองทัพบกครับ..เป็นสนามบินของกองทัพบกที่ใช้ในเชิงพานิชย์มานานแล้วครับ.....กองทัพอากาศเองมีหน่วยสนามเล็กๆ ที่อยู่ในนั้นอีกที...ส่วนที่สนามบินสกลนคร เป็นวิทยาลัยเทคนิคนั่นนานแล้วครับ....สกลนครเปลี่ยมมาสามครั้งแล้ว ครั้งแรกปัจจุบันกลายเป็นศูนย์ราชการสกลนคร (ดงบาก)
ที่น่าน....เป็นสนามบินของ ทอ. ที่มีทั้ง ทอ.และ ทบ.ประจำอยู่ ในส่วน ทอ.มีเคยประจำการด้วย บ.โจมตี แบบ AU-23 และ NOMAD ส่วน ทบ.มีหน่วยบินปีกหมุนจำนวนมากอยู่ที่น่าน ปัจจุบัน ให้ กรมการบินพานิชย์ ดูแล ทำให้มีการสร้าง หอใหม่ ลานจอดใหม่ และทางวิ่งใหม่ ยังไม่รวมระบบนำร่องต่างๆ และระบบ รปภ.ที่ดีขึ้น ระบบ รปภ.เอกชน (ทอท. บพ.) ดีกว่าของ ทหาร ตรงที่ สร้างรั้วตาข่ายรอบทางวิ่ง ลานจอด และรอบสนามบินอีกหนึ่งชั้น (ถ้าเป็นระบบทหาร เราทำแค่รอบสนามบิน) มีระบบกล้องวงจรปิด บุคคล และการลาดตระเวนเป็นช่วงเวลา สลับกับของทหาร โดยเฉพาะสนามบินชายแดน กำลังของทหาร น้อยครับ.... เป็นการอำนวยความสะดวกให้ หน่วยบินลำเลียงของ ทอ. ทบ. ทร. ที่ต้องไปปฏิบัติราชการได้อย่างสบายครับ
การใช้สนามบินทหารไปในเชิงพาณิชย์ เช่น สนามบินเชียงใหม่ การรักษาความปลอดภัยและพื้นที่ส่วนใหญ่ การท่า ดูแลครับ...เค้าจะล้อมรั้ว ว่างแผนพัฒนา ทำรันเวย์ใหม่ ระบบสื่อสาร เรดาสร์ ฯลฯ ใหม่ ส่วน ทหารจะมีพื้นที่เฉพาะของตน ซึ่งจะมี รปภ. (สห.ทอ. และ อย.) ดูแล ในระดับ ซึ่ง ดีกว่าปล่อยพื้นที่ไร้ประโยชน์ ที่สำคคัญคือระบบอำนวยความสะดวกที่มีความทันสมัยราคาแพง...แม้ในสนามบินทหาร ทุกวันนี้ ยังไม่มีทุกระบบ เหมือนที่เค้าพูดว่า แค่ C-130 ยังลงไม่ได้ เพราะ ทางวิ่งสั้น รับน้ำหนักไม่ได้ กลับตัวไม่ได้ หากมีเชิงพาณิชย์ ทหารเองก็สบายไปด้วยครับ...และที่ผ่านยมาก็เป็นเช่นนี้ ลองตรวจสอบดูนะครับ...
สนามบินสกลนคร
๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๓ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงแถลงให้ประชาชนทราบภายหลังจากทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ความว่า
“ การที่จะบำรุงกำลังทางอากาศนั้น นอกจากการจัดหาเครื่องบินแล้ว ยังมีการสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การจัดสร้างสนามบินไว้เป็นพื้นที่ๆ เครื่องบินจะขึ้นลงได้สะดวก ซึ่งจำจะต้องมีไว้ ทุกจังหวัด จังหวัดละหนึ่งแห่งเป็นอย่างน้อย ”
จากนั้น พลเอกเจ้าพระยาบดินเดชานุชิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสนามบินให้อุปราชและสมุหเทศาภิบาลทราบ และเข้าใจความมุ่งหมายเมื่อมีการประชุมอุปราชและสมุหเทศาภิบาลในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ ซึ่งอุปราชและสมุหเทศาภิบาลรับทราบและรับที่จะไปดำเนินการสร้างสนามบินขึ้นอย่างน้อยจังหวัดละ ๑ สนามบิน
ขอบคุณ "ท่านท้าว" มากครับ ที่เอาใจใส่เป็นภาระ.....แม้ในจุดเล็กๆน้อยๆ
แต่ สนามบิน กองทัพภาค 2 ส่วนหน้านี่เป็นพื้นที่ แปะติดน้ำเลยนะครับ ถ้าเรากั๊กน้ำหนองหารไว้ใช้มากๆ ไม่ให้ไหลทิ้งลงแม่โขง
สนามบินจมบาดาลแน่ๆ แต่สนามบินพาณิชย์เก่า "สนามบินเชียงเครือ" ที่อยู่ห่างออกไป 10 กว่าโล มันอยู่ที่สูงไม่จมน้ำ นะขอรับ
ไอ้เรื่องความทันสมัยของระบบอุปกรณ์นั้นส่วนตัวก็เชื่อว่าระบบของเอกชนจะทำให้ทันสมัยกว่าระบบของราชการ
แต่ประเด่นคือ ส่วนตัวคิดว่า การลงทุนตรงนั้นมันเป็นเชิงพาณิชย์ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการลงทุนเพื่อแสวงหากำไร คำถามคือ เมื่อลงทุนไปแล้ว ใครจะเป็นผู้กำหนดความเร่งด่วนในการใช้งานเมื่อเวลาความต้องการใช้ทับซ้อนกัน
และเรื่องสำคัญอีก 1 เรื่องคือ เรื่องการ รปภ. ในเรื่องข้อมูลข่าวสาร เพราะหากกองพลต้องใช้สนามบิน ก็ต้องมีการประสานกับ จนท.เอกชนสนามบิน ดังนั้นข่าวสารต้องรั่วไรออกมาเร็วกว่าเดิม
ความคุ้มค่าก็ขึ้นอยู่กับว่า จำนวนเที่ยวบินพาณิชย์ต่อวัน คุ้มค่าไหมเมื่อแลกกับอัตราความเสี่ยงของการรั่วไรข้อมูลข่าวสารที่เร็วขึ้น
พล.ร.9 มีภารกิจเตรียมความพร้อมที่ไม่เหมือน พล.ร.อื่น ในเรื่องระดับของกำลัง ตามที่บอกข้างต้น
http://www.youtube.com/watch?v=vZz3ihG4LNE ลองดูลิงก์นี้ครับ โดยเฉพาะภาพมุมสูง ภาพนี้จะเกิดให้เห็นบ่อยๆในพล.ร.9 ครับ
วิธีการแก้ปัญหาเรื่อง รปภ. ที่ผ่านมาของสนามบินทหาร ที่ต้องใช้ร่วมกับพานิชย์ คือ การย้ายพื้นที่ท่าอากาศยานพานิชย์ ไปอยู่ในด้าน หัว หรือ ท้ายสนามบิน และแนกการเข้าออกไปอยู่ต่างหาก เช่น สนามบินเชียงใหม่ สนามบินอุดร สนามบินพิษณุโลก สนามบินดอนเมือง สนามบินสกลนคร