หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


อีก 2 ปีสหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาต “ซูเปอร์ล่องหน" เข้าทะเลจีนใต้

โดยคุณ : kaypui42 เมื่อวันที่ : 13/06/2012 23:35:22


เรือ พิฆาตซูมวอลต์ (USS Zumwalt) "ซูเปอร์ล่องหน" ตามภาพในจินตนาการของศิลปิน ขณะปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายบนฝั่ง ต่างไปจากเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีย์เบิร์ค (Arleigh Burke-Class) เรือรบติดขีปนาวุธนำวิถีที่กองทัพเรือสหรัฐสร้างและนำเข้าประจำการทั้งหมด 112 ลำในปัจจุบัน เรือชั้นซูมวอลต์เน้นการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน สามารถหลบเลี่ยงเรดาร์ได้สุดยอด เพื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง ทำลายเรือรบของข้าศึก โจมตีเมือง ฐานทัพ และทำลายกำลังหลักข้าศึก โจมตีย่านอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อตัดการสนับสนุน.
       .
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ระหว่างประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาคที่สิงคโปร์สัปดาห์ที่แล้ว นายลีออน พาเน็ตตา (Leon Panetta) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้เปิดเผยแผนการขยายแสนยานุภาพเข้าสู่ย่านเอเชียแปซิฟิกในช่วง 8 ปีข้างหน้า และพูดทิ้งเอาไว้ในตอนหนึ่งว่าสหรัฐฯ กำลังจะส่งเรือรบรุ่นใหม่ที่ "ใช้เทคโนโลยีสูงมาก" เข้าสู่ภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
       
       นายพาเน็ตตาไม่ได้ระบุตรงๆ ว่าเป็นเรืออะไร แต่นักการทหารกล่าวในสัปดาห์นี้ว่า รมว.กลาโหมสหรัฐฯ หมายถึงเรือพิฆาตชั้นซุมวอลต์ (Zumwalt-Class Destroyer) ซึ่งมีกำหนดนำเข้าประจำการในกองทัพเรือ เดือน เม.ย..2557 ในแผนการสร้าง 3 ลำแรก นำโดยเรือ USS Zumwalt รหัส DDG-1000 ต่อซีรีส์ด้วยเรือไมเคิล มอนซูร์ (USS Michael Monsoor) กับเรือลินดอน บี จอห์นสัน (USS Lyndon B Johnson)
       
       ทั้งหมดใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า "ซูเปอร์สเตลธ์" (Super Stealth) หรือ "ซูเปอร์ล่องหน" ยากที่จะหาเทคโนโลยีใดตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ในปัจจุบัน เว็บไซต์ International Defence อ้างคำกล่าวของแหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
       
       เรือพิฆาตชั้นซูมวอลต์ เรียกกันอีกชื่อหนึงว่า "เรือกระสุนเงิน" ซึ่งหมายถึงหัวกระสุนที่หล่อจากแร่เงินใช้ปราบผีดิบพวกแวมไพร์ทั้งหลายตาม ความเชื่อแต่โบราณ แต่เรือรุ่นนี้ไม่โบราณ หากเป็นเรือรบที่ "ก้าวหน้าที่สุดในประวัติศาสตร์" แหล่งข่าวกล่าว
       
       เรือ USS Zumwalt จะเป็นลำแรกที่แล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้ พร้อมกับกองเรือรบมหึมาของสหรัฐฯ ที่จะเข้าสู่ภูมิภาคนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในช่วงหลังยุคสงครามเย็น
       
       เรือพิฆาตชั้นซูมวอลต์จะเข้าแทนที่เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้น อาร์ลีห์เบิร์ค (Arleigh Burke-Class) ซึ่งในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา สร้างมาทั้งหมด 112 ลำจนถึงรหัส DDG-112 อันเป็นลำสุดท้ายของชั้นนี้
       
       ปัจจุบันเรือชั้นอาร์ลีย์เบิร์คที่ออกแบบมาเป็นเรือรบเอนกประสงค์ ก็ยังเป็นเรือรบดีที่สุด มีเขี้ยวเล็บน่าสะพรึงกลัวมากที่สุด ยากที่จะหาเรือพิฆาตอื่นใดของชาติใดเปรียบได้ "แต่เรือซูมวอลต์ไปไกลยิ่งกว่านั้น" แหล่งข่าวของ International Defence กล่าว
       
       เรือพิฆาตรุ่นล่าสุดออกแบบเพื่อหลากหลายภารกิจ แต่เน้นการโจมตีเป้าหมายบนบกมากกว่าในทะเล ซึ่งจะเป็นภารกิจของเรือลาดตระเวน (Cruiser) กับเรือฟรีเกตหลากหลายชั้นที่กองทัพเรือสหรัฐฯ มีเหลือเฟือ และทั้งหมดล้วนเป็นเรือติดขีปนาวุธนำวิถีที่ทำลายเป้าหมายได้ทุกชนิด ทั้งในสงครามผิวน้ำและสงครามใต้น้ำ
       
       สหรัฐฯ ยังมีกองทัพเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่โตและทันสมัยที่สุดในโลก เรือดำน้ำรุ่นใหม่ทั้งหมดใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่อยู่ใต้น้ำได้นานนับปี บางชั้นติดขีปนาวุธโจมตีข้ามทวีป ยิงทำลายเป้าหมายในระยะ 3,000 กิโลเมตรได้ทุกๆ ที่ และยังติดหัวรบนิวเคลียร์ได้อีกด้วย
       .


ภาพ ขณะปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายผิวน้ำของเรือพิฆาตซูมวอลต์ (USS Zumwalt) DDG-1000 ในจินตนาการของศิลปิน แต่เรือพิฆาต "ซูเปอร์สเตลต์-ซูเปอร์ล่องหน" ใหม่ล่าสุดนี้ไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ การสร้างเริ่มมาตั้งแต่ปี 2551 โดยบริษัทเจเนอรัลไดนามิกส์ กำหนดนำเข้าประจำการลำแรกในเดือน เม.ย.2557 สหรัฐฯ ประกาศจะส่งเรือเทคโนโลยีสูงสุดยอด ติดขีปนาวุธนำวิถีหลากชนิดรุ่นนี้เข้าประจำในย่านทะเลจีนใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า จะทำให้จีนเป็นเป้าหมายที่ป้องกันยากที่สุดในยามสงคราม.
       .
       "ในภาวะสงครามจีนจะเป็นเป้าหมายที่จะป้องกันตัวเองลำบากที่สุด เพราะการโจมตีจะไปจากทุกทิศทุกทาง และเป็นอันตรายต่อจีนมากที่สุดในวันข้างหน้ายังรวมทั้งเรือพิฆาตซูเปอร์ สเตลธ์ด้วย” เว็บไซต์เดียวกันอ้างคำพูดของนักวิเคราะห์กลาโหม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธอีกคนหนึ่ง
       
       "เรือซูมวอลต์จะสะท้อนเรดาร์เป็นเพียงจุดเล็กๆ เท่ากับเรือหาปลาลำหนึ่ง เป็นการยากฝ่ายข้าศึกจะแยกแยะในสถานการณ์ที่ไม่ปรกติ โดยไม่ต้องพูดถึงระบบเรดาร์เก่าๆ ที่จะไม่สามารถตรวจจับได้"
       
       นายพาเน็ตตากล่าวระหว่างการประชุมในสิงคโปร์ว่า สหรัฐฯ จะโยกย้ายกำลังทางเรือเข้าสู่เอเชียคิดเป็นสัดส่วน 60 ต่อ 40 กับทางด้านยุโรป ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ตรงข้ามกับในปัจจุบัน ที่เน้นคงกองกำลังในย่านตะวันออกกลางกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
       
       ไม่กี่ปีข้างหน้าสหรัฐฯ จะมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีประจำในย่านเอเชียถึง 6 กอง ประกอบด้วยเรือบรรทุกเรื่องบิน 6 ลำ เรือลาดตระเวน เรือพิฆาต เรือฟรีเกต เรือคอร์แว็ต เรือดำน้ำ เรือโจมตียกพลขึ้นบก กับเรือสนับสนุนอื่นๆ รวมแล้วนับร้อย ลำ
       
       เมื่อเดือนที่แล้วกองทัพเรือสหรัฐฯ ประกาศจะส่งเรือฟรีดอม (Freedom) LCS-1 ซึ่งเป็นเรือจู่โจมชายฝั่ง (Littoral Combat Ship) รุ่นใหม่ล่าสุดเข้าประจำการในสิงคโปร์ต้นปีหน้า จะเป็นครั้งแรกที่เรือ LCS ของสหรัฐฯ เข้าสู่ย่านนี้ เพื่อดูแลช่องแคบมะละกากับภารกิจรักษา "เส้นทางเดินเรือเสรีทะเลจีนใต้"
       
       อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ยังจะต้องทำอีกมากเพื่อรองรับการเคลื่อนกองกำลังทางเรืออันใหญ่โตเข้าสู่ภูมิภาคนี้
       
       ระหว่างไปเยือนเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายพาเน็ตตาได้ไปเยือนอ่าวกามแร็ง ฐานทัพเก่าในสมัยสงครามด้วยและได้เจรจากับฝ่ายเวียดนาม เพื่อขอใช้เป็นแหล่งซ่อมบำรุงของกองเรือรบอีกแห่งหนึ่ง นอกจากอ่าวซูบิคในฟิลิปปินส์ ฐานทัพเรือชางงีในสิงคโปร์ กับฐานทัพเรือในอินโดนีเซียและในประเทศไทย
       
       ปัจจุบันกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของสหรัฐฯ อย่างน้อย 3 กอง หมุนเวียนแล่นเข้าออกน่านน้ำทะเลจีนใต้เป็นระยะเพื่อภารกิจต่างๆ โดยใช้ฐานทัพโยโกสุกะในญี่ปุ่นกับฐานทัพเก่าในเกาหลีเป็นแหล่งซ่อมบำรุงและ ยังมีเรือพิฆาตสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 ลำจอดประจำกาในทะเลซูลู ฟิลิปปินส์ ซึงอยู่ใกล้กับหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ดินแดนพิพาทระหว่างจีนกับอีกหลายฝ่ายในย่านนี้
       
       นอกจากนั้นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่ไม่อาจจะนับจำนวนได้ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในย่านนี้อย่างลับๆ ทุกลำติดอาวุธโจมตีร้ายแรง รวมทั้งจรวดร่อนโทมาฮอว์ค
       .


เรือ บรรทุกเครื่องบินคาร์ล วินสัน (USS Carl Vinson) CVN 70 เรือลาดตระเวณชั้นติคอนเดโรกา (Ticonderoga-Class) บังเคอร์ฮิล (USS Bunker Hill) CG 52 กับเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ค (Arleigh Burke-Class) ฮัลซีย์ (USS Halsey) DDG 97 เข้าร่วมการฝึกซ้อมมะละบาร์ ในทะเลเบงกอลร่วมกับกองทัพเรืออินเดีย ในภาพวันที่ 16 เม.ย.2555 เรือวินสันซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ (Nimitz-Class) ลำหนึ่ง แล่นเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในเวลาต่อมา และจะเป็น 1 ใน 6 กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่จะเข้าประจำการถาวรในย่านนี้. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist Seaman George M Bell/Released.
       


เรือ บรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน (USS George Washington) นำหน้าเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถีลำหนึ่งกับเรือพิฆาตของญี่ปุ่นอีก 3 ลำระหว่างการฝึกซ้อม Keen Sword ในภาพวันที่ 10 ธ.ค.2553 เรือจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่คุ้นหน้า คุ้นตามากที่สุดลำหนึ่งในย่านทะเลจีนใต้ ไปเยือนเวียดนามทุกปีในช่วง 2 ปีมานี้ อาณาบริเวณนี้กำลังจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 6 ลำ นำกองเรือโจมตีของสหรัฐ ตามแผนปรับกำลังใหม่เข้าสู่ถิ่นเก่าทวีปเอเชีย. -- AFP PHOTO/POOL/Shegeki Miyajima.
       


เรือ ดำนำนอร์ธแคโรไลนา (USS North Carolina) SSN 777 ในภาพวันที่ 12 มี.ค.2555 ขณะร่วมฝึกซ้อมในญี่ปุ่น เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นเวอร์จิเนีย (Virgina-Class) ที่ทันสมัยล่าสุดลำนี้ โผล่อีกทีสัปดาห์กลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาในฟิลิปปินส์ ไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีเรือดำน้ำสหรัฐฯ เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นเช่นเดียวกับเรือรบแบบอื่นๆ ในแผนวางกำลังกองทัพเรือ 60-40 ระหว่างเอเชียกับยุโรป. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 2nd Class Dustin Kelling/Released.
       


ลูก เรือของเรือดำน้ำแฮมป์ตัน (USS Hampton) ยืนบนเรือขณะจอดในอ่าวฮ่องกงในวันที่ 17 พ.ค.2554 ระหว่างเยือนสันถวไมตรีเขตพิเศษแห่งนี้ เป็นการเยือนดินแดนจีนครั้งแรกในรอบ 3 ปีของเรือดำน้ำสหรัฐลำหนึ่ง และนี่คือเรือชั้นลอสแอนเจลีสอีกลำหนึ่งจากทั้งหมด 9 ลำในปัจจุบัน ที่ได้รับมอบหมายเข้าประจำการในแปซิฟิกตะวันตก อีก 2 ปีข้างหน้าจะมีเรือรบสหรัฐฯ เข้าสู่ย่านนี้มากมายยิ่งขึ้น รวมทั้งเรือพิฆาต "ซูเปอร์สเตลธ์" ใหม่ล่าสุดด้วย. -- AFP PHOTO/POOL/Vincent Yu.
       


เรือ ดำน้ำโอไฮโอ (USS Ohio) SSGN 726 เรือนำของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธนำวิถีและขีปนาวุธโจมตีข้าม ทวีป (Intercontinental Ballastic Missile) ที่ฐานทัพเรือชินแฮ (Chinhae) ในภาพวันที่ 26 ก.พ.2551 ระหว่างไปร่วมฝึกซ้อมในทะเลเกาหลี และนี่คือเรือดำน้ำรุ่นใหญ่อีกรุ่นหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ประจำการในเอเชียแปซิฟิก อีกไม่นานจะได้เห็นสารพัดเรือรบของสหรัฐฯ ทั้งลอยลำและอยู่ใต้น้ำทะเลจีนใต้ ซึ่งสหรัฐฯ กับพันธมิตรถือเป็น "เส้นทางเดินเรือเสรี". -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 1st Class Lou Rosales (Released).
       


เรือ เร็วโจมตีชายฝั่ง "ฟรีดอม" (USS Freedom) LCS-1 ฝึกซ้อมเติมน้ำมันกับเรือบอนฮอม ริชาร์ด (USS Bonhomme Richard) ในมหาสมุทรแปซิฟิกในภาพวันที่ 17 มิ.ย.2553 ก่อนเข้าร่วมฝึก "แปซิฟิกริม" ในปีนั้น เรือฟรีดอมจะเข้าประจำการที่ฐานทัพเรือชางงีในสิงคโปร์ต้นปีหน้า เป็นสัญลักณ์เริ่มต้นการกลับคืนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพเรือ สหรัฐอย่างเต็มรูปแบบ. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 3rd Class Marcus L Stanley.
       


หญิง ชาวฟิลิปปินส์กับเด็กโบกธงต้อนรับเรือฝึกซ้อมกาชิมา (JS Kashima) TV3508 ของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นซึ่งไปเยือนพร้อมกับเรือชิมายุกิ (JS Shimayuki) TV3513 และ เรือพิฆาตมัตสึยุกิ (JS Matsuyuki) DD 130 ที่อ่าวซูบิคซึ่งเป็นฐานทัพเรือเก่าของสหรัฐฯ ในยุคสงครามเวียดนาม ที่นี่จะใช้เป็นแหล่งซ่อมบำรุงของกองเรือสหรัฐฯ ในย่านนี้ สัปดาห์ที่แล้วรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ไปเยือนเวียดนาม และได้ทาบทามขอใช้ฐานทัพเก่าอ่าวกามแร็ง เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน. -- AFP PHOTO/Noel Celis.
       .
       อย่างน้อยมี 1 ลำ คือ เรือดำน้ำนอร์ธแคโรไลนา (SSN North Carolina) โผล่ให้เห็นที่ฐานทัพเรือซูบิคเก่า ในสัปดาห์กลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 วัน ในช่วงที่เรือตรวจการณ์ฝั่งของฟิลิปปินส์กำลังเผชิญหน้ากับเรือจีนนับสิบลำ ที่เกาะปะการังแห่งหนึ่ง ห่างจากฝั่งฟิลิปปินส์ราว 200 กม. แต่อยู่ไกลจากฝั่งทะเลของจีนถึง 1,200 กม.
       
       นั่นคือเรือดำน้ำโจมตีเร็วชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-Class) ซึ่งเป็นเรือรุ่นใหม่และทันสมัยที่สุด 1 ในจำนวน 9 ลำที่ประจำการในขณะนี้ ในแผนการที่จะนำเข้าประจำการทั้งหมด 30 ลำ เพื่อแทนที่เรือดำน้ำชั้นลอสแอนเจลีส ที่สหรัฐทยอยปลดประจำการ
       
       เพียงไม่นานหลังจากเรือ SSN North Carolina แล่นออกไป เรือพิฆาตรณ (ISN Rana) ของกองทัพเรืออินเดียก็เข้าจอดที่นั่นพร้อมกับเรือฟรีเกต เรือคอร์แว็ต และเรือเติมน้ำมันรวม 4 ลำ ติดๆ กันในสัปดาห์ปลายเดือนเรือพิฆาตญี่ปุ่นอีก 2 ลำ ก็แล่นเข้าอ่าวซูบิคอีก เพื่อเยือนสันถวไมตรีฟิลิปปินส์
       
       ถึงแม้โฆษกกองทัพเรือฟิลิปปินส์จะแถลงว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากับจีนก็ตาม แต่นักสังเกตการณ์ทางทหารมองว่า เป็นการแสดงพลังครั้งสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรในภูมิภาค
       
       ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าย่านนี้จะเต็มไปด้วยเรือรบสหรัฐฯ แม้จะไม่ใช่การกลับคืนสู่ยุคฐานทัพเช่นในช่วงทศวรรษที่ 1960-1970 ก็ตาม แต่ก็เป็นแสนยานุภาพที่จีนไม่อาจจะเทียบได้ทั้งในด้านจำนวนและอานุภาพ
       
       เป้าหมายของสหรัฐฯ ในการกลับสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นชัดเจน นายพาเน็ตตาบอกกับ พล.อ.ฝุ่งกวางแทง (Phung Quang Thanh) รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม สัปดาห์ที่แล้วว่า เมื่อมีจีนก็จะต้องมีสหรัฐฯ อยู่ด้วย ภูมิภาคนี้จึงจะมีเสถียรภาพ.

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000070240





ความคิดเห็นที่ 1


ถึงมันจะล่องหน หลบหลีกเรดาห์ทุกชนิดได้ .. แต่ ผมว่า ไม่พ้นสายตามนุษย์อย่างเราๆได้แน่ๆ

ผมหมายถึง ถ้าเรามีดาวเทียม และ ดาวเทียมติดกล้อง ก็คงจะเห็นแหละครับว่ามันอยูตรงใหน

แต่ มันน่ากลัวตรงที่ มันสามารถยิงได้ไกลระดับ 3000 กิโลเมตร แถมติดหัวรบนิวเคลียร์ด้วย

ต่อให้รู้ ว่าอยู่ตรงใหน เราก็ยิงไม่ถึงแน่นอน

สงครามยุคอนาคต คงวัดกันที่การรบระยะไกล และแข่งขันกันที่การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมาประชันกัน

เทคโนโลยี เรียนผูก มันก็มีเรียนแก้ เทคโนโลยีใหม่ๆก็ออกมาไม่สิ้นสุด ประเทศที่เอาแต่ซื้อ คงซื้อกันตาย

ไม่ว่า อาวุธ หรือ เครื่องบินรบ ผ่านไปแค่ 3-4 ปี ก็ตกรุ่น เพราะรุ่นใหม่ๆ ทำออกมาปราบรุ่นเก่า

งานนี้ เราคงตามซื้อกันอ๊วก

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 08/06/2012 03:40:29


ความคิดเห็นที่ 2


2 ปีนี้คืออย่างเร็วที่สุดครับ แค่ต่อเรือเสร็จเองนะ แต่เอาเข้าจริงแล้วกว่าจะ Commissioning ทดสอบระบบต่าง  ๆ เข้าที่เรียบร้อย อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะ 5-6 ปีละครับ ขนาดโครงการ LCS ที่ว่าแน่  ๆ LCS FREEDOM ยังมีปัญหาเรื่องอุปกรณ์บางตัวเสียเร็วกว่ากำหนดจนไม่สามารถออกเรือไปทดสอบได้ครับ    


ลองดูแล้วกันครับ   

http://lanterloon.com/uss-freedom-flunks-critical-test-recommendation-is-a-no-go/ 

 
Hi-tech ขนาด USS Zumwalt  คงต้องใช้เวลาและเงินอีกพอสมควรละครับ 

โดยคุณ Logieng เมื่อวันที่ 08/06/2012 08:31:13


ความคิดเห็นที่ 3


ประเทศนี้ ใช้งบกลาโหมตั้ง 3.7% ของผลผลิตมวลรวมของประเทศ เลยนะ...

ไม่รู้จะสร้างเรือมาถมทะเลหรือเปล่า  การจะเอาชนะสงครามได้สิ่งสำคัญอยู่ที่หัวใจต่างหาก

ใจไม่ถึงระดับ จะกี่สมรภูมิก็แพ้เค้าหมด  ในความคิดเห็นของผม ผมว่าประเทศนี้แพ้มาตลอดทุกสมรภูมิเลย

ในช่วง 30 ปีมานี้ เรียงลำดับ จาก เขมร ญวน อีรัก  คราวต่อไปน่าจะแถวทะเลจีนใต้นี่ละครับ

แต่รู้สึกแก่...จะใจไม่ถึงเท่าไร ครับ ถึงหาพักพวก กันยกใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ไอ้การใช้นโยบายบีบกันทางการเมือง และทางเศรษฐกิจ นี่ต้องยกให้เค้าครับ "เค้าเก่ง" 

แสดงว่าแถวนี้มีผลประโยชน์ ซ่อนอยู่ใต้ทะเลเยอะจริงๆ..

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 01:19:30


ความคิดเห็นที่ 4


คนของไอ้กันที่มาเจรจา..ความเมืองแต่ละคน..เคี้ยวลากดินมาเลยครับ

ทุกคนต้องผ่านหลักสูตร การเจรจาต่อรองมาอย่างช่ำชองครับ

ทุครั้งที่มี GIVE พี่แก่ต้องขอ TAKE คืนเสมอ...ไม่มีพลาด

คนของเราไปเจรจากับมัน เสร็จมันทุกราย ทุกคนไป ไม่เหลือเลย แม้แต่คนเดียว

เวลามันขอเรา (ขอ GIVE) พวกเรากับ TAKE กลับกันไม่เป็นกันเลยครับ... เสร็จมันหมดทุกรายจริงๆ ครับ

เรื่อง "อู่ตะเภา" ก็คงเสร็จมัน ตามเคย ครับ

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 01:31:11


ความคิดเห็นที่ 5


เรื่อง "อู่ตะเภา" อย่างน้อยต้อง "TAKE" กลับได้นี่ ครับ ต้องเกี่ยงให้มันสร้างทางวิ่งเส้นใหม่ให้ก็ได้ครับ ถึงจะถูกจริตประเทศนี้ครับ

ถ้ามันไม่ "โอ" ก็ให้มัน ไปใช้ที่ "ตันซอนนุช" หรือที่ "ทวาย"  หรือ "สิงคโปร์" หรือ " บูรไน" หรือ "ซาราวัค" แทนก็แล้วกัน ครับ

โดยเฉพาะที่ "คล๊าค" เมืองปินโน้นแหละครับ มีให้มันเลือกเยอะเยาะ แต่ผมว่ามันคงเอาทุกจุดที่ผมกล่าวถึงแหละครับ (มันไม่โง่..นี่ครับ)

ผู้รับผิดชอบบ้านเมืองต้องเข้มแข็ง มั่นใจในตัวเองครับ  หากถูกบีบมาก ก็พยายามหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธ จากประเทศนี้ครับ

คือทยอยลดประเภท และจำนวนลงเลื่อยๆ ทดแทนด้วยอาวุธจากแหล่งอื่นทีละเล็กทีละน้อยครับ ตรงนี่เรามาถูกทางแล้วครับ

ถ้าจะซื้ออาวุธจากประเทศนี้ก็ควรเป็นอาวุธที่ไม่ต้อง พึ่งพาการซ่อมบำรุงมากนัก ครับ (ไม่ซื้อเลยคงเป็นไปไม่ได้ ครับ) 

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 01:48:35


ความคิดเห็นที่ 6


หมากล้อมจีนที่หลายๆคนเห็น ผมมองต่างอะนะ(ตอนแรกก็คิดตามชาวบ้านเค้าเหมือนกัน เด็ก ม.3 มาบอกตาสว่างเลย) หมากนี้ผมว่า เมก้าเค้าตั้งใจล้อมเรา(อาเซียน)มาก ว่า ผมว่านโยบาลทางทหารของเค้ามีความต่อเนื่องตลอดทุกยุคทุกสมัยอะ(ต่างกับบ้าน เราสุดๆ) ในความคิดผมจะท่อนอำนาจประเทศที่ใหญ่ขนาดจีน อินเดีย หรือโซ เวีย มีอยู่วิธีเดียวที่เด็กยังคิดได้ แล้วก็ใช้กับโซเวียได้ผลมาแล้วคือการยุให้แตกกัน(ซึ่งจีนตอนนี้เป็นช่วง เปลี่ยนระหว่างระบบสองระบบ ไม่ง่ายช่วงนี้แล้วจะง่ายช่วงไหน) การจะมาตีล้อมกรอบกดดันจะทำให้ประเทศนั้นเป็นบึกแผ่นกว่าเดิม เป็นวิธีที่ตรงข้ามกับวิธียุให้แตกกันเลย คิดกันง่ายๆจีนเกณฑ์ทหารเพิ่มจาก 2 ล้าน เป็น 10 ล้าน(ยังไม่ถึง 1%ของประชากรเลย) ส่งทหารราบ 2 ล้านบุก อีก 8 ล้านประจำชายแดน คิดว่าอาเซียนที่ไม่ได้เป็นเกาะคงแหลกลาญในไม่ถึงเดือน การมาตั้งฐานทัพเรือ ฐานบิน ไม่ได้มีความหมายมากมายถ้าคิดจะรบกันจริงๆ ไปๆมาๆ เป้าหมายจริงๆคงไม่ใช่จีน(เอาเข้าจริงๆที่จะมาใช้ฐานทัพก็เป็นการสร้างความ เชื่อมั่นให้กับตัวประเทศที่เมกา เข้าหานั้นเองไม่ได้จะมากั้นจีนเค้าหลอก) การจะมากั้นจีนไม่ให้ลงทะเล หรือมาขายอาวุธแข่ง หรือกันการขยายอิทธิพลของจีน คิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ การ เพิ่มกำลังรบของจีนคิดว่ามันอยู่ในการคาดการณ์ของเมกาอยู่แล้วที่กำลังรบ ต้องขยายตามขนาดเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคาดการณ์ต่อได้ง่ายๆว่าประเทศรอบๆก็จะ แข่งกันสะสมอาวุธแข่ง ซึ่งยังไงก็แข่งด้วยไม่ได้อยู่แล้ว ก็มีทางเลือกแต่จะต้องร่วมมือกันในหมู่ประเทศแถบอาเซียนนี้เท่านั้น(อาเซียน จะเป็นประชาคมได้จริงๆคิดว่ายากถึง ยากมาก ด้วยความต่างกันในหลายๆด้าน)ถ้าไม่มีวิกฤตเกิดขึ้นผมคาดว่าประชาคมอาเซียน มันก็จะเป็นได้แค่ชื่อเท่านั้น การเข้ามาของเมกาผมว่าก็ตรงตามที่เค้าบอก จริงๆนั้นแหละที่ว่า เมื่อเมกาเข้ามาในถูมิภาคนี้จะเกิดซึ่งเสถียรภาพในถูมิภาค(คือไม่ให้เกิด วิกฤตขึ้นนั้นเอง โคตรคนดีเลย) หรือก็คือเข้ามาเป็นตัวเลือกหลักแทนตัวประชาคม อาเซียนนั้นเอง ปกติถ้ามีปัญหาในตัวสมาชิกอาเซียน ก็น่าจะคุยในเฉพาะอาเซียน แต่เมื่อมีตัวเลือกที่เชื่อถือได้(หละมั่ง)ที่ 2 ที่ 3 การคุยกันในอาเซียนก็มีโอกาศน้อยลง เมื่อไม่คุยกันผ่านประชาคม ตัวประชาคมก็ไม่มีความหมาย เมื่อไม่มีความหมายอาเซียนก็จะยังเป็นแค่แหล่งวัตถุดิบต่อๆไปเหมือนวันว่าน แบบไม่มีอำนาจต่อรอง จริงๆตามที่ผมคิดเมกาเค้าไม่ได้กลัวที่จีนจะมีเศรษฐกิจดีแล้วมาแข่งกับตัวเม กาเอง อย่างที่หลายๆคนเข้าใจว่าเป็นเหตุให้เกิดการปิดล้อมจีน จริงๆเมกาเองเค้าก็มองจีนเป็นคู่ ค้า เมื่อคู่ค้ามีเศรษฐกิจดีขึ้นก็มีกำลังซื้อสูงขึ้น ก็จะต้องการของที่มีคุณภาพสูงขึ้น ง่ายๆคือคนละกลุ่มลูกค้ากัน ไม่ว่าในแง่ไหนก็เป็นผลดีกับตัวเมกาทั้งนั้น(ตัว เมกาเองเค้าไม่อุ้มธุรกิจที่มันไม่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดอยู่แล้ว ไม่เหมือนไทยอีกตามเคย) ดูง่ายๆได้จากประเทศที่เคยเป็นเบ๊เก่าๆของเมกา ที่เค้าให้เน้นทางด้านเศรษฐกิจเติบ โต(แล้วประเทศนั้นก็โตขึ้นเร็วจริงๆ) จนเป็นคู่ค้ากันจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยเห็นว่าเค้าจะมีนโยบาลอะไรที่ไปทำลายระบบเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เลย แต่ที่เห็นกันประจำก็คือการล่าทรัพยากร(คิดว่าจีนมียังไม่พอใช้เลยไอ้ ทรัพยากร จะล่าจริงๆก็ล่าเรานี้แหละ) แล้วคิดว่าไม่ใช้น้ำมันด้วยหละนะ หมู่เกาะสแปรตลีย์ ก็เป็นแหล่งเหตุอ้างเท่านั้น
ส่วนเรื่องตั้งฐานในไทยหลายคนคิดว่าไม่ดี ไม่ได้ หรือให้เป็นกลาง(ซึ่งจริงๆก็อยาก) ผมก็คิดต่าง กองทัพน่าจะออกตัวไปเลยว่าให้ตั้ง เพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะแสดงสถานะอะไร แต่เป็นใครที่จะได้รับการสนับสนุนจากเมกาให้เป็นหัวโจกในแถบอาเซียนนี้ ซึ่งไทยโอกาศเริ่มน้อยไปทุกที


โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 09/06/2012 07:20:29


ความคิดเห็นที่ 7


คุณ potmon ครับ  มันเป็นมุมมองอีกด้านที่น่าสนใจมากครับ  แต่วันหลังขอตัวหนังสือใหญ่หน่อยนะครับอ่านไปได้ครึ่งหนึ่งน้ำตาไหลครับ ปวดตา ต้องหยุดอ่าน แล้วค่อยกลับมาอ่านอีกครึ่ง  ขอบคุณมุมมองดีๆครับ(ใครจะทุบหม้อข้าว ประเทศคู่ค้าตัวเอง)

โดยคุณ jeab2511 เมื่อวันที่ 09/06/2012 09:42:18


ความคิดเห็นที่ 8


ผมว่าคุณ Potmon มีมุมมองที่ เปิดทางไปสู่คำอธิบายที่กระจ่างชัดยิ่งขึ้น แล้วครับ..ขอบคุณมากครับสำหรับความคิดเห็นที่ดีมีประโยชน์ครับ

ชาติพันธมิตรที่ "เมกา"เลือกเป็นหลักก็ชัดเจนครับ ว่าเป็น"สิงคโปร์ " (ซึ่งเป็นอดีตพันธมิตร ที่ร่วมมือ กับ"ยิวเมกัน" โจมตีค่าเงินประเทศไทย

เมื่อปี 40 แล้วเข้าใช้อำนาจ อิทธิพลเข้ากดดันประเทศไทย ไม่ให้สามารถกำหนดนโยบายทางเศษรฐกิจ และการเงินที่เป็นตัวของตัวเองได้

แล้วเข้าซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ในราคาที่ต่ำ จนทำให้รัฐนบาลไทยต้องรับภาระหนี้อยู่ในทุกวันนี้ และต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 40-50 ปีข้างหน้า)

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 12:45:02


ความคิดเห็นที่ 9


พวก "ขอม" ก็คงมีความมั่นใจที่จะใช้นโยบายขัดแย้ง และเผชิญน่ากับไทยมากขึ้น เมื่อมีผลประโยชน์

ร่วมกับ "ไอ้กัน" มากขึ้นๆ

"ไอ้กัน" ก็ค่อนข้างมันใจว่ากลุ่มอาเซียนนี่ มันสามารถเข้าเทคโอเวอร์ได้เลย โดยไม่ต้องเป็นสมาชิก

แค่ใช้นโยบายทางการเมืองที่ตัวเองถนัด คือ"สร้างเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ จะได้โกยแบบประหยัด"

ที่เหนือชั้นหน่อย เรียกว่าบินมาสูง มาแบบเหนือเมฆเข้ามาเป็นสมาชิกแบบกิตติมศักดิ์ ได้เลยแบบ

"ลอยมากลางอากาศ" เรียกว่า "อำนาจกลาง ที่ทุกประเทศ ต้องเคารพ ในความคิดเห็น"

เกมณ์ นี้ ถ้าไม่ฉลาด ไหวไม่ทัน คิดไม่ได้ เสร็จ มันแน่ ครับ

ชาติที่อาศัยผลประโยชน์นี้ แบบเต็มๆ คือ "ลอดช่อง" ที่จะได้เศษเนื้อที่เรี้ยราดตกค้างอยู่

สิ่งที่เราจะต้องคิดคือ "แสวงหาประโยชน์ จากเกมฑ์นี้ให้เจอ แล้วเก็บให้ได้" ครับ

ไม่ต้องกลัว เราต้องสู้ต่อไป ครับ ตาปที่ยังมีชีวิตอยู่

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 13:04:24


ความคิดเห็นที่ 10


สิ่งที่จะต้องทำต่อไป ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การดึง อินเดีย จีน และรัสเซีย เข้าสู่กิจกรรมหลัก

ในภูมิภาคนี้ ครับ    ซึ่ง"ญวน" สามารถดึง "อินเดีย" "รัสเซีย" เข้าสู่ภูมิภาคได้เป็นอย่างดี

สำหรับไทยสามารถดึงได้ทั้ง "อินเดีย" "จีน" และ "รัสเซีย" เข้ามาสู่กิจกรรมในภูมิภาคนี้ได้เช่นกัน

ส่วน"ลอดช่อง" คงมุ่งสานประโยชน์ กับ"ไอ้กัน" เป็นหลัก

การปรับถ่วงดุลอำนาจ ของมหาอำนาจ ในภูมิภาคนี้ ควรดำเนินการเพื่อไม่ให้ มีมหาอำนาจในภูมิภาค

เหลืออยู่เพียงชาติเดียว..ครับ

 

 

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 09/06/2012 13:27:59


ความคิดเห็นที่ 11


อ่านบทความของท่าน potmon  แล้วได้รู้ข้อมูลอีกด้าน ที่เรามองไม่เห็น ผมว่า การเข้ามาของอเมริกาในภูมิภาคนี้ มันต้องมี

อะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ  นี่จึงเป็นโจทย์ ที่เราต้องตีให้แตก

ถ้าคิดว่าจะมาทำสงครามกับจีน ผมคิดว่าอเมริกาคิดผิดอย่างแรง เพราะจีนไม่เคยไปก่อการร้ายกับอเมริกา โดยพื้นฐานสิสัยคนจีน

ก็คล้ายๆคนไทย คือ ไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่ ถ้าใครมารุกราน ยอมสู้ถวายชีวิต

... นี่จึง เป็นข้อที่เราต้องตระหนัก ว่าจะอยู่ข้างใหน หรือ อยู่ตรงกลาง  ที่ผ่านมา คบอเมริกา เราได้อะไรบ้าง คบจีนเราได้อะไรบ้าง

เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด ส่วน อเมริกาปัญหากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนตกงานหลายล้านคน ปัญหายาเสพย์ติดเพียบ

ชาวตะวันออกกลางอพยพเข้าอเมริกาเป็นพลเมืองอเมริกาหลายล้านคนแล้วเรียกร้องสิทธิผลประโยชน์ต่างๆจนเป็นภาระของรัฐบาล

พวกอเมริกาใต้อพยพเข้าไปก็เยอะ จากที่คนผิวดำอ้างเหตุการเหยียดผิว เป็นที่มาของชาวผิวดำเข้าไปกุมอำนาจธุรกิจใหญ่ๆ

หรือ ดำรงตำแหน่งใหญ่ๆทางราชการเยอะขึ้นทุกทีๆ จนชาวผิวขาวเริ่มอึดอัด ความคิดแตกแยกเรื่องผิวยังมีอยู่คู่อเมริกาต่อไป

.. ส่วนจีน เราคบกับจีนมานานมาก คนไทยเชื้อสายจีนและลูกหลานเชื้อสายจีน มีอยู่ค่อนประเทศ เชงเม้งที แทบจะปิดประเทศฉลอง

ในขณะที่ อเมริกาโจมตีค่าเงินบาท แต่ จีนยังยกขโยงมาท่องเที่ยวประเทศไทย ยางพาราเรา ตลาดจีนน่าจะใหญ่ที่สุดแล้วมั๊ง

จีน เสนอมาสร้างทางรถไฟความเร็วสูง พร้อมวางระบบแถมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ด้วย  ส่วนอเมริกา ไม่ยอมขายเครื่องบินรบและอาวุธใหม่ๆ

นักธุรกิจอเมริกา มากอบโกยๆ จนหนำใจ แล้วก็บินกลับประเทศ ส่วนนักธุรกิจจีน มาทำธุรกิจบ้านเราจนร่ำรวย ส่วนมากจะปักหลักอยู่ไทยเลย

ได้เมียไทย ลูกหลานก็กลายเป็นคนไทย  ส่วนอเมริกา มีลูกกับคนไทย มันก็ให้ถือสัญชาติอเมริกาอยู่ดี ( ส่วนมาก )

ยุค จคม. ที่เบตง คนจีนพวกนี้ ก็คอยเป็นกันชน การรุกรานของมาเลย์

อเมริกา มัวแต่ ระแวงจีนยกขโยงกันมาแถวนี้ ป่านนี้ พวกปากีสถาน อิหร่าน พัฒนานิวเคลียร์ไปถึงใหนแล้วก็ไม่รู้ สร้างเสร็จเมื่อไหร่ คงจะยิง

ไปตกอเมริกาซัก 20-30 ลูก เพราะพวกตะวันออกกลาง เกลียดอเมริกา ยิ่งกว่าขี้ก้อนสุดท้าย.. อิอิ

.. ทีนี้ คิดดูแล้วกัน ว่าเราจะคบใคร

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 09/06/2012 13:59:25


ความคิดเห็นที่ 12


นั่นสิครับเราต้องมาดูว่าหมากเกมส์นี้คณะผู้บริหารประเทศของเราจะตามเขาทันไหม หรือจะอ่านเกมส์ของเขาขาดแค่ไหนครับ

ประสพการณืจากปี 40 คนไทยยังจำได้กันหรือไม่ คณะผู้บริหารยังจำได้หรือไม่แล้วจะเอามาเป็นบทเรียนเพื่อก้าวต่อไปได้

หรือไม่ เราอย่าเอียงข้างไดข้างหนึ่ง ควรเอียงซ้ายทีขวาที เพื่อดูว่าข้อเสนอของแต่ละด้านเป็นอย่างไร เพื่อให้เราไม่เป็น

หมูในอวย ของใคร เงื่อนไขของเราก็ต้องชัดเจน คนหมู่มากได้ผลประโยชน์ ไม่ใช่กระจุกอยู่แค่ไม่กี่กลุ่ม........

โดยคุณ ALPHA001 เมื่อวันที่ 09/06/2012 16:32:59


ความคิดเห็นที่ 13


"ไอ้กัน" วิ่งหนีเปิดก้น  ออกจากภาคพิ้นอาเซียนแผ่นดินใหญ่  อย่างสมัครใจไปมากกว่า 30 ปีแล้ว

การพยายามกลับเข้ามาใหม่  ก็ต้องประชาสัมพันธ์  กันยกใหญ่ถึง พละกำลังของกองทัพกันหน่อย

ดูๆ ไปแล้ว กองทัพอันยิ่งใหญ่นี้ก็ สวนสนานได้สวยงามดีอยู่  ครับ

แต่ผานทรัพยากรโลกแบบ โคตร โคตร เลย ครับ

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 10/06/2012 01:02:00


ความคิดเห็นที่ 14


ผมคิดว่า จีนก็กำลังชั่งใจอยู่เมือนกัน ว่าอเมริกาจะเอาไง  ถ้าจะแค่เข้ามาขู่เฉยๆ จีนคงไม่กลัว

อเมริกา จะออกตัวทำสงครามกับจีน ก็คงไม่กล้าร้อยเปอร์เซนต์ เพราะ กองทัพจีนมี 10 ล้านคน

การจะทำสงครามกับจีน รับประกันได้ว่า อเมริกาจะบาดเจ็บอย่างสาหัส ยิ่งกว่าเคยรบกับเวียดนาม

หรือ การทำสงครามในตะวันออกกลาง

แต่ ถ้าให้ผมเดา .. อเมริกา กำลังวางแผน ทำลายค่าเงินของประเทศต่างๆแถบอาเซียน

โดยเฉพาะไทย เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางของอาเซียน ไทยล้มเมื่อไหร่ ทุกประเทศในอาเซียน

จะล้มตามเป็นโดมิโน  เหมือนที่อเมริกาเคยทำมาแล้วในหลายปีก่อน ไทยล้ม จีน ญีปุ่น ก็เซเหมือนกัน

ดังนั้น .. นโยบาย เศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง ทำให้เราไม่บาดเจ็บมาก ต้องเตรียมรับมือให้ดี

โดยคุณ soda77 เมื่อวันที่ 10/06/2012 01:36:26


ความคิดเห็นที่ 15


ขอเสริมอีกนิดนะครับ ชื่นชม สมเด็จพระเทพมากๆ เรื่องแนวทางความสัมพันธ์กับจีน(แล้วก็น่าด่า รบ.ไทย ด้วย ไม่เห็นเคยทำอะไรเลย ทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่า ตัว รบ.จีนเค้านั้นอยู่นานมากๆ) ดูๆมีคนเชียร์จีนเยอะนะครับซึ่งเค้าก็มีข้อดีจริงๆ(แต่ก็สายไปในหลายๆด้านหละนะ) จริงๆเรื่องว่าจะเข้าข้างใคร ผมว่าเราน่าจะเข้าข้างตัวประชาคมอาเซียนอะ(เรื่องเก่าๆต้องชั่งมันไปก่อน) การจะเป็นผู้นำคน ผู้นำกลุ่ม มันจะยากก็ต้นเริ่มต้นนี้หละ แต่ถ้ากล้า แล้วก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เด๋วก็จะมีคนตามคุณมาเอง ปัญหาเรื่องหมู่เกราะสเปรตลี่ย์ เป็นวิกฤตของกลุ่มอาเซียนก็ว่าได้(สมาชิกอาเซียนครึ่งหนึ่งเป็นคู่กรณีกันหมด)กับ จีนด้วย ถ้าเราที่เป็นสมาชิกเองยังไปเข้าข้างจีนอีก อาเซียนที่ยังไม่ได้เริ่มเลยก็จบทันที แถมโอกาสดีๆแบบนี้หายากมากที่อาเซียนครึ่งหนึ่งเป็นคู่กรณีกัน เรามีโอกาศเป็นคนนำแก้ปัญหานี้ได้(ทั้งการเมือง และการทหาร) คิดง่ายๆ คือ เป็นหัวหมาดีกว่าหางมังกร แต่จะทำได้ต้องมีเพาเวอร์พอ(เมื่อก่อนสบายแต่ตอนนี้กากลงเยอะ)ซึ่งตอนนี้เรา ไม่มี ฉนั้นเรื่องตั้งฐาน เช่าฐาน ของ เมกา มีประโยชน์ในกรณีนี้(ในเมื่อเค้ามาแน่ น่าจะใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุด) แต่ถ้าจีนถอดใจอาเซียนก็เกิดยากอีก

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 10/06/2012 11:43:57


ความคิดเห็นที่ 16


 potmon "แล้วก็น่าด่า รบ.ไทย ด้วย ไม่เห็นเคยทำอะไรเลย ทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่า ตัว รบ.จีนเค้านั้นอยู่นานมากๆ"

-------------------------------------------------------------------------------------------

ผมขอถามหน่อยครับ tablet เราซื้อกับใคร
เราเริ่มโครงการ รถไฟความเร็วสูง มีจีนสนใจร่วมลงทุน

 

ขอถามว่า ไม่เห็นเคยทำอะไรเลยนี่ เป็นเพราะท่านไม่ไม่ทราบข่าวเองรึเปล่า
และความสัมพันธุ์ มิใช่แค่ด้านการทหารอย่างเดียวนะท่าน

โดยคุณ houi เมื่อวันที่ 10/06/2012 15:03:53


ความคิดเห็นที่ 17


ตอบคุณ : houi

 

ขอถามว่า ที่เคยเห็นทำอะไรนี่ เป็นเพราะท่านทราบข่าวมาเองรึว่ามีคนบอกมาต่อๆ(หรือคิดไปเอง) และ ความสัมพันธุ์ มิใช่แค่ด้านการทหารอย่างเดียวนะมันก็จริง แต่ท่านยกตัวอย่างเป็น tablet ไม่ค่อยจะใช้ความคิดสักเท่าไรอะ สมมุตินาย ค. เป็นรัฐบาล สั่งซื้อ ไม้จิ้มฟัน 2 กล่อง จาก บ.กากกล้วยของชาวอเมริกา ก็แสดงว่ารัฐบาลของนาย ค. ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลอเมริกาแล้วเหรอครับ มันเป็นแค่การซื้อขายกันระหว่างองค์กรกับองค์กรเท่านั้น ต่างจากการซื้อขายอาวุธ ที่ตัวรัฐบาลกับกองทัพเป็นคนอนุมัติ หรือก็คือรัฐกับรัฐ ซึ่งซื้อขายอาวุธไม่เหมือนกับไม้จิ้มฟันที่ใครๆก็ใช้เป็น อาวุธต้องมีแลกเปลี่ยนทั้งบุคคลกรและการศึกษาอบรม ความสัมพันธ์ของบุคคลกรที่เป็นเจ้าที่รัฐมันจะอยู่ไปจนตายนั้นแหละ ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูง ผมจำได้ว่าตอนแรกเริ่ม มี 3 สาย(วิ่งเข้ากรุงเทพ)เท่านั้น เงินก็จะไม่พออยู่แล้ว ตัวรัฐบาลจีนเองต่างหากที่เป็นคนเสนอตัว ขอเข้ามาร่วมทุน(เพราะพี่แกสร้างมาถึงลาวแล้ว) รัฐบาลไทยได้แค่ ยืนงงๆ แล้วก็ตกลงดูโครงการว่าอาจต้องสร้างอีก 2 สาย แถมตังก็ไม่มี(จะมีได้ไงก็ตรูไม่ได้เป็นคนคิด) จนอาจต้องเอาที่ดินการรถไฟไปใช้เป็นทุนแทน ถ้าติดตามเรื่องนี้มาอย่างที่คุณ houi อ้าง จริงๆ แล้วให้เครดิตว่า กรณีนี้เป็นผลงานของรัฐบาลไทยที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทยจีนมันดีขึ้น(ผลงาน รัฐบาลจีนชัดๆนะผมว่า) ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วยแล้ว ทั้ง tablet รถไฟความเร็วสูง รวมกันยังสู้เรื่อง แพนด้า ไม่ได้เลย(จริงๆคนทำสำเร็จก็ไม่ใช่ รัฐบาลไทยนะ)

โดยคุณ potmon เมื่อวันที่ 10/06/2012 16:42:10


ความคิดเห็นที่ 18


ผมว่ารัฐบาลไทย ก็คงพยายามสร้างสมดุลย์ในความสัมพันธ์ ทุกๆ มิติ ละ ครับ...

ทั้งในมิติเกี่ยวกับ "อาเซี่ยน" และมิติเกี่ยวกับ "หมีแพนด้า" และมิติของ "หมาจิงจอก"

แต่มันคงไม่ง่ายอะไรนักละ ครับ..   ไอ้เมืองปินคนในเวบบางคนมันก็กล่าวหาว่าเราฝักใฝ่ "หมีแพนด้า"

ซึ่งเป็นสิทธิของเราครับ เพราะเราไม่มีศัตรู แต่ของมันได้รับความช่วยเหลือ "เครื่องจักรโยธา" จากหมีแพนด้าได้ไม่นาน

ก็โวยวายเรื่องเรือประมงจีน เข้าไปหาปลาในเกาะ "หินโสโครก สคาโบโร" เสียแล้ว

หมีแพนด้า คงไม่สนใจจะไปยึดเอาเกาะหินโสโครก แน่ๆ "เมืองปินก็รู้ดี" แต่เป็นเกมส์ที่มีไฟร์บังคับให้ต้องเล่น

เพื่อได้รับความช่วยเหลือ อาวุธจากลูกพี่เก่า  เรียกว่าเค้าทันเกมส์ดีมาก ครับ

ว่าแต่เค้าจะทวงหมีแพนด้า เรา..คืนเมื่อไหร ? น้า......

 

โดยคุณ airy เมื่อวันที่ 10/06/2012 16:48:21


ความคิดเห็นที่ 19


กลิ่น ตุตุ  
:) 

โดยคุณ InFerNo เมื่อวันที่ 10/06/2012 22:07:42


ความคิดเห็นที่ 20


โดยความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมมองว่า การที่จีนประกาศผนวกทะเลจีนใต้ บริเวณหมู่เกาะสแปรตลี่ย์ที่เป็นรูปตัวยูนั้น ส่วนหนึ่ง (ส่วนหนึ่งนะครับ) เพื่อเป็นพื้นที่ด่านหน้าสำหรับป้องกันกองทัพเรือของมะกัน กรณีที่เกิดการสู้รบกันจริง เพราะถ้ามะกันใช้เรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาทางทะเลจีนใต้ บริเวณสแปรตลีย์ได้ก็จะสามารถโจมตีได้สะดวก การที่ประกาศพื้นที่ทางทะเลเพิ่ม ข้อดีคือ มะกันต้องตั้งกองเรือออกไปไกลฝั่งมังกรมากขึ้น เพราะฉะนั้นความสามารถของมังกรที่จะสะกัดกั้นขีปนาวุธจากลูกยาวของมะกันก็จะมีระยะเวลาในการดำเนินการมากขึ้น ในส่วนของญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ เวลามังกรรบกันมะกันจริง ๆ (น่าจะไม่ถึงนิวเคลียร์) คงจะไม่ร่วมด้วยด้วย เพราะไม่คุ้มค่าที่ต้องเอาตนเองไปเสี่ยงด้วย อย่างมากก็คงแค่แอบส่งความช่วยเหลือให้มะกัน หรือให้มะกันใช้พื้นที่เท่านั้น เพราะตนเองก็มีผลประโยชน์กับมังกรมหาศาล

โดยคุณ boonn1234 เมื่อวันที่ 11/06/2012 11:16:53


ความคิดเห็นที่ 21


ที่ผมแย้ง ผมแย้งประโยคที่ว่า  "ไม่เห็นเคยทำอะไรเลย" นะครับ จึงให้ข้อมูลโต้แย้ง
การค้าขาย การเป็นเรื่องความสัมพันธุ์ครับ จะมากจะน้อยมันก็มี เพราะฉนั้นก็มีทำบ้าง มิใช่ไม่ทำอะไรเลย

 

การให้ความเห็นแบบสุดโต่งแบบนี้ จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มันไม่มีใคร ดีไปซะหมด และทำแต่แย่ๆ ตลอด

และในการทำทุกเรื่องต้องมีเหตุผลในการกระทำ เหตุผลในการไม่ซื้ออาวุธ เหตุผลในการซื้อ tablet

อะไรที่สุดโต่งแบบนี้ จะทำให้ webboard ดุ ขึ้นมาก น่ากลัวครับ

โดยคุณ houi เมื่อวันที่ 11/06/2012 15:08:20


ความคิดเห็นที่ 22


ผมว่าพอกัน อเมริกากับจีน ต่างกันทีอเมริกาเอาปรียบอย่างเห้นชัดๆๆ จีนทำเป็นดีแต่แสบดูกรณึแม่น้ำโขงเราจะเห็นตัวตนของจีนได้ดึ  รัฐบาลไทยทำถูกแล้วที่พยายามหันไปอิงอาวุธ hitechจากสวีเดนซึ่งผมคิดว่าอำนาจต่อรองน้อยกว่าจีนหรือusa

ส่วนเรือแบบใหม่ของ usa ระวางขับน้ำมากกว่า๑๐๐๐๐ตัน สร้างจำนวนมากจะเอาเงินที่ไหนครับ คงสร้างได้ไม่กี่ลำหรอกครับ แต่ผมมั่นใจว่าของเขาดีจริง เรื่องคิดเครื่องมือเอาไว้ฆ่ากันไม่มีใครสู้ usa ได้ครับ

เรื่อง usa จะซัดกับจีนทั้งแบบเล่นๆหรือเต็มที่  ผมว่าโอกาศเกิดได้ยากมากๆ เพราะจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของ usa เอกชนจีนไปลงทุนใน usa และ usa ไปลงทุนในจีน เป็นญาตเกี่ยวดองทางผลประโยชน์ ยากที่จะมีเรืองกัน คงจะมีแค่ บลัฟกันไปมา หรือสงครามเศรษฐกิจคงแค่นั้น

teeraphong

โดยคุณ trai เมื่อวันที่ 13/06/2012 23:35:22