Stingray Light Tank of the Royal Thai Army (photo : Aekz-53)
http://defense-studies.blogspot.com/2012/05/thailand-will-increase-defense-spending.html
GOOGLE TRANSLATE
TSAMTO - ประเทศไทยมีแผนจะเพิ่มการใช้จ่ายป้องกันประเทศในปีงบประมาณ 2013 ประมาณ 7% - ถึง 180,800,000,000 บาท (5.7 พันล้านดอลลาร์) ตามที่คณะกรรมการงบประมาณของรัฐบาลงบประมาณทางทหารในปีงบประมาณ 2013 7.5% ของการใช้จ่ายภาครัฐทั้งหมดหรือประมาณ 1.45% ของ GDP
ตามที่ "อุตสาหกรรม Janes กลาโหม" ในปีงบประมาณ 2013 ที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคมปี 2012 กับความต้องการของกองทัพบกจะถูกส่งไปยังประเทศประมาณครึ่งหนึ่งของการจัดสรรสำหรับการจัดสรรการป้องกันประเทศ กองทัพบกจะไค้ 88,800,000,000 บาทกองทัพเรือและกองทัพอากาศ - 35,200,000,000 และ 33,900,000,000 บาทตามลำดับ
ส่วนที่เหลืออีก 13,000,000,000 ล้านบาทจะได้รับการจัดสรรระหว่าง Royal Guard กระทรวงกลาโหมและสถาบันกลาโหม Technologies (DTI)
เงินทุน DTI ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 จะเติบโตมากที่สุด - 35% (ไม่เกิน 1.2 พันล้านบาท) ขั้นตอนนี้จะดำเนินการภายใต้การนำของความพยายามของประเทศไทยที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการวิจัยในด้านการป้องกันประเทศ ในการป้องกันองค์กรวิจัยในประเทศไทยที่ได้รับความสำเร็จบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2011 ผลิตต้นแบบของ DTI MRL ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า 302 มม. -WS-1 ที่ผลิตในประเทศจีน (สถาบันที่ได้มาของโครงการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในประเทศจีนในปี 2009)
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่งผลให้น้ำท่วมรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2011, การสูญเสียของประเทศจำนวนเกือบ 50 พันล้านดอลลาร์ที่นำ countrys GDP ในปี 2011 จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1%
ในเวลาเดียวกันตามความคิดเห็นของ Aprils "แนวโน้มเศรษฐกิจโลก" ผู้เชี่ยวชาญด้านการกองทุนการเงินระหว่างประเทศเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าสองปีข้างหน้า ตามที่คาดการณ์จีดีพีของไทยจะเติบโต 5.5% ในปี 2012 และ 7.5% ในปี 2013
ผมยังงงว่าดุลการค้าของเรายังติดรบอยู่มาก แต่อัตรา GDP กับโตสวนทาง โดยประเทศไทยขาดดุลการค้ามากที่สุดคือน้ำมันกับชิ้นยานยนต์และสินค้าพวกอิเล็กทรอนิกส์(หาดูได้ในสำนักเวปหอการค้าไทย)
GDP = ค่าจ้างและเงินเดือนลูกจ้าง + รายได้เจ้าของธุรกิจส่วนตัว + กำไรของบริษัท (รายได้ผู้ถือหุ้น) + ดอกเบี้ย (รายได้เจ้าหนี้) + ค่าเช่า (รายได้เจ้าของสินทรัพย์) + ภาษีธุรกิจทางอ้อม + ค่าเสื่อมราคา + รายได้สุทธิของคนต่างชาติในประเทศ
**ค่าGDP ไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านลบที่เกิดจากการผลิต บริโภค และการกระทำด้านลบของคนและธรรมชาติ
ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม GDP ของประเทศเราสูง แค่รายได้เจ้าของธุรกิจ และ กำไรบริษัททั้งของไทยและต่างชาติก็มากโขเเล้วครับ ทั้งที่การส่งออกเราน้อย
ดูมาจาก วิกิครับ
บางอย่างมันก็ต้องซื้อใจกันครับ....................ต้นลีลาวดีปลูกที่บ้านออกดอกสีขาวนวนสวย แต่มันก็โตบนกองขี้วัวครับ.....................................
ทบ. ได้ เกือบ 90,000 ล้านบาท ทร.ได้ 35,000 ล้าน ทอ.ได้แค่ 34,000 ล้านเท่านั้น ทอ.+ทร.ได้งบยังไม่ถึง 70,000 ล้านเลยด้วยซ้ำ
ดูงบประมาณทหารแล้วเห็นชัดเจนถึงความไม่สมดุลกันระหว่างเหล่าทัพ ทั้งๆที่ภัยคุกคามทางทะเลและทางอากาศสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลประโยชน์ทางทะเลก็สูงมากซะจนขีดความสามารถทร.แทบจะดูแลไม่ไหวแล้ว ในขณะที่กำลังทางอากาศในสงครามยุคใหม่คือตัวชี้ขาดในสงคราม แต่งบเท่านี้! ไม่แปลกที่ต้องลดฝูงบินลงและยังต้องทนใช้เครื่องเก่าๆต่อไป ในขณะที่เพื่อนบ้านขยายขีดความสามารถทางอากาศและกำลังทางทะเลกันขนานใหญ่ ไม่เหมาะสมจริงๆครับกับสถานะการณ์ใหม่ที่กำลังคืบคลานเข้ามา
ถ้างบทร.และทอ.ได้ขนาด 55,000 - 60,000 ล้านบาท น่าจะเหมาะสมกว่า แม้กำลังพลน้อยกว่าทบ.มาก แต่ราคายุทโธปกรณ์ของทั้งสองเหล่านั้นมีราคาแพงระยับ เป็นอย่างนี้ต่อไปขนาดของกองทัพเรือและทัพอากาศต้องลดขนาดลงจนน่าใจหายแน่
งบที่ทบได้มากกว่าเนี่ยเขาคิดเรื่องเงินเดือนทหารรวมด้วยเปล่ครับและคิดเรื่องค่าบำรุงรักษาอาวุธรวมด้วยใช่ไหมครับ
สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อจาก ทร. เป็น กองเรือทหารบก แล้วก็ย้ายทอ. ไปไว้กองบินทหารบก เผื่อจะได้งบเยอะขึ้น