หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


หนักๆทั้งนั้นเลย ไทยเราว่าอย่างไร??

โดยคุณ : konthairakchart เมื่อวันที่ : 14/05/2012 09:24:17

ไม่ท้อซูเปอร์เจ็ตชนเขา อิเหนายันซื้อ Su-30 เซ็นรถถังอีก $144 ล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2555 15:15 น.

เครื่องบิน Su-30MK2 ไม่ได้ระบุวันและสถานที่ถ่าย อินโดนีเซียยังคงแผนการจัดซื้อเครื่องบินรบของซูคอย (Sukhoi) รุ่นนี้ต่อไป แม้ว่าเครื่องบินโดยสาร "ซูเปอร์เจ็ต 100" รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายนี้จะบินชนภูเขาในเกาะชวาไปหยกๆ ในสัปดาห์นี้ก็ตาม อินโดนีเซียจัดซื้อ Su-30MK2 อีก 6 ลำ มูลค่า 470 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ครบฝูง 16 ลำ โดยเซ็นสัญญาซื้อขายในงาน "อาร์มส์โชว์" ที่เกาะลังกาวีของมาเลเซียปลายปีที่แล้ว. --ภาพ: RAI Novosti.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- อินโดนีเซียยังคงเดินหน้าโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบซูคอย-30 (Su-30MK2) ต่อไป ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารซูเปอร์เจ็ต 100 ของซูคอยบินชนภูเขาบนเกาะชวาในวันพุธ 9 พ.ค.นี้ก็ตาม

ขณะเดียวกันในวันศุกร์ 11 พ.ค. กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้เซ็นสัญญาซื้อรถถังแบบ BMP-3F จากรัสเซียเป็นมูลค่า 144 ล้านดอลลาร์ หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินซเวิน (Quân đội Nhân dân) หรือ "กองทัพประชาชน" ในเวียดนามรายงาน

หนังสือพิมพ์ของกระทรวงกลาโหมเวียดนามตีพิมพ์เรื่องนี้ในเว็บไซต์โดยอ้างรายงานของสำนักข่าวเวียดนามพลัส ที่อ้างการเปิดเผยของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคร่วมรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกรรมาธิการกลาโหมที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้

นายมาห์ฟุดซ์ ชิดดิก (Mahfuds Shiddiq) แห่งพรรคจัสติสพรอสเพอริตี (Justice Prosperity Party) หรือ PKS กล่าวในวันศุกร์ว่า การจัดซื้อเครื่องบิน Su-30MK2 จากรัสเซีย มูลค่า 470 ล้านดอลลาร์มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการป้องกันประเทศให้ทันสมัย และขบวนการในรัฐสภาใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว

อุบัติเหตุที่เกิดกับซูคอยซูเปอร์เจ็ต เกิดขึ้นได้กับทุกสายการบินและกับเครื่องบินโดยสารทุกรุ่น โดยมีหลากหลายสาเหตุแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเทคโนโลยี สภาพภูมิอากาศในขณะนั้น รวมทั้งความผิดพลาดด้านบุคคล และการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยการบินอีกด้วย นายชิดดิกกล่าว

อินโดนีเซียจัดทำโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบ Su-30MK2 ตั้งแต่ปี 2553 และเซ็นสัญญาซื้อในเดือน ธ.ค.2554 ในแผนการจัดซื้อให้ครบฝูงจำนวน 16 ลำ

ปีที่แล้วอินโดนีเซียได้รับมอบเครื่องบินรบ Su-30MK2 จำนวน 3 ลำ กับ Su-27SKM อีก 3 ลำ ตามแผนการจัดซื้อมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านั้นได้รับมอบ Su-27SK จำนวน 2 ลำ กับ Su-30MK อีก 2 ลำ เป็นลอตที่สั่งซื้อในปี 2546 รวมเป็นเครื่องบินรบตระกูลซูคอยในประจำการปัจจุบันทั้งหมด 10 ลำ โนวอสติกล่าว
.


รถถังเบาแบบ BMP-3 ของกองทัพบกรัสเซียระหว่างงานสวนสนามในปี 2551 เป็นภาพจากวิกิพีเดีย แต่รุ่น BMP-3F Series 2 สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกปฏิบัติการในน้ำได้นาน 7 ชั่วโมง ติดปืนใหญ่ 100 ม.เท่ากัน แต่ติดระบบควบคุมการใหม่ยิงจากน้ำอย่างแม่นยำ สัปดาห์นี้อินโดนีเซียเซ็นซื้อยานเกราะรุ่นนี้จำนวน 37 คัน มูลค่า 144 ล้านดอลลาร์.



จรวดนำวิถีพื้นสู่พื้นสำหรับทำลายเรือรบแบบ SS-N-26 หรือ P-300 "ยาโค้นต์" (Yakhont) มูลค่าหน่วยละ 1.2 ล้านดอลลาร์ ที่กองทัพเรืออินโดนีเซียซื้อเข้าประจำการแทนจรวดฮาร์พูนรุ่นเก่าที่ผลิตในสหรัฐฯ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถัดจากเวียดนามที่มีจรวดประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้ประจำการ. -- ภาพ: RAI Novosti.
.
ระหว่างงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ในกรุงจาการ์ตา เดือน ต.ค.2553 อินโดนีเซียได้เซ็นสัญญาซื้อจรวด รวมทั้งกระสุนและลูกระเบิดรวมมูลค่า 54 ล้านดอลลาร์ สำหรับติดเครื่องบินรบตระกูลซูคอยของกองทัพอากาศ โนวอสติรายงาน

อินโดนีเซียเริ่มเป็นลูกค้าอาวุธของรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2542 หลังจากสหรัฐฯ ไม่ยอมขายอาวุธให้ในช่วงปีดังกล่าวจนถึงปี 2546 โดยอ้างการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศนี้ แต่แม้ว่าเอ็มบาร์โกจะถูกยกเลิกไปแล้ว อินโดนีเซียก็ยังซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

ตามรายงานของกวนโด่ยเญินซเวิน กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียเปิดเผยในวันศุกร์ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทโรโซโบโรเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทส่งออกอาวุธของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เพื่อซื้อรถถังสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก BMP-3F ซีรีส์ 2 จำนวน 37 คัน ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถปฏิบัติการในน้ำได้นานถึง 7 ชั่วโมง ติดอาวุธปืน 100 มม. ติดระบบควบคุมการยิงจากน้ำที่ทันสมัยและมีความแม่นยำสูง

คาดว่าฝ่ายรัสเซียจะเริ่มส่งมอบรถถังจำนวนดังกล่าวให้กับฝ่ายอินโดนีเซียในเดือน มิ.ย.นี้เพื่อนำเข้าประจำการในกองทัพเรือ กวนโด่ยเญินซเวินกล่าว

สำนักข่าวโนวอสติรายงานในขณะเดียวกันว่า กองทัพเรืออินโดนีเซียยังเป็นลูกค้าจรวดนำวิถีต่อต้านเรือแบบยาโคนต์ (Yakhont) หรือ SS-N-26 อีกด้วย โดยจัดซื้อจากรัสเซียในปี 2550 ราคา 1.2 ล้านดอลลาร์ต่อหน่วย และไม่มีการเปิดเผยจำนวนที่ซื้อ

การทดลองยิงระหว่างฝึกซ้อมทางเรือในมหาสมุทรอินเดียในเดือน มี.ค.ปีที่แล้วได้ผลดี จรวดใช้เวลา 6 นาที ร่อนไปจมเรือเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 250 กม.อย่างแม่นยำ โนวอสติกล่าว

อินโดนีเซียเป็นเพียงประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากเวียดนามที่มีจรวดนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำยาโค้นต์ประจำการ ส่วนเวียดนามมีระบบป้องกันทางทะเลบาสเตียน (Bastion) อันทันสมัย ที่ใช้จรวดยาโค้นต์เป็นกำลังหลัก ในประจำการอีกด้วย .





ความคิดเห็นที่ 1


SS-N26 ยาคอน์ท เป็นแบบให้ บรามอส เอาไปก็อปปี้  

- ระยะยิงไกลสุด 160 ไมล์ หรือ 254 กิโลเมตร เอามาซ้อมยิงที่ 250 กิโลเมตร โชว์เพาว์เหมือนบรามอส ชอบเอามายิงโชว์ที่ 280-290 กิโลเมตร ส่งเสริมการขายสุดๆ เหมือนๆกัน

- ราคาถูกกว่าบรามอสเกือบ 3 เท่า ระยะยิงน้อยกว่านิด และความเร็วน้อยกว่าหน่อย นํ้าหนักช่างแล้วเท่ากัน

- ผมว่าไทยคงไม่สนใจ เป็นอาวุธที่หนัก(รุนแรง)ไป ต้องติดตั้งกับเรือฟรีเกตขึ้นไป และยังอิงกับแบบข่ายการสื่อสารและดาวเทียวบอกตำแหน่งรัสเซีย

 

ถ้าให้น่าสนใจตอนนี้ น่าจะเป็น SS-N-27 CLUB-S ที่ติดตั้งกับเรือดำนํ้ากิโลมากกว่า หรือ SS-N-27 CLUB-N ที่ติดตั้งในเรือ(เพื่อโจมตีเรือ หรือที่หมายฝั่งทางยุทธศาสตร์) เพราะอนาคตจะยิงได้ไกลกว่า เบากว่า ติดตั้งได้มากกว่า หลากหลายภาระกิจกว่า อิอิ 

โดยคุณ pipat2000 เมื่อวันที่ 14/05/2012 09:24:17