เวลาที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่พิเศษเช่นชายแดนหรือพื้นที่ที่ประกาศกฏอัยการศึก เอาเป็นว่าพื้นที่และเวลาที่กฏหมายรับรองผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่นั้นและเวลานั้นจะได้อายุราชการทวีคูณ ยกตัวอย่างทหารคนหนึ่งรับราชการเป็นเวลา40ปีแต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่พิเศษเป็นเวลารวม10ปีก็จะมีอายุราชการรวมเป็น50ปี เวลาเกษียณอายุราชการออกมาจะได้รับบำนาญเท่ากับเงินเดือนสุดท้ายเลย แต่ต้องหักวันลาทั้งหมดในการรับราชการออกจากอายุราชการด้วยนะครับ

เคยถามภรรยาท่าน พล.อ.อ ท่านบอกได้ 50000

อันดับแรกต้องทราบก่อนครับ ว่าท่านนั้น เป็นผู้รับบำนาญตามกฎหมายใด คือ เป็นสมาชิก กบข. (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) หรือไม่ได้เป็นครับ ซึ่ง ผู้รับบำนาญตามกฎหมาย 2 ฉบับนี้ สูตรคำนวนไม่เหมือนกัน

แต่จากที่ท่านพูดว่า มี "ลดลง" ด้วย จึงสันนิษฐานว่า ท่านเป็นสามชิก กบข. ครับ ที่ว่าลดลง คือ ลดลงจากการคำนวนตามสูตรคำนวนบำนาญของผู้ที่ไม่ได้เป็น กบข. นั่นแหละครับ 

ส่วนเรื่องการได้รับวันทวีคูณ ก็เป็นอย่างที่ท่าน Oldman กล่าวไว้ครับ แต่มีเงื่อนไขอีกประการคือ นอกจากจะมีการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว คณะรัฐมนตรีจะต้องมีมติให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว มีสิทธิได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณด้วยครับ ถ้ามีการประกาศอย่างเดียว แต่ ครม. ไม่มีมติ ก็จะนับวลาทวีคูณไม่ได้ครับ เหมือนคราวรัฐประหารครั้งล่าสุด ขรก. พลเรือนก็ไม่ได้ทวีคูณครับ (เหมือน ขรก ทหารจะได้ แต่อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ)

   ขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ สำหรับเงินบำนาญถ้าอายุราชการ + วันทวีคูณ ไม่ถึง 50 ปี เงินบำนาญก็ต้องลดลงจากเงินเดือนสุดท้ายครับ  ส่วนท่านที่เป็นสมาชิก กบข.จะใช้สูตรการคำนวณ โดยคิดเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายเป็นฐานสำหรับการคำนวน และยังมีข้อกำหนดอีกว่า ทั้งนี้หลังจากการคำนวนแล้วจะต้องไม่เกิน 70 เปอร์เซนต์ ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย แต่ผู้ที่เป็นสมาชิก กบข. จะได้รับเงินก้อนจากการฝากสะสม + จากรัฐสมทบ เข้ากองทุน แต่ช่วงที่ผ่านมา กองทุนมีสภาวะขาดทุน เวลารับจริงเงินเลยหายไปบ้าง(เงินก้อน)