.........ผม..modpong...เพิ่งมา..สมัครเป็น..สมาชิกใหม่..สดๆร้อนๆ..
...เพราะมีสาเหตุ..มาจาก..ผมsearch..คำว่า"กุรข่า"...แล้วมาพบว่า
...ที่นี่..มีคนสนใจ..เรื่องนี้อยู่..พอสมควร....
......ผมเคยเขียน..บทความเรื่องนี้..มาแล้ว..แต่แทรกปน..อยู่กับ..บทความ..พระเครื่อง
..ไม่ได้แยก..หัวข้อมา..เด่นชัด...และมีความยาว..พอสมควร...
....เนื้อหา..เริ่มจาก..สงครามของ..กุรข่า.กับ..อังกฤษ..ไล่ลงมาจน..ถึง..สงครามโลก
ครั้งที่ ๒ เป็นหลัก..และมียุคปัจจุบัน..แทรกเล็กน้อย...บทความนี้..ผมเขียนขึ้นเอง..
โดย...เริ่มศึกษา..เบื้องต้นมาตั้งแต่..ยังไม่มี..อินเทอร์เน็ต..ข้อมูลทั้งหมด..เป็นจาก
ต่างประเทศทั้งหมด..ทั้ง..เนปาล..อังกฤษ..และ..อีกหลายที่...
.....บางส่วน..เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน...ผมก็จะมีการเสริมบ้างเล็กน้อย..ให้เหมือน
กับ..ผู้อ่านอยู่ในเหตุการณ์จริง..แต่รายละเอียด..คงหลักฐานตามจริงไว้..ครับ..
....แล้วทำไม..ผมถึงมาสนใจ..เรื่องนี้...มันเกิด..ขึ้นมาร่วม ๓๐ ปีแล้ว(ปัจจุบัน..ผม
อายุ ๕๘ ปี)...ทั้งๆที่..ผมไม่ได้เป็นทหาร..หรือ..นักเขียน....
....ผมจะมา..เล่าให้ท่านฟังต่อ..พรุ่งนี้..ครับ....
.....................สวัสดี................................
น่าสนใจมากครับ รออ่านอยู่นะครับผม ^__^
ยินดีต้อนรับครับ รออ่านอยู่ครับ
จะรอติดตามอย่างใกล้ชิดครับ
....ขอบคุณ..คุณ DPPU..และ..คุณ aunna...ที่สนใจ..
..และ..ติดตาม..ครับ...
..ผมมันคนรุ่นเก่า...รูปแบบ..หรือ..ลักษณะการถ่ายทอด..เรื่องราว
..อาจไม่สะใจ..คนรุ่นใหม่..ก็..ขออภัยไว้..ล่วงหน้า..แล้วกัน..นะครับ
...ขอโทษที..ผมตกชื่อ..คุณ atith27009..ไปอีกคน..ขอบคุณครับ
...ถ้าใครมีความกรุณา..ช่วยบอกผมหน่อยว่า...
..ข้อความ..ของผมที่postไปแล้ว..แล้วจะกลับมา..แก้ไข..
...จะต้องกดปุ่มไหน..เพราะ..ผมไม่เห็น..ปุ่ม"แก้ไข"..เลยครับ
..ขอบคุณล่วงหน้า...
เว็บนี้ ไม่มีปุ่ม Edit-แก้ไข หรอกครับ
ถ้าคุณพิมพ์ข้อความยาวๆ หรือ จะเขียนเรื่องยาวๆ ซักเรื่อง หลังจากที่เขียนเส็จแล้ว ก่อนที่จะโพสให้ก๊อบปี้ไฟร์ไว้ เพราะเว็บนี้-ล็อกอินบ่อยมาก ถ้าคุณไม่ก๊อบปี้ไว้ สิ่งที่คุณอุสส่าเขียนมาตั้งนาน-จะหายไปในพริบตา
บางครั้ง ผมก็เสียอารมณ์เหมือนกันนะ อุสส่าเขียนมาตั้งนาน พอกด OK เท่านั้นแหล่ะ สิ่งที่เขียนมา-หายไปกะสายลม
หรือ ส่ิ่งที่เราอุส่าเขียนมา-พอโพสขี้นแล้ว บางทีมีคำตกหล่นบ้าง-เขียนถูกผิดบ้าง ลืมส่วนสำคัญ จะหาปุ่ม Edit เพื่อแก้ไข = ไม่มี
มันไม่มี หรือ ผมหามันไม่เจอเองหว่า...???
....ผม..เขียนข้อมูล..ไปรอบนึง..แล้วลงไม่ได้..บอกว่า
id invalid งงมากครับ
แนะนำให้ เขียนใส่ word ไว้ก่อนแล้วค่อยนำมาวาง จะดีกว่าครับ เพราะอาจจะหลุดได้ จะได้ ไม่เสียเวลา ครับ สู้ๆครับ รออ่านอยู่ครับผม ^^
...เรื่องที่..ผมจะเล่าต่อไปนี้..บางท่านที่เคยทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว..แล้วบางข้อมูลนั้น
ไม่ตรงกับ..ของผมโปรดอย่าแปลกใจ..ครับ..เพราะ..
...ผมใช้ข้อมูล..ของทั้ง..เนปาล..และ..อังกฤษ..แล้วเอามาวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือ..
และ..ความน่าจะเป็น..เนื่องจาก..อังกฤษนั้น..เป็นผู้เผยแพร่..ข้อมูลต่างๆให้กับโลก..
ตัวเอง..บางอย่างก็ต้องคงไว้เพื่อ..ศักดิ์ศรี..ความมีชื่อเสียง..และ..ผลประโยชน์...
..เมื่อผู้อ่านที่เป็นคนชาติอื่น..มาอ่าน..อย่างในวิกิพิเดีย..เป็นต้น..ก็จะได้..รับทราบ..
ข้อมูลนั้นๆไป..ทำให้ความจริงบาง
อย่างคลาดเคลื่อนได้...เหมือน..อย่างประวัติศาสตร์ไทย..ที่เป็นภาษาอังกฤษ..แต่เขียน
โดยฝรั่ง..นั่นแหละครับ...คนชาติอื่นมาอ่าน..เขาก็อ่านของฝรั่ง.....
....ผมเอง..ไม่อยากจะนำมา..เผยแพร่แบบชุ่ยๆ..แบบแปลเขามา..ผิดถูกไม่รู้..แล้วก็เอามา
ให้อ่านกัน..................
......ก็เลยขอทำความเข้าใจซะก่อน.....แล้วเราก็มาเริ่มกันเลยครับ..
.................................................................................................
............เมื่อพูดถึง..เนปาล..มันมีเรื่องนึง..ที่น้อยคนมาก..จะรู้ส่วนนี้..ความจริงมันไม่ใช่
เรื่องลับ..แต่คนไทย..รูแค่ว่า..เป็นที่ประสูติพระพุทธเจ้า..เป็นที่ตั้งของยอดเขาสูงที่สุดในโลก
..แค่นั้น...ไอ้เรื่องนี้..ทำให้ผม..หน้าแหก..มาแล้วสมัยเรียนที่..ญี่ปุ่น..เพื่อน..ผม(ค่อนข้างสนิท
กัน)..เป็นคนเนปาล...วันหนึ่ง..พวกผม(หลายชาติ)..นั่งคุยเล่นกัน..พอดี..มีเพื่อนที่เป็นพวก..
อเมริกาใต้หลายคน..มี๒คนมาจากประเทศเดียวกัน..บอกว่า..พรุ่งนี้มันจะฉลองวันประกาศ
เอกราช..จากเสปน(วันชาติ-Independent day(วันประกาศอิสระภาพ))...ผมก็เลยหันไปถาม
ไอ้เนปาลเพื่อนผมว่า..แล้ววันประกาศอิสระภาพของมึง..วันไหน(ความเข้าใจ..และความหมาย
..คือ..ประกาศอิสระภาพจาก..อังกฤษ..เหมือนอย่างเพื่อนบ้าน..อินเดีย..ปากี..บังคลาเทศ)..มัน
..บอกผม..ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ..ว่า..ประเทศกู..ไม่มีวันประกาศอิสระภาพ..เพราะไม่เคย..
เป็น..เมืองขึ้นใคร...ไอ้ผมละ..งง..เลย..แล้วยังมีหน้าไปพูดเถียงกับมันอีกว่า..อ้าวประเทศมึง..
ไม่ใช่เมืองขึ้นอังกฤษ..เหรอ..มันหัวเราะ..แล้วบอกผมว่า..อย่างไอ้พวกอังกฤษ..มันไม่มีความ
สามารถ..มาเอาชนะคนเนปาลได้หรอก...มึงกลับไปอ่านประวัติศาสตร์โลกใหม่ไป๊...
..............ผมก็เลยต้อง..ขอโทษมัน...ในใจก็คิด..เดี๋ยวกูกลับไปเมืองไทย..แล้วจะกลับไปอ่าน
ใหม่..ถ้ามึงตอแหลกู..กูจะเขียนจดหมายไปด่ามัน(..ผมไปญี่ปุ่น..ประมาณปี๒๕๒๗..ยังไม่มี
Internet..ครับ).......ผมกลับมาก็ไม่ลืม..ไปค้นหนังสือในห้องสมุดเลย..เพราะมันคาใจ...
.............จริงครับ..จริงของมัน..แถมเลยชื่นชม..ในชนชาติ..ของมัน..และ..ชนชาติเผ่าใหญ่
ที่สุดของมัน..ในความกล้าหาญ..และเก่งกาจ...”กุรข่า”..สมัยอังกฤษ..ปกครองอินเดีย..ได้ยิน
คำนี้..ถึงกับ..หนาวขี้..เพราะอะไรเหรอครับ...ต้องอ่านเรื่องที่ผมจะเล่านี้......................
..........ขออภัยด้วยที่นอกเรื่อง..แต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ...ผมpost..รูปอาวุธประจำกาย..ของ
..ชนชาติกุรข่า..ทิ่ติดอันดับ๑ใน๑๐..อาวุธประจำกาย(ที่ไม่ใช่ปืน)ที่ดีที่สุดในโลกมาด้วย
...นั่นคือ..”คูครี(KUKRI)”..ที่แม้ในปัจจุบัน..ทหารกุรข่าทุกคน..ที่อยู่ในส่วนต่างๆของโลกจะ
ต้องพกติดกายตลอดเวลา....ถือซะว่า..เปลี่ยนบรรยากาศ..แล้วกัน
........................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................................
...............................................สวัสดี.......................................................................
...เรื่อง..คูครี..ในรูป..จะมีรายละเอียดเล่าในภายหลังครับ...
ส่วน..ภาพล่างทหารรับจ้างกุรข่าของกองทัพอังกฤษ..สังเกตที่หน้าหมวก
จะมีสัญญลักษณ์..เป็น..คูครี๒อัน..ไข้วกัน...
.....ขอขอบคุณ..คุณparadox...ที่แนะนำครับ....
....ขอขอบคุณ..คุณseetha 456 ...ด้วยอีกคนนึงครับที่แนะนำมา...
น่าสนใจมากเลยครับ รออ่านอยู่ครับคุณ modpong :)
.........ผมว่า..หลายคน..คงงง..ที่ในรูป..มี..มีด ๓ เล่ม...
...อันนี้..เรียกว่า..เป็นชุดครับ...คือ..อันใหญ่..คือ..คูครี..
..ไอ้ลูกกะเปี๊ยก..๒..อันนั้น...ไม่ได้ทำหน้าที่..โดยตรง..
แบบมีด..ทั่วไป...
.....อันที่อยู่ตรงกลาง..สึกมากกว่า..อันล่าง...
....อันนั้น..เอาไว้.ลับมีด คูครี..โดยเอามาขูดที่..คมมีด..
.....อันล่าง..เอาไว้..ขูดกับ..หินเหล็กไฟ(FLINT)..เพื่อให้เกิดประกายไฟ
ให้ไปติด..เชื้อไฟที่เตรียมไว้..ก่อกองไฟได้....
....ทั้งหมดนี่..จะอยู่ในซองมีด..อันเดียวกัน..เรียกว่า..ครบชุด..ครับ
...เอาแค่นี้ก่อน...รายละเอียดอื่น..ผมจะมีอยู่ในเรื่อง..ต้องตามอ่านไปครับ
ดีใจมากครับที่มีผู้มาให้ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องเนปาล(ประเทศปาลวัตรในละครช่อง3วันนี้)และนักรบกูรข่าเพราะผมชอบอยู่ทั้งสองอย่าง ผมเคยมีมีดคูกรีแล้วแต่ไม่ถูกใจเลยขายไปรอจังหวะจะหาใหม่ที่ถูกใจแตไม่เอาทั้งชุดใช้เล่มใหญ่เล่มเดียวพอ ผมก็เพิ่งทราบว่าเนปาลก็ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครเหมือนกับเราและญี่ปุ่น น่าภูมิใจเทนคนเนปาลจริงฯ ผมจะคอยอ่านต่อไปครับ
......ขอบคุณครับ..คุณOLDMAN(..คงแก่..เหมือนๆผม)........
..พอดี..เรื่องมันเริ่ม..ในยุคไม่มีอินเตอร์เน็ต..ทำให้ผม..ต้องลงทุน..
ไป..หอสมุดแห่งชาติ..ก็เลยอ่านต่อเนื่อง..อีกอย่าง..พ่อผม..ก็ชื่นชอบ
..พวกกุรข่า..เป็นทุนเดิม(..ท่านเป็น..ทหารบก..หน่วยรบครับ)..ผมก็ไม่รู้
ว่าท่านไปเอา..แบบมาจากไหน..สั่งตี..มีดคูครี..มา ๑ เล่ม..เมื่อซัก ๕๐ ปี
มาแล้ว..ผมเห็นตั้งแต่เด็ก..และเอามาเล่นด้วย..มันก็เลยมีความรู้สึก..
ผูกพัน..(ทั้งรูปทรง..ขนาดเหมือน..ของต้นตำรับเลย)..
.............ทีแรกแรก..ข้อมูล..ก็ไม่ได้ลึกมาก..แค่พอรู้..ตอนหลัง..พอมี
อินเตอร์เน็ต..เรื่องนี้กลับมาเข้าสมองอีกครั้ง..คราวนี้ก็..ตะลุยเลย..
..แต่เสียเวลา..เยอะครับ..ในการเอาข้อมูลหลายๆแหล่ง..มาประเมิน...
วิเคราะห์..แล้วค่อยทำเป็น..บทความขึ้นมา.....
....ด้ามที่ผมลงรูปไว้นี่..เก่าแก่..สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ครับ...
...ขอบคุณ..ทุกท่านที่postมาทุกท่าน..รวมถึงผู้สนใจติดตามทั้งหลาย
ก็มาว่ากันต่อเลยครับ...
............ก็มาว่าเรื่อง..ยอดชนชนชาติ..ผู้กล้าหาญเกรียงไกร(ระดับ..อินเตอร์)..”ชนชาติกุรข่า
(Gurkha)”...กันต่อ..................(..อันนีเพราะความชอบ..ผมจะศึกษาเกี่ยวกับ”กุรข่า”..เยอะ
มาก..จากหนังสือ..และสื่อหลายอย่าง..ไอ้ที่ผมจะเล่านี่เป็นแบบ..ย่อ..เท่านั้น)
........................หลังจากที่..อังกฤษยึดครองอินเดีย(สมัยนั้น..ปากีสถาน..และ..บังคลาเทศ..
ยังไม่แยก..จากอินเดีย)..มันก็มี..ชาติอยู่ชาติหนึ่ง..ที่ไม่ยอมให้อังกฤษ..ยึดครอง..ก็คือ..เนปาล
...........อังกฤษเอง..ทีแรกยังไม่ได้ยึดหมด..กะเอาไว้ทีหลัง..เพราะ..เนปาล..อยู่ในภูมิประเทศ
ที่เป็นที่สูง..และเป็นขุนเขา(หิมาลัย)..จะเอาง่ายๆ..เหมือนพวกแขกอินเดีย..คงยากหน่อย...
เพราะการรบ..ส่วนที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง..คือ..การส่งกำลังบำรุง..ฉะนั้น..อังกฤษจึงต้อง
..เคลียร์..พื้นที่รอบๆ..ให้เสร็จซะก่อน..เพื่อป้องกันการตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง...เมื่อพวกแขก
อินเดีย..สิโรราบ..โดยดีแล้ว..คราวนี้..นักล่าอาณานิคมผู้รอบคอบ..อย่างผู้ดีอังกฤษ..ก็เริ่มวาง
แผน..เข้ายึด..เนปาลต่อ..เพราะพร้อมแล้ว..แถมกำลังมหาศาลอีกต่างหาก(..เพราะเล่นเกณฑ์
..พวกทหารแขกอินเดีย..มาเข้ากรมกองด้วย)..คงคิดว่าอาจยากหน่อย..แต่..ขนาดพม่า..อินเดีย
..ลังกา..ยัง..ขนมกรุบ..ไอ้นี่เล็กนิดเดียว...ก็ไม่เหลือ............................................
.............ก็ตั้งแต่..เริ่มทางเจรจาก่อน..ตามสไตล์...ทางเนปาลเขาไม่โง่..เพราะเห็นเพื่อนบ้าน
ยังไม่เหลือซาก..พม่า..อินเดีย..ก็เริ่มจากการค้า..มาก่อน..กษัตริย์เนปาลก็คงคิดว่า..มึงคงคิด
ว่ากูปัญญาอ่อนละซิ..เนปาล..ก็ให้ความสัมพันธ์หรือมีข้อตกลงแบบ..น้อนๆผิวเผิน..เรียกว่า..
อังกฤษ..แย็บไป..แต่เนปาลปัดได้หมด..ผู้สำเร็จราชการอินเดีย(คนอังกฤษ)แทนควีนอังกฤษ
..ก็คงรำคาญ..และยัวะ..เพราะไม่เคยมีใครมา..ปฎิเสธผู้ยิ่งใหญ่อย่างอังกฤษมาก่อน...จึงระดม
พล(ความจริง..ก็เตรียมจะเล่นเค้าอยู่แล้ว)ใหญ่..แถมได้ทหาร(บังคับให้)กล้า(ไป)ตายอินตะระ
เดีย..ที่ยิงปืนไปส่ายหน้ายักคอไป..จำนวนมหาศาล..เดินทางขึ้นเหนือ..ไปเพื่อบุกยึดแบบหน้า
ด้านๆ(เหมือนที่..ทำกับประเทศอื่นๆ..อ้างโน่น..อ้างนี่ไปเรื่อย)...................
.........ส่วนกษัตริย์เนปาลในยุคนั้น(ไม่อ่อนแอเหมือน..ในยุคหลังๆต่อมา..จนถูกโค่นในที่สุด)
..ที่กล้าท้าชนอังกฤษ..เพราะมั่นใจ..ในนักรบของตน..ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน..ขนาด
พวกมหาราชอินเดีย..ทหารเยอะเยะ..ยังไม่ปัญญายึดได้..ก็เพราะชนชาติภูเขา..เผ่าที่ใหญ่ที่
สุด..ที่เรียกกันว่า..กุรข่า..ดำรงชีพอยู่บนภูเขา..และที่ราบเชิงเขา..ตัวไม่ใหญ่...แต่แข็งแรง..
มาก..อดทน..อย่างไม่มีชาติไหนมาเทียม..ความที่อยู่บนที่สูง..ระดับมากกว่า..๒,๐๐๐ เมตรขึ้น
ไป..ทำให้มีปอดพิเศษ..เหนื่อยยาก..ทั้งวันไม่มีน้ำกินเลย..ก็รบได้..ที่พิเศษจริงๆ..ก็คือ..การรบ
ในระยะประชิด..เพราะเป็นกฎของเด็กผู้ชายกุรข่าทุกคน..ที่พอโตขึ้นมาหน่อย..จะต้องฝึก..
การต่อสู้..เพราะเขาภาคภูมิใจ..ใความเป็นชาตินักรบ..ของตัวเอง...ทั้งแบบมือเปล่า..และมีอา
วุธ..โดยเฉพาะ..อาวุธประจำชาติที่ผู้ชายทุกคนต้องพก(..ปัจจุบัน..ในเขต..ที่เป็นชุมชน..ที่อยู่
ของพวกกุรข่านั้น..ผู้ชายก็สามารถพก”คูครี”..ได้เพราะเป็นวัฒนธรรม)..คูครี..เป็นมีด..ที่ได้
ผ่าการพัฒนามาจาก..บรรพบุรุษกุรข่า..มาจนลงตัว..ได้รูปทรง..สัดส่วน..น้ำหนัก..และเนื้อโลหะ
..ที่สมบูรณ์แบบ..มาเป็นหลายร้อยปี..ไม่ต้องพัฒนาต่อ..(พวกฝรั่ง..ที่เป็นนักวิชาการเรื่องมีด
และดาบ..นำเอา”คูครี”..ไปวิเคราะห์ในทุกด้าน..ยังต้องยอมรับว่า..เป็นอาวุธสังหารที่สมบูรณ์
ที่สุด..คือทั้งที่..ฟันแทงได้แบบดาบ..ยังใช้ในระยะประชิดตัวมากๆแบบมีดได้..ที่บนใบมีด...
ออกแบบร่องไว้๒ร่อง..เมื่อแทง..แล้ว..เลือดจะตกใน..ตายแน่นอน...ที่ยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข
คือ..เป็นอาวุธขว้าง..ที่ดีที่สุดในโลก..สามารถฆ่าให้ตาย..ในระยะ๒๐-๓๐ หลา..อย่างแน่นอน
..เพราะรูปทรง..และน้ำหนัก..ลงตัวนั่นเอง..ส่วนเนื้อก็เป็น..เหล็กกล้าอย่างดี..ไม่แพ้ดาบซามูไร
.....ไม่ยอมรับได้ยังไง..ก็พวกอังกฤษ..มันโดนลองมาเอง..ทั้งหัวแบะ..หัวขาด..ใส้ขาด..)..ใน
“คูครี”ครบชุด..ที่มีซองหนังอยู่ด้วยนั้น..จะมีที่บรรจุ...ลูกมีด..อีก ๒ ด้าม(KardaและChakmak
..ซึ่ง..เอาไว้เอนกประสงค์..รวมทั้ง..ขูดลับคม”คูครี”..และ..เอาขูดกันแทนหินเหล็กไฟ..จุดไฟได้
)..จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด..ไม่ได้....”คูครี”..ไม่สามารถ..จะใช้เวลา..ปี..๒ ปี..ที่จะฝึกโดยชำนาญได้
เด็กกุรข่า..เลยต้องฝึกแต่เด็ก..ทั้งกระบวนท่า..การใช้..ฟัน..แทง..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง”การขว้าง
“...ที่ถือเป็น..หมัดเด็ด..เพราะส่วนใหญ่ศัตรูจะนึกไม่ถึง..เทคนิคการขว้าง”คูครี”..เป็นเฉพาะ
ตัว..ไม่เหมือนขว้างมีด..อย่างอื่น..เพราะเน้นจุดตาย..คือขว้างแล้วต้องมั่นใจว่า..ตาย..หรือ..
เกือบตาย..เพราะต้องเข้าไปเก็บมีดกลับมา...(ความแรงเมื่อ”คูครี”เข้ากระทบช่องอก..สามารถ
หักกระดูกซี่โครง..แล้วเข้าไปจมมิดได้เลย...ความแรงพอๆกับ..ขว้างด้วยขวาน..แต่ขวานไม่สา
มารถจม..เข้าไปในร่างกาย..และสร้างการทำลาย..และบาดแผลเท่า”คูครี”)...ส่วน..ในการฟัน
หรือแทง..เป็นข้อผิดพลาดใน..การประเมินคู่ต่อสู้..อย่างใหญ่หลวง..ของทหารอังกฤษ(หรือ
..แม้..จะเป็นชาติอื่น..ก็ตาม..ทั้งตุรกี..เยอรมัน..อิตาลี..อเมริกาใต้..อัฟกานิสถาน...ฯลฯ)เพราะ
เห็น.”คูครี”สั้นกว่า..ดาบ..แต่หารู้ไม่ว่า..เนื่องจากกูรข่า..ตั้งแต่โบราณกาล..ไม่ค่อยใช้..ดาบและ
..หอก..ก็ถนัด..แต่”คูครี”..ซึ่งจะต้องรบกับอาวุธยาว..มาตลอดทั้ง..หอก..ดาบ
..ทวน..กระบวนท่าการใช้..จึงออกแบบไว้รับมือ..กับอาวุธยาว..เป็นหลัก..เมื่อเข้าระยะประชิด
..ทั้ง..ทหารแขก..ทหารอังกฤษ..ใช้ดาบปลายปืน..เสียบกับปืน..ซึ่งก็เหมือน..หอกดีๆนี่เอง..
นายทหารอังกฤษ..ซึ่งทรงไว้ด้วยศักดิ์ศรี..จะใช้ดาบประจำตัว(ซึ่งฝึกการใช้มาอย่างดี)...ด้วย
ความยาวอาวุธ..ฝรั่งเห็น..กุรข่า..ชัก”คูครี”..ออกมาคงขำกลิ้ง...แต่ผลตอนจบ..คือ..DEAD..
เท่านั้น..ไม่เหลือครับ..เพราะกุรข่า..ไม่ชอบจับเชลย.(คงไม่อยากเปลืองข้าว)..............
..ทหารกุรข่า..เตรียมเข้าโจมตี..ทหารญี่ปุ่น..ในพม่า..สงครามโลกครั้งที่๒..
...คูครี..แบบ..และ..ขนาดต่างๆกัน..
...ลักษณะ..การพกพา..สำหรับเครื่องแบบปกติ...
ในภาพ..เป็น..หน่วยทหารกุรข่า..ในกองทัพอังกฤษ....
.....................................................................................
...วันนี้ยาวหน่อย..เป็นการประเดิม....
.............ต่อตอนหน้าครับ............
...............สวัสดี.............................
.....แถมให้..อีกรูปครับ..การฝึกเข้าสังหารศัตรู..ด้วย..คูครี
..ของหน่วยกุรข่าในกองทัพอังกฤษ......
เรื่องราวชอบ โอเคเลยครับ ขอถามนิดเดียว กุรข่าไปสงครามฟอล์คแลนท์หรือเปล่าครับ ถ้าไปช่วยเขียนเรื่องราวต่อด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้ไปไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณที่นำความรู้มาให้ได้อ่านครับ
จะมาบอกว่ารออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ คุณ modpong ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่น่าอ่านนะครับ
..........ขอบคุณ..คุณ..jeab2511..คุณSSA..คุณaunna..ที่ติดตามและให้กำลังใจครับ
....สำหรับ..ที่ถามเรื่อง..สงครามเกาะFALKLAND..นั้น..ทหารกุรข่า..เข้าไปร่วมรบแค่..
๑ กองพัน..ครับ...คือ...
กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบกุรข่าที่ ๗ รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระราชินีอลิชาเบ็ทที่ ๒..
....ก็ไม่เหนื่อยมาก..แต่ก็..ฆ่าทหารอาร์เจนติน่า..ไปหลาย..ส่วนใหญ่..ทหารอาร์เจนฯจะหนี
ซะก่อน..เมื่อรู้ว่าหน่วยที่จะเข้าตี..เป็นทหารกุรข่า..เพราะเข้าใจทั้งถูก..และ..ผิด..
คือ..ที่เข้าใจถูกนั้น..คือ..พวกกุรข่ารบเก่งมาก..โดนถล่มยังไง..ก็ไม่หนี...
ที่เข้าใจผิด(แค่ครึ่งเดียว)..คือ..ถ้าโดนจับได้..จะโดนฆ่า..ตัดคอหมด..ไม่เก็บไว้เป็นเชลย
(มีบางกระแส..บอกว่า..จะถูกกินด้วย..)
....ช่วงระยะการรบ..สั้นมาก..รายละเอียด..สู้สมัยสงครามโลก..ไม่ได้..ผมเลยขออธืบาย
เพิ่มเติมให้..แค่นี้พอ..แล้วกันนะครับ...
...มาว่ากันต่อเลยครับ..ว่ากันด้วยเรื่อง..คูครี..ต่อเลยครับ...
............ท่านทั้งหลายที่เห็น..”คูครี”..แล้วผมว่าแทบทุกคน..คงสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง..คือ..รอยบาก
ที่คม..ใกล้..กับด้ามจับ..ว่ามันคืออะไร..เอาไว้ใช้ทำอะไร.....ส่วนตรงเรียกว่า “โช”(Cho)...
...มันเป็น..ส่วนร่วม..ระหว่างประโยชน์..กับ..ความเชื่อ..ในศาสนา...ส่วนประโยชน์..โดยตรง..
คือ..เนื่องจากลักษณะ..ความโค้งและเว้า..ตลอดความยาวคมมีด..และ..ลักษณะของด้าม...
ต้อง..สังเกตว่า..”คูครี”..เป็นมีดดาบ..ที่..ไม่มี..”โกร่งดาบ”..ซึ่งปกติแล้ว..จะเป็นแผ่นที่กั้นอยู่ระ
หว่าง..ส่วนที่เป็น..ใบมีด..และ..ด้าม..(ทั้ง..ซามูไร..กระบี่จีน..ดาบฝรั่ง..ก็จะมีด้วยกันทั้งนั้น..
..แต่..ดาบไทย..ก็เช่นเดียวกับ..คูครี..คือไม่มีโกร่งดาบเช่นกัน)..เหตุผลที่ไม่มีโกร่ง..ตามความ
เข้าใจของผม...คงมาจากเรื่องความคล่องตัว..ในการกระชากออกมาจากฝัก..ในกรณีของ..
คูครี..ในสมัยก่อน..จะสอดฝักไว้กับ..ผ้าคาดเอว..และอยู่ด้านหน้า..ถ้ามี..โกร่ง..นอกจากมัน..
จะไปค้ำกดที่เอวแล้ว..ตัวโกร่งก็อาจจะ..ไปติดกับเสื้อ..หรือ..ผ้าคาดเอวเอง..ระหว่างเกิดเหตุ
การณ์กระทันหัน..ช้าหรือติดนิดเดียว..ก็อาจตายได้..คุณประโยชน์..ของโกร่งดาบ..มีหลาย
อย่าง..ที่สำคัญมาก่อนคือ..ป้องกัน..อาวุธของคู่ต่อสู้..ที่จะแฉลบ..มาโดนมือ..ระหว่างที่แทง
หรือฟัน..อีกอย่างคือ..มือที่กุมดาบเอง..เมื่อต่อสู้ไปขยับไป..อาจเลื่อน..พ้นด้ามขึ้นมาแล้วนิ้ว
ชี้ที่อยู่บนสุด..อาจจะโดนคมดาบ..บาดเองได้...ซึ่งตรงนี้ทั้ง..คูครี..และดาบไทย..ได้แก้ไว้..
โดย..ของไทย..ส่วนของด้าม..ตอนบน..จะใหญ่กว่า..กลางด้าม..เช่นเดียวกับ..คูครี..แต่..ของ
คูครี..มันมากกว่านั้น..คือ...กลางด้าม..จะยกให้เป็นสันขึ้นมา..เพื่อล็อกไม่ให้มือเคลื่อน..แต่
เนื่องจาก..ด้ามไม่ยาวจับมือเดียว..เวลาต่อสู้ต้องฟาดฟันเยอะ..และต้องใชแรงมาก..อาจเลื่อน
หลุดได้..จึงทำ..ปลายของด้ามให้ผายออกด้วย...เพื่อล็อกมือไว้........
........อีกอย่างหนึ่ง..ที่เป็นประโยชน์..คือ..ระหว่างต่อสู้..ย่อมเป็นธรรมดาที่..ดาบ..จะต้องเปรอะ
ไปด้วย..เลือด..เมื่อยกดาบตั้ง..หรือเฉียงขึ้น..โอกาศที่เลือด..จะไหลลงมาถึง..ด้ามมีมาก..และ
มันจะไหลสู่มือ..ที่กำไว้..เนื่องจากเลือดมันข้น..และมีลักษณะเป็น..เมือก..จึงจะทำให้ด้ามดาบ
ลื่น..ไม่สามารถ..กำ..หรือ..ล็อคไว้ให้แน่นได้..ดาบมีโอกาศหลุดจากมือ..เมื่อถูกแรงปะทะมากๆ
จากดาบคู่ต่อสู้ได้.............................................
...........................นั่นแหละครับ”โช”..จึงทำไว้เพื่อแก้ปัญหา..ไว้ทั้งสองด้าน..ถึงได้ไม่เต็มที่
เหมือนโกร่ง..แต่ก็..ยังดีกว่าไม่มี...แก้ได้แบบไหน..แล้วมันมาเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา
ได้ยังไง..มาจะมาเล่าตอนหน้า..........................................................................
นี่แหละครับ.."โช"..หลายๆแบบ..
....ตำแหน่งของ.."โช"..บนคมมีด..
..............ต่อตอนหน้าครับ.....
..................สวัสดี................
....มาว่า..กันต่อเลยครับ.....
...ด้วยรูปร่าง..การเซาะเว้าเข้าไป..ของ”โช(cho)”..ทำให้เมื่อ..ถือ..คูครี..เฉียงตั้งขึ้น..หรือ..
ขนานพื้น..เลือดที่เปื้อน..ใบมีด..ที่จะไหลตามแรงดึงดูดโลก..ลงมาที่บริเวณ..ด้าม..จะถูกดักไว้
ที่..cho..โดยเมื่อเลือด..มารวมกันอยู่ที่เดียว..เลือดก็จะหยด..ณ..ที่จุดนี้..ไม่ไหลไปถึงตัวด้าม
........ส่วนผลพลอยได้..อีกอันคือ..เวลาที่คุณดูหนังกำลังภายใน..เวลาที่กระบี่ชนกับกระบี่..แล้ว
ทั้ง..พระเอกกับผู้ร้ายใช้แรงกดกระบี่..ตัวเองเข้าหากัน(เป็นการพักเหนื่อย)..แล้วแยกเขี้ยวใส่
กันนั้น..หรือเมื่อรับอาวุธ..ฝ่ายตรงข้ามแล้วมันมันรูดลงหาด้าม..คือถ้าไม่มี..โกร่งดาบ..นิ้วมือที่
กำด้ามด็คงขาดหมด..แต่สำหรับ คูครี..ด้วยลักษณะ..โค้งออก..โค้งเข้า..ของใบมีด..ยิ่งทำให้
อาวุธฝ่ายตรงข้าม..มีโอกาศเลื่อนลงมาหาด้ามง่ายกว่า..อาวุธทั่วไปด้วย..แต่..มันจะลงมาไม่ถึง
ด้ามเพราะ..มันติดอยู่ที่ cho ..ก็จะติดเข้าที่ร่อง..และจะไม่เลื่อนเข้าหานิ้ว..แถมยังสามารถ...
อาจจะงัด..ดาบคู่ต่อสู้..ให้กระเด็นหลุดมือ..ได้ด้วย...........................................
..........ส่วนที่..มาเกี่ยวข้องกับความเชื่อนั้น..ต้องทราบไว้ก่อน..ว่า..พวกกุรข่า..ที่เป็นชาวเขานี้
..ไม่ได้นับถือ..ผี..แบบชาวเขาบ้านเรา..นะครับ..พวกเขาทั้งหมด..นับถือ..ศาสนาฮินดู..ที่มี..
พระศิวะ..เป็นเทพสูงสุด..พระนางอุมา..เมียพระศิวะ..ก็เป็นเทพเช่นกัน..แต่ถ้าในการสงคราบ
หรือ.การรบ..นั้น...ต้องเป็น..ภาคดุร้าย..ของพระนางอุมา..คือ..เจ้าแม่กาลี..การบูชาเจ้าแม่กาลี
....หลายท่านคงทราบ..ว่า..เขาบูชา..หรือ..สังเวย..เจ้าแม่ด้วย...เลือด..ครับ..นั่นเป็นที่มา..แนว
ทางหนึ่ง(..อีกแนวทาง..ว่าเป็นรูป..กีบวัว..พาหนะของพระศิวะ..)..คือ..ถ้าcho..อันไหน..มีเดือย
..ตรงกลางใหญ่..นั่นหมายถึง..เป็นเพศผู้..และเดือยนั้นคือ...ศิวะลึงค์..ถ้าเดือยไหน..สั้น..และ
แคบ..นั่นหมายถึง..เพศเมีย..และเดือยนั้นคือ..โยนี..ของเจ้าแม่กาลี(ทุรคา)..หรือ..พระนางอุมา
นั่นเอง..รูปที่ผมpostไว้..ตอนที่แล้ว..ก็จะมีแบบทั้ง..ตัวผู้..และตัวเมีย...ครับ....................
......วันนี้ผม..แถมรูป..เจ้าชายแฮรี่..ลูกชายคนเล็กของเจ้าหญิงไดอาน่า..กับ..”คูครี”..ประจำ
กาย..ที่ได้จากนายทหารกุรข่าที่มอบให้..ด้วยความยินดี..และบอกว่าท่านสมควรได้ไว้..อีกรูป
..เป็นรูปที่อาฟกานิสถาน..จะเห็น”ด้ามของ..คูครี..ประจำกาย”..โผล่ที่..ด้านหลังท่าน...
....ท่านเคยให้สัมภาษณ์ไว้..ทำนองว่า..”ท่านเองรู้สึก..ปลอดภัย..ไร้กังวล..เมื่อมีทหารกุรข่า
ล้อมรอบตัวท่าน”..ก็คิดดูว่า..เจ้าระดับสูงของอังกฤษเอง..ยังยอมรับ..นับถือ..ในความกล้าหาญ
..ของกุรข่าเลย....และใช้..คูครี..เป็นอาวุธ..ประจำกาย..................................
......ตอนหน้า..เราจะกลับมาเข้าเรื่อง..การรบ..ระหว่าง..อังกฤษ..กับ..กุรข่า..ต่อ...........
ภาพล่างนี่..สังเกตที่ด้ามคูครี..น่าจะเป็นอีกเล่มนึง..ทหารกุข่าที่ประจำ
อยู่ที่อาฟกานิสถาน..ที่อยู่ด้วยกันนี่..คงถวายให้ท่านใหม่..
.....กลับเข้าช่วงยาว..เริ่มต้นที่ๆมา..ของความผูกพัน..จากเริ่ม
..การเป็นศัตรูกัน..อังกฤษ..กับ..กุรข่า....
..............................................กุรข่า..นักรบเลือดดุ......................................................
...........กลับมาที่..เนปาลอีกครั้ง...ตอนนั้น...ฝ่ายอังกฤษ..ได้ส่งทัพไปจาก..ทั้ง..ภาคกลาง..
ภาคตะวันออก..และ..ภาคตะวันตก..ฝ่ายผู้บัญชาการทัพอังกฤษ..ไม่อยากยืดเยื้อ..ทีแรกนั้น
ไม่ได้เน้น..อาวุธหนัก..แค่ปืนยาว..และปืนใหญ่ไม่มาก..ก็คงพอ..เรื่องการบุกเนปาล..ก็ลงใน
หนังสือพิมพ์อังกฤษ..และมีการวิจารณ์..กันว่าน่าจะใช้เวลาไม่กี่วัน..สงคราม..เริ่มเมื่อปลายปี
๑๘๑๔....จากการคาดคะเน..ในตอนแรก..เหล่าทหารราบ(พลเดินเท้า)..อังกฤษมีกำลังพลมาก
กว่า..พวกกุรข่า..ประมาณ ๑๐ เท่า (ใน๑๐ เท่านี้..อังกฤษ..มีปืนยาว..ทุกคน..พวกกุรข่าเอง..
มี..ประมาณครึ่งเดียว)....ทหารปืนใหญ่(๓ คน ปืนใหญ่ ๑ กระบอก)..มีจำนวน..มากกว่า ๑๐๐
เท่า...อังกฤษกระจายทหาร..ตลอดพรมแดนที่ติดกับ..อินเดีย..ประมาณ ๑๕๐๐ กิโลเมตร....
ปิดเส้นทางค้าขาย..ทั้งหมด...(ต้องเข้าใจว่า..พวกเนปาล..นั้นอยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัย..ยาก
จน..การเพาะปลูกน้อยมาก..อาหารการกินส่วนใหญ่ใช้วิธี..ซื้อขายแลกเปลี่ยน..กับอินเดีย..
เกือบทั้งสิ้น...)..ก่อนอื่น..ผมจะบอกว่า..เนปาลเอง..ไม่ใช่เผ่าพันธ์..กุรข่า..ทั้งหมด..เพียงแต่
กุรข่า..จะมีมากกว่า..พวกอื่น..ในกองทัพเนปาลเอง..ยิ่งทางตอนเหนือ..หรือ..ตอนใต้(สิกขิม)
..ไม่ใช่..พวกกุรข่า..ฉะนั้น..เมื่อเปิดการสู้รบจริงๆ..ก็จะมีจุดด้อย..ตามมา.....................
.........ในช่วงแรก..อังกฤษ..บุกหนัก..และสามารถคืบหน้าไปได้..พอสมควร..โดยเฉพาะด้านที่
ไม่ใช่กุรข่า...แต่..เวลาผ่านไปไม่นาน..ทางพวกกุรข่า..ก็เริ่มยันได้..ด้วยความกล้าหาญ...และ
ด้วยชัยภูมิ..ที่อยู่ที่สูงและชำนาญพื้นที่..จนพวกอังกฤษ..ระดมปืนใหญ่เพิ่มเติม..โดยบรรทุก
ใส่หลังช้าง..ขึ้นเขามาถล่ม..ด้านเนปาล..ทรัพยากร..ทุกอย่างก็เริ่มขาดแคลนลง..ส่วนทาง
อังกฤษ..ก็ไม่สามารถคืบหน้าไปได้มากนัก..จนกระทั่งถึง..การยุทธที่DIONTHAL(DIONTHAL
BATTLE)...ที่อังกฤษได้รู้ซึ้งถึง..ความกล้าหาญ..ของพวกกุรข่า......................
........................................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................
((ผมpost รูป..ผู้บัญชาการ..ุขุนพล..และพลรบ..ของกุรข่ามาให้ด้วย)
.............................................ต่อตอนหน้าครับ.............................................
.....สวัสดีครับ..ทุกท่าน..มาว่าต่อกันเลย...
....................................................กุรข่า..นักรบเลือดดุ................................................
.............ความจริง..ผมควรจะเล่าเรื่องข้อมูลต่างๆที่ผมใช้เสียก่อน...ก่อน..ที่จะเล่า..ต่อ.....
.....................เมื่อครั้งแรกที่หา..ข้อมูลนั้น..ก็เป็น..ประเภท..ประวัติศาสตร์โลก...ฝรั่งเขียน..
...ผมเองที่บอก..ว่า..ไม่เคยประมาทเรื่องข้อมูล..เพราะไม่อยากจำอะไร..ผิด..อย่างที่ผมเคย
เล่า..เรื่องหลักการณ์ของผม...ต้องประเมินข้อมูล..ก่อน..ว่าเชื่อถือได้..หรือ..ไม่..ขนาดไหน..
...ฉะนั้น..บางท่านนี่เคยทราบ..หรือ..เคยอ่านเรื่องนี้มา..หรือไปเปิดเทียบใน..net..ก็ตาม..อาจ
พบว่า..ข้อมูลบางอย่าง..ไม่ตรงกับผม...นั่นเพราะผมได้อ่านและกรองมาก่อน..พูดง่ายๆด้วย
การประเมิน..โดยใช้เหตุ..และ..ผล..ประกอบ...ผมประเมินออกมาได้ว่า..ส่วนใหญ่..ตอแหล..
ครับ..(ในรายละเอียด...)...เพราะประวัติศาสาตร์โลก..แล้วมันแยก..มาเป็นประเทศต่างๆ...
อังกฤษ..เป็นผู้เริ่มก่อน..ต่อมาแม้..อเมริกา..จะเอามาทำเองบ้าง..ก็ถือข้อมูลหลักดั้งเดิม..ของ
ที่อังกฤษ..ทำไว้....ผมยกตัวอย่างที่มัน..ตอแหลให้ดู...อย่างพม่า..ประวัติฯช่วง..ที่อังกฤษเริ่ม
เข้ามา..โดยใช้ไอ้บริษัท(ลวงโลก)อีสต์อินเดียที่ความจริงก็คือ..กองทัพอังกฤษภาคธุรกิจ..นั่น
เอง...เข้ามา..บอกเข้ามาค้าขาย..ในเบื้องหน้า..เบื้องหลัง..ทำแผนที่..และสำรวจ..ทรัพยากร..
จุดที่ตั้ง..หน่วยทหาร..คือความจริงตั้งแต่..ตีนเหยียบแผ่นดินพม่า..อังกฤษ(ในนาม อีสต์อินเดีย)
มันก็เริ่มขบวนการ..ยึดประเทศพม่าแล้ว..โดยไอ้พม่าเองไม่เฉลียว... การที่มันจะทำการสำรวจ
อะไรได้โดยอิสสระ..มันจึงเลือก..ค้าไม้..เป็นหลัก..ไม้อยู่ในป่า..ทำให้อังกฤษสามารถทำแผนที่
ประเทศพม่าได้สมบูรณ์..ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๓แล้ว..พอข้อมูลครบทุกอย่างครบ..มันก็เริ่มขบวน
การ..หาเรื่อง..เป็นลูกสูตร..ที่ใช้กับ..อาณานิคมของมัน..คือ..ใช้สัญญาเรื่องสิทธิสภาพนอก
อาณาเขต..ที่ทำกันไว้ตั้งแต่เริ่มเข้ามา..ให้คนในบังคับ..ของมันไปหาเรื่อง..จน..เจ้าของประเทศ
จับ..ไปทำโทษ..แล้วกองทัพอังกฤษ(ซึ่งความจริง..เตรียมตัวไว้แล้ว)ก็อ้างสิทธิว่า..ผิดสัญญา
เอากองเรือ..พร้อมทหารมาข่มขู่..ให้ปล่อยเพราะผิดสัญญา..และเรียกร้อง..ค่าชดใช้..เอาเงิน
แล้วก็..เอาเป็นเมือง(ติดทะเลด้วย)ด้วย..เพราะอะไรรึครับ..ก็เพราะมันสามารถเอา..กองทหาร
มาตั้งเป็นการเริ่มต้น..และตั้งฐานทัพเรือ..ได้อ้างว่า..เพื่อคุ้มครอง..คนของมัน...........
..........เขียนไปเขียนมา..จากกุรข่า..กลายเป็นผู้ดี(จอมโจร)อังกฤษ..ไปได้ยังไงไม่ทราบ.....
............................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................................
(วันนี้..ผมแถม..รูปแผนที่โคตรหายาก..มาให้..ชื่อแผนที่คือ..”อินเดีย..และ.. สยาม”..เป็นยุคที่อังกฤษยึดครองอินเดีย..เห็น”เนปาล”..เป็นสีเหลืองเล็กๆ อยู่..ถูกล้อมไว้..สามด้านเลย..แต่ยังหาญสู้อังกฤษ..แต่ที่สำคัญให้เห็น..ว่าชื่อแผนที่มันฟ้องอยู่..ว่า..ความจริง..อังกฤษ..มันก็อยาก
จะงาบ..สยามใจ..จะขาด........(ขนาดมีประเทศอื่น..อยู่ในแผนที่..ยังไม่สนใจเลย).....
แผนที่..จัดทำปี ๑๙๐๔ (พ.ศ.๒๔๔๗)..หลังสงครามเนปาล-อังกฤษ..ร่วม ๙๐ ปี
........อีกรูป..ผมจะพูดถึงเขา..ตอนเมื่อเรื่องเดินทางไปถึง..นี่คือกุรข่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงคราม
โลกครั้งที่สอง...เหรียญซ้ายมือสุดในแผงที่หน้าอกคือ..VICTORIA CROSS..เหรียญกล้าหาญ
ชั้นสูงสุดของอังกฤษ..เทียบกับ..เหรียญรามาธิบดีชั้นที่๑ ของไทย
ของคุณมากครับเนื้อเรื่องและภาพประกอบเยี่ยมครับ รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
แหม....เรื่องที่ต้องติดตามหลายตอนอย่างนี้ผมอยากให้ติดหมุดจริงๆครับ เดี๋ยวกระทู้อื่นดันลงไปข้างล่างแล้วจะติดตามได้ไม่สะดวก
ผมaddเข้าfavoritesไว้เลยครับ
ติดเป็นซีรี่ย์เกาหลีเลยครับท่าน มีแผ่นผีขายรึเปล่าครับรอไม่ใหวอิๆ
....ขอบคุณ..คุณArtany..คุณaunna..คุณoldman....และคุณHinnoi..ด้วยครับ..ที่
postมา..เยี่ยมเยียน..และติดตาม..ผมต้องขอบอกให้ทราบว่า..
....เรื่องนี้ยาวมาก..ครับ..ผมpost..ครั้งเดียวไม่ได้..ผมก็เลย..ทำทีละตอน..ตามแบบเดิม
..ที่เคยทำมาครั้งแรก...ถ้าจบ..ผมว่า..กระทู้ผม..อาจจะหลุดไป..หน้า ๓ เลยครับ..
......ก็มาว่ากันต่อ..เรื่องความเจ้าเล่ห์..ของอังกฤษ..เชิญเลยครับ......
................พอมามี..เขตปกครองตัวเองในแผ่นดินเขาได้..ก็เล่นแผน ๒ ต่อ..เพราะ..นอกจาก
ครั้งแรก..ที่เจ้าของบ้าน..เสียเงินทำขวัญ..เสียแผ่นดิน(แม้จะนิดหน่อยก็เหอะ)..ให้อังกฤษแล้ว
การค้า..ต้องเปิดเสรีให้อังกฤษ..บางอย่างจะขายให้ชาติอื่นไม่ได้นอกจากอังกฤษ(ผูกขาด)แล้ว
ก็แผน๒ตัวที่สำคัญ..เพื่อจะเปิดแผน๓ ต่อก็คือ..การขอสัมปทาน..กระจายทั่วไปหมด..ตามชาย
ทะเล..อีก..(เพราะจะได้มีท่าเรือขนสินค้า..แต่ความจริงเอาเรือรบมาจอดได้)..สิทธิสภาพนอกอา
ณาเขต..เต็มที่..คนในบังคับอังกฤษ..จะมาจับเอาโทษ..ขึ้นศาลไม่ได้..ในเขตสัมปทาน..อังกฤษ
ป้องกันตัวเองได้..เจ้าของประเทศเข้าในเขตสัมปทาน..ผิด..ก็ต้องได้รับโทษของอังกฤษ.....
...ทหารอังกฤษ.ก็..มีสิทธิไปปกป้องเขตสัมปทานตัวเอง..และตามสัมปทาน..ก็เป็นที่ชุมนุมของ
สายลับ..ของอังกฤษ..เต็มไปหมด..หาข่าว..ตรวจสอบความเคลื่อนไหว..ของ..ทหารเจ้าของ
ประเทศ...แล้วแผนสุดท้าย..ก็คล้ายที่แรก..แต่ตอนนี้ง่ายกว่า..เพราะคนอังกฤษ..มันเกลื่อนไป
หมดแล้ว...หาเรื่อง..ไปเรื่อยๆ..เพราะรู้เดี๋ยวเจ้าของประเทศ..ก็ทนไมไหวไปเอง..ยิ่งพม่า..มัน
หลายเผ่า..หลายแคว้น..ยุยงก็ง่าย..เพราะ..พวกกลุ่มน้อย..มันก็เกลียดพม่าอยู่แล้ว..แล้วเมื่อ
ท่านหม่อง..เจอลูกเล่น..อังกฤษเข้า(ทำกับประเทศต่างๆมามากแล้ว..ชำนาญ)...พอทนไม่ไหว
มีเรื่องปุ๊บ..เรือรบอังกฤษที่พร้อมอยู่แล้ว..ก็วิ่งเข้าแม่น้ำ..พร้อมทหาร..แถมมีพวกเมืองขึ้นพม่า
ช่วย...แล้วมันจะเหลือ..รึครับ..ว่าแล้วพม่า..ก็ถูกผนวกเชื่อมกับ..อินเดีย..เป็นของบริษัทอีสต์
อินเดีย..ไปโดยเรียบร้อย(..กลับไปดู..แผนที่ในตอนที่แล้ว..ก็จะเห็นเป็นสีชมภู..สีเดียวเชื่อม
กับอินเดียไปเลย..)...........................................................................................
..........เวลามันเขียนประวัติศาสตร์..มันก็จะอ้างว่า..ละเมิดสัญญาการค้า..ทำร้ายคนอังกฤษ
(ก็..เขาทนมึง..ไม่ไหวแล้วนั่นแหละ)..ทำร้ายคนในปกครองอังกฤษ..บุกเข้าไปเขตสัมปทาน
...ทำให้..ประเทศอังกฤษทนถูกลบหลู่ไม่ได้(..ตอแหล..แบบนังตัวร้ายในละครช่อง ๗ สีเลย)
...เลยต้องยึดประเทศซะเพื่อสั่งสอน..................................................................
.............ถ้าคุณไปหาอ่านประวัติศาสตร์ช่วงนี้..ที่เขียนโดย..คนพม่า..เรียกว่า..หน้ามือ..เป็น
หลังเท้า..เลย...........ผมจะบอกให้ถ้า..ย้อนไปสัก๓๐ปีก่อน..ประวัติศาสตร์เมืองไทย..ที่อยู่
ในประวัติศาสตร์โลก..มันมั่วไปหมด..เป็นโจ๊กเลย..ที่มีอยู่ในENCYCLOPEDIA..ผมอ่านไปนิด
เดียว..ยังต้องเลิกอ่านเลย..ทนไม่ได้...นี่ขนาดไทย..ไม่ได้เป็นเมืองขึ้น..อังกฤษ..นะเนี่ย..
....ฉะนั้น...ในENCYCLOPEDIA..เมื่อว่าถึง..ประเทศเนปาล...มันก็กลายเป็น..หนังคนละม้วน
.....ขนาดใน..WIKIPEDIA...ปรับปรุงแล้ว..แต่ฝรั่งมันทำ...ก็..ข้ามรายละเอียด..และยังไม่
ได้ข้อเท็จจริงอยู่ดี................................................................................
......ผม..มาเอะใจได้ยังไง..ทำไมถึงรู้ว่าตอแหล..เรื่องสงครามANGLO-NEPALESE..สาเหตุ
จริงๆ..มันเป็นยังไง................มาตามต่อ...ตอนหน้าครับ..........................................
............................................................................................................................
น่าติดตามรออ่านอยู่นะครับ ติดเป็นซีรีย์จริงๆ
....ขอบคุณ..คุณrung2442..ที่มาเยี่ยมเยียนครับ.........
....มาวิเคราะห์..ลูกเล่น..อังกฤษกันต่อเลยครับ....
.....................เมื่อ..มาพิจารณา..ในความ จริง..ที่บิดเบือนไม่ได้คือ..สัญญา..ระหว่าง..เนปาล..และ บริษัทอีสต์อินเดีย(อังกฤษ)..ทำกันหลัง..การรบอันดุเดือด..ข้ามปีกัน..มีข้อ สังเกตคือ
๑.อังกฤษ..เวลาเขียนในประวัติศาสตร์..แทบไม่เขียนถึงความเพลี่ยงพล้ำ..ของตัวเอง...
ทำไม..ต้องมาทำสัญญา..ที่เหมือนสัญญา..สงบศึก..ทั้งๆที่..ตัวอังกฤษ..ไม่เคยทำสัญญากับ..
ประเทศ..ที่ด้อยกว่าตัวเองเยอะ..ได้พื้นที่ริมๆบางส่วน..ของเนปาล..แต่ต้องจ่าย..ภาษีรายปี..แทน
ให้กับเนปาล...แถม..ยังต้องยอมรับในเอกราช..ความเป็นประเทศ..ของเนปาล..และจะไม่ยุ่งกับ
กิจการใดๆในเนปาล..ไม่ได้มีเสรีทางการค้าใดๆกับเนปาล..เนปาลก็ไม่ต้องจ่ายค่าชดใช้เสียหาย
(ปฏิกรรมสงคราม)ทางสงครามให้..อังกฤษด้วย..สรุปคือ..เนปาล..ก็..เสียเปรียบไม่มาก......
.ทั้งๆที่ถ้าอังกฤษ..ทำสงครามเพื่อจะยึดครองประเทศไหน..ถ้ามีการยอมแพ้..ถ้าไม่เสียทั้งประเทศ
..ก็เสีย..พื้นที่สำคัญ..จ่ายค่าชดใช้สงคราม..เสรีทางการค้า...(ดู..แบบจีน..คราวกบฏนักมวย..จีน
อ่วม..ไปเลย)...อย่างพม่า..อินเดีย..อียิปต์..พ่อยึดทั้งประเทศเลย...
........นั่นแหละ..ผมเลยมาคิดเพราะ..สงสัยมาก..มันไม่ใช่วิสัย..อังกฤษ..ที่เป็นต่อใคร..จะทำแบบ
นี้.......
๒. เวลา..เขียน..รายละเอียด..การรบ..ก็..มีน้อยมาก..ทั้งที่..รบกัน..กว่า ๒ปี..แถมพอเซ็น..
สัญญากัน..แล้ว..ทางกองทัพอังกฤษ..ก็ขอติดต่อ..เพื่อว่าจ้าง..นักรบกุรข่า.(ที่ไม่ใช่คนในอาณัติ
ของอังกฤษ..อย่างอินเดีย)..มาเข้าร่วมในกองทัพอังกฤษ..โดยมีเงินเดือนอย่างงาม..(แพงกว่า
ทหารแขกอินเดีย..เยอะ..เพราะพวกนี้ถูกเกณฑ์มา..ไม่ยอมมาเป็นทหาร..ก็เข้าคุก)..และให้มีกรม
ทหาร..จัดตั้งให้เฉพาะ...เช่นกันครับ..อังกฤษ..ไม่เคยจ้างทหารชาติอื่น..มาเป็นจำนวนมาก..และ
จัดตั้ง..เป็นกรมทหาร(หลาย..กรม..ไม่ใช่กรมเดียว)มาก่อน..เคยจ้างก็เป็นเฉพาะคน..มาเป็นพวก
สอดแนม..และให้เงินดือนต่ำด้วย...นี่ขนาดพวกกุรข่าเหล่านี้..มีคนยิงปืนยาวเป็น..น้อยมาก..ใช้
คูครี..เป็นหลัก..แล้วก็ใช้ดาบบ้าง..แถมพูดกันไม่รู้เรื่องต่างหาก..อังกฤษ..ต้องมาเริ่ม..สอยตั้งแต่
..ก..ไก่..เลยว่างั้นเหอะ..แล้วจะต้องลงทุนขนาดไหน..กว่าจะให้..กุรข่า ๑ คน ..กลายมาเป็นทหาร
อังกฤษ..รบแบบอังกฤษได้..........ท่านว่าแปลกมั้ย............................................
........แถม..ทหารกุรข่า..คนไหน..ไม่พอใจหรือเบื่อ..ไม่อยากเป็นต่อ..ก็สามารถ..กลับบ้านได้..
...................ตอนหน้า..........ผมจะมาวิเคราะห์จากข้อมูลที่ค้นคว้า..แล้ว..จะสรุปให้..แต่ละข้อ
...................................................................................................................................
.....คราวนี้..เปลี่ยนเป็นรูปทหารอังกฤษ..ในยุคนั้นบ้างครับ...
...ซ้ายมือ..นายทหารสัญญาบัตร..ขวามือ..พลทหาร...
.....ติดตามต่อเลยครับ..ในการวิเคราะห์...
.................................................สวัสดีทุกท่าน...........................................................
............สำหรับใน..ข้อที่๑...ในตอนที่แล้ว..ผมได้ผลสรุปมาได้คือ..มันเนื่องมาจากทางทหาร
ครับ..เพราะจำนวนทหาร..อาวุธ..ยุทโธปกรณ์..ที่หมดไป..นั้นมากมายครับ..ลำพังทหารที่ส่งเข้า((..ที่ว่านี้..คือ..สงครามครั้งที่ ๒ ของสองประเทศนี้..นะครับ..เคยรบกันมารอบนึงแล้ว..ผมจะพูดถึง
..การเจอกันในครั้งแรก..ภายหลัง..)
ไปทำการรบ..มากกว่า ๒๐,๐๐๐ นาย (เดี๋ยวจะมีรายละเอียดภายหลัง)..ปืน..ปืนใหญ่..เยอะแยะ
ทั้งช้าง..ทั้งม้า..มาจมกันอยู่ที่นี่..แถม..ทหารอังกฤษก็ตายเพิ่มขึ้นเรื่อย..โดยไม่ได้คืบหน้าอะไร
..จริงๆแล้ว..ในหลายสมรภูมิ..ทหารอังกฤษ..ตายมากกว่า..กุรข่าเยอะ..ก็คิดดูประเทศเล็กกว่า
ไทยตั้งเยอะ..ถ้ากุรข่าตายมากกว่าอังกฤษ(อังกฤษ+แขก)..ไม่ถึง ๒ปี..อังกฤษมันก็ต้องชนะ
เด็ดขาด..ไปแล้ว..บังเอิญมันมีเหตุการณ์ที่..ผู้นำแคว้นย่อย..กลัว..ถึงยอมไปเจรจาก่อน..ทั้งๆ
ไม่ได้บอก..ผู้บัญชาการทหารกุรข่า..อังกฤษก็เลยสบโอกาศ..เพราะจะเลิกรบก่อนก็เสียหมา..
ส่วนพวกทหารเอง..ก็คงกลัวว่า..ถ้ายืดเยื้อ(ความจริง..ทหารอังกฤษเอง..ก็ไม่อยากตายเพิ่ม
มากขึ้น..แบบไร้อนาคต(เดี๋ยวในข้อ๒..จะรู้ว่าทำไม..ทหารอังกฤษ..คิดแบบนี้)..)..พวกแขก
อินเดียเอง..ก็คงเห็นได้ช่องเพราะ..ทหารอังกฤษ..จะอ่อนแอ..แล้วอาจก่อกบฏ..ยิ่งซวยไปใหญ่
เพราะ..ทหารส่วนใหญ่ส่งไปที่..เนปาล..ทางตอนเหนือ..อังกฤษที่เหลือ..ก็จะถูกแขกปิดประตูตี
แมว...และถ้าอินเดีย..มันจัดการ..ทหารที่เหลือได้..ไอ้พวกทหาร..ที่ไปรบ..ที่เนปาล..ก็เสร็จไป
ด้วย..ฉะนั้นผมจึงประเมินได้ว่า..ถ้าผมป็นผู้บัญชาการทหารอังกฤษ..รู้อยู่แล้วว่า..รบไปอีกปี
ก็ทำอะไรไม่ได้..แถมเรื่องกลัวอินเดียจะก่อกบฏได้อีก..ก็คงต้องเสนอให้ผู้สำเร็จราชการ..รีบๆ
ตกลงให้จบเรื่อง..ไม่ต้องเอาอะไรมาก..แค่ไม่เสียหมา..ก็พอแล้ว...นั่นแหละ..ถ้าคุณกลับไปอ่าน
..ข้อ๑.ในตอนที่แล้ว..คงหายสงสัย..ว่าทำไมอังกฤษถึงได้ทำสัญญา..แบบไม่ได้เปรียบอะไร
มากมาย..อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..กับ..ประเทศคู่กรณีที่ต่ำชั้นกว่าเยอะอย่างนี้....
.......นี่แหละครับในส่วนนี้..ผมถึง..ไม่เชื่อ..ประวัติศาสตร์การรบ..ที่อังกฤษ..มันเขียนขึ้นมา..
........คนไทยเอง..ต้องระลึกถึง..พระปรีชาญาน..ของรัชกาลที่ ๓..ที่มองอังกฤษ..ออกตั้งแต่
แรก..มาทำสัญญา..เขียนมา..๘ ข้อ..ตกลงกันได้..ข้อเดียว..และ..การที่ท่านเอง..ยอมส่งทหาร
ไปช่วย..อังกฤษ..ตามคำขอ(อังกฤษมันก็ฉลาด..รู้ว่า..พม่ากับไทย..เป็นยังไง)..ท่านเองก็อยาก
ตัดปัญหา..เรื่องพม่า..ปรากฏว่าไปเจอปัญหา..เรื่องอังกฤษมันเอาเปรียบ..ทหารไทย..ด้วย..พระ
องค์ท่าน..ก็ต้องรักษาศักด์ศรี..ก็เลยถอนกลับมา..พออังกฤษมันมาง้อ..อีก..พระองค์ก็SAY NO
..ก่อนสิ้นพระชนม์ที่เรียกเสนาต่างไปสั่งการ..ถึงบอกว่าให้ระวังไอ้พวกนี้ให้ดี..............
..............ต่อตอนหน้าครับ...ผมจะมาเฉลยข้อ ๒..ในตอนที่แล้ว.....................................
..........................................................................................................................
........ผมเอาแผนที่ภูมิประเทศ..ของ..เนปาล..มาให้ดู..ความสูงต่ำ..และ..อาณาเขตติดอะไรบ้าง
มาประกอบ..เรื่อง..เวลาผมพูดถึง..ท่านจะได้ไม่งง..ที่เห็นเป็นแนว..ขาวๆ(หิมะ)นั้นคือ..
เทือกเขาหิมาลัย..ครับ..สีเทาที่เห็น..คือ..ส่วนที่เป็นแนวเขา....
ยังอยู่เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ
เข้ามาดูทุกวันเชียวครับ
...ขอบคุณครับ..คุณaunna..และคุณ rung2442..ที่postมา..ให้กำลังใจ..และติดตาม
...ก็ต่อเลยครับ..ในการวิเคราะห์....
...........................................................สวัสดีทุกท่าน...................................................
........เรามาต่อ..ในหัวข้อ ๒.เรื่อง..ประวัติที่อังกฤษเขียน..ก็ดูไม่มีอะไร..รบกันแล้วทางเนปาล
ต้องยอมทำสัญญา..ดูเผินๆ..ไม่มีใครจะมาสู้ทหารอังกฤษได้..ไม่เคยลงเลย..ว่าตัวเองรบแพ้..
เก่งตลอด...แต่ทำสัญญาเสร็จ..รีบจ้างทหารกุรข่า..มาประจำการในกองทัพอังกฤษ...ใครอ่าน
ก็คงแปลกใจ..อ้าวมึงว่ามึงชนะ..ก็เหมือนๆ..ที่อื่น..มึงบอกทหารมึงเก่ง..สุดยอด..แล้วมาจ้างไอ้
พวกนี้ไปเป็นทหาร..ขนาด..ยิงปืนกัน..ยังเป็นอยู่ไม่กี่คน..พูดก็ไม่รู้เรื่อง..ผมมาคิดแล้ว..ว่าทัน
โคตร..จะ..แปลก..ผิดสังเกต..มาก...ผมจึงไปค้นหาความจริง......................ก็ถึงบางอ้อ....
เพราะ....ประวัติการรบที่คนเนปาล..เขียนมันสอดคล้อง..กับ..เรื่องข้อสังเกตที่๑..และที่ ๒...
มันตอบเหตุผลได้หมด...ตั้งแต่แรกเลย..เดี๋ยวผมจะมาว่า..ภาพรวมอีกที.......แต่เราจะเจาะสว่น
ในข้อ ๒.ก่อนว่ารู้ได้ไงว่าอังกฤษมันตอแหล...................................................
..........ในการรบใหญ่ๆ..หลายสมรภูมิ..ฝ่านเนปาล..ที่ยอมรับว่าแพ้จริง..มีสมรภูมิเดียว..ที่เหลือ
กุรข่าเป็นฝ่ายชนะ..แต่กุรข่าเป็นฝ่ายตั้งมั่น..อยู่กับที่..เวลากุรข่าชนะ..ก็อังกฤษก็วิ่งหนีกลับไป
(เขาใช้ความหมายแบบนี้...จริงๆ)..กุรข่าไล่ตามไปหน่อย..ก็กลับมาตั้งมั่นที่ฐานตัวเอง..เหมือน
เดิม..ทุกสมรภูมิ..อังกฤษจะเป็นฝ่ายสูญเสียมากมายทั้งคน..และยุทโธปกรณ์..แบบว่าทีแรก....
กุรข่าเอง..เกือบไม่มีปืนเลย..แต่ตอนหลังเริ่มมีปืน..ก็เพราะเก็บได้จากศพทหารอังกฤษ..การรบ
ของกุรข่า..เป็นแบบ..โคตรดุ..และ..บ้าเลือด..เพราะฉากสุดท้าย..ในแต่ละสมรภูมิจะเหมือนกัน
คือ..กุรข่า..จะลงมาตลุมบอนทหารอังกฤษ..ด้วย..คูครี..และ..ดาบ(แต่เวลาตัดหัวข้าศึก..เป็น
ธรรมเนียมที่ใช้..คูครี..ตัด)..ดา..หน้าลงมา..แบบไม่สนใจลูกกระสุน..เข้าประชิดตัว..ทหาร
อังกฤษ..ใช้ดาบปลายปืน..ซึ่งยาวไม่ถนัด..เมื่อโดนประชิดตัว..ก็เลยเสร็จ..คูครี..แล้วส่วนใหญ่
อังกฤษ..จะขวัญเสีย..เพราะเวลาตะลุมบอน..จะยกลงมาหมดป้อม..แม้ทุกสมรภูมิส่วนใหญ่..
กุรข่า..จะมีกำลังพลเป็นรอง..แต่จิตใจพวกนี้พิเศษ..และไม่กลัวตาย..ลักษณะการรบ..ส่วนใหญ่
พวกกุรข่า..จะต้องยื้อ..เล่นอาวุธยาวทางอากาศกันสักพักก่อน(ใช้หินเขวี้ยงก็มี)..และ..พอปืน
ยาวอังกฤษ..ซาลงไปหน่อย..พวกกุรข่าก็พร้อมใจ..ออกจากที่มั่นวิ่งดาหน้าเข้าหา..ซึ่งนักประ
วัติศาสตร์เนปาลบอกจะได้ผล..เพราะพวกอังกฤษจะตกใจ..จำนวนไม่น้อยจะวิ่งหนีไปเลย..
..แถม..นายทหารระดับ.ผู้บังคับกองพันอังกฤษ..ยังตายในสนามรบด้วยซ้ำ..จาก..คูครี...นาย
ทหารหลายคนที่รอดคม..คูครีมา..รายงานผู้บังคับบัญชาก็จะพูดแบบเดียวกันหมด..ว่ากุรข่า..
จิตใจกล้าหาญ..ไม่กลัวตาย..รบระยะประชิดเก่งกาจ..ทหารอังกฤษสู้ไม่ได้(..นี่เป็นการเปิดเผย
สาเหตุการจ้าง..ในส่วนของประวัติศาสตร์ทางทหารของอังกฤษเอง..ซึ่งไม่ได้ตีพิมพ์อยู่ใน..
ประวัติทั่วไป..ยังผลให้ผู้บัญชาทหารในอินเดีย..ต้องไปเจรจา..กับเนปาล..เพื่อว่าจ้างกุรข่า..นั่น
เอง...หลักฐานเหล่านี้..เริ่มนำมาเปิดเผยในรยะหลังๆ..เมื่อสื่อมวลชนอังกฤษ..มีอิสสระ..และให้
ความสนใจ..เพราะสงสัยเหมือนกับที่ผมสงสัย..จงทำการค้นค้วาเพิ่มเติมกัน)
............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
ดูตัวอย่าง..การตะลุมบอน..ในการรบกัน..ครั้งแรก(ไม่ใช่..ครั้งที่ ๒ ที่พูดถึงอยู่นี่นะครับ)ในปี
ค.ศ. ๑๗๖๗ รูปนี้วาดโดยคนเนปาลครับ..เหมือนเด็กวาด..ก็มี..เว่อร์ๆบ้าง..เพราะชนะแบบ
เด็ดขาด...
....เมื่อวานลืม..ตกชื่อ คุณ ss_aong..ไป..ขอบคุณครับ..ไม่เป็นไร..หรอกครับ..
ถ้า..กลัวจะหายาก..ก็..กดที่..เรียงลำดับกระทู้update..ก็จะขึ้นมาอยู่..บนๆ..เพราะ
ผมเขียนเรื่อง..ลงทุกวัน.....ต่อเลยครับ......ก่อนจะอ่าน..ขอชี้แจงหน่อยครับ..เดี๋ยวจะ..งง
..ที่ผมจะเล่า..ในตอนนี้คือ..สงคราม..เนปาล-ฑิเบต-จีน..นี่..เกิดหลังจาก..การรบกันครั้ง
แรก..ระหว่าง..เนปาลกับอังกฤษเมื่อ ค.ศ. ๑๗๖๗..นะครับ(ผมจะเล่าภายหลัง).....ขอโทษที่
กระโดดไป..กระโดดมา..
.........................................................สวัสดีทุกท่าน...................................................
..............ทีนี้..ผมจะมาเริ่มเข้าเรื่อง..สงคราม..อังกฤษ-เนปาล..โดยที่ผมเล่ามา..๒-๓ ตอนแล้ว
ว่า..ข้อมูลทางอังกฤษ..รวบรัด..ข้ามช่วง(ที่ตัวเองเสียเปรียบ)..และไม่ถูกต้องกับ..ความจริง..
หลายๆเรื่อง..การที่ผมเอา..ประวัติการรบ..ส่วนใหญ่..มาจากทางเนปาลเกือบทั้งหมด..เพราะ
ส่วนใหญ่..จะตรงกับ..ข้อมูลจากทาง..นักประวัติศาสตร์..นักวิชาการทางทหาร..และ..ประวัติ
ศาสตร์ทางทหารของอังกฤษเอง..ทั้งหมดนี่เพิ่งเปิดเผยมา..ไม่ถึง๒๐ ปี..เพียงแต่มีนักเขียนทาง
อังกฤษเอง..ได้รวบรวมขึ้นด้วย..ผมเองก็เอามายำ..และก็เอามาเล่า..ข้ามไป..ข้ามมา..บ้าง..ใช้
สไตล์ตัวเองยัดเข้าไป..บางช่วง..บางตอนอาจมี..เว้อร์..นิดๆ..เพื่อความมันส์.......อย่าไปซีเรียส
มาก..บางอย่างอาจไม่..เปะ...............ก็..ขออภัยด้วย......................................
.........เนื่องจากสาเหตุมันมีการโยงกัน..จึงต้องเท้าความ..ย้อนอดีต..ไป..ปี ค.ศ.๑๗๘๙..มัน
เกิดเรื่อง..พิพาท..ระหว่าง..เนปาลกับ..ทิเบต(ตอนนั้น..ยังเป็นประเทศ..อยู่)..ความที่..ทิเบตกับ
เนปาล..อยู่บน..เทือกเขาหิมาลัย..ด้วยกัน..มีอะไรก็พึ่งพากัน..แต่เนปาลจะเป็นพี่ใหญ่..หน่อย..
..ทิเบต..เป็นประเทศหลังเขา(เขาหิมาลัย)..ค่อนข้าง โลว์เทค(โนโลยี)ไม่มีปัญญาทำเงินเหรียญ
ของตัวเอง..ก็เลย..ใช้เงินตราอย่างเดียว..กับเนปาล..พูดง่ายๆให้..เนปาลผลิต..เงิน..มาให้ใช้
ด้วย..แต่ปรากฎว่า..ระยะหลัง..ไอ้ทิเบตดัน..ผลิต..เงินปลอมออกมา..แถม..เกลือ(เนปาล..อาศัย
เกลือกระสอบ..ที่ส่งมาขายจากทางทิเบต)..ที่ส่งมาขาย..ดันมีขี้ฝุ่นผสมซะเยอะ..ด้วย..เนปาล
ทนไม่ไหว..จึงร้องให้ทิเบต..จัดการเรื่องนี้โดยด่วนและเด็ดขาด..เพราะถือเป็นภัยร้ายแรง..แต่
ปรากฏว่า..ทิเบต..ทำไม่รู้ไม่ชี้..เนปาล..ก็เลยยกทหารกุรข่า..เข้าบุกทิเบต..พวกกุรข่าซึ่งเป็น
นักรบ..คนละเกรดกับ..ทิเบต(ที่เก่งแต่เรื่อง..สวดมนต์แต่ยัง..ซ่าส์)..ก็เลยเละ..ตายเป็นเบือ..กุร
ข่า..บุกข้ามชายแดนตีดะมาเรื่อย..ปรากฏว่า..กษัตริย์ทิเบต..เห็นท่าไม่ดี..กอปรกับ..สายลับจีน
ที่อยู่ทิเบต..รีบส่งคนไปแจ้งจีน(ตรงกับสมัยราชวงศ์ชิง(แมนจู))..ทางจีน..ก็หาช่องจะงาบทิเบต
มาตั้งนาน..ก็เลย..ส..ใส่..เกือก..โดยทางทิเบต..ไม่ได้ร้องขอ..ส่งกองทหารขนาดใหญ่เข้าประ
ชิดชายแดน..แจ้งความจำนงค์ให้กษัตริย์ทิเบต..ทางทิเบตก็ดีใจว่าจีนใจดีมาช่วยก็ให้กองทหาร
จีนเข้าประเทศมา(...หารู้ไม่ว่าชักศึกเข้าบ้าน).....................................................
(ผมมีรูป..การรบของ..เนปาล..กับ..ทิเบต..มาให้ดูด้วย..เสื้อดำ..คือ..กุรข่าครับ)
............................................ต่อตอนหน้าครับ............................
เป็นกำลังใจให้นะครับ กำลังสนุกเลย
...ขอบคุณครับ..คุณrung2442..ที่ให้กำลังใจ..และติดตาม....
.....ไม่ต้องเสียเวลา..มาว่ากันต่อเลยครับ....
.....................................................สว้สดีทุกท่าน........................................................
.......................กุรข่า..นักรบเลือดดุ...................
........ขณะเดียวกัน..ทางเนปาล..ก็ยื่นข้อตกลงกับ..ทิเบต..ขณะที่มีฝ่ายจีน..คล้ายๆมาเป็นสักขี
พยาน..ซึ่งตามข้อตกลงเพิ่มเติม..คือ..ทิเบต..ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการทำสงครามให้..เนปาล
ด้วย..ซึ่งแบ่งเป็นรายปี..จนกว่าจะครบจำนวน..ซึ่งตกลงกันได้..โดยมีจีน..เหมือนเป็นสักขีพยาน
..แต่ปรากฏว่าปีที่ ๒ ทิเบตก็เบี้ยว..ไม่ยอมจ่าย..เมื่อมีการทวง..ก็ไม่ได้รับคำตอบ..กองทหารกุร
ข่า..ก็ต้องลุยข้ามพรหมแดนทิเบตอีกครั้ง...ทันทีที่ได้รับข่าวจากทิเบต..ตอนแปรสภาพเป็นผู้..
พิทักษ์..สำหรับจีน..ฮ่องเต้จีน..รีบส่งทหาร..๗๐,๐๐๐ คน..จาก..ชายแดนฝั่งตะวันตก..เร่งเดิน
ทางไป..ทิเบต..ทันที..เมื่อไปถึง...กองทัพจีน..ก็ไปประจันหน้ากับ..กองทัพกุรข่า..แล้วยื่นข้อ
เสนอให้..เนปาลถอนกำลังกุรข่า..กลับไป..แต่ทางเนปาล..ก็ไม่สน..ดั้งนั้นในปี๑๗๙๒ สงคราม
เนปาล-จีน-ทิเบต..จึงเกิดขึ้น..ขณะเดียวกัน..ทางแคว้นสิกขิม..รู้ว่าจีนเปิดฉากการบกับเนปาล
ก็เริ่มก่อกวนทางชายแดนเนปาลด้วย..แต่ทางกองกำลังกุรข่า..ไม่มีเวลา..ไปจัดการทางฝั่งโน้น
...การปะทะแบ่งออกเป็น..สามด้าน..ซึ่งด้านหนึ่งในนั้น..พวกกุรข่าใช้วิธี..เอาคบไฟ..ผูกกับเขา
วัวสองข้าง..ต้อนออกไปล้อมพวกจีน..ซึ่งความจริง..ใช้ทหารแค่๒๐๐ คน..แต่ทำให้เหมือน..มี
คนร่วมพัน..ทำให้ทหารจีนที่มองไปฝ่าความมืดเห็น..แต่คบเพลิง..เลยนึกว่าพวกกุรข่ามีมาก..
จึงแตกตื่นไม่เป็นกระบวนเข้าทางพวกกุรข่า..หลังจาการรบฝ่ายจีนต้องสูญเสีย..ไพร่พลมาก
มายเพราะกลศึกของกุรข่า..หลังจากที่จีนต้องสูญเสียไพร่พลไปมาก..แต่ก็ยังมีกองกำลังเหลือ
อยู่เพราะยกคนไปเยอะ..แม่ทัพฝ่ายจีน..จึงพิจารณาแล้ว..ขอยุติศึก..แล้วมาทำข้อตกลง..โดยให้
ทางทิเบต..รับเขื่อนไขเป็น ๓ ฝ่ายด้วยกัน..ซึ่งทางเนปาลเอง..ก็ยังอยากมีความสัมพันธ์กับจีน
อยู่ก็ยอมเจรจา..ข้างทิเบตที่ตอนหลัง..ไม่ต้องเหนื่อยมาก..เพราะเอาจีนมาเหนื่อย..มาตายแทน
ซะเยอะ..ก็ไม่กล้าเบี้ยวแล้วเพราะจีนเองี่ตอนนี้เป็นพี่ใหญ่สั่ง..ก็ต้องยอมตามข้อตกลงที่จีนเสนอ
.......ที่ผมเอาเรื่องปัญหาเนปาลกับทิเบต..มาเล่าให้ฟังเพราะต่อไป..ทิเบต..ก็จะมีส่วนในปัญหา
ขัดแย้งของ..อังกฤษ..กับ..เนปาล..ในภายภาคหน้าต่อไป..........................
.....(จีนเอง..ก็ได้ช่องจากสงครามนี้..เพราะทิเบต..ก็คล้ายๆเป็น..ลูกกระจ๊อกของจีนไปโดยปริ
ยาย..จะทำอะไร..ก็ต้องปรึกษาจีน...ซึ่งอนาคต..ก็เลยมีผล..ที่จีนเข้ามายึดครองทิเบตในที่สุด)
...............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
(เอารูปมาแถมให้..อีก..กุรข่า..สีเข้ม..ทิเบต..สีแดง...จีน..สีเขียว..)
สนุกครับ ได้ความรู้ใหม่ใหม่จะรออ่านทุกวันครับ
....ขอบคุณ..คุณJamm..ที่ให้กำลังใจ..และ..ติดตาม..ครับ..
..ต่อกันเลย....
..................................................สวัสดีทุกท่าน............................................................
...............กุรข่า..นักรบเลือดดุ....................................................................................
.................................................เมื่อตอนอังกฤษ..ยึดครองอินเดียใหม่ๆ..และตั้งบริษัทอีสต์
อินเดีย..อังกฤษเองก็มีความคิดที่จะครอบครอง..เนปาล..หลังจากยึดอินเดีย..ทางอังกฤษ...
(หรือ บ.อีสต์อินเดีย..รัฐวิสาหกิจของรัฐบาลอังกฤษ..ที่ดูแลกิจการทุกอย่างในเอเซีย)..ก็ใช้วิธี
เดิม..ในการเริ่มแผน..เข้ามาเจรจากับกษัตริย์เนปาล..เพื่อจะมาตั้งสาขาเพื่อติดต่อค้าขายใน
เนปาล..แต่กษัตริย์เนปาลในตอนนั้น..ก็..ไม่ใช่..ราชากระบือ..เพราะศึกษาการวางแผนเข้ายึด
ครองอินเดีย..ของอังกฤษมาแล้ว..จึงปฎิเสธโดยสิ้นเชิง..ทำให้อังกฤษไม่พอใจมาก..เพราะไม่
เคยมีใครมาทำหยั่งงี้กับ..เดี๊ยนมาก่อน..หลังจากนั้นไม่นาน..บริเวณชายแดนเนปาล..กับ..
อินเดีย..ก็เกิดมีการปะทะของกองกำลังทั้งสองฝ่ายกัน..โดยอังกฤษรุกเข้ามาที่เมืองชายแดน
เนปาลในปี..ค.ศ.๑๗๖๗ ปรากฏว่า..ฝ่ายอังกฤษที่ไม่เคยรู้จักว่า..”กุรข่า”..เป็นยังไง..นึกว่าหมู
เหมือน..แขกอินเดีย..ก็พ่ายแพ้..ย่อยยับ..สูญเสียทหารเป็นจำนวนมาก..ถอยหนีกลับเข้าชาย
แดนอินเดียไป..ทหารอังกฤษที่หนีกลับไปได้..ก็แจ้งผลการรบให้ผู้บังคับบัญชา..ทำให้อังกฤษ
ต้องมาประเมิน..เนปาลใหม่..ในการวางแผนเข้ายึดเนปาล........
..........หลังจากน้น..อังกฤษก็เริ่มแผนใหม่..บอกว่าจะขอผ่าน..ไปตั้งสาขา..ที่ชายแดนระหว่าง
เนปาล..กับ..ทิเบต..เพราะต้องการเปิดความสัมพันธ์ทางการค้า.กับทิเบต..ก็มีการเจรจากัน
หลายรอบ..ที่ไม่คืบหน้าสรุปจนถึงปี..ค.ศ.๑๘๐๑..การเจรจา..ก็ยุติลงเพราะเนปาล..ไม่เล่นด้วย
..........หลังจากนั้นมา..อังกฤษ..จึงคิดว่าแผน...งูในรางหญ้า..ไม่สำเร็จแล้ว..ก็จึงตระเตรียมหา
ข่าว..ประเมินกำลัง..และวางแผนเข้าโจมตี..เนปาลต่อไป.........................................
..............นักประวัติศาสตร์บอกว่า..จุดสนใจจริงๆ..ที่อังกฤษ..อยากได้แผ่นดินเนปาล..ก็เพราะ
..ภูมิประเทศนั่นเอง..นอกจาก..จะมีชัยภูมิทางการรบที่ดีเพราะ..อยู่ที่สูง..สิ่งที่อังกฤษอยากมาก
ก็คือ..มาตั้งหลักปักฐาน..สำหรับขุนนาง..พ่อค้า..นายทหาร..โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัว..ด้วย
..อากาศที่แห้ง..และเย็นตลอดปี..ต่างจาก..ในอินเดียที่..ร้อน..ชื้น..อับ..และเหม็น(ขี้เต่าแขก)..
ทำให้หลายครอบครัว..พวกเมียๆ..ลูกๆ..ของพวกนี้มาอยู่ได้พักเดียว..ต้องเตลิดกลับอังกฤษ..
กันเกือบหมดเพราะไม่คุ้น..แถมยังมาเจอสารพัดโรคเขตร้อนทั้ง..มาลาเรีย..อหิวา..ไข้เลือดออก
....จึงสรุปว่า..ถ้าจะอยู่กันเป็นครอบครัว..ก็สมควรจะยึดเนปาล..เอามาปลูกบ้านอยู่ซะเลย
............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
....ผมต้อง..ขอขยายความที่มา..ที่ไปของ..สงครามครั้งแรกในปี..คศ.๑๗๖๗..หน่อยครับ
เพิ่มเติมจาก..ตอนที่แล้ว...
.....ก่อนหน้านั้น..เนปาลยังไม่ได้รวมกันเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่...โดยการปกครองอยู่กับกษัตริย์..ของ
ราชวงศ์มัลละ(Malla)...การปกป้องประเทศส่วนใหญ่..ก็ใช้..กุรข่า..เป็นกองกำลังหลัก..การปกครอง
แย่ลง..พวกที่อยู่ใกล้เมืองหลวง..ก็จะเจริญมีฐานะ..ห่างไกลหรือพวกเผ่าบ้านนอกก็จน..ขสาดแคลน
ยิ่งพวกเผ่ากุรข่า..ก็แย่หนัก..สถานะการณ์..สร้างวีรบุรุษ..ฉันใดก็ฉันนั้น..เกิดวีรบุรุษขึ้นมา...คือ...
........ปริทวิ นารยัน ชาห์ (Prithvi Narayan Shah)...ซึ่งไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา..ต้นตระกูลมาจากแคว้น
ราชพุต(RAJPUT)..ในอินเดีย..เป็นฮินดู..วรรณะกษัตริย์..อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในแคว้นกรุข่า..เห็น
บ้านเมืองหยั่งนี้..ก็ทนไม่ไหว..และมีความเห็นใจผู้ยาก..โดยเฉพาะกุรข่า..โดยที่ตัวเองก็นิยมชนชอบ
..และ..เป็นที่ยอมรับของ..กุรข่าทั้งมวล..(ตอนนั้น..รัฐบาลติดค้าง..เงินเดือนทหารกุรข่า..มากมาย..
ไม่ยอมจ่าย..)..จึงรวบรวมแคว้น..ย่อยอีก ๒ แคว้น..รวม..แคว้นกุรข่าด้วย..เข้าโจมตีรัฐบาลของมัลละ
..ก็ไล่ยึดเมืองรอบๆมาหมด..เข้าใกล้จะถึงเมืองหลวง..กษัตริย์ก็กลัวจนขี้หด..หาที่พึ่งไม่ได้..จึงหันไป
หา..อังกฤษ..ติดต่อบริษัทอีสต์อินเดีย(อังกฤษ)..ให้นำกำลังทหารมาช่วยด่วน....อังกฤษรอเวลาอยู่แล้ว
..เข้าทางพอดี..ก็ตอบรับ..แต่ด้วยความประมาท..และไม่รู้จักว่า..พวกกุรข่านะ..ขนาดไหน..ส่งกำลังทหาร
มา..แค่..๒๕๐๐ นาย..ทั้งทหารราบ..และ..ปืนใหญ่..นำโดย Kinloch (ทาง..กุรข่า..บอกว่า..เป็นนายพล..
ทาง อังกฤษ บอกว่า..เป็น..ร้อยเอก..แต่ผมก็งง อังกฤษว่า..กลัวจะเสียหน้ารึเปล่า..ทหารเยอะขนาดนี้..
ถ้าเป็น..ผู้การ..หรือ..ผู้พัน..ยังสมน้ำสมเนื้อหน่อย)..ผ่านพรมแดนเข้ามา..แล้วก็แพ้อย่างยับเยิน....
....แล้ว..ปริทวิ..ก็ล้มราชวงศ์มัลละ..รวบรวมแคว้นทั้งหลายเป็น..ปึกแผ่น..ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น
กษัตริย์แห่งเนปาล..เป็นต้นของราชวงศ์สุดท้ายที่ครองเนปาล..ต่อมา...
...ผมมาเอารูป..กษัตริย์ปริทวิ..มาให้ดูด้วยครับ
ขอบคุณมากครับที่เข้ามาเล่าให้อ่านอย่างต่อเนื่อง
ผมบุ๊คมาร์คไว้เลยครับกลัวหาไม่เจอ
เป็นกำลังใจให้ครับ Scoopดีๆแบบนี้ หาอ่านยาก ขอบคุณครับ
..ขอบคุณครับ..คุณaunna..และ..คุณrung2442..แฟนประจำที่ให้กำลังใจ..และติดตาม..
....วันนี้ก็มาเริ่มเข้า..สงคราม เนปาล-อังกฤษ ครั้งที่ ๒ ที่เป็นสงครามขนาดใหญ่..กันเลยครับ
...........................................สวัสดีทุกท่าน...........................................................
.............กุรข่า นักรบเลือดดุ...............................................................................
.....................................ในที่สุดหลังจาก..เตรียมการแล้ว..ก็หาเรื่องแบบดื้อๆ...โดยทาง
อังกฤษ..ส่งสารให้ทางเนปาล..ให้คนเนปาล..ออกจากพื่นที่ของเนปาลเอง..ที่เป็นจุดต่อกับเขต
การปกครองของอังกฤษ..คือเขตButWAL..ซึ่งมีทั้งหมด ๒๒ หมู่บ้าน..ภายใน ๒๕ วัน..ไม่งั้น
จะถูกกำจัด..และส่งทหารเตรียมยึดพื้นที่..เมื่อถึงเวลา..ทางเนปาลก็ได้เตรียการรับมือไว้แล้ว
โดยส่ง..กองทหารกุรข่า..เข้ามาในพื้นที่..ทำให้เกิดมีการ..ปะทะกัน..ผล..ทหารอังกฤษ..ถูกฆ่า
ตายในที่รบ ๑๘ คน(สมใจ..อังกฤษเอง)..ที่เหลือหนีข้ามพรมแดนกลับไป...เรื่องของเรื่อง..ก็คือ
..จะได้เป็น..ข้ออ้าง..ในการประกาศสงคราม..ของอังกฤษ..ว่า..ทหารอังกฤษ..ถูกทหารเนปาล
ฆ่าตาย..(..ขอโทษ....เน่ามาก..และ..ซ้ำซาก..เพราะใช้มาทุกที่..พม่า..อินเดีย..ศรีลังกา..อียิปต์
..ซูดาน..อาฟริกาใต้..จีน..แคนาดา....ฯลฯ...คือเหมือน..ก็มี..เกือบเหมือน..ก็ออกแนวนี้..อยู่ดี)
...เวลาไปเขียนในประวัติศาสตร์..เสือ^..บอกว่า..พื้นที่ไม่ใช่ของเนปาล..แต่คนเนปาล..เขาอยู่
มาตั้งแต่บรรพบุรุษ..แล้วมาโมเมอ้างเฉย(..ก็คนมันจะหาเรื่อง..ว่า..ง่ายๆ..อย่าลืมว่า..ทั้ง..มาเลย์
..สิงค์โปร์..เราก็เสร็จความเจ้าเล่ห์..ของ..อังกฤษ..มาแล้ว)..และแล้วอังกฤษก็ใช้ข้ออ้างนี้..ใน
การประกาศสงครามกับ..เนปาล...เมื่อ ๑ พฤศจิกายน ค.ศ.๑๘๑๔(พ.ศ.๒๓๓๙..ก่อนที่..อังกฤษ
จะเข้ายึดครอง..พม่า).........................................................................................
............การเตรียมพลของอังกฤษเบื้องต้น..แบ่งออกเป็น...๕..สาย..ดังนี้
...........สายแรก...กำลังพล..พร้อม..อาวุธหนัก-เบา..(ปืน..ปืนใหญ่)..จำนวน ๖,๐๐๐ นาย
...........สายที่สอง..กำลังพล..พร้อม..อาวุธ..หนัก-เบา...จำนวน ๓,๕๐๐ นาย
...........สายที่สาม..กำลังพล..พร้อม..อาวุธ..หนัก-เบา...จำนวน ๔,๐๐๐ นาย
...........สายที่สี่...กำลังพล..พร้อมอาวุธ..หนัก-เบา...จำนวน ๒,๐๐๐ นาย..สายนี้..พิเศษ..มีหน้า
ที่ปลุกระดม..สิกขิม..ให้มารบกับเนปาล(..ผมเคยเล่ามาแล้ว..ว่าสิกขิม..ลูกกระจ็อกของเนปาล
เคยกระด้างกระเดื่องมาแล้ว...ซึ่งทางอังกฤษทราบดี(..คล้ายกับ..ที่พม่า..ที่มันปลุก..ระดมพวก
..ยะไข่..มอญ..รวมถึงมาขอกำลังจากไทยด้วย..ในการตี..พม่า)...)
...........สายที่ห้า..กำลังมากที่สุด..พร้อมอาวุธ..หนัก-เบา..จำนวน ๘,๐๐๐ นาย.......
...รวม..กำลังหลักทั้งหมด...๒๓,๕๐๐ นาย...พร้อม..อาวุธ..หนัก-เบา....................
...ตอนหลัง..เมื่ออังกฤษเพลี่ยงพล้า..เยอะ..จึงเสริม..ทหารเข้าไปอีก..๒,๕๐๐ นาย..พร้อม...
อาวุธ หนัก-เบา...รวมทั้งหมด...๒๖,๐๐๐ นาย........................
....................ส่วน..เนปาลส่ง..กองกำลังทหารกุรข่า..ที่มีอาวุธประจำกายคือ..คูครี..และ..ดาบ
...มีหอก..บ้าง..ธนูบ้าง...และแทบไม่มี..ปืนยาว..(มีบ้าง..แต่..น้อย)..ปืนใหญ่..มีบ้างตามป้อม..
แต่เคลื่อนที่..แบบ..อังกฤษไม่ได้........กำลังพลที่มีจิตใจห้าวหาญเป็นหลัก ๑๒,๐๐๐ คน
..................................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................
....รูปหน่วยทหารเดินเท้า(ทหารราบ)ของ..อังกฤษ...
....เริ่มรบ..กันเลยครับ...
.......................................................สวัสดีทุกท่าน......................................................
...............................................กุรข่า......................นักรบเลือดดุ..................................
........ตอนที่แล้ว..คงเห็นข้อเปรียบเทียบ..ทั้งด้านกำลังพล..ทั้งด้านอาวุธ...นี่เทียบกันไม่ได้เลย
...................ปรากฎว่า..สิบวันก่อนประกาศ..สงครามเป็นทางการ..อังกฤษก็บุกเข้าดินแดน
เนปาลที่..Dheradun..ที่นั่นมีป้อมอยู่ชื่อว่า KHALUNGA..ผู้บัญชาการป้อมเป็นกุรข่าชื่อ...
Balbhadra..ซึ่งคนในป้อม..มีทั้งทหาร..ผู้หญิงและเด็ก..รวม..ประมาณ๖๐๐ คน..ส่วนของอัง
กฤษก็มาจาก..สายที่๒..บังคับบัญชาโดย..นายพลGilespie..ซึ่งมีกำลังพล ๓,๕๐๐ คน..ทั้งปืน
ยาว..และปืนใหญ่ติดล้อ...สมรภูมิเลือด..จึงเริ่มขึ้น..ระหว่าง อังกฤษ..กับ..กุรข่า(ผมไม่ใช้คำว่า
..เนปาล..เพราะช่วงนี้เป็นแต่เรื่องของนักรบ..จึงมี..แค่...กุรข่า)..ที่นี่..เป็นครั้งแรกของสงคราม
ครั้งนี้........
........การยุทธที่ KHALUNGA..............
....พอเริ่มการ..ต่อสู้ไปไม่นานนัก..ปรากฎว่า..ผู้บัญชาการของอังกฤษGilespie..ก็ตายในสนาม
รบ..ซะแล้ว..อังกฤษต้องส่งนายพลMaubiมาแทน..การรบเป็นไปอย่างดุเดือด..กุรข่าขาดแคลน
อาวุธระยะไกล..สู้กับอังกฤษ..เลยต้องพึ่ง..ก้อนหิน..ท่อนไม้..มาสวนตอบ..ห่ากระสุน..ทั้งจาก
ปืนยาว..และปืนใหญ่..เวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์..อังกฤษ..ก็ยังไม่สามารถ..ยึดป้อมจากกุรข่าได้
Maubi..เลยเล่นบทโหด..ตัดทางน้ำที่เข้าป้อม..ทำให้..เวลาผ่านไปทั้ง..ทหาร..พลเรือน..ผู้หญิง
และเด็ก..ต้องอดน้ำ..ตายเป็น..จำนวนมาก..นอกเหนือ..จากโดนลูกปืนใหญ่..ปืนยาว..ตาย...
..ผบ.ป้อม..ดูแล้ว..ว่าไม่มีทางรอดแน่..ก็รวบรวมกำลังพล..ที่เหลือ ๗๐ คน..ก็เปิดประตูป้อม..
แล้ววิ่งไปที่แม่น้ำใกล้ๆ..ท่ามกลางความตกตะลึง..ของทหารอังกฤษ..ขณะพักผ่อนกัน....
..Balbhadra..หันหลังกลับมา..ตะโกนว่า..”อยากได้ป้อม..มึงเอาไปเลย..เพราะไม่มีอะไรเหลือ
ให้มึงแล้ว”...กองกำลังกุรข่า..ที่หนีออกไป..ก็ไม่ได้แสดงการยอมแพ้..กับอังกฤษ..เมื่อทหาร
อังกฤษเข้าไปในป้อม..การรบผ่านไปแล้ว ๓๙ วัน..สิ่งที่เหลือในป้อม..ก็มีเพียงแค่..ศพ..เท่านั้น
......ทหารอังกฤษ..ได้จารึกไว้บน..ก้อนหินใหญ่ที่ป้อมว่า..”เราขอสดุดี..ต่อ.Balbhadra..และ
เหล่าทหารกล้ากุรข่า..ทุกคน..”
.......อย่าแปลกใจครับ..เพราะ..กำลังที่มากกว่า..ตั้ง๖เท่า..อาวุธ..หนัก-เบา..ดีกว่า..มากกว่า..
มากมายก่ายกอง..แต่ไม่สามารถชนะด้วย..วิธีปกติได้..ทั้งๆที่รู้ว่า..มีสตรี.และเด็ก..อยู่ในป้อม
ด้วย..ทหารอังกฤษคง..ละอายใจที่ต้องเอาชนะด้วยวิธี..สกปรก..แทนรูปแบบ..ของ..นักสู้ที่แท้
....................................................ต่อตอนหน้า..........................................................
...............................................................................................................................
...ป้ายจารึกหน้าหลุมศพ..ของ..นายพลGILLESPIE...ที่อังกฤษ..สลักไว้ที่พานว่า
31 Oct
1814
KALUNGA...(วัน..และ..สถานที่...ตาย..)
...สภาพ..ป้อมแห่ง KHALUNGA..เมื่อปี ค.ศ. ๒๐๐๕
....วันนี้มีแถม..หน่อยคือ..ผมเอารูป..ผู้บัญชาการป้อม..ที่ Kalunga มาให้ดู....
.....เขาคือ..Balbhadra Gunwar วีรบุรุษ..ของ เนปาล..แกเองไม่ใช่..เชื้อสายกุรข่าแท้
..มีเชื้อสายของซิกซ์..ผสมอยู่..เสร็จสงครามที่นี่..ตอนหลังก็..ไปเป็นนายพล..ให้..กษัตริย์แคว้น
ปัญจาบ(..ในอินเดีย..เป็นศูนย์กลางของ..ซิกซ์..).......
เข้ามาให้กำลังใจนะครับ
...ขอบคุณครับ..คุณrung2442..ที่เป็นกำลังใจให้....
............................................................................
...เรามาเจาะกัน..ในรายละเอียด..ของ..การรบที่ KHALUNGA(kalunga)..กันดีกว่า...นี่เป็นบทความใหม่..ที่
ผมเขียนขึ้น..ให้กับที่นี่..โดยเฉพาะ................
.......ใน..หน่วยรบ..ที่อังกฤษ..ส่งเข้ามา...หน่วยของ..นายพลกิลเลสพี...เป็นหน่วยแรก..ที่เข้าทำการปะทะ..โดย
หวังหมายจะยึดป้อมที่ตั้งอยู่ใน..สถานที่เล็กๆที่ชื่อ nalapani (อยู่ในเขตของ KHALUNGA )..ที่นี่มีป้อมขนาดเล็ก
อยู่..เพราะเป็นชัยภูมิสำคัญ..ทางทหาร..เมื่อกิลเลสพีกำลังนำทหารเดินทางเข้ามาที่นี่..บัลบราดา(Balbhadra
Gunwar)..ซึ่งตั้งหน่วยรับไว้ที่ Dehradun..ซึ่งอยู่ไม่ห่างนัก..ก็รีบนำกำลังทหารทั้งหมด..๖๐๐ นาย..เดินทางมาที่
ป้อมอย่างเร่งด่วนที่สุด..เพื่อมาเตรียมรับมือ..กิลเลสพี..เขานำทหารเข้าป้อม..เมื่อ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ..และเข้าหน้าที่
เป็นผู้บัญชาการป้อม..แทน..(ป้อม..เป็นป้อมขนาดเล็ก..มีทหารอยู่ไม่กี่สิบคน..)...
........หน่วยทหารอังกฤษ..เริ่มเข้าโจมตี..ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม..ก่อนหน้าวันประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ ๑ วัน
แผนการของกิลเลสพี..คือ..วางกำลังเข้าโจมตีทั้ง..สี่ด้านของป้อม..แต่โดยจริงแล้ว..การสื่อสารให้สัญญาน..กลับทำได้
จริงๆแค่..๒ ด้าน..เมื่อเริ่ม..เขาสั่งให้ระดมยิงไปที..ปืนใหญ่กุรข่าที่ต้งอยู่บนป้อม..เพื่อ(ยิงคลุม)..ป้องกัน..กำลังพลที่
เคลื่อนที่เข้าไปประชิดกำแพงด้านหน้า..เพื่อ..จะปีนขึ้นกำแพงป้อม...(ส่วนกำลังนี้..มีกำลังประมาณ ๑๕๐๐ นาย)...
.....กิลเลสพีเอง..เดิมยืนบัญชาการอยู่..ที่ตั้งปืนใหญที่ระดมยิงอยู่..พอหน่วยทหารของตนเข้าใกล้กำแพงป้อม..เขาก็รีบ
ออกไป..ที่แนว..เพื่อบัญชาการควบคุม..และ..กระตุ้น..ลูกน้อง..เพราะทางปืนใหญ่..ปืนยาว..ธนู..ของกุรข่า..ก็ตอบโต้
อย่างหนาแน่น..เช่นเดียวกัน...(ไอ้ผู้พัน..ผู้กอง..มีไว้ทำไม..ต้องให้..นายพลออกหน้า..นี่เขาเรียก..แส่หาที่ตายจริงๆ)
...................เมื่อกิลเลสพี..เข้ามาใกล้..กำแพงเพียง..ไม่กี่หลา...พลแม่นปืน..ของ..บัลบราดา..ก็สังเกตเห็น..กิลเลสพี
..กำลังโบ้งเบ้ง..สั่งการ..ด้วยเครื่องแบบนายพล..มันไม่ธรรมดา..เป็นที่สะดุดตา..อยู่แล้ว(สมัยนั้น..ไม่เหมือน..สมัยนี้
นะครับ..การแต่งกายชุดรบ..สามารถแยกแยะ..ได้ชัดเจน..ดูรูป..ที่ผมเอามาลงไว้ก่อนหน้านี้..ได้)..ก็เลยเข้าทางปืน
..พลแม่นปืนคนนั้น..ก็เลยเจาะจงยิงใส่...ผลออกมา..แม่นมาก..นัดเดียว..เข้าหัวใจ...กิลเลสพี..ตายทันที....
....ในการรบ..วันแรกนั้นเอง....
........กิลเลสพีเองนั้น..ไม่ใช่..นายพล(สายวิชาการ..เล่นเส้น..เลียนายเก่ง..)ธรรมดา..เขาอยู่หน่วยรบ..มาตลอด
ไต่เต้าขึ้นมา..จากผลงาน..แทบทุกสมรภูมิหลักๆ..ในโพ้นทะเล..ทั้ง..หมู่เกาะในคาริบเบียน..ชวา..สุมาตรา
..อินเดีย....อายุถือว่า..ยังไม่แก่..แค่ ๕๒ ปี....รบเก่ง..แต่มาเจอ..กุรข่าเข้า..ยังไงไม่ทราบ..
ถึงต้องเสี่ยงขนาดนั้น..คงนึกว่า..ไอ้พวกชาวเขาพวกนี้..ยิงปืนไม่เป็นมั้ง..ผลสุดท้าย..ก็ได้ตายสมใจ..ชายชาติ
ทหาร..........
.................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................
...ผมเอารูปมาให้ดู ๑ รูป...คือ..รูปเขียนเหมือนจริง....
..ของ..Major-General Sir Rollo Gillespie…..
.....พอนายตาย...อังกฤษก็เลยต้องถอน..ทหารออกไป..คุมเชิง..หน่วยทหารเสียขวัญ..แค่วันแรก..ยัง
ไม่รบกันเต็มวัน..ต้องถอนเอาศพ..กิลเลสพี..ออกมา...จำนวนวทหารตาย ๓๒ นาย..บาดเจ็บปาเข้าไป
ถึง..๒๒๘ นาย..เลยต้องกลับมาคิดหนัก...............
.....นายพลWood..และ..นายพลMarley..ที่คุมอยู่..สว่นอื่นได้ข่าว..ถึงกับช็อค..ที่กิลเลสพี..ตาย..แค่
รบวันแรก..จึงต้องกลับมาประเมิน..ความสามารถ..ของกุรข่าใหม่..วางแผนจัดอัตรากำลังใหม่..เพื่อ
สำหรับทำการรบ..ในส่วนของแต่ละคน........
...สว่นที่..Khalunga..ได้ผู้บัญชาการ..คนใหม่คือ..พันเอก Maubi( Mawbey)..(ตอนหลัง..ได้เลื่อนยศ
เป็น..นายพล)..นั่งกุมขมับสักพัก..ก็คิดได้ว่า..ไอ้อาวุธที่เตรียมมา..ไม่พอซะแล้ว..ไอ้พวกชาวเขานี่มันไม่
ธรรมดา...การรบยืดเยื้อแหงๆ..ก็เลยถอนกำลังออกมา..มาตั้งหลักที่ Dehara...แล้ว..ขอปืนใหญ่..เพิ่ม
จากหน่วยเหนือ...ที่ DELHI(อินเดีย)...เมื่อได้รับแล้วก็เดินทัพ..กลับไปใหม่...แล้ว..เริ่มการบุกใหม่อีก
ครั้ง..ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน...
............Maubi..สั่งปืนใหญ่..ยิงถล่ม..ที่กำแพงส่วนกว้างแทน..เป็น..เวลา ๓ วันเต็มๆ..เพราะคิดว่า..
การป้องกันของกุรข่า..เหนียวแน่นมาก..ถ้าใช้แผนเดิม..คือ..พยายามจะปีนกำแพง..ก็คงไม่ได้เรื่อง
มีแต่..ตาย..กับ..เจ็บ..เข้าภายในป้อมไม่ได้....สู้เจาะ..กำแพง..ให้มันแหกไปเลย..เข้าท่ากว่า....
..พอปืนใหญ่..ระดมยิงถล่มกำแพง..ถึงวันที่ ๓ กำแพง..ก็..แตกจริงๆ..(หลาย..ท่านคงสงสัยว่า..
ทำไม..ต้องถล่มกันถึง..๓ วัน..ลองกลับไปดูรูป..ป้อมที่..ผมเอามาให้ดู..จะรู้..กำแพงป้อม..ทำด้วย
หินแกรนิตเป็นก้อนๆขนาดใหญ่..ไม่ใช่..เป็นกำแพงอิฐไม่สอปูน..แบบอยุธยานะครับ...)...
.....พอกำแพงแตก..Maubi ก็สั่ง..ทหารราบ..กรูกันบุกเข้าไป..ที่ช่องโหว่กำแพง..โดยใช้อาวุธหนัก
..อาวุธเบา..ช่วยยิงคลุมให้..ส่วนตัวช่วยอีกอันก็ให้..ปืนใหญ่..ช่วยยิงกระสุนควัน..ที่ใกล้กำแพง..
ที่โหว่..หวังจะให้ควันกลบ..ระหว่างการจู่โจมของทหารที่ช่องโหว่..พวกกุรข่า..จะได้มองไม่ถนัด...
....ผลก็คือ..เหลว..เข้ากำแพงไม่ได้..เพราะกุรข่า..ยันไว้ได้..แถม..ตัวเองเสียหายหนัก....เพราะ
..ตายไปอีก..๓๗..เจ็บไปอีก..ประมาณ ๔๐๐ นาย....
.........การรบครั้งนี้..เสียหายหนัก..Maubi..ไปๆมาๆ..ก็ต้อง..มาเล่นแผน..ล้อมให้มันอดตายไป
เองแทน...อย่างที่..ผมได้เล่าไปแล้วครับ...........
....................ต่อตอนหน้าครับ.....................................................
...วันนี้..ผมเอา..การตั้งแนวปืนใหญ่..ของ..อังกฤษในยุคนั้น..มาให้ดูครับ....
......ต่อกันเลยครับ......
...............................................................สวัสดีทุกท่าน................................................
.........กุรข่า นักรบเลือดดุ..............................................................................................
......................................หลังจาก..ยุทธภูมิ.ที่..KHAlanga..แล้ว..อังกฤษ..ที่เป็นสุภาพบุรุษ
..หรือ..ผู้ดี..แต่ชื่อ..ใช้แผนสกปรก..เล่นงาน..พวกกุรข่า..แล้ว..การรบ..ก็เปิดเต็มที่..ตลอดชาย
แดน..โดยที่อังกฤษ..รุกคืบหน้าอย่างช้ามาก..ทั้งๆที่..เหนือกว่าทุกด้าน..ยกเว้นใจ..กุรข่าที่มี
กำลังพลน้อย..กว่าก็ทำการยันไว้..ด้วยจิตใจที่กล้าหาญดุดัน..ของพวกเขาโดยแท้..จึงทำให้
อังกฤษ..มีเปรียบ..ไม่มาก...หลังจาก..ยึดป้อมที่khalangaw..อังกฤษ..ก็รุกคืบมาถึงที่...
แนวป้องกันที่เมือง..Jaithak..
...ยุทธภูมิ..ที่...Jaithak….
.................ที่เมืองJaithak...ซึ่งมีJaspau Thapa และ Ranajor Singh Thapa..เป็น ผบ.ร่วม
กัน..มีกำลังกุรข่ารวม..๒,๒๐๐ คน..ที่รวม..สตรี..และเด็ก..ไว้ด้วย..วางแนวป้องกัน..ไว้..เผชิญ
หน้ากับทัพอังกฤษ..ที่ส่วนหนึ่งเคยผ่านสมรภูมิKhalangaมา..รู้ซึ้งถึงฝีมือความห้าหาญกุรข่า
ดี..จึงต้องเรียกกำลังอีกสาย..มาเสริม..ทำให้มีกำลังรวมถึง..๖,๐๐๐ คน..คราวนี้ต่างจาก..ครั้ง
ที่แล้ว..ที่ต้องป้องกันป้อม..การรบ..เป็นฝ่ายรับ..และอยู่ในวงล้อม..ครั้งนี้..เปิดการรบทางแนว
ราบกัน..ซึ่ง..ผลักกันรุกและรับ..พวกกุรข่า..ก็เกือบทั้งหมดมีแต่..คูครี..ต้องวัดดวงกับ..ดาบ
ปลายปืน..และ..ปืน..รวมทั้ง..ปืนใหญ่ด้วย..การรบครั้งนี้..อังกฤษต้องเสียไพร่พล..จำนวนมาก
จาก..ฝีมือ..กุรข่า..มีทั้งหัวขาด..หัวแบะ..ด้วย..คูครี..ฝ่ายกุรข่า..ก็เสีย..ไพร่พลไม่น้อยเชนกัน
แต่..น้อยกว่า..ทางอังกฤษ..ซึ่ง..แม้..อังกฤษ..จะรวบรวมโจมตีแนวต้านพร้อมกัน..แบบเต็มที่
ถึง..๓..ครั้ง..แต่ทางกุรข่าครั้งนี้..ไม่ได้โดนตัดน้ำแบบคราวก่อน..ก็มีเสบียง..พร้อม..จึงสามารถ
ต้านทานไว้ได้หมด..ส้รางความเข็ดขยาด..เหนื่อยล้า..และหวาดกลัวให้ทหารอังกฤษ..เพราะ
เวลาที่กุรข่า..ดาหน้า..เงื้อ..คูครี..ไว้ในมือ..จะแหกปากตะโกน..ด้วยความคลั่งแค้น..และขู่ขวัญ
ศัตรู..ทุกครั้ง.................................................................................................
.......................................ต่อตอนหน้า.....................................................................
กำลังสนุกเลย เป็นกำลังใจให้พี่ Modpong นะครับ จะเข้ามาอ่านจนกว่าจะจบอย่าทิ้งไป Scoop ดีๆแบบให้ขาดตอนนะครับ
ตามอ่านทุกวันตลอดมาครับ
...ขอบคุณ..คุณrung2442..และ..คุณ oldman..ที่เป็นกำลังใจให้..ครับ..
....สำหรับ..ตอนนี้..ก็เป็นพิเศษ..สำหรับแฟนที่นี่โดยเฉพาะ...คือเป็นการขยาย
เรื่อง..การรบที่..Jaithak..ต่อจากเมื่อวาน..เดิมผมไม่ได้เขียนไว้(ของเดิม ผมเขียน
ไว้เมื่อ ประมาณ ๒-๓ ปีที่แล้ว )..เพราะอย่างที่บอก..ผมเขียน..ปนอยู่กับ..บทความ
พระเครื่อง..ในเว็บบอร์ดพระเครื่อง..ก็คิดว่า..ไม่จำเป็นต้อง..ลงรายละเอียดกันเท่าไหร่
....แต่พอ..ผมเอามาลงที่นี่...คิดไปคิดมา..นี่มัน..Fighter club...แล้วเรื่องของเรา..มัน
ก็..เกี่ยวกับ..fighter..warrior..battle..hero …etc. ....ถ้าปล่อยไปอย่างนั้น..มันก็
ไม่ได้..อรรถรส..เท่าที่ควร..คนเข้ามาเว็บนี้..หรือ..สมาชิก..ก็ต้อง..สนใจด้านนี้..ถึงเข้ามา
อ่าน..ผมก็เลย..ตัดสินใจ..เขียนขยายขึ้น..ตั้งแต่..การรบที่..Khalunga..มาแล้ว....
..........ที่ Jaithak..นี้..ตั้งอยู่ในที่สูง..เป็น..สันเขา..สลับซับซ้อน..(ดูรูปที่..ผมเอามาประกอบ)
ความสำคัญ..คล้ายๆกับที่ๆ..nalapani(Khalunga)...คือจะมี..ป้อมเล็กๆอยู่..เพราะเป็น
เส้นทางยุทธศาสตร์..ที่ศัตรู..จะเดินทัพมุ่งหน้าเข้าใจกลาง..เนปาลต่อไป....เขาที่ว่า..นี้คือ..
ส่วนที่..เป็นชายเขา..ของเทือกเขาหิมาลัย...ป้อมนั้นตั้ง..อยู่บนสันเขา..ที่ระดับ..ประมาณ..
๑๕๐๐ เมตร..จาก..ระดับน้ำทะเล...ที่ต่ำลงไป..อยู่ไม่ห่างกันมาก..ก็มีเมืองที่..อยู่ในบนเขา
เช่นกัน..คือ..Nathan..มีประชากรอยู่..มากพอควร(ที่..บนJaiThak..ก็มี..ใกล้ๆป้อม..เป็นชุม
ชนเล็ก..กระจัดกระจาย..)..เดิมที่เดียว.. Ranajor Singh Thapa...นั้น..ตั้งกองบัญชาการ..
ป้องกันเมือง..ไว้ที่ Nathan..แต่..พ่อคือ.. Kazi Amar Singh Thapa ที่เป็นผู้บังคับบัญชา
(...ทั้งคู่นี้..ก็มีเชื้อสาย..ซิกซ์..ปนอยู่..เหมือน วีรบุรุษที่Khalunga....และ..อาจจะนับถือ..ซิกซ์
ด้วย..เพราะมีคำว่า..singh...อยู่..แต่ที่..แสดงความเป็นกุรข่าอยู่ด้วย..คือ..นามสกุล Thappa
นี่เป็น..นามสกุลใหญ่..ของชนชาติกุรข่า..เหมือน..กับ..แซ่ลี้..ของจีน..ทำนองนั้น....)..ได้ประเมิน
...สถานะการณ์..แล้วว่า..ตัวเมืองไม่น่าห่วง..ถ้าไม่มีทหารอยู่..ทหารอังกฤษ..เข้ามาก็คง..ไม่ทำ
อะไร..แต่ที่ Jaithak...นั้น..น่าห่วงกว่า..เพราะทหารอังกฤษจะเดินทัพ..ผ่านจุดนั้น..ซึ่งเป็น..แนว
เขา..คอดลงไป..(คล้ายๆช่องเขา)..ถ้าไม่ยันไว้..ทหารอังกฤษ..ผ่านไปได้..ก็จะมีโอกาศไปสมทบ..
กับ..อีกหน่วยใหญ่อื่น..จะเป็นภัยร้ายแรง..ในภาคหน้า..จำเป็นต้อง..ยัน..อังกฤษไว้ที่นี่....
...ก็เลยมี..คำสั่งให้..Ranajor..ลูกชาย..เคลื่อนกำลังพล..ออกจาก Nathan...มาที่..Jaithak..
โดยด่วน.....เพื่อวางแนวป้องกัน..ตั้งรับ..ปิดเส้นทาง...
.............การรบที่นี่..จะต่างจากที่Khalunga..มากเพราะชัยภูมิ..และ..ภูมิประเทศ..ที่โน่น..เป็น
ที่ราบเชิงเขา...การเคลื่อนพลสะดวก...และ..การปิดล้อม..ของศัตรู..ทำได้ง่าย..แต่ที่นี่..เป็นเขา..
และ..สันเขา..สลับ..ซับซ้อน..การเคลื่อนพลของศัตรู..จะต้องไต่ขึ้นที่สูง...และต้องอาศัย..สันเขา.
เป็นทางเคลื่อนที่..ของอาวุธหนัก(ปืนใหญ่)...และ..ด้วยที่ตั้ง..ซึ่ง..กุรข่าวางแนวป้องกันไว้..จึง
ไม่มีทาง..จะปิดล้อม..อย่างที่..khalunga...ได้(...ที่Khalunga..กุรข่าตั้งรับ..อยู่ในป้อม..ที่นี่
แนวตั้งรับอยู่..นอกป้อม)....
.............แล้ว..ทัพอังกฤษ..ก็มาถึง......
...............................ต่อตอนหน้าครับ.................
ภาพนี้..เป็นมุมมอง..ออกจากที่บริเวณ..ป้อม....
.....เป็นไปตามคาด..หลังจากหน่วยของกุรข่า..ออกจาก Nathan..ทหารอังกฤษ..ก็เข้ามาถึง.
Nathan..เมื่อ ๒๔ ธันวาคม กำลังพลชุดนี้..นำโดย..นายพล Martindell..โดยที่มี ..ทหารบาง
ส่วน..ที่มาจาก Khalunga..เข้ามาสมทบด้วย...(เมือง Nathan อยู่สูงประมาณ ๙๐๐ เมตร..
เหนือระดับน้ำทะเลกลาง...นั่นคือ..อยู่ต่ำกว่า Jaithak ประมาณ ๖๐๐ เมตร )..เมื่อมาถึง....
Martindell..ก็เตรียมตัววางแผน..จะเข้าตี Jaithak ในทันที...โดยวางกำลังไว้ ๒ ทางไปคนละ
สันเขา..ที่จะขึ้นไปหาJaithaK ..สันเขาทางเหนือ..มีกำลัง ๗๓๘ คน..นำโดย พันตรี Richard..
สันเขาทางใต้...มีกำลังประมาณ ๑๐๐๐ นาย..นำโดย..พันตรี Ludlow...ทหารอังกฤษ..เหล่านี้
..ส่วนใหญ่..จะเป็น..แขกอินเดีย..ที่อังกฤษ..นำมาฝึกเป็นทหารประจำการไว้(...เพื่อให้ไป..ตาย
แทน..)..ผสมกันกับ..ทหาราบของอังกฤษ.......
..........พอถึงคืน..ของวันที่ ๒๕ ...Richard..ก็นำกำลังพล..เดินอ้อมเขา..เพื่อไปขึ้น..สันเขาทาง
ด้านเหนือ..และวางแนวเตรียมเข้าโจมตีในตอน..รุ่งเช้า..ซึ่งทางสันเขาด้านนี้....Ranajor..ตั้งแนว
รับไว้แล้ว...ส่วนLudlow..นำพลเดินไต่สันเขา..ด้านใต้..ขึ้นมา....เมื่อประมาณ ตี ๓...ขณะเดิน
ทัพขึ้นมา..เรื่อยๆ..บังเอิญไปพบเข้ากับ..หน่วยสอดแนม(ตรวจการณ์หน้า)..ของกุรข่าเข้า..ก็ไล่ยิง
มา..และเดินทัพมาเรื่อยๆ..จนถึง..จุดตั้งพล..ซึ่ง..เป็นวัดเล็ก..ขณะเดียวกัน..Ludlow..เห็นว่า..การ
ป้องกัน..บางมาก..มีแนวรับของกุรข่า..เป็นระยะ..ขนาดย่อม..ยั่วกิเลส..ก็เลยวางกำลังทิ้งไว้สว่นนึง
..แล้วก็..รุกเข้าตีตามแนวป้องกันมา..เรื่อยๆ..และพวกกุรข่า..ก็ถอนตัว..ขึ้นไปบนเขาเรื่อยๆ..นั่นเอง
....Ludlow..กำลังเพลิน..เห็นกุรข่าหนี..ก็ฮึกเฮิมเพราะมีปม..ปมที่ว่าคือ..Ludlow...มาจาก...
Khalunga..ที่ๆทหารอังกฤษ..ตายเป็นเบือ..ที่ๆทำให้ทหารอังกฤษต้องอับอาย..ที่ๆชัยชนะที่ได้
มา..ได้มาจากการปิดล้อมให้อดตาย..ไม่ใช่เกิดจากการรบแบบสมชายชาติทหาร..มันคงเป็นแค้น
ที่สุมอยู่ในอก...ที่เอาชนะไอ้พวกชาวเขานี่..ไม่ได้..ทำให้เขาลืมแผนการบุก..ที่วางไว้เดิม.....
.....เดินหน้า..เข้าไปหา..พญามัจจุราช..โดยไม่รู้ตัว...ว่ากำลังหลงกล.....
.................................ต่อตอนหน้าครับ.........................
...วันนี้..ผมเอารูปบางส่วนของป้อมที่ Jaithak..ในยุคปัจจุบันมาให้ดูกัน.....
....ความจริงถ้า Ludlow จะเฉลียวใจ..ซักหน่อย..ว่า..ทำไมไอ้พวกกุรข่า..มันถอยร่น
ง่ายจัง..น่าจะนึกออกว่า..ที่Khalunga..กุรข่าสำแดง..ความกล้าหาญ..ขนาดไหน...
เรียกว่า..ถ้าผู้บังคับบัญชา..ไม่สั่งให้ถอย..พวกนี้..ก็..รบจนตัวตาย..และ..ไม่มีความ
กลัวใดๆ..ความเมามัน..อยากแก้แค้น..และสร้างผลงาน..ทำให้ลืมหมด...
..........Jaspao Thappa และ Ranajor Singh...ปล่อยให้..อังกฤษ..เดินเข้ามาหา
กับดัก..จนถึง..แนวป้องกันหลัก..แล้ว..ก็ให้..หน่วยที่ซุ่มอยู่ทั้ง..สองฝั่งไหล่เขา..เข้า
จู่โจมแบบสายฟ้าแลบ..ขนาบทั้งสองด้าน..ในระยะประชิดตัว..โดยใช้ทั้ง.ดาบและ
คูครี..ผลคือ..ทั้งหน่วย..โดนล็อค..อยู่ตรงกลาง...ผลคือ..ระเนระนาด..Ludlow..
พยายามจะตีฝ่า..ออกไป..แต่ก็ทำไม่ได้..โชคดี..ที่นำทหารไปมาก..พยายามอยู่
หลายครั้ง..จนสำเร็จ..ถอยหนี..ลงเขากลับมาทางเดิม...ส่วนทหาร..ที่วางไว้ที่วัด..
ก็..มีกำลังน้อย..และไม่มีประสิทธิภาพ..ก็ต้องถอยหนี..ตามกันมา..จนถึง..บริเวณ
ฐานหลัก..ด้านล่าง..ปรากฏว่า..มีทหารอังกฤษ..ตายไป ๓๑ นาย..และ..ทหารแขกอินเดีย.
ทั้งตาย..และ..บาดเจ็บสาหัส..ไปอีก ๑๒๐ นาย.....
...........ส่วนทางด้าน Richard..ซึ่งอยู่สันเขาทางด้านเหนือ..รออยู่..ก็สื่อสาร..กับทางใต้
ไม่ได้..รอจนถึงเที่ยงวัน...แต่ปรากฎว่า..Ranajor..กลับยกพลลงมา...เข้าโจมตีก่อน..สูญ
เสียอย่างหนัก..Richard..เห็นว่า..กระสุนใกล้หมด..และ..ทหารตนเอง..ก็สูญเสียมาก..จึง
ส่งทหาร..ไปขอการสนับสนุนและรายการณ์สถานะการณ์..ให้ Martindell ทราบ..เมื่อ..
Martindell ทราบแล้ว..จึงประเมินใหม่..เพราะ หน่วยของLudlow กลับลงมาถึง..แล้ว
ด้วยสภาพยับเยิน..เลย..มีคำสั่งให้..Richard..ถอนกำลังกลับมาที่ตั้ง..ทั้งหมด..เพราะกลัว
จะเหมือนที่ KHalunga...ปรากฎว่า..ภายในวันแรก..มีทหารทั้งอังกฤษและแขกอินเดีย..
ทั้งตาย..และ..บาดเจ็บสาหัส..หมดสภาพในการสู้รบ..มากกว่า ๓๐๐ นาย.....
.....ผลจากวันแรก..อังกฤษ..เลยหยุดแผนโจมตี..เพราะ..ประเมินแล้ว..คือ..ขืนขึ้นไป..อีก
นอกจากจะตีไม่ได้..ยังมีแต่..ตายเพิ่ม...เหลือ..แค่..คุมเชิงอยู่...จนเมื่อ..เดือนกุมภาพันธ์
..ผบ.พล..ทุกหน่วย..มาเจอกัน..และประเมินสถานะการณ์ใหม่..นายพลGillespie ตาย..
....หน่วยของนายพลWood..หยุดขี้..ที่Jitgadh..เพราะโดนกุรข่า..ยันไว้ทำอะไร..ไม่ได้
..หมดความกระตือรือล้น..คึกคะนอง....นายพลMartindell ก็ได้แต่คุมเชิง..อยู่ที่ JaiThak
..นายพลMarley..หน่วยก็เหมือนถูกปล่อยเกาะ..กระจ๊องหง่อง..เพราะปะทะกับ..กุรข่าที่
Makwanpur Gadhi ..สูญเสียหนัก..รุกต่อไม่ได้..ต้องถอยมาอยู่ที่..Betiya..
..เหลือแต่ นายพลOctorloney..ที่มีความคืบหน้าบ้าง........
..........นี่แหละครับ..การประเมิน..สถานะของ..คู่ต่อสู้..ต่ำไป..ของอังกฤษ...จึงส่งผลร้าย
กลับคืนมาหาตัวเอง...............
..รายละเอียด..ในการรบนี้..เป็นหลักฐานจาก..ประวัติศาสตร์ทางทหาร..จากของ
ฝรั่ง..ทาง..เนปาลเองไม่ได้..มีในด้านรายละเอียด..เพราะฉะนั้น..บางอย่าง..ที่ผม
เขียนไป..ในบทความเดิม..ก็อาจมีการขัดแย้งกัน..บ้างเล็กน้อย...
............ต่อตอนหน้าครับ..............กลับเข้า..บทความเดิม....
กำลังเพลิดเพลินก็จบตอบซะละ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับ
.....สมรภูมิ..ต่อไปครับ..นายพลMorley..ที่กลาวถึงนี้..ก็คนเดียว..กับ..นายพลMarley
ที่..ผมกล่าวถึงไปตอนที่แล้วนั่น..แหละครับ..ประวัติทางกุรข่าเขียนมา..เขาเรียก Morley...
.......................................................................กุรข่า..นักรบเลือดดุ.............................
.......อังกฤษเปิดแนวรบหลายด้านพร้อมกัน..โดยทำเหมือนจะบุกไปเรื่อยๆ..แต่ความจริงกอง
กำลังสายหลักของนายพลMorley(ที่มีกำลังรบ ๘,๐๐๐ คน มากที่สุด)..กำลังเปิดแนวแหวกเพื่อ
ให้เข้าไปถึง..กัฏมัณฑุ(เมืองหลวง)..ให้เร็วที่สุด..ซึ่งให้เห็นอย่างชัดเจน..คือ..ไม่ใช่ทำมาก่อ
กวน..ชวนทะเลาะ..เฉยๆ..แต่เจตนาจริง..คือจะยึดบ้านเลย...แต่AmarSinghThappaยอดแม่
ทัพใหญ่แห่ง..กุรข่า..อ่านเกมส์ออก..ได้วางกำลังรับมือไว้โดยส่ง..ขุนพลมือฉกาจ..คือ Rana
BirSinghThapa..ออกไปตั้งทัพรอที่..Kawamanpur(Makwanpur).................
........สมรภูมิเลือด..ที่ PARSA……
....................นายพลMorley..แบ่งกำลัง..ตัวเอง..ออกเป็นสามสาย..โดยให้รุกคืบหน้าอย่าง
รวดเร็ว..เพื่อ..ไปยึด..เมืองหลวงให้เร็วที่สุด..ส่วนขุนพลRanaรับทราบข่าว..จึงส่ง..มือขวา..และ
มือซ้าย..แยกกำลังเป็นสองส่วนเร่ง..ออกไปจู่โจมทันที..ซึ่งมา..จ๊ะเอ๋..กันที่ parsa..และ..
Samanpur...โดยที่ทางอังกฤษ..นึกว่า..ถ้าเจอกองกำลังกุรข่า..ก็ปะทะกัน..ตามรูปแบบ..ซึ่ง
กำลังพลส่วนนี้ของ..Morleyยังไม่เคยเจอ..ของจริงมาก่อน..ก็คงกะว่า..เจอ..ขนมกรุบ..เพราะ
ได้ข่าวมาว่า..กุรข่า..มันมีแต่มีดอย่างเดียว..ในการรบ..ตัวกูเอง..มีทั้งปืนยาว..ปืนใหญ่..จะไป
เหลือ..ได้ยังไง..ฮ่ะ..ฮ่ะ...ปรากฏว่า..ออกมาจริงๆ..กลายเป็นหนังคนละม้วน..เพราะ..นี่คือสิ่งที่
..กุรข่าถนัด..เพราะกลยุทธที่ถนัดที่สุดคือ..การบุกแบบ...สายฟ้าแลบ..เนื่องจาก..ใช้คูครี..เกือบ
ทั้งหมด..จึงต้องวิ่งเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว...ส่วนการรบรูปแบบของอังกฤษ..จะต้องรอผู้บัง
คับบัญชาสั่ง..ให้ตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน..ทั้งยืนยิง..นั่งยิง..นอนยิง...เรียกว่าว่า..การบุกของ
กุรข่า..เป็นแบบลุยเร็ว..และอิสสระ..เรียกว่า..กล้าตายทุกคน..คือเมื่อ..ดาหน้าเข้าไป..ก็ต้องมี
คนโดนยิง..เป็นธรรมดา..แต่ก็เป็นเกราะให้อีกคนถึง..ตัวทหารอังกฤษ..ที่มัวแต่บรรจุลูก(ปืน
แก็ป..ครับ..ต้องหยอดดินปืน..เอาเหล็กกระทุ้งให้แน่น..ใส่หมอนรองลูกกระสุน..เอาลูกกระสุน
ยัด..แล้วต้องเอาเหล็กกระทุ้งอีกที)..และจัดขบวนตาม..ผู้บังคับบัญชา..ส่วนผู้บังคับบัญชาของ
กุรข่า..ลุยไปพร้อมๆกับลูกน้อง..จึงทำให้รวดเร็วในการบุก.......ผลคืออังกฤษ..ไม่เคยเจอแบบ
นี้มาก่อน..เพราะกุรข่า..ที่วิ่งมาใส่..เงื้อ..คูครี..มาแต่ไกล..และส่งเสียงร้องตลอด..แม้กำลังพล
มากกว่า..ก็ขวัญเสีย..ทำให้เสียกระบวน..รบ..เพลี่ยงพล้ำ..โดนฆ่าตาย..เป็นจำนวนมาก..ระดับ
นายทหาร..ก็ตายไม่น้อย..กองกำลังของMorley..จึง”ละลาย”(..ศัพท์เทคนิคของทหารไทย)..
แตกพ่ายยับ..นายพลMorley..วิ่งหนีตายพร้อมลูกน้องแบบ..แทบเอาชีวิตไม่รอด..ผลคือ...
กุรข่า..สามารถ..ยึด..อาวุธ.ปืน..และเครื่องกระสุน..ได้เป็นจำนวนมาก........................
.............................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................................
กำลังสนุกเลยจบซะแล้ว พรุ่งนี้มาต่อใหม่นะครับ
.........ขอบคุณครับ..คุณ aunna และ คุณ rung2442..ที่postมา..เป็นขาประจำ..
.......ต่อเลยครับ.........
.....กุรข่า..นักรบเลือดดุ...............................................................................................
......................................หลังจากความพ่ายแพ้ของนายพลMorley..ที่ยุทธภูมิ Parsa......
...ทำให้..อังกฤษ..ต้องประเมิน..กุรข่า..ใหม่..ปรับรูปแบบ..การรบ..และนำกองกำลังสำรอง..ที่
กั๊ก..ไว้ ๒,๕๐๐ คน..มาทดแทน..ของเดิม..ที่ตายไป......ส่วนกำลังสายที่๓..ภายใต้การนำของ
นายพลWood ซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในมือ ๔,๐๐๐ นายได้เดินทางมาเพื่อจะโจมตีเมืองNuwakot
..ซึ่งทางกุรข่าทราบข่าว..ขุนพลกุรข่าUjir Singh..ก็นำกองพลกุรข่า..เข้าดักโจมตีก่อน..โดย
การปะทะเกิดที่ Jeetgarh ..ใกล้เมือง Butwal..อย่างดุเดือด..เลือดกระจาย..
.......ยุทธภูมิ เลือด..เดือด.. Jeetgarh
........ทางสายกำลัง..ของนายพลWood..ก็ยังไม่ได้..รับทราบข้อมูลการพ่ายแพ้ยับเยินของ
Morley..และก็เช่นกัน..ยังไม่เคยได้มีการปะทะเป็นเรื่องเป็นราว..จึงทำให้อยู่ในความ..ประมาท
..และลำพอง..เชื่อมัน..ในความสามารถ..ของทหารอังกฤษ..ที่เรียกว่า..มีอาณานิคมกระจาย
เยอะจน..บอกอย่างภาคภูมิใจว่า..”อาทิตย์..ไม่เคยตก..ในแผ่นดินอังกฤษ”..เรียกว่า..พอเจอ
ของจริง..ก็มัวแต่ตะลึง..เพราะUjir..ใช้กลยุทธสายฟ้าแลบ..ตามถนัดของกุรข่า..คือ..จู่โจม..
เข้าตี..ในระหว่างที่ทัพอังกฤษ..เดินหน้าเข้ามา..เจอสวนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว..ตีจนทัพอังกฤษแตก
กระจาย..ทำให้แผนเดิมของWOOd..ชะงักทันที..กำลังของตัวเองปั่นป่วน..ตายเป็นผีหัวขาด..
จาก..คูครี..ไปก็เยอะ..ต้องใช้เวลารวบรวมพลที่แตกกระจายกันคนละทางเป็นเวลานานพอควร
..กำลังลดทอนลง..ส่วนUjir..ก็มีเวลาที่จะไปตั้งแนว..เตรียมเสบียงอาวุธ..รับมือ..การบุกของ
Wood..ที่Butwalเมืองหลัก...คงมีคนสงสัยว่า..ทำไมUjir..ไม่ตามตี..ให้เละไปเลย..ตามหลัก
การยุทธที่ฝ่ายโจมตีมีกำลังพล..น้อยกว่ามาก..จะไล่ตามตีต่อ..ถ้าเข้าตีลึกมากไป..แม้..ฝ่าย
ศัตรู..จะกระจายก็จริง..แต่ถ้าพวกที่กระจายกลับมารวมได้ใหม่เร็ว..จะกลายเป็นการ”ถูกล้อม”
ทันที...Ujirคงทราบดี..จึงไม่ตามตีต่อ..เพราะบรรลุวัตุประสงค์แล้ว..คือ..ข่มขวัญ..ทอนกำลัง
..และถ่วงเวลา..ซึ่งนั่นก็คือ..”การโจมตีแบบฉาบฉวย”..และอีกอย่าง..Ujirเองคงไม่อยากเสีย
กำลังพลให้มากไปกว่านี้..เพราะยังมีภาระกิจ..ที่จะต้องไปรักษาButwalด้วย...................
..............Wood..หลังจากถอยไปตั้งหลักรอรวบรวมพล..ปรับแผนใหม่..และประเมินได้ว่า...
กุรข่า..แม้ชื่อจะคล้ายๆแขก(นับถือ..ฮินดู..ก็เลย..จะมีคำว่า..Singh..เหมือนแขก)..แต่ทั้ง..หน้า
ตา..รูปร่าง..ก็ไม่เหมือนแขก..และที่แน่ๆ..ไม่หมูเหมือนแขก..ด้วย..ยิ่งใจนี่..ฟ้ากับเหว..แม้แต่
ทหารอังกฤษที่ถือว่า..ห้าวหาญ..ยังไม่ได้ครึ่ง..กุรข่า.......ใช้เวลาถึง..๓ เดือน..รวบรวมพลเต็ม
สูบ..อาวุธหนัก-เบา..ครบ..คราวนี้เป็นฝ่ายบุกมั่ง..เข้าตีButwal..ด้วยแสนยานุภาพเหนือกว่า..
ทุกกระบวน..ทั้งคนทั้งอาวุธ..ปรากฏว่าUjir..และทหารกุรข่าของเขา..แสดงให้เห็นว่า..ไม่ได้เก่ง
แค่..โจมตีแบบสายฟ้าแลบอย่างเดียว..การตั้งรับก็เหนียวแน่น..ทรงไว้ด้วยประสิทธิภาพด้วย
ความห้าวหาญของ..เลือดกุรข่าทุกคน..สามารถตั้งรับ..และ..ออกมาบุกให้Wood...ต้องแตก
พ่าย..ไปอีกครั้ง..อย่างช้ำชอก..เสียไพร่พลไปมากมาย..จนไม่สามารถรวบรวมพลกลับมาบุก
ได้อีก...........................................................
.............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
...วันนี้ผม..เอารูป..แนวตั้งรับของทหารอังกฤษ..ในยุคนั้นมาให้ดูกัน
...ว่ากันต่อเลยครับ....
.............กุรข่า..นักรบเลือดดุ.........................................................................................
...การรบทั่วไป..อังกฤษ..จะบุกเข้าพื้นที่ของเนปาล..มาได้ไม่มาก..จะสามารถผ่าน..เมืองเล็กๆ
..ที่มีความไม่สำคัญ..มาได้..โดยเมืองเหล่านี้..จะมีเหล่ากองทหารกุรข่าขนาดย่อม..เข้าปะทะ..
ปะทะ..ถ่วงเวลาตอดนิด..ตอดหน่อย..แล้วถอยสร้างความเสียหายและทำลายขวัญด้วยกลยุทธ
อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว..แล้วจะมารวม..กับกำลังหลัก..ที่เมืองใหญ่..เพราะทหารเหล่านี้..ที่..
กลับมาสมทบ..สามารถ..มารายงานสภาวะ..และสถานะ..ของศัตรูที่กำลังจะมา..ให้ผู้บังคับบัญ
ชาใหญ่..ทราบ..ข้อมูลในการรบทุกๆด้าน..ทั้งอาวุธหนักมีเท่าไร..มีกำลังพล..เท่าใด..แบ่งเป็น
..หน่วยไหนบ้าง..การเคลื่อนที่เป็นยังไง..เมื่อได้ข้อมูล..ต่างๆมา..ผบ. ก็สามารถมาวางแผนทั้ง
รับและรุก..ได้อย่างมีประสิทธิภาพ..ทั้งๆที่ด้อยกว่าทุกอย่าง..แต่เหนือกว่าเรื่องใจ..อย่างเดียว
..อย่างสมรภูมิต่างๆดังที่ผมได้..เล่าไปก่อนหน้านี้....................................
........................AmarSinghTappa..แม่ทัพใหญ่ของกุรข่า..ทำหน้าที่รับผิดชอบแนวรบตะวัน
ตก..ทั้งหมด..ตั้งทัพใหญ่อยู่ที่Gadwan..เพราะรู้ว่ากำลังใหญ่หลักของนายพลOctorlonyซึ่ง
นำกำลังสายหลักที่๑..ที่กำลังพลและอาวุธยุโธปกรณ์มากที่สุด..จะต้องเข้าตีที่นี่เพื่อเปิดทางเข้า
เมือหลวงแน่..ก็เป็นจริงดั่งคาดเพราะAmarวางกำลังพลส่วนย่อยไว้ที่NalagarhและRamgarh
๕๐๐ คนโดนอังกฤษ ๖,๐๐๐ คน..เข้าโจมตี..และพวกนี้ก็ถอยอย่างรวดเร็ว..ตามกลยุทธที่ผม
บอกไป..ข้างต้น(..ลักษณะ..ทำหน้าที่..หาข่าว..ไปด้วยในตัว)..ลักษณะการ..ฝ่ายกุรข่า..ก็จะ
คล้ายกับ..สมรภูมิJeetgarh..ในตอนที่แล้ว..Amar..รับฟังข้อมูลแล้วก็รีบวางแผน..รับและรุก..
ทันที.......................................................
.........สมรภูมิ..วัดกึ๋น..ของ ๒ ผู้ยิ่งใหญ่..ที่GADWAN
....................แต่ที่ต่างกัน..คือ..นี่คือ..การสู้กัน..ของ..แม่ทัพใหญ่ทั้งคู่..ที่มีประสพการณ์..และ
เป็นการปะทะกัน..ด้วยกำลังหลัก..ของทั้งคู่..ที่มาแปลก..คงเพราะAmar..ประเมินแล้วว่า..ถ้าไม่
ทำลาย..และ..บั่นทอน..ทัพอังกฤษอย่างหนักตั้งแต่ต้น..ขืนคอยตั้งรับ..แล้วทัพอังกฤษ..ตั้งค่าย
ได้..ด้วยกำลังคนและอาวุธหนักที่เอามา..ก็คงจะตั้งรับได้ไม่นาน..สู้ข่มขวัญตั้งแต่ต้นเลย..ขณะ
ที่Octorlony..กำลังชะล่าใจ..เพราะเพิ่งไล่ตี..กุรข่า๕๐๐คน..หางจุกตูด..ร้องเอ๋ง..กลับไปให้..
เจ้านายปลอบอยู่..นี่คือจุดเปลี่ยน..Amarเห็น จุดที่ว่า..อังกฤษกำลังเหิม..และประมาท..ที่ผ่านมามัน
..ขนมกรุบเหลือ เกิน..นี่กลับเป็นดี..ถ้าเขาชิงบุกสวนก่อนด้วยกำลังทั้งหมด..ก็จะทำลายขวัญ
..และกำลังพลได้มาก..เพราะอังกฤษตั้งตัวไม่ทัน..และนึกว่า.กุรข่าต้องอยู่ในแนวต้านรับ....
.....ดังนั้น..เมื่อOctorlony..เดินทัพ..มายังไม่ถึงที่คาดว่าจะตั้งค่าย..วางกำลังพลเพื่อเข้าตี..
GADWAN.. ปรากฏว่า...กองลาดตระเวนสอดแนม..ที่ส่งมาก่อน..โดนกุดหัว..ด้วย..คูครี..ไป
หมดแล้ว..เพราะไปจ๊ะเอ๋กับ..ทัพใหญ่ของAmarที่ยกออกมาเพื่อจะโจมตีแบบสายฟ้า แลบ..ตาม
แบบกุรข่า..เลยไม่มีหัว..ที่จะกลับไปแจ้งให้ทัพใหญ่ของOctorlonyทราบ...แล้วหายนะก็มาถึง
..ทัพอังกฤษ..แบบฟ้าแลบ..เพราะที่ผมบอก..ว่ากุรข่าเวลาบุก..ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันเขามีธรรม
เนียม..ในการตะโกนข่มขวัญ..แล้วท่านทั้งหลายลองนึกภาพ..คน..สามสี่พันคนตะโกนแหกปาก
สุดชีวิตพร้อมกัน..วิ่งดาหน้า..แล้วเงื้อ..คูครี..ค้างไว้ในมือ..มาเป็นแผงๆดำมืดไป..หมด..แถม
สวนทิศ..กันด้วย..ฝ่ายหนึ่งเดินเข้าไป..อีกฝ่ายวิ่งเข้าไป...อะไรจะเกิดขึ้น...............
.....................................................ต่อตอนหน้าครับ................................................
ตามอ่านทุกวันติดหนึบเลยครับ^^
ตามอ่านทุกวันและคงจะตามอ่านไปอีกจนถึงเดือนหน้าครับ
...ขอบคุณครับ..คุณhinoi..และ..คุณOldman..ที่ติดตามและให้กำลังใจครับ..
...การรบกำลังดุเดือด..อ่านต่อเลยครับ.....
..........กุรข่า..นักรบเลือดดุ............................................................................................
............................................เกิดอะไรขึ้น..เหรอครับ..แค่ โมเมนตั้ม(Momentum)..กุรข่า
ก็ได้เปรียบแล้ว..เพราะมาแรงและเร็ว..กลายเป็น..สงครามละเลงเลือด..อย่างแท้จริง..เพราะ
กุรข่าเล่น..คลุกวงในเข้าประชิดตัว..ทหารอังกฤษ..ยิงได้นัดเดียว..ถูกหรือเปล่า..ก็ไม่รู้..ถ้าถูก
ไม่ที่สำคัญ..อย่าหวังจะหยุดกุรข่าได้(พิสูจน์..ได้จากภายหลัง..กุรข่า..ได้เหรียญVICTORIA
CROSSเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดของอังกฤษ..ได้มากเกือบเท่าๆกับคนอังกฤษเอง..และความ
ที่เป็นคนนอก..ก็ต้องกล้าหาญมากกว่าคนอังกฤษ ๒ เท่าถึงจะได้เหรียญนี้...ผมจะเล่าวีรกรรม
ของ..กุรข่าหน้าบ้านนอกเด๋อด๋า..ที่..นิ้วขาด..แขนใช้ไม่ได้ไปข้างนึง..ตาบอดไปข้างนึง..ใช้มือ
ข้างเดียว..บรรจุกระสุนปืนยาว..ยิงไปด้วย..รบอยู่คนเดียว..๔ ชั่วโมง..ฆ่าทหารญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น
(ว่าเล่นเท่าไหร่..จะมาเล่าภายหลัง)...เมื่อถึงเวลา..)....ฉะนั้นโอกาศที่ทหารอังกฤษ..จะตายเป็น
ผีหัวขาด..จึงมีสูง..เพราะถึงแม้จะใช้ดาบปลายปืน(เพราะใส่กระสุนไม่ทัน)..เมื่อเจอกับ..กุรข่า
ที่ใช้..คูครีที่สั้น..และมีประสิทธิภาพ..กอปรกับกุรข่าฝึกการใช้..คูครี..ต่อกรกับ..อาวุธยาวของ
ศัตรู..เป็นปกติอยู่แล้ว..ก็..นรกย้ายข้างมาอยู่ทางฝั่งอังกฤษ..กว่าครึ่ง..แถมทหารอังกฤษถูก
ฝึกใช้ดาบปลายปืน..กับ..ดาบ..หอก..และดาบปลายปืนด้วยกัน..อาวุธยาวทั้งนั้น..ก็เข้าทาง
กุรข่า..ตอนนี้..นรกมากว่าค่อน..แถม..ระหว่างเดินทัพปกติ..ปืนจะไม่ติดดาบปลายปืนครับ..
...ดังนั้น..กว่าครึ่ง..ไม่ทันติดดาบปลายปืน..ไว้ก่อนแน่..ไอ้จะล้วงดาบปลายปืนมาติด..ก็คงไม่
ทันละครับ..หัวขาดก่อน..นั่นคือ..นรกมารออยู่ตรงหน้า....การตลุมบอนเกิดขึ้นรวดเร็ว..จน..
อังกฤษ..ตั้งตัวไม่ทัน..ทัพด้านหลัง..ก็ทำอะไรไม่ถูก..เพราะเอาปืนยิงเข้าไป..ก็เจอ..พวกเดียว
กันเอง..ปืนใหญ่ก็เช่นกัน..การบัญชาการเลยรวน..สับสน..แล้วขณะที่กุรข่า..เดิน(วิ่ง)หน้า ฆ่า
มัน..เมื่อเกิดช่อง..พวกด้านหลัง..ก็หนุนเข้าแทน..เรียกว่า..ไม่ให้มีการชะงักในการบุก..(นีคือ
หลักการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ..)เวลาไม่นาน..ทัพด้านหน้าก็”ละลาย”..Amarโจมตีต่อเนื่องไป
ถึงกลางทัพ..เพราะหวังผลเต็มที่..ทหารอังกฤษเองก็ต้องสังเวย..ลูกกระสุนพวกเดียวกันไปไม่
น้อย..Octorlony..ถึงช็อกเพราะ..ปรับรูปขบวนการรบไม่ทัน..การควบคุม..ล้มเหลว..ตัดสินใจ
ไม่ถูก..ขณะที่กองหน้ากุรข่า..ของAmarใกล้จะมาถึง..เพราะตอนนี้..แนวยุ่ยไปหมดแล้ว..เลย
ต้องสั่ง..ถอยออกจาก..พื้นที่สังหารหมู่..ไอ้พวกเสื้อแดง(..หมายถึง..ทหารอังกฤษ)..โดนด่วน
..Amarและผู้กล้ากุรข่า..ทั้งหลายไล่ตามฆ่า..พวกที่ใกล้ไปอีกพัก..จึง..กลับ..พร้อมกับเก็บปืน
อาวุธเบา-อาวุธหนัก(ปืนใหญ่)..เป็นจำนวนมากพร้อมสะเบียง..เอากลับ..ไปGADWAN.....
......Octorlony..ที่ตอนนี้หายซ่าไปแล้ว..ให้ม้าเร็วส่งจดหมายไปที่ Lord Hesting ผู้สำเร็จราช
การอินเดีย..เพื่อขอทหารเพิ่ม..เพราะตายไปเป็นพัน..บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน..กำลังที่มีอยู่ไม่มี
ทางตี GaDwanได้..หลังจากได้รับทหาร..เสบียง..และอาวุธเพิ่มแล้ว..ก็กลับเข้าไปตี..Amarที่
GADWANอีก..หลายครั้ง..ก็ไม่ประสพความสำเร็จมีแต่ตายเพิ่ม..เพราะตอนนี้.กุรข่าไม่เหมือน
เดิมแล้ว..เพราะ..เอาปืนยาว..และ..ปืนใหญ่อังกฤษเอง..มาฆ่า..อังกฤษเจ้าของเอง....ทำให้
ประสิทธิภาพ..การตั้งรับ..เพิ่มขึ้นมาก..AmarSinghTappa...จึงได้รับการยกย่อง..กับผลงาน
ครั้งนี้..เป็นอย่างยิ่ง...............................................................................................
...........................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................................
..นี่ครับ Lord Hastings..ผู้สำเร็จราชการอินเดีย..เท่ห์มั้ยครับ....
.....ต่อกันเลยครับ....
......กุรข่า..นักรบเลือดดุ............................................................................................
......................................การรบ..ของอังกฤษ..ที่ได้เปรียบส่วนของกุรข่า..คือ..การปิดล้อม
ชายแดนทั้งหมด..ผมเคยบอกไปตั้งแต่ตอนต้น..แล้วเรื่องที่..สินค้า..ต่างๆ..แม้กระทั่ง..อาหาร
ยารักษาโรค..ก็..อาศัยการ..แลกเปลี่ยนซื้อขายกับทางอินเดียเป็นหลัก..เมื่อ..เวลา..ผ่านไปๆ
..แม้..การรบของกุรข่า..จะยันอังกฤษได้..แต่เสบียง..ก็..ร่อยหรอลงทุกที..แนวต้านหลายแนว
ด้านฝั่งตะวันตก..ที่ยันไว้ได้..ก็ต้องเจอปัญหา..เสบียงกรัง..ซึ่งตอนนี้เริ่มจะเดือดร้อน..กันทั้ง
เนปาล..แล้ว..และเริ่มต้อง.ลดเสบียง..ลง..การนำส่งเสบียง..ก็ลำบากขึ้น..ทำให้แนวต้านต่างๆ
ต้อง..ขยับมาทางตะวันออก..คือ..ค่อยๆขึ้นเขา..มาเรื่อยๆ..พูดง่ายๆก็คือ..อังกฤษ..ก็..สามารถ
ค่อยๆ..รุกคืบมาได้เอง..โดย..ไม่ต้องเสียไพร่พลมาก..เพราะรู้ว่า..เนปาล..กำลังลำบาก..เพราะ
อด..การเข้าโจมตี..ก็เป็นการฆ่าตัวตายเปล่าๆ..สู้คุม..รักษาระยะ..เคลื่อนที่ตามแนวต้านที่ค่อยๆ
ถอย..ไป..บีบให้มันอดอยาก..เดี๋ยวเสบียงมันหมด..มันก็ไม่มีปัญญา..มาสู้เอง..จำที่ผมเคยเล่า
เรื่องปัญหากับ..ทิเบต..ได้มั้ยครับ..ก็เรียกว่าแม้จะสงบศึกไป..แต่ก็กลายเป็นไม้เบื่อ..ไม้เมา...
ควันกรุ่นๆ..พอทิเบต..รู้ว่า..เนปาล..กำลังโดนอังกฤษล้อม..ทิเบต..ก็เลยชอบไป..และทำไม่รู้ไม่
ชี้ไปเลย..ความจริงการค้าของ..สองประเทศ..หลังสงคราม..ก็ลดลงไปมากแล้ว..เนปาลเลยไม่
สามารถ..พึ่งทางเนปาลได้..อีกทั้ง..สิกขิม..ที่อยู่ทางใต้..ซึ่งสร้างปัญหา..มานาน..ก็ยุติการค้า
กับเนปาล..ไปเลย..ยิ่งมี..กำลังส่วนแยกของอังกฤษ..ส่วนหนึ่ง..ไปช่วยยุยง..และรับปากช่วย
สิกขิม..สิกขิมยิ่งชอบ..โดยนายพลLaitor..ที่นำกำลัง ๒,๐๐๐ ไปสนับสนุน..สิกขิมด้วย.....
......เนปาล..เลยกลายเป็น..เสือลำบาก..และกำลังจะติดจั่น..โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง..ข้างรัฐบาล
ก็เครียดหนัก..เพราะอังกฤษค่อยๆคืบมา..เรื่อยๆ..การที่อังกฤษ..จะถอยออกไปง่ายๆ..ไม่มีทาง
เพราะ..อังกฤษเปลี่ยนกลยุทธ..เพราะรบแล้วสู้..กุรข่าไม่ได้..ก็เลยใช้วิธีบีบแทน..ให้เข้าตาจน
เอง...เนปาลเป็นประเทศที่อยู่เชิงเขาหิมาลัย..เมื่อแนวตะวันตก..ค่อยๆถอยมา..นั่นก็คือ..ค่อยๆ
ขึ้นที่สูงมาทุกที..ผบ. AmarSinghTappa..เองก็อยู่ที่Gadwan..ต่อไม่ได้..แม้อังกฤษ..จะทำอะ
ไร..ไม่ได้..ก็ต้องเจอปัญหาที่ว่า..ต้องขยับแนวร่น..ขึ้นมาอยู่บนที่ราบสูงDEUTHAL(Deothal)
..จน..ต้องมาตั้งกองบัญชาการที่ป้อมMaluan..เพื่อจะยัน..ไม่ให้อังกฤษ..คืบหน้าได้อีก.....
....................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................
จะติดตามตามอ่านไปเรื่อยเรื่อยครับ
....ขอบคุณครับ..คุณJamm..ที่ติดตามอ่าน..แต่ถ้าตามตลอด
..สงสัยเลยเดือนหน้า..ก็คงยังไม่หมด...
...............ต่อกันเลยครับ..สงครามละเลงเลือดกุรข่า.....
........กุรข่า..นักรบเลือดดุ..............................................................................................
.............................................กองกำลังอังกฤษ..ที่ค่อยคืบ.มุ่งหน้า..สู่ ที่ราบสูงDeothal..
พร้อม..กำลังรบ..เสริม..เต็มพิกัด..งวดนี้..ใช้ช้าง..บรรทุกปืนใหญ่..เป็นจำนวนมาก..ขึ้นเนินเขา
มาด้วย..กองพันทหาร..ที่เป็นแขกอินเดีย..๒ กองพัน..กองพันที่เป็น..ทหารอังกฤษ ๑ กองพัน
(เป็น GRENADIER(ทหารราบรักษาพระองค์)ประมาณ๑,๐๐๐นาย..รวมกำลังเป็น ๓,๕๐๐ นาย
..พร้อมกับ..อาวุธ..และ..เสบียง..เพียบ..เพราะมุ่งมั่นมาก..และได้บทเรียนจาก AmarSingh
Tappa..มาแล้ว..ได้ตั้งแนว..ที่จะล้อมป้อมMaluan..ไว้ห่างๆ..โดยอาศัย..ปืนยาว..และปืนใหญ่
ถล่มอย่างเดียว..โดยจะไม่เข้าตีแบบปกติอีกแล้ว..กันพวกกุรข่า..ออกมาลุย.......
.........................จนถึงเย็น..วันที่๑๕..เมษายน คศ. ๑๘๑๕ BhaKti Thappa..ขุนพลเฒ่าผู้เจน
ศึก..ซึ่งวางแนวป้องกันที่Surigargh..อยู่ไม่ห่างจาก..ป้อมMaluanเป้าหมายหลัก..ของอังกฤษ
เท่าไหร่นัก..ได้แอบสังเกตุการณ์..กำลังทหารอังกฤษ..ที่วางกำลังอยู่..ก็คิดในใจว่า..คงหนัก
หนาสาหัส..แน่..ขุนพลเฒ่ากุรข่า..วัย..๗๔ ปี..ก็นำกำลังทั้งหมด๔๐๐..หลีกเร้น..อาศัยความมืด
หนีสายตา..ทหารสังเกตุการณ์อังกฤษ..แอบเข้าป้อมจนได้..เพื่อสมทบกับ ผบ.สูงสุดกุรข่า..
AMarSinghTappa..........
............... สมรภูมิละเลงเลือด DEOTHAL……………………………………………
....ขุนพลเฒ่าBhakti..ขอต่อ..Amarว่า..ดูถ้า..พวกอังกฤษมันคง..ไม่บุกเข้ามา..โดยใช้ปืนยาว
..และปืนใหญ่..ถล่มพวกเราไปอย่างนี้..เรื่อยๆ..และบีบให้เราต้องสละป้อม..หรือ..ไม่ก็ต้องยอม
แพ้ต่อมัน..เพราะขาดเสบียง..ตัวเองพร้อม..นักรบกุรข่า..๔๐๐ คน..ที่มาด้วย..จะออกจากป้อม
เพื่อ..ไปฆ่าทหารอังกฤษเอง..โดยสาบานไว้ว่าทุกคน..รวมทั้งตัวเองยอม..สละชีพเพื่อชาติ..จะ
รบจนตัวตาย..ไม่มีการถอย..ให้เกียรตินักรบกุรข่า..ได้จารึกไว้(คำขวัญของทหารกุรข่าทุกคน.
..ใช้จน..ปัจจุบันนี้..ในภาษาอังกฤษ..เขียนไว้ว่า...BETTER DIE THAN TO BE A COWARD
...ซึ่งแปลเป็นไทยว่า..ยอม..ตาย..ดีกว่า..จะเป็น..คนขี้ขลาด...)..BhaKti ได้สั่งเสียกับ..หลาน
ชาย..ที่เป็นนักรบกุรข่าเช่นกันซึ่งอยู่กับAmar...ให้ปกป้องAmar..จนกว่าชีวิตจะหาไม่...........
.......แล้ว ๐๓.๑๕ ของเช้า..วันที่ ๑๖ เมษายน ๑๘๑๕ เสียงกลองเบาๆ..ก็ลอยมาถึง....
ทหารอังกฤษ..เพื่อปลุกให้ทหารอังกฤษได้ตื่นขึ้น..แต่มันไม่ใช่..เสียงกลองของทหารอังกฤษ
แต่เป็นกลองของ..นักรบกุรข่าในบังคับบัญชาของฺBhakti..เพื่อให้อังกฤษ...รู้ว่าสุภาพบุรุษชาติ
นักรบกุรข่า..ขอเชิญ..เหล่าทหารอังกฤษ..เตรียมพร้อมได้................................
.............พร้อมกับเสียงกลองที่ดัง......ประตูใหญ่..ป้อมMaluan...ก็เปิดออก......................
........................................ต่อตอนหน้าครับ...............................................................
..วันนี้..ผมเอารูปทหารGrenedier ของอังกฤษที่ถือว่า..รบเก่งกาจ..มาให้ดู
..เอกลักษณ์..ที่เห็นแต่ไกลในสนามรบคือ..หมวกที่วิจิตรพิสดาร..และ..รูปทรงแปลก
ตามอ่านทุกวันครับจะถึงสิ้นปีก็ไม่มีปัญหา
เช่นกันครับ กี่ปีก็รอได้ :)
...ขอบคุณครับ..คุณoldman..และ..คุณRung2442..ที่ให้กำลังใจ..และติดตาม..
....การรบกำลังเข้มข้น..เชิญติดตามต่อเลยครับ.....
.......กุรข่า..นักรบเลือดดุ..............................................
.......................จารึกแห่งเกียรติศักดิ์นักรบกุรข่า..ที่เอาเลือดทาปฐพี..DEOTHAL...............
..............................................ภาพที่ปรากฏแก่สายตา..ทหารอังกฤษ..พร้อมกับ..เสียงย่ำ
เท้า.นักรบกุรข่า๔๐๐ คน..คือเหล่าผู้กล้า..นำโดยขุนพลชรา..วัย๗๔ ปี..Bhakti THappa..กับ
นักรบของเขา..เดินออกมาแบบช้าๆ..ไม่เร่งรีบ..ขณะเดียวกัน..ผู้บังคับบัญชา..และ..นายทหาร
อังกฤษ..ก็สั่งการเตรียมพร้อม..อาวุธทุกชนิด..เล็งไปที่เป้า...เมื่อ...Bhakti..ซึ่งตอนนี้เด่นมาก
เพราะ..ทั้งผม..หนวด..ขาวโพลนไปด้วยความชรา..ปลิวไสว..นำ..นักรบกุรข่าทั้ง ๔๐๐ คน
ออกจาก..ป้อมหมดแล้ว..เสียงกลอง..จึง..หยุด....เสียงย่ำเท้า..ไม่มี..ประตูป้อมปิดกลับ..เช่น
เดิม...เวลาเหมือน..หยุดเดินไปชั่วขณะ..ทุกอย่างเงียบ............มีแต่เสียง..หายใจของ..นักรบ
..ทั้ง..สองฝ่าย......................................................................................
................................แล้ว...................เสียงของ..Bhakti..ที่โห่ขึ้นด้วยเสียงอันดังตาม..รูป
แบบการบุก..ของกุรข่า..พร้อมๆกันกับเสียงโห่ของนักรบกุรข่าอีก ๔๐๐ คน...................
.......ที่ชักทั้ง..ดาบ..และ..คูครี..กระชับแน่น..เงื้อขึ้น..ในลักษณะพร้อมรบ(บางคน..ก็..ใช้โล่ห์
แล้วแต่ถนัด...แต่ที่แน่ๆ...คือ..ไม่มีใครใช้ปืน.....)......................เบื้องหน้าพวกเขา...คือทหาร
จำนวน ๓,๕๐๐ คน..ที่มีปืนยาว..เป็นอาวุธประจำกายและเล็งมาที่กุรข่า..ปืนใหญ่วิถีราบ..ขนาด
๖ ปอนด์..เรียงเป็นตับ....สภาพพร้อมยิง.....
.........................ผมว่าในใจ..ขุนพลเฒ่า..ก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว..รวมทั้งนักรบของแก..ทั้ง..
๔๐๐ ว่าเป็นวันสุดท้าย..แต่จะตายทั้งทีก็ต้องตายแบบสมชายชาตินักรบกุรข่า..การรบต้องเปิด
เผย..แกจึงตีกลองปลุกทหารอังกฤษ...ให้เตรียมพร้อม..เพื่อจะสู้กันแบบ..ลูกผู้ชายที่แท้จริง...
...และให้ทหารอังกฤษจะได้ซึ้ง..ถึง..ความกล้าหาญไม่กลัวตาย..และ..ความรักชาติ..ของพวก
เขา..............................................................................
............................เสียงโห่..ไม่สิ้นสุด..BhaKti..ก็..วิ่งนำพร้อมกับ..เหล่านักรบกุรข่า..ทุกคน..
เป้าหมาย..คือ..หัวทหารอังกฤษ........แล้วเสียงปืน..ทุกชนิด..ของทหารอังกฤษ..ก็ระเบิดขึ้น
พร้อมกัน......................... ....................... ..........................
......................................................ต่อตอนหน้าครับ..................................................
..ป้อม Maluan..ภาพที่เป็นเงารางๆ..ที่ผมดำ..คือ Amar Singh Thappa...
ส่วนที่ผมหงอกขาว..คือ..Bhakti Thappa..วีรบุรุษแห่ง ป้อมMaluan..และ..แห่ง..ชาติเนปาล..
..รูปเดียวกัน..กับรูปด้านล่าง..และ..แสตมป์ที่ระลึก..ของเนปาล..เพื่อเชิดชูเกียรติสูงสุด..
ตามตลอด เหมือนกันครับ ออกตัวหน่อย เดียวคนเขียนหมดกำลังใจ ว่ายังมีอีก 1 ครับ
ผมว่ามีสมาชิกติดตามอ่านจำนวนไม่น้อยนะครับ แต่ที่ไม่มีใครโพ้สท์ให้กำลังใจสักเท่าไรก็เพราะว่าอาจจะไม่ค่อยถนัดในการโพ้สท์ชอบแต่อ่าน และอีกอย่างล็อกอินยากมากผมเองยังต้องพยายามอยู่3ครั้งกว่าจะเข้าได้
เนื้อเรื่องดีมากเลยครับทำเอาผมติดหนึบตามอ่านทุกวันเลย
เป็นกำลังใจให้นะครับ^^
...ขอบคุณครับ..คุณJeab2511..คุณOldman..และ..คุณRunner...ที่ติดตาม..ชม..
..และ..ให้กำลังใจมา.....
....คือ..ถ้าไม่มีปัญหา..หรือ..ธุระอะไร..ผมก็จะลงต่อเนื่องกัน..ทุกวัน..นั่นแหละครับ
..เรื่องLogin..ไม่ค่อยได้..นี่..ผมเจอเพียบเลย..แถมเขียนไปเรียบร้อยแล้ว..พอส่ง..
เจอ Error..อีก..หลายต่อหลายครั้ง..แต่ไม่เป็นไร..เพื่อ..ผู้ติดตามอ่าน..ยินดีครับ...
...............ต่อเลยครับ..................
.......กุรข่า..นักรบเลือดดุ..............................................................................................
........................................ผมว่าหลายท่าน..คงเคยดู..ภาพยนต์เรื่อง 300..ที่เข้ามาฉายเมื่อ
สอง สามปีก่อน..ซึ่งเป็นหนังทำเงิน..แบบ..ถล่มทลาย..เป็นการต่อสู้ของ..ลีโอไนดาส...กษัตริย์
สปาร์ต้า..กับ..ทหารคู่ใจ ๓๐๐ คน..ต่อสู้กับ..ทหารเปอร์เซีย..ร่วมหมื่น..นี่เป็นเรื่องจริงในประวัติ
ศาสตร์โลก..เช่นกัน..ตอนจบ..ก็เศร้ากันตามระเบียบ..นี่ยังดีกว่า..ของพวกกุรข่า..คือ..เป็นลูก
ธนู..หอก..ดาบ..ไม่มีปืน...แต่กุรข่านี่..เจอ..ปืนเต็มๆ..ทั้งปืนยาว..ปืนพก(นายทหาร)..ปืนใหญ่
............ก็นึกสภาพเอาแล้วกันว่า.......สภาพ..จะ..เป็นยังไง........................................
....................................แต่..เผ่าพันธุ์..กุรข่า..ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนทั่วไป..นอกจากปอดใหญ่
โดยธรรมชาติ(อยู่อาศัยในที่สูง..ระดับ ๓,๐๐๐ เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป..ชีวิตตั้งแต่เด็ก..
ขึ้นเขาลงเขาตลอดเวลา..โดยที่ต้องแบกของไปด้วย..ทำให้ร่างกายแข็งแรงมาก..แต่แค่นั้นไม่
พอ..ไอ้ที่สำคัญคือใจของพวกเขายิ่งกว่าเพชร..ไม่มีย่อท้อและห้าวหาญ..เรียกว่ามากับGENE
เลย..)..ไอ้ลูกปืนธรรมดา..ที่ไม่เข้าจุดตาย..หยุดกุรข่าไม่ได้..เรียกว่าวิ่งไปกิน..กระสุนไป ๓-๔
ลูก..ก็ยังวิ่งแหกปากไปฟันคอ..ทหารอังกฤษ..และทหารแขกอินเดียได้...ยกเว้นพวกกระสุน..
เจาะเข้ากระโหลก..หรือ..หัวใจไปเลย..กับที่โดนลูกปืนใหญ่..เละ..และ..ขาด..............
..................ไอ้ที่ตายก็ตายไป..ช่วยบังได้ด้วย..ไอ้ที่เหลือ..ไม่ถึงตายแค่ ๓-๔ ลูกก็วิ่งต่อไปจน
ถึง แนวยิง..ของอังกฤษจนได้..แล้วสงครามละเลงเลือด..ก็เปิดฉาก..เพราะกุรข่าทุก คนยอมตายอยู่แล้วก็เข้าตลุมบอนกันทันที..อังกฤษ..พอถึงช่วงตลุมบอนก็เสียเปรียบ..แต่ก็ยังมีแนวยิง
หลัง..คอยช่วย..สอย..กุรข่า..เมื่อได้โอกาศ..BhaKti..เอง..ก็ไม่รอด..เพราะอายุ ๗๔ ปี..วิ่งมา
เอาคูครี..เฉาะกบาล..ทหารอังกฤษ..ได้..ก็เรียกว่าสุดยอดแล้ว..กุรข่าทุกคนที่ยังยืนได้..ก็ฟาด
ฟันทหารอังกฤษ..ไม่เลี้ยง...และแล้ว..ฉากสุดท้าย..ก็มาถึง..คือ..ไม่มีกุรข่าคนใด..เหลือยืนขึ้น
ได้..แต่ที่เหลือเชื่อ..ก็คือ..ยอดการเสียชีวิต..นั้น..อังกฤษ..ตาย ๓๘๔ ..กุรข่า..ตาย ๓๙๐...
..ท่านทั้งหลายลองคิดเอา..ฝ่ายหนึ่ง..ไม่มีอาวุธระยะไกล..จะฆ่าได้ต้องประชิดตัวอย่างเดียว..
...ก่อนทีจะเข้ามาประชิดตัวได้..ก็คงตายเลยครึ่งของทั้งหมดไปแล้ว...แต่ก็ยังสร้างผลงานได้
ขนาดนี้.............กองทหารอังกฤษ..จัดกองเกียรติยศเต็มรูปแบบ..นำศพขุนพลเฒ่า Bhakti
Thappa ห่ออย่างดี..และแบกขึ้นบ่า..เดินแถว..นำศพไปส่งที่ป้อมMaluan..ให้กับ AmarSingh
Thappa..พร้อมทำการเคารพศพ..ให้เกียรติเยี่ยงวีรบุรุษ.....ตั้งแต่นั้นชื่อของ Bhakti Thappa
...ก็ได้รับเกียรติ..เป็น..วีรบุรุษของประเทศเนปาล..และ..ชาวกุรข่าทุกคน..ดังที่ผมเอาแสตมป์
ที่มีรูปท่านอยู่ในนั้น...มาpostไว้คราวที่แล้ว
“...นรชาด-ติ-วางวาย..มลายสิ้นทั้งอินทรีย์..สถิตทั่วแต่ชั่วดี..ประดับไว้ในโลกา...........”
....................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................
(ในรูปด้านล่าง..จิตรกรเนปาล..เขียนขึ้นเพื่อ..สดุดี..วีรกรรม..ของ Bhakti Thappa ..และเหล่า
ผู้กล้ากุรข่า..ในการรบละเลงเลือด..ครั้งนี้.....)
login เข้ามาให้กำลังใจ ท่าน modpong โดยเฉพาะครับ
login เข้ามาเพื่อให้กำลังใจ ท่าน modpong ครับ ต้องขออภัยที่ไม่ได้มาโพสให้กำลังใจตั้งแต่ตอนแรกนะครับ (แต่ผมก็ติดตามผลงานของท่าน modpong มาตั้งแต่ต้นเลยนะครับ เข้ามารออ่านทุกวันเลย) ผมเห็นด้วยกับท่าน oldman นะครับที่ว่ามีสมาชิกอีกหลายท่านที่คอยติดตามบทความนี้อยู่ เพียงแต่อาจจะไม่มีโอกาศได้เข้ามาโพสให้กำลังใจ ท่าน modpong เพราะด้วยปัญหาหลายๆอย่างก็ว่ากันไป (เช่นเดียวกับผมที่ติดตามมาตลอด แต่เพิ่งมีโอกาศได้มาโพสให้กำลังใจ ^ ^ )
ปล. Login เข้ามายากจริงๆนะครับเนี้ย ผมลองตั้งหลายครั้งกว่าเข้ามาได้
รออ่านอยู่ทุกวันครับ :)
ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ ครับ สนุกมากครับ อยากทราบ ช่วงสงครามอัพกัน ที่มีทหารกูรข่า สร้างชื่อเสียงโดยการใช้ มีดบุกไปลุย กับพวกตะลีบันนะครับ
เสียดายที่ตกเร็ว ต้องมาตรวจหาที่กระทู้อัปเดท เด็กๆหรือท่านอื่นๆ ที่ผ่านมาไม่เจออาจจะยังไม่เห็น รอติดตามนะครับ
ติดตามมาตลอดเหมือนกันครับ เป็นกำลังใจให้คุณmodpongครับ
...เพิ่งรู้นะเนี่ย..ว่ามีแฟนคลับ..เยอะเหมือนกัน..ขอบคุณมากๆครับ..ทั้ง..คุณaunna..
คุณsoul_spirit..คุณ8iam..คุณPizzi..คุณSS_oung..ที่ให้กำลังใจผมมา..ขอบคุณจริงๆ
....เรื่องที่..อัฟกานิสถานนี่..หน่วยกุรข่า..ก็เป็นกำลังหลัก..ของอังกฤษครับ..มีเหมือนกัน
ที่..ทหารกุรข่า..เอาคูครี..ไปเผด็จศึก..แต่ไม่มากครับ..ยุคสมัยนี้..การประจัญบานมีน้อย
..ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วนี่..ก็ได้..เหรียญกล้าหาญชั้น ๒(..เป็นรองแค่ ชั้นที่หนึ่ง..คือ..
victoria cross เท่านั้น)..นี่ก็โดนตาลีบันรุมเป็นสิบคน..ผู้หมู่นี่เหลือที่ป้อมตรวจการณ์คน
เดียว..ใช้ปืนกลเบา..ยิงจน..ตายเรียบ..แต่ที่..น่าเศร้า..มีตายหลายคน..แต่ส่วนใหญ่..ไม่ใช่
..ตายด้วยฝีมือ..ตาลีบัน..โดนไอ้ตำรวจอัฟกัน..นี่เข้าใจผิดยิงตาย..โดยกุรข่าที่ตาย..ไม่ได้
ป้องกันตัวเลย..เพราะนึกไม่ถึง.....
...........เราก็มาต่อกันเลยครับ................
...........กุรข่า..นักรบเลือดดุ.........................................................................................
..............................................หลังจากการยุทธ..ครั้งนั้น..ทางAMAR ผบ.สูงสุดกุรข่า..ก็
ยังยึดที่มั่นที่ป้อมMaluan..อยู่..ขณะเดียวกัน..ทางฝ่ายทหารคงได้..ปรึกษากับ Lord Hasting
...เรื่องการยึด..ประเทศเนปาล..คงยาก..เพราะที่ผ่านมา..ทหารอังกฤษ..ก็..เสียชีวิตมากมาย..
..เพราะ..ความกล้าหาญ..และ..ฝีมือของกุรข่า..และพวกนี้..ก็ยอมตายเพื่อ..รักษาแผ่นดินแน่
..อังกฤษ..จะต้องสูญเสียทั้งอาวุธเสบียง..และชีวิตทหาร..เยอะแน่..ทางอินเดีย..หลายแคว้นเอง
..ก็ใช่จะสงบ..ถ้าระดมทหารเพิ่ม..เข้าไปที่เนปาลเรื่อยๆ..ต้องมีปัญหาที่อินเดียแน่..
................ดังนั้น..อังกฤษจึงเปิดเจรจากันใหม่...ซึ่งเวลานั้น..ทางเนปาล..ก็ย่ำแย่แล้ว..ทาง
เศรษฐกิจ..จากการปิดล้อม..รู้ว่า..อังกฤษ..ก็คงไม่ถอย..อยู่อย่างนั้น..เนปาล..ก็รอวันตายเท่านั้น
เอง....ผลการเจรจา..ก็ตกลงกันได้..แบบที่..เนปาล..ต้องเสียดินแดนบางส่วนไป..แต่เนปาลก็..
เรียกร้องเรื่อง..ภาษี..ที่เนปาล..ควรจะเก็บได้จากพื้นที่เหล่านั้นแต่ละปี..ก็ตกลงกันได้......
...........แต่AMAR SINGH THAPPA..พอรู้ว่ามีการตกลงกัน..ก็แค้นพวกบริหารมาก..เดินทาง
ไป ต่อว่า..ว่าพวกกุรข่า..ไม่ได้ยอมแพ้..และพวกเขาก็ยังยึดพื้นที่..หรือ..ป้อม ไว้ได้อยู่..แต่จากข้อตกลง..ทหารกุรข่า..ก็..ต้องถอน..จากดินแดนที่จะต้องยก ให้อังกฤษ..ทำให้AMar ทำหนังสือประท้วง..แต่..ก็ถูกปฏิเสธ.....................................................
...............ครับ..หลังจากสัญญาฯ..มีผลข้อบังคับแล้ว...ทาง..ผบ.สูงสุดของอังกฤษ..ในอินเดีย
..ได้ติดต่อทางรัฐบาลเนปาล..เรื่องการว่าจ้าง..นักรบกุรข่า..เพื่อ..ไปเป็นทหาร..โดยมีหน่วยของ
ตัวเอง..แต่เป็นส่วนหนึ่งของ..กองทัพอังกฤษ ..เพราะหลังจากการรบ..สิ้นสุดลง..เหล่าบรรดา
นายพล..และ..นายทหารชั้นสูง..ซึ่งชื่นชม..และ..นับถือ..ในความเก่งกาจ..และกล้าหาญ..ของ
กุรข่า..ได้ไปปรึกษาว่า..จากเหตุผลดังกล่าวควรจะจ้างนักรบกุรข่าไว้ให้รบในนามของ..อังกฤษ
......ตั้งแต่นั้น..กรมทหารปืนยาวกุรข่า..จำนวน..หลายกรม..ก็ได้..อุบัติขึ้น..ในกองทัพบก...
อังกฤษ..ตั้งแต่ปี คศ.๑๘๑๗.............แล้ว..โลกก็ได้..รับรู้เผ่าพันธ์นักรบ..หน้าเด๋อ..ตัวเล็ก...
...แต่มีความดุดัน..แตกต่างกับหน้าตา..ความอดทน..เป็นเลิศ..ความห้าวหาญที่ล้ำเลิศ..เหนือ
เผ่าพันธ์อื่น..พวกเขาไปประจำการ..และทำการรบ..ในทุกพื้นที่..ในโลก..และเป็นหน่วยที่สร้าง
ความภาคภูมิใจ..ที่สุด..ของกองทัพบกอังฤษ.......ตลอดกาล....แล้วผมจะมาเล่าต่อว่า...
ทำไม....ถึงเป็นเช่นนั้น......................................................................................
..............ต่อตอนหน้า.............................
....ขออภัยอย่างแรง..ตกรายชื่อ..คุณSaluvan..ไป ๑ ท่าน..ขอบคุณมากครับ..
ที่เป็นกำลังใจให้..
...คือ..กระทู้ที่นี่แปลกครับ..ถ้าลงไปแล้ว..แก้ไม่ได้..หรือผม..โง่ก็ไม่ทราบ..
จะเติมชื่อ..ก็ไม่ได้...งงจริงๆ...คาดว่า..คุณSaluvanคงส่งมาตอนผมกำลังเขียนพอดี...
....จบภาคแรกไปแล้ว...ต่อไปเริ่มภาค ๒ คือ..กุรข่าภายใต้ธงชาติอังกฤษ
...........กุรข่า..นักรบเลือดดุ...........................................................................................
.............................................นักรบกุรข่า..ส่วนหนึ่ง..ได้เข้าร่วมรับใช้ภายใต้”ธงยูเนี่ยนแจ็ค
“(ธงชาติอังกฤษ)..เพราะดีกว่าอยู่ที่บ้าน..เนื่องจากจนค้นแค้น..รายได้ที่ดี..จึงเป็นเครื่องล่อใจ
แต่..กุรข่าทุกคนไม่เคยลืมชาติกำเนิด..ด้วยข้อตกลงกัน..ซึ่งกุรข่าทุกคนจะยังรักษาขนบธรรม
เนียมเขาได้..คือเป็นทหารหน่วยเดียวของกองทัพบกอังกฤษ..ที่เวลา..ใส่เครื่องแบบไม่ว่าอยู่ที่
ไหน..เขาจะเหน็บ..”คูครี”..ไว้กับเข็มขัดอยู่ข้างตะโพกคล้อยมาทางหลัง..ได้ตลอดเวลา......
ตั้งแต่เมื่อ..เกือบ..๒๐๐ ปีที่แล้ว.....การฝึกทหารของ..กรมทหารกุรข่า..จะต้องมีการฝึกการใช้
..คูครี..อยู่เป็นปกติ..เหมือน..ฝึกยิงปืน..ฝึกทุกวัน..ด้วยครูฝึกกุรข่าเอง..รวมถึง..การฝึกร่วม..
คูครี..และ..ปืน..(ถือปืน..ข้างหนึ่ง...ถือ..คูครี..ข้างหนึ่ง)..ในการเข้าโจมตี..ทำให้..ทหารกุรข่า..
มีความพิเศษคือ..ทั้งมือซ้าย..และ.มือขวา..ใช้ทดแทนกันได้...กุรข่าเป็นเผ่าพันธุ์..ที่แข็งแรง
มาก..อาจ เพราะเป็นคนภูเขา..สังเกตจาก..คูครี..ซึ่งขนาดว่า..ฝรั่งเองยังยอมรับ..ว่า หนักมาก(ความกว้างสันมีดใกล้มือจับเกือบ ๑ ซม...หนากว่าปังตอสับหมู..ด้วยซ้ำ)แต่กุรข่าสามารถ
ใช้ได้คล่องแคล่ว..ทั้ง..มือซ้าย..มือขวา...เพราะการฝึกถือว่า..ต้องรองรับสภาวะขับขัน..ใช้ทด
แทน..ได้ทั้งซ้าย-ขวา(ตอนหลัง..ผมจะเล่าถึงวีรกรรม..ใช้แขนข้างเดียว).....................
........หน่วยทหารกุรข่า..เริ่มมีบทบาท..ในการรบในองทัพอังกฤษ..มาตั้งแต่..ในอินเดีย..เพราะ
ต้องเข้าร่วม..ปราบ..กบฏซิกข์..และอีกหลายๆครั้ง..ในอินเดีย..และได้รับคำชมเชย..ในผลงาน
มาตลอด..ในแต่กองพัน..และ..กองร้อยนั้น..จะใช้..ทหารอังกฤษ..เป็น ผบ. ...เมื่อลูกน้องเก่ง..
ผบ. ก็ได้หน้า..ไปด้วย..จนกระทั่ง ผบ.ร้อยชาวอังกฤษ..คนแรก..ของหน่วยรบกุรข่า..ก็ได้...
เหรียญกล้าหาญสูงสุดVictoria Cross ..เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๕๘..และผบ.หน่วยชาวอังกฤษ..ก็ได้
อาศัยใบบุญ..ความกล้าหาญของทหารกุรข่า(ความจริงตัวท่านเองเหล่านี้..ก็คงกล้า..แต่มาเป็น
ผู้บังคับบัญชา..ของพวกที่กล้าหาญที่สุด..มันก็เลยต้องทำตัวให้กล้ากว่าเดิม..)..เป็น ๑๐ คน
กว่า..กุรข่า..คนแรกจะได้รับVictoria Cross...ในสงครามโลกครั้งที่ ๑(จำนวนผู้ได้รับเหรียญนี้
จนปัจจุบัน..ร้อยกว่าคน..ตั้งแต่..ครั้งแรกเมื่อ ๑๖๐ กว่าปีจนปัจจุบัน).........
...............................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................................
...ภาพด้านล่างนี้..เป็นภาพทหารกุรข่าในกองทัพอังกฤษ..ยุคแรกๆ..ครับ..
เข้ามาให้กำลังใจครับ มาตามอ่านจากที่อ่านค้างไว้เมื่อเกือบเดือนที่ผ่านมา กระทู้สาระแบบนี้น่าจะมีการปักหมุดให้อยู่หน้าแรกๆ คนที่ไม่ทราบ หรือเพิ่งเข้ามาจะได้เข้ามาอ่านได้รับความรู้ด้วย
....ขอบคุณครับ..คุณCardRock..ที่ติดตาม..และ..เป็นกำลังใจให้.....
.........ต่อเลยครับ..กุรข่ายุค..คนภูเขามีปืน....
.......กุรข่า..นักรบเลือดดุ...............................................................................................
........................................ทหารกุรข่า..นี่อังกฤษจ้างมาคุ้มมาก..นอกจากสงครามในอินเดีย
ที่แบ่งเป็น..สงครามอัฟกัน(อัฟกานิสถาน)..สงครามกบฏซิกข์..ยังกระโดดไป..เมื่องจีน..เรียก
ว่าเป็นกำลังหลักของอังกฤษเลย..ที่สู้กับ..กบฏนักมวย..ของพระนางซูสีไทเฮา..ตั้งแต่นั้นก็..ไป
ที่ๆเป็นปัญหาหลักๆอัตราการเสี่ยงตายสูง..สถานะการณ์หนักหนา..สาหัส..อย่างในมาเลย์..บรู
ไน..ตอนนั้น..กองทหารกูรข่า..ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๖ กรมทหารราบเบา(Rifles Regiment)
..แล้ว..ได้รับเหรียญกล้าหาญ..กันมากมาย..ตายก็ไม่น้อย..แต่กุรข่า..ถือว่า..มันธรรมดา..เมื่อสู้
ก็ต้องเจ็บ..ต้องตาย..แต่ไม่เคยหนี..และตลอดเกือบ ๒๐๐ ปี..ระหว่างการรบทุกสมรภูมิ..ไม่เคย
ปรากฏว่า..มีการหนี..และถ้าผู้บังคับบัญชา..ไม่สั่งให้ถอย..กุรข่าทุกคน..ทุกสมรภูมิ..ไม่เคย..
ถอย..จะยืนหยัด..อย่างนั้น..จนคนสุดท้าย..นอกจากนั้น..ไม่ถูกอาวุธกดดันอย่างมาก..กุรข่า
เอง..จะบุกไปข้างหน้าเสมอ..จนเหลือคนสุดท้าย..เหมือนกัน...และที่น่าแปลก..กุรข่า ๑๓ คนที่
ได้ Victoria Cross ...เหลือ..สู้อยู่คนเดียวทั้งสิ้น..คือคนอื่น..ไม่ตายหมด..ก็บาดเจ็บสาหัสจนไม่
สามารถทำการต่อสู้.......หลายท่านไม่ทราบว่าว่าในประเทศอังกฤษ..มีอนุสาวรีย์ทหารกุรข่า..
ที่สร้างโดยคนอังกฤษ.....และมีการสลักข้อความสรรเสิรญ..ความกล้าหาญ..รวมทั้งให้คำขวัญ
แก่ทหารกุรข่า..สลักไว้ตัวเบ้อเริ่ม..ว่า..BRAVEST OF THE BRAVES..หมายความว่า.....
..ผู้กล้าหาญที่สุด..ของ..ผู้กล้าทั้งหลาย...............ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ อังกฤษและฝรั่งเศษ
..พยายามเข้ายึดแหลม..GALLIPOLI..ที่อยู่ในเขตตุรกี(ตุรกี..เป็นพันธมิตรกับ..เยอรมัน)...
กรมทหารราบเบาที่๖ของกุรข่า..เป็นหน่วยแรกที่ขึ้นฝั่ง..เข้าclear..พื้นที่ให้หน่วยใหญ่ที่ตามมา
..แม้การรบที่ยุทธภูมินี้..อังกฤษและฝรั่งเศษ..เป็นฝ่ายแพ้..แต่ทหารกุรข่าสร้างผลงานไว้มาก
มาย..เป็นหน่วยเดียว..ที่ขึ้นไปยึดบนเนินสูงสุดของแหลมได้..และเป็นทหารฝ่ายสัมพันธมิตร..
หน่วยสุดท้าย..ที่ออกจากเกาะ..(ผมมีรูป..post ไว้ให้ระหว่างการรบครั้งนี้หลายภาพ..ในรูปที่
Post ให้สังเกตชุดที่เปลี่ยนไป..สมัยแรก..ใส่หมวกไม่มีปีก..เมื่อถึงสงครามโลกครั้งที่๑..เปลี่ยน
มาใส่หมวกปีกพับข้าง..และไม่ใช้หมวกเหล็กระหว่างการรบ)...ตอนหน้า..ก็เป็นการรบกับทหาร
เยอรมัน....................
..........................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................................
..วันนี้..มาดูรูปเครื่องแต่งกายทหารกุรข่า..ยุคสงครามโลกครั้งที่ ๑ กันบ้าง...
ทหารกุรข่า..กับสงครามโลกครั้งที่ ๑.....
...........กุรข่า..นักรบเลือดดุ......................................................................................
...........................................ในการรบ..สมัยสงครามโลกครั้งที่๑..สงครามค่อนข้างมีรูปแบบ
(ไม่นับ..แก๊สMustard..ที่เยอรมันใช้)..ถ้าคนเคยอ่าน..หรือดูHistory Channel..ที่เป็นสารคดี
เกี่ยวกับ..การรบในสมัยนั้น.เรียกกันว่า”สงครามสนามเพลาะ”..คือ..สองฝ่ายจะ..สร้างแนวของ
ตนเอง..ขุดสนามเพลาะ(ร่องลึก..ระดับหัว..ยาวต่อเนื่องกันไป..ทหารจะไปตั้งแนวยิง..ในร่องนั้น
)...ยาวต่อเนืองตลอดแนว..อาจแนว..ขนานกันอีก ๒..หรือ ๓ แนว..และวางลวดหนาม..ไว้ตลอด
...แล้วทั้งสองฝ่าย..จะเอาปืนใหญ่..ต่างคนต่างยิงไปที่แนวของศัตรูของตัวเอง...พอโอกาศดี..
ถ้ามั่นใจว่าทำลาย..พวกปืนใหญ่..หรือปืนกล..ไปได้มาก..ก็..จะออกจากสนาเพลาะตัวเองวิ่งดา
หน้าไปยิงบุกฝ่ายตรงข้าม...เมื่อฝ่ายบุกเข้าใกล้..ร่องสนามเพลาะมากๆ..ก็จะเป็นการรบ..แบบ
ประชิดตัว..ยิงกันไม่ถนัด..นั่นเป็นสาเหตุให้..เมื่อบุกใกล้ถึงสนามเพลาะ..ผู้บังคับบัญชา..จะสั่ง
ติด”ดาบปลายปืน”..เพราะเมื่อเข้าประชิดตั้ว..ฝ่ายรับก็จะใช้ดาบปลายปืน..มาสู้กัน...และวิธีรบ
ประชิด..ท่านเรื่องกุรข่ามาตลอด..ท่านจะทราบดี..ว่าเป็นของถนัดของทหารกุรข่า..ดังนั้นเวลา
บุก..กุรข่าจะได้รับมอบหมาย..เป็นแนวหน้าอยู่เกือบตลอด..อย่างในศึก GALLIPOLI..ที่ผมเล่า
ไปตอนที่แล้ว..ว่ากรมทหารราบเบาที่๖..รับหน้าที่ออกไปเคลียร์แนวก่อน..ซึ่งใกล้ชายหาดที่ยก
พลขึ้นนั้น..ก็มีแนวสนามเพลาะ..ของฝ่ายตุรกีอยู่..แต่เมื่อมาเจอการรบระยะประชิด..ที่เกือบทั้ง
หมด..ไม่ได้ใช้..”ดาบปลายปืน”..แต่ใช้..”คูครี”แทน..ซึ่งคล่องแคล่วกว่ามาก..ไม่ช้า..แนวใกล้
ชาย หาดของตุรกี..ก็แตก..เพราะสังเวยชีวิต..ใต้คม ..คูครี..มากกว่า..ลูกกระสุน..ทำให้ทัพส่วนใหญ่ของอังกฤษ-ฝรั่งเศษ..ยกพล ขึ้นได้...........................
...............เช่นเดียวกับ..แนวรบที่..เบลเยี่ยม..และฝรั่งเศษ..กรมทหารราบเบากุรข่าที่ ๑ ในพระ
องค์พระเจ้ายอร์ช(..ไม่ใช่พระเจ้าจ๊อด..นะครับ)..ได้เข้าไปมี่บทบาทในการสู้รบ..ในหลายๆสมร
ภูมิที่สำคัญๆ..ที่ต้องเจอ..กับทหารเยอรมัน..ของพระเจ้าไกเซอร์วิลเฮล์ม..ทหารเยอรมันจำนวน
มากเช่นกัน..ที่ต้องสังเวยคม..คูครี..ก็ได้รับการชื่นชมจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูงโดยตลอด..แต่
ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึง..วีรกรรม..ของหน่วย..เพราะเป็นส่วนช่วยรบ..ด้วยการกระจายหน่วยไป
ช่วยรบตามจุดต่างๆ...เช่นการรบที่NEUVE CHAPELLE...หน่วยทหารกุรข่าเป็นพวกแรกที่ฝ่า
ลวดหนามไปจนถึง..ร่องสนามเพลาะของ..เยอรมัน..แล้วเข้าประจัญบาน..ด้วยคูครี..กับ..ดาบ
ปลายปืน..ของเยอรมัน..จน..ให้ทหารอังกฤษตามหลังมา..สะดวก..เพราะกุรข่า..ลุยแหลก..
ฆ่า..ลูกเดียว....จนเป็นเหตุให้แนวเยอรมันแตก..และต้องพ่ายแพ้..ที่สมรภูมินั้น..............
..........................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................................
ทหารกุรข่า..พักผ่อนใน..สนามเพลาะ..สมรภูมิยุโรป...
...ตรวจความพร้อม..ก่อนเข้า..แนวหน้าที่..สมรภูมิยุโรป..สังเกต..ทุกคน..จะต้อง
ชัก ..คูครี..ออกมาให้ตรวจด้วย..เป็นธรรมเนียมของทหารกุรข่า....
คำขวัญ..ทหารกุรข่า..บรรทัดแรก..เป็น..ภาษากุรข่า..บรรทัดที่๒..คำแปลภาษาอังกฤษ
.............."..ยอมตายซะ..ดีกว่าอยู่แบบ..คนขลาด.."
ยังคงเข้มข้นสนุกสนานและได้ความรู้ใหม่ฯเหมือนเดิมครับ จะคอยตอนคูกรีปะทะกับคาตานะของทหารญี่ปุ่นดูว่าสุดยอดอาวุธสั้นของโลกจะเป็นอย่างไร
...ขอบคุณครับ..คุณOldmanที่ให้กำลังใจและติดตาม....
....โอกาศ..มันยากครับ..เพราะ..ทหารญี่ปุ่น..จะพก..ซามูไร..เฉพาะนายทหาร..
ส่วนระดับ..ประทวน..จะไม่พกซามูไร..ถึงแม้..จะเป็นชนชั้น..ซามูไร..ก็พกไม่ได้
เพราะ..จะเป็นการแบ่งแยก..นายทหาร..กับพวกประทวน..ให้ชัดเจน..และแน่นอน
..นายทหาร..ก็..จะมาจาก..ชนชั้น..ซามูไร..ทั้งสิ้น.....แต่กุรข่า..พกคูครี..ทุกคน..
ไม่แบ่งแยก..ดังนั้น..ส่วนใหญ่..การปะทะกัน..จะเป็น..คูครี..กับ..ดาบปลายปืนซะ
มากกว่าครับ..............
...........กุรข่า.....นักรบเลือดดุ.......................................................................................
...............................................นอกจากยุทธภูมิ..ในยุโรปแล้ว..หลายกรมทหารราบเบา..
ของกุรข่า...ก็ต้องไปรบ..ทั้งในอาฟริกาเหนือ..ตะวันออกกลาง...และเอเซียกลาง...แต่สภาพ
อากาศ..ก็ไม่มีปัญหา..เพราะความอึด..และไม่มีอะไรมาเป็นสิ่งกีดขวางใน..ความดุดัน..แต่จาก
การ..ที่จะถูกใช้ให้ไปเป็นกองหน้า..เป็นส่วนใหญ่..ต้องตายไปหลายพันคน...มีทหารกุรข่า..๒..
นาย..ได้รับ VICTORIA CROSS..คนแรก..เป็นการเสี่ยงชีวิต..ไปช่วยทหารอังกฤษที่บาดเจ็บ
สาหัส..ที่ถูกถล่ม..เหลืออยู่คนเดียว..แบกกลับแนวไปส่ง..ที่ฝั่งตัวเอง...แล้วกลับไปใหม่..ฝ่าห่า
กระสุน..ไปเป็นรอบ ๒..แล้วไปแบกกลับมาอีกคน..ด้วยกองกำลังถอนไปหมดแล้ว..แต่ทหารกุร
ข่า..ผู้นี้ก็ไม่ทิ้งเพราะรู้ว่าไม่ตาย...แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนทหารด้วยกัน..และ
กล้าหาญที่จะเสี่ยงชีวิต..ตัวเองเพียงลำพัง..ไปช่วยเพื่อนทหารต่างเชื้อชาติ...หนังสือพิมพ์ใน
อังกฤษ..ถึงขนาดเขียนภาพที่กรุข่า..กำลังแบกทหารอังกฤษวิ่ง..สดุดีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่..จน
กระทั่ง..กองทัพต้องมอบเหรียญกล้าหาญสูงสุดให้..เพราะทหารกุรข่าผู้นี้ความจริงไม่บอกใคร
ก็ได้..ถอนตัวออกจากแนวตามคนอื่น..(ทหารคนอื่น..ก็ไม่ทราบด้วย..ว่ามีเหลือรอด)...หลังจาก
หนังสือสดุดี..ทำให้เดิม..ภาพพจน์..ของกุรข่า..ต่อคนทั่วไป..ยุคนั้น..ต่ำต้อย..กว่าทหารอินเดีย
ด้วยซ้ำ..เป็นแค่พวกป่าเถื่อน(BABARIAN)..เท่านั้นเอง..เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนเป็นครั้ง
แรก..............................................................
...................แต่คนที่ ๒ นี่..พลยิง(RifleMan)..Karanbahadur Rana...จากหน่วย กรมทหาร
ราบเบากุรข่าที่ ๓...ขณะที่โจมตีในสมรภูมิปาเลสไตน์..แนวที่บุกไป..ถูกต้านด้วยฐานปืนกล..
และ..หทารปืนเล็ก..กับหน่วยข้วางระเบิด..เนื่องจากฐานปืนกล..ยิงได้แน่น..และแม่นยำทำให้
ฝ่ายอังกฤษต้องตายไปมาก..Rana..ซึ่งเป็นพลยิงปืนกลเบา LEWIS พร้อมกับ กุรข่าอีก ๒-๓
คน..ค่อยๆคืบคลานฝ่าม่านกระสุน..จนขึ้นไปถึงแนวหน้าสุด..แล้วช่วยกันระดมยิงต่อสู้..ปรากฏ
ว่า..ทำให้ทหารฝ่ายศัตรูเลยมารุม..โซ้ยRana...แต่เขาไม่ยั่น..แม้จะโดนทั้งปืนกล..ปืนเล็ก..ระ
เบิดมาถล่ม..เขาสามารถจัดการรังปืนกล..จนเงียบได้(ส่วนใหญ่ ๑ รังจะมี ๒-๓ คน)..แต่กรุข่า
ที่มาด้วย..ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส..เลยทำให้เขาเหลือสู้เพียงคนเดียว..เขายัง..สามารถสังการ
พลขว้างระเบิด.ลก.และพลปืนเล็กได้อีก มากกว่า ๒ คน..แต่ฝ่ายศัตรูที่เหลือ..ยกกำลังมาเสริม..
ทำให้หน่วยทหารอังกฤษ..ที่จะบุกตามขึ้นไปต้องถอนกำลังออก..แม้กระนั้นRaNa..ก็ยังยิงต้าน
ไว้จนหน่วยถอนกำลังออกไปได้......................(เขามีชีวิตอยู่จนตายเมื่ออายุ ๗๕ ปี)
..............................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
...วันนี้..ดูรูปวาดบรรยากาศ..การต่อสู้แบบประชิดตัว..ในสงครามสนามเพลาะของ..กุรข่า..กับ..เยอรมัน..ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ จะได้เข้าใจดีขึ้น....
..
พอดี...ลงรูปไม่หมด..ตกหล่นไป...ก็เอารูป..ของ..RANA..มาให้ดูพร้อมกับ..ปืนกลLEWIS
คู่กาย...ต่อมาก็..รูปชัดๆ..ของปืนกลLEWIS...ต่อมา..สนามเพลาะ..และการเข้าประจัญบาน
ของกุรข่า..ในสงครามสนามเพลาะ...
...วันนี้..ผมจะมาเล่าเรื่องที่..หลายๆท่านอาจไม่ทราบ...
.............กุรข่า...นักรบเลือดดุ........................................................................................
..................................................แม้ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ นักรบกุรข่าภายใต้ผืนธงชาติ
อังกฤษ..จะตายไปมากมาย....แต่ผลงานที่สร้าง..บทความที่ลงในหนังสือพิมพ์แสดง..........
ถึง..ของความสามารถ..ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว..ของนักรบกุรข่า..ก็ได้ออกมา..เกือบตลอด..
..ซึ่ง..สมัยแรกๆ..ทางสังคม..ก็มีข้อโต้แย้ง..เพราะ..ต่างจาก..หน่วยรบของอินเดีย..ที่ถือว่า..
กุรข่า(เนปาล)..ซึ่งไม่ใช่เมืองขึ้น..อังกฤษ..ต้องจ้างทหารเหล่านี้มา..มากมาย......................
(...เพื่อมาตายแทน..)...ค่าใช้จ่ายสูงกว่า..ต่อหัว..บางคนก็ว่า..ทำไมไม่เกณฑ์พวกแขกอินเดีย
..เพิ่มมากขึ้น..มาทดแทนกุรข่า...แต่ผลการรบ..ครั้งนี้..ก็ต้องว่าทหารกุรข่า..แสดงศักยภาพ
คุ้มค่า..เงินค่าจ้าง..และก็เป็นส่วนสำคัญ..ในการที่ทำให้..อังกฤษ..รบชนะ..เยอรมัน..และ..ตุรกี
ในหลายสมรภูมิ...แถมยังมีผู้ที่..ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุด..ถึง ๒ คน...ทำให้แม้แต่ในสภา
ก็ไม่มีการคัดค้าน..ในการว่าจ้าง..ทหารกุรข่า..ต่อไป
.........................เมื่อ สงครามโลกครั้งที่ ๒ เริ่มขึ้น....สงครามครั้งแรก..ก็..เริ่มที่ยุโรป...ทหาร
กุรข่า..ก็ต้องเข้าร่วมด้วย...เวลาต่อมา..อีกไม่นาน..เมื่อญี่ปุ่นเริ่มรุกรานเอเซียอาคเนย์..สงคราม
ก็ลามเข้า..เอเซีย..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..เป็นดินแดน..ในเขตอาณานิคม..ของอังกฤษ..เกือบ...
ทั้งหมด..(..ฟิลิบปินส์..อินโดนีเซีย..นิวกีนี..ทีหลัง...)..ทั้ง..สิงคโปร์..มลายู(มาเลเซีย)..พม่า..
สิกขิม..อินเดีย...ทำให้..อังกฤษ..ต้องมีภาระมากขึ้น..ทั้งที่..เอเซีย..และ..ยุโรป..ทำให้ต้องว่า
จ้าง..และคัดเลือก..ชาวกุรข่า..ไปเป็น..นักรบมากขึ้น..ส่วนเนปาล..ก็..อยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร..
ก็..ส่งทหารกุรข่าไปช่วย..ร่วมรบด้วย..เฉพาะ..กรมทหารราบเบา..ก็เต็มพิกัด..จำนวน ๑๐ กรม
..ยังมีทั้งทหารช่าง..ทหารสื่อสาร....กระจายไปในทุกสมรภูมิ..ที่อังกฤษ..ร่วมรบ..ยุโรป..เอเซีย
..อาฟริกา..จำนวน..ร่วม ๒แสนห้าหมื่นคน....ทุกที่..ทหารกุรข่า..ก็ยังคง..รักษามาตรฐาน..ใน
ความดุดัน..กล้าหาญ..ไม่กลัวตาย..เป็นที่ประจักษ์..เวลาที่เราอ่านประวัติศาสตร์..ที่บอกว่า
..อังกฤษ..ชนะรบที่นั่น..ที่นี่..แล้วแปลกใจ..ว่าอังกฤษ..คนมีไม่เท่าไหร่..ทำไมโคตรเก่ง..รบกับ
อิตาลี..รบกับ..เยอรมัน..รบกับญี่ปุ่น..ได้หมด..ชนะหลายสมรภูมิด้วย..ก็ให้รู้ไว้เลยครับ..ทหาร
อังกฤษแท้ๆนะ..มีไม่ถึงครึ่ง..แต่ชื่อว่า..”อังกฤษ”..ที่ใช้ในสงคราม..นั้น..ประกอบด้วย......
.........๑. ออสเตรเลีย
๒. แคนาดา
๓. นิวซีแลนด์
๔. อินเดีย
๕. พม่า
๖.ทหารผิวดำ(นิโกร)..จากอาณานิคมในอาฟริกา..และ..หมู่เกาะเวสต์อินดีส
........................ซึ่งทั้ง ๖ แห่ง เป็น อาณานิคม..ของ อังกฤษ.............ยกเว้น..พวกเดียว
ที่ไม่ใช่อาณานิคม..อังกฤษ..แต่เป็นทหารรับจ้าง..ในกองทัพบกอังกฤษ..คือ
๗. กุรข่า ..นักรบเลือดดุ....
...ความจริง..เป็นเช่นนี้มา..ตั้งแต่..สงครามโลกครั้งที่ ๑ แล้ว..ทำไม..อังกฤษ..สู้เยอรมัน..กับ..
ตุรกี..ออสเตรีย..ได้สูสี..ทั้งๆที่พันธมิตรหลักคือ ฝรั่งเศษ(ไอ้ขี้โกง)...แล้วมาตอนหลังชนะจริงๆ
เพราะ..ไอ้กันมาช่วย....ลองอังกฤษ..เอาเฉพาะ..ทหารอังกฤษ..มารบ..ขอโทษ..ทั้ง..สงคราม
โลกครั้งที่ ๑ และ ๒ แพ้เยอรมันไปแล้ว..คำว่า”เยอรมัน”..เกือบทั้งหมดคือ..เยอรมัน..มี..ออส
เตรีย..บ้างเล็กน้อย..และก็ไม่แปลกเพราะชาติพันธุ์ใกล้เคียงพูดภาษาเดียวกัน.............
...................ฉะนั้นใคร..ที่เคยโปร..ซูฮก..อังกฤษ...อ่านแล้ว..ลองคิดใหม่ได้.......
...........................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................
(..เวลาท่านดู..ภาพยนต์สงครามที่ถ่ายทำของจริง..ในยุคนั้น..ท่านจะเห็นแต่..ทหารผิวขาว
..ซึ่งจะแยกแยะยาก..ว่าเป็นอังกฤษจริงรึเปล่า..เพราะเป็นหลักการโฆษณาประชาสัมพันธ์
..ถ้าไอ้มืด..ไอ้กะเหรี่ยง..ไอ้แขก..หลุดเข้ามาใน..ซีน..เขาก็จะEDIT..ตัดทิ้งไป..เพื่อรักษา
ภาพพจน์..ความยิ่งใหญ่..ของอังกฤษ..)
อนุสาวรีย์ทหารกุรข่า..หน้ากระทรวงกลาโหม..กรุงลอนดอน..ประเทศอังกฤษ
ป้ายจารึกใต้อนุสาวรีย์..มีใจความว่า...
ทหารกุรข่า..ผู้กล้าหาญที่สุด..ของเหล่าผู้กล้าทั้งหลาย...
ผู้เผื่อแผ่..มีน้ำใจ..ยิ่งกว่าใคร..ไม่มีชาติไหน..ที่ให้ความเป็นเพื่อน..ซึ่งให้ความเชื่อมั่น
น่าศรัทธา..เท่ากับ..พวกท่านอีกแล้ว....
ศาสตราจารย์ เซอร์ ราล์ฟ เทอร์เนอร์ เอ็ม ซี
น่าเสียดายที่ทหารกูรข่าไปเป็นพวกของศัตรูของเรา(ผมถือว่าอังกฤษเป็นศัตรูหมายเลขสองรองจากฝรั่งเศสใครจะเชียร์บอลอังกฤษก็ช่างเขา)
...ขอบคุณครับ..คุณOldman..ก็อย่างที่ว่า..ก็คือ..เลว..ทั้งคู่..เพราะช่วยกัน..ตอด
..จิกกิน..แผ่นดิน..ของเราจน..เหลือแค่นี้..
......ตอนนี้..ก็เริ่มเข้าสู่..สงครามโลกครั้งที่ ๒ แล้วครับ........
...............................................กุรข่า...นักรบเลือดดุ......................................................
........การแต่งกายของ..ทหารกุรข่า..สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ..จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่าง
ชัดเจน..คือ..หมวกปีก...ที่ใช้ประกอบเครื่องแต่งกาย..ทั้งยามปกติ..และ..ยามสงคราม..ได้คง
เหลือ..เพียงแค่ในยามปกติเท่านั้น...เมื่อเข้าสนามรบ..ก็จะใช้”หมวกเหล็ก”..เหมือนอย่างทหาร
อังกฤษ...ที่เหลือก็คล้ายๆเดิม...ผมจะเล่า..ในส่วนของ..สมรภูมิในทางยุโรปก่อน..ประเทศที่..
กรมทหารราบเบากุรข่า..เข้าสมรภูมิเป็นหลักคือ..อิตาลี..ที่นี่คู่กัด..ก็คือ..เยอรมัน..นักรบกุรข่า
จำนวน..สองคน..ได้รับVictoria cross ..จากความห้าวหาญเหนือ..มนุษย์..แต่ยังก่อนครับ..ผม
จะพูดถึง..กุรข่ายศ..สิบโท..เห็นหน้า..นี่นึกไม่ออกแน่..ว่าจะดุดันขนาด...................
....................ที่บริเวณ..แนวหน้าใกล้เมือง Torcillino...สิบโท JITBAHADUR RAI..กำลังนำ
ลูกน้องเข้าตลุมบอน..กับ..เยอรมัน..ระหว่างนั้น..มีควันจากระเบิด..ตลบอบอวล..เป็นหมอกหนา
อยู่..แต่ด้วยความดุของนักรบร่างเล็ก..เขาก็วิ่งถือ..คูครี..ในท่าพร้อมประจัญบาน..เข้า..ไปใน
..ม่านหมอก..เพราะรู้ว่า..เยอรมัน..อยู่หลังหมอกควันนั่นเอง..Rai..สามารถปาดคอ..เยอรมันไป
ได้..๒ คน..แต่ปรากฏว่า..ร่างยักษ์ของเยอรมันที่ตาย..แล้วดันล้มมาทับเขา..ทำให้ที่แรกเขา..
ขยับ..ตัวแทบไม่ได้..แต่แล้วดัน..มีเยอรมันคนที่สาม..มาจากไหนไม่ทราบ..ปราดเข้ามา..จะแย่ง
..คูครี..จากมือRai..แต่นักรบกุรข่า..อย่างเขาปล่อยให้ศัตรูมาแย่ง..คูครี..จากมือได้..ก็อายหมา
แล้ว..Rai..สามารถดิ้นหลุดจากร่างทหารเยอรมัน..ขณะที่ต้องยื้อมือที่กำ..คูครี..จากเยอรมัน..
...ที่ผมบอกนี่แหละครับ..ว่า..กุรข่าเป็นคนภูเขา..แข็งแรงมาก..โดยเฉพาะ..กำลังแขน..และ..
กำลังขา..การที่เขาฝึกการใช้..คูครี(น้ำหนัก..ก็..ใกล้เคียงกับ..ขวานนั่นแหละครับ)..อยู่ประจำ
..ทำให้..เขาสามารถยื้อกับ..คนที่หนักกว่า..และ..ใหญ่กว่าเป็นสองเท่าได้..ขณะที่ร่างค่อยๆ..
หลุดมาจากศพทหารเยอรมันที่ทับอยู่..เขาก็สามารถสะบัดมือที่กำ คูครี..หลุดจากการจับของ
เยอรมัน..พร้อมกับ..การตวัด....คูครี..ขึ้นบนอย่างรวดเร็ว..คมของ..คูครี..ลากผ่าเนื้อแขนลงไป
..ถึงกระดูก..ยาว..ตั้งแต่..ประมาณข้อศอก..ขึ้นไปถึง..รักแร้..ทำให้เยอรมันที่ว่าใหญ่..ร่วงลง
กับพื้น..โชคดี..ของเยอรมันคนนี้..เพราะถ้าไม่ร่วงลงกับ..พื้น..หมู่RAI..ก็คงตัดคอ..เพื่อเผด็จ
ศึกให้สิ้นเรื่อง..สิ้นราวไปแล้ว.............(ผม..มีรูปชายร่างเล็กคนนี้ให้ดู..พร้อมกับ..คูครี..คู่ชีวิต
ของเขา...)....................
................................................ต่อตอนหน้าครับ.............................................
สิบโท Jit Bahadur Rai..กับ..คูครี..คู่ชีวิต..
..ทหารกุรข่า..กำลังยาตราเข้าเมือง(ในอิตาลี)..หลังจากการกวาดล้างแล้ว
..หมู่ปืนกลเบา(Bren Machine Gun)ของกรมฯที่๗..กำลังสาดกระสุน..เข้าใส่..ทหารเยอรมัน
ในสมรภูมิอิตาลี..สังเกตคนข้างหลัง..ถือ..ปืนกลThompson..ของอเมริกา
ตอนนี้ในเอเชียมี บรูไน และ สิงค์โปร์ เท่านั้น ที่มีการจ้างนักรบกรูข่า ใช่มั้ยครับ
..ตอบ..คุณOldman ..ครับ
...ยังมีอีกชาตินึง..ครับ..จ้างทหารกุรข่าไว้ประจำการ..ก่อน..๒ชาติ..ที่บอกมาอีก..
..และเป็น..เพื่อนบ้านกันด้วย..คือ..อินเดีย..หลังได้รับเอกราช..ใหม่ๆ..นายทหารผู้ใหญ่
ของ อินเดียหลายท่าน..ก็คุ้นเคย..และได้รบ..ภายใต้ธงผืนเดียวกันกับ..กุรข่ามาก่อน..
จึงทำให้..รู้ซึ้งถึง..ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว..และอดทน..ของกุรข่าดี..จึงมีการว่าจ้าง
ไว้ประจำการ..โดยมีจำนวน..เป็นรอง..แค่..อังกฤษ..เท่านั้น...ขอบคุณครับ...
.................กุรข่า...นักรบเลือดดุ..................................................................................
.....................................................ผลการรบ..ของกุรข่า..เป็นไปได้ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม
...แม้..ผู้ได้รับ VICTORIA CROSS ..ที่เป็น..กุรข่า...๒ นายจะเสียชีวิต..ระหว่างปฏิบัติการรบ
..แต่ทั้งสองได้แสดง..ให้เห็น..ความกล้าอย่างสูงสุด..และผลงานของ..ทั้งสอง..ได้ทำให้เหตุ
การณ์ในแต่ละสถานการณ์..เปลี่ยนแปลงได้เพราะ..คนๆเดียว..แม้แต่รูป..ของยอดนักรบกุรข่า
..ทั้งสองคนยังไม่มีด้วยซ้ำ..แต่ความมุ่งมั่น..และรับผิดชอบ..โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตนเอง..ก็ได้
จารึกไว้..ในหอเกียรติยศ..ของ..ผู้ได้รับเหรียญกล้าหาญสูงสุดนี้..นี่คือ..การยุทธที่ดุเดือดเลือด
พล่าน..ในอิตาลี..ผมเองไม่อยากนำเสนอ..ผลงาน..ของทั้งสองท่าน..เพราะมันเศร้า..พวกพระ
เอก..ที่ต้องยอมสละชีพ..เพื่อ..ภาระกิจ..ในฉากจบ..ผมอ่านตั้ง..หลายรอบ..น้ำตายังเอ่อขึ้นมา
เอง......นี่คือความจริง..ผมไม่อยากให้ผู้อ่าน..ที่อินในเรื่องราว..แบบผม..เศร้า..ไม่เหมือน..ตอน
ที่เล่าถึงขุนพลเฒ่า..ตาย..เพราะ..เมนเรื่องมันไม่ใช่คนๆเดียว..แต่นี่เป็นเรื่องของคนๆเดียว..
..เมื่อเราอ่านไป..จะconcentrateเฉพาะ..เขา....ผมก็เลยเปลี่ยนใจ..ย้ายสมรภูมิ..ไปที่อาฟริกา
เหนือดีกว่า..ที่นั่น..กรมทหารราบเบากุรข่าที่ ๒..ได้ไปปฏิการรบอย่างห้าวหาญที่นั่นโดยเฉพาะ
ภูมิประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง..ทะเลทรายก็มี..แล้วพื้นที่ๆเยอรมันตั้งอยู่จะอยู่บนเขา..ที่มีแต่หิน
สลับซับซ้อน..ทหารอังกฤษ(ผสม)ทั้งหลายเห็นแล้ว..ส่ายหน้า..มีแต่..ทหารอินเดีย..กับ..กุรข่า
..ที่ไม่ค่อยเดือดร้อน..แต่พอต้องบุกขึ้นเขา..หรือ..เดินทางแคบๆที่มีหิน..ด้านล่างเป็นเหว..พวก
อินเดียเอง..ยังต้องส่ายหัว..แต่กุรข่าเองนั่นเอง..กลับชอบ(การคัดเลือกชาวกุรข่า..ที่จะมาเป็น
ทหารรับจ้างให้อังกฤษนั้น..ต้องทดสอบ..เอาของแบกใส่เป้ข้างหลังน้ำหนักมากกว่า ๓๐ กิโล..
..แล้ววิ่งขึ้นเขา(ชัน)..ตามทางเล็กๆ..ไปถึงจุดหมายบนยอดเขา..ตามเวลาที่กำหนด..ระยะทาง
หลายกิโลเมตร...แล้วต้องมีการทดสอบวิ่งบนพื้นราบด้วย..เพราะชาวกุรข่าส่วนใหญ่จะไม่ถนัด
วิ่งบนพื้นราบ..จะวิ่งช้ากว่าวิ่งขึ้นเขาด้วยซ้ำ..เพราะไม่ถนัดทางราบ)...ฉะนั้น..เกือบทุกครั้ง..ที่
หน่วยนักรบกุรข่า..ได้รับมอบหมาย..ให้เป็นหน่วยหน้า..ที่ขึ้นไปเคลียร์พื้นที่ให้..ทหารกุรข่าเอง
ก็มีความรู้สึกว่า..เหมือนกลับไปวิ่งเล่นที่บ้าน..เส้นทางที่ทางเยอรมัน..กะว่า..ฝ่ายอังกฤษคงแย่
และต้องเป็นเป้าให้สอย..แน่ๆ..เลยกลับตาลปัตร..เพราะไอ้ที่วิ่งไต่เขาขึ้นมา..นี่มันวิ่งยังกะ..วิ่ง
บนถนนราบๆธรรมดา..ทางเลียบเขา..แคบๆ..กลายเป็น..ขนมกรุบ..ของกุรข่า..เพราะเขาชิน..
แบบนี้..มาตั้งแต่หัดเดินแล้ว.......ตอนหน้าผมจะมาเล่าถึงวีรบุรุษกุรข่า..อีกคน..ที่..เหมือน...
คาวบอย..เลย..มือข้างหนึ่งถือปืนพก..อีกข้าง..คูครี..และเขาก็เป็นกุรข่าคนเดียวที่ได้รับเหรียญ
Victoria CROSS..ใน สมรภูมิอาฟริกาเหนือ....
...................................................ต่อตอนหน้าครับ............................................
....ทหารกุรข่า..กำลังเข้าชาร์จ..ในสมรภูมิ..ตูนิเซีย..สังเกตว่าถือ..คูครีไว้ในมือ..แสดงว่า
เป็นการ..เข้าโจมตีแบบประชิดตัว.................
..หน่วยทหารกุรข่า..กำลังเคลื่อนพล..ผ่าน..หน่วยยานยนต์หุ้มเกราะของ..กองพลที่๘(อังกฤษ)
สมรภูมิ ตูนิเซีย....
นักรบกรุข่า.......นักรบผู้ปิดทองหลังพระของจริง.........ที่นี้เลยเกิดคำถามครับว่าความเป็นอยู่ของเขาในประเทศที่เขารบถวายหัวให้ทั้งๆที่ไม่ใช่ประเทศแม่อย่างอังกฤษนี้สิทธิความเป็นพลเมืองและโฆษนาสวัสดิการ(ทหารปลดเกษียณไปเเล้ว)จะได้เทียบเท่าพลเมืองอังกฤษ แบบเต็มขั้นหรือไม่........หรือจะคล้ายๆกับกองกำลังทหารต่างด้าวของฝรั่งเศส.......แต่ส่วนตัวคิดว่ากรุข่าน่าจะได้รับสวัสดิการและสิทธิความเป็นพลเมืองที่ดีกว่าฝรั่งเศสแน่นอน
ยังตามเป็นกำลังใจให้อยู่ครับ เคยได้ยินว่าประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างบรูไนก็จ้างทหารกุรข่าไว้ด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจริงแค่ใหนครับ
โอ้โห..เว็บนี้..เบี้ยวอีกแล้วเขียนไปตั้งนาน..พอกด OK บอกINVALID..ผมโดนจนเซ็งมาก
..เห็นว่าไม่เยอะเท่าไหร่..ก็ไม่ได้เขียนในword..แล้วเอามาวาง...
ของคุณ Cardrock...
เป็นกรรมของ..กุรข่าครับที่ผ่านมา..จน..เมื่อปี..๒๐๐๙ปลายปี..ทหารกุรข่าผ่านศึก..รับใช้ชาติ
อังกฤษครบ๑๕ ปี..ถึงจะสามารถตั้งหลักฐานในอังกฤษได้..ที่มายาวครับกุรข่าต้องออกมาต่อสู้
ด้วย..ปากและหนังสือ..แทนการใช้..คูครีที่ถนัดแทน..ใช้เวลาเป็นสิบๆปีจึงจะได้สิทธิ..ที่มาที่ไป
เยอะ..ผมจะมาเล่ารายละเอียดภายหลังจะได้รู้ว่า..ผู้ดีอังกฤษ..เขาตอบแทนกุรข่าได้แสบทรวง
ขนาดไหน....
............ส่วนเรื่อง..ทหารต่างด้าวฝรั่งเศษนั้น..ความจริงไอ้เศษฝรั่ง..มันไม่ได้ใจดีหรอกครับ...
(มันชั่วในสันดาน..ใครๆก็รู้)...เพราะคนไทยที่มาแปล..ความหมายให้คำจำกัดความ..มันสั้นไป
ทำให้เหมือน..เหมือนกับเป็น..คนต่างด้าว..คนที่อื่น...ความจริง..มันมีความผูกพัน..เพราะ..
ส่วนหนึ่ง..เป็นคนในประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศษ..อีกส่วน..เป็นคนเชื้อสายฝรั่งเศษ..ที่ไม่ได้
มีสัญชาติฝรั่งเศษ(เกิดและอยู่ที่อื่น)...ส่วนน้อยที่เหลือเป็น..นักโทษ..ที่อาสาไปรบ..เพื่อแลกกับ
การที่ต้องถูกขังคุกที่เหลือ..และพวกโจรที่ถูกศาลสั่งให้ได้รับโทษขังคุกแต่อาสาไปรบแทนการติดคุก..
กับ..พวกที่อาสาไปเองเล็กน้อย..แต่กุรข่า..ไม่เหมือนกัน..เพราะเนปาลไม่ใช่อาณานิคมอังกฤษ
..จึงถือว่า..ไม่ได้มีความผูกพันอะไร..เลยไม่ได้สิทธิ..เหมือนทหารต่างด้าวฝรั่งเศษ....
..........สำหรับ..คุณ HINNOI....
..สงสัยไม่ได้อ่านที่คุณRung2442..ถามผม...ครับ ๒ ประเทศคือ..ทั้ง..บรูไน..และ..อังกฤษ...
ส่วนนึงเพราะ..ทั้ง๒..เคยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ..และเคยมีทหารกุรข่าบางส่วน..ได้มาประจำการอยู่
พอ..ประเทศตัวเองได้เอกราข..ประชากรก็น้อย..ก็เลยต้องพึ่งพาชาวบ้าน..นั่นแหละครับ...
...ต่อกันเลยครับ..วีรกรรมของ..ทหารกุรข่า...
......................................................กุรข่า...นักรบเลือดดุ............................................
................ผมจะเล่าถึง..วีรบุรุษกุรข่า..ในสมรภูมิTunisia..ในแผ่นดินอาฟริกาเหนือ...........
..ชื่อของเขาคือ Subadar Labahadur Thappa..เขาทำหน้าที่..หัวหน้าหน่วยระวังหน้า..ระดับ
หมู่..หน้าที่ต้องออกไปอยู่หน้าสุดเพื่อ..ตรวจ..และ..ระวังป้องกัน..กองกำลังระหว่างเคลื่อนพล
..บริเวณ..เส้นทางที่กองกำลังเคลื่อนพล..เป็นทางแคบๆ..เลาะไปตามเชิงเขาที่ชัน..และมีต้นไม้
ขึ้นสลับกัน..ซึ่งสามารถเป็นที่ซุ่มยิงของ..เยอรมันได้..Subadar ..ซึ่งสังกัดอยู่ในกรมทหารราบ
เบากุรข่าที่ ๒ ต้องพาหน่วยเล็กๆแค่..สองสามคนที่ทำหน้าที่ทั้งสอดแนม..ระวังหน้า..และจู่โจม
ได้..ตามกำลังสภาพ..Subadar..เห็นหน่วยกำลังศัตรูที่ซุ่มอยู่..ประกอบด้วย..ปืนต่อสู้รถถัง..
..และ..ปืนกลหนัก..ขณะที่..เขากับลูกน้องกำลัง..จะขึ้นไปจัดการ..เขาก็ต้องปะทะกับ..หน่วยจู่
โจมของเยอรมันที่ลงจากเขามา..เช่นกัน..Subadar..แกไม่ได้ถือปืนยาว..หรือ..ปืนกลทอมสัน
เหมือนคนอื่น..อาจเพราะความมั่นใจ..ในฝีมือการยิงปืนพกRevolverลูกโม่..ของแกเอง..ขณะ
ที่ลูกน้องใช้ปืนยาว..และ..ปืนกล..มืออีกข้างของ..นักรบกุรข่าทั้งหมด..ก็ถือ..คูครี..ในสภาพ
เตรียมพร้อมเช่นกัน(..ที่เวลากุรข่าเข้าโจมตี..ระยะใกล้..แล้วถือปืนยาวข้างนึง..และ..คูครีข้าง
นึงนั้น..เพราะสาเหตุที่..ปืนยาวของอังกฤษ..ไม่ใช่..ปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ..อย่าง M1 Garland..
Springfield( ปลยบ. ๘๘ ของบ้านเรา )..ที่ยิงต่อเนื่องได้..แต่Rifleของ..อังกฤษ..เมื่อยิงแล้ว
ไม่มี Choke สปริงที่ติดกับลูกเลื่อน..ที่เมื่อแก๊ซที่เกิดจากการยิงกระแทกกลับมาก็ไม่มีผลอะไร
..นอกจากเจ็บไหล่..จะต้องกระชากลูกเลื่อน..เพื่อคัดปลอกเดิมออกไป..แล้วดันลูกเลื่อนกลับ..
พร้อมนำลูกกระสุนใหม่เข้ารังเพลิง...จึงจะยิงได้..ผมว่ามันคงช้าไม่ทันใจกุรข่า..เพราะเขาเชื่อ
มั่นใน..คูครี..เขามากกว่า..ภาพจึงออกมาเช่นนั้น...หน่วยจู่โจมที่มาจำนวนเท่าๆกัน..ปรากฏว่า
ยังไม่ทันยิง..subadarกับ..ลูกน้องก็ถึงตัว(บอกแล้วครับ..กุรข่าวิ่งขึ้นเขาเร็วมาก..พวกเยอรมัน
คงคาดไม่ถึง)..หน่วยจู่โจมทั้งหมด..เลยต้องสังเวยชีวิตใต้คมคูครี..ของSubadar..และลูกน้อง
ของเขา..แม้เยอรมันบางคนจะยิงทันแต่ก็ไม่ถนัด..และไม่โดนใคร...เมื่อเสียงปืนดังขึ้น..ปืนทุก
ชนิดที่..อยู่ตามจุดซุ่ม..ของเยอรมัน..ก็บรรเลงสาดยิงเหล่าทหารกล้ากุรข่า..อย่างไม่เลี้ยง..
..............................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................
...นี่ครับ..Subadar Labahadur Thappa..เจ้าของวีรกรรม..ครั้งนี้..ได้รับ.Victoria Cross
...หน่วยรบกุรข่า..ขณะไต่ขึ้นเขาสูงชัน..เข้าตี..ทหารเยอรมัน..ใน Tunesia..
(ให้สังเกต..ทางด้านขวา..ของภาพ..นั่นคือ..พื้นที่ด้านล่าง..คิดเอาว่า..สูงขนาดไหน..)
ขอบคุณครับคุณModPong.......ผมก็เป็นบ่อยครับเรื่อง Invalid ถ้าข้อความไม่ยาวมากลองก็อบข้อความไว้ก่อนโพสนะครับไม่ต้องเขียนลง Word ก็ได้ครับ ชินเเล้วครับเพราะเว็บนี้หลุดบ่อยมากๆ
แหะๆขออภัยท่านModPongพอดีอ่านไรยาวๆแล้วตาชักลายเลยมีข้ามมั่งอิๆ
..ขออภัย..อย่างแรง..ที่ผมตอบคุณHinnoiไป..ผม
เพิ่งกลับมาอ่าน..ต้องแก้ไข..ดังนี้ครับ...
"..ทั้ง..บรูไน..และ..สิงคโปร์"..วันนั้นเบลอจริงๆ
...ขอโทษด้วยครับ....
...ต่อเลยครับ..กำลังเข้าCLIMAX....
.........กุรข่า.......นักรบเลือดดุ..........................................................................
...............เมื่อห่า..กระสุนจากปืนกลหนัก..สาดมาใส่Subadar..กับ..ลูกน้อง..เขาก็ใช้สัญชาติ
ญานของ..นักฆ่า..หาช่องทันที..ปรากฏว่าเขา..เหลือบไปเห็น..ร่องหินแคบๆ..ที่เป็นทางน้ำ..
ซึ่ง..สามารถคืบคลาน..ไต่ขึ้นไปใกล้รังปืนกล..ใช้บังวิถีกระสุนได้..เขาจึงพาลูกน้องไปทางนั้น
..ซึ่งศัตรู..ไม่สามารถเห็น..แต่ยังยิงคลุมอยู่..เมื่อเข้าไปใกล้ได้ระยะ..ทหารเยอรมัน..ไม่เห็น..
(ความจริงSubadarกับ..ลูกน้องหมอบ..บังการมองเห็น..ของพลยิง..ตั้งแต่แรกแล้ว..พลยิง
เยอรมัน..เพียงแต่คาดว่า..อยู่บริเวณนั้น..ไม่ได้ไปไหน..การเคลื่อนไหวของเขากับลูกน้อง
จึงไม่ผิดสังเกต..กอปรกับ..มีต้นไม้ขึ้นสลับไปมา..จึงทำให้วิสัยทัศน์..แย่...........)
เพราะนึกว่ายังอยู่..ที่เดิมข้างล่าง..หารู้ไม่ว่ามัจจุราชมันไต่ขึ้นเขา..มาแล้ว................
............เขา..นัดแนะกับลูกน้องสองคน..ให้คอยยิงคุ้มกัน..ถ้า..เยอรมันรู้ตัว..โดยตัวเองจะ
คลานไปใกล้ๆ..คือ..เขาจะเข้าไปจัดการเอง..ทั้งรัง...ซึ่งตอนนี้Subadar..มองเห็นแล้ว..ว่ามี
ทั้งหมด..๔ คน..สภาพตอนนี้ของเขา..จึงไม่ต่างจาก..สิงโตภูเขา..ที่ค่อยๆย่องไปด้านข้างของ
แพะภูเขา..ที่กำลังเล็มหญ้า..อย่างเงียบกริบ..รอจนจะถึง..ระยะที่จะกระโจน..ตะปบเหยื่อ....
.......เขา..ที่ตอนนี้..มือข้างนึงกุมปืนพกลูกโม่..อีกข้างคือ..คูครี..คู่ชีวิต..ค่อยๆคลานแนบไป..
กับพื้น..เข้าใกล้รังปืนกล..เข้าไปเรื่อยๆ..โดยที่ศัตรูก็ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหว..เพราะตอนนี้
..เรียกว่า..Subadar..เคลื่อนที่อยู่ในทิศทางที่เรียกว่า BLIND SIGHT..เพราะเมื่อคนเรา..มอง
ไปด้านหน้า...มุมมองด้านข้าง..จะกลายเป็นBLIND SIGHT..เพราะตาเราครอบคลุมไม่ถึง.......Subadar..ซึ่งมีสัญชาตญาน..นัก ฆ่า..ที่ดี..จึงเลือกแนวนี้...เมื่อคลานจนได้ระยะ..ค่อน
ข้างใกล้..เขาจึงพรวดกระโจนขึ้น..พร้อมกับ..ยิงไปที่เป้าหมายที่เล็งไว้แล้ว..๑ คน..พร้อมกับ
การเคลื่อนที่ต่อเนื่องเข้าไป..โดย..ส่องนัดที่ ๒ เข้าพลยิงปืนกล..ที่..กำลังหันปืนมา..การพุ่งเข้า
ไปรวดเร็ว..ต่อเนื่อง..ไม่มีชะงัก..ขณะ..ที่ทหารเยอรมัน..ที่เหลือ ๒ คน..พยายามจะเล็งยิงเขา
..แต่ก็ช้าไป..เพราะ..คม..คูครี..ก็มาถึงตัว..อย่างต่อเนื่อง..ด้วยการฟัน..อย่างรวดเร็ว..ทหาร
เยอรมันทั้งสอง..ก็..กลายเป็น..ศพ.........Subadar..สังหารศัตรูชั่วพริบ..๔ ศพ..ด้วย..ปืนพก
๒..และ..คูครี..๒..โดยลูกน้อง..ไม่ต้องช่วยเลย.....แล้วเขา..กับ..ลูกน้อง..เคลื่อนที่ขึ้นเขาต่อไป
..จนเจออีก..อีกรังปืนกล..ที่ใกล้ยอด..ด้วยยุทธวิธี..คล้ายเดิม..คือไม่ให้ศัตรู..เห็นความเคลื่อน
ไหว..เขาสามารถใช้..คูครี..สังหารไปได้อีก ๒..และลูกน้อง..ก็..เอาปืนส่องไปอีก ๒ ศพ....
........ทำให้..หน่วยทหาร..เคลื่อนผ่านช่องเขาไปได้อย่างปลอดภัย..รวมแล้ว Subadar..ฆ่าไป
ทั้งหมด..๗ ศพ....ซึ่ง ๕ ศพ..นั้นมาจากฝีมือ..คูครี..ล้วนๆ..ลูกน้องเขาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ...
.........ด้วยผลงานที่เยี่ยมยอด..ทั้งจาก..ฝีมือ..ความกล้าหาญ..ความเป็นผู้นำ..การวางแผน
เฉพาะหน้า..อย่างเยี่ยมยอด....ทำให้เขาจึงได้รับ..เหรียญกล้าหาญสูงสุดVICTORIA CROSS
อย่างสมภาคภูมิ...................................................................................
.................................................ต่อตอนหน้าครับ..................................................
...เราข้ามทวีป..มาที่..สมรภูมิเอเซีย..กันครับ..เปลี่ยนจาก..เยอรมัน..เป็น..ญี่ปุ่น...
.............กุรข่า..นักรบเลือดดุ.......................................................................................
..............................................สำหรับ..อังกฤษเอง...การรบกับญี่ปุ่น..ในภาคพื้นเอเซียเอง
...กลับทำให้..เสียชีวิตทหารอังกฤษ(จริงๆ)..มากกว่าที่ไหน..รวมทั้ง..ออสเตรเลีย..นิวซีแลนด์
..ตั้งแต่ญี่ปุ่น..ในช่วงแรก..ที่ยึดสิงคโปร์..และ..มลายูบางส่วน..เรียกว่าในคราวเดียว..เสียไป
มากมาย..แถมโดนจับมาเป็นเชลย..อยู่ที่เมืองกาญจน์..สร้างทางรถไฟ..ที่เข้าไปเชื่อม..พม่า
(ทางสายมรณะ)..ตายอีกเป็นเบือ...ทั้งถูกทรมาน..ทั้งป่วยเป็นมาลาเรีย..ดูที่สุสาน..ที่เมือง
กาญจน์เอา..นับไม่ถูกเลย..พอไอ้ยุ่น..พลาดเพราะความฮึกเหิม..และประเมิน..อเมริกาพลาด
...ไอ้กัน..โดดลงมา..สงครามภาคแปซิฟิคเต็มตัว...อังกฤษ..เองซึ่งเดิม..ในภูมิภาคนี้เรียกว่า
..อาการปางตาย..ไปแล้ว..ก็กลับฟื้นขึ้นได้เพราะไอ้กัน..แต่เรียกว่า..ตัวอังกฤษเองจริงๆนะ..
เข็ด..ไอ้เตี้ย(ญี่ปุ่น)..ขี้เยี่ยวราด..ไม่นึกว่ามันจะเจ๋งขนาดนี้..ตอนนี้อาวุธยุทโธปกรณ์..เสบียง
มีพี่ใหญ่สนับสนุนเต็มที่..ก็มาวางแผนกันใหม่(ขณะเดียวกัน..ในยุโรป..ก็ได้ไอ้กันมาช่วย..เดิม
ความจริง..ใกล้เดี้ยงแล้ว..สถานะการณ์ก็พลิกเป็นฝายรุก..อังกฤษสิงโตผอม..ขั้นย่ำแย่..แผล
เพียบ..(ไอ้..เรื่องBATTLE OF BRITAIN..ที่อังกฤษเอามาใช้โม้ได้ทุกวันนี้..ที่เยอรมันเสียท่า
พ่ายอังกฤษ..ในการรบทางอากาศนั้น..มีทหารอังกฤษ(จริงๆ)ไม่ถึงครึ่ง..ที่เหลือ..นี่แคนาดา
ออสเตรเลีย..นิวซีแลนด์..ซะบานเลย..คือถ้า..ไม่มีชาติพวกนี้มาช่วย..ลำพังตัวเองจะเอานักบิน
ที่ไหนมาขับ..เครื่องบิน..ป่านนี้..เยอรมันยึดเกาะอังกฤษ..ไปแล้ว...ขี้โม้ซะไม่มี)...กลับมามีแรง
แผลหาย..กลับมาเห่าได้อีก..)...ไอ้เรื่องจะเอา..ทหารอังกฤษมารบอีก.พวกท่านเซอร์..ทั้งหลาย
ก็ส่ายหน้าเดียะ..เพราะ..การรบในป่าทึบ..อังกฤษไม่ถนัด..แถมกลัวมาลาเรียนกิน..ตายอ่าซะ
ก่อน..จำเราจะใช้ไอ้พวกขี้ข้าที่ชำนาญพื้นที่แบบนี้ให้มันไปตายแทน..ดีกว่า..ก็ใครซะอีก..ก็..
อาบัง..นี่แหละเพราะยังมีทหาร..อีกเหลือเฟือ..เพราะคนเยอะมาก..ขนาดส่งไปรบที่ยุโรป..กับ
อาฟริกาแล้ว..(ท่านผู้ที่ดู..หนังสารคดีสงครามโลก..เนื่องจากช่างภาพสงคราม..เป็นอังกฤษ
และ..อเมริกัน..และการทำข่าวก็เป็นสงครามจิตวิทยา..อย่างหนึ่ง..เมื่อเอากลับไปฉายที่อังกฤษ
เขาต้องการให้คนอังกฤษ..ภูมิใจ..เขาก็เลยถ่ายทหารอังกฤษ(ผสม)..ที่มีแต่ผิวขาว..คนอังกฤษ
..ก็สังเกตไม่ออก..ก็เลยคิดว่าทหารของตัวเองโคตรเก่ง..ใครเคยดูหนังสารคดีสงครามโลก..
เห็นทหารโพกหัวเคราเฟิ้ม..กับตัวดำเป็นเหนี่ยงบ้าง(ทหารอินเดีย)...หรือเห็นทหารตัวเล็กหน้า
เด๋อ..เหมือนคนไทยบ้าง(กุรข่า)..เรียกว่าไม่เคยเห็นซะยังได้..ถ้ามีก็เรียกว่า..หลุดคิว..น้อยมาก
ๆ..เอา..แค่..อินเดีย..รวมกับ..กุรข่า..ที่รบในสงครามโลกครั้งที่ ๒..ในนาม “ทหารอังกฤษ”..ก็
ร่วม..ครึ่งล้าน..แล้วครับ..ถ้าถ่ายทำภาพยนต์..อย่างยุติธรรมยังไงก็..ต้องติด....)......
.........อีกพวกหนึ่ง..ที่ถูกระบุเจาะจง..ด้วยความกล้าหาญ..เก่งกาจ..ทน..อึดโคตร..ไม่กลัวตาย
..เรียกว่าสั่งให้วิ่งเข้าไปรับลูกกระสุนแทน..ยังไม่เกี่ยง..ก็..กุรข่า..นักรบเลือดดุ..นี่แหละครับ..
ที่ถูกใช้ให้เป็น..กองหน้า..ตัวลุย..แทบทุกสมรภูมิ..............................
................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................
....หน่วยทหารกุรข่า..กำลังข้าม..แม่น้ำอิระวดีช่วงที่แคบและตื้น..เพื่อเข้าไปโจมตี..ทหารญี่ปุ่น..
สมัยสงครามโลกทหารกูรข่ากับญี่ปุ่นนี่แหละครับสู้ไม่กลัวตายเลย แต่สมัยนี้ต้องยกให้ตอลีบันแกเล่นพลีชีพเลย (คิดเล่นๆน่ะครับ)
สำหรับผมกลับคิดต่างจากท่านaunnaครับทหารกูรข่ารบเก่งไม่กลัวตายเพราะว่ามันอยู่ในสายเลือดของเขาประกอบกับภูมิประเทศทำให้เขาแข็งแรงและความยากจนทำให้เขาอดทน ส่วนญี่ปุ่นเป็นพวกคลั่งชาติและลัทธิบูชิโดเชื่อว่าจักพรรด์เป็นเทพมาจากสวรรค์ยอมตายถวายชีวิตให้เพราะเชื่อว่าตายแล้ว7วันก็จะได้เกิดเป็นคนญี่ปุนอีก ส่วนตอลีบันบ้าศาสนาประกอบกับความแค้นพวกฝรั่งที่เอาเปรียบกดขี่ข่มเหงมานานจึงลุกขึ้นมาต่อสู้เมื่อสู้แบบซึ่งหน้าไม่ได้ก็ทำทุกวิธี แต่ตอลีบันไม่ได้กล้าหาญอย่างที่ท่านคิดหลอกครับมีแต่ความโหดร้ายหลอกคนที่โง่กว่ามาล้างสมองบ้าง บังคับมาบ้างเพื่อให้คนพวกนี้ไปตายแทนตัวเอง ส่วนตาลีบันจริงฯจะไม่ออกไปต่อสู้เองเป็นอันขาดเพราะกลัวตายครับ
.....สำหรับผมเองนั้น..ผมวิเคราะห์จาก..กุรข่าอย่างเดียว..
......พวกเขา..กล้าหาญนี่..มาจากGene..ครับ..ถ่ายทอดมาทาง..พันธุกรรม..
ที่เป็น..ชาตินักรบ..แต่มันไม่เหมือน..ชาติอื่นๆ..คือ..มันไม่เจือจาง..คงอาจ
เพราะ..ส่วนน้อยมาก..จากข้อมูลที่ผมได้ศึกษามา..ถ้า..กุรข่า..ที่ไปได้..ผัว
หรือ..เมีย..เป็นคนนอก(ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก)..ส่วนใหญ่ของพวกนี้..ก็จะย้ายถิ่น
..ไปที่อื่น..หรือ..เข้าเมือง..เปลี่ยนวิถีชีวิตเลย..ดังนั้น..เลือดของเขาจึงไม่ปะปน
..ผมจึงคิดว่า..มันเป็นส่วนสำคัญ..ที่ทำให้GENE..จากบรรพบุรุษ..แทบจะไม่เจือ
จางลง..ผิดจากคนชาติอื่น..ที่เดิมก็เป็นนักรบ..กล้าหาญ..พอมายุคปัจจุบัน..
กลับเจือจางลง......
............อีกส่วนที่อาจมีผล..ก็คือ..วิถีชิวิต..ของพวกเขา..ก็เปลี่ยนแปลงไปจาก
เดิม..ไม่มาก..สิ่งแวดล้อมก็..มีผลด้วย..พูดง่ายๆว่า..ยากลำบากคล้ายๆเดิม..
.........มีข้อมูล(ข้อเท็จจริง..ไม่ใช่ว่ากันว่า)..ของผู้บังคับบัญชาระดับแม่ทัพของ
อินเดีย..ที่มีหน่วยรบ..ของ..กุรข่าอยู่ภายใต้สังกัด..ได้สัมภาษณ์..นักเขียนฝรั่งที่ไป
หาข้อมูล..ของเรื่อง..ทหารกุรข่า..ท่านบอก..ทำนองนี้คือ..ถ้าไปถาม..ทหารที่อยู่แนว
หน้าเตรียมปะทะกัน..ว่า..เอ็งกลัวตายมั๊ย...ถ้าตอบว่า.."ไม่กลัวครับ"...คิดได้ ๒ กรณี
คือ..กรณีแรก..."เอ็ง..โกหก".....อีกกรณีคือ..."เอ็งเป็น..กุรข่า"............
..........คือกุรข่า..ทุกคน..กล้าหาญ..หมด..และ..เหี้ยม..ดุ..ไม่เกี่ยวกับ..หน้าตา..เลย...
ลองย้อนกลับ..ไปดูรูปที่ผม..POST..ไว้ของ..วีรบุรุษกุรข่า..ทั้ง ๓ คนซิครับ...
...คนแรก..RANA...หน้าตา..เด๋อด๋า..มาก..ใสซื่อ......ออก..เอ๋อๆ..ด้วยซ้ำ
..คนที่สอง..JIT BAHADUR...นี่ยิ่งไปใหญ่..หน้าแหยมากมาก..ยิ้มใส..ดูเหมือนใจดี
..คนที่สาม ...SUBADAR....คนนี้..ถึงจะดู..หน้าดุ..หน่อย....
............แต่ทั้งสาม..เวลาเข้าสนามรบ..ก็คือ..เหมือนกัน..กล้าหาญ..ดุ..โหด...ไร้ปรานี..
....วันนี้มาแนะนำ..เกริ่นถึง..หน่วยรบของอังกฤษ..ที่เข้าไปปฏิบัติการณ์..ในพม่ากันก่อนครับ..
..........กุรข่า..นักรบเลือดดุ.........................................................................................
..............................................ข้อสรุป..ของทางอังกฤษ...ซึ่งแค้น..บักยุ่นมาก..ก็จะรวบรวม
..ขี้ข้า..เมืองขึ้น..อาณานิคม..และทหารรับจ้างหน่วยเดียวคือ..กุรข่า...รวมกัน..เรียกหน่วยรบ
...นี้ว่า...CHINDITS..ซึ่งจะทหารอังกฤษ..อยู่..น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น(ธรรมเนียมของ..ไอ้พวก
เห็นแก่ตัว..)..ก็จะเป็นพวก..พวกนายทหารติดต่อ..ประสานงาน..และนายทหารบังคับบัญชา
หน่วย..ระดับ..ผู้กอง..ผู้พัน..ขึ้นไป..ในหน่วยรบ..อาณานิคมทั้งหลาย..ประกอบ..ด้วย
(รับรองว่า..ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่..จะไม่ทราบ..)
............จำนวนมากสุด....อินเดีย(นี่ก็จำเป็น..เพราะ..เป้าหมายต่อไป..ของญี่ปุ่น..คือ..อินเดีย)
..................รองลงมา.......กุรข่า..(นี่ก็แน่นอน..รบเก่ง..ดุ..บ้าเลือด..)
......................................ออสเตรเลีย..(อันนี้..ผบสูงสุด..ออสเตรเลีย..แค้นญี่ปุนมาก..เพราะ
ทหารที่ตาย..ในสิงคโปร์..และเชลย..ที่เมืองกาญจน์..จำนวนใกล้เคียง..กับทหารอังกฤษเลย)
(แต่เหตุผลอีกอย่าง..ทหารออสเตรเลีย..ทหารฝรั่งชาติเดียว..ที่ชำนาญ..การรบในป่าดิบ..)
......................................พม่า....(นี่ก็..ไม่สู้เพื่อปลดปล่อยชาติตัวเอง..ก็บ้าแล้ว)
.......................................มาเลย์ (..นี่ก็โดนพี่ยุ่น..ยำไปด้วย..บางส่วน)
.......................................กรมผสมอาฟริกา..(ไนจีเรีย..เซียร่าลีโอน..เคนย่า...ฯลฯ...ดำสนิท
ทั้งกรม..ครับ....)(ข้อได้เปรียบ..การรบตอนกลางคืน..ไม่ต้องพรางตัว)
.......................................คะฉิ่น...กะเหรี่ยง...ไทยใหญ่(พวกนี้..โดนอังกฤษหลอก..ส่งคนมา
รบ..แล้วจะได้เอกราช..ไม่ต้องขึ้นกับพม่า...เศร้าจริงๆ...)
.......................................นาคา..(อยู่ในแคว้นอัสสัม..ของอินเดีย..ติดกับพม่า...อันนี้..ยาม
ปกติก็ล่าหัวมนุษย์..ฆ่ากันเองอยู่แล้ว...เขาเลยให้..มาล่าหัวญี่ปุ่นแทน...พวกนี้ผมมีรูปมาให้ดู
ด้วย..ชุดรบ..เท่ห์..ซะไม่มี..ทหารกุรข่า..เป็นคนฝึกให้..)
...............คาดว่าคงมี..หน่วยของ..นิวซีแลนด์..ด้วยแต่ไม่มาก..และเผ่าย่อยๆในพม่าอีก..พอดี
ไม่มีหลักฐานยืนยัน..เลย..ไม่ได้กล่าว.......
...............แต่เวลาในข้อมูลประวัติศาสตร์สงครามทั่วไป(แบบไม่เจาะลึก)..ก็จะบอกว่า..ทหาร
อังกฤษ..เข้าไปกวาดล้าง..ทหารญี่ปุ่น..ในพม่า.....
(ผมเพิ่มเติม..เกร็ดทั่วไปให้หน่อย..เพราะไม่ค่อยมีคนรู้..เกี่ยวกับ...ทหารออสเตรเลีย..ถ้าเป็น
หน่วย..ของตัวเองจริงๆ(บังคับบัญชาเอง)..เป็นทหารที่..รบเก่งมาก..โดยเฉพาะ..ในป่าดิบ..
พวกนี้..จะไม่ใส่..หมวกเหล็ก..ให้หนักกบาล..ฉลาด..ทักษะดี..ระเบียบวินัยเยี่ยม..ขนาด..มารบ
ในเวียตนาม..ก็ไม่ใช้..หมวกเหล็ก..จะใส่หมวกปีกพับข้าง(พับปีกข้างนึง)..เป็นหน่วยทหารที่
เวียตกง..กลัวที่สุด..และมีผลงานรบในเวียตนามดีที่สุด...ที่เขียนมานี่คือคำบอกเล่า..ของพ่อผม
เอง..ที่สัมผัส..กันมาในเวียตนาม(ฐานะนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาของทหารไทย).....)
.................................................ต่อตอนหน้าครับ.......................................................
นี่แหละครับ..ทหารนาคา..ที่ผมว่า..เครื่องแต่งกาย..เท่ห์ที่สุด..ในบรรดาทหารทุกชาติ..
สังเกต..คนซ้ายมือ..นี่ อาวุธ..originalเลย..สงสัยจะยิงปืนไม่ถนัด..ส่วนใหญ่..สอน
การรบ..โดย..ทหารกุรข่า..ครับ..(..ดู..ตีน..ซะก่อน..อย่างหนา..ตราช้างทุกคน..)
ตอนนี้กระทู้ยาวมากกว่าจะโหลดได้รอนานทีเดียวไม่ทราบว่าขึ้นหน้าสองได้ไหมครับผมก็ไม่ทราบวิธีเสียด้วย แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับลองเสนอดูเฉยฯ
...บอกตรงๆ...ผมทำไม่เป็นหรอกครับ..เพราะเป็นสมาชิกใหม่..
ปกติ..ที่เว็ปอื่น..เขาจะขึ้น..หน้าใหม่..ให้เอง..ถ้ามันยาวเกิน...
....ใครทราบ..กรุณาช่วยบอกด้วย..ก็ดี..ครับ...
....ต่อกันเลยครับ..อังกฤษ(ลูกผสม)..เตรียมเข้าโจมตีญี่ปุ่น..ในพม่า..
.........กุรข่า..นักรบเลือดดุ.................................................................................
................................................กองกำลังchindits..รวมพลกันที่เขต..แดนในอินเดีย...
(จะเรียกว่า..แถบ..บังคลาเทศ(ชื่อเดิม..ปากีสถานตะวันออก)ก็ได้..ตอนนั้น..ยังไม่แยกตัวออก
จากอินเดีย..แต่ก่อนอื่น..เพื่อให้การส่งกำลังบำรุง..และเสบียง..มีประสิทธิภาพ..เหล่าผู้บังคับ
บัญชาสูงสุดของหน่วย(ย่อมต้องเป็น..คนอังกฤษแน่)..ได้วางแผน..ให้หน่วยเฉพาะกิจ...ไป
สร้าง..สนามบิน..ซึ่ง..จะได้เป็นฐานของ..Chindits..ด้วย..โดยส่งหน่วยเฉพาะกิจ..โดดร่มลงไป
ในเขตแดนพม่า..ตอนเหนือ..ซึ่งไม่ห่างจากพรมแดน..อินเดียมากเกินไปนัก...ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว
ไม่ได้ถูกญี่ปุ่นเข้ายึดครอง...ก็ได้ทหารพวกชนกลุ่มน้อย..ช่วยเหลือ..คุ้มครองด้วย...เมื่อมีการ
ปรับพื้นที่เบื้องต้นแล้ว...ก็เริ่มลำเลียง..เครื่องมือหนัก..มาก่อสร้างสนามบินจนเสร็จ...ซึ่ง..ที่นี่
จะเป็นที่เครื่องบินอังกฤษ..จากอินเดีย..จะมาลงขนส่ง..ทหาร..อาวุธยุทโธปกรณ์..เสบียงต่างๆ
..เข้ามาในเขตพม่า..เพื่อ..ทำการรุกกลับ..และขับไล่..ญี่ปุ่นออกไปจาก..แผ่นดินพม่า......
.........ถ้ามามองกลับที่ญี่ปุ่น..ตอนนี้..เป็นช่วงลำบากแล้ว..เพราะ..ส่วนหนึ่ง..คืออเมริกา..รุกคืบ
หน้า..ไปเรื่อยๆ..เริ่มจาก..ฟิลิบปินส์...เสบียง..โดยเฉพาะอาวุธยุโธปกรณ์..เครื่องรบ..ยาน
พาหนะ..ซึ่งต้องหามาเพิ่มเติม..โดยเรือขนส่งสินค้าญี่ปุ่นก็โดนไอ้กันจม..เป็นว่าเล่น..ทุกอย่าง
ก็ขาดแคลน..ลางแพ้..มาจากทุกที่..นี่เพราะการวางแผนผิดพลาด..ซึ่งนักวิจารณ์ด้านสงคราม
บอกว่า..ถ้าเลื่อนการโจมตี..ไปอีกแค่..๖..เดือน..สงครามโลกครั้งที่๒..จะพลิกทันที..เพราะไอ้
กันจะอ้างเหตุไปรบใน..ยุโรป..ไม่ได้..สภาจะไม่ยอม...เมื่อถึงเวลานั้น..นอกจากทั้งยุโรปกลาย
เป็นของ..เยอรมันแล้ว(ตอนก่อนที่ไอ้กันจะมาร่วม..อังกฤษ..ก็ใกล้หมดสภาพแล้ว..ทั้งในยุโรป
..และ..อาฟริกาเหนือ..เหลือแต่ที่..เกาะอังกฤษ..รัสเซีย..ก็จะถูกตียับ..เพราะสามารถเอากำลัง
จากแนวรบ..ตะวันตกมาช่วยตะวันออกได้..ภายใน๖เดือน.อังกฤษ..ก็จบ)..ญี่ปุ่นเอง..ก็เดินทัพ
เข้าอินเดียได้โดยไม่ยาก..เพราะไม่ต้องเสียกำลังพล..และยุทโธปกรณ์..จากการต่อสู้กับไอ้กัน
..กองเรือรบ..ก็เดินทางเข้ามาสนับสนุน..ตีอินเดียได้....แต่นั่นแหละครับ..ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว
........ทางกำลังผสมอังกฤษ...ก็เริ่มเข้ามาในพม่า..และเริ่มเปิดการรบ..กดดัน..ญี่ปุ่นที่ใกล้หมด
สภาพ..แล้ว..ยังกะพระเอกเลย..(นี่..พี่ยุ่นบอกว่า..ถ้าเจอกัน..ตอนที่ไม่เปลี้ย..ไม่มีข้าวกิน..ลูก
กระสุนไม่พอ..การขนส่งทุกอย่างจากเมืองกาญจน์มีปัญหา..โดนเครื่องบินทิ้งระเบิด..ถล่ม..
..ละก็..มันไม่มีทางจะมาเอาชนะได้หรอก)...........................................................
.................ตอนหน้า...ผมจะมาเล่าวีรกรรม..กุรข่าผู้กล้ากันต่อ..ในสมรภูมิพม่า..............
...ดูคความแข็งแรง..ของทหารกุรข่า..ที่แบกสัมภาระข้าม..แม่น้ำอิระวดี..มาถึงฝั่งยังยิ้มแย้ม..
วิธี..การแบกแบบ..เอาสายสะพายมาคาดไว้ที่หัวนี่..เป็นสไตล์ที่กุรข่าใช้แบกของขึ้นเขาที่บ้านอยู่แล้ว
...สังเกตไอ้ท่อนยาวๆที่แบกมาด้วยนั่น..ปืน ค. ครับ..พร้อมฐาน..สังเกตที่เอวมี..หางลูกปืน ค.
โผล่ออกมา..จากกระเป๋า..
...เอาละครับ..เริ่ม..วีรบุรุษกุรข่า..แห่ง..สมรภูมิพม่า..คนแรกกันเลย...
............กุรข่า..นักรบเลือดดุ.........................................................................................
............................................นักรบผู้กล้าสูงสุด..ของ..กุรข่า..มีมากกว่า สิบ..ที่ได้รับเหรียญ
กล้าหาญสูงสุดVICTORIA CROSS..ทุกๆท่าน..ก็..นอกจากความกล้าหาญ..เด็ดเดี่ยว..อย่าง
สุดๆแล้ว..ก็มีความแตกต่างกันไปในลีลา..แต่ในความกล้าหาญ..บางคนก็ใจพระด้วย..เรียกว่า
..พระเอกดีๆนี่เอง(แต่ด้อยความหล่อเล็กน้อย..อาจจะเรียกว่า..หล่อโหด..ก็ได้)..หลายคนก็เป็น
เช่นนี้..แต่ความโดยรวมสมบูรณ์แบบ..อย่างพระเอกบู๊จะมี..คงไม่มีใครเกินนี้..ผมอ่านชีวประวัติ
ของวีรบุรุษสงคราม..ในสงครามโลกครั้งที่๑..และ ๒..มา..ทั้งของไอ้กัน(วงการจะยอมรับกันว่า
เนื่องจากเป็นประเทศผลิตหนัง..อันดับหนึ่ง..ฉะนั้น..การเขียนวีรกรรม..นักรบ..จะออกแนวเว่อร์
กว่าเขาเพื่อน)..อังกฤษ..และพวกพันธมิตร..รวมถึง..ของเยอรมันด้วย....ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
เท่า..ผู้หมู่..เลือดเดือด..ชาวกุรข่า..คนนี้..เรียกว่า..สร้างหนังจากชีวิตจริง..แบบไม่ต้องเสริมให้
เว่อร์..แบบไอ้กันได้เลย..เรียกถ้าออกมาเป็น..หนังละก็..ไอ้แรมโบ้(จอมตอแหล)..นี่ชิดซ้าย..ไป
เลย....นี่มีนักเขียนฝรั่ง..ให้ฉายาแกไว้เลยว่า..THE REAL LIFE RAMBO...ผมต้องใช้ประวัติ
ของแก..จากบทความหลายบทความ..เพื่อจะมา..ประมวล.ให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบ...เรื่อง
ของ..”แรมโบ้ ตัวจริง”..อาจจะยาว..มากกว่า..๒ ตอน..แต่รับรองครับ..ว่าคุ้มกับการอ่าน.....
.............................................................
...เด็กชาย Bhanbhagta Gurung..ถือกำเนิดมาจาก..หมู่บ้านเล็กๆPhalpa..แร้นแค้น..ในทาง
ด้านตะวันตก..ของประเทศเนปาล..ซึ่งอยู่ในเขตของ..ชนเผ่ากุรข่า..จากที่ผมบอกไป..จังหวะ
พอดีที่เขา..โตเป็นหนุ่มฉกรรจ์อายุ ๑๘ หมาดๆอังกฤษ..ก็ต้องเกณฑ์(ว่าจ้าง)..ชาวกุรข่าไปรบ
จำนวนมากในสงครามโลกครั้งที่๒(ประมาณ ๒๕๐,๐๐๐ นาย)..เขาก็ได้มีโอกาศทำตามฝัน..ที่
บรรพบุรุษ..และรุ่นปู่..พ่อ..และพี่ๆ..ในหมู่บ้าน..ได้ไปเป็นทหารรับจ้างให้อังกฤษ..หลังจากการ
ฝึกอย่างหนักแล้ว..เขาก็ได้ประจำใน..กองพันที่ ๓ กรมทหาราบเบากุรขาที่ ๒ ในองค์สมเด็จ
พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ ๗ (เช่นกันครับ..ไม่ใช่พระเจ้าจ๊อด..หรือ..พระเจ้าหลุยส์วิตตอง).....
...หน่วยของเขาถูกส่งเข้าไปร่วมอยูในบังคับบัญชา..ของผู้การWINGATE..ที่บังคับบัญชากรม
ที่อยู่ในกองกำลังCHINDITS(กองพลผสมของอังกฤษ)..และเริ่มเดินทางเข้าสู่พม่า..ในปี..
ค.ศ.๑๙๔๓..ก็ได้แสดงผลงานให้ประจักษ์..หลายครั้ง..จนได้รับเลื่อนขั้น..เป็นสิบตรี..ในเวลา
ไม่นาน..................
......................................................ต่อตอนหน้า.............................................
นี่แหละครับ..Bhanbagta Gurung พระเอกของเรื่อง...
ทหารกุรข่า..กำลังเคลื่อนพล..ผ่านเมือง..ในพม่า..เห็นหุ่น..อย่านึกว่า..คนแคระ..นะครับ..โหดสุดๆ
ตัวพวกเค้าเล็กจริงฯครับดูไม่น่าจะมีศักยภาพเท่าไหร่เลย
ถึงตัวจะเล็ก แต่ใจเกินร้อยจริงๆ นับถือๆ
....ผมลืมเพิ่มเติมไป..บางท่านเห็นตัวหนังสือ..ภาษาจีน..ที่ตึก..อย่าใจ
ว่า..ผมเอารูปผิดมาลงนะครับ..นี่เป็นย่ายถิ่น..ของคนจีนในเมือง..ของพม่าครับ
..ก็คล้ายๆที่เมืองไทย....
.....ขอบคุณ..คุณOLdman..และ..คุณRung2442..นะครับ..ที่ช่วย
กัน..ออกความคิดเห็น..ผมว่า..กุรข่าที่เห็นในภาพ..น่าจะมาจาก..หมู่บ้าน
เดียวกัน..หรือ..ใกล้กัน..เลยติดGENEเตี้ย..กันหมด..ส่วนใหญ่ไม่ได้..
เตี้ยมาก..ขนาดนี้ครับ....
เรียน คุณMODPONG
ผมว่าเหมาะสมแล้วครับ เพราะทหารญี่ปุนยุคนั้นก็ไม่ได้ตัวสูงอะไร แถมใจสู้เมือนกัน น่าจะถูกคู่กันมากครับ
...ขอบคุณครับ..คุณTrai..ที่ให้ความเห็นมา....ต่อกันเลยครับ..บรรพบุรุษRAMBO..
............กุรข่า...นักรบเลือดดุ.......................................................................................
...................Bhan(ขอเรียกนี้..พอ..ชื่อ..ยาวจริงๆ)..ก็ได้คุม..หน่วยขนาดเล็ก(หมู่ย่อย)..ได้
ไม่นาน..ก็ได้รับมอบหมาย..ให้บุกเข้าหลังแนวป้องกันของกองพลที่ ๓๓ ของญี่ปุ่น..พร้อมๆกับ
หน่วยอื่น..ในระหว่างการต่อสู้..ซึ่งหลังการรบ..เขาก็ยืนหยัดต่อสู้อย่างห้าวหาญ...จากผลงาน
ดังกล่าว….Bhanก็..ได้รับการเลื่อนยศ..อีกขั้น..กลายเป็นสิบโท...ด้วยวัยที่ถือว่า..เด็กมาก..แต่
ภาคภูมิใจอยู่ไม่นาน..ก็เกิดเรื่อง..
............มันเป็นความซวย..ที่ไม่ได้เกิด..เพราะตัวเองคนเดียว..เพราะ..หมวดที่..เขาสังกัดได้รับ
คำสั่ง..ให้ไปยึดเนินๆหนึ่งไว้..โดยการสั่งการมาจาก..ผบ.หมวด..ซึ่งเป็น..กุรข่าด้วยกัน..ซึ่งก็
ได้สั่งการไปยังเนิน..ดังกล่าว..เขาก็นำหน่วยย่อยของเขา..ไป..ตามตำแหน่งดังกล่าว..ก็เหมือน
ไม่มีอะไร..ทางBhanก็วิทยุรายงาน..ว่าขณะนี้ได้ไปประจำตำแหน่งที่เนินหมายเลข---นั้นเรียบ
ร้อยแล้วไปทางกองพัน(ผบ.พัน..เป็นอังกฤษ)..ปรากฏว่าเนินหมายเลข---นั้น(ทางทหาร..จะ..
เรียกชื่อ..เนิน..ตามระดับความสูงของแผนที่ทหาร(มาตราส่วน ๑:๕๐,๐๐๐)ไม่ได้ใช้ชื่อสามัญ)
มัน..ไม่ใช่ครับ..(คือทางผบ.หมวด..ผิดพลาดเอง..บอกชื่อเนิน..กับเขา..ผิด)..ตัวผบ.หมวดซึ่ง
อยู่กับ..ผบ.พันด้วย..ก็กลัวความผิด..ไม่ได้สารภาพความจริง..จึงเงียบ..ปรากฏว่า..ผบ.พันยัวะ
มาก..เพราะเนิน..ที่ต้องการ..กลับไม่ถูกยึดและจะเป็นจุดอ่อน..เมื่อ..ญี่ปุ่นบุก..ก็เลยด่า..Bhan
ทำนองว่า..ทำผิดพลาดอย่างนี้ได้ยังไง...เขาก็คงแค้นเหมือนกัน..จึงตอบแบบ..แรงกลับไปว่า..
..ผมได้รับคำสั่งให้มายึดเนินนี้..ผมก็ทำตามคำสั่ง..ผมไม่ได้ผิด...หลังกลับมาที่หน่วย..ผบ.พัน
ที่แค้นมาก..เพราะเถียง..ผิดระเบียบทหาร..เลยทำการลดยศ..กลับไปเป็น..สิบตรีอย่างเดิม..
..แล้วโดน..ย้ายไปอยู่อีกกองร้อยนึง..ซึ่งBhanก็ไม่ได้ว่าอะไร..และก็ไม่โทษพาดพิงไปที่..ผู้
หมวดที่เป็นกุรข่า..ด้วยกัน...ความที่เป็นคนจริง..ของเขา..ไม่ได้ยี่หระอะไร..กับ..สิ่งที่เกิด....
........นี่คือการพลิกผัน..ของวีรบุรุษคนนี้..เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ.......
......................หลังจากนั้น..ในการรบครั้งหนึ่ง...Bhanก็แสดงความ..เป็นวีรบุรุษที่แท้จริงออก
มาให้ประจักษ์อีก..ในการปะทะกับ..กองกำลังญี่ปู่นในป่าทึบ..และถูกกดดันอย่างหนัก..ทำให้
ทหารกุรข่า..ที่อยู่ใกล้ๆเขา..โดนยิงจนบาดเจ็บสาหัส..เมื่อฝ่านอังกฤษ..ต้องถอนตัวออกมา..
Bhan..ก็แสดงธาตุแท้ลูกผู้ชาย..ด้วยการเอาเพื่อนทหารผู้นั้น..แบกขึ้นบ่า..นอกจากตัวเองจะ
ต้องสะพายปืนยาวตัวเอง..ยังจะต้องรับน้ำหนักเพื่อนที่ตัวเท่าๆกันรวมทั้งอาวุธวิ่งลัดเลาะเข้าไป
ในป่าทึบ..กลับไปยังฐานกองร้อย..ซึ่งมีระยะทางถึง...๕ กิโลเมตร..อีกต่างหาก..และเพื่อนเขา
ก็ปลอดภัย..เพราะถ้าเดิน..๕..กิโลเมตรในป่าทึบ..ก็คงตายตั้งแต่..ยังไม่ถึง...ผมจึงว่า..เขาผู้นี้
เพียบพร้อมจริง..ไม่ใช่..แบบดุ..บ้าเลือด..อย่างเดียว..แต่พร้อมด้วย..ความเสียสละ..เมตตา..
กรุณา..และห้าวหาญ.....แต่นี่..แค่..เริ่มต้นของเขา..บทบาท..ของ..แรมโบ้ตัวจริง..จะมาตอน
หน้า......................................................................................................
ทหารกุรข่า..กำลังสาธิต..การสังหารศัตรู..ด้วยคูครี..ในสสนามรบ..ช่วงสงครามโลกครั้งที่๒
...เอาละครับ..เข้าสู่..วีรกรรมครั้งสำคัญ..ของBhanแล้ว...
.........กุรข่า..นักรบเลือดดุ...........................................................................................
............................................ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง..นำให้เขาสร้างวีรกรรมสูงสุด
จนได้รับมา...ซึ่งเหรียญกล้าหาญสูงสุด..มันเป็นเหตุการณ์เมื่อ..กรมทหาราบเบากุรข่าที่๒..เข้า
ร่วมกับ..กองพลที่ ๒๕ ของอินเดีย..ที่ยกพลขึ้นชายฝั่งพม่า(ด้านใกล้กับบังคลาเทศ)..เพื่อจะ
หันเหความสนใจของญี่ปุ่นต่อ..การบุกของของ..นายพล..เซอร์วิลเลี่ยม สลิม..ที่มุ่งหน้าเข้าสู่..
มัณฑะเลย์.....ในเดือน กุมภาพันธ์ คศ.๑๙๔๕....กองพล๒๕..มุ่งหน้าเข้าสู่แม่น้ำอิระวดี..โดย
ต้องผ่านบริเวณช่องเขาซึ่งก็ได้รับการเข้ามาบุกเพื่อยันไว้โดย..กองพลที่๕๔..ของญี่ปุ่น...ซึ่ง
กระจายอยู่ตามเขาบริเวณนั้น..และกองพันที่๓..กรมทหาราบเบากุรข่าที่๒..ต้องเข้ายึดเนินเขา
..ที่มีรหัสว่า”..สโนดอน อีสต์”..ซึ่งกุรข่า..ก็ยึดได้และยืนหยัดต้านกองกำลังญี่ปุ่นอยู่ ๒วัน๒คืน
ด้วยความทรหด..แต่ถ้าปราศจากวีรกรรมจาก หมู่ Bbanbhagta Gurungเหตุการณ์ชัยชนะใน
การยึดเนินนี้..อาจเปลี่ยนกลับ..เป็นฝ่ายญี่ปุ่นก็ได้...ฝรั่งเขาว่ากันอย่างนั้น.............
................กองพันรถถัง..สนับสนุนการยิงอยู่บริเวณเชิงเขา..ต้องหยุดการยิง..เมื่อทหารกุรข่า
ต้องถอยลงมา..พาผู้บาดเจ็บ..และศพ..จากการระดมยิง..ประสานอย่างหนาแน่น..ของทหาร
ญี่ปุ่น..บนเขา..โดยทหารญี่ปุ่น..จะใช้วิธี..ขุดหลุมกำบัง..กระจายอยู่บนยอดเขา..แต่ละหลุม..ก็
จะมีทหารลงไปอยู่ตั้งแต่ ๒-๔ คน..ถ้ามีแต่ปืนยาว..ก็อาจจะมี ๒ คน..ถ้าหลุมที่มีรังปืนกล..ก็จะมี
ถึง ๔ คน..หลุมเหล่านี้..จะลึกและค่อนข้างแคบ..เรียกว่าโผล่มาเฉพาะปืนเลย..และเอาไม้มาขัด
เป็น..หลังคาแล้วเอาใบไม้เสียบๆพราง..ซึ่งแม้แต่..เครื่องบินตรวจการณ์..ก็หาไม่พบ..ความที่
ขนาด..และ..รูปทรงมันคล้าย..โพรงของหมาจิ้งจอกที่มันขุดไว้..เพื่อคลอดลูกและเลี้ยงลูก..
..พวกฝรั่ง..ก็เลยเรียกว่า..FOX HOLE..ผมมีรูปมาให้ดูด้วยเดี๋ยวจะนึกไม่ออก...
.............หมู่เล็กๆ(๔-๕คน)..ของเขา..โดนตรึง..ด้วย..การประสานการยิง..ของปืนกล..กับ..
พลแม่นปืน(SNIPER)..ที่ท่านก็คงจะคุ้นในหนังสงคราม..ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่..ปืนที่ใช้จะเป็น..
ตระกูลของ..ไรเฟิล(ปืนยาวที่..ต้องขึ้นลูกเลื่อนยิง..ทุกครั้ง)กำลังสูง..ระยะหว้งผล..ตั้งแต่..
เกือบ ๘๐๐...ถึง..๗๐๐ เมตร..ลงมา.......ติดกล้องเล็ง..และฝึกเฉพาะแบบ(ยิงทั้งวัน)..ทำงาน
ค่อนข้างอิสสระ..คือ..ไปหาตำแหน่งเหมาะเพื่อพราง..และ..ห่างจากแนว..จะเริ่มทำการยิงไม่
น้อยกว่า ๓๐๐-๔๐๐ เมตร..เพื่อให้ศัตรูเมื่อถูกยิง..ตรวจจับที่ตั้งได้ยาก..พกกระสุนแต่ละครั้งไม่
น้อยกว่าร้อยนัดเนื่องจากหมู่ของBhan..เป็นหน่วยหน้าสุด..เลยไปตกอยู่ที่จุดอันตราย..ขณะที่
หมู่ใกล้ๆกัน..โดนไอ้พลแม่นปืนญี่ปุ่น..สอยไปทีละคน..จนหมดรวมถึงบางส่วนก็ตายจากปืนกล
ที่ยิงคลุมประสานกัน..สภาพของเขาและลูกหมู่เลย..กลายเป็นโดดเดี่ยว..แบบที่ไปไหนไม่ได้..
(เรียกว่า..โงหัวไม่ขึ้น..นั่นแหละครับ).....................................
......................ตอนหน้า..มาดูว่าผู้หมู่..เลือดดุ..ของเราจะทำยังไง...........................
..FOX HOLE หรือ..บังเกอร์แบบหลุม..ในภาพ..ทหารกุรข่า..กำลังรอ..ทหารญี่ปุ่น..ที่ยังเหลือในหลุม..ให้ออกมา..(พี่เล่น..เอาคูครี..เตรียมไว้เลย..)
..FOX HOLE เช่นกัน..แต่แบบอยู่..บนลาดเขา..ทั้งสองรูป..เป็นผลงานการกวาดล้าง
ของ..กรมทหารราบเบากุรข่าที่๑๐
จบเร็วไปหน่อย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเชียวครับ ท่าน Modpong ปูเสื่อรออยู่นะครับ
..ขอบคุณครับคุณrung2442ที่ติดตาม..อยู่..ไม่ต้องคอย..ต่อเลยครับ..
(ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า..ที่ผมเล่า..ผ่านมา..และ..ต่อไปนี่..รายละเอียดเป็นเรื่องจริง
นะครับ..ผมมาเสริมเติมอีกเล็กน้อยแค่เป็นสว่นที่..ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอยู่ในสถานการณ์จริงๆเท่านั้น
รายละเอียดนั้นทำโดยผู้บังคับบัญชา..ที่ต้องทำรายงานส่ง..และเพื่อประกอบ..การขอเหรียญกล้าหาญ
ครับ...)
.................กุรข่า..นักรบเลือดดุ..................................................................................
.................................................สถานะการณ์นี้สร้างความอึดอัดให้กับbhanมาก..เมื่อเข้า
ตาจน..สมองก็ทำงาน..คิดต่อว่า..ถ้าเราเคลื่อนที่ต่อไม่ได้..ด้านหลังก็ขึ้นมาไม่ได้..ภารกิจ...
ก็ต้องล้มเหลว..เพราะเรา...ความจริงเขา..เริ่มจับตำแหน่งของ..พลซุ่มยิง(SNIPER)..ได้เคร่าๆ
แล้ว..ว่าอยู่ตรงไหน..เขาจึงให้ลูกน้อง..โยนหินที่อยู่ใกล้ๆ..ออกไปข้างๆ..มันก็ยิงทันที..ช่วงที่
กล้องเล็ง..เคลื่อนที่..หันไปดูก้อนหิน..ก็เกิดแสงแวบหนึ่ง..เกิดจากการเคลื่อนที่ดังกล่าว..ทำให้
Bhan..ทราบตำแหน่ง..ที่แน่นอนแล้ว..Bhan..ก็ให้ลูกน้อง..โยนหินอีกข้าง..โดยเขาเฝ้าดูแสงที่
แวบ..อย่างละเอียดละออ..ทหารด้วยกัน..จะรู้ว่า..พลซุ่มยิง..ไม่จำเป็นเขาจะไม่ขยับตัว..จากที่
รวมถึงปืนด้วย..อาจขยับซ้าย-ขวาบ้าง..แต่ตัวจะอยู่ที่เดิม...เป้าหมายของBhan..ที่เขาจับตำ
แหน่งไว้ได้มั่นคือ..กล้องเล็งที่สะท้อนแสงมาให้เขาเห็น..เพราะที่อยู่หลังกล้องเล็งคือ..ลูกตา..
หลังลูกตา..คือ..กระโหลก..และ..สมอง..ตอนนี้..เป้าของเขา..เล็กมาก..พลาดไปนิดเดียว..ก็คือ
ไม่ถูกเพราะ..ระยะนั้น..ห่างกันมากกว่า ๑๐๐ เมตร(ความจริงพลซุ่มยิง..เริ่มค่อยๆเก็บมาตั้งแต่
ระยะไกลกว่านี้เป็นเท่าตัวแล้ว..เหลือกลุ่มนี้เป็นพวกสุดท้าย)และเป้าที่จะเล็งเท่าลูกมะนาว..แต่
ด้วยระยะที่ไกลนั้น..ตาที่เห็น..เป้ามันเหลือเท่ากับ..เม็ดถั่ว..เท่านั้นเอง..ถ้าเขาจะเอาปืนยิง..เขา
ก้ต้องโผล่หัวขึ้นไปเล็ง..และต้องโผล่เยอะด้วย..เพราะตำแหน่งที่เขาอยู่..ต่ำกว่า..ไม่ทันเล็งก็
หัว..ทะลุก่อน..เพราะไหนจะต้องเอาปืนขึ้นไปพาด..บนเนินที่หลบอยู่..เอาหัวโผล่..แล้วเอาตา..
ประทับที่ศูนย์เล็ง..ยังไง..ก็..ช้ากว่ามันแน่..ทำให้เขาต้องคิดใหม่..ลูกน้องที่นอนหมอบหลบวิถี
กระสุน..อยู่ใกล้ๆ..ก็ไม่รู้ว่า..ลูกพี่คิดอะไร..ปืนกลก็ยิงมา..เป็นช่วงๆ..เวลามันช่างเดิน..ช้ามาก
..สำหรับ..เขา..กับ..ลูกน้อง..ทุกวินาทีอันตึงเครียด..ที่ผ่านไป..Bhanก็ทบทวน..วิธีการสุดท้าย
ที่เขาเลือก..อยู่ตรงนี้..ก็ไม่รอดอยู่ดี..ภาระกิจล้มเหลว..ซึ่งคนอย่างเขา..ยอมไม่ได้..เขาค่อยๆ
งอขาเข้ามา..ในท่าที่พร้อมจะลุก..กระชับปืนในท่าเตรียมพร้อม..แล้วเขาก็สั่งลูกน้อง..โยนหิน
ไปข้างๆ.....อีกที...........................................................................
............................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................
ปืนยาว TANAKA ARISAKA
...เว็บนี้เล่นผม..อีกแล้ว..ความจริงผมเขียน..รายละเอียดปืนSNIPER..ของทหารญี่ปุ่นตั้งยาว..พอ
post..หายหมดเลย..อ่านใหม่ตามนี้..ครับ
ปืน TANAKA ARISAKA TYPE 97..ทำใน NAGOYA..ใช้ลูกกระสุนขนาด ๖.๕ มม. แหนบ บรรจุ ๕ นัด..ระยะยิงไกลสุด ๒,๔๐๐ เมตร..แม่นยำ ๖๐๐ เมตร..กล้องเล็ง..ขยาย ๒.๕ เท่า(ผู้ผลิตกล้องเล็ง..ก็คือ NIKKOR..แล้วตอนหลังมาทำกล้อง NIKON)....จะเห็น..ขาทรายที่พับติดกับปืนด้านล่าง..ง้างลงมาวางกับพื้น..ช่วยทำให้ปืนนิ่ง..กรณี..หาที่พาดปืนไม่ได้
ผม..เลย..แถมอีก ๒ รูป..คือ
๑. .. ARISAKA เหมือนกัน..แต่ TYPE 99..กล้องเล็งขยาย ๒.๕ เท่า..หรือ..๔ เท่า..ติดปลอกที่ปลายปากกระบอก..กันแสง..ที่แลบออกมา..ทั้งสองรุ่นเป็นปืนยาวบรรจุเอง..ต้องขึ้นลูกเลื่อนทุกครั้ง..ที่ทำการยิง.....
๒. นี่ครับ..ตัวจริง..พลซุ่มยิง(Sniper)ญี่ปุ่น..จะสังเกตุ..ร่างแหที่เอาไว้เสียบกิ่งไม้..ใบไม้..เพื่ิอพรางตัว..ที่เอว..เป็นกล่องใส่"กล้องเล็ง"..
..มาตามกันต่อ..เลยครับ....
.........กุรข่า...นักรบเลือดดุ.......................................................................................
...........................................ขณะที่.....หินลอยไปกระทบพื้น.................Bhan..ลุกขึ้นทันที!
................พร้อมกับ..ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง..ปืนยาว LEE ENFIELD เข้าประทับบ่า...อย่างรวด
เร็วพร้อมกับ..เล็งอย่างรวดเร็ว...พลซุ่มยิง..ที่ใช้ตามองผ่านกล้องเล็งนั้น..ขยับกล้อง.เล็งตาม
ตำแหน่ง..หินตก..ตามสัญชาติญาน..แต่เขาไม่ยิง..เพราะเห็นแล้วว่าเป็นหิน..เวลาที่เป็นเสี้ยว..
วินาที..แต่เหมือน..สโลว์โมชั่น...........แว๊ป..ที่แสงสะท้อนจากกล้องเล็ง..เบี่ยงไปตามก้อนหิน..
..ก็..เพียงพอแล้ว..สำหรับ..Bhan..ที่เขาจะเล็งไปที่นั่น..จังหวะพร้อมๆกับ..พลซุ่มยิงหัน..กล้อง
เล็ง..กลับมาที่เดิม..แตภาพมันไม่เหมือนเดิมซะแล้ว..มันเป็นภาพของกรุข่าประทับปืนเห็นปาก
กระบอกปืนตรงมาที่กล้องเต็มตา..แต่จังหวะนั้น...Bhan..ก็..ลั่นกระสุนขนาด .๓๐๓ คาลิเบอร์
( ๗.๖๒ มม.)สวนกับ..การมองผ่านกล้องเล็งนั้น...!!!!!!!!!
.........................ขณะที่เขาลุกขึ้นยืนประทับเล็ง..ปืนกลจากรังปืนกล..ก็..สังเกตได้
พอดี..พลปืนกลก็สาดกระสุน..เข้าใส่ทันทีเช่นกัน..ลูกน้องที่ให้การทีหลังว่า..Bhanไม่ได้สนใจ
กลุ่มกระสุน..ที่พุ่งมาหาเขาจากรังปืนกลเลย..เขายืนนิ่ง..เล็งไปที่พลซุ่มยิง..ลูกน้องเขาก็รีบระ
ดมยิง..เพื่อคุ้มครองลูกพี่..กระสุนกระแทกดินใกล้ขา..เขาฟุ้งเต็มไปหมด........
.....................................มันเป็นจังหวะ..แห่งความเป็น..ความตาย...........................
.....................................มันเป็น..การตัดสินว่า...Bhan..ตัดสินใจ..ได้ถูกต้องหรือ..ไม่.......
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
....................สำหรับ... Bhan....ทุกอย่าง..เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าในการนี้ไว้หมด..............
....ตั้งแต่การหันเห..การสนใจของพลซุ่มยิง..เพื่อที่เขาจะลุกขึ้นเล็งเป้าได้..ทั้งนี้เขาต้องไม่สน
ใจ..ปืนกลที่จะยิงมาหา..เพราะที่ต้องเลือกเอาจัดการ..Sniper..เพราะ..มันคลุมพื้นที่..มากกว่า
รังปืนกล..ถ้าเขาจัดการSniper..เขายังอ้อมไปจัดการรังปืนกลได้..เพราะเห็นทางที่หลบวิถี..
กระสุนปืนกลได้.........แต่..ถ้าไม่จัดการSniper..เขากับลูกน้องไม่มีทางออกจากตรงที่นั้นได้
เลย.....................................................
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
....................พริตาที่ลั่นกระสุน..BhaN..ตัดสินใจว่า..นัดเดียว! ....พอ.. เขาก็มั่นใจในการตัด
สินใจ..แล้ว..Bhan...รีบทรุดล่างลงหมอบ..อย่างเดิม..ขณะที่ลูกน้องก็..ช่วยกันระดม..ยิงคุ้มกัน
ไปที่รังปืนกล.....แล้ว..เขาก็เผยอหัว..ขึ้นไปมอง.....พุ่มไม้ตรงที่Sniperอยู่ยุบลงไปแล้ว..เขาก็
รู้ทันที..ว่า..เรียบร้อย เพราะเขารู้ว่า..Sniper..ปกติจะเอาใบไม้กิ่งไม้ติดทั้งที่หมวก..และตามตัว
..ถ้าอยู่เฉยๆ..ก็จะเหมือน..พุ่มไม้ดีๆ..นี่เอง......................................ถ้า Bhan รู้ว่าเขายิงถูก
ที่ไหน..เขาจะแปลกใจยิ่งกว่านี้อีก.................................
...........................................................ต่อตอนหน้าครับ........................................
ปืนยาวประจำกาย..ทหารกุรข่า..สมัย สงครามโลกครั้งที่ ๒ ปืนไรเฟิ้ล..LEE ENFIELD ผลิตใน..อังกฤษ..กระสุนขนาด ๐.๓๐๓ คาลิเบอร์( ๗.๖๒ มม.)..แหนบบรรจุ ๑๐ นัด ..ระยะยิงไกลสูงสุด ๒,๗๐๐ เมตร..เป็นปืนที่ต้องขึ้นลูกเลื่อนยิงทุกครั้ง...การทำงาน เหมือน ปลย. ๖๖ (เริ่มบรรจุใช้งาน ปี ๒๔๖๖).....ของบ้านเรา..
มาติดตามและให้กำลังใจครับ
..ขอบคุณครับ..คุณCardrock..ที่ให้กำลังใจ..เชิญต่อเลยครับ..เข้าจุดclimax..แล้ว
................กุรข่า.....นักรบเลือดดุ..............................................................................
.................................ท่านผู้อ่านหลายท่าน..ผมเชื่อว่าเคยดูหนังสงคราม...ได้ตุ๊กตาทองหลายตัว...SAVING PRIVATE RYANที่นำแสดง..โดยTom Hank..เป็นผู้กองหน่วยจู่โจม
(RANGER)..ต้องพาลูกน้องไปตามหา..พลทหาร(PRIVATE)ไรอั้น..เพื่อพากลับบ้าน..ในหนัง
เรื่องนี้..มีช็อตเด็ด..ตอนที่sniperลูกน้องพระเอก..ตั้งปืนมุมเงย..ยิงใส่sniperเยอรมัน..ที่อยู่บน
หอระฆังโบสถ์....ลูกปืน..สวนเข้ากล้องเล็ง..ทะลุออกไปเข้ากระบอกตา..แล้วต่อไป..สมอง..
ตายคาที่..ตอนสมัยที่ผมดู..ก็ว่า..โอ้โห..แม่ม..โคตรแม่น..แต่ก็คิดว่า..มันก็สมเหตุผล..เพราะ
ไอ้กัน..มันก็sniper..ยิงผ่านกล้องเล็ง..เหมือนกัน...แต่เคยคิดเล่นๆว่า..เรื่องจริงมันจะเร้อ...
ไอ้นี่มันหนัง.............................
..........................แต่ผมว่า...คนเขียนบท..อาจเคย..อ่านประวัติละเอียดของ..BhanBhagtar
Gurung..มาก่อนรึเปล่า..หลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว.......................................
................................มันคือ.....อยางเดียวกัน..เลย...แต่นี่คือ..<<<เรื่องจริง>>>..........
....ก็เรื่องจริง..มันเหนือกว่าใน..หนัง..หลายเท่าเพราะ
๑. ปืนที่ยิง..ไม่ได้ติดกล้องเล็ง
๒. ไม่ได้นอน..เอาข้อศอกวางบนกองหินให้นิ่ง...เขามาจาก..การลุกอย่างรวดเร็ว..แล้ว
..ยืนโดย...ที่ปืน..ไม่มีอะไรรอง..ต้องใช้แขนรับน้ำหนักอย่างเดียว..คนที่เคยยิงปืนยาว..จะรู้ว่า
..ความนิ่ง..ของปืน..มันต่างกันขนาดไหน
๓. ในหนังมี..เวลาเล็งนาน...แต่ของจริง..เวลาเล็ง..ไม่เกิน..๒วินาที.....
...เรื่องนี้..มาทราบตอนที่ทำการพิสูจน์..และนับศพ(body count)จึงเห็นว่า..ลูกกระสุน ๗.๖๒
มม. ..ทะลุกล้องเล็ง..จากด้านหนึ่ง..ไปอีกด้านหนึ่ง..และไปเข้ากระบอกตาที่เล็ง..ของsniper..
ออกทะลุกระโหลก...ออกไป..ตายคาที่.........Bhan..ไม่มีเวลา..หรือใส่ใจ..ไปดูศพ..เพราะต้อง
สมาธิ..อย่างต่อเนื่องกับภารกิจ..ข้างหน้า..เขารู้ว่า..จัดการได้แล้ว..แค่นั้น..ในตอนนั้น....
.................ท่านที่เป็นแฟน..สามก๊ก..คงนึกถึง...จูล่ง..ยิงธนู..ตัดสายโยง..ใบเรือ......
..หรือ..ลิโป้(..ขวัญใจผม..)..ดื่มเหล้าจนเมาแอ่น..ไม่รู้กี่ไห..ตัดสินความเพื่อไม่ให้บาดหมาง
กัน..โดย..ยิงธนูใส่..หัวเสา..ในระยะร้อยก้าว(..จำไม่ได้แม่น..ถ้าผิดขออภัยด้วยครับ..)....
............สำหรับเรื่องนี้..ผมต้องให้เรื่องความ”ฟลุ๊ค”..มากกว่า..ฝีมือ..ถ้าเรียกแก..มายิงแบบ
เดิมระยะเดิมอีก..๑๐๐ ครั้ง..ก็ไม่มีทางได้เช่นนี้...แต่จะขาดสิ่งนี้..ไม่ได้เลยคือ..โชคชะตาของ
Bhan..ที่จะต้อง..ดำเนินต่อไป..จากนั้น...
.............................................ต่อตอนหน้าครับ...................................................
ภาพจากหนัง saving private ryan แสดงให้เห็นภาพ sniper ทหารเยอรมัน..ตอนที่
กำลัง..จะ..ถูกยิงสวนเข้า..กล้องเล็ง..ซึ่งเป็นลักษณะ..คล้ายกับ..sniperญี่ปุ่น..ในเรื่อง
จริง..ที่ถูก..Bhan..ยิงสวนเข้าที่กล้องเล็ง..เช่นกัน..
ชอบเหมือนกันกับผมเลยครับไม่ว่าเรื่องสี่พี่น้องตระกูลไรอั้น จูล่ง(ผมชอบเป็นการส่วนตัว)แล้วก็ลิโป้ยิงพู่ที่ปลายทวนขาดผมว่าฝีมือบวกความฟลุ๊คครับ
..ขอบคุณครับ..คุณoldman..ที่postมา..ภาระกิจ..ของBhanยังไม่จบ..ต้องลุยต่อครับ..
..........กุรข่า...นักรบเลือดดุ.....................................................................................
..................ความจริง..จะไปว่าแก”ฟลุ๊ค”..ก็มีส่วน..แต่ไม่มาก..ถ้าฝีมือเดิม
..ไม่เยี่ยมยอดอยู่แล้ว..ไม่งั้นคงไม่ตัดสินใจทำแบบนี้..เพราะมัน..ฆ่าตัวตายชัดๆ..เขาเองอย่าง
น้อยก็ต้องมีความ..มั่นใจอยู่อย่างน้อย ๕๐-๕๐ ....แล้วโชคชะตาของเขา..ก็ไม่ให้เวลาเขาพัก
ชื่ชมในผลงาน..ดุจเทพ..ของเขาเอง............คงไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ..เมื่อทหารกุรข่า..
ปฏิญญาน..ตนเมื่อเข้าเป็นทหาร..ต้องถือว่า..ภารกิจ..สำคัญ..กว่าชีวิตตัวเอง..และตายเสีย..ดี
กว่าอยู่อย่างคนขลาด.......สมแล้วที่เป็น..เลือดกุรข่า.........................
.............................Bhan..คิดว่าเสียเวลามามากแล้ว..ภารกิจข้างหน้ายังมี...เขา..ออกวิ่งไป
ยังรังปืนกล..ทันที..โดยไม่ต้องสั่งการต่อ..ลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง..ก็ระดมยิงคุ้มกัน..และต้องระ
วังไปโดนลูกพี่ด้วย...เพราะเขาวิ่งขึ้นเขาแบบแทยงไปแทยงมา..ซึ่งปืนกล..จับเป้าลำบากต้อง
คอยส่ายตาม..ลูกปืนก็เลยแค่แค่เฉียดไป..เฉียดมา..นี่แสดงถึงไหวพริบความฉลาดและการแก้
ไขสถานการณ์อย่างยอดเยี่ยม..แต่เขาก็ต้องขอบคุณลูกน้องด้วย..ที่ค่อยๆตามมาและยิงตลอด
ทำให้..ปืนกล..เลยต้องพะวักพะวน..ทั้งสองเป้า..เพราะก็ต้องระวังป้องกันตัวเองด้วย....
.....เมื่อได้ระยะ..เขาวิ่งไปพร้อมกับ..โยนระเบิดมือไปสองลูกไล่ๆกันเข้าไปในรัง....
..ญี่ปุ่นในรังสองคนตายเรียบ..โดยเขาก็วิ่งต่อไปถึงร่องดินที่..มีทหารญี่ปุ่น..เพิ่งจะเงยหน้ามา
จากการหลบ..สะเก็ดระเบิด..พอเงยหน้า..มัจจุราชก็มาถึงตัวพอดี..Bhan..ก็เลยสงเคราะห์..ซะ
ด้วย..ดาบปลายปืน(Bayonet)ที่ติดไว้กับปืนตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว..ทั้งสองคน....
..........ด้วยความเร็วในการวิ่ง..แบบวิ่งไป..ฆ่าไป..ลูกน้องก็คงเข้าใจความ..บ้าเลือดของลูกพี่..
ก็วิ่งตามไปแบบทิ้งระยะพอควร..และยิงคุ้มกัน..พร้อมกับเปิดทางไปในตัว...เขาเข้าไปเคีลยร์
หลุมบังเกอร์..อีกสองแห่ง..โดย..คูครี..คู่ใจ..เมื่อถึง..หลุมบังเกอร์อีกแห่ง..ระเบิดสังหาร..หมด
แล้ว..คราวนี้..เขาก็เอาระเบิดฟอสฟอรัส(ระเบิดเพลิง)..ออกมาวิ่ง..ซิกแซกโดย..มีลูกน้องวิ่งยิง
ป้องกันตาม..เขาก็หลบกระสุนได้พร้อมกระโดดขึ้น..เหยียบบน..หลังคาบังเกอร์..พร้อมกับโยน
ระเบิดเพลิงเข้าไป..ไฟก็ลุกท่วมบังเกอร์..ทหารญี่ปุ่น๒คนซึ่งร่างมีไฟติดอยู่ก็วิ่งออกมา..Bhan
สงสารกลัวทรมาน..ก็เลยเอา..คูครี..ปาดซะ..สงเคราะห์...เมื่อไปถึงบังเกอร์รังปืนกล..อีกแห่ง
เขาก็ลุย..เขาไปในรังแต่คราวนี้เขาใช้ก้อนหิน..เป็นอาวุธแทน..ทุบกบาลพลปืนกล..ซะม่องเท่ง
ไปอีก(เขาให้การภายหลัง..ว่าในหลุมแคบมากถ้าใช้..คูครีก็ไม่สะดวกจะติดผนัง..แกเลยเลือก
ก้อนหินแทน)...เขาก็ยึดปืนกลเบาออกมา..พร้อมกับ..ลูกน้องที่มาถึงเก็บไอ้ยุ่นที่เหลือ..จนหมด
....ไม่มีญี่ปุ่น..อีกแล้ว...เขากับลูกน้องยึดเนินsnowden..ไว้ได้..ด้วย..กำลังคนแค่หยิบมือ....
.....ญี่ปุ่นที่ตาย..เกือบทั้งหมด..ก็มาจากฝีมือ Bhanbhagta..เกือบทั้งสิ้น...............
..............และภารกิจ..ทั้งหลาย..ที่เหลือแค่เขา..และลูกน้อง..ต้องจำใจรับมาสานต่อ..ก็ลุล่วง
ไปได้อย่างสวยงาม............................................................................
......................................................ต่อตอนหน้าครับ...............................................
คราวที่แล้ว..ผมเอารูป..ของBhanในช่วงสงครามให้ดู..ตอนนี้เอารูปหลังสงครามโลกจบ
แล้ว..ให้ดูบ้าง..หน้าตาไม่เครียด..หล่อ..เท่ห์..ขึ้นจม..
..ต่อกันเลยครับ..
...........กุรข่า...นักรบเลือดดุ................................................................................
..............................................BhanBhagta Gurung..ได้รับเหรียญVictoria Cross..
อย่างสมภาคภูมิ..ในการบครั้งนั้น..ในประกาศเกียรติคุณ..นอกจากความกล้าหาญ..การตัดสิน
ใจ..ในสถานการณ์คับขันอย่างเยี่ยมยอด..แล้ว..ยังมีการแสดงออกในความเป็นผู้นำอย่างเยี่ยม
ยอด ..และการรับผิดชอบ..และมุ่งมั่นที่จะทำให้ภารกิจลุล่วงไป..โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง....
............นอกจาก..เขาจะได้รับเหรียญนี้..ลูกน้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขา..ก็ได้รับเหรียญกล้า
หาญ..ระดับรองลงมาด้วย..และสร้างความภาคภูมิใจให้หน่วยคือ..กรมทหารราบเบากุรขาที่ ๒
อีกต่างหาก.........เมื่อเขากลับไปบ้านเกิดที่เนปาล..เขาก็ได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติ..สูงสุดด้วย
.......เขากลับไปเนปาล..และสร้างครอบครัว..ที่บ้านเกิด...และเขาอยู่มาจนถึง..อายุ ๘๖ จึงเสีย
ชีวิต..เมื่อปี ๒๕๕๑..นี่เอง...........................................................
..............................................ผมเขียนมานี่.ไม่ได้เน้นความสนุกอย่างเดียว..แต่อยากให้คิด
ว่า..ทำไม..คนกุรข่า..ถึงรบเก่ง..ทำไมอังกฤษ..ถึงยังจ้างทหารอยู่..จนเกือบจะ ๒ ร้อยปีแล้ว..
...ความกล้าหาญ..ความอดทน..แน่นอน..ส่วนหนึ่ง..เพราะมันวิ่งอยู่ในสายเลือดของ..กุรข่าทุก
คน...แต่มันมีอีกอย่าง..ที่ได้รับมาเป็นธรรมเนียม..ประเพณีของเผ่ากุรข่า...คือ..ความซื่อสัตย์
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่...ความเสียสละ..เพื่อส่วนรวม..........ความมุ่งมั่น..ในสิ่งที่ทำ......
..ความมั่นคง..ในสิ่งที่ให้สัตย์สาบาน..เขารับปากอะไร..เขาก็จะทำตามที่เขารับปาก..ไม่ใช่..
เรื่องบุญคุณ..อะไรมาเกี่ยว....เมื่อเขาได้รับคัดเลือกมาเป็นทหารรับจ้างของ..อังกฤษ..จะมีพิธี
สาบาน..โดยการจับที่ธงชาติอังกฤษ..ว่าจะทำการต่อสู้เพื่อประเทศอังกฤษ..โดยไม่คำนึงถึงชี
วิต..จะปฏิบัติตามบังคับบัญชาอังกฤษ...ฯลฯ..และพวกเขา..ก็ทำให้คนอังกฤษได้ประจักษ์..มา
เกือบ๒ร้อยปี..แต่เขาก็ไม่เคยลืมบ้านเกิด..และเขาไม่เคยลืมว่า..เขาคือกุรข่า..เขาไม่ใช่อังกฤษ
...ลองกลับไปอ่าน..ในตอนก่อนหน้าที่ผมลง..รูปอนุสาวรีย์ของพวกเขา..และคำแปล..ที่ฐาน..
ที่เขียนโดยคนอังกฤษ..แท้ๆ..ว่าเขาซาบซึ้งใจต่อทหารกุรข่าแค่ไหน..แล้วคุณจะนึกได้...
............................ผมมันคนธรรมดาคนหนึ่ง..แค่มีความคิดว่า..ถ้าข้าราชการไทย..นักการ
เมือง..หรือ...ผู้บริหารองค์กรต่างๆ...ทำได้อย่างทหารกุรข่า..ตามข้อความตัวหนังสือ..สีแดง..
ข้างต้น..สักครึ่งหนึ่ง..ประเทศเรา..คงจะดีขึ้นมากกว่านี้อีกเยอะ..........
...................ตอนหน้า..ยังมี..วีรบุรุษกุรข่าอีกท่าน..ในการรบที่พม่านี้(ความจริง..มีเยอะมาก..
..แต่ผมคัดเอา..ที่โดดเด่นและถูกใจผม..โดยเฉพาะ..)...เขาผู้นี้เป็น...อีกคนที่เป็นตำนาน..ของ
ทหารกุรข่า..ทุกคน..ไม่มีทหารกุรข่าในปัจจุบัน..คนไหนไม่รู้จักเขา..เรื่องของเขาเป็นที่เล่าขาน
..ในความที่...เป็นคน..เหนือ..คน..หรือ..จะเรียกว่า...โคตรคน..ก็ไม่น่าผิด...รับรองว่า..วีรบุรุษที่
อยู่ในตำนานของสงครามทั้งหลาย...ที่อยู่แถวหน้า..ถ้าพูดถึงความเหมาะสม..เขาก็ต้องเบียด
ไหล่อยู่ในแถวหน้าแน่นอน..เพียงแต่..เขาเป็นคนกุรข่า...เลยไม่มีใครรู้จักเขา...........
........................................ต่อตอนหน้าครับ...........................................................
แผ่นจารึกที่ติดอยู่ที่..มหา วิหารWinchester..มีใจความว่า..."ที่ระลึกแห่งความทรงจำของ ทหารอังกฤษ ทหารกุรข่า..และอื่นๆ..จำนวน ๑,๙๐๕ นาย ของ..กรมทหาราบเบากุรข่าที่ ๑๐ ในองค์สมเด็จเจ้าหญิงแมรี่..ผู้เสียสละชีพ..อุทิศเพื่อประเทศนี้(อังกฤษ).. ตั้งแต่ปี..คศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๙๔
...วันนี้มาเริ่มต้น..ชีวิตของ..โคตรคนกุรข่า..ได้เลยครับ....
....................กุรข่า..นักรบเลือดดุ................................................................................
........................................................บุรุษร่างเล็ก(เล็ก..เมื่อเทียบกับกุรข่า..ด้วยกัน)..ผอม
เกร็ง..นิสัยค่อนข้างขี้อาย...แต่ใจทำจาก..โคตรเพชร..ผู้นี้...ดำรงตำแหน่ง..ต่ำสุด...คือ...
..พลปืนเล็ก..ในกองร้อย C กองพันที่ ๔ กรมทหารราบเบาที่ ๘ ...กรมนี้ไม่ได้อยู่ในองค์สมเด็จ
ไหน..เพราะ..ขึ้นอยู่กับ..กองทัพอินเดีย..แต่เป็นอินเดียที่เป็นอาณานิคมอังกฤษ..ก็เลยเหมือน
เป็นของกองทัพอังกฤษเช่นกัน....เขามีนามว่า...............
............................LACCHIMAN GURUNG...........(..ต่อไปผมจะ..เรียกแกว่า..”ลัคกี้”..
..แล้วกัน..สั้นหน่อย..แต่อย่าคิดไปเปรียบ..กับสัตว์เลี้ยงสี่เท้าที่บ้าน..แล้วกัน)...แม้ว่าเป็น”พล
ปืนเล็ก”(Rifle Man)..หรือ..พูดง่ายๆก็คือ..พลทหาร..นี่แหละครับ.....แต่..เขาก็ผ่านมาหลาย
สมรภูมิ..ในช่วงหลายปีนี้..จนมาถึงช่วงปลายสงคราม..ลัคกี้..ได้เหรียญกล้าหาญมา..มากมาย
แล้ว..เขาไม่ใช่มือใหม่..แต่โชกโชน..มาแล้ว..เขาเองตั้งแต่หนุ่มก็เป็นคนค่อนข้างขี้อาย..ไม่
ค่อยพูด..และ..ค่อนข้างถ่อมตน..และอารมณ์เยือกเย็น...............
............จนเมื่อ..คืนวันที่ ๑๒ พฤษภาคม คศ. ๑๙๔๕ กองร้อยC ของเขา..ซึ่งตั้งฐานอยู่ที่....
ทุงดอว์..ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำอิระวดี...ที่แปลกกว่าที่ผมเคยเล่า..อยู่หลายครั้งวีรกรรม
ทหารกล้ากุรข่า..เกิดจากการเข้าตี..หรือ..จู่โจม...แต่คราวนี้กลับกัน...เพราะ..ครั้งนี้เป็นการ
ตั้งรับ........เมื่อประมาณตีหนึ่งครึ่ง..ทหารญี่ปุ่น..ประมาณ..๒๐๐ คน..ได้ลอบมาเข้าตี..กองร้อย
ของเขา..ในการวางกำลังป้องกันที่มั่นตามปกติ..ก็จะมีการขุดแนวเป็นร่อง....อาจจะต่อเนื่อง
หรือไม่ต่อเนื่องกัน..แต่ก็จะไม่ห่างกัน..โดยรอบ..โดยมีรัศมีห่างฐานพอสมควร...แนวร่องด้านที่
ลัคกี้อยู่..ก็มีทหารกุรข่า..อยู่ด้วยกัน..สี่ห้า..นาย..ปรากฎว่า..ทหารญี่ปุ่น..ที่มีกำลังเหนือกว่า
เป็นเท่า..ตัว..เข้าโจมตี..พร้อมๆกัน..โดยรอบทุกแนว..ฉะนั้นทุกแนว..ทุกบังเกอร์..จะได้รับการ
โจมตี..เท่าๆกัน..เรียกว่า..ร่องใครร่องมัน..ไม่สามารถไปช่วยกันได้..เพราะข้าศึกมีกำลังมาก..
..ร่องที่..ลัคกี้อยู่..ก็เช่นเดียวกัน..ทุกคนพยายามยิงยันญี่ปุ่นไว้..ส่วนญี่ปุ่นก็กดดันอย่างหนัก..
..เพื่อนๆของลัคกี้..โดนกระสุน..ตายไปแล้ว๒..นายส่วนอีก..๒นาย..ตอนนี้..บาดเจ็บสาหัสแบบ
ไม่สามารถ..ต่อสู้ได้.......ทำให้เหลือ..ทหารที่ยังต่อสู้อยู่ในร่องได้เพียงคนเดียว..นั่นคือ..ลัคกี้..
.......................................................ต่อตอนหน้าครับ..................................................
นี่เป็น..รูปของ..ลัคกี้..ตอนยังไม่ได้มาเป็นทหาร..ยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่..แต่ใช้เป็นรูปประกอบ
เกียรติบัตร..ผู้รับ..VICTORIA CROSS
เหรียญกล้าหาญสูงสุดอันดับ ๑ ของ อังกฤษ VICTORIA CROSS
...ต้องขอโทษ..ท่านผู้อ่าน..ทั้งหลายที่..เกิดความขัดข้องเรื่อง
รูปถ่าย..จำนวนมากที่ผม..เคยลงไปแล้ว..และ..ตอนนี้ไม่มีภาพปรากฎ
...คาดว่า..เป็นนโยบายใหม่..ของเว็บไซด์เก่าที่..ผมเคยเอาเรื่องนี้
ไปลงไว้ก่อนหน้านี้..มีการบล็อครูป..ซึ่งที่ผ่านมา..ไม่เคยมี..ถ้าผม
ทราบว่า..มีรายการแบบนี้..ตั้งแต่ต้น..ผมคงไม่เอาเรื่องไปลง..ที่นี่
..ซึ่งผม..คิดว่า..เป็นการกระทำที่..แย่มาก..ส่วนที่ยังมี..รูปปรากฏ
อยู่เพราะ..ผมฝากรูปไว้..ที่เว็ปที่ทำไว้ฝากรูป..โดยเฉพาะ..ครับ..
...........ปัญหา..อีกอย่างที่..ผมทำไม่ได้คือ..ผมไม่สามารถเอา..
รูป..กลับไปใส่แบบเดิมได้..เพราะที่นี่..edit..ไม่ได้...และ..จำนวน
รูปที่หายไป..เยอะมาก..เอามาลงใหม่..ก็คงไม่สัมพันธ์..เพราะเนื้อหา
กระจัดกระจาย...จึงต้องขอโทษท่านผู้อ่าน..จากใจ...
...หลังจากนี้...ผมก็จะใช้การฝากภาพที่เว็ปฝากภาพแทน..ก็คงไม่มี
ปัญหาอีกแล้ว..ครับ....
...ต่อเลยครับ....
.............กุรข่า..นักรบเลือดดุ.....................................................................................
.................................................สภาพ..ตอนนี้..คือ..ลัคกี้..ต้องรักษาที่มั่น..และแนวนี้ให้ได้
เพราะ..เป็นจุดที่รับผิดชอบ..ของทหารทุกคน..ในร่องนี้..แนวนี้..ต้องป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นบุกเข้า
มาได้........แต่บัดนี้เหลือ..เขาที่ยังสู้ได้เพียงคนเดียว..ด้านหน้าแนว..ก็ไม่ใช่แคบ..ไหนเขาจะ
ต้องยิงโต้ตอบ..ยังต้องคอย..ส่ายตา..มองทั้งด้านหน้า..รวมทั้งซ้ายและขวา..เสียงปืนจาก..
ทหารญี่ปุ่น..๒๐๐ นาย..รวมกับทั้งกองร้อย C..ยิงกันทุกกระบอก..แถมยังทั้งปืนกลหนัก....
ปืนกลเบา..ปืนกลประจำตัว..มันเอ็ดอึง..ไปหมด..เรียกว่าเอาคนธรรมดาที่ไม่ใช่ทหาร..ไปอยู่ใน
นั้นก็คงแทบ..บ้า...แต่ลัคกี้..ผ่านมาหลายสมรภูมิ..ทำให้เขาชินชาแล้ว..แต่ไอ้ที่เป็น..ห่วงคือ..
ญี่ปุ่น..จะเล็ดลอดผ่านด้านข้างเขา..เข้าไปสู่ฐานได้..ตอนนี้ญี่ปุ่นทราบแล้ว..ว่าแนวป้องกันตรง
นี้..เหลืออยู่เพียงคนเดียว..ปืนทุกกระบอก..จึงหันเข้ามาหาที่เป้าเดียวกันหมด..............
............มีระเบิดมือ..โยนเข้าใส่ที่ตำแหน่ง..ที่เขาอยู่..เขาก็..ไวพอ..ที่จะไปเก็บ..แล้วโยนกลับ
ไป..ซึ่งเขาทำอยู่ ๒ ครั้ง..แต่พอครั้งที่ ๓ ..อาจจะเกิดจาก..ลูกระเบิดมันอยู่ห่างไปหน่อยรึเปล่า
ไม่ทราบ..ปรากฏว่า..ขณะที่กำลังเงื้อขว้าง..ลูกระเบิดมันก็ระเบิดซะก่อน..................
...............ผลก็คือ...ซีกขวา..เกือบทั้งหมดของเขา..รับเข้าไปเต็มๆ..เริ่มจาก..ซีกหน้าด้านขวา
บางส่วน..แต่ไอ้ที่หนักคือ..ตาขวาเขา..เละ..บอดสนิท..เลือดไหลโกรก.......แขนขวา..เละเช่น
กัน..ถึงแม้ไม่ขาด..แต่กลายเป็น..เศษเนื้อ..กะรุ่งกะริ่ง..ทั้งเนื้อ..เอ็น..กระดูกมันปนกันหมด..
หมดสภาพ..อย่างสิ้นเชิง..มือที่ข้วาง..ก็เช่นกัน..เหลือนิดเดียว..เหลืออยู่ ๒ นิ้ว..ที่เหลือไปไหน
ไม่ทราบ..หมดสภาพ..ไปอีกอย่าง..สีข้างเขา..สะเก็ดระเบิด..ฝังเต็มไปหมด..ขาขวา..ก็มีสภาพ
ไม่แตกต่างไปจาก..แขนเท่าไหร่..ก็คือ..เละเหมือนกัน..อาจไม่กะรุ่งกะริ่งเท่าแต่..เอ็นขาดไป
หมด..เนื้อก็เละกระเด็นหายไปกับ..แรงระเบิด...................
...............สรุป..ผลของระเบิดมือ..ครั้งนี้ทำให้เขา..สูญเสีย..การใช้งานไปทันที..อย่างถาวรคือ
.......................๑ . ตาขวา
.......................๒. แขนขวา..และ..มือขวา
.......................๓. ขาขวา..
...ไม่รวม..เนื้อทั้งหลาย..ที่หายไปเป็นกิโล..บาดแผล..นับไม่ถ้วน..แต่ที่สำคัญคือ..เลือดของเขา
..ที่ออกจาก..บาดแผล..ครึ่งตัว..ออกไปเรื่อยๆ..เส้นเลือดใหญ่ที่แขน..กี่เส้น..เส้นเลือดใหญ่ที่
ขา..กี่เส้น..เปิดหมด...ที่สำคัญ..เขาถนัดขวา..และเขา..ไม่มีปัญญา..ไปห้ามเลือดตัวเองได้..
เพราะ..คราวนี้ทหารญี่ปุ่น..เห็นชัดๆ..ว่า..ระเบิดๆใส่..ลัคกี้..ก็เริ่มค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาหาเขาที
ละคน..........
..................................................ต่อตอนหน้าครับ......................................................
หมู่ปืนกลหนัก..ของญี่ปุ่น..กำลังถล่ม..กองกำลังChindits
ทหารญี่ปุ่น..กำลังเข้าโจมตี..โดยเลาะไปตามลำน้ำในพม่า...
เข้ามาช่วยลุ้น ลัคกี้ ครับ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป มารออ่านนะครับท่าน modpong
...ขอบคุณครับ..คุณrung2442..ที่postมาให้กำลังใจ..ลัคกี้..โคตรคนกุรข่า..เชิญต่อเลยครับ
.............กุรข่า...นักรบเลือดดุ....................................................................................
................................................เมื่อท่านได้อ่านสภาพของ..ลัคกี้..แล้วจินตการตาม...ผมว่า
ส่วนใหญ่..น่าจะเห็น..เหมือนกันคือ..น่าจะตายไปแล้ว..หรือ..คิดในทางที่เขาเป็นคนอึดคนแกร่ง
ก็น่าจะสลบ..ไปแล้ว....คือนึกสภาพของระเบิดสังหาร..ที่มันระเบิดใกล้ตัวขนาดนั้น..แรงปะทะ
ของระเบิด..จะรุนแรงขนาดไหน..ไอ้ที่แน่ๆคือ..ตัวแก..กระเด็นไปเลย..แต่โชคดีที่ยังตกอยู่ใน
ร่องดิน..แนวป้องกัน..คือต่อให้เป็นคน..อดทน..หรือ..อึดขนาดไหน..ก็ต้องสลบ..จากแรงปะทะ
ดังกล่าว...แต่ถ้าไม่สลบ..คนที่ว่าแน่ขนาดไหน..เจอบาดแผล..ขนาดนี้..ก็จะทนพิษบาดแผล..
ไม่ไหว..ตายแน่....................
.....................แต่..ไม่ใช่..สำหรับ..ลัคกี้..เพราะนอกจากจะไม่สลบ..เขายังรู้สึกตัวตลอด....
(แกต้องสู้กับ..ความเจ็บปวดจากพิษบาดแผล)..และในสมองแก..ก็ยังอยู่ในสภาพALERT(ตื่น
ตัว)ตลอดเวลา..แกคิดอย่างเดียว..ว่าแกจะต้องกลับไปที่ตำแหน่งเดิม..และเก็บปืนมา..เมื่อแก
จะทำตามที่คิด..ปรากฏว่า..ร่างกายแกไม่ไป..ลัคกี้จึงมาสำรวจว่า..เกิด..อะไรขึ้นกับตัวมั่ง...
..ถ้าคนทั่วไปคงช็อค..และปลงชีวิตไปแล้ว.....แต่..ลัคกี้..ชีวิตยังไม่สิ้น..ภาระกิจ..ก็ต้อง..ปฏิบัติ
ต่อไป...สภาพแกที่เคลื่อนที่กลับไปเก็บปืนยาว..มา..คงไม่ต่างจาก..หนอนแก้ว..เท่าไหร่....
...............แต่ที่ผมเคยบอกไป..ว่า..ทหารกุรข่านั้น..ฝึกการรบทั้งสองข้างพร้อมๆกัน..เพราะมือ
ข้างหนึ่ง..ถือปืนยาว..อีกข้างถือ..”คูครี”..ทำให้มือ..ข้างที่ไม่ถนัด..ก็ใช้งานได้อย่างดีถึงแม้ไม่
เท่ากับ..ข้างถนัด..ดังนั้น..แขนซ้าย..และ..มือซ้าย..รวมถึงตาซ้าย..ที่เหลืออยู่..ก็ยังประสานกัน
ได้..
.........ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง..ว่าในช่วงเวลาสั้นๆขณะหนึ่ง..ลัคกี้..ที่ทนความเจ็บปวด..ได้
ขนาดนั้น..แกต้องตัดสินใจ..ใช้มือข้างซ้าย..ที่เหลืออยู่..ผูกปม..มัดเส้นเลือดใหญ่..ที่แขน..และ
ขาตัวเองแน่..เท่าที่ผูกได้..ไม่งั้นแกจะไม่มีทาง..และไม่มีแรง..สู้ต่อ..เพราะเลือดแก..จะหมดตัว
ซะก่อน..ไมมีปัญญาไปสู้กะใครต่อแน่........................................
..........ขณะที่..ญี่ปุ่นหลายคนค่อยๆเคลื่อนเข้ามา..หาแก..อีกส่วนก็ต้องระดมยิงอัดไปที่แกอยู่
แน่นนอน..เพื่อคุ้มครอง..กลุ่มหน้าที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาศัตรู...มาเรื่อยๆ..ส่วนลัคกี้..ซึ่งไม่เคย
ท้อแท้..ก็ต้องรีบ..เอา..แม็คกาซีนใหม่(..แหนบบรรจุลูกกระสุน แหนบแบบยาวของปืน..
LEE ENFIELD ๑๐นัด/๑ แม็ค)..บรรจุ เพราะเขาจะต้อง..ทำการบรรจุแม็ค..ให้น้อยครั้งที่สุด..
ในกรณีที่..ศัตรูบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง..เขามีแขนอยู่ข้างเดียว..ยังไม่ทันทำอะไร..ศัตรู..ก็..ถึง
ตัวแล้ว...........
..........ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจก่อนว่า..ปืน LEE ENFIELD ไม่ใช่..ปืนกึ่งอัตนโนมัติ..อย่าง..
M1 GARAND..ของอเมริกา..ปืนนี้เป็นปืน..ที่ต้องใช้แรงคนยิงในการเอาปลอกกระสุนที่ยิงแล้ว
ออกจากรังเพลิง..โดยการกระชากลูกเลื่อนถอยหลังมา..ปลอกจะกระเด็นออก..เมื่อดันลูกเลื่อน
กลับ..มันจะพาลูกกระสุนลูกใหม่..บรรจุเข้ารังเพลิง..แล้วต้องพับลูกเลื่อนลง..ถึงจะยิงได้...
...ดังนั้นท่านผู้อ่านจะเห็นว่า..ลัคกี้..จะลำบากขนาดไหน..ในการยิง..แต่ละ..ครั้ง..แถม..เมื่อลูก
หมด ๑๐ นัด..เขาก็ต้องใช้..มือข้างเดียว..ของเขาทำทุกอย่าง..คนที่เคยยิงปืนไรเฟิ้ลปกติ..จะรู้
ว่า..ถ้าใช้มือข้างเดียวมันมีวิธีเดียวคือ..เอารักแร้หนีบพานท้ายปืน..แล้วใช้มือกระชากลูกเลื่อน
(นอกจากนี้..ก้านลูกเลื่อนพับอยู่ด้านขวา..เขาจะต้องใช้มือซ้าย..อ้อมไปดึงก้านขึ้นซะก่อน..จึง
จะกระชากลูกเลื่อนออกมาได้ด้วย...ซึ่งตามปกติจะใช้มือขวา..................)
(พอดี..ผมคนรุ่นเก่า..ได้ยิงทั้งไรเฟิ้ล..และ..ปลย.๖๖(ปืนเล็กยาว..ใช้ในราชการปี๒๔๖๖)..
ซี่ง..ระบบทำงานเป็นแบบเดียวกัน..จึงทราบดี)........เมื่อบรรจุลูกแรกเข้ารังเพลิงเรียบร้อย..
...ลัคกี้..ก็พร้อมที่จะทำตาม..วิถีกุรข่า..แล้ว............................
.............................................ต่อตอนหน้าครับ...................................................
(ดูรูป..ปืน..ประกอบจินตนาการ..ในpostต่อไป..ครับ)
นี่คือ ..ภาพปืน LEE ENFIELD..แบบเดียวกับ..ที่ ลัคกี้ใช้..ดูภาพกลาง..จะเห็น"ลูกเลื่อน"..และ..ก้านลูกเลื่อน..ที่ยื่นออก มาจากลูกเลื่อนตรงปลายเป็นตุ่มกลม..ไว้สำหรับจับ..เมื่อจับ..หรือ..ผลัก..ยก ขึ้น..แล้วกระชากถอยหลังมา..จะกลายเป็นรูปด้านล่าง..ปลอกกระสุนที่ยิงแล้ว.. จะถูกลูกเลื่อนดึงออกมา..ในภาพ..จะเห็น"ช่องบรรจุกระสุน"เปิดอยู่..ให้สังเกตว่า..ก้านอยู่ทางขวา..แต่ลัคกี้..ต้องใช้มือซ้าย..ยกก้าน..แล้ว..กระชากออกมา..จะยากขนาดไหน..........
เรื่องของอีตาลัคกี้นี่ถ้าเป็นหนังฮอลลีวูดจะไม่แปลกใจเลยเพราะอเมริกันสร้างหนังให้พระเอกของเขาเก่งผิดผู้ผิดคนอยู่แล้วอย่างไม่อายคนดูเลย แต่นี่เป็นเรื่องจริงอย่างนี้แรดต้องเรียกว่าปู่ทวดแล้วครับ
..ขอบคุณครับ..คุณoldman..ที่ให้ความเห็นมา...ลัคกี้..เริ่มละเลงเลือด..ญี่ปุ่น..มั่งแล้ว..
..............กุรข่า....นักรบเลือดดุ................................................................................
..................................................ลัคกี้...เขาวางปืนยาวลง(เหลือแขนข้างเดียวครับ)..แล้ว
เอามือซ้ายที่เหลืออยู่..เอื้อมไปด้านหลังที่ตะโพกเพื่อคว้าด้าม..คูครี..คู่ชีวิต..แล้วกระชากออก
จากฝัก..พร้อมกับ..ถัด(กริยาที่..คนพิการ..หรือ..คนแก่มากๆ..เดินไม่ได้..ใช้ในการเคลื่อนที่)
ยกตัว..ขึ้นเหนือ..เนินดิน..พร้อมกับ..ตะโกนวลี..ของนักรบกุรข่าที่ใช้โจมตีข้าศึกมาแต่โบราณ
ก็ทำนอง..ฆ่ามัน..หรือ..สู้ตาย..อะไรทำนองนี้..ผมก็ไม่รู้ว่า..ญี่ปุ่น..มัน..หยุดการยิงเพราะตกใจ
..หรือ..ให้เกียรติศัตรู..ตามวิถี”ซามูไร”..แต่ลัคกี้ตอนนั้น..ก็..ไม่ถูกระดมยิง..........
...............แล้ว..ลัคกี้..ก็เอา..คูครี..ปักลงเนินดินตรงหน้า...พร้อมประกาศดังๆ..เป็นภาษากุรข่า
(ไอ้ยุ่น..มันก็ฟังไม่ออกอยู่ดี..แต่ดูวิธีการคงเข้าใจ)ว่า”..กูจะไม่ให้ไอ้หน้าไหนๆ..ผ่านแนวนี้ไป
ได้..แม้แต่คนเดียว”..ผมว่าไอ้ยุ่น..ก็ต้องตกใจบ้าง..เพราะสภาพหน้า..ของ..ลัคกี้.ที่มีแต่เลือด
เปรอะไปครึ่งนึง..แล้วแยกเขี้ยว..เคี้ยวฟัน..ตะโกนอยู่นั้น..มันคงน่ากลัวไม่หยอก..........
(ผมเข้าใจว่า..การที่ลัคกี้เอา..คูครี..มาปักที่ดินตรงหน้านั้น..มีความหมายอีกอย่างนึงด้วย..
เพราะ..เมื่อ..ไอ้ยุ่นเข้ามาในระยะประชิด..เขาสามารถ..ทิ้งปืน..แล้วคว้า..คูครี..ได้สะดวกกว่า)
.......จากนั้น..ศึกละเลงเลือด..ก็เริ่มเปิดฉาก..ลัคกี้..ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า..ด้วย
มือซ้าย..และแขนซ้ายที่ไม่ถนัด..ยิงทีเขาก็ต้องมาหนีบพานท้ายปืน..กระชากลูกเลื่อนทีนึง..
ฝ่ายไอ้ยุ่น..ก็ส่งพลยิง..ทยอยเข้ามา..พร้อมกับการยิงประสาน..กันอย่างหูดับตับไหม้..แต่..
ลัคกี้..ที่ใช้แขนเดียว..ก็ยัง..สอยไอ้ยุ่น..ได้เรื่อย..ทำงานเหมือนเครื่องจักร..เขาไม่รู้เรื่องความ
เจ็บปวดอีกแล้ว..รู้อย่างเดียว่า..ฆ่ามัน..ฆ่ามัน..แล้วก็..ฆ่ามัน....ไอ้แรกๆ..ผบ.ไอ้ยุ่นคงหัวเราะ
ก๊าก..พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ..ชักหัวเราะไม่ออก..เพราะ..ไอ้แถวหน้าส่งเข้าไปเงียบหมด..ต้อง
ส่ง..พวกใหม่เข้าไป..............เวลาผ่านไปร่วม ๕ ชั่วโมง..จนรุ่งสาง..ผบ.พันญี่ปุ่น..ก็ยังตีกอง
ร้อย C ของกุรข่าไม่แตก...เขาจึงต้องถอยทัพ..เพราะเดี๋ยว..หน่วยเสริม..ของกุรข่ามาสมทบ..
จะหนีไม่ออก...เสียงปืนจึงเงียบลง....ผบ.ร้อยจึงทำการตรวจสอบ..สภาพทั้งหมด..........
....เมื่อ..มาถึงแนวที่..ลัคกี้ป้องกัน..เขาก็พบร่าง..ลัคกี้.นอนพิงคันดิน..ในมือยังถือปืน LEE
ENFIELD เลือดเปรอะเต็มตัว..พร้อมกับชุดที่ขาดวิ่น..........................
..................................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................
สนุกดีครับผม น่าจะเขียนเป็นหนังสือได้เลยนะครับเนี่ย
ตามมมาให้กำลังใจครับ
...ขอบคุณครับ..คุณatith27009..สำหรับคำชม..และให้กำลังใจ..คงไม่ละครับ..ให้อ่านกันฟรีๆ
อย่างนี้ละดีแล้ว....ต่อกันเลยครับ
.........กุรข่า.....นักรบเลือดดุ.................................................................................
...............................................ทั้งร่องดิน..ทหารกุรข่า..ร่างนอนกันสะเปะสะปะหมด....
....ปรากฏว่า..มีทหารที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน..๒ นายยังไม่ตาย..แต่ก็..ขยับไม่ได้..แต่ทั้งหมด
ไม่มีใครมีเลือดท่วมและ..เละ..เท่า..ลัคกี้..แต่แล้ว..ลัคกี้..ก็ลืมตาขึ้นมา..โคตรคน..คนนี้มัจจุราช
ยังไม่ต้องการชีวิตเขา..เขาให้สัมภาษณ์ต่อมา..ว่า..เขาแค่หลับตาพักเหนื่อย..ไม่มีเสียงคราง
เจ็บปวด..ออกมาจากคนชื่อ..ลัคกี้..สภาพเขาเหนื่อยจริงแต่สัมปชัญญะยังสมบูรณ์..และเคลื่อน
ที่ได้..ผู้กองเองนะนึกว่า..ลัคกี้..คงตายไปแล้วเพราะใบหน้าซีกขวา..มีแต่เลือด..แขนขวา..ไม่มี
ชิ้นดี..เสื้อกางเกงไม่ต้องพูด..มันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด..มาหลายชั่วโมงแล้ว..ขาก็แย่..แต่ดี
กว่าแขน.....เมื่อ..สำรวจศพทหารญี่ปุ่น..ทุกคนก็แปลกใจ..เพราะ..มีศพทหารญี่ปุ่น..เฉพาะแต่
ที่อยู่นอกแนวป้องกัน..และกระจัดกระจาย..อยู่แถวด้านหน้าที่..ลัคกี้..ปักหลักอยู่............
....................................จำนวน.........๓๑.........ร่าง.....................................................
...จากการสอบถาม..ทราบได้ว่า....ลัคกี้..บอกว่าไม่ทราบ..ว่ายิงไปกี่คน..ไม่ได้นับ..แต่ก่อนที่จะ
เหลือ..ลัคกี้คนเดียว..ยังไม่มีศพ..บริเวณนั้น..เพราะตอนนั้น..เป็นการปักหลักอยู่กับที่ยิงกัน..
พวกไอ้ยุ่นที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้า..ก็คงถูกแบกกลับไปด้วย..ศพ..ทั้ง ๓๑ ศพนี้..เป็นลักษณะ
ที่ออกมาจากที่มั่น..เพื่อจะมาเล่นงาน..ลัคกี้..แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า..มีหลายคนที่คงตายจาก
ระเบิดที่..ลัคกี้ข้วางกลับไป ๒ ครั้ง..แต่สรุปที่แน่ๆ...หลังจากที่ลัคกี้..เจ็บหนัก..แล้ว..เขาฆ่าไป
ไม่น้อยกว่า ๒๐ ศพ...เมื่อเทียบกับจำนวนหทารญี่ปุ่นที่เสียชีวิต..ในการรบทั้งหมด ๘๐ กว่าคน
...แต่..ลัคกี้คนเดียว..ฆ่าไปร่วม ๓๐ คน..ฆ่าตอนเจ็บหนัก..มากกว่า..๒๐ คน.......
............นี่แหละครับ..ผมถึงเรียกแกว่า..โคตรคน..ข่าวล่าสุด..แกยังไม่ตายครับ..อายุ ๙๓ ปี..
..แต่รู้ว่า..กำลังป่วยหนักอยู่ที่อังกฤษ(..หมายเหตุ..ตอนที่ผมเขียนลงทีแรก..เกือบ๒ ปีมาแล้ว
ขณะที่เขียนแกยังไม่ตาย..แต่ปัจจุบัน๒๕๕๕..แกตายไปปีกว่าๆ..แล้วครับ)
...................ผลจากครั้งนี้...ตาขวา..ต้องควักออก..เพราะ..สะเก็ดระเบิดเข้าไปทำลายทั้งหมด
..แกต้องใส่ลูกตาปลอม..แทน..บอดสนิท...แขนขวา..เข้าใจว่า..ถูกตัดออกช่วงข้อศอกลงมา..เพราะ..เละ
หมดสภาพ..ขาขวา..พอแก้ไขได้บ้าง..แต่ก็กลับมาแบบ..ใช้งานไม่ค่อยได้..(..ขาแป..)
............ลัคกี้..รับเหรียญ VICTORIA CROSS ที่พม่า..เมื่อสงครามสงบ..เขาก็ต้องปลดประจำ
การ..เพราะร่างไม่พร้อม..สิ่งต่อมา..นอกจากที่เสีย..อวัยวะไปแล้ว..คือเงินบำนาญ..เต็มอัตรา
เพราะรับราชการ..ไม่ถึง ๑๕ ปี..เหลือไม่ถึงครึ่ง..แต่ไม่ใช่ความผิดเขา..เพราะเขา.เสียตา..และ
แขน..ให้กับประเทศอังกฤษ..ทำให้เขารับราชการต่อไม่ได้......................
.............เขาเคยถูกลากมานามสัญญลักษณ์ของวีรบุรุษกุรข่า..เพื่อมาช่วยทหารบำนาญกุรข่า
ที่เรียกร้องสิทธฺในการดำรงชีพอยู่ในอังกฤษมาแล้ว..และครั้งนั้น..การรณรงค์ก็สำเร็จ..เพราะมี
คนอังกฤษ..มาช่วยกันมาก...ซึ่งจะเห็นจากรูปที่ผมpostมาให้ดู(ต้องเรียกว่า..ลาก..เพราะแก
ต้องนั่งเก้าอี้รถเข็น)
..................เรื่องของ..ลัคกี้ยังไม่จบ..เพราะเขาต้องต่อสู้ครั้งสุดท้าย..กับ..ประเทศที่เขา..สละ
ตา..และ..แขน..ให้มาแล้ว...แล้วดูว่า..ประเทศที่เขาเคยรัก..เกือบเหมือนประเทศเขาเอง..แบบ
ยอมตายได้....ตอบแทนอะไรกับเขาบ้าง.....................................................
.......................................ต่อตอนหน้าครับ.............................................................
(..ดูรูปประกอบ..ในpostต่อไปนะครับ)
ถ่ายเมื่อตอนรับเหรียญVICTORIA CROSS
เมื่อครั้งมาช่วยรณรงค์..สังเกตเหรียญอันแรกสุด..จะเป็นvictoria cross แกเป็นคนหนึ่งที่ได้รับเหรียญกล้าหาญ..มากกว่าใคร
สังเกต..ตาขวา(ซ้ายในภาพ)..เป็นลูกตาปลอมที่ยัดไว้แทน..ตาที่ถูกควักออกไป
หูขวา..ก็เย็บแต่งใหม่..เลยต่างจากหูซ้ายอย่าง..เห็นได้ชัด
หมวกที่เห็น..เป็นหมวกทหารผ่านศึกกุรข่า..จะเห็นที่กลัดติดหมวกเป็นรูป คูครีอยู่ในฝัก
หมายถึง..เก็บแล้วไม่ได้ใช้งาน..ถ้าเป็นหมวกทหาร..จะเป็น..คูครี..เปลือย..(ไม่อยู่ในฝัก)
...ก่อนที่..ที่จะไปเข้า..เรื่องการต่อสู้..ครั้งสุดท้ายในชีวิต..ของ..ลัคกี้..รวมถึง..
การต่อสู้..ของทหารผ่านศึกกุรข่า..เพื่อสิทธิที่ควรได้..นั้น..ผมจะนำเสนอ..เรื่อง
ที่จะปูพื้นฐาน..ความเข้าใจ..ซะก่อน..และยังสามารถแก้..ข้อข้องใจ..ของหลาย
คน..ที่มีต่อ..อังกฤษ...ในส่วนของ..พวกต่างชาติ..ที่มาลงหลักปักฐาน..ที่นี่......
......หลายครั้งมาก..ที่ผม..ได้ยิน..จากรุ่นพี่..รุ่นน้อง..หรือ..เพื่อน..แม้กระทั่ง..ญาติ
พี่น้อง..ของตนเอง..ที่มีโอกาศได้ไป..ที่..อังกฤษ....ซึ่งด่านแรก..ในแผ่นดินอังกฤษ
..ก็คือ..สนามบินฮีทโทรว์..สนามบินนานาชาติหลัก..และ..ใหญ่..รวมถึง..มีความ
สำคัญ..ที่สุด..จากคำพูก..เปรยๆ..ปน..งงๆ..คล้ายกันหมดว่า..
.............นึกว่า..มาลง..ผิดที่.......................
...คือเรื่องของเรื่องนั้น..เจอ..ฝรั่งผิวขาว(ที่คาดว่า..น่าจะ..เป็น..คนอังกฤษ)..น้อยกว่า
ที่น่าจะเป็น...ส่วนใหญ่..จะเป็น..แขกอินเดีย...ไอ้มืด..จีน..อาหรับ...เต็มไปหมด..
แล้วพวกนี้..ก็พูด..อังกฤษ..สำเนียงแบบอังกฤษ..อีกต่างหาก..ทำให้รู้ว่า..พวกนี้..เป็น
..พวกที่มี..สัญชาติเป็นอังกฤษ(เกือบ..ทั้งหมด..เพราะ..การพูดมีสำเนียงอังกฤษได้
นั้น..ก็แสดงว่า..ต้องอยู่กันตั้งแต่..เด็ก..).....
........สงสัย..ไอ้พวกอังกฤษจริงๆ..มันออกลูก..ไม่ทันไอ้พวกนี้..วะ.....
.........นี่..ก็เช่นกัน..เป็น..คำพูดติดตลก..ของคนไทย..(ก็..แหล่งเดียวกันกับ..นึกว่า..
มาลงผิดที่..นั่นแหละครับ)...ก็จะพูดกันทำนองนี้..หลายๆคนมาก...
....ถูกครับ..แต่ถูก..ไม่หมด..เพราะมีเทคนิค..การขยายเผ่าพันธุ์..กันหลากหลาย..
เข้ามาเพิ่ม..หลายแบบ..คนไทยทั่วไปก็ทราบ..เพราะทำแบบเดียวกัน..ในอเมริกามาแล้ว
..แต่เทคนิค..บางชนิด..เป็นเฉพาะ..ชาติพันธุ์..จริงๆ(..ซึ่งผมจะเล่า..ต่อไป..ภายหลัง)
.........แต่จุดกำเนิด..เบื้องต้นหลักๆ..มาจาก..”คนในบังคับ..ของอังกฤษ”...ความหมาย
ก็คือ..คนที่เกิดอยู่ในชาติ..ที่เสียเอกราช..ให้อังกฤษ..นั่นเอง..แต่แค่นั้น..ไม่สามารถจะมา
ลงหลักปักฐาน..ในอังกฤษได้...แต่ต้องมี..องค์ประกอบอีกหลายอย่าง..เพื่อทำให้ผ่านการ
พิจารณาได้..แล้วแต่ละชาติ..ก็มีรายละเอียด..ต่างกันไปบ้าง..
......ที่ผมพูดถึง..นี่..ไม่ใช่ยุคนี้..นะครับ..เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกัน..มันตั้งแต่..ศตวรรษที่ ๑๙
หรือ..ศตวรรษที่๒๐..ต้นๆ(ปัจจุบันคือ..ศตวรรษที่ ๒๑).............
.........แต่ในองค์ประกอบ..ตัวหลักๆ..และ..อันดับแรกๆ..คือ..คนผู้นั้น..ต้องทำผลประโยชน์
ให้กับ..อังกฤษโดยตรง..คือ..ทำงานในหน่วยงานของอังกฤษ..ในประเทศนั้นๆ..(พูดง่ายๆ
คือ..เป็นลูกจ้างของ..อังกฤษโดยตรง..หรือ..มี..นายใหญ่เป็นอังกฤษ..นั่นแหละครับ..)
...และที่ประกอบกัน..คือ..ต้องทำอยู่นาน..คือจะมีกำหนด..เวลาว่า..ต้องไม่น้อยกว่า..
กี่ปี..๑๕ ปี..หรือ ๒๐ ปีขึ้นไปทำนองนี้(..โปรดอย่าใส่ใจ..กับ..ตัวเลข..เพราะผมอ้างขึ้น
เป็นตัวอย่าง..เท่านั้น..ให้รู้สึกได้ว่า..ทำมานาน)..เหตุผลข้อนี้ก็..ง่ายนั่นคือ..ต้องทำตัวดี
ทำงานเก่ง..นอบน้อม..ถูกฝรั่งด่า..ตบโหลก..เตะ..ก็ไม่ปริปาก..ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น..ก็คง
โดนไล่ออกไปก่อนหน้านี้..และนั่นแสดงว่า..ยอมรับอย่างแท้จริง..ว่า..อังกฤษ..คือ.”นาย”
...เพราะไม่งั้น..ก็คงชิงลาออกไป..ก่อนแล้ว.....
...........................ต่อตอนหน้าครับ......................
...ในบรรดา..พวกที่ไม่ใช่..ทหาร..แต่ทำงาน..กับองค์กรรัฐ..ของ..อังกฤษ..ในประเทศนั้นๆ...
และมีสิทธิไป..ตั้งรกราก..หรือ..เป็นประชากรของอังกฤษ..ได้..มากที่สุด..คือ..อินเดีย...
........เพราะ..เป็นที่ตั้ง..ของสำนักงานใหญ่..ของ..บริษัทอีสต์อินเดีย..ซึ่งแท้ที่จริง..ก็คือ..
หน่วยงานของอังกฤษ..ที่ดูแลผลประโยชน์ของตัวเอง..ในอินเดีย..และ..ภูมิภาคใกล้เคียง
..อย่างเช่น..พม่า..เป็นต้น..คิดเอา..แล้วกันว่า..ประเทศอินเดียนะ..ใหญ่ขนาดไหน..แคว้น
แต่ละแคว้น..ใหญ่เท่าๆ..ประเทศไทย(บางแคว้นใหญ่กว่า)..พนักงานของอีสต์อินเดีย..จะ
มาก..ขนาดไหน..ผู้จัดการใหญ่ตัวจริง..ก็คือ..อุปราชแห่งอินเดีย..ที่เป็น..ขุนนางอังกฤษ..
....เมื่อ..พนักงานที่เป็นชาวอินเดีย..ระดับหัวหน้า..ซึ่งต้องทำงานมานาน..เป็น ๒๐ ขึ้น..ถึง
คราว..เกษียณ..ก็ถือว่า..มีความดีความชอบ..ก็มีสิทธิยื่นขอไปตั้งรกราก..ในอังกฤษได้
..แล้วคิดดูว่า..อังกฤษตั้งบริษัทอีสต์อินเดีย..มาตั้งแต่ยึดครอง..อินเดียได้..เป็นร้อยปี..
ก่อนจะเกิด..สงครามโลกครั้งที่ ๑ ด้วยซ้ำ..จำนวนcaseแบบนี้..จะเยอะขนาดไหน...
...ถึงมีการพิจารณา..ในรายละเอียดเพิ่มเติม..คัดกรองแล้ว..ก็เยอะอยู่ดี.....ยิ่งเมื่อ..
อีสต์อินเดีย..ปิดฉากลง..เพราะอังกฤษ..ให้เอกราช..กับ..อินเดีย..จำนวน..ยิ่งมาก...
(หลังสงครามโลกครั้งที่๒ หลายปี)..
.........ดังนั้นหลายท่าน..จะไม่ทราบเลย..แม้แต่..คนอังกฤษเอง..ด้วยซ้ำว่า..ก่อนสง
ครามโลกครั้งที่ ๑ ก็มีชุมชน..แขกอินเดีย..อยู่ในอังกฤษ..ไม่น้อยแล้ว..เพียงแต่พวกนี้
อยู่เกาะกัน..เป็นกลุ่มแน่น..และ..ไม่ค่อยเปิดเผยตัว..เพราะจะถูก..เหยียดจาก..ฝรั่ง
...ถือว่า..เป็นพวกอาณานิคมที่มาตั้งรกรากในอังกฤษ..กลุ่มใหญ่ที่สุด..และ..มาตั้ง
ก่อน..ที่ประเทศตัวเองจะได้รับเอกราช..ด้วยซ้ำ...ส่วน..ชาติอื่นๆ..จะเข้ามาเมื่อช่วง
จะมีกำหนด..จะคืนเอกราชให้ประเทศนั้นๆ..ได้ไม่นาน.....
........สำหรับ..ประเภททหารนั้น..ก็..แขกอินเดีย..นี่แหละ..ที่มีสิทธิมากกว่าเพื่อน
เพราะ..ส่วนนึง..มีการจัดตั้ง..กรมทหารอินเดียรักษาพระองค์..อยู่ในกองทัพอังกฤษ
ก่อนหน้า..ทหารกุรข่ามาตั้งนาน..มีหลายกรม..ทหารหน่วยนี้..จะมีความพิเศษคือ..
จะอยู่ใต้การบังคับบัญชา..ของอังกฤษ..โดยตรง...จะต่างจาก..กองพลอินเดีย..ใน
สมัยสงครามโลก..อย่างที่...ลัคกี้..สังกัด..อยู่..ซึ่งในกองพล..แขกจะปกครองเอง..
...แต่กรมฯอินเดีย..ของอังกฤษ..ผู้บังคับการ..ผู้พัน..ผู้กอง..จะเป็น..ทหารอังกฤษ
...ฉะนั้น..ก่อนอินเดีย..ได้เอกราช..ทหารที่เกษียณจาก..หน่วยนี้..ก็มีสิทธิขอตั้งรก
ราก..ในอังกฤษด้วย..และที่สำคัญ..ด้วยที่..เป็น”คนในบังคับของอังกฤษ”...อยู่แล้ว
(..ทหารกุรข่า..ไม่ใช่..คนในบังคับของอังกฤษ..เพราะ..อังกฤษ..ไม่ได้ยึดครอง...
เนปาล..).............................
......แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารเมืองขึ้นของอังกฤษ..ที่มาร่วมรบ..ภายใต้
ธงอังกฤษนั้น..แม้แต่อย่างกองพลอินเดีย...แต่ในการรบอยู่ภายใต้..ธงอังกฤษ...
(ทหารกุรข่า..ไม่เกี่ยว..เพราะไม่ใช่เมืองขึ้นอังกฤษ)...ทางรัฐบาลอังกฤษ..ก็มีการ
ปูนเหน็จ..พิเศษให้คือ..ถ้าสมารถผ่านเงื่อนไข..ต่างๆได้..ก็สามารถ..มาตั้งรกราก
ในอังกฤษได้..(๑ในเขื่อนไข..ก็คือ..ต้องพูดเขียน..อังกฤษได้)...จึงทำให้..พวกที่มา
จาก..ทวีปอาฟริกา(ส่วนใหญ่..เป็นไอ้มืด..ส่วนน้อย..เป็นพวกแขกอาหรับ..)..รวม
ถึง..หมู่เกาะเมืองขึ้นทั้งหลายในมหาสมุทรแอตแลนติก..(..เป็น..ไอ้มืดล้วนๆ..พวก
นี..เดิมเป็น..”ทาส”มาก่อน..)...ได้สิทธิไปด้วย....ผมเคยดูหนัง..สารคดี..เรื่องการ
เข้าอังกฤษมา..ของพวกเหล่านี้..เป็นหนังที่ถ่ายไว้ในยุคนั้น..มากันเป็น..ลำเรือ
เลยครับ..หลายลำด้วย..เรียกว่า..เป็น..พันคนเลย..ดำทมิฬ..พรืดไปหมด...
......................ต่อตอนหน้าครับ...........................
สวัสดีครับคุณอา modpong แหะ แหะ ขอเรียกว่าคุณอานะครับ พอดีไปเจอบทความของคุณอาที่บอร์ดพลังจิต เรื่องพระ...พระ...และสาระยุคก่อน สงสัยผมต้องแอบไปซุ่มโป่งอ่านบทความที่ที่นั้นซักหลายวันแน่ๆครับ เพราะมันยาวเหลือเกิน ด้วยความเคารพ
...ขอบคุณครับ..คุณrung2442..ที่ติดตามผลงาน..อื่นๆผม..ที่เว็ปนั้น..ผม..เขียนไว้
๓ เรื่อง ด้วยกัน..แต่.."ผม..พระ..และ..สาระยุคก่อน"นั้น..ยาวที่สุด..ยาาาวมาก..
อ่านเรื่อยๆนี่..เป็นเดือน..ก็ไม่จบหรอกครับ(เรื่อง..กุรข่า..ก็..แทรกอยู่ในนี้)..แต่ถ้าไม่
สมัครสมาชิก..ก็จะไม่เห็นรูปนะครับ........
....ส่วนพวกชาติย่อยๆ..ที่..ทยอย..เข้ามา..ผมก็จะไม่พูดถึง..ก็พูดถึงแต่..พี่มืด
กับ..แขกอินเดีย..(อย่าว่า..ผมไม่สุภาพ..หรือ..เหยียดผิว..ว่า..ทำไมไปเรียกเขา
อย่างนั้น..นั่นมันเป็น..คำแปล..ครับ..คือ..จะเรียก..มืด..เฉยๆ..มันห้วนไป..ก็เลย
เติมคำนำหน้า..ไปหน่อย..ที่เรารู้กัน..โดยทั่วไปก็มาจาก..ฝรั่ง..ที่เรียกคนผิว..ดำ
ว่า..NEGRO ..คนไทยเรียก..นิโกร..ต้นศัพท์จริงคำนี้..เป็นภาษาเสปนครับ...
เนื่องจาก..เสปนเป็น..ชาติแรกที่..ค้าขายพวกนี้..จากอาฟริกา..เอามาเป็น..ทาส
ใช้ใน..ทวีปอเมริกาทั้งเหนือ..และ..ใต้..NEGRO แปลว่า..ดำ..หรือ..มืด..ในภาษาไทย
ครับ..ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย).........
...ทั้งสองพันธุ์นี่..เหมือนแข่งกัน..ขยายพันธุ์..แต่มีความแตกต่างกัน..บ้าง
คือ..พี่มืดแก..จะนอกจากจะ..ออกลูกดก..เพราะยังไงก็ไม่อดตาย..อังกฤษก็
มีสวัสดิการ..ช่วยเหลือ..ทำให้จำนวนเพิ่มขึ้นได้เร็ว..แถมชอบแต่งงานกับ..
ฝรั่ง..ส่วนนึงจะได้..พอทำให้กลมกลืนได้บ้าง..และจะได้ทำให้ตัวเอง..ดูดีขึ้น
ฝรั่ง..ก็ชอบของแปลก..เร้าใจ..ผลลัพธ์ออกมาคือ..ได้ลูกครึ่งลูกค่อน..พี่มืด
กันเต็ม..อังกฤษในขณะนี้..ผลผลอยได้..คือ..ท่านๆก็ทราบดีว่า..เชื้อมืดมัน
เข้มขนาดไหน..ไอ้ที่ออกมาสีเป็นน้ำตาล..นะมีน้อย..ส่วนใหญ่ก็แค่..จางลง
ไปหน่อย...แต่หัวหยิกหยอง..เหมือนเดิม..เกินครึ่งที่..ดูแทบไม่ออกว่าเป็น
ลูกครึ่ง..มันก็เลยได้..พวกเกือบมืด..มาเพิ่มอีกเยอะแยะ......
....แต่..พวกพี่มืด..นี้..ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว..ลูกหลาน..ที่ออกมา..ก็จะนิยม
แต่งกันเอง..ในสังคม..พี่มืดด้วยกันที่อยู่ในอังกฤษ..จะไม่ไป..หาผัว..หรือ..
เมียที่..บ้านเกิด..เพราะ..ขี้เกียจเป็นภาระ..ความเป็นอยู่มันต่างกัน..แค่..
ทยอย..ขนญาติ..มาอยู่ในภายหลัง..ก็แย่แล้ว(..พวกญาติ..ก็เอาพวกเด็กๆ
หรือ..หนุ่มสาว..มาเรียนหนังสือ..หรือ..มาทำงาน..อยู่ไปเรื่อยๆ..ก็..ขอสิทธิ
เป็น CITIZEN ได้..คนไทยในอเมริกา..ก็..แบบเดียวกัน..)..ส่วนนึงที่ไม่อยาก
เอามา..เพราะ..พวกพี่มืด..หัวไม่ค่อยดี..ต้องทำงานใช้..แรงกาย..เป็นส่วนใหญ่
..ทั้งเป็น..กรรมกร..ลูกจ้างขนของ..(ถ้าใน..ยุคนี้ก็..บันเทิงเป็น..หลักใหญ่)...
.......ซึ่งต่างจาก..แขกอินเดีย..ในหลายด้าน..ส่วนที่เหมือนกัน..ก็แค่..ขยันทำลูก
..แต่ส่วนอื่น..ต่างกัน..อย่างการเป็นอยู่..แขกเป็นพวก..หัวดี..รู้จักทำมาหากิน..
และ..ไม่นิยมใช้แรงกาย..เมื่อรุ่นลูกหลาน..พวกนี้จะเรียนสูง(..พวกพี่มืดส่วนใหญ่
จบ..มัธยมก็..ออก)..เป็นทั้ง..นักกฎหมาย..หมอ..ทำงานบัญชี..ทำธนาคาร..
นักวิชาการ..สอนหนังสือ..เปิดกิจการของตัวเอง..เรียกว่า..ดีกว่า..พวกฝรั่งซะ
อีก...จึงมีฐานะดี..การขน..ลูกหลานญาติโก..ก็เลยเพียบ..เต็มสูตร..เพราะ..
เลี้ยงได้..ทำให้การขยายตัว..เผ่าพันธุ์ในรูปแบบนี้..มากกว่า..พี่มืด..เยอะ..
...แถม..ข้อสำคัญในการขยายญาติก็คือ..แขกอินเดียโพ้นทะเล(รวม..
เมืองไทยด้วย)..จะหา..สามี..หรือ..ภรรยา..จากในประเทศแม่..ก็คือ..อินเดีย
..เกือบทั้งหมด..จะไม่แต่ง..กับ..คนที่อยู่ใน..ถิ่นเดียวกัน..ทำให้เกิดการต่อ
ยอดขยายเผ่าพันธุ์แบบ..ทวีคูณ..นอกจากจะได้..แขกอินเดีย..หน้าใหม่ทั้ง
ชาย..หญิง..มาแล้ว..พวกที่มาใหม่..เมื่อได้เป็น CITIZEN แล้ว..ก็จะเริ่มขน
ญาติโก..ของตัวเอง..มาเพิ่ม..ก็คิดดูว่า..พวกแขกอินเดียอยู่ในอังกฤษมา
เป็นเกินร้อยปีแล้ว..ธรรมเนียมการหาคู่ครองจากประเทศอินเดีย..ก็สืบมา
ตลอด...แล้ว..คนไทยไปอังกฤษ..ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ..ว่าทำไมแขก..
เยอะจัง..
..............ไอ้ที่ผมเล่า..เกริ่นมานี่..เพื่อให้เห็นว่า..พวกที่เคยเป็นเมืองขึ้น
อังกฤษ..ก็ยังมีข้อดี..ให้เห็นในส่วนนี้...แต่..สำหรับ..ทหารกุรข่า.......
ไม่ได้เป็นเมืองขึ้น..รับจ้างเขา..แต่ทำในสิ่งที่ยิ่งกว่า..พวกเมืองขึ้น..ทำ
ให้ชาติอังกฤษ..ไม่รู้กี่เท่า..ทำแบบถวายหัว..เพราะเคารพในสัจจะ..
ที่กล่าวต่อธงชาติอังกฤษ..และศักดิ์ศรี..ของเผ่าพันธุ์ตัวเอง...กลับแทบ
จะไม่ได้อะไร..นอกจาก..ตาย..พิการ..จนเป็นขี้..และตายในบ้านเกิด..
ตัวเอง..เงินบำเหน็จบำนาญ..ก็ถูกกว่าเขาเพื่อน..ขนาดกลับไปบ้าน
ที่เนปาล..ยังแทบไม่พอใช้...................
..........ต่อตอนหน้าครับ................
......มันเหมือน..กรรมนั้นคืนสนอง..กับ..อังกฤษ..จากทั้ง..แขกอินเดีย..กับ..พี่มืด
..บาปกรรม..ที่ไปยึดประเทศเขา..ฆ่าคนในประเทศเขา..เป็นจำนวนมาก..เอาผล
ประโยชน์..จากประเทศเขา..มาเป็น..ของตัวเอง..จึงต้องชดใช้กรรม..คืนให้กับพวก
นี้...อย่างแขกอินเดีย..เกือบทั้งหมดที่ตั้งรกรากมา..ตั้งแต่แรก..จนถึง..ได้รับเอกราช
ปัจจุบัน..ภาพรวมแล้ว..มีความเป็นอยู่ดีกว่า..คนอังกฤษ..โดยทั่วไป..คือเป็น..คนชั้นกลางที่
ฐานะดี..ไปจนถึง..เป็น..คนรวย..เรียกว่า..หาแขกที่จน..นี่หาแทบไม่ได้..ลูกจ้าง...
ก็เป็น..คนอังกฤษนี่แหละ..ได้รับการยกย่อง..ในสังคม..แทบทุกด้าน..เพราะจะมี..
แขก..แทรกไปอยู่..หมด..........
......ส่วนพี่มืด..นะ..ด้วยนิสัยส่วนใหญ่..โดยเฉพาะผู้ชาย..นอกจากหัวไม่ค่อยดี..
ก็เลย..ไม่เรียน..หนังสือต่อ..ระดับสูง..เกเร..ชอบเที่ยว..ทำงานใช้แรง..พวกที่จะ
พอมีฐานะเป็น..ชนชั้นกลางระดับต่ำได้..ก็พวก..ทหาร..ตำรวจ..ส่วนที่สูงมีน้อย
..แต่ก็มาจาก..วงการบันเทิง..ทั้งดนตรี..และ..นักแสดง..ซึ่งมีอัตราส่วน..น้อยมากๆ
(มี..นักฟุตบอล..พ่วงไปด้วยอีกหน่อย)..เมื่อเทียบ..กับ..พี่มืดทั้งหมด..ในอังกฤษ
......ด้วยสาเหตุนี้..พี่มืด..เลยการเป็นแชมป์..ในการก่ออาชญากรรม..ทุกรูปแบบ
..ทั้ง..ขโมย..ปล้น..ข่มขืน..ยาเสพติด..ฆาตกรรม ฯลฯ..ทำให้..ในเรือนจำทั้งหลาย
ในอังกฤษ(ทั้งชาย-หญิง)..จะมีพี่มืด..อยู่ไม่น้อยกว่าครึ่ง..โดยเฉลี่ย..(พี่มืดที่ว่านี่..รวมทั้ง
สายพันธุ์แท้..และ..ลูกครึ่ง..ทั้งหลาย..).....
.....................กลับเข้ามาที่..ทหารกุรข่า..ที่ปลดประจำการ..ที่ถ้าอยู่ครบเทอม..ก็
๑๕ ปี มั่ง..หรือ..๒๐ ปี..แล้วแต่..กรณี..คือ..ตั้งแต่..สงครามโลกครั้งที่ ๑ มานั้น..
หาแทบไม่มี..ที่อยากจะใช้ชีวิต..ปักหลัก..ในอังกฤษ..เพราะ..พวกนี้..นอกจากจะ
รักบ้านเกิด..แต่มาเป็นทหารที่นี่เงินดี..ส่งไปเลี้ยงพ่อแม่ได้..ปัจจัย..สำคัญยังมีคือ
เกือบทั้งหมด..พูดเขียน..ภาษาอังกฤษไม่ได้..ยกเว้นจะรู้..แค่..ศัพท์ที่จำเป็น
ต้องใช้..ในทางทหาร..ด้วย..สาเหตุที่ไม่ใช่..เมืองขึ้นอังกฤษ..ก็เลยไม่ได้มีการ
สอน..ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง..แบบพวกเมืองขึ้น..เช่นพวก..แขกอินเดีย..
หรือ..พี่มืด..อาหรับ..จีนฮ่องกง..อีกส่วนนึง..ทหารเหล่านี้..ก็ไม่รู้จะสนใจเรียน
ไปทำไม..เพราะ..ไม่ใช่”คนในบังคับ”ของอังกฤษ..เขาไม่ให้ตั้งรกรากอยู่..
และใจ..ก็จะกลับไปหา..พ่อแม่..ครอบครัว..ไปเป็น..เกษตรกรที่สูง..อย่าง
ที่ตนมีความชำนาญ..ต่อให้อยากอยู่..ก็ทำงานได้แค่..กรรมกร..ไม่มีทาง
ลืมตา..อ้าปากได้..เหนือสิ่งอื่นใด..กุรข่า..ยึดในศักดิ์ศรี..ของนักรบ..และ
ความอิสสระ..เมื่อ..ไม่ได้เป็น..นักรบแล้ว..เขาก็จะไม่ให้ใคร..มาหยามหมิ่น
เขาได้...สู้กลับบ้านดีกว่า........
.......พอหลัง..สงครามโลกครั้งที่สองจบลงใหม่..ส่วนใหญ่..ก็จะอยู่ไม่ครบ
เทอมกัน..เพราะ..เป็นพวกที่สมัครใจรับจ้างรบ..เพื่อเงิน..เป็นจำนวนมาก
ไม่ได้..ตั้งใจ..เป็นทหาร..และพวกนี้..อังกฤษก็จ้างมาเป็นพิเศษ..เพื่อรบ
ในสงครามโลก..โดยเฉพาะ..หมดสงครามก็เลิกจ้าง..เพราะ..ทหารกุรข่า
เดิม..ที่ประจำกรมทหารกุรข่า..ของอังกฤษ..ก็มีอยู่แล้ว..ไม่มีความจำเป็น
ที่จะจ้างต่อ...พวกนี้..ก็กลับ..เนปาลกัน..เกือบหมด..เว้นแต่บางคน..ที่
บาดเจ็บสาหัส..ต้องรักษากันยาว..หรือ..พิการมากๆ..(แต่อย่าง..ลัคกี้..
เขาก็บาดเจ็บสาหัส..แถมพิการด้วย..และแถม..มีเหรียญกล้าหาญชั้นสูง
สุด..ติดตัว..เขาเอง..ก็อาจจะขออยู่ต่อใช้เงินบำเหน็จ..และค่าสงเคราะห์
เป็นกรณีพิเศษ..อยู่ต่อก็ได้..แต่อยู่แบบไม่ใช่คนอังกฤษ..อย่างพวกแขก..
คือ..อยู่ไปวันๆ..ลงหลักปักฐานไม่ได้..จิตวิญญาน..นักสู้เขา..ก็ไม่เอา...
กลับบ้าน....ไปสร้างครอบครัว..สร้างชีวิตในบ้านเกิด..ตามความ
ฝันของตัวเอง...ดีกว่า).......
..................ต่อตอนหน้าครับ..........
...กับ..สัจจธรรมที่ว่า..”การเปลี่ยนแปลง..เป็นนิรันดร์..”..นั้นแน่นอนมาก..เพราะ
หลังจาก..ลงครามโลกครั้งที่ ๒..อังกฤษ..ก็ไม่ได้ไป..ร่วมรบ..ในสงครามใหญ่ๆ..
อีก..ก่อนที่จะกลับมา..เริ่มใหม่ที่..ตะวันออกกลาง..บอสเนีย..และ..อาฟกานิสถาน
...ส่วนสงคราม..ส่วนตัวที่ใหญ่หน่อย..ก็ที่..เกาะฟอล์คแลนด์..ก็..สั้นมาก..การสูญ
เสียน้อย...โลกเปลี่ยนไป..เจริญขึ้น..สงบขึ้น.
......ทหารกุรข่าที่เหลืออยู่..ก็เป็นไปตามปกติ..ไม่ได้รับสมัคร..เป็นวรรคเป็นเวร..
อย่าง..ยุคสงคราม..คนที่มาสมัครเป็นกัน..ส่วนใหญ่..ก็อยากเป็นทหาร..จริงๆ..
มากกว่า..พวกที่มาเพื่อ..หาเงินไป..จุนเจือ..ครอบครัว..คนสมัครมาก..แต่รับ..น้อย
..ก็ต้องมีการคัดสรร..อย่าง..เข้ม..คนที่ได้มาเป็นทหารในกองทัพ..อังกฤษ..ก็ภูมิใจ
ทั้งนั้น...ฐานใหญ่..ของกรมทหารกุรข่า..ในกองทัพอังกฤษ..ก็ไปตั้งอยู่นอกประเทศ
..แต่อยู่ในเขตปกครอง..ของ..อังกฤษ..คือ..เกาะฮ่องกง...
..ในช่วงตั้งแต่..ยุค 1970-1980..มา..แคว้นกุรข่า..ในเนปาลก็เริ่ม..เจริญขึ้นบ้าง
..กุรข่า..ก็..มีความรู้ขึ้น..รู้จักโลกภายนอกมากขึ้น..ก็เรียกว่า..พอจะมีคน..ที่รู้ภาษา
อังกฤษแบบ..งูๆ..ปลาๆ..มากขึ้น..วิถี..ก็เริ่มเปลี่ยน..เริ่มมีกุรข่า..ที่ขึ้เกียจทำนา..
ทำไร่..ย้ายออกไป..ทำงานกันในเมือง..กันบ้าง..เวลากลับ..มาเยี่ยมญาติ..ก็ดู
ทันสมัย..มีฐานะ..ต่างจาก..คนพิ้นถิ่น..คนหนุ่มๆ.หลายคนก็..อยากเป็นอย่างนั้น
บ้าง..พอได้ไปเป็น..ทหาร..ก้ได้พบความสะดวกสบาย..เวลาหยุดพัก..ก็มีความ
บันเทิง..อย่างที่ไม่เคยพบที่บ้าน..ทำให้ส่วนใหญ่..จะไม่ลาออกก่อน..อยู่กันจน
ครบเทอม(..ทั่วไป ๓ ปี..แต่..มียืดต่อ..ตามความสามารถถึง..๔ ปี..เช่นได้เป็น..
ผู้ผมู่..จ่า..ภาษาดี..และอาจมากกว่านั้น..แล้วแต่การพิจารณา..)...เมื่อครบเทอม
หลายคน..เริ่มไม่อยากกลับไปใช้ชีวิต..แบบเดิม..กลับบ้านไป..ก็ไปทำงานอื่นบ้าง
แต่เป็นส่วนน้อย..แต่พวกที่มีความดีความชอบ..อยู่นาน..ตั้งแต่ ๔ ปี..ขึ้นไป..ก็
เริ่มชิน..ไม่อยากกลับบ้าน..แต่โชคร้ายที่ฐานใหญ่..อยู่ที่ฮ่องกง..แต่ก็มีบางคน
..ขวนขวาย..ไปหางานทำในอังกฤษ..โดยถ้าเป็นที่โปรดปราน..ของนายทหาร
ผู้บังคับบัญชาชาวอังกฤษ..ก็ช่วยหาช่องทางให้..แต่ก็ไปอยู่ในอังกฤษ..แบบคน
นอก..โดยต้องมี WORK PERMIT..ถึงจะอยู่ได้..(ส่วนใหญ่..ก็ต้องมีการติดต่อ
กันไว้ก่อน)..แต่ไม่มีสิทธิ..ตั้งรกราก....ซึ่งเป็นที่มาเริ่มเคลื่อนไหว..ในหมู่ทหาร
ผ่านศึก(ปลดประจำการแล้ว)..เริ่มมีการเรียกร้อง..กันภายใน..บ้าง.......รวมถึง
พวกที่ใกล้ปลดประจำการ..แต่อยากอยู่ในอังกฤษ...แต่ก็มีไม่มาก..จนไม่เกิดผล
อะไร..แต่สำหรับ..พวก..ผบ.กรมกุรข่าชาวอังกฤษ..จะทราบดี..และ..สนับสนุน..
เพราะ..เขารักในน้ำใจ..ของพวกนี้...การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่..ก็เริ่มขึ้นเมื่อ..
อีก..ประมาณ ก่อนหน้าที่..อังกฤษ..จะต้องคืน..ฮ่องกงให้..กับ..จีน..ไม่กี่ปี..ซึ่ง
จะต้องเตรียมตัว..ย้ายฐานใหญ่..ของทหารกุรข่า..ออกนอก..ฮ่องกง..กลับไปที่ไหน
รึครับ..คราวนี้..อังกฤษ..ไม่มีทางเลือก..เพราะไม่มี..อาณานิคม..เหลือแล้ว..ก็จึง
จำเป็น..ต้องเอากลับ..ไปตั้ง..ที่ประเทศตัวเอง..ก็คือ...อังกฤษ..นั่นเอง...
...........โดย..เมืองที่จะย้ายฐานไปอยู่..คือ..เมือง KENT..ซึ่ง..ต้องมีการสร้าง..
สถานที่..เตรียมการกันก่อนหน้า..หลายปี..เพราะ..ทหารเป็น..จำนวนพัน..นาย
......เรียกว่า..คราวนี้..ช่องทางเริ่มเปิด..เพราะทหารกุรข่าได้..ไปปักหลัก..ในแผ่น
ดินอังกฤษ..แล้ว...คราวพวกที่ใกล้ปลด..มีจำนวนมากขึ้นที่อยากใช้
ชีวิต..อยู่ในอังกฤษ..แบบ..ตั้งรกรากได้..สร้างครอบครัวได้..และเป็น
คนอังกฤษ..การเคลื่อนไหว..จึงมีมากขึ้น..ส่งผ่านไปทาง..ผบ.กรม
(คนอังกฤษ)..สูงขึ้นไป..ในระดับกองทัพ..ก็ได้รับทราบคำร้องของ..
ทหารกุรข่า......
..........ต่อตอนหน้าครับ......
แวะเวียนมาให้กำลังใจ และขอชื่นชมความตั้งใจอย่างแท้จริงในความต้องการนำเสนอเรื่องราวของกรุข่าครับ ผมล้ะอยากปักหมุดให้อยู่หน้าแรกจริงๆ เพราะเชื่อว่ากระทู้จะครึกครื้นกว่านี้แน่นอน
..ขอบคุณ..คุณcardrock..มากครับที่เป็นกำลังใจให้..คือเรื่องในช่วงหลังนี่
ถ้าไม่ปูพื้น..ก็จะไม่เข้าใจกัน..และผมเห็นว่า..คำว่า"FIGHTER"..ไม่จำเป็นต้อง
มี..ปืน..หรือ..การตายมาเกี่ยว..กุรข่า..ยังไงเขาก็เป็น FIGHTERอยู่วันยังค่ำ..
..แต่ครั้งนี้..เขาFIGHTเพื่อสิทธิ..อันพึงจะได้..อย่าเข้าใจว่า..ผมหลงประเด็น..
................เข้าเรื่องกันต่อเลยครับ...........................
...จากนั้นมา..เหล่าทหารผ่านศึก..และ..องค์กรเพื่อสิทธิภาคเอกชนบางแห่ง..
..ก็พยายาม..ผลักดัน..เรื่องเข้าสู่รัฐบาล..รวมทั้งจากทางกองทัพด้วย..แต่ก็
เป็นไปอย่างต้วมเตี้ยม..จน..ทหารกุรข่าทั้งหมด..ย้ายฐานที่ตั้ง..เข้ามาสู่..
เมือง KENT ในอังกฤษ..แล้ว..ในปี คศ.1997...เรื่องก็ยังไม่ค่อยไปไหน....
....จนเมื่อปี..2004..รัฐบาลอังกฤษ..ภายใต้พรรคกรรมกร (LABOUR PARTY)
..โดย นายก โทนี่ แบลร์..ก็ได้..ประกาศให้..ทหารกุรข่าที่ปลดประจำการ..
..หลังปี 1997..(ต้องอยู่ครบเทอม ๔ ปี)..สามารถมี..สิทธิ..ตั้งรกรากใน..อังกฤษได้
...แต่ถ้าปลดประจำการ..ก่อนปีดังกล่าวต้อง..มีการพิจารณาเป็นพิเศษ..และ
เป็นแบบ..มีเงื่อนไข.......
...........ซึ่งจริงๆ..ผู้รณรงค์..ส่วนใหญที่เริ่มกันมา..แต่ต้น..ก็คือ..ทหารผ่านศึก
ที่..ปลดประจำการ..ก่อนหน้านั้น..แต่กลับ..ไม่ได้รับสิทธิ..หลายคนก็มาอยู่ใน
อังกฤษ..แบบ..อยู่ไปวันๆ(แต่ยังดีกว่าอยู่ที่บ้าน)..ใช้วิธี..เช่าบ้าน..รวมกันอยู่
หลายคน..ต้องต่อใบอนุญาตทำงานกัน..ปีต่อปี..มีทั้ง..เป็นคนขับรถ..ทำงาน
ก่อสร้าง...และอีกอย่างที่..ถนัดคือ..พนักงานรักษาความปลอดภัย..เคยมีการ
สำรวจว่า..บริษัทจะชอบ..เพราะรู้กิติศัพท์กันดีอยู่แล้วว่า..ทหารกุรข่า..นั้น
เด็ดเดี่ยว..ซื่อสัตย์..และไม่กลัวตาย..........
....พวกนี้..ทำงานไป..ช่วยกัน..รณรงค์ไป...เมื่อเป็นแบบนี้..ก็ถือว่า..ไม่ยุติธรรม
เพราะที่เรียกร้อง..นี่คือ..ทั้งหมด..ไม่ว่าจะปลดปีไหน..และอยู่ครบเทอม..ซึ่ง
มีเป็นจำนวนมาก..ที่อยากมาตั้งถิ่นฐานที่นี่...ก็เลยต้องสู้เพื่อสิทธิกันต่อ...
.....นอกจากเรื่อง..การเรียกร้องมาตั้งรกรากที่นี่แล้ว..ยังมีเรื่องเงินบำนาญ
ที่ไม่ยุติธรรม..เพราะ..ทหารกุรข่าได้รับ..น้อยมาก..เมื่อ..เทียบกับ..ข้าราขการ
ของอังกฤษ...เขาก็ขอให้..มีสิทธิได้รับเท่าเทียมกัน.......
..จนเมื่อปี..2007..รัฐบาลอังกฤษ..ก็..ยอมที่จะให้ได้สิทธิ..ในบำนาญที่เท่าเทียม
กัน..แต่เหมือนเดิมคือ..สำหรับ..พวกที่ปลดหลังปี 1997...ไอ้พวกเด็ก..ก็ยิ้มไป..
แต่ไอ้พวกแก่..ก็ไม่ได้อะไร..เหมือนเดิม..จึงต้องสู้กันต่อ....
......ทางพวกกุรข่า..ก็เริ่มมี..พวกสนับสนุนมากขึ้น(คนอังกฤษ)..เมื่อโลกเข้าสู่
ยุคอินเตอร์เนต..การถูกรังแกเอารัดเอาเปรียบ..ของทหารกุรข่า..ก็ถูกเผยแพร่..
สู่คนอังกฤษ..ได้ทั่วถึง..อย่างเรื่องทหารกุรข่า..มีบุญคุณทุ่มเทให้ชาติ..อังกฤษ
ขนาดไหน..ตายเพื่ออังกฤษในสงคราม..ไปประมาณ ๕๐,๐๐๐... รับเหรียญ
กล้าหาญสูงสุด..ตั้ง ๑๓ คน..กลับไม่ได้สิทธิ..เทียบเท่า..พวกแขก..และ..พี่มืด
..เป็นต้น....
......การเรียกร้องมีพลังมากขึ้นจน..เรื่องเข้าพิจารณา..ในศาลสูง(HIGH COURT)
ของอังกฤษ(..ผมว่าอาจคล้ายๆ..ศาลปกครอง..บ้านเรา)...ในปี 2008....
......ขณะเดียวกัน..ในช่วงนี้..ก็มีคนดัง..ระดับเซเล็บ..คนหนึ่ง..เข้ามาเป็นผู้นำในการ
รณรงค์..แกเป็น..นักแสดงหญิงชื่อดังรุ่นเก๋าของอังกฤษชื่อ Joanna Lumley..ซึ่ง
คนอังกฤษ วัย ๓๐-๔๐ ขึ้นไปรู้จักแกดีทุกคน..ที่มารึครับ..ก็แกเป็นลูกสาวของ..
อดีตผู้บังการกรมทหารกุรข่า..ทำให้รับรู้เรื่องนี้มาตลอด..ก็ทำให้เรื่องนี้..มีคนสนใจ
มากขึ้น..และมี..ผู้สนับสนุนทั้งด้านกฎหมาย..ด้านการเงิน..และการแพร่ข่าวไปใน
สื่อ..ทั้งทีวี..อินเตอร์เนต..มากขึ้น..ด้วยความพยายามของแก..แบบถวายหัว....
......................ต่อตอนหน้าครับ...............
รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่ออยู่นะครับ เรื่องสิทธินี้ผมสนใจเป็นพิเศษเลยครับ
ปล. ศาล HIGH COURT ไม่ได้คล้ายกับศาลปกครองบ้านเรานะครับ แต่คล้ายๆกับศาลแพ่งบ้านเรา แต่จะแตกต่างตรงที่มีพิจารณาคด๊อาญาบางคดี เช่นหมิ่นกษัตริย์ หรือข้าราชการขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้นครับ
เป็นกำลังใจให้ท่าน modpong ครับ ตามอ่านมาตั้งแต่ต้น เข้าใจทหารกุรข่าได้ดีขึ้นเยอะเลย เป็นประโยชน์มากครับ ผมสงสัยอยู่ประเด็นหนึ่งครับ ว่าทำไมคนกรุข่าถึงมาเป็นทหารรับจ้างกันเยอะจัง ที่ประเทศเนปาลนี่ งานหายาก หรือ ไม่ค่อยมีโอกาสในชีวิตเหรอครับ ถึงออกมาเป็นทหารกันเยอะมาก ทั้งที่อ่านดูอังกฤษก็ไม่ได้จ้างในราคาแพงเท่าไหร่เลย สิทธิอะไรก็น้อยในสมัยก่อน แถมความเสี่ยงอีกมหาศาล อีกนิดพอจะทราบไหมครับ กรุข่าส่วนมากเป็นพุทธ หรือฮินดู ?
..ขอบคุณ..คุณcardrock..ที่ให้กำลังใจ..และขอบคุณมาก..สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม..ที่เป็นประโยชน์
ให้ความกระจ่างแก่ผม..และผู้อ่านท่านอื่น..ครับผม...
..สำหรับ..คุณpalm555..ขอบคุณครับ..สำหรับกำลังใจ..เรื่องกุรข่านี่..จนจริงๆครับ..แม้ปัจจุบัน..เพราะ
พื้นที่อยู่อาศัยเป็นเขา..ประกอบอาชีพ..ทำไร่..ทำนา..บนที่สูง..แต่ฟ้าฝน..มันไม่ได้ดีเหมือนบ้านเรา..
..รัฐบาลก็ไม่ค่อยเหลียวแล..เกือบทั้งหมด..เป็น..ฮินดู..ครับ.....เข้าเรื่องต่อเลยครับ....
.....จะเห็นได้ว่า..ถ้าลำพัง..มีแต่พวกกุรข่าผ่านศึก..เดินเรื่องกันเอง..โดยมีแรงสนับ
สนุนบ้าง..ประปราย..พวกเขาต้องใช้เวลานานมาก..อย่างเรื่อง..บำเหน็จ บำนาญ
ที่ผม..พูดถึงไป..ตอนที่แล้ว..ทหารผ่านศึกกุรข่า..จำนวน ๗ นาย..ยื่นเรื่องขึ้น..ศาล
ตั้งแต่ปี..๒๐๐๓ ...กว่าจะมีผล..ล่อเข้าไป ๔ ปี.....
.....แต่พอ..Joanna..เข้ามาเป็น..๑ในหัวหน้าผู้เรียกร้องสิทธิ..มันหนังคนละม้วน..
เพราะ..เธอใช้ชีวิตกับ..สื่อ..มาตลอด..ที่สำคัญคือ..เธอกว้างขวาง..รู้จักหมด..ถ้า..
ให้พวกกุรข่า..อย่างเดียว..พยายามเข้าหา..สื่อ..พวกสื่อก็คงไม่สน..เพราะมึงไม่น่า
สนใจ....
......ในปี ๒๐๐๘ นั่นเอง..กลุ่มฯ..ได้ล่ารายชื่อชาวอังกฤษ..ที่สนับสนุน..ให้พวก
ทหารผ่านศึกตั้งรกรากในอังกฤษได้..มีจำนวนถึง ๒๕๐,๐๐๐ รายชื่อ..เข้ายื่นต่อ
นายกอังกฤษ..ทีบ้านเป็นทางการของนายกเองด้วย..ผลักดันให้เข้าสู่การพิจารณา
ในชั้นศาล
..........ผลจากการที่เธอ..นำเสนอ..อย่างต่อเนื่องจากปี ๒๐๐๘ เป็นต้นมา..เรื่อง
ราว..ออกทั้งวิทยุ..หนังสือพิมพ์..โทรทัศน์..อินเตอร์เนต..แกก็นำทีม..ให้สัมภาษณ์
อย่างไม่มีความเหน็จเหนื่อย..แรงกดกันต่อ..รัฐบาลมีมากขึ้น..ในปี ๒๐๐๙ ...
ศาลสูงอังกฤษ..ก็มี..คำสั่ง..ในเรื่องนี้ออกมา..โดย ทหารกุรข่าผ่านศึกที่ปลดประ
จำการก่อนปี ๑๙๙๗ สามารถ..จะตั้งรกรากในอังกฤษได้..แต่มีเงื่อนไข ๕ ข้อคือ..
๑.จะต้องพำนัก..อยู่ในอังกฤษอย่างต่อเนื่อง..ไม่น้อยกว่า ๓ ปี ไม่ว่า..จะเป็นระหว่าง
ปฎิบัติหน้าที่อยู่..หรือ..หลังจากปลดประจำการแล้ว
๒. มีครอบครัวที่ใกล้ชิดอยู่ใน อังกฤษ (ความหมายก็คือ..มีครอบครัวอังกฤษที่นี่..ที่รับรอง)
๓. ต้องได้รับ..เหรียญกล้าหาญ..ตั้งแต่ชั้นที่ ๓ ขึ้นไป(..คือ..ตั้งแต่ ชั้นที่ ๑-ชั้นที่ ๓)
๔. ปฏิบัติงาน..ในหน่วยทหารกุรข่าของอังกฤษ..ไม่น้อยกว่า..๒๐ ปี
๕. ป่วยเรื้อรัง..หรือ..ต้องทำการักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน..จากการบาดเจ็บสาหัส..หรือ..รุนแรง
อันเนื่องมาจากการปฏิบัติการในหน้าที่.....
.........ทั้งนี้..ถ้า..ทหารผ่านศึกผู้นั้น..เข้าข่ายข้อหนึ่ง..ข้อใด..หรือมากกว่านั้น..ใน ๕ ข้อที่กล่าวมาแล้ว
ก็..สามารถจะตั้งรกรากในอังกฤษได้......
......ก็..ดูเหมือนจะดี.....แต่ไม่ใช่...เพราะ
๑. ไม่ได้เป็นไปแบบอัตโนมัติ..อย่างที่เรียกร้องไป..คือ..แบบไม่มีเงื่อนไข...
๒. จากที่กลุ่มฯ..สำรวจข้อมูล..ของเหล่าทหารผ่านศึกที่สมัครใจ..จะมาตั้งรกรากที่นี่..เป็น พันคน..
(ประมาณ ๔๓๐๐ คน)มีเข้าข่าย..ที่จะผ่านเงื่อนไขที่กำหนดมา..แค่ ประมาณ ๑๐๐ คน..เท่านั้น...
....ซึ่งในเรื่องจริงแม้แต่สื่อ..บางแห่งในอังกฤษได้ให้ข้อสังเกตว่า..ความจริง..ทางรัฐบาล..ก็พอ
คาดได้..อยู่แล้วว่า..จะผ่านได้ซักกี่คน..ตามเงื่อนไข..เพราะใจจริง..ไม่อยากให้..แต่ถูกกระแส
กดดัน..แล้วก็คิดว่า..แค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้ว..
.........แต่รัฐบาลอังกฤษ..คาดผิด..เพราะตอนนี้..กลุ่มรณรงค์ใหญ่มาก..และมีพลัง..ยิ่งJoanna
ยิ่งโกรธมาก..ออกมาประนามรัฐบาลผ่านสื่อต่างๆ..ประกอบกับ..มีการชุมนุมเรียกร้อง..ในที่..
สาธารณะ..ต่างๆโดยมี..ทหารผ่านศึกที่ได้..VICTORIA CROSS อย่าง..ลัคกี้..และ คนอื่น..
เข้าร่วมด้วย...Joannaให้สัมภาษณ์..ผ่านสื่อทั้งทีวี..วิทยุ..หนังสือพิมพ์..อย่างรุนแรง
ว่า”..นี่..มันเป็นการทรยศ..หลอกลวง “...แถมด่าต่อ..ไปเรื่อยๆ..ผลคือ..รัฐบาลอังกฤษ
ถึงกับ..เต้น..ต้องมีการประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้อง..หารือ..กันอย่างหนัก..โดยด่วน..
ขณะที่..ทางสื่อทีวี อย่าง BBC หรือ ITV ก็เอาประเด็นนี้..มาถกกัน..โดยมีนักวิชาการ
และ..กลุ่มฯ..เข้าร่วมด้วย..หลายครั้ง..ถี่ๆต่อเนื่อง..สร้างกระแสไม่ให้มีพักกัน..และผล
ของการถก..ก็..ออกมาในรูปเดียวกันว่า..เป็นการไม่ยุติธรรมต่อ..กุรข่า..ที่ทุกคนทุ่มเท
เสียสละให้..คนอังกฤษ....ผลกดดันมหาศาลที่ตามมา..ประมาณ ๑ เดือน หลังจากที่
ศาลสูงพิจารณา..ครั้งแรก..และมีผลออกมา...ทางรัฐบาล..ก็ต้องยอมจำนน..ต่อกระแส
...โดยประกาศให้..ทหารกุรข่าผ่านศึกทุกคน..ที่ปลดประจำการก่อนปี ๑๙๙๗ สามารถ
มาตั้งรกราก..อยู่ในอังกฤษได้....โดยไม่มีเงื่อนไข..
..........จากการต่อสู้อันยาวนาน..มากกว่า..๑๐ ปี..ชัยชนะ..ก็..มาสู่เหล่าผู้กล้าของ..กุรข่า
ผ่านศึกทุกคน..ที่กรำศึกรบ..เสี่ยงชีวิตมา...ก็ได้รับ..ผลตอบแทนที่คุ้มค่า..จากการสู้รบที่
ไม่มีปืนมาเกี่ยว...........
.......Joanna..ได้รับเชิญจาก..ประธานาธิบดี..เนปาล..มอบเกียรติ..และคำยกย่องให้ที่..
ประเทศเนปาล..อย่างเป็นทางการ......
....ครับ..นี่คือ..ภาพเคร่าๆ..ที่ผมมาเล่าให้ฟัง..แต่ตอนหน้า..จะเป็นภาพที่เกี่ยวกับ..ลัคกี้
โดยตรง..เพราะ..แกถือ..เป็นสัญญลักษณ์..ของการรณรงค์..แถม..หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป
..แต่การต่อสู้ของ..คนวัยเก้าสิบกว่า..ของผู้นี้ยังไม่จบ..ยังมีเรื่องส่วนตัว..ของแก..ที่จะปะทะ
กับ..รัฐบาลอังกฤษต่อ....
...................ต่อตอนหน้าครับ........
อยากรบกวนถามท่าน modpong ว่า ถ้าหากเป็นลูกหลานของชาวกุรข่าหรือทหารกุรข่า ที่มาตั้งรกรากในอังกฤษ
(กุรข่าที่เกิดและโตในอังกฤษเลย ไม่ได้มาจากเนปาล)
พวกนี้เมื่อสมัครเป็นทหาร จะได้อยู่หน่วยกุรข่า ฝึกแบบกุรข่า หรืออยู่ในหน่วยทหารทั่วไปของอังกฤษครับ
นี่คือรูปทหารกุรข่า ในปัจจุบัน : ภารกิจลาดตระเวนในอัฟกานิสถานครับ
...ผมกลับ..เข้ามาที่..บทความเดิมผม..ในชีวิตของ..ลัคกี้..หลังสงคราม..และการต่อสู้..ของท่าน
ในช่วงก่อนวาระสุดท้าย..ของชีวิต..ต่อกันเลยครับ...
........กุรข่า..นักรบเลือดดุ...........................................................................................
..........................................ก่อนหลังจากที่ผมพยายาม update..ข่าวคราวล่าสุด...ก็พบว่า..
.....Halvidar(สิบเอก,ได้รับยศเพิ่มก่อนลาออก) Lacchiman Gurung..หรือ “ลัคกี้”..ของผม
ได้เสียชีวิต..ลงแล้ว..ที่อังกฤษ..ด้วยวัย ๙๒ ปี(ขอโทษ..ข้อมูลเดิมบอก..ปีนี้เขาอายุ ๙๓ ปี)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์..นี่เอง...................
...........ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องราวต่อ..กระผมในฐานะผู้ชื่นชมใน..จิตวิญญาณ..ความกล้าหาญ
..ความมุ่งมั่น..ความเก่งกาจ..ความรักชาติ..และความยึดถือมั่น..ในวิถีของชาติตน..
.....ขออำนาจสิ่งศักสิทธ์..ที่ท่านนับถือ..โปรดเมตตาต่อ..วิญญาณ..วีรชนผู้กล้าคนนี้..นำส่งท่าน
ไปสู่สัมปรายภพ..ด้วย..ความสุข..สงบ..ตลอดไปด้วย............
...........หลังจาก..ลัคกี้ลาออกจากกองทัพ..เมื่อปี..คศ. ๑๙๔๗(หลังสงคราม)..เขาเดินทาง
กลับเนปาล..โดยได้บำนาญเพียง ๒๔ ปอนด์(ประมาณ ๑,๒๐๐ บาท)..ต่อเดือน..เนื่องจากรับ
ราชการไม่ถึง ๑๕ ปี..ซึ่งจะได้รับเต็ม ๑๓๐ ปอนด์(ประมาณ ๖,๕๐๐ บาท)..ต่อเดือน...
....เขากลับไปไม่นาน..ก็..แต่งงาน..และมี..ลูกชาย ๒ ลูกสาว ๑..หลังจากเมียตาย..ก็แต่งงาน
ใหม่..ได้ลูกชาย อีก ๒ (ยอดคน..จริงๆ..นี่ขนาดร่างกายแบบนี้..ถ้าร่างกายสมบูรณ์สงสัย..ลูก
เป็นสิบ)....เขาหาเลี้ยงชีพ..ด้วยการทำไร่....เมื่อปี คศ. ๑๙๙๕ เขาได้รับเงินช่วยเหลือจาก
สมาคมผู้ได้รับเหรียญVictoria Cross..๒,๐๐๐ ปอนด์(ประมาณ ๑ แสน บาท)..ทำให้เขา
สามารถปลูกบ้านหลังใหม่ที่..เนปาลได้.........และในเดือนสิงหาคม..ปีเดียวกัน..ได้รับเชิญจาก
นายกรัฐมนตรีอังกฤษไปที่บ้านของท่าน..เพื่อรับเงินช่วยเหลือให้กับ..กองทุนสงเคราะห์ทหาร
กุรข่า..จำนวน ๑๐๐,๕๐๐ ปอนด์(ประมาณ ๕,๐๐๒,๕๐๐ บาท)โดยเป็นตัวแทนรับมอบ..ในฐานะ
เป็นทหารกุรข่าที่คนอังกฤษรู้จักและนับถือในความกล้าหาญมากกว่าทหารกุรข่าคนไหนๆ..จน
ถึงปัจจุบัน..ต้นปี ๒๐๐๘..ไปเป็นสัญญลักษณ์ของวีรบุรษกุรข่าที่รบให้ชาติอังกฤษเพื่อรณรงค์
ให้ทหารผ่านศึกก่อนปี ๑๙๙๗ สามารถตั้งถิ่นฐานในอังกฤษได้..ร่วมกับทหารผ่านศึกกุรข่าทั้ง
หลาย..และคนอังกฤษที่ศรัทธาใน..กุรข่า..และได้รับชัยชนะ..ในปี๒๐๐๙...ต่อมาสมาคมผู้
ได้รับเหรียญVictoria Crossได้จัดงานฉลองครบรอบ..การก่อตั้งเหรียญนี้..และได้เชิญญาติ..
ผู้ที่ได้รับมอบมาด้วย..ซึ่งหลานสาวคนโปรดของแกก็เดินทางมาด้วย..ขณะนั้น..ลัคกี้ก็สุขภาพ
แย่ลง..และย้ายมาอยู่อังกฤษแล้ว..พอพักเดียว วีซ่าหลานสาวแกหมด..เบื้องต้นก็ทำเรื่องขอ
ผ่อนผันธรรมดา..เพราะต้องอยู่ดูแลปู่ที่ป่วย..แต่ทางการไม่ยอม..
(ความจริงแกไม่อยากอยู่อังกฤษ..แต่แกเริ่มป่วยมาก..และการแพทย์ที่เนปาล..อยู่ในขั้นแย่
..ทางลูกหลานแก..เลยขอร้องแก..ให้ไปอยู่อังกฤษ..เพราะการแพทย์ดีกว่าเยอะ..แกถึงยอม)
.........เท่านั้นเอง..เลือดดุของวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่..แห่งกุรข่าก็..ระเบิด...แกทำเรื่องขึ้นถึงรัฐบาล
โดยรัฐบาล..ต้องตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเรื่องนี้..เพราะ..แกไม่ใช่..กุรข่า..ธรรมดา..
..แกเป็นโคตรวีรบุรุษ..ชาวอังกฤษรุ่นใหญ่..เคารพแก..เป็นวีรบุรุษของอังกฤษ..ด้วย...
..ในแถลงการณ์ที่แก..พูดเองกับกรรมาธิการ..สะท้อนได้หลายอย่างดังนี้..............
.”ข้าพเจ้าได้จ่ายคุณค่าชีวิต(เสียตา..เสียแขน..พิการขา)ด้วยราคาแสนแพงให้กับ..ประเทศอัง
กฤษ..แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร..เพราะข้าพเจ้ารักประเทศนี้..เท่ากับข้าพเจ้ารักครอบ
ครัวข้าพเจ้า..และประเทศของข้าพเจ้า......ข้าพเจ้ายอมใช้แขนอีกข้างและสละได้อีกถ้าเรียก
ข้าพเจ้าไปรบเพื่อปกป้องชนชาติอังกฤษ...แต่อย่างไรก็ตาม..ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อองค์สมเด็จ
พระราชีนี(อลิซเบ็ทที่๒)..ได้โปรดอนุณาตให้หลานสาวข้าพเจ้าได้อยู่ข้างกายข้าพเจ้าในช่วง
วาระสุดท้ายของข้าพเจ้านี้..ขอท่านนายยกรัฐมนตรีอย่าทำให้ครอบครัวข้าพเจ้า..แตกแยกเลย
....ข้าพเจ้าไม่เคยขออะไร..กับ..ประเทศอังกฤษมาก่อน(ตอนรณรงค์ขอความเป็นธรรม..แกไม่
ได้ขอ..แต่เขาเอาแกไปเป็นสัญญลักษณ์เฉยๆ)..แต่ข้าพเจ้าขอให้หลานสาวอันเป็นที่รักอยู่กับ
ข้าพเจ้า..ให้เขาอยู่ข้างเตียงข้าพเจ้าเมื่อถึงวาระสุดท้ายของ..ข้าพเจ้า...”............
....เบื้องต้น..ได้ถูกทางการอังกฤษปฏิเสธ..อ้างว่า..ถ้ายอมซะคน..เดี๋ยวจะมีคนเลียนแบบ...
ปรากฏว่า..กอร์ดอน บราวน์(นายกฯ)..โดนด่าเละ..จาก..สื่อ..และทางอินเตอร์เนท..”ลัคกี้”..ไม่
ยอมแพ้..ส่งเรื่องกลับไปอีกด้วยกระแสกดดัน..จากคนอังกฤษด้วย..ทำให้ทางการต้องยอมผ่อน
ผันให้..เป็นกรณีพิเศษ..ให้หลานสาวแกอยู่ต่อได้จนถึงวันที่..”ลัคกี้”..สิ้นลม.............
.....นี่คือ..ชัยชนะที่ใหญ่ยิ่ง..ครั้งสุดท้าย..ของชีวิตวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของทหารกุรข่า
ทั้งมวล...ที่สูงเพียง ๔ ฟุต ๑๑ นิ้ว....Halvidar Lacchiman Gurung..................
.......มีคำพูดอมตะของ..ลัคกี้..ที่คนฟังแล้ว..ต้องอึ้ง..และเข้าใจในตัวตน..ของท่าน..
หลังการรับ..เหรียญVICTORIA CROSS ...มีนักข่าวมาสัมภาษณ์...
.........".....ผมไม่ได้เก่งกาจอะไร...ถ้าทหารกุรข่าคนอื่น..อยู่ในสถานะการณ์แบบผม..
...เขาก็ต้องทำได้..แบบผม.."
................................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................
...ขอคาราวะแด่..ยอดคนกุรข่า..Halvidar Lacciman Gurung....
....ขอบคุณครับ..คุณ atith27009ที่สนใจ....
..คือ...สมัครนะอาจจะได้...แต่ทดสอบไม่ผ่านแน่..เพราะ..ร่างกายฝึกตั้งแต่เด็ก..ก็ยังสู้พวกกุรข่า
ที่โน่นไม่ได้ครับ..เพราะ..คนที่เกิดเติบโต..ในพื้นราบ...ไม่สามารถพัฒนา..อวัยวะส่วนสำคัญ..คือ
..ปอด..ให้ได้..เท่ากับ..คนที่เกิดและเติบโต..ในที่สูง(มาก)..วิถีชีวิตที่..เดิน-วิ่งขึ้นลงบนที่..ลาดชัน
ตลอดเวลา..แถมแบกของหนักๆด้วย..ทำกันตั้งแต่เด็ก...เขาเคยมีการสำรวจกันนะครับ..สำหรับ
คนพื้นถิ่น..แต่ละชาติพันธุ์ที่มีปอดที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก..กุรข่า..นี่ติดอยู่ใน TOP 3 ของ
โลก..ครับ...ที่สูงOXYGENเบาบาง..โดยเฉพาะที่กุรข่าอยู่..สูงมากเชิงเขาหิมาลัย..สูงกว่าที่ชาวเขา
บ้านเราอยู่ไม่รู้กี่เท่า..ดังนั้นที่นั่น..OXYGENยิ่งเบาบางมาก...เด็กเกิดมา..ปอด..ก็เริ่มปรับตัวแล้ว
..เวลาทำงานหนัก..ปอดต้องการOXYGENที่มากเข้าไปอีก..ปอดก็ต้องปรับตัวให้รับได้..พวกเขา
ทำงานหนัก..และ..เหนื่อยตลอดทั้งวัน..ตั้งแต่เล็กจนโต...ปอดจึงใหญ่มาก..และประสิทธิภาพดีเยี่ยม
..ผลก็คือ..เมื่อมาอยู่ในที่ราบ..พวกนี้จึงเหนื่อยยากมาก..และ..ร่างกายแข็งแรงมาก..อึดและ..อดทนสูง
......การทดสอบเพื่อคัดเลือกนี่โหดมาก..รูปแบบทำเพื่อรองรับ..กุรข่าที่แข็งแรงเท่านั้น..และทดสอบ
กัน..ในถิ่นที่กุรข่าอยู่...ขนาดทหารอังกฤษที่แข็งแรง..เห็นการทดสอบแล้ว..ยังยอมรับ..ว่า..ไม่มีทาง
ผ่านการทดสอบได้...
.........ส่วนเรื่องหน่วยที่รองรับ..นั้น..กุรข่ามีกรมทหาราบรักษาพระองค์ของเขาเอง..อยู่แล้ว..หลายกรม
(ผมจะมา..แจกแจงภายหลัง..ในช่วงท้ายของ..บทความครับ)..ยังมีหน่วยย่อย..อย่างกองพันทหารช่าง
(นี่มีชื่อเสียงมาก..เก่งที่สุดของกองทัพอังกฤษ..โด่งดังมากในอาฟกานิสถาน)กุรข่า..หน่วยดุริยางค์
..ซึ่งจะไม่ไปปะปน..กับ..หน่วยทหารของอังกฤษครับ.....
......พอดี..ต่อจากเมื่อวาน..เรื่องหน่วยของกุรข่า..ในปัจจุบัน....
...หลัง..สงครามโลกครั้งที่ ๒..หน่วยทหาร..กุรข่ารักษาพระองค์..ก็ถูกยุบไป
..บางกรม..แต่....บางกรมทหารรักษาพระองค์แต่เก่าก่อน.........
...หลายกรมเพิ่ง..มายุบลง..เอาเมื่อปี..๑๙๙๔..เป็นส่วนใหญ่..และมีการปรับ
ใหม่..เพื่อรับกับการ..ที่หน่วยกุรข่าทั้งหมด..ย้ายออกจาก เกาะฮ่องกง..มาสู่
อังกฤษ..แต่ก็มีหลายหน่วย..ที่ตั้งขึ้นมาใหม่..แทน..ตามความเหมาะสม...
อย่างกรมทหารราบเบากุรข่า(เหลือ..กรมเดียว..มี ๒ กองพัน)......อย่างบาง
กรมที่ตั้งมาใหม่..หลังสงครามโลกหลายปี..แต่มีผลงานโดดเด่นขึ้นมา...เช่น..
..กรมทหารช่างกุรข่ารักษาพระองค์ ในสมเด็จพระราชินี อลิซาเบ็ทที่ ๒...
และ..กรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ฯ...เป็นต้น..ที่มีชื่อเสียงมากกว่าใครคือ..
ทหารช่างกุรข่า..ที่สร้างผลงานมา..ตลอด..ตั้งแต่ อิรัก..บอสเนีย..โคโซโว..
อาฟกานิสถาน...มีผลลงานยอดเยี่ยม..ทั้งด้านตรวจหาวัตถุ..ระเบิด...งาน
ก่อสร้างเร่งด่วน..ข้อดี..ของหน่วยนี้..คือ..ป้องกันตัวเองได้ดี..รบเก่ง..ฟังดู
อาจจะงง..เพราะบ้านเรา..ทหารช่างไม่ใช่หน่วยรบหลัก..แต่..ทหารช่างกุรข่ามี
ความพิเศษ..คือ..รบได้ด้วย..แถมมีผลงานดีเด่น..ในการกวาดล้างด้วย....
...นักข่าวอังกฤษ..ที่ไปเกาะติดสนามรบที่อาฟกานิสถาน..บอกว่า...พวกตาลี
บัน..ก็..ทำการบ้านมาเหมือนกัน..นอกจากจะส่งสายมาซุ่มดูการป้องกัน..หรือ
ปฏิบัติการ..ของอังกฤษ..พวกนี้จะทราบกิติศัพท์ของทหารกุรข่าดี...ทำให้การ
ซุ่ม..หรือ..เข้าโจมตีฐาน..กับ..หน่วยลาดตระเวน..ของทหารกุรข่า..จะเกิดน้อย
มาก..เมื่อเทียบกับ..หน่วยทั่วไปของ..ทหารอังกฤษ..ทำให้..มีทหารกุรข่าเสียชีวิต
จาก..การปะทะจริงๆน้อยมาก..ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุ..อย่างตำรวจอัฟกัน..
เข้าใจผิด..ยิงทหารกุรข่าตาย ไป ๒ คน..โดยที่..ทางทหารกุรข่าไม่รู้ตัว..เพราะนึกไม่ถึง
ว่า..มันชุ่ย..และ..โง่..ขนาดนี้...นั่นเป็นเหตุผลที่..ตอนเจ้าฟ้าชายแฮรี่..ไปอาฟกาฯใหม่ๆ
จะต้อง..มาอยู่กับทหารกุรข่า....เช่นเดียวกันกับหน่วยทหารขนส่งกุรข่า..ก็เบ็ดเสร็จ..คือรบ
ได้ด้วยเช่นกัน..จะมีหน่วยที่คุ้มครองการขนส่งของตนเอง....
....นอกจากนี้ยังมี..กองพันทหารสื่อสารกุรข่า...หน่วยดุรยางค์กุรข่า...หน่วยฝึกทหารกุรข่า
หน่วยสอนภาษา(อังกฤษ)ทหารกุรข่า..เป็นต้น
.....แต่ละหน่วย..ฐานหลักตั้งอยู่ในอังกฤษทั้งสิ้น..แต่อยู่ต่างเมืองกันไป..........
.......พวกทหารใหม่ที่รับคัดเลือกมาจาก..เนปาล..ก็จะมาเข้าศูนย์ฝึกทหารกุรข่า..ในอังกฤษ
ก่อนจะ..แยกเหล่ากันไป...ทั้งนี้เดิม..ทีเดียว..(แต่ผมว่า..ปัจจุบัน..ก็คงเหมือนเดิม)..ทหารกุรข่า
ที่ทางการ..สิงค์โปร์..และ..บรูไน..จ้างไปนี้..ก็จะฝาก(จ้าง)..ให้ทางอังกฤษ..ช่วยดำเนินการตั้ง
แต่..ต้น..ทั้งคัดเลือก..และ..ฝึกด้วย...
...แต่หน่วยทหารกุรข่า..ในอินเดีย..ซึ่งมีอัตรากำลัง..มากเท่าๆกับในอังกฤษ..หรือ..จะมากกว่า
ด้วยซ้ำ..เนื่องจากมี..รากฐานเดิม..อยู่แล้ว..ก็จะทำการคัดเลือก..และ..ฝึกเอง.....
ขอบคุณท่าน modpong ที่ให้ความกระจ่างครับ
แล้วก็ขอคารวะ ท่านลัคกี้ด้วยอีกคนครับผม
...ขอบคุณ..คุณatith..เช่นกันครับ..ที่ติดตามมาโดยตลอด..ตอนนี้ก็..กลับเข้าสู่..บทความ
เดิม..ของผม..ต่อไปครับ..
........กุรข่า...นักรบเลือดดุ..............................................................................
..........................................ที่ผ่านมา..คือชีวประวัติผลงาน..ของวีรบุรุษร่างเล็ก(สูงประมาณ
๑๕๐ ซม. เตี้ยกว่าผู้หญิงไทย..สมัยนี้อีก)..ที่ผลงานยิ่งใหญ่..ความจริง..มีวีรบุรุษกุรข่าอีก..
หลายท่าน..แต่ก็ไม่มีใครยิ่งใหญ่เท่า..”ลัคกี้”อีก..ทั้งเรื่องระหว่างรบ..และชีวิตหลังจากนั้น..
ผมจึงยุติ..เรื่องของวีรบุรุษกุรข่า..แค่นี้...เอาเรื่องทั่วๆไปแทน..................................
.........หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒..คนอังกฤษ..จึงรู้จักกุรข่า..มากขึ้น..และนับถือ..และให้เกียรติ
มากกว่าชาวต่างชาติที่ไม่ใช่..ฝรั่งด้วยกัน..เพราะหนังสือพิมพ์..ที่รายงานข่าวสงคราม..เวลา
เล่าวีรกรรม..ของทหาร..ระหว่างสงคราม..ก็จะเจอ..วีรบุรุษที่เป็น..กุรข่า..อยู่เรื่อย....ถ้าเขาไป
เจอทหารผ่านศึกกุรข่า..ก็จะให้เกียรติ..หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒..ไม่ว่าอังกฤษ..จะไปเจอ...
สถานการณ์ตึงเครียดที่ไหน..ก็จะใช้ทหารกุรข่าออกโรงเป็นแถวหน้าเสมอ..ยิ่งหลังจากอังกฤษ
คืนเอกราช..ให้อินเดีย..และประเทศที่เป็นอาณานิคมทั้งหลาย..ก็เลยเหลือแต่..ทหารกุรข่าที่ยัง
จ้างไว้เท่านั้น..บทบาท..ทหารกุรข่าจึงมากขึ้นเป็นเท่าตัว.....ในวงการทหาร..เมื่อนักเรียนทหาร
ศึกษาประวัติสงคราม..ทำให้ทหารเหล่านี้..ได้รู้จักความเก่ง..และกล้าหาญ..ของทหารกุรข่า..
..ผลดังกล่าวจึงทำให้มีผลบ้างต่อการรบครั้งใหญ่ของ..อังกฤษ..นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒
ด้วย...นั่นคือ “สงครามชิงเกาะฟอล์คแลนด์”..ซึ่งอังกฤษ..เป็นคู่สงครามกับ..อาร์เจนติน่า...
..ในครั้งนั้น..แม้อาร์เจนติน่า..จะมีประชากรมากกว่า..อังกฤษมากมาย..แต่จำนวนทหาร..มีมาก
กว่าไม่เท่าไหร่..แถมประสพการณ์การรบ..ก็แทบไม่มี..ยิ่งกองเรือ..ก็เทียบกันไม่ได้...หลังจาก
ที่..สงครามทางเรือ..อังกฤษ..อัดซะพังพาบ(แต่ตัวเอง..ก็เสียเรือรบ..ไปหลายลำเช่นกัน)...
...อังกฤษ..ก็นำกำลังทหาร....ขึ้นเกาะฟอล์คแลนด์..และหน่วยทหารที่ร่วมขบวนไปด้วย
พลาดไม่ได้..ก็คือ...หน่วยทหารกุรข่านั่นเอง....ทหารอาร์เจนติน่า..จำนวนไม่น้อยที่รบอยู่ไปได้
ข่าวลือ..มาว่า..ทหารกุรข่า..ไม่จับเชลย..แต่จะเอา..คูครี..ตัดหัว..แล้วแล่เนื้อไปต้มกิน..ทำเอา
การต่อต้านของทหารอาร์เจนติน่า..เมื่อเจอกับ..กองพันทหารราบเบาที่๗ในองค์สมเด็จเจ้าฟ้า
ชายฟิลลิป(ดยุ๊คเอดินเบรอะ)..ก็เลยไม่แข็งเท่าที่ควร..เพราะส่วนใหญ่ขวัญเสีย....
.....................................................ต่อตอนหน้าครับ................................................
ทหารกุรข่า..ถ่ายกับ..ปตอ. ของอาร์เจนติน่า..ที่ยึดได้
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวันแทบจะลงแดงเลยครับ แต่ก็ดีไปอย่างจะได้อ่านยาวๆหน่อย ขอบคุณมากครับคุณอา modpong
...ขอบคุณครับ..คุณrung2442..ที่ยังติดตามกันอยู่...ต่อเลยครับกับ..บทอวสาน..ของเรื่องนี้..
.......กุรข่า...นักรบเลือดดุ......................................................................................
...............สำหรับ..อีก๓ ชาติที่จ้าง..ทหารกุรข่าไว้..ก็คือ..อินเดีย....สิงคโปร์..และ..บรูไน
..เพราะตั้งแต่..ตอนเป็น..เมืองขึ้นอังกฤษ..ทั้งสองชาตินี้..จะมีทหารกุรข่า..ประจำการอยู่....
...ส่วนใหญ่ทหารกุรข่า..ในอินเดีย..จะอยู่แถวชายแดน..ทั้งที่ติด..ปากีสถาน..และ..บังคลาเทศ
..ส่วน..สิงค์โปร์..ก็มีอยู่ในเมืองด้วย..บางทีคนที่ไปเที่ยว..จะไม่ทราบ..เพราะใส่สีน้ำเงิน..แต่ถ้า
ไปดูตะโพกด้านหลัง..เหน็บ..คูครี..ละนั่นแหละ..อีกอย่างคือ..ใส่หมวกปีกสักหลาด..พับขึ้นข้าง
นึง..แต่..สิงคโปร์..จะใช้ส่วนใหญ่ไป..ประจำตามสถานฑูตของตัวเองในต่างประเทศ..เช่นเดียว
กับ..อังกฤษ..ท่านที่เคยเดินผ่านสถานฑูตอังกฤษ..ที่แยกวิทยุ..เห็นทหารยาม..หน้าตาออกจีนๆ
ก็เขาละ(ตั้งแต่เด็ก..ผมก็..งง..และมองทุกครั้ง..จนอดรนทนไม่ได้..ไปถามพ่อ..ว่าไอ้ทหารยาม
เฝ้า..หน้าสถานฑูต..อังกฤษ..มันหน้าเป็นจีนละพ่อ..พ่อผมจึงเฉลยให้..แล้วก็รู้จักกุรข่า..ตั้งแต่
บัดนั้น)........................................................................................................
...............................ทหารกุรข่า..ของอังกฤษ..ถือเป็นนักรบอินเตอร์..ของแท้..จะไปอยู่ที่..
อังกฤษ..จะต้องรบหนักๆทั้งสิ้น..ไม่ว่าจะส่งไปช่วย..ตามคำขอของสหประชาชาติ..หรือตามคำ
ขอ..ของอเมริกา...ในอาฟริกา..ในโคโซโว(อยู่ในยูโกสลาเวียเดิม)..อิรัก..และ..ปัจจุบันใน...
อาฟกานิสถาน..ทุกแห่ง..พวกเขา..ต้องสู้รบและ..ล้มตาย..แต่ด้วย..ความกล้าหาญ..ความรับ
ผิดชอบยอดเยี่ยม..และความเก่งกาจ..ของเขา..แม้แต่..เจ้าชายแฮรี่..ลูกชายคนสุดท้องของ
เจ้าหญิงไดอาน่า..เมื่อถูกส่งมาเพื่อทำการรบ(ความจริง..พระองค์ท่านขอมาเอง)..ก็ถูกส่งมา
อยู่ในหน่วยของกุรข่า..(ก่อนหน้า..จะถูกส่งมาพระองค์ท่าน..ก็ทำการฝึกซ้อม..กับหน่วยทหาร
กุรข่า..ในอังกฤษมาก่อน)เพราะทางการอังกฤษก็เชื่อมั่นในฝีมือ..ของหน่วยกุรข่า..ว่าจะ
สามารถให้การอารักขา..พระองค์ท่านได้อย่างดี...จน..เจ้าชายแฮรี่เอง..ให้สัมภาษณ์กับ..สื่อ
ว่า..ไม่ที่ใดในโลกที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยเท่ากับอยู่กับทหารกุรข่า.................
........................ผมเองขอจบเรื่อง...กุรข่า..นักรบเลือดดุ..ไว้เพียงเท่านี้..เพราะกินเนื้อที่..และ
เดินทางมายาวนานมาก...ผมเห็น..ประโยชน์จากเรื่องนี้..เพราะมันสอนให้..เรารู้จักว่า..หน้าที่
ความรับผิดชอบ.ความกล้าหาญ..อดทน..ความรักชาติ..การยึดมั่นในธรรมเนียมประเพณีอย่าง
เหนียวแน่น..และ..การไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน...นั้นเป็นสิ่งที่ดี..ใครๆก็ยกย่องนับถือ
........อย่างเช่น..ชนชาติ..กุรข่า..ซึ่งผมเชื่อ..ว่า..อีกพันปี..เขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง...แล้ว..เราเอง
จะทำได้..ซักครึ่ง..กุรข่าได้บ้างหรือไม่.............................................................
.....................................................จบแล้วครับ........................................................
...
...ก็ถึง..คราวนี้..ผมต้องกล่าวอำลา..ไปก่อน..สำหรับชาวfighter...ถ้าไม่ขี้เกียจ..ก็อาจจะ
กลับมา..ใหม่..แบบเรื่องมหายาว..เหมือนเดิม...ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามกัน..ครับผม
............................................................................................................................
ขอบคุณมากๆ ครับ
ขอบคุณครับ ที่เอาเรื่องดีๆมานำเสนอ
ขอขอบคุณมากครับที่ท่านอุตส่าห์เสียสละเวลาอันมีค่ามาให้ความรู้ที่หาไม่ได้ที่อื่นอีกแล้วทำให้ผมได้หูตาสว่างขึ้นอีกมากมาย ขอขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงครับ ต่อไปนี้ตื่นเช้ามากิจวัตรประจำวันของผมก็จะหายไปหนึ่งอย่างคือไม่ได้เปิดมาดู"กุรข่านักรบเลือดดุ"อีกแล้ว สวัสดีครับ
ขอบคุณ สาระ และ เวลารวบรวมข้อมูล เวลาทีนำมาลงครับ ในเวป ขอบคุณจริงๆครับ ทุกเช้าเลยหมดเรื่องตื่นเต้นเลย
ขอบคุณเรื่องราวและทุกคำตอบที่ให้ไว้นะครับ เว็บนี้ยินดีต้อนรับเสมอครับคุณmodpong ว่างๆก็มาเยี่ยมเยือนกันได้นะครับ
....ขอบคุณ..ทุกๆท่าน..ที่postมา..ส่งท้ายกันครับ...ผมก็..คงจะแวะมา
เยี่ยมเยียน..ครับ..อาจจะมา..เริ่มเขียนเรื่องยาวๆใหม่อีก..ก็ไม่แน่.....
..............................สวัสดีครับ...............................
คุณ modpong มีเรื่องอะไรที่คิดว่าจะเขียนต่อหรือไม่ครับ เอาให้สมาชิกท่านอื่นๆช่วยกันโหวต ว่าต่อไปอยากอ่านเรื่องอะไรดีไงครับ ^^ แต่ถ้ายังไม่ได้คิดก็ไม่เป็นไรครับ ผมติดตามอ่านทุกเรื่องครับ
ขอบคุณครับแล้วกลับมาเยี่ยมอีกนะครับ
...ขอบคุณครับ..คุณ snaKe ที่ให้ความสนใจ..แต่ขอบคุณครับ..คงไม่ละครับ..เพราะผมเป็นคนช่างเลือก..และ..ตามใจตัวเอง(ตามสไล์คนแก่)...เรื่องที่ผมจะเขียน..ต้องเป็นเรื่องที่ผม..สนใจมากๆ..เท่านั้น...และยังเป็นเรื่องที่..คนอื่นเขาไม่เขียนกันซ้ำไปซ้ำมา...เพราะ..ใครๆก็ไปเข้าเน็ต..หาได้ง่ายๆ...และวิธีเขียนของผม..อย่างกุรข่า..นักรบเลือดดุ..ที่เคยเขียนไว้ลงในเว็ปพลังจิต..ก่อนหน้านี้ก็..ใช้วิธี..เขียน(พิมพ์)ลง..เว้ป..วันต่อวัน..ไม่ใช่..เขียนจน..เสร้จ..แล้วเอา..มาทยอยลง.......เรื่องในใจ..ผมมีแล้วครับ....ถ้าจะเขียน..ก็คงเขียนเรื่องนี้....เรื่องก็ต้อง..มหายาว..แน่นอน...เป็นเรื่องของ..ลูกช่างตีดาบ(ตีเหล็ก)..ธรรมดา..คนหนึ่ง..ที่ชีวิต..ผลิกผัน...กลายมาเป็น..FIGHTER.....ที่ไม่ธรรมดา..ตัวเขาเอง..ไม่ใช่คนwell Known..มีคนบางกลุ่ม...เท่านั้น..ที่รู้จัก..แต่ถ้าไม่มีเขา.....คนส่วนใหญ่ในโลก..ก็จะไม่รู้จัก..คนอีกคน..ที่ใครๆ..ก็รู้จักตั้งแต่..อดีตจน..ปัจจุบัน............อย่าไปเดา..ให้เสียเวลาเลยครับ..เพราะถ้ามีการเฉลย..ก็คือ..ผมจะเริ่มเขียน..แต่คงอีกนาน...เพราะผม..ยังเบื่อและ..เหนื่อยหน่าย..กับ..การที่จะเข้าเว็ป..การที่ลงข้อความแล้ว..บอกว่า ID INVALID..บางทีเจอตั้งหลายรอบ..ขนาดเขียนในwordเอามา..แปะ..ก็ยังเซ้งอยู่ดี..เพราะต้องแปะ..หลายรอบ..แถมที่ช่วยไม่ได้..คือ..รูปประกอบ..ก็หายด้วย..ต้องแปะใหม่อีก.............และที่สำคัญ..คือ post..ไปแล้ว edit..ไม่ได้..บางที..เห็นข้อความตัวเอง..เขียนผิด..แล้วต้องมานั่งทำใจ..ให้คนอื่นยอมรับ.............อาจจะเขียน..หรือ..ไม่เขียน..ก็แล้วแต่อารมณ์ครับ...แต่ถ้าจะเขียน..ก็..อย่ารอเลย..เพราะคงหลายเดือนมากๆ...ถึง..เวลา..เห็นชื่อผม..โผล่อีกที..ก็ค่อยอ่านแล้วกัน..............ขอโทษ..และ..ขอบคุณผู้ที่อ่านทุกท่าน..และยัง..อยากจะอ่านเรื่องของผม..ต่อไปครับ...............................................สวัสดี...................................